One Day Trip จากอัมสเตอร์ดัม พาเดินเที่ยวเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ห่างจากเมืองรอตเตอร์ดัมประมาณครึ่งชั่วโมง เมืองดอร์เดรชท์มีความน่าสนใจทางด้านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่การประชุมสมัชชารัฐอิสระครั้งแรก (The First Free State Meeting) ในปี 1572 ซึ่งนำไปสู่การเป็นราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เรื่องราวเหล่านี้สามารถรับชมในรูปแบบวิดีโอได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองดอร์เดรชท์ (Het Hof van Nederland) ในด้านการค้าและเศรษฐกิจนั้น ปี ค.ศ. 2009 เมืองดอร์เดรชท์เป็นศูนย์กลางการค้าและการต่อเรือ และยังเป็นเมืองท่าทางทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศอีกด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความเฟื่องฟูบริเวณท่าเรือเก่าแก่เมืองดอร์เดรชท์ (Historic harbor Wolwevershaven) ซึ่งรวมไปถึงบ้านเรือนและอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์มากถึง 892 แห่ง บทความนี้จะพาทุกท่านเดินเที่ยวเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht) ไปด้วยกัน เป็น One Day Trip จากอัมสเตอร์ดัม พร้อมแผนที่ปักหมุดสำหรับเดินเที่ยวด้วยตัวเอง
การเดินทางไปยังเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht)
นั่งรถไฟจากสถานีกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam Centraal Station) ไปยังสถานีรถไฟเมืองรอตเตอร์ดัม (Rotterdam Station) จากนั้นนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 20 ยูโร (สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว) วางแผนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในเนเธอร์แลนด์
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht)
One Day Trip จากอัมสเตอร์ดัม ไปยังเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht) ในทริปนี้ เราออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยนั่งรถไฟไปยังเมืองรอตเตอร์ดัม จากนั้นต่อรถไฟไปยังเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht) พอถึงสถานีรถไฟแล้วต้องเดินไปอีก 10 นาที จึงจะเป็นเขตใจกลางเมืองดอร์เดรชท์ ด้วยความที่ไปเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรก และเป็นทริปเที่ยวแบบคนเดียว จึงตัดสินใจว่าจะเดินเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ เพราะเมืองค่อนข้างเล็ก และมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง เราเลือกเดินจากสถานที่ใกล้เคียง ณ จุดเริ่มต้นก่อน โดยสถานที่แรกที่เห็นคือ ลานสนามหญ้าบ้านพักคนชราในอดีต (Regenten of Lenghenhof)
ลานสนามหญ้าบ้านพักคนชราในอดีต (Regenten of Lenghenhof)
Regenten of Lenghenhof เป็นลานสนามหญ้ากว้าง ก่อตั้งจากมรดกของพ่อค้าในเมืองดอร์เดรชท์และเจ้าของเรือนามว่า Gijsbert de Lengh ภายในประกอบด้วยลาน 4 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยประตู สร้างขึ้นในปี 1755 เพื่อเป็นที่พักอาศัยของหญิงชราที่ยังไม่ได้แต่งงานและมาจากครอบครัวที่ยากจน ในบั้นปลายชีวิตของ de Lengh ได้เขียนบันทึกการบริจาคทรัพย์สินที่มีอยู่ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นบ้านพักจึงถูกสร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของเขา
ในปี 1756 ผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของพวกเขา De Lengh จึงตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งที่นี่ ปัจจุบัน Regenten of Lenghenhof ประกอบด้วยบ้านจำนวน 58 หลัง และมีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13283

ในประเทศเนเธอร์แลนด์มี Hof สำหรับเป็นที่พักอาศัยของหญิงชราที่ยังไม่ได้แต่งงานจำนวนมาก สถานที่ดังกล่าวเป็นที่รู้จักในพื้นที่ลานสนามหญ้ากว้าง บางแห่งมีพื้นที่คับแคบ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายไม่มากนัก อย่างไรก็ตามมีการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นที่พักอาศัยแบบถูกสุขอนามัย สถานที่ดังกล่าวจึงไม่ได้แค่สถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นสถานที่ช่วยเหลือหญิงชราที่ยากจน และตกทอดยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน
รูปปั้นลูกบอลกระจก (Monument for Albert Cuyp)
Monument for Albert Cuyp เป็นรูปปั้นของ Aelbert Cuyp จิตรกรชื่อดังระดับโลกและมีบ้านเกิดที่เมืองดอร์เดรชท์ รูปปั้นนี้ออกแบบโดยนักประติมากรชาวดัตช์นามว่า Maria Lucia Cecilia (“Maria”) Roosen รูปปั้นลูกบอลกระจกมีรูปร่างสะดุดตา สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล ทำจากสแตนเลสทรงกลมที่ประกอบกันเป็นรูปคน และรูปก้อนเมฆสวมรองเท้าเหมือนจริง เมื่อสแตนเลสทรงกลมสะท้อนแสงกับท้องฟ้าสามารถมองเห็นวิวได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

บริเวณถนน Vriesestraat ยังมีบ้านเรือนเก่าแก่ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานอยู่หลายหลัง รวมถึงบ้านเลขที่ Vriesestraat 132 ซึ่งมีการสร้างแบบซุ้มยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเมืองดอร์เดรชท์โดยเฉพาะ (Dordtse gevel) ด้านหน้าอาคารออกแบบด้วยซุ้มขั้นบันไดและซุ้มทรงกลมเหนือหน้าต่าง ปัจจุบันอาคารหลังนี้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13953 ด้านล่างอาคารเป็นร้านขายสินค้ามือสองที่มีสินค้าน่าสนใจจำนวนมาก

ประตูหินทรายจากศตวรรษที่ 17 (Arend Maartenshof)
Arend Maartenshof ก่อตั้งขึ้นในปี 1625 บนถนน Arend Maartenshof โดย Arend Maartenszoon สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของหญิงยากจนและหญิงม่ายที่สามีทหารเสียชีวิตจากการสู้รบเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน ด้านหน้าประตูหินทรายได้รับการตกแต่งด้วยประติมากรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ลานภายในมีต้นไม้และบ่อน้ำ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยของทั้งชายและหญิง รวมถึงบ้านพักคนชรา (Hof) และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13550

ด้านข้าง Arend Maartenshof มีบ้านเรือนเก่าแก่จากศตวรรษที่ 17 และสร้างแบบหน้าจั่วขั้นบันไดลักษณะพิเศษของเมืองดอร์เดรชท์โดยเฉพาะ (Dordtse gevel) นั้นคือบ้านเลขที่ Museumstraat 48 และ Museumstraat 50 อาคารทั้งสองหลังยังเป็นอนุสรณ์สถานในเมืองดอร์เดรชท์

พิพิธภัณฑ์เมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht Museum)
Dordrecht Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2385 ภายในจัดแสดงคอลเลคชันภาพวาดของศิลปินชาวดัตช์มากกว่าหกศตวรรษ ตั้งแต่ปรมาจารย์ในยุคทองไปจนถึงศิลปินร่วมสมัย เช่น Aelbert Cuyp, Ary Scheffer และ Van Strij ปรมาจารย์ที่มีบ้านเกิดในเมืองดอร์เดรชท์ เช่น Nicolaes Maes และ Ferdinand Bol ลูกศิษย์จากโรงเรียนของแร็มบรันต์ และปรมาจารย์ในศตวรรษที่ 19 เช่น Breitner, Mesdag และ Israëls รวมถึงคอลเลคชันงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยจำนวนมาก

ข้อมูลเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Dordrecht Museum
- ที่อยู่: Museumstraat 40, 3311 XP Dordrecht
- เวลาเปิดทำการ: วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 11:00-17:00 น.
- ราคาตั๋วเข้าชม 15 ยูโร หรือใช้บัตร Museumkaart เข้าชมฟรี
- จองตั๋วออนไลน์ก่อนเข้าชมได้ที่: Dordrecht Museum
ศาลตำบลรอตเตอร์ดัมดอร์เดรชท์ Rotterdam District Court location Dordrecht (Gerechtsgebouw Dordrecht)
เราเดินเข้าออกตามตรอกซอยต่าง ๆ จะกระทั่งมาถึงถนน Steegoversloot ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Gerechtsgebouw Dordrecht หรือศาลตำบลรอตเตอร์ดัมดอร์เดรชท์ในปัจจุบัน (Rotterdam District Court location Dordrecht) อาคารแห่งนี้มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในปี 1446 เมื่อกองทหารอาสาสมัครของเซนต์จอริส (Sint Joris) สร้างค่ายที่นี่เพื่อการฝึกซ้อม พื้นที่ด้านหลังอาคารเป็นสนามฝึกซ้อมของนักธนูแห่งเซนต์จอริส และพลธนูของโคลวีเนียร์ (Kloveniers)
ในปี 1618/1619 มหาเถรสมาคมแห่งชาติชื่อดัง (Dordtse Synod) จัดขึ้นที่อาคารฆราวาสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองดอร์เดรชท์ (Kloveniersdoelen) อาคารหลังนี้ถูกรื้อถอน อย่างไรก็ตามกองทหารรักษาการณ์ยังคงอยู่ที่นั่นจนกระทั่งปิดตัวลงในปี 1800 ในปี พ. ศ. 2354 อาคารได้ถูกใช้เป็นสถานที่รับการพิจารณาคดี ก่อนที่ในปี พ. ศ. 2369 จะได้รับการปรับปรุงใหม่พร้อมด้านหน้าแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก
ในปี พ. ศ. 2452 รัฐบาลเมืองดอร์เดรชท์ได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ และมีการต่อเติมอาคาร ก่อนที่ในปี พ. ศ. 2545 ศาลแขวงจะถูกยุบเป็นศาลอิสระและรวมเข้ากับศาลตำบล เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2013 ดอร์เดรชท์ได้รวมกับศาลเก่าของรอตเตอร์ดัมเพื่อจัดตั้งศาลใหม่ของรอตเตอร์ดัม เพื่อประชาชนทั่วไปจะได้รับฟังกรณีของพวกเขาในเขตตำบล พวกเขามีสิทธิ์โต้แย้งในคดีของตนเองและไม่จำเป็นต้องมีทนายความเพื่อเป็นตัวแทนในศาล คดีต่าง ๆ ได้รับการจัดการโดยผู้พิพากษาคนเดียว อาคาร Gerechtsgebouw Dordrecht ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13674

สถานที่เกิดเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองดอร์เดรชท์ (Augustijnenhof Het Hof)
Augustijnenhof Het Hof เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองดอร์เดรชท์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1275 เพื่อเป็นอารามของนักบวชชาวออกัสติเนียน (Augustinian monastery) อารามถูกไฟไหม้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ในการปูสี่เหลี่ยมโครงร่างเดิมของกุฏิพร้อมกับเรือนซักและบ่อน้ำที่ถูกทำให้เป็นที่รู้จัก บ่อน้ำถูกปกคลุมไปด้วยฝาปิดท่อระบายเหล็ก
สถานที่แห่งนี้ยังมีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในปี 1572 มีการประชุมสมัชชารัฐอิสระครั้งแรก (The First Free State Meeting) ซึ่งนำไปสู่การเป็นราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (สามารถรับชมวิดีโอเหล่านี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองดอร์เดรชท์ (Het Hof van Nederland) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่แห่งนี้) และการจัดมหาเถรสมาคมแห่งชาติ (Dordtse Synod) ที่ได้ยุติความแตกต่างทางศาสนาระหว่างผู้อยู่ใหม่และผู้ต่อต้าน มหาเถรสมาคมยังมีคำสั่งให้แปลพระคัมภีร์เป็นภาษาดัตช์ ทำให้อารามแห่งนี้สูญเสียหน้าที่ทางศาสนาในปี 1572

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองดอร์เดรชท์ (Het Hof van Nederland)
ถัดมาจาก Augustijnenhof Het เราจะพบกับ Het Hof van Nederland ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญระดับชาติ และเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ในเมืองดอร์เดรชท์ ภายในจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมือง ผู้ชมจะได้รับชมวิดีโอเหตุการณ์สำคัญในการประชุมสมัชชารัฐอิสระแห่งแรก (The First Free State Meeting) ในปี 1572 ที่นำไปสู่จุดเริ่มต้นของสาธารณรัฐอิสระเนเธอร์แลนด์ วิดีโอดังกล่าวถ่ายทำโดยผู้กำกับชั้นนำร่วมกับนักแสดงชาวดัตช์ที่มีชื่อเสียง และจะได้เห็นสถานที่เกิดขึ้นจริงในเวลานั้น นอกจากนี้ผู้เข้าชมยังจะได้สัมผัสกับยุคทองตอนต้นของเมืองดอร์เดรชท์ในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในฮอลแลนด์ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับอิทธิพลของมหาเถรสมาคมแห่งชาติ (Synod of Dordrecht) ที่มีต่อภาษาและวัฒนธรรมดัตช์

ถนนสายประวัติศาสตร์ (Hofstraat)
Hofstraat เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองดอร์เดรชท์ (Het Hof van Nederland) และจัตุรัส Statenplein ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าสมัยใหม่ บริเวณถนน Hofstraat ยังเป็นสถานที่ตั้งของอาคารและบ้านเรือนเก่าแก่หลายแห่งที่มาจากศตวรรษที่ 17 และรูปปั้นของกษัตริย์วิลเลียมแห่งราชวงศ์ออเรจน์

อาคารยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานีโอดัตช์ (De Statenschool Hofstraat 5)
De Statenschool เป็นอาคารโรงเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองดอร์เดรชท์ ตั้งอยู่บนอาคารเลขที่ Hofstraat 5 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2456 ออกแบบโดยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยานีโอดัตช์ (Neo-Dutch Renaissance) โดยการประยุกต์ใช้รูปแบบอาคารดอร์เดรชท์โดยเฉพาะ อาคารเรียนมีแผนผังเป็นรูปตัว T โครงสร้างชั้นล่างก่อด้วยอิฐสีแดงสองชั้นพร้อมชั้นหลังคา การตกแต่งภายในมีองค์ประกอบดั้งเดิม โถงบันไดกลางทำจากหินธรรมชาติขัดเงา มีราวบันไดเหล็กดัด และราวจับไม้ขนาดกว้าง ที่บันไดมีหน้าต่างเก้าบานพร้อมกระจกสี ห้องเรียนมีหน้าต่างหกบาน De Statenschool ยังได้รับการจดทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 522317

ประตูทางเข้าบ้านพักหญิงชราในปี 1904 (Oude vrouw Gate)
ถัดจาก De Statenschool ไปทางด้านซ้ายมือ เราจะพบกับ Oude vrouw Gate ซึ่งเป็นประตูเก่าแก่ที่มาจากบ้านพักหญิงชราใน Bagijnhof ที่พังเสียหายยับเยินในปี 1904 และตั้งอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันตั้งแต่ปี 1998

รูปปั้นกษัตริย์วิลเลียมแห่งราชวงศ์ออเรจน์ (Statue of William of Orange)
ใกล้กับประตู Oude vrouw Gate ไปทางด้านซ้ายมือ มีรูปปั้นของกษัตริย์วิลเลียมแห่งราชวงศ์ออเรจน์ตั้งอยู่ ด้านหลังของอาคาร Berckepoort มีโรงแรมขนาดเล็กที่กษัตริย์วิลเลียมเคยไปพักเมื่อพระองค์เสด็จไปเยี่ยมเมืองดอร์เดรชท์ สถานที่แห่งนี้ได้รับการคัดเลือกโดยปรึกษาหารือกับมูลนิธิ Prince William the First Remembrance ซึ่งบริจาครูปปั้นให้กับเมือง จุดมุ่งหมายของมูลนิธิคือการรักษาความทรงจำของกษัตริย์วิลเลียม โดยการสร้างอนุสรณ์สถานในสถานที่ที่มีความสำคัญในชีวิตของเขา

สะพานเก่าแก่จากศตวรรษที่ 13 (Wijnbrug)
Wijnbrug เป็นสะพานตั้งอยู่เหนือท่าเทียบเรือ Voorstraathaven สร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังศตวรรษที่ 13 ในปี พ. ศ. 2409 สะพานแห่งนี้ถูกรื้อถอนบางส่วนเพื่อสร้างทางเดินไม้ใหม่ ก่อนที่ในปี พ. ศ. 2412 สะพานจะได้รับการบูรณะ รวมถึงทำความสะอาดกลิ่นจากพื้นที่อาศัยส่วนบุคคลที่อยู่ใต้สะพานก่อนหน้านี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการจราจรถูกเบี่ยงเบนไปที่สะพาน Nieuwbrug และอนุญาตให้ใช้เฉพาะทางเดินเท้าอย่างเป็นทางการ ในปีพ. ศ. 2498 ส่วนที่เป็นไม้ของสะพานถูกแทนที่ด้วยพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ปกคลุมด้วยชั้นยางมะตอย ในฤดูใบไม้ผลิปี 2018 เสาและดาดฟ้าสะพานได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการเสริมราวเหล็กเพื่อความแข็งแรง


ล่องเรือเปิดชมความสวยงามเมืองดอร์เดรชท์ (Rondvaart de Dordtevaar)
Dordtevaar เป็นเรือเปิดที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับทางเดินน้ำ ที่จะพาทุกท่านแล่นผ่านไปยังสถานที่สวยงามที่สุดในเมืองดอร์เดรชท์ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม เนื่องจากมีจำนวนจำกัดจึงจำเป็นต้องจองล่วงหน้า โดยเส้นทางการล่องเรือเริ่มจากบริเวณใต้สะพาน Wijnbrug ไปตามสถานที่สำคัญของเมืองดอร์เดรชท์ โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
สะพานจากศตวรรษที่ 19 (Nieuwbrug)
เดินมาเรื่อย ๆ ตามถนน Wijnstraat ทางด้านขวามือเราจะพบกับ Nieuwbrug ซึ่งเป็นสะพานที่ตั้งอยู่เหนือท่าจอดเรือ Wijnhaven มีอายุตั้งแต่ปี 1851 (ปีที่สร้างเสร็จ) เดิมทีที่นี่เป็นสะพานแคบ ๆ แต่ในปี พ. ศ. 2389 ได้มีการขยายให้กว้างขึ้นสำหรับม้าและรถม้า

บ้านเก่าแก่จากศตวรรษที่ 17 (De Onbeschaamde)
หลังจากเดินผ่านสะพาน Wijnbrug มาแล้ว เดินต่อไปอีกนิดทางด้านซ้ายมือเราจะพบกับบ้าน De Onbeschaamde ตั้งอยู่ ตัวบ้านมีขนาดความกว้างสองเท่า สร้างขึ้นระหว่างปี 1650 ถึง 1665 ตามคำสั่งของนายกเทศมนตรี Abraham van Beveren ซึ่งออกแบบโดย Pieter Post สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 บ้านประดับด้วยซุ้มมาลัย จั่วบ้านมีรูปปั้นหินทรายของเด็กชายเปลือยกายถือตราอาร์มของ Abraham van Beveren และภรรยาของเขา Elisabeth Ruysch นั้นจึงเป็นที่มาของชื่อบ้าน De Onbeschaamde หรือแปลว่า Shameless (ไร้ยางอาย) ในภาษาอังกฤษ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหญิงเอ็มมาไปเยี่ยมเมืองดอร์เดรชท์กับเจ้าหญิงวิลเฮลมินา พวกเขากลัวว่าเธอจะรู้สึกขุ่นเคืองกับเด็กชายเปลือยคนนี้ จึงมีความคิดที่จะผูกเด็กผู้ชายกับสายสะพายสีส้ม

ตามธรรมเนียมแล้วพี่น้องสามคนจากตระกูลผู้สำเร็จราชการแห่ง Van Beveren ได้เดิมพันกันเองว่าใครจะกล้าท้าทายชนชั้นกลาง (Bourgeoisie) มากที่สุดด้วยการตกแต่งบ้านในเชิงยั่วยุ คอร์เนลิสเลือกนางเงือกที่สง่างามให้กับบ้านของเขา (Huis Bever-Schaep) ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Engelenburgerkade และมีการโอบกอดนางเงือกของเธออย่างสนิทสนม วิลเลมสาดน้ำใส่เด็กผู้ชายเปลือยคนนี้ อย่างไรก็ตามผู้ชนะกลายเป็นเออร์เนสต์ เครื่องประดับด้านหน้าบ้านของเขาบนจัตุรัส Grotekerkplein น่าตกใจมากจนต้องถูกลบออกทันที

อย่างไรก็ตามในปี 1994 สมาคม Hendrick de Keyser ได้ซื้ออาคารหลังนี้ ทรัพย์สินได้รับการบูรณะอย่างระมัดระวังในปี 1997 โดยนำสีดั้งเดิมที่ด้านหน้าและด้านในกลับมาให้มากที่สุด ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมาการตกแต่งภายในได้รับการปรับปรุงใหม่โดยผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป และปรับให้เข้ากับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในยุคนั้น รูปแบบการตกแต่งภายในที่แตกต่างกันได้รับการดูแลในระหว่างการบูรณะ แต่ซุ้มที่มีเด็กชายเปลือยยังคงเป็นแบบดั้งเดิม
บ้านหินเก่าแก่อายุราว 1300 ปี จากศตวรรษที่ 15 (’t Zeepaert)
เดินต่อไปอีกนิดหนึ่งเราจะพบกับ ’t Zeepaert ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือ อาคารแห่งนี้เป็นบ้านหินเก่าแก่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นใกล้กับโบสถ์ Sint-Bonifatiuskerk บ้านสร้างขึ้นราวปี 1495 เป็นที่อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองดอร์เดรชท์ และเป็นที่อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ ผนังบ้านตกแต่งแบบดั้งเดิม มีหน้าต่างไม้กางเขน ประดับส่วนหน้าแบบสถาปัตยกรรมกอทิกตอนปลายที่ทำจากหินนามูร์อันล้ำค่า
ในอดีตบ้านหลังนี้ถูกครอบครองโดยผู้ผลิตสบู่ และน่าจะมีการปรุงในพื้นที่ทางธุรกิจในสนามหลังบ้าน ต่อมาโรงงานสบู่ได้กลายเป็นโรงผลิตเบียร์ บ้านหลังนี้ยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยจนถึงประมาณปี 1900 ก่อนที่ในปี 1996 สมาคม Hendrick de Keyser จะเข้าซื้อบ้านหลังนี้เพื่อการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในเนเธอร์แลนด์ เทศบาลเมืองดอร์เดรชท์ได้เช่าอาคารหลังนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมและกิจกรรมพิเศษ ’t Zeepaert ยังเปิดให้เข้าชมแบบกลุ่ม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยวเมืองดอร์เดรชท์ (VVV Dordrecht)

ประตูหลักเมืองดอร์เดรชท์ (Groothoofdspoort)
เดินต่อไปจนสุดถนน Wijnstraat เราจะพบกับ Het Groothoofd หรือประตูทางเข้าหลักของเมืองดอร์เดรชท์ ตั้งอยู่ที่จุดแม่น้ำสามสายมารวมกันที่นี่ ได้แก่ แม่น้ำ Beneden-Merwede, Oude Maas และ Noord ประตูยังสามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำ สถานที่แห่งนี้สร้างแบบสถาปัตยกรรมกอทิกตอนปลายที่เก่าแก่ราวปี ค. ศ. 1440 – 1450 และถูกล้อมรอบด้วยประตูแบบเรอเนสซองส์ใหม่ในปี 1617 – 1618 ก่อนที่ในปี 1692 ป้อมปืนจะถูกแทนที่ด้วยโดมปัจจุบัน
ตราอาร์มของเมืองดอร์เดรชท์ปรากฎอยู่เหนือประตูทางฝั่งพื้นที่เมือง โดยมีกริฟฟินสองตัวถือตราอาร์ม ทางประตูฝั่งแม่น้ำมีภาพพระแม่มารีนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ (Dordtse Stedemaagd) อยู่เหนือประตู และล้อมรอบสี่เหลี่ยมด้วยตราอาร์มของเมืองอีกสิบห้าเมือง พระแม่มารีถือกิ่งปาล์มไว้ในมือข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและอิสรภาพ ด้านขวามือถือมีตราอาร์มของเมืองดอร์เดรชท์ ประตูแห่งนี้ยังได้รับการจดทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13310

โกดังเก่าจากตวรรษที่ 17 (Pakhuis van Oldenborgh)
เราเดินต่อไปตามถนน Kuipershaven ซึ่งเป็นถนนอีกสายที่นำเราไปสู่ท่าเรือเก่าแก่เมืองดอร์เดรชท์ ก่อนจะถึงท่าเรือเก่าแก่เราพบกับสถานที่สำคัญอีกหนึ่งแห่ง นั้นคือ โกดัง Pakhuis van Oldenborgh สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1658 ตามคำสั่งของพ่อค้าไวน์ Johan Sam Jacobsz
ลักษณะเด่นของอาคารแห่งนี้คือมีซุ้มคออิฐที่โอ่อ่ามาก มีหน้าจั่วเป็นรูปมงกุฎ อาคารแบ่งออกเป็นสองห้องคือหมายเลข 17 และหมายเลข 18 ชั้นล่างและชั้นหนึ่งเป็นของบ้านเลขที่ 17 และเคยใช้เป็นสำนักงานและห้องชิมอาหาร ห้องใต้หลังคาเดิมเป็นของบ้านเลขที่ 18 และได้รับการดัดแปลงให้เป็นห้องใต้หลังคา ซุ้มด้านล่างมีประตูโค้งสองประตูซึ่งเป็นทางเข้าเดิมไปยังสำนักงานและห้องใต้หลังคา Pakhuis van Oldenborgh ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13516

สะพานเหล็กดัด (Damiatebrug)
ด้านหน้าของโกดัง Pakhuis van Oldenborgh มีสะพาน Damiatebrug ตั้งอยู่เหนือท่าเทียบเรือ Wolwevershaven สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1854/55 เดิมเป็นสะพานแบบผสมผสานระหว่างเหล็กหล่อที่ขึ้นรูปง่ายและเหล็กตี อย่างไรก็ตามสะพานพังลงหลังถูกใช้งานไปได้สองสัปดาห์ ทำให้เหล็กหล่อเกือบทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยเหล็กดัด

ท่าเรือเก่าแก่เมืองดอร์เดรชท์ (Historic harbor Wolwevershaven)
หากเดินข้ามสะพาน Damiatebrug และเดินตามถนนไปทางซ้ายมือ เราจะพบกับบริเวณท่าเรือเก่าแก่ของเมืองดอร์เดรชท์ ในอดีตท่าเรือด้านในเป็นศูนย์กลางการค้าเก่าแก่หลายศตวรรษเนื่องจากมีทำเลที่ตั้งอยู่บนน้ำ ในปีค. ศ. 1299 เคานต์จอห์นได้มอบสิทธิหลักที่สำคัญให้กับเมืองเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าทั้งหมดที่ขนส่งโดยเรือจะต้องถูกขนถ่ายและเก็บไว้ในโกดังของเมืองก่อน สินค้าเหล่านี้ถูกขาย และหรือบรรทุกลงเรืออีกครั้ง ทุกวันนี้ชื่อของโกดังถนนและท่าเทียบเรือยังคงทำให้เรานึกถึงการค้าไม้ ไวน์น้ำตาล และธัญพืชที่เคยเฟื่องฟูในอดีต
โรงกลั่นน้ำตาลและโกดังเก็บเมล็ดพืชในอดีต (Pakhuis Stokholm)
Pakhuis Stokholm (Warehouse Stokholm) สร้างขึ้นในปี 1730 โดยพ่อค้าชาวสวีเดนนามว่า Johan Anthony Bruyn เพื่อใช้เป็นโรงกลั่นน้ำตาล อาคารมีทั้งหมดเจ็ดชั้น บานประตูด้านหน้าทาด้วยสีแดงสด สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนน Wolwevershaven (หมายเลข 30) หลังจากนั้นในปี 1800 โรงกลั่นน้ำตาลถูกเปลี่ยนมาเป็นโกดังเก็บเมล็ดพันธุ์พืช อาคารได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2505-2506 ปัจจุบันอาคารดังกล่าวใช้เป็นพื้นที่สำนักงาน ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13971

แท่นวางสกรูเรือเพื่อซ่อมแซมและเปลี่ยนใบพัดเรือในอดีต (Schroevendok Straatman)
Schroevendok Straatman เป็นสถานที่สำคัญในย่านท่าเรือเก่าแก่เมืองดอร์เดรชท์ (Wolwevershaven) และเป็นอนุสรณ์สถานในเมืองดอร์เดรชท์ (หมายเลข 522323) ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง ท่าเรือแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1928 เป็นของบริษัท Machinefabriek L.Straatman Ketelmakerij ซึ่งตั้งอยู่ที่ย่าน Kuipershaven ตั้งแต่ปี 1902-1996 ท่าเทียบเรือถูกใช้เพื่อยกเรือบางส่วนขึ้นจากน้ำ ทำให้สามารถซ่อมแซมหรือเปลี่ยนหางเสือเรือและใบพัดจากแท่นไม้ลอยน้ำได้ เดิมรอกยกเรือมีความสามารถในการยกได้ 30 ตัน และเพิ่มขึ้นอีกสิบตันในปี 1952 รอกยกเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของศูนย์ซ่อมเรือในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการออกแบบโดยละเอียดและประยุกต์ใช้วัสดุที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม

บ้านนายธนาคารและนักสะสมจากศตวรรษที่ 19 (House Van Gijn)
เมื่อเดินผ่านท่าเรือเก่าแก่ของเมืองดอร์เดรชท์มาแล้ว จะเข้าสู่ถนน Nieuwe Haven ซึ่งเป็นบริเวณท่าเรือใหม่ของเมืองดอร์เดรชท์ บริเวณนี้มีสถานที่สำคัญหนึ่งแห่ง นั้นก็คือ Huis Van Gijn เดิมเป็นบ้านของนายธนาคาร ทนายความ และนักสะสม Simon van Gijn ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นตั้งแต่ปี พ. ศ. 2407 กับ Cornelia Vriesendorp ภรรยาของเขา บ้านส่วนใหญ่ยังคงสภาพสมบูรณ์และตกแต่งเหมือนเดิม ห้องอาหารและห้องโถงพรมแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของชีวิตที่ยืนหยัด สถานที่แห่งนี้เปิดให้เข้าชมแบบกลุ่ม สามารถจองผ่านศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว VVV Zuid-Holland Zuid (โทรศัพท์ 078-6322422 / 477)

สะพานเหล็กหล่อ (Lange Ijzerenbrug)
เดินมาอีกนิดหนึ่งเราจะพบกับสะพาน Lange IJzeren Brug ตั้งอยู่ทางขวามือเหนือท่าเรือใหม่เมืองดอร์เดรชท์ (Nieuwe Haven) สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเหล็กหล่อ สามารถยกตรงกลางขึ้นได้เพื่อให้เรือขับผ่านไป สะพานได้รับการออกแบบในปี 1855 โดย GNItz (สถาปนิกเมืองดอร์เดรชท์ 1832-1867) และทำหน้าที่แทนสะพานไม้ยาว 40 เมตร สะพานเหล็กยาวเป็นรูปทรงเพรียวซึ่งประกอบด้วยสะพานสองส่วนยาว 25 เมตร สะพานมีความยาวรวม 60 เมตร และกว้าง 2.8 เมตร



เราเดินข้ามสะพาน Lange IJzeren Brug มายังถนนอีกฝั่ง และเดินตรงเข้าไปในถนน Vleeshouwersstraat ซึ่งมีอาคารและบ้านเรือนเก่าแก่จากศตวรรษที่ 17 และ 18 ซึ่งสร้างแบบ Dordtse gevel ที่มีลักษณ์เฉพาะของเมืองดอร์เดรชท์ ปัจจุบันสถานที่เหล่านี้เป็นที่พักอาศัยของผู้คนในพื้นที่

โบสถ์กลางเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht Grote Kerk)
เราเดินทะลุถนน Vleeshouwersstraat มายังถนน Groenmarkt ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีความสำคัญเช่นกัน หากเดินตรงไปตามถนน Groenmarkt จนสุดถนน เราจะพบกับโบสถ์กลางเมืองดอร์เดรชท์ตั้งอยู่ (Grote Kerk) คริสตจักรแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญกลางเมืองดอร์เดรชท์มานานหลายศตวรรษ รูปแบบปัจจุบันมีอายุประมาณปี ค. ศ. 1470 หากเดินขึ้นไปบนหอคอย 275 ขั้นจะพบกับทิวทัศน์ที่อันงดงามของเมืองดอร์เดรชท์


ศาลากลางเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht Town Hall)
Dordrecht Town Hall เป็นศาลากลางของเมืองดอร์เดรชท์ อาคารสร้างแบบสไตล์นีโอคลาสสิก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 สภาเทศบาลย้ายเข้ามาในปี 1544 ปัจจุบันบุคคลทั่วไปสามารถเยี่ยมภายในได้ ซึ่งมีห้องล่าสัตว์ รวมถึงห้องขังในห้องใต้หลังคาจากศตวรรษที่ 18 และห้องจัดงานแต่งงานที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังโดย Reinier Kennedy ศาลากลางเมืองดอร์เดรชท์ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 13650

สะพานไม้เก่าแก่ (Lombardbrug)
ด้านขวามือของศาลากลางเมืองดอร์เดรชท์ มีสะพาน Lombardbrug ตั้งอยู่ สะพานแห่งนี้เป็นสะพานไม้เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18-19 และตั้งอยู่ระหว่างถนน Stadhuisplein และถนน Voorstraat


รูปปั้นพี่สองน้องตระกูล De Witt (Statue of the De Witt brothers)
บริเวณด้านหน้าศาลากลางเมืองดอร์เดรชท์ ยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นสองพี่น้องตระกูล De Witt ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งศตวรรษที่ 20 ในเมืองดอร์เดรชท์ (หมายเลข 522371) สร้างขึ้นเพื่อเป็นความทรงจำของโยฮัน เดอ วิตต์ (Johan de Witt) ผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการบำนาญของจังหวัดฮอลแลนด์ และคอร์เนลิส (Cornelis de Witt) น้องชายของเขา
โยฮันเป็นข้าราชการบำนาญของจังหวัดฮอลแลนด์จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1672 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงมาเป็นเวลาสิบเก้าปี ในยุคทองดัตช์เขาเป็นนักการเมืองที่สำคัญที่สุดของสาธารณรัฐเจ็ดประเทศเนเธอร์แลนด์ (Republic of the Seven United Netherlands) และยังเป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีพรสวรรค์ ส่วนคอร์เนลิสเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของคฤหาสน์ (Manor of Putten) และเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของเมือง Beijerlanden ทั้งคู่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยสมาชิกอาสาสมัครท้องถิ่นในกรุงเฮก การฆาตกรรมเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าจดจำและน่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ดัตช์
รูปปั้นพี่น้อง De Witt สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ตามธรรมชาติ แสดงให้เห็นพี่น้องทั้งสองคนในชุดศตวรรษที่ 17 โยฮันสวมหมวกแก๊ปและนั่งบนเก้าอี้ ส่วนคอร์เนลิสเอนตัวพิงเก้าอี้และถือไม้เท้าไว้ในมือซ้าย ด้านล่างรูปปั้นมีตราแผ่นดินของตระกูล De Witt รวมถึงชื่อของพี่น้องทั้งสอง รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ตั้งอยู่บนแท่นและล้อมรอบด้วยส่วนตรงกลางที่สูงขึ้น ทั้งสองด้านเป็นกำแพงที่มีระแนงเข้ามุมและลบมุมทั้งสองด้าน
พร้อมคำกลอนของ Joost van den Vondel Palamedes: (นักกวีชาวดัตช์และนักเขียนบทละครที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกวีภาษาดัตช์)
Op den heer en meester johan de witt
raadpensionaris van hollandt
zyn doot, alt’ onverdient, zal hollandt eeuwig smarten
hy storf voor ‘t vaderland, een martelaer van staet
De tyt en heeft nooit wechgenomen
den naem en ‘t overschot der vromen
want na dat zy zyn overleen
zo blinkt hun deucht voor ieder een
เพื่อลอร์ด และโยฮัน เดอ วิตต์ ผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการบำนาญแห่งฮอลแลนด์ การเสียชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม เขาจะเป็นที่จดจำของฮอลแลนด์ เขาเสียชีวิตเพื่อประเทศพ่อและแผ่นดินแม่ เวลาจะไม่เคยพรากเขาไป ชื่อของเขายังคงตราตรึงในดินแดนของพระเจ้า เพราะว่าสิ่งที่เขาทำต่อประเทศเป็นตัวแทนของคุณธรรมและคุณงามความดี
ห้องสมุดกลางเมืองดอร์เดรชท์ (City Library Dordrecht)
ด้านซ้ายมือของรูปปั้นพี่น้องตระกูล De Witt ยังเป็นที่ตั้งของ City Library Dordrecht หรือห้องสมุดกลางเมืองดอร์เดรชท์ ตั้งอยู่ในบ้าน De Gulden Os บ้านหลังนี้สร้างแบบสถาปัตยกรรมสไตล์กอทิกที่ทำด้วยหินธรรมชาติตั้งแต่ปี ค. ศ. 1525 และมีการบูรณะในปี 1989 ด้วยการรวมอาคารเก่าแก่สองหลังเข้าด้วยกัน คืออาคารเดิมมีชื่อว่า “De Groene Kar” และ “De Gulden Os”

รูปปั้นจิตรกร Ary Scheffer (Standbeeld Ary Scheffer)
Ary Scheffer เป็นจิตรกรโรแมนติกชาวดัตช์ – ฝรั่งเศสเกิดที่เมืองดอร์เดรชต์ (พ.ศ. 2338-2401) หลังการเกิดของ Ary ครอบครัว Scheffer ได้ย้ายไปที่กรุงเฮก และกรุงอัมสเตอร์ดัมในเวลาต่อมา พ่อของ Scheffer ได้กลายเป็นจิตรกรประจำศาลของ King Louis Napoleon เป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายไปที่กรุงบรัสเซลส์และปารีสในที่สุด Scheffer ยังคงวาดภาพต่อไปจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่ออายุ 63 ปี
แม้ว่า Ary Scheffer จะอาศัยอยู่ในเมืองดอร์เดรชท์เพียงสามปี แต่จิตรกรก็เชื่อมโยงกับเมืองนี้อย่างแยกไม่ออก ไม่เพียงเพราะรูปปั้นที่ถูกนำเสนอสี่ปีหลังจากการเสียชีวิตของเขา แต่ยังรวมถึงภาพวาด ภาพพิมพ์ และประติมากรรมจำนวนมากของเขาในพิพิธภัณฑ์เมืองดอร์เดรชท์ รูปปั้น Standbeeld Ary Scheffer ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 522378

สถานีรถไฟเมืองดอร์เดรชท์ (Centraal Station Dordrecht)
ระหว่างเดินทางกลับมาขึ้นรถไฟกลับกรุงอัมสเตอร์ดัม เราได้มีโอกาสเห็นสถานีรถไฟเมืองดอร์เดรชท์ในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขับฟ้า มองแล้วดูสวยงามไปอีกแบบ อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1871-1872 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูศิลปวิทยา ขนานไปกับรางที่มีความยาว 108 เมตร และถูกสร้างขึ้นเพื่อเรียกว่าสถานีจัดการน้ำชั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับสถานีรถไฟเมืองซโวลเลอ (Zwolle Station) อาคารมีลักษณะแบบช่องโค้ง ภายในบางส่วนได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่ในสภาพเดิม สถานีรถไฟเมืองดอร์เดรชท์ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์ภายใต้หมายเลข 522309

การท่องเที่ยวแบบ One Day Trip จากอัมสเตอร์ดัม ไปยังเมืองดอร์เดรชท์ (Dordrecht) ในทริปนี้ ใช้เวลาเดินเที่ยวรอบเมืองประมาณสองชั่วโมงครึ่ง เมืองดอร์เดรชท์เป็นเมืองเล็ก ๆ ก็จริง แต่พอมาเดินเที่ยวจริง ๆ เราใช้เวลาในแต่ละสถานที่ไปเยอะพอประมาณ แต่ยังโชคดีที่เราไม่ได้เร่งรีบ เพราะอยากเดินเที่ยวแบบสนุก และได้สาระความรู้ไปด้วย หากไม่รู้จะเดินเที่ยวจากจุดไหนก่อนดี สามารถดูแผนที่ปักหมุดได้ตามแผนที่ด้านล่าง หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเมืองดอร์เดรชท์ (VVV Dordrecht)
เมืองดอร์เดรชท์เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อย่างน่าสนใจ บ้านเรือนและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ยังคงสะท้อนเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ที่นี่เหมาะสำหรับ One Day Trip จากอัมสเตอร์ดัม สำหรับผู้ที่อยากเที่ยวชมเมืองใหม่ ๆ ที่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวมากนัก แต่เป็นที่รู้จักของผู้คนในพื้นที่ และนั้นอาจทำให้เราได้เห็นอีกหลาย ๆ ด้านที่แตกต่าง และบ่งบอกความเป็นดัตช์ได้อีกรูปแบบหนึ่ง