เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจจะคุ้นชื่อของตัวเมืองใหญ่ ๆ เช่น อัมสเตอร์ดัม กรุงเฮก รอตเตอร์ดัม อูเทร็คท์ ไลเด้น ฯลฯ มาก่อน แน่นอนว่าเมืองเหล่านี้มีความน่าสนใจและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสความงดงามด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ ยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีอีกหลาย ๆ เมืองรอบเนเธอร์แลนด์ ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสความเป็น “ดัตช์” ในหลากหลายแง่มุม บทความนี้ได้รวมลิสต์ 22 เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ และหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์มาฝากผู้อ่านทุก ๆ คน ซึ่งสามารถเดินทางเที่ยวได้ง่ายแบบเดย์ทริปจากอัมสเตอร์ดัมด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ตามไปดูกันค่ะว่า 22 เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ มีอะไรบ้าง
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ มีชื่อเสียงในเรื่องของลำคลองที่สวยงามและบ้านเรือนที่มีรูปทรงหน้าจั่วพิเศษแปลกตา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในยุโรปสำหรับใครหลายคน สถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัมไม่ได้มีแค่ลำคลองที่สวยงามหรือบ้านเรือนที่แปลกตาเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางศิลปะและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ โบสถ์เก่าแก่ ตลาด ร้านขายชีส รวมไปถึงย่านเดินเท้าต่าง ๆ ที่รอคอยผู้คนเดินทางไปสัมผัสสีสันความงดงามเหล่านั้นด้วยตัวเอง
อูเทร็คท์ (Utrecht)
อูเทร็คท์ (Utrecht) เมืองแห่งสีสันที่ตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียงครึ่งชั่วโมง ที่นี่เป็นบ้านเกิดหอคอย Dom Tower สูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สร้างขึ้นรอบ ๆ หอคอยโดม รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ Centraal Museum ที่จะพาคุณไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองอูเทร็คท์ได้อย่างครอบคลุม คุณยังสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวที่สวยงามของเมืองอูเทร็คท์บนหอคอยโดม หรือเดินเล่นที่ระเบียงริมคลองเก็บภาพสวย ๆ ก็เป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน
อูเทร็คท์ยังเป็นบ้านเกิดของ “มิฟฟี่” (Nijntje) กระต่ายตัวเล็กเพศหญิงสีสันน่ารักสดใสมาจากหนังสือภาพวาดที่เขียนโดยศิลปินชาวดัตช์นามว่า Dick Bruna เดินเที่ยวชมเมืองเสร็จแล้วหากมีเวลาเหลือลองเดินทางไปชมปราสาท De Haar Castle ปราสาทใหญ่และหรูหราที่สุดในเนเธอร์แลนด์ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอกอทิกบนซากปราสาทเก่าตั้งแต่ปี 1892 ภายในประดับตกแต่งอย่างหรูหราราวกับปราสาทในเทพนิยาย
ฮาร์เลม (Haarlem)
ฮาร์เลม (Haarlem) เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ ที่หลายคนอาจคุ้นชื่อตั้งอยู่ในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมประมาณครึ่งชั่วโมง ฮาร์เลมเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง Frans Hals Museum ซึ่งรวบรวมผลงานจากจิตรกรที่มีชื่อเสียงของยุคทองพร้อมกับ Rembrandt และ Vermeer
ใจกลางตัวเมืองมีโบสถ์คริสตจักรขนาดใหญ่ (The St.Bavo Church of Haarlem) ตั้งตระหง่านอยู่ รวมไปถึงโรงสี Windmill De Adriaan ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Spaarne มีหอคอยซึ่งเป็นอาคารที่โดดเด่นแห่งหนึ่งในเมืองฮาร์เลม นอกจากนี้ยังมีร้านคาเฟ่ ร้านค้า และร้านอาหารมากมายสำหรับจับจ่ายใช้สอยหรือซื้อของฝาก เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาดมาเยือนเมื่อเดินทางมาเที่ยวในประเทศเนเธอร์แลนด์
ไลเด้น (Leiden)
ไลเด้น (Leiden) เมืองเล็ก ๆ ที่ได้รับกล่าวขานว่าเป็นเมืองแห่งกุญแจ (City of Keys) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องเมือง ตั้งอยู่ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ไลเด้นมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง (Leiden University) ตั้งแต่ปี 1575 และยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของศิลปะอีกด้วย แร็มบรันต์ (Rembrandt) จิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก เกิดและศึกษาในเมืองไลเด้น รวมถึงจิตรกรจากเมืองไลเด้นที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ ได้แก่ Lucas van Leyden, Jan van Goyen และ Jan Steen
นอกจากนี้ไลเด้นยังมีลำคลองที่น่ารักไม่แพ้กรุงอัมสเตอร์ดัมเลยทีเดียว หากแวะมาเที่ยวที่เมืองไลเด้นอย่าลืมแวะไปชมโครงกระดูกของทีแร็กซ์ (Trix) อายุกว่า 67 ล้านปี ที่รับรองได้ว่าตื่นตาตื่นใจสุด ๆ ไปเลยทีเดียวที่พิพิธภัณฑ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Naturalis Biodiversity Center) พอชมเสร็จแล้วก็สามารถเดินเที่ยวชมเมืองไปตามสถานที่เล็ก ๆ ที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างน่าสนใจ
กรุงเฮก (The Hague)
กรุงเฮก (The Hague) หรือ เดนฮาก (Dan Haag) ตามการออกเสียงแบบฉบับชาวดัตช์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ กรุงเฮกเป็นเมืองที่รวมสถานที่ทางราชการของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เป็นนครแห่งระบบยุติธรรม เพราะเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ อยู่ที่วังสันติ
กรุงเฮกยังเป็นอีกเมืองที่เรียกได้ว่ามีผู้คนจากเอเชียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีย่านไชนาทาวน์ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยอาหารเอเชีย รวมถึงชายหาด Scheveningen Beach ที่สามารถนั่งรถรางจากกรุงเฮกไปได้เพียง 15 นาที ขอแอบกระซิบนิดหนึ่งค่ะว่าทะเลที่นี่อาจจะไม่เหมือนทะเลที่ไทยเรา รวมถึงบรรยากาศก็แตกต่างกันออกไปด้วย ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศชายทะเลแบบฉบับชาวดัตช์ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะยุคทองของดัตช์ ต้องไม่พลาดที่จะมาเยือนกรุงเฮกสักครั้ง
รอตเตอร์ดัม (Rotterdam)
รอตเตอร์ดัม (Rotterdam) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ห่างจากเมืองเดลฟท์ ประมาณ 27 นาที และกรุงเฮกประมาณ 30 นาที ที่นี่เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการขนส่งโลจิสติกส์ที่สำคัญ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ใจกลางเมืองของรอตเตอร์ดัมได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ส่งผลให้สถานที่สำคัญต่าง ๆ ถูกทำลาย ในช่วงทศวรรษที่ 19 รอตเตอร์ดัมได้รับการฟื้นฟูและพัฒนาเมืองจนกลายมาเป็นเมืองท่าเรือสำคัญที่ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ดูแปลกตา มีตึกสูงจำนวนมาก อพาร์ตเมนต์อาคารสำนักงาน
รอตเตอร์ดัมยังมีพิพิธภัณฑ์การเดินเรือรอตเตอร์ดัม (Maritiem Museum Rotterdam) บอกเล่าประวัติศาสตร์การเดินเรือและท่าเรือไว้ได้อย่างน่าสนใจ รวมไปถึงสะพานขนาดใหญ่ Erasmusbrug ที่กลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองรอตเตอร์ดัม ส่งผลให้ใจกลางเมืองน่าอยู่มากขึ้นพร้อมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดในร่มแห่งแรกของเนเธอร์แลนด์ (Markthal) บ้านลูกบาศก์ (Cube Houses) อาคารกระจกเงาสะท้อน (Depot Boijmans Van Beuningen) หอสังเกตการณ์ (Euromast) และท่าจอดเรือทางประวัติศาสตร์ (Historisch Delfshaven) ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสความเป็นเมืองท่าเรือสมัยใหม่ด้วยตัวเอง
ลิซเซ่ (Lisse)
สวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ที่ชานเมืองลิซเซ่ (Lisse) ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ห่างจากตัวเมืองไลเด้น (Leiden) ประมาณ 56 นาที ที่นี่จะพานักท่องเที่ยวไปชมเทศกาลดอกทิวลิปหลากสีของชาวดัตช์ ซึ่งจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งต่อปีเท่านั้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม
จุดเด่นของสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ คือ การรวมดอกไม้สายพันธ์ต่าง ๆ กว่า 7 ล้านต้นไว้ในสวนขนาดใหญ่ 32 เฮกตาร์ ดอกไม้เหล่านั้นมาจากผู้ปลูกในท้องถิ่นกว่า 500 รายที่ปลูกและนำมาจัดรวมกันไว้ที่นี่อย่างงดงาม หากตัดสินใจไปเข้าชมเข้าสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟแล้วไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสบรรยากาศภาพแห่งความงดงามเหล่านั้น แต่ยังจะได้เห็นความตั้งใจของผู้ปลูกดอกไม้ที่มีส่วนร่วมในการส่งต่อเทศกาลดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟนี้ไปสู่สายตาชาวโลกมายาวนานกว่า 74 รุ่น
เดลฟท์ (Delft)
เดลฟท์ (Delft) อีกหนึ่ง เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ อยู่ระหว่างเมืองรอตเตอร์ดัมทางตะวันออกเฉียงใต้และกรุงเฮกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์ราชวงศ์ดัตช์ (House of Orange-Nassau) เครื่องกระเบื้องสีฟ้า (Blue pottery) จิตกรชาวดัตช์ชื่อดัง Jan Vermeer มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ Delft University of Technology (TU Delft) รวมถึงโบสถ์ใหม่ใจกลางเมืองเดลฟท์ (Nieuwe Kerk) ที่ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองเดลฟท์และความสัมพันธ์ของราชวงศ์ออเรนจ์ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์ William of Orange และสมาชิกคนอื่น ๆ ของ ราชวงศ์ Royal House of Orange-Nassau ด้านบนของโบสถ์มีหอคอย สามารถเดินขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบน ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเดลฟท์ และเมืองเดนฮากและรอตเตอร์ดัมในระยะไกล
โกรนิงเงิน (Groningen)
โกรนิงเงิน (Groningen) เมืองหลวงตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์ ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมประมาณสองชั่วโมง เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงด้านการศึกษา เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังติดอันดับโลก Groningen University มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Groninger Museum ที่จัดแสดงเครื่องเงินที่สวยงามและภาพวาดที่โดดเด่น รวมไปถึง Martini Tower หอคอยที่สูงที่สุดในเมืองโกรนิงเงิน เป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยวในเมืองนี้เลยก็ว่าได้ Martini Tower มีความสูงประมาณ 97 เมตร เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. (ยกเว้นวันอาทิตย์เปิดเวลา 12:00-17:00 น.) ราคาตั๋วเข้าชม 7.5 ยูโร สามารถซื้อตั๋วได้ที่สำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยวโกรนิงเงิน (VVV Groningen) สำหรับขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของโกรนิงเงินด้านบน
ถัดไปไม่ไกลจากหอคอยยังมีถนนสองสายเก่าแก่ริมแม่น้ำซึ่งเป็นท่าเรือเก่าแก่ในอดีต รายล้อมด้วยอนุสรณ์สถานแห่งชาติมากถึง 29 แห่ง มีมุมถ่ายภาพที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การเดินเรือโกรนิงเงิน (Northern Maritime Museum) พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัย (University Museum) พิพิธภัณฑ์กราฟฟิกและศิลปะภาพพิมพ์ (GRID Grafisch Museum Groningen) สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ของการท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ ลองนั่งรถไฟขึ้นเหนือไปเที่ยวที่เมืองโกรนิงเงินสักครั้งนะคะ
มาสทริชท์ (Maastricht)
มาสทริชท์ (Maastricht) เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ แต่ถ้าได้มาเยือนแล้วอาจจะตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก มาสทริชท์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดลิมเบิร์ก (Limburg) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์และศิลปะวัฒนธรรม รวมไปถึงหนึ่งในร้านหนังสือที่ในโบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์
หากไปเยือนเมืองมาสทริชท์ต้องไม่พลาดที่จะเดินไปชมความงดงามของทิวทัศน์บริเวณสะพานหินโค้งข้ามแม่น้ำ Meuse (Sint Servaasbrug) เชื่อมต่อการเดินทางเท้าข้ามแม่น้ำ Meuse จากเขตเมืองเก่า Binnenstad ฝั่งตะวันตกไปยังเขตเมืองใหม่ Wyck ทางฝั่งตะวันออก มีมุมไว้ถ่ายภาพสวย ๆ ที่ทำให้เห็นความแตกต่างว่าทำไมชาวดัตช์เองถึงยกให้เมืองมาสทริชท์เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสวยงามที่สุดในเนเธอร์แลนด์
ซโวลเลอ (Zwolle)
ซโวลเลอ (Zwolle) เมื่อเอ่ยชื่อเมืองนี้หลายคนอาจไม่รู้จักมาก่อน ซโวลเลอเป็นเมืองหลวงของจังหวัด Overijssel ตั้งอยู่ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 120 กิโลเมตร เป็นเมืองชุมทางรถไฟ สถานีรถไฟ Zwolle station ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศเนเธอร์แลนด์ รถไฟที่เดินทางขึ้นเหนือ เช่น เมืองโกรนิงเงิน ล้วนแล้วแต่เดินทางผ่านสถานีรถไฟ Zwolle station
ซโวลเลอเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีความสวยงามและรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง Museum de Fundatie เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เรายกให้เป็น Hidden gem ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีร้านหนังสือในโบสถ์ที่มีความสวยงามไม่แพ้เมืองมาสทริชท์ และที่สำคัญสามารถเดินเที่ยวแบบเดย์ทริปได้สบาย หากมีเวลาเหลือก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) ได้อีกด้วย
ไนเมเคิน (Nijmegen)
ไนเมเคิน (Nijmegen) เมืองเก่าแก่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร มีอายุมายาวนานถึง 2,000 ปี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลของจักรวรรดิโรมัน ไนเมเคิน ตั้งอยู่ในจังหวัดเกลเดอร์ลันด์ทางตะวันออกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ใกล้กับชายแดนประเทศเยอรมนี ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมประมาณ 120 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ไนเมเคินอาจจะไม่ได้เป็นเมืองที่หลายคนคุ้นชื่อมากนัก แต่เมืองนี้เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดนอกสายตาของนักท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดมาเยือนยิ่งนัก นอกจากสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้ว ไนเมเคินยังมีสวนสาธารณะภายในเมือง พิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานมากถึง 2,000 ปี โบสถ์เก่าแก่สถานที่รวมความศรัทธาของชาวคริสต์ที่นี่ รวมถึงร้านอาหาร และร้านกาแฟริมทางจำนวนมาก เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วได้เที่ยวครบทุกอย่างคุ้มค่าการเดินทาง
อาเมอร์สโฟร์ต (Amersfoort)
อาเมอร์สโฟร์ต (Amersfoort) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของจังหวัดอูเทร็คท์ ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเนเธอร์แลนด์ ห่างจากสถานีรถไฟเมืองอูเทร็คท์เพียง 15 นาที ที่นี่เป็นเมืองสมัยใหม่ที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงรักษาความเป็นศูนย์กลางของเมืองแบบยุคกลางไว้เป็นอย่างดี ภายในย่านเมืองเก่าเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น โบสถ์ Onze Lieve Vrouwetoren ที่มีหอคอยขึ้นไปชมความสวยงามของทิวทัศน์ด้านบน มหาวิหาร Sint-Joriskerk ที่มีหอคอยโรมันจากปี ค.ศ. 1300 รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ Museum Flehite บอกเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองและผลงานศิลปะไว้อย่างน่าสนใจ
นอกจากนี้คุณยังจะเห็นประตูเมืองจากศตวรรษที่ 15 เดินเล่นไปตามถนนชอปปิงที่รายล้อมด้วยร้านค้าวินเทจที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ตลอดจนคาเฟ่และร้านอาหารจำนวนมาก อาเมอร์สโฟร์ตจึงเป็นหนึ่งในเมืองน่าเที่ยวแบบเดย์ทริปของเนเธอร์แลนด์ เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
เกาดา (Gouda)
เกาดา (Gouda) เมืองที่ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับโลกแค่ในด้านชีส ขนมวาฟเฟิลน้ำเชื่อม ท่อยาสูบและเครื่องปั้นดินเผา แต่ยังเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เกาดา แหล่งรวบรวมประวัติศาสตร์ของเมือง จัดแสดงแบบจำลองเมืองแบบอินเทอร์แอคทีฟขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงผังเมืองรอบด้านและการใช้ชีวิตของผู้คนในอดีตย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1562 ผลงานภาพวาดจากศตวรรษที่ 17 เครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงและศิลปะสมัยใหม่ มีโบสถ์ที่ยาวที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (Sint-Janskerk) ขึ้นชื่อเรื่องหน้าต่างกระจกสีลวดลายต่าง
ใจกลางเมืองยังเป็นที่ตั้งของศาลากลางสไตล์กอทิกจากศตวรรษที่ 15 และบ้านชั่งน้ำหนัก Goudse Waag แหล่งซื้อขายชีสที่มีชื่อเสียงในอดีต สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่แสดงถึงความเป็นเกาดาและซ่อนเสน่ห์มากมายรอให้ผู้คนเดินทางมาสัมผัสเสน่ห์เหล่านั้นด้วยตัวเอง เกาดา (Gouda) ตั้งอยู่ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมประมาณ 50 นาที เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาการท่องเที่ยวแบบเดย์ทริป ที่สำคัญเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
อัลค์มาร์ (Alkmaar)
อัลค์มาร์ (Alkmaar) เมืองเล็ก ๆ แต่ความสวยงามไม่เล็กเหมือนชื่อตั้งอยู่ในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเพียงครึ่งชั่วโมง และเดินทางสะดวกด้วยรถไฟ อัลค์มาร์ หรือเรียกว่า “เมืองชีส” มีชื่อเสียงเกี่ยวกับตลาดชีส (Alkmaar Cheese Market) ซึ่งจัดแสดงและจำหน่ายชีสทุกเช้าวันศุกร์ ระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายน นอกจากตลาดชีสที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปเยี่ยมชมแล้ว อัลค์มาร์ยังเป็นเมืองที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีอนุสรณ์สถานแห่งชาติที่ได้รับการจดทะเบียนมากถึง 399 แห่ง เรียกได้ว่าแทบทุกสถานที่ที่เราเดินผ่านอาจเป็นหนึ่งในอาคารเก่าแก่เกือบหลายร้อยปีก่อน
ในด้านศิลปะและวัฒนธรรมก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ Stedelijk Museum Alkmaar จัดแสดงผลงานศิลปะภาพเขียนและเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองอัลค์มาร์ มีบ้านและรอยกระสุนปืน (House With Bullet) ที่ลูกกระสุนยังติดอยู่ ถ้าใครอยากรู้ว่าทำไมบ้านหลังนี้ถึงยังมีรอยกระสุนติดอยู่ ต้องเดินทางไปเที่ยวที่นี่สักครั้งเพื่อร่วมค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีถนนเก่าแก่ที่สุดในเมืองอัลค์มาร์ (Langestraat) ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางเมือง (Alkmaar City Hall) ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม ร้านค้าจำนวนมากที่ทอดยาวไปตามถนนความยาวเกือบครึ่งกิโลเมตร รวมถึงบ้านเรือนและอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นแบบหน้าจั่วลักษณะพิเศษ เหมาะแก่การเดินเล่น ชอบปิง และเก็บภาพสวย ๆ ได้เป็นอย่างดี
โฮร์น (Hoorn)
โฮร์น (Hoorn) เมืองเล็ก ๆ ที่มีความสวยงาม อยู่ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเพียง 30 นาที เมืองที่จะพาทุกคนไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุคทองของดัตช์ (Dutch Golden Age) เมืองโฮร์นตั้งอยู่ในภูมิภาค West-Friesland ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นทุ่งดอกทิวลิปและทุ่งหญ้า มีพื้นที่ติดกับทะเลสาบหลักในฮอลแลนด์ (Markermeer) ในอดีตนั้นเมืองโฮร์นกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ Dutch East India Company (VOC) ซึ่งเน้นการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น พริกไทย ลูกจันทน์เทศ และกานพลู มีบทบาทสำคัญในช่วงยุคทองของชาวดัตช์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เนเธอร์แลนด์มีความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งแบบขีดสุด
อย่างไรก็ตามในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 การค้าขายเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้โฮร์นสูญเสียหน้าที่ในฐานะเมืองท่าและกลายเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับภูมิภาคแทน ปัจจุบันเมืองโฮร์นเป็นเมืองที่มีย่านที่อยู่อาศัยที่ทันสมัย และเป็นศูนย์กลางเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งยังคงสามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงความมั่งคั่งของเมืองที่สะท้อนไปยังส่วนที่เหลือของโลกในสมัยนั้นด้วยอาคารทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่นี้
ซุทเฟน (Zutphen)
ซุทเฟน (Zutphen) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเกลเดอร์แลนด์ (Gelderland) อยู่ห่างจากเมืองอาร์เนม (Arnhem) ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในเก้าเมือง Hanseatic League ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไอส์เซิล (IJssel) ซุทเฟนมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ มีต้นกำเนิดในสมัยโรมันโดยมีการตั้งถิ่นฐานแบบดั้งเดิมบนเนินทรายที่ซับซ้อน สถานที่แห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องมากว่า 1,700 ปี ร่องรอยประวัติศาสตร์ของเมืองหลายแห่งสามารถพบได้ในใจกลางเมือง เช่น กำแพงล้อมเมืองขนาดใหญ่ ซากหอคอยสองหลัง รวมไปถึงบ้านอิฐจำนวนมากจากปลายยุคกลาง ปัจจุบันซุทเฟินมีศูนย์กลางเมืองยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงซากกำแพงเมืองในยุคกลาง และอาคารสองสามร้อยหลังที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เดเวนเตอร์ (Deventer)
เดเวนเตอร์ (Deventer) เป็นหนึ่งในเมือง Hanseatic ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไอส์เซิล (IJssel) ในจังหวัดโอเฟอไรส์เซิล (Overijssel) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอนุสาวรีย์ร่วมสมัย มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น Proosdij บ้านหินจากศตวรรษที่ 12 เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ โบสถ์กลางเมืองเดเวนเตอร์ (Lebuinuskerk) สถานที่ท่องเที่ยวหลักที่มีความสวยงาม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเดเวนเตอร์ในโรงชั่งน้ำหนักจากศตวรรษที่ 16 (Museum de Waag) รายล้อมด้วยบ้านเรือนอาคารเก่าแก่และจัตุรัสโบราณ
เดเวนเตอร์ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับเทศกาลชื่อดัง เช่น เทศกาลตลาดหนังสือความยาว 6 กิโลเมตร (Deventer Boekenmarkt) พร้อมแผงขายหนังสือมากกว่า 850 แผง เทศกาลฟื้นคืนชีพตัวละครจากวรรณกรรมชื่อดัง (Dickens Festival) ที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปช่วงศตวรรษที่ 19 พวกเขาจะมาโลดแล่นและมีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการแต่งกายแบบจัดเต็มและเดินไปรอบ ๆ ใจกลางเมือง รวมถึงเทศกาลคริสต์มาสที่มีการประดับต้นไม้และไฟอย่างสวยงามทั่วเมืองเก่า
เซร์โทเคนบอส (‘s-Hertogenbosch)
เซร์โทเคนบอส (‘s-Hertogenbosch) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เซร์โทเคนบอสเป็นเมืองหลวงของจังหวัดนอร์ทบราแบนต์ ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมประมาณ 1 ชั่วโมง มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความทันสมัยที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว เมือง “เซร์โทเคนบอส” เป็นที่ตั้งของมหาวิหารโรมันคาทอลิก (St. John’s Cathedral) จากศตวรรษที่ 14 มหาวิหารที่เรียกได้ว่ามีความงดงามแทบที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ บ้านอิฐที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเซร์โทเคนบอส (The Moriaan Building) จากศตวรรษที่ 13
ในด้านของศิลปะและวัฒนธรรมนั้น มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์นอร์ทบราแบนต์ (Noordbrabants Museum) ตั้งอยู่ บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของนอร์ทบราแบนต์และเนเธอร์แลนด์ทางตอนใต้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมความดงามของเมืองช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม และไม่ควรพลาดที่จะทานขนม (Bossche Bol) ที่มีต้นตำรับจากเมืองเซร์โทเคนบอส (Bossche Bol) สักครั้ง
เบรดา (Breda)
เบรดา (Breda) ตั้งอยู่ในจังหวัดนอร์ทบราบันต์ ทางตอนใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ชื่อของเบรดามาจากคำว่า เบรเดอ อา (Brede Aa) ซึ่งหมายถึง แม่น้ำอาที่กว้างขึ้นเนื่องจากไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมาร์กที่เมืองนี้พอดี ในอดีตเมืองเบรดาเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารและการเมือง ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เบรดาตกอยู่ภายใต้การปกครองของนาซีเยอรมนีเป็นเวลากว่า 4 ปี ก่อนที่กองทัพโปแลนด์ในฝ่ายสัมพันธมิตรได้ปลดแอกเมืองในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1944 จึงมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำกองทัพและทหารชาวโปแลนด์ผู้สละชีพในวีรกรรมครั้งนี้
ปัจจุบันเบรดาเป็นเมืองสมัยใหม่ในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ผ่านความเงียบสงบของลานสนามหญ้าที่ผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม (Begijnhof) โบสถ์กลาง Grote Kerk ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของราชวงศ์ดัตช์ในอดีต รวมถึงปราสาทเก่าแก่ของเมืองเบรดา (Castle of Breda) และพิพิธภัณฑ์ริมถนน (Blind Walls Gallery) พร้อมงานศิลปะแบบสตรีทอาร์ตที่ชวนให้หยุดมองไม่ได้
ดอร์เดรชท์ (Dordrecht)
ดอร์เดรชท์ (Dordrecht) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ห่างจากเมืองรอตเตอร์ดัมประมาณครึ่งชั่วโมง เมืองดอร์เดรชท์มีความน่าสนใจทางด้านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่การประชุมสมัชชารัฐอิสระครั้งแรก (The First Free State Meeting) ในปี 1572 ซึ่งนำไปสู่การเป็นราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เรื่องราวเหล่านี้สามารถรับชมในรูปแบบวิดีโอได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองดอร์เดรชท์ (Het Hof van Nederland)
ในด้านการค้าและเศรษฐกิจนั้น ปี ค.ศ. 2009 เมืองดอร์เดรชท์เป็นศูนย์กลางการค้าและการต่อเรือ และยังเป็นเมืองท่าทางทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศอีกด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความเฟื่องฟูบริเวณท่าเรือเก่าแก่เมืองดอร์เดรชท์ (Historic harbor Wolwevershaven) ซึ่งรวมไปถึงบ้านเรือนและอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในเมืองดอร์เดรชท์มากถึง 892 แห่งเลยทีเดียว
เกาะเทกเซล (Texel)
ที่เนเธอร์แลนด์ก็มีเกาะนะคะ และเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นก็คือ เกาะเทกเซล (Texel) ตั้งอยู่ทางฝั่งตอนเหนือของจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ห่างออกไปจากเมืองเดนเฮลเดอร์ (Den Helder) โดยเรือเฟอร์รี่ 20 นาที ภายในเกาะเทกเซล (Texel) มีภูมิประเทศขนาดเล็ก รายล้อมด้วยธรรมชาติ พื้นที่ทางการเกษตร และชายหาดที่สวยงาม หากกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนแบบได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างเต็มที่ และอยู่ไม่ไกลจากกรุงอัมสเตอร์ดัมหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เกาะเทกเซล (Texel) เป็นหนึ่งในจุดหมายแนะนำ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมที่สามารถทำได้หลากหลาย มีเส้นทางปั่นจักรยาน สถานที่ตั้งแคมป์ปิ้ง พิพิธภัณฑ์เรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำ เส้นทางการเดินป่า และจุดชมวิวที่จะทำให้เห็นถึงความงดงามของทัศนียภาพที่ซ่อนอยู่ในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้
เซลันด์ (Zeeland)
เซลันด์ (Zeeland) จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห่งทะเล” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ พื้นที่ของจังหวัดเซลันด์ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และเคยประสบเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2496 ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก จากนั้นได้มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ชื่อว่า Oosterscheldekering ซึ่งประกอบไปด้วยเขื่อนกั้นน้ำ เครื่องกีดขวางคลื่นพายุ และประตูกั้นน้ำที่สามารถเปิดปิดได้ หากมีคลื่นพายุขนาดใหญ่ ประตูกั้นน้ำจะถูกปิดลง เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นพายุและน้ำทะเลพัดเข้าท่วมบ้านเรือน ในกรณีปกติประตูกั้นน้ำจะถูกเปิดออก เพื่อให้น้ำทะเลบางส่วนยังคงไหลเข้ามา ช่วยให้ปลาน้ำเค็มและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำอีกฝั่งสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้
การท่องเที่ยวในจังหวัดเซลันด์ถือเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน ตามชายหาดต่าง ๆ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน รวมถึงร้านอาหาร โรงแรมและที่พักต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ หากอยากรู้ว่าทำไมจังหวัดเซลันด์ถึงมีความแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างไร และเหตุใดถึงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ต้องลองเดินทางไปเที่ยวที่นี่เพื่อค้นหาคำตอบนั้นสักครั้ง
หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse Schans)
หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในย่านเมืองซานดัม (Zaandam) ใกล้กับซานไดค์ (Zaandijk) จังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ห่างจากอัมเตอร์ดัมประมาณ 50 นาที ที่นี่จะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์ของกังหันลม บ้านเรือนไม้เก่าแก่ โรงงานทำรองเท้าไม้ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ซานส์ (Zaans Museum) ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของซานส์สคันส์และการปกป้องมรดกของพื้นที่ซานส์ได้อย่างครบคลุม
คุณสามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ด้วยรถโดยสารประจำทาง R-net (สีแดงเทา) หมายเลข 391 จากสถานีรถไฟ Amsterdam Central Station ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ค่าโดยสารประมาณ 4-5 ยูโร (สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว) รถบัสออกทุก ๆ 15 นาที (หลังหกโมงเย็นรถบัสออกทุก ๆ 30 นาที) คุณยังสามารถใช้บัตร Zaanse Schans Card เพื่อประหยัดค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่เที่ยวในซานส์สคันส์
หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘เวนิสเนเธอร์แลนด์’ (Venice of the Netherlands) ตั้งอยู่ในจังหวัดโอเฟอร์ไรส์เซิล (Overijssel) อยู่ในเขตเทศบาลสเตนไวค์เคอร์ลันด์ (Steenwijkerland) ห่างจากเมืองสเตนไวค์ (Steenwijk) ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่มีเส้นทางการเดินรถ เน้นการสัญจรด้วยเรือเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับการสัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่แบบไม่เร่งรีบท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ
ภายในหมู่บ้านมีความสวยงาม มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเดินชมความสวยงามของหมู่บ้าน หรือจะเช่าเรือพายรอบหมู่บ้านก็ดี ที่นี่ยังพิพิธภัณฑ์ Museum Giethoorn ‘t Olde Maat Uus ให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหมู่บ้านกีโธร์นอย่างละเอียดอีกด้วย ถ้าเที่ยวที่นี่แล้วมีเหลือยังสามารถไปเที่ยวต่อที่เมืองซโวลเลอ (Zwolle) ได้อีก เป็นเดย์ทริปแนะนำที่ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมมาก ๆ
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam)
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam) ตั้งอยู่บนทะเลสาบ Markermeer มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการค้าขายทางประมงแบบชาวดัตช์แท้ ๆ ท่าเรือมีความสวยงามและยังคงมีเรือชาวประมงจอดอยู่เป็นจำนวนมาก บ้านเรือนที่นี่ถูกสร้างขึ้นบนเขื่อนกั้นน้ำ รวมถึงบ้านไม้ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ผู้คนจากโวเลนดัมรักในเสียงเพลงและสร้างชื่อเสียงจากดนตรีที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง (Palingsound) การแต่งกายดั้งเดิม (Klederdracht Volendam) และขนบธรรมเนียมประเพณียังคงยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญหมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมอยู่ไม่ไกลจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเพียงครึ่งชั่วโมง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้เป็นอย่างดี
เกาะมาร์เคิน (Marken)
มาร์เคินเคยเป็นเกาะปิดไม่มีถนนในคาบสมุทรมาร์เคอร์เมียร์ (Markermeer) ตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 30 นาที จุดเด่นของที่นี่คือบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างแบบยกใต้ถุนสูงและมีบันไดเพื่อหลีกเลี่ยงระดับน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต ต่อมาได้มีการการสร้างเขื่อนกั้นน้ำอัพสเลาไดก์ (Afsluitdijk) เพื่อปิดกั้นเส้นทางน้ำเซาเดอร์เซ (Zuiderzee) จากทะเลเหนือ ช่วยป้องกันเกาะมาร์เคินจากน้ำท่วม
ที่นี่ยังมีการสร้างทางหลวงสายสาย N518 ไปยังเกาะมาร์เคิน ทำให้กลายมาเป็นเกาะเปิดเข้าได้ถึงได้ง่ายด้วยรถยนต์และรถประจำทาง ปัจจุบันมาร์เคินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงความงดงามทางด้านวัฒนธรรม ผู้คนมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม และดำรงชีวิตอยู่ภายใต้เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ รอต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมและร่วมย้อนเวลากลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตพร้อม ๆ กัน
สรุปเมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ ดังลิสต์ทั้งหมดข้างต้นตั้งอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ทั่วเนเธอร์แลนด์ สามารถเที่ยวได้ภายในเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง แบบทริปครึ่งวันหรือแบบพักค้างคืนตามความสะดวก อย่าลืมเช็คสภาพอากาศในเนเธอร์แลนด์ก่อนจองตั๋วสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนการเดินทางนั้นมีความสะดวกเช่นกัน สามารถวางแผนการเดินทางในเนเธอร์แลนด์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ การใช้บัตรเดินทาง OV-chipkaart รวมไปถึงการขับรถยนต์เที่ยวในเนเธอร์แลนด์ด้วยตัวเอง
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡