หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘เวนิสเนเธอร์แลนด์’ ตั้งอยู่ในจังหวัดโอเฟอร์ไรส์เซิล (Overijssel) อยู่ในเขตเทศบาลสเตนไวค์เคอร์ลันด์ (Steenwijkerland) ห่างจากเมืองสเตนไวค์ (Steenwijk) ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กม. กีโธร์นเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่มีเส้นทางการเดินรถ และเน้นการสัญจรด้วยเรือเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับการเดินชมลำคลองและบ้านเรือนท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ ถ้ามีเวลาเหลือการการเที่ยวกีโธร์นยังสามารถไปเที่ยวต่อที่เมืองซโวลเลอ (Zwolle) ได้อีก นับว่าเป็นเดย์ทริปแนะนำที่คุ้มค่ากับการเดินทางจากอัมสเตอร์ดัม
เที่ยวหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) ทำอะไรได้บ้าง
เดินเที่ยวรอบหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริง ๆ ถ้าเดินทางมาที่นี่รถบัสจะจอดที่ป้าย Dominee Hylkemaweg ยังไม่ถึงตัวหมู่บ้านเลย ต้องเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งจะเจอกับลานจอดรถขนาดใหญ่ ทางด้านซ้ายมือเป็นจุดเช่าเรือและลำคลองขนาดเล็กที่มีเรือจอดอยู่จำนวนมาก ด้านหน้าถัดจากลานจอดรถเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ถ้าใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ด้านในได้ ส่วนทางด้านขวามือเป็นเส้นทางเดินไปยังตัวหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น ก่อนจะถึงตัวหมู่บ้านก็มีร้านอาหารหลายร้าน ฝั่งแม่น้ำมีจุดเช่าเรือเลือกได้ตามความชอบเลย หรือจะไปเช่าที่ด้านในหมู่บ้านก็ได้ (ถ้าเป็นแบบกรุ๊ปทัวร์แนะนำให้เช่าจากตรงนี้)
หลังจากเดินมาประมาณ 15 นาทีก็จะเจอทางแยกในตัวหมู่บ้าน ฝั่งขวามือเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหมู่บ้านกีโธร์น ซ้ายมือคือโบสถ์ประจำหมู่บ้าน ด้านหน้ามีป้ายบอกเส้นทางและสถานที่ต่าง ๆ พอมาถึงตรงนี้เราก็สามารถเลือกเดินได้เลยว่าจะไปฝั่งไหนก่อน ซึ่งทั้งสองฝั่งก็เต็มไปด้วยบ้านเรือนขนาดเล็ก ลำคลองและธรรมชาติที่มีบรรยากาศร่มรื่นไม่แพ้กัน
ด้านในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) มีบรรยากาศที่ร่มรื่นมากค่ะ โอบล้อมด้วยธรรมชาติและต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก มีลำคลองทอดยาวไปตามถนนทางเดิน บางช่วงมีสะพานข้ามไปยังอีกฝั่ง บ้านเรือนโดยส่วนใหญ่สร้างแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาดูไม่ได้จากตัวเมืองใหญ่ ๆ เป็นภาพฉากหลังปรากฏในรูปภาพจำนวนมากจากโลกออนไลน์ที่ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว บ้านเรือนบางส่วนนอกจากจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้วยังถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงโรงแรมที่พักไว้ต้อนรับผู้มาเยือนที่ต้องการพักค้างคืนที่นี่
การเดินเที่ยวในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) ช่วงแรก ๆ จะเป็นเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เมื่อเดินผ่านมาถึงครึ่งทางร้านค้าและร้านอาหารจะค่อย ๆ ลดลง จนเมื่อถึงช่วงท้ายของหมู่บ้านแทบไม่มีร้านค้าแล้ว บรรยากาศจะเงียบสงบเป็นพิเศษ เหมือนเมื่อกี้เพิ่งเดินผ่านร้านค้าอยู่หยก ๆ แต่แป๊บเดียวเหมือนหลุดออกมาอีกโลกหนึ่งแล้ว แต่ถ้าใครไม่มีเวลาเยอะอาจจะไม่ต้องเดินมาจนถึงท้ายหมู่บ้านก็ได้ สำหรับเราเดินไปเรื่อย ๆ สนุกดีค่ะ การได้เห็นสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ คือเหตุผลที่อยากเดินสำรวจหมู่บ้านในหลาย ๆ เส้นทาง
เช่าเรือชมหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
นอกจากการเดินชมหมู่บ้านแล้วยังมีกิจกรรมที่เรียกไม่ควรพลาดเลยก็คือการการนั่งเรือในลำคลอง ซึ่งมีเรือสำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่าหลายเจ้า เริ่มตั้งแต่บริเวณทางเดินมายังตัวหมู่บ้าน สังเกตง่าย ๆ จะมีคนนั่งเก้าอี้อยู่หน้าท่าเรือ บ้างก็อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ (เพราะอาจจะรอนักท่องเที่ยวแต่ละรอบนาน) สามารถเดินเข้าไปสอบถามราคาที่หน้างานได้เลย หรือจองผ่าน Boat Reservations Giethoorn เว็บไซต์ทางการของสำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยวหมู่บ้านกีโธร์น การล่องเรือเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น.
เรือเช่าในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) มี 2 แบบ คือ
เส้นทางการล่องเรือในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
สำหรับใครที่เช่าเรือแบบส่วนบุคคลสามารถขับลัดเลาะไปตามลำคลองในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นได้เลย ช่วงหน้าร้อนการจราจรทางเรืออาจจะหนาแน่นเป็นพิเศษ เพราะบรรยากาศดี นักท่องเที่ยวเยอะ ส่วนใครที่เช่าเรือแบบกรุ๊ปทัวร์ จะมีไกด์แนะนำสถานที่ เส้นทางการล่องเรือจะขับไปตามตัวหมู่บ้าน จากนั้นจะเลี้ยวไปยังพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ Bovenwijde ซึ่งมีทะเลสาบขนาดใหญ่ มองเห็นเกาะตรงกลางที่มีบ้านประมาณสองถึงสามหลัง คุณลุงไกด์บอกว่าเป็นบ้านเช่าสำหรับการพักผ่อนช่วงหน้าร้อนกับครอบครัว ทางด้านขวามือของทะเลสาบยังเป็นพื้นที่แคมป์ปิ้ง มีจุดกางเต้นท์ รวมไปถึงบ้านพักเป็นหลัง ๆ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาแคมป์ปิ้งในช่วงหน้าร้อนเช่นกัน
การล่องเรือในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เรือจะวนจากทะลสาบ Bovenwijde กลับมายังในตัวหมู่บ้านเจอกับสะพานที่ก่อนหน้านี้เราเลี้ยวขวาไปยังเส้นทางพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ตอนนี้จะขับตรงไปเพื่อชมบรรยากาศในหมู่บ้านส่วนที่เหลือจนครบรอบพอดี จากนั้นจะขับมาจอดยังจุดที่เริ่มต้นที่เราขึ้นเรือ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับการล่องเรือแบบกรุ๊ปทัวร์
เช่าจักรยานปั่นรอบหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจก็คือการเช่าจักรยานปั่นรอบหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น มีเส้นทางเท้าที่สามารถปั่นจักรยานได้ (อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นเส้นทางขนาดเล็ก) ราคาเช่าจักรยานเริ่มต้น 5 ยูโร (2 ชั่วโมง) 15 ยูโร (ทั้งวัน) สามารถเช่าจักรยานได้ที่ในตัวหมู่บ้านหรือบริเวณทางเดินเข้าหมู่บ้าน หรือผ่าน Bike Rental Giethoorn เว็บไซต์ทางการของสำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยวหมู่บ้านกีโธร์น
ปั่นจักรยานไปยังอุทยานแห่งชาติ Nationaal Park Weerribben-Wieden
นอกจากการปั่นจักรยานรอบ ๆ หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นแล้ว ห่างออกไปประมาณ 15 นาทียังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Nationaal Park Weerribben-Wieden ที่นั้นมีเส้นทางสำหรับปั่นจักรยานชมธรรมชาติโดยเฉพาะ มองเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ พื้นที่ชุ่มน้ำ กังหันลม และทิวทัศน์ของบ้านเรือนในเขตนอกเมือง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่มีเวลาและชื่นชอบการปั่นจักรยานในระยะทางประมาณ 10-15 กิโลเมตร
ปั่นจักรยานจากรถไฟ Steenwijk Station
อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับสายปั่น จากสถานีรถไฟ Steenwijk Station มีร้านเช่าจักรยาน Rijwielshop Steenwijk ตั้งอยู่ สามารถเช่าจักรยานและปั่นจากที่นั้นมายังหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น ระยะทาง 7.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 23 นาที ระหว่างทางจะเห็นสภาพแวดล้อมของเมืองสเตนไวค์ พื้นที่ธรรมชาติ และบ้านเรือนที่ดูแตกต่างจากตัวเมือง
เข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหมู่บ้านกีโธร์น
Museum Giethoorn ‘t Olde Maat Uus เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหมู่บ้านกีโธร์น ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านกีโธร์นตรงข้ามกับโบสถ์ประจำหมู่บ้าน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1980 มีเป้าหมายเพื่อรักษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของหมู่บ้านกีโธร์นให้กับคนรุ่นหลัง ด้านในจำลองวิถีชีวิต การแต่งกาย วัฒนธรรม รวมไปถึงการดำรงชีวิตของผู้คนในอดีตได้อย่างน่าสนใจ
การจัดแสดงนิทรรศการด้านในเข้าใจง่าย มีคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษและออดิโอเสียงขนาดเล็กสำหรับฟังคำบรรยายตามจุดต่าง ๆ หากเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้แล้วจะทำให้เราเข้าใจความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้มากขึ้นและช่วยเพิ่มบรรยากาศความสนุกในการเดินเที่ยวไปอีกแบบ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 11:00-17:00 น. ราคาตั๋ว 7.50 ยูโร
การจัดแสดงนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหมู่บ้านกีโธร์น แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ด้วยกัน คือ 1. ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านกีโธร์นแบ่งตามปีและเหตุการณ์สำคัญ พร้อมวิดีโอฉายแสดงการดำรงชีวิตของผู้คนในอดีตแบบภาพขาวดำ 2. อาชีพการทำงาน แหล่งรายได้หลักของครอบครัวของชาวบ้านในหมู่บ้านกีโธร์น 3. ชีวิตความเป็นอยู่ภายในบ้าน จัดแสดงห้องครัวจำลอง ห้องนอน รวมไปถึงห้องเก็บของ และ 4. เรือท้องแบน กังหันลม และโรงเก็บหญ้าแห้ง พร้อมจัดแสดงอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ในโรงเรือนจำลอง
Giethoorn มาจากคำว่า 'Geithorne' หมายถึง Goat’s horns (เขาแพะ) ถูกกล่าวถึงในเอกสารอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1227 ผู้คนที่ตั้งถิ่นฐานในเวลานั้นมีอาชีพขุดพรุ (ถ่านหินเลน) จากทุ่งนาในพื้นที่โดยรอบเป็นเวลากว่าสามศตวรรษ ถ่านหินเลนเหล่านั้นนำมาขายเป็นเชื้อเพลิง เมื่อขุดไปเรื่อย ๆ ถ่านหินเลนเริ่มหมดพวกเขาจะย้ายหมู่บ้านนับรวมเป็นเวลาทั้งหมดสี่ครั้งด้วยกัน ในปี ค.ศ.1312 มีการปลูกที่ดินของผู้คนที่เรียกว่าคนของเซนต์มาร์ติน พวกเขาเป็นข้ารับใช้ของบิชอปแห่งอูเทร็คท์ ก่อนที่ในปี ค.ศ.1530 ผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนต์ค่อย ๆ เข้ามาตั้งรกรากที่หมู่บ้านกีโธร์น ชุมชนหลักแบ๊บติสต์ของหมู่บ้านเป็นหนึ่งในชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์
ปี ค.ศ.1581 หมู่บ้านกีโธร์นมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในช่วงการประท้วงของชาวดัตช์ (1568-1648) กับการยึดครองของกองทัพสเปน หมู่บ้านถูกปล้นและจุดไฟเผา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทหารต้องนำระฆังในโบสถ์ที่ถูกขโมยไปข้ามทะเลสาบกีโธร์นที่กลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้พวกเขาตกลงไปในน้ำแข็ง
ปี ค.ศ.1643 มีการสร้างโบสถ์ปฏิรูปขึ้นจากโบสถ์โรมันคาทอลิกเก่าแก่ในหมู่บ้านกีโธร์นทางเหนือ (ปัจจุบันคือชุมชนโปรเตสแตนต์) ราวปี ค.ศ.1750 หมู่บ้านกีโธร์นประสบปัญหาจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในขณะที่การจ้างงานลดลง ชาวบ้านจำนวนมากได้ออกจากพื้นที่ไปยัง Veengebieden ในจังหวัด Friesland ก่อนที่ปี ค.ศ. 1776 จะมีพายุโหมกระหน่ำบริเวณรอบหมู่บ้านกีโธร์นส่งผลให้เกิดทะเลสาบหลายแห่ง พื้นที่เกิดความทรุดโทรมจากการสกัดถ่านหินเลน ในที่สุดหมู่บ้าน Beulake ที่อยู่ใกล้เคียงก็หายไปใต้น้ำตลอดกาล
ภัยพิบัติทางธรรมชาติยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น พื้นที่ในอ่าวตื้นของทะเลเหนือ (Zuiderzee) เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ ในปี ค.ศ.1825 คลื่นพายุมีความรุนแรงมากจนเกินต้านทาน กินเวลาไม่น้อยกว่าสามวัน ส่งผลให้คนในภูมิภาคดังกล่าวจมน้ำเสียชีวิต 305 ราย ส่วนในหมู่บ้านกีโธร์นมีวัวสูญหายกว่า 269 ตัว หนึ่งปีต่อมา 't Olde Maat Uus เป็นหนึ่งในฟาร์มที่สร้างขึ้นหลังจากคลื่นพายุ ส่วนหน้าของบ้านมีความสูงมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม
หมู่บ้านกีโธร์นผ่านช่วงเวลาภัยธรรมชาติไปได้และเข้าสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้หมู่บ้านมีชื่อเสียง ในปี ค.ศ.1880 จิตกร Willem Tholen และศิลปินคนอื่น ๆ จากโรงเรียน Hague School ได้มาที่หมู่บ้านกีโธร์นเพื่อวาดภาพทิวทัศน์ของหมู่บ้าน และนั้นพวกเขาก็ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้เริ่มมีชื่อเสียงและเริ่มต้นการท่องเที่ยว
ปี ค.ศ.1921 เจ้าหญิงจูเลียนาได้เสด็จมาเยือนที่หมู่บ้านกีโธร์นพร้อมกับบิดาและมารดา พระองค์ใช้ถ่อเรือระหว่างการเสด็จเยือนที่นี่ เสาถ่อดังกล่าวได้รับการอนุรักษ์ไว้ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับมาที่นี่อีกครั้งในปี ค.ศ.1953 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์กลายมาเป็นราชินีของเนเธอร์แลนด์แล้ว
ราวปี ค.ศ.1958 ผู้กำกับชาวดัตช์ Bert Haanstra ได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Fanfare ที่โด่งดังของเขาในหมู่บ้านกีโธร์น และนั้นก็ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าจะเป็นที่รู้จักแล้วแต่หมู่บ้านกีโธร์นได้มีการคงความเป็นหมู่บ้านมีความสงบและทำให้สะอาดขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ.1994 เรือที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในถูกห้ามแล่นในลำคลอง อนุญาตให้ใช้เฉพาะมอเตอร์ไฟฟ้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี ค.ศ.2015 หมู่บ้านกีโธร์นยังได้ถูกบรรจุลงในเกมกระดาน Monopoly ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากผลโหวตของแฟน ๆ ทั่วโลกกว่า 182 ทั่วประเทศ
การแต่งกาย
ชาวบ้านกีโธร์นมีการแต่งกายที่เรียบง่าย ผู้หญิงไม่มีเครื่องแต่งกายเฉพาะ อย่างไรก็ตามพวกเธอสวมหมวกผ้าฝ้ายสีขาวในชีวิตประจำวัน ในโอกาสพิเศษพวกเธอจะสวมหมวกถักนิตติ้งหรือโครเชต์ ส่วนในโอกาสพิเศษทางศาสนาและการแต่งงาน พวกเธอจะสวมหมวกที่สวยเป็นพิเศษประดับด้วยลูกไม้สีทองหรือสีเงิน (และต้องตัดชุดแต่งงานด้วยตัวเอง) ในแต่ละปีหมวกถูกทำขึ้นจากหญิงในหมู่บ้านและรีดให้เป็นรูปร่างที่เหมาะสมโดยใช้เตารีดแบบพิเศษ นอกเหนือจากหมวกผ้าแล้วผู้คนยังสวมรองเท้าไม้ในฤดูหนาว ส่วนฤดูร้อนสวมเฉพาะตอนไปโบสถ์เท่านั้น
ชีวิตในช่วงปี 1900 เป็นช่วงเวลาที่ดำเนินไปอย่างยากลำบาก ผู้คนทำงานหนักและมีรายได้น้อย พวกเขามีความยากจน คนงานรายวันไม่สามารถทำงานได้ในสภาพอากาศเลวร้าย ในช่วงฤดูหนาวแบบไม่มีงานทำเลย เด็ก ๆ เรียนรู้ที่จะเล่นเรือท้องแบนและเรือพาย รวมถึงวิธีการใช้งานถ่อเรือสำหรับแล่นเรือ พวกเขาเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 13 ปี ไม่ว่าจะเป็นทำงานในบ้านหรือทำงานในฟาร์มเพื่อนำเงินมาช่วยครอบครัว
ส่วนผู้หญิงเรียนรู้วิธีการซ่อมแซมเสื้อผ้าและถักนิตติ้ง เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ใช้สวมใส่มีรอยซ่อมแซมและถูกใช้งานจนไม่เหลือสภาพที่จะให้ซ่อมแซมได้อีกต่อไปถึงจะทิ้ง เหล่าแม่บ้านยังมีรายได้เสริมเล็กน้อยจากการทำคลอด พวกเธอทำคลอดให้กับครอบครัวในหมู่บ้านกีโธร์น แต่ละครอบครัวมีลูกประมาณ 5-6 คน เมื่อถึงเวลาทำคลอดพวกเธอต้องเดินทางด้วยเรือ คนที่มารับคือผู้เป็นพ่อหรือเพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือกัน ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2417 จะมีพยาบาลผดุงครรภ์ผู้ทรงคุณวุฒิเริ่มทำงานในหมู่บ้านนี้
- ซ้ายมือบนสุด หมวกผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ในวันแต่งงาน
- ขวามือบนสุด รองเท้าไม้ที่ทุกคนสวมใส่
- ซ้ายมือล่างสุด เรือท้องแบนและไม้ถ่อเรือ
- ขวามือล่าสุด จักรยานของบุรุษไปรษณีย์ที่นำส่งข่าวสารและจดหมาย
การสัญจรในหมู่บ้านกีโธร์นใช้เรือท้องแบนซึ่งเป็นเรือที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้าน มีขนาดประมาณ 20 หลา เรือถูกผลิตขึ้นจากไม้โอ๊คฝรั่งเศสซึ่งมีนอตน้อยกว่าไม้โอ๊คดัตช์ ส่วนท้องเรือเริ่มลดลงในปัจจุบันและทำจากโพลีเอสเตอร์แทน เกือบทุกคนในหมู่บ้านมีเรือมากกว่าหนึ่งลำ อย่างน้อยก็มีเรือพายขนาดเล็กและเรือท้องแบน เรือท้องแบนสามารถใช้เป็นแพหรือเรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็กได้ ทุกอย่างถูกขนส่งทางน้ำหรือข้ามน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว และมีเรือดับเพลิงเฉพาะหากเกิดไฟไหม้
ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ทำให้ชาวบ้านมีความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในช่วงฤดูหนาวลำคลองเกิดเป็นน้ำแข็งและไม่สะดวกต่อการเดินทาง พวกเขาช่วยกันให้ลำคลองปลอดจากน้ำแข็งให้ได้มากที่สุด ส่วนในฤดูร้อนพวกเขายังช่วยกันเก็บกองฟาง การยืมเครื่องไม้เครื่องมือหรือยืมเรือเป็นสิ่งที่เห็นได้บ่อยครั้ง หรือถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เพื่อนบ้านคนเดียวกันก็จะช่วยย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือนำวัวออกจากฟาร์มเพื่อความปลอดภัย
ในปี พ.ศ. 2468-2469 หมู่บ้านกีโธร์นได้รับการติดตั้งไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพื่อความจำเป็นเท่านั้น เช่น หลอดไฟ 25 วัตต์ใช้สำหรับก่อนมื้ออาหาร และอีก 40 วัตต์ใช้สำหรับการเย็บปักถักร้อย
อาชีพการทำงาน
เดินจากบันไดมายังห้องที่สองจะพบกับนิทรรศการเกี่ยวกับชีวิตการทำงานของผู้คนในอดีต ชาวบ้านกีโธร์นจำนวนมากมีฟาร์มขนาดเล็กและวัวสองถึงสามตัว สถานที่สำหรับให้วัวกินหญ้าตั้งอยู่ห่างไกลออกไป และถ้าจะรีดนมวัวพวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางด้วยเรือประมาณหนึ่งชั่วโมงไปกลับวันละสองรอบ เวลากว่าครึ่งวันจึงหมดไปกับการเดินทางเป็นส่วนใหญ่
ชาวบ้านกีโธร์นยังมีอาชีพหลัก คือ การขายหญ้าแห้งในฤดูร้อน การตัดต้นกกเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ใบร่วงไปแล้วจนถึงเดือนเมษายน ชาวบ้านเก็บต้นกกได้จำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ขายให้กับพ่อค้า ส่วนที่เหลือเก็บไว้ใช้เอง ต้นกกยังถูกนำมาใช้มุงหลังคาถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ก็ตาม
ส่วนภรรยาชาวนาทำงานจากที่บ้าน พวกเธอทำงานหนักไม่แพ้สามี เช่น รีดนมวัว ขัดเครื่องปั่นเนย ซักผ้า ซ่อมแซมเสื้อผ้า ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ทำงานในสวนครัว รวมถึงดูแลลูก ๆ
ชีวิตความเป็นอยู่ภายในบ้าน
ในส่วนที่สามของนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหมู่บ้านกีโธร์นจัดแสดงเกี่ยวชีวิตความเป็นอยู่ภายในบ้าน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ด้วยกัน คือห้องครัว ห้องต้อนรับแขก และห้องสำหรับปั่นเนย
ห้องครัวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กและรวมทุกอย่างไว้ในห้องเดียวไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาหาร รับประทานอาหาร และเก็บอุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ ในช่วงหน้าร้อนห้องนี้เป็นห้องเดียวที่มีบรรยากาศรื่นรมย์ เนื่องจากมีเตาผิงที่ใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินเลน สมาชิกในครอบครัวสามารถนอนที่ห้องนี้ได้ที่ตู้เตียงหลังประตู
เดินต่อไปที่ประตูทางด้านขวามือจะพบกับห้องต้อนรับแขกที่ใช้เฉพาะการต้อนรับแขกและวันเกิดเท่านั้น การต้อนรับแขกมักจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ ด้านในของห้องมีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับต้อนรับผู้มาเยือน มีหน้าต่างประดับด้วยกระจกสามารถมองไปด้านนอกได้ รอบ ๆ ห้องมีตู้สำหรับเก็บถ้วยชามที่สวยงาม พร้อมเตาผิงช่วยคลายความหนาว และยังมีตู้เตียงนอนที่ด้านหลังประตู
ทางด้านซ้ายมือของห้องครัวเป็นห้องปั่นเนย ย้อนกลับไปก่อนที่หมู่บ้านกีโธร์นจะมีโรงงานนมถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2441 ผู้คนผลิตเนยเองที่บ้านในห้องปั่นเนย เช่นเดียวกับการชำแหละเนื้อสัตว์ก็เกิดขึ้นที่ห้องนี้ ถัดไปทางด้านขวามือมีทางเดินลงไปยังห้องใต้ดิน ใช้สำหรับเก็บรักษาผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์สำหรับฤดูหนาว
เรือท้องแบน กังหันลม และโรงเก็บหญ้าแห้ง
เดินออกมาจากห้องครัวผ่านประตูไปยังด้านนอกจะพบกับสวนหย่อมที่มีบรรยากาศรื่นรมย์ มองไปด้านหน้าเห็นถนนและลำคลองในหมู่บ้านกีโธร์น นิทรรศการส่วนที่สี่ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายจัดแสดงในบ้านหลังเล็ก ภายในจำลองสภาพแวดล้อมภายในบ้านของชาวประมงในอดีต พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กที่เป็นทั้งห้องครัว ห้องรับแขก และห้องนอนในสถานที่เดียวกัน ถัดจากห้องเหล่านั้นคือห้องเก็บอุปกรณ์การประมง รวมไปถึงเรือและไม้ถ่อเรือ
ถัดจากบ้านจำลองของชาวประมงจะเป็นการจัดแสดงเรือท้องแบนขนาดใหญ่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้า เช่น หญ้าแห้ง และสัตว์เลี้ยง ถัดไปอีกนิดคือการจัดแสดงกังหันลม ใช้สำหรับระบายน้ำจากแอ่งน้ำขนาดเล็ก และส่วนสุดท้ายเป็นโรงเก็บหญ้าแห้งและสถานที่ชั่งน้ำหนักหญ้าแห้งก่อนที่จะนำไปขาย
เดินเลือกซื้อของฝากในหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
เข้าชมพิพิธภัณฑ์กันไปแล้วยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจคือการเดินเลือกซื้อของฝาก เหมาะสำหรับใครที่อยากได้ของชิ้นเล็ก ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย มีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่หลายร้าน เช่นเดียวกับ De Oude Aarde เป็นพิพิธภัณฑ์และร้านขายของที่ระลึกทำจากอัญมณีและหินประดับในเวลาเดียวกัน ด้านในมีการจัดแสดงอัญมณี แร่ธาตุ ฟอสซิล และหินหลากสีที่สวยงาม เหมาะสำหรับสายเครื่องประดับและการแต่งบ้านแบบสุด ๆ ใครที่สนใจสามารถแวะเข้าไปชมได้
แวะไปเที่ยวต่อที่เมืองซโวลเลอ (Zwolle)
สำหรับใครที่มีเวลาเหลือจากการเที่ยวในหมู่บ้านกีโธร์นสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อที่เมืองซโวลเลอ (Zwolle) ที่นั้นเต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น ประตูเมืองจากศตวรรษที่ 14 พิพิธภัณฑ์ศิลปะซโวลเลอ ร้านหนังสือในโบสถ์ และย่านชอปปิงใกล้ตลาดกลาง ที่เที่ยวเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กันทำให้ง่ายต่อการเดินเที่ยว พอเที่ยวเสร็จแล้วก็สามารถนั่งรถไฟกลับอัมสเตอร์ดัมได้จากสถานีซโวลเลอเลย
การเดินทางไปยังหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมประมาณ 119 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวที่นี่สะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะหรือรถยนต์ ซึ่งการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนจะต้องไปลงที่สถานีรถไฟ Steenwijk Station ซึ่งอยู่ใกล้เคียงหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นมากที่สุด และจากสถานีนี้สามารถนั่งรถบัสต่อไปยังหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นได้ภายในเวเวลา 18 นาที ดังรายละเอียด
กำลังค้นหาตั๋วรถไฟราคาประหยัดไปเที่ยวกีโธร์น? แนะนำให้เข้าไปเปรียบเทียบราคาตั๋วรถไฟที่เว็บไซต์ทางการรถไฟ NS ปกติจะมีตั๋วเที่ยวแบบเดย์ทริปราคาถูกที่เรียกว่า “Dagje Giethoorn” รวมการเดินทางด้วยรถไฟไปกลับ ราคาตั๋วอาจถูกกว่าการซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว ตั๋วนี้ยังเป็นโปรโมรชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีตลอดเกือบทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน และยังมีตั๋วที่ครอบคลุมการเดินทางเที่ยวเมืองอื่นในเนเธอร์แลนด์ด้วย
แผนที่เที่ยวหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡