อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องลำคลองที่สวยงามและบ้านเรือนที่มีรูปทรงแปลกตา ว่าแต่ถ้าวางแผนมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม จะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวไหนได้บ้างน๊า เอาเป็นว่าในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ “สถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม” กันให้มากขึ้น ครอบคลุมถึงกิจกรรมที่สามารถเก็บเข้าสิสต์ไว้ไปเดินเที่ยวอัมสเตอร์ดัมด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่รอช้าตามไปดู สถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม พร้อม ๆ กันเลยค่า
ที่เที่ยวยอดนิยมในอัมสเตอร์ดัม
1. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
พิพิธภัณฑ์ไรจ์คส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม” เป็น 1 ใน 16 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ ที่ควรค่าแก่การไปเยือนสักครั้ง พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่ Museumstraat 1 ใกล้กับจัตุรัสมิวเซียมเพลิยน์ ด้านในรวบรวมผลงานชิ้นเอก “The Night Watch” ของแร็มบรันต์ และผลงานจากจิตรกรชาวดัตช์ชื่อดัง เช่น Johannes Vermeer และ Frans Hals มากกว่า 8,000 ชิ้น รวมไปถึงวัตถุโบราณและคอลเลกชันพิเศษบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แบ่งตามช่วงเวลาต่าง ๆ พิพิธภัณฑ์ยังมาพร้อมการจัดแสดงนิทรรศการที่มีแผนผังเดินชมสะดวกและง่ายต่อความเข้าใจ และยังสามารถใช้แอปพลิเคชันทางการสำหรับรับฟังคำบรรยายเสียงเพิ่มเติม
เวลาเปิด: ทุกวัน 09:00-17:00 น. ราคาตั๋ว: 22.50 ยูโร เนื่องจากที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่แนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 09:00-11:00 น. และควรจองตั๋วเข้าชมออนไลน์ล่วงหน้า ช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องยืนต่อคิวที่หน้าเคาน์เตอร์พิพิธภัณฑ์
2. พิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์แฟรงค์ (Anne Frank Huis)
หลายคนคงได้ยินเรื่องราวของสาวน้อย “Anne Frank” ผ่านหนังสือ “The Diary of young girl” มาก่อน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่รับรู้เรื่องราวของเธอผ่านตัวหนังสือ จนกระทั่งได้มีโอกาสมาชมบ้านแอนน์แฟรงค์ด้วยตัวเอง และต้องบอกเลยว่าตราตรึงใจจนอยากให้ไปสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองสักครั้ง พิพิธภัณฑ์แอนน์แฟรงค์ตั้งอยู่ที่อาคารที่ 263 Prinsengrach ซึ่งแอนน์และครอบครัวใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัวเป็นเวลากว่าสองปีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แอนน์แฟรงค์ คือ “Secret Annex” ซึ่งแอนน์เขียนถึงเรื่องราวของเธอในตอนนั้น และได้กลายเป็นไดอารีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายในเป็นห้องเปล่าหลายห้อง ครอบคลุมถึงห้องเก็บของ ห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ โดยมีเอกสารและสิ่งของเครื่องใช้ของบุคคล 8 คนในระหว่างการหลบซ่อนตัวในอาคารแห่งนี้ ส่วนบ้านด้านหน้าบอกเล่าเรื่องราวของแอนน์โดยอ้างอิงจากบันทึกประจำวัน เอกสารทางประวัติศาสตร์ รวมไปถึงรูปภาพและภาพถ่ายจากภาพยนตร์ ตลอดจนวัตถุดั้งเดิม ในขณะที่อีกห้องหนึ่งมีการจัดแสดงบันทึกประจำวันและงานเขียนต้นฉบับของแอนน์แฟรงค์ ทั้งหมดนี้สามารถเข้าชมได้ในเวลา 1-1.5 ชั่วโมง
เวลาเปิด: ทุกวัน 09:00-22:00 น. ราคาตั๋ว: 16 ยูโร (มีค่าจองตั๋วออนไลน์ 1 ยูโร)
3. พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum)
พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของอัมสเตอร์ดัม สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจิตรกรชาวดัตช์ชื่อดัง “Vincent van Gogh” ตั้งอยู่ที่ Paulus Potterstraat ในย่านมิวเซียมเพลิยน์ ด้านในพิพิธภัณฑ์รวบรวมผลงานชื่อดังอย่าง “The Flower” และภาพวาดมากกว่าห้าร้อยภาพ รวมไปถึงภาพสะสมญี่ปุ่น และคอลเลกชันอื่น ๆ ที่จะพาผู้เข้าชมเดินทางไปกับชีวิตแวนโก๊ะห์ ตลอดจนความคิดและเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังงานศิลปะของเขา รวมถึงอาการเจ็บป่วยและการเสียชีวิต
เวลาเปิด: ทุกวัน 09:00-17:00 น. ราคาตั๋ว: 22 ยูโร
4. พิพิธภัณฑ์บ้านแร็มบรันต์ (Rembrandt House Museum)
ร่วมเดินทางกลับไปยังศตวรรษที่ 17 พร้อมสัมผัสประสบการณ์และชีวิตการทำงานศิลปะที่เขารักแบบเต็มอิ่มของแร็มบรันต์ ศิลปินเอกและช่างพิมพ์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก ที่พิพิธภัณฑ์บ้านแร็มบรันต์ได้แล้ววันนี้ ซึ่งพิพิธภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นบ้านที่แรมบรันต์เคยอาศัยและทำงานอยู่ระหว่างปี 1639-1656 เท่านั้น แต่ยังรวมการจัดแสดงภาพวาดของเขาจำนวนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงผลงานภาพพิมพ์และแกะสลัก ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของจากศตวรรษที่ 17 จำนวนมากอีกด้วย พิพิธภัณฑ์บ้านแร็มบรันต์มีขนาดปานกลาง ควรเผื่อเวลาการเข้าชมไว้ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง
เวลาเปิด: วันอังคาร-วันเสาร์ 10:00-18:00 น. ราคาตั๋ว: 19.50 ยูโร
นอกจากพิพิธภัณฑ์ยอดนิยมทั้ง 4 แห่งในอัมสเตอร์ดัมที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งให้เลือกชมตามความสนใจ ลองแวะไปอ่าน รวมพิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัมที่ควรค่าแก่การเข้าชม ไว้เป็นตัวเลือก นอกจากนี้ยังสามารถใช้บัตร Museumkaart เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัมได้ฟรีอีกด้วย
5. เยือนคลอง 4 สาย (Amsterdam Canal Belt)
แน่นอนว่าเมื่อมาเยือนอัมสเตอร์ดัมต้องไม่พลาดไปเดินเล่นที่อัมสเตอร์ดัมคาเนลเบล หรือที่รู้จักกันดีในภาษาดัตช์ว่า “Grachtengordel” ซึ่งเป็นคลอง 4 สายที่ประกอบกันเป็นคลองชั้นในของกรุงอัมสเตอร์ดัม ได้แก่ Singel, Herengracht, Keizersgracht และ Prinsengracht ลำคลองเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 นับว่าเหมาะสำหรับการเดินเล่นชมบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงเยือนสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่มีสถาปัตยกรรมงดงามสะท้อนความเป็นอัมสเตอร์ดัมได้อย่างดีทีเดียว
6. เดินเที่ยวย่านยอร์ดาน (Jordaan District)
ยอร์ดานเป็นย่านเพื่อนบ้านของอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ห่างจากดัมสแควร์เพียงแค่ 15 นาที มีชื่อเสียงในเรื่องของบ้านเรือนที่สวยงาม ร้านอาหารบรรยากาศดี และร้านค้าดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยสินค้าคุณภาพจากผู้ประกอบการในท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไปตามลำคลองและถนนสายเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งมาพร้อมมุมถ่ายภาพสวย ๆ ให้เลือกแบบนับไม่ถ้วน
ย่านยอร์ดานยังมีถนนยอดนิยมน่าเดิน ได้แก่ Prinsengracht, Westerstraat, Haarlemmerstraat และถนนเก้าสายที่ขึ้นชื่อในเรื่องสินค้าวินเทจ นอกจากนี้ถ้าแวะไปเดินเล่นที่ถนน Prinsengracht ยังสามารถมองเห็นโบสถ์ Westerkerk ซึ่งเป็นที่ฝั่งศพของแร็มบรันต์ รวมถึงบ้านแอนน์แฟรงค์ที่ใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
7. เดินเล่นและชอปปิงที่ถนนเก้าสาย (De Negen Straatjes)
อย่างที่บอกไปว่าถนนเก้าสายขึ้นชื่อเรื่องสินค้าวินเทจ ดังนั้นถ้ามาเดินเล่นบนถนนสายนี้แล้วลองแวะไปเยี่ยมชมร้านค้าต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่บนถนนทั้ง 9 สาย ได้แก่ Wijde-Heisteeg, Huidenstraat, Runstraat, Berenstraat, Wolvenstraat, Oude Spiegelstraat, Gasthuismolensteeg, Hartenstraat และ Reestra ถนนเหล่านี้ตั้งอยู่ระหว่างคลอง 4 สาย ติดกับย่านยอร์ดาน และเต็มไปด้วยร้านค้าแนววินเทจมากมาย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชอปปิงสุดฮิปที่ต้องไปเดินด้วยตัวเองแล้วแหละ
8. เดินเล่นต่อที่ลำคลองปรินเซินครัคต์ (Prinsengracht)
ในบรรดาลำคลองทั้งหมดของอัมสเตอร์ดัมคาเนลเบลดูเหมือนว่าปรินเซินครัคต์จะมีชื่อเสียงที่สุด และยังยาวที่สุดอีกด้วย โดยอยู่ด้านสุดของอัมสเตอร์ดัม ได้รับการตั้งชื่อตามเจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์ออเรนจ์ ลำคลองแห่งนี้ยังรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง ครอบคลุมถึงพิพิธภัณฑ์แอนน์แฟรงค์และโบสถ์เวสเตอร์จากศตวรรษที่ 17 รวมไปถึงร้านค้าขนาดเล็กจำนวนมาก ที่สำคัญมาพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมเมืองและเก็บภาพความประทับใจ
9. พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam)
พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม หรือที่เรียกกันในภาษาดัตช์ว่า “Koninklijk Paleis van Amsterdam” เป็นสถานที่อันงดงามหรูหรา ตัวอาคารได้รับการออกแบบอย่างโอ้อ่าสะท้อนถึงอำนาจและความรุ่งเรืองอย่างขีดสุดในช่วงยุคทองดัตช์ เป็นหนึ่งในสามพระราชวังในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในย่านจัตุรัสดัมสแควร์ตรงข้ามอนุสรณ์สถานสงครามและอยู่ติดกับโบสถ์ใหม่ ในอดีตเคยเป็นศาลากลางในศตวรรษที่ 17 ต่อมากลายเป็นราชสำนักดัตช์ ปัจจุบันโดยส่วนมากใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกของราชวังดัตช์และงานเลี้ยงรับรอง และยังเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมเมื่อไม่ได้ใช้งานอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพระราชวังมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
เวลาเปิด: วันอังคาร-วันเสาร์ 10:00-17:00 น. ราคาตั๋ว: 12.50 ยูโร สามารถรับเครื่องออดิโอทัวร์สำหรับเปิดฟังคำบรรยายเพิ่มเติมได้ที่หน้าทางเข้า (รวมอยู่ในค่าเข้าชม) การเดินทาง: พระราชวังตั้งอยู่ในย่านดัมสแควร์ สามารถเดินจากสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัม ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
10. ชมบ้านเรือนคัลเลอร์ฟูลที่ท่าเรือดัมรัควอเตอร์ฟร้อนท์ (Damrak Waterfront)
ไม่ไกลจากย่านดัมสแควร์มีที่เที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งนั่นก็คือบ้านเรือนคัลเลอร์ฟูล ที่ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว ตั้งอยู่ที่ท่าเรือดัมรัควอเตอร์ฟร้อนท์ ตรงข้ามกับถนนดัมรัค ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมทางตอนเหนือและดัมสแควร์ทางตอนใต้ เมื่อไปถึงเราจะเห็นลำคลองกั้นกลางบางส่วนโดยมีฉากหลังเป็นบ้านเรือนรูปทรงแปลกตาที่มีสีสันสวยงาม โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะสวยเป็นพิเศษด้วยไฟประดับพร้อมแสงสะท้อนที่ตกกระทบน้ำในลำคลอง ถ้าชอบอะไรที่น่ารักและแปลกใหม่แบบนี้สามารถเดินไปชมได้จากดัมสแควร์เพียง 3 นาที
11. เที่ยวย่านมิวเซียมเพลิยน์ (Museumplein)
มิวเซียมเพลิยน์เป็นย่านที่ต้องมาให้ได้เพราะรวมพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัมไว้หลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย ในช่วงฤดูหนาวย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของงาน ICE* Amsterdam ที่ขึ้นชื่อเรื่องลานสเก็ตขนาดใหญ่ ส่วนฤดูร้อนบนลานสนามหญ้าจะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาปิคนิคกันอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีร้านขายของฝากขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (ด้านหน้าลานน้ำพุ) อีกด้วย
12. ทัวร์โรงเบียร์ไฮเนเก้น (Heineken Experience)
ไฮเนเก้น เอ็กซ์พีเรียนซ์ หรือ “โรงเบียร์ไฮเนเก้น” (Heineken Experience) เป็นทัวร์แบบอินเทอร์แอคทีฟของเบียร์ยี่ห้อดังระดับโลก “ไฮเนเก้น” (ภาษาดัตช์: ไฮเนอเกิน) ตั้งอยู่ในโรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม เคยเป็นโรงผลิตเบียร์ตั้งแต่ปี 1864 ต่อมาในปี 1988 ต้องปิดตัวลงเพราะมีขนาดเล็กเกินไป ก่อนที่ฐานการผลิตแห่งใหม่จะย้ายไปอยู่ที่เมืองซูเทอร์เวาเดอร์ (Zoeterwoude) ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ สถานที่แห่งนี้จึงกลายมาเป็นอาคารทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเบียร์ไฮเนเก้น กระบวนการผลิตเบียร์ ที่จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสประสบการณ์ของแบรนด์แบบเต็มอิ่ม พร้อมลิ้มสรสชาติเบียร์สดในตอนท้ายฟรี ปัจจุบันโรงเบียร์ไฮเนเก้นเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของอัมสเตอร์ดัม และการมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมจะครบสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าขาดทัวร์โรงเบียร์ไฮเนเก้นนี้ไป
เวลาเปิด: ทุกวัน 10:30-19:30 น. (วันศุกร์และวันเสาร์เปิดเวลา 10:30-21:00 น.) ราคาตั๋ว: 23 ยูโร การเดินทาง: เดินจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัมในย่านมิวเซียมเพลิยน์ไปตามถนน Stadhouderskade เพียง 7 นาที โรงเบียร์ไฮเนเก้นจะตั้งเด่นสง่าอยู่ทางขวามือ ถ้าใครที่เดินทางจากสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัม สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย 52 มาลงที่สถานี Vijzelgracht จากนั้นเดินอีก 4 นาที โรงเบียร์ไฮเนเก้นจะตั้งเด่นสง่าถัดจากสะพาน Nieuwe Vijzelstraat
13. ล่องเรือเที่ยวในคลองอัมสเตอร์ดัม
กิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม คือ การล่องเรือเที่ยวในคลองอัมสเตอร์ดัม มีบริการเรือล่องอยู่หลายแบบ แบบที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว คือ City Canal Cruise เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เรือที่ใช้เป็นเรือขนาดใหญ่แบบดั้งเดิมมีหลังคากระจกพร้อมที่นั่งรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 40-50 คน การล่องเรือแบบนี้ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษเวลาผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ราคาอยู่ที่ระหว่าง 12-23 ยูโรมักรวมเครื่องออดิโอเสียงขนาดเล็กที่รองรับภาษาต่าง ๆ และภาษาไทย
นั่งเรือฟรีด้วยบัตร I amsterdam City Card
รู้หรือไม่ว่าถ้าถือบัตร I Amsterdam City Card สามารถใช้ล่องเรือเที่ยวในคลองอัมสเตอร์ดัมแบบ City Canal Cruise ได้ฟรี 1 ชั่วโมง กับบริษัทผู้ให้บริการล่องเรือ 4 เจ้า คือ Blue boat Amsterdam Canal Cruises, Amsterdam Circle line Sightseeing, Lovers Canal Cruises และ Stromma โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า เพียงแค่ขึ้นเรือในช่วงเวลาที่สะดวก บัตรนี้ยังสามารถนำไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวกว่า 70 แห่งในอัมสเตอร์ดัมฟรี รวมถึงเช่าจักรยานฟรี 24 ชั่วโมง พร้อมรับส่วนลด 25% ที่ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ร่วมรายการ ซื้อบัตร I Amsterdam City ล่วงหน้าตอนนี้เลย
14. ปิคนิคที่สวนสาธารณะฟอนเดลพาร์ค (Vondelpark)
ในกรุงอัมสเตอร์ดัมนอกจากจะมีลำคลองและบ้านเรือนที่สวยงามแล้ว ยังมีสวนสาธารณะหลายแห่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน โดยเฉพาะสวนสาธารณะฟอนเดลพาร์คขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดีในอัมสเตอร์ดัม ภายในมีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือใช้เวลาในวันหยุดสบาย ๆ ด้านหน้าทางเข้ามีที่จอดรถจักรยาน ส่วนด้านในก็มีห้องน้ำให้บริการฟรี นับว่าเป็นตัวเลือกที่สามารถใช้เวลาหลีกหนีจากความวุ่นวายในตัวเมืองได้ดีทีเดียว
ที่เที่ยวทางวัฒนธรรมในอัมสเตอร์ดัม
15. ชมจัตุรัสเบอะคินฮอฟ (Begijnhof)
เบอะคินฮอฟอาจเป็นสถานที่ใครหลายคนอาจไม่คุ้นหู ซ่อนตัวอยู่ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ ด้านในเป็นจัตุรัสไม้สีเขียวล้อมรอบด้วยบ้านทรงหน้าจั่วที่สวยงาม ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 โดยมีรากฐานมาจากโบสถ์คาทอลิกในสมัยนั้น ทำให้สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่ามาเยี่ยมชมสักครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถเดินจากย่านจัตุรัสดัมสแควร์เพียง 5 นาที จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่ถนน Begijnensteeg จะพบกับทางเข้า (เส้นทางเดินไปยังเบอะคินฮอฟ) เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่อาศัยส่วนบุคคลของคนในพื้นที่ ควรเข้าชมด้วยความเงียบสงบ
16. ชมโบสถ์เก่าแก่ (Old Church)
ไม่ไกลจากท่าเรือดัมรัควอเตอร์พร้อนท์เพียง 8 นาที มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ นั่นก็คือโบสถ์เก่าแก่ (ภาษาดัตช์: Oude Kerk) จากสมัยศตวรรษที่ 13 อยู่คู่เมืองอัมสเตอร์ดัมมาอย่างยาวนานกว่า 700 ปี ด้านในโบสถ์โดดเด่นด้วยเพดานไม้และประดับด้วยออแกนขนาดใหญ่ โบสถ์ยังตั้งอยู่ทางตอนเหนือของย่านโคมแดง ล้อมรอบด้วยจัตุรัส Oudekerksplein โดยเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม มีค่าธรรมเนียม 12 ยูโร หรือใช้บัตรมิวเซียมการ์ดเข้าชมฟรี
17. ชมโบสถ์เวสเตอร์ (Westerkerk)
โบสถ์เวสเตอร์เป็นคริสตจักรโปรเตสแตนต์หลักของอัมสเตอร์ดัม สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1620 ตั้งตระหง่านอยู่ทางตะวันตกของคลอง 4 สาย ใกล้กับย่านยอร์ดาน ขนาบข้างด้วยหอคอยเวสเตอร์ ความสูง 85 เมตร พร้อมระฆังและหน้าปัดเวลา หอคอยนี้ยังถูกกล่าวในไดอารี่ของแอนน์แฟรงค์หลายครั้ง เมื่อเธอถูกปลุกด้วยนาฬิกาจากหอคอยและยังไม่ชินกับเสียงนาฬิกาที่ดังทุก ๆ สิบห้านาที
18. ถ่ายภาพหอคอยเวสเตอร์บนสะพาน Hilletjesbrug
รู้หรือไม่ว่าเมื่อเดินเข้ามาในถนน Eerste Leliedwarsstraat ของย่านยอร์ดานประมาณ 3 นาทีจะพบกับสะพาน Hilletjesbrug ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างคลอง Egelantiersgracht และถนน Eerste Leliedwarsstraat เมื่อมองกลับไปจะพบกับมุมถ่ายภาพที่สวยงามของหอคอยหอคอยเวสเตอร์ ที่ตั้งเด่นสง่าเป็นพระเอกของงาน โดยมีเส้นนำสายตาคือเส้นทางปั่นจักรยาน นอกจากนี้บนสะพานดังกล่าวยังมีมุมเก็บภาพที่สวยงามของลำคลองอัมสเตอร์ดัมเช่นกัน
ตลาดและแหล่งหาอาหารทานยอดนิยมในอัมสเตอร์ดัม
19. แวะไปย่านฮิปเดอะไพพ์ (De Pijp)
เดอะไพพ์เป็นย่านของผู้คนสมัยใหม่ (คล้ายกับสยามบ้านเรา) อยู่ห่างจากมิวเซียมเพลิยน์เพียง 13 นาที นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางสาย 12 จากป้าย Concertgebouw มาลงที่ป้ายเดอะไพพ์ พอมาถึงแล้วจะพบบรรยากาศการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากในตัวเมืองมากทีเดียว โดยรวมร้านอาหารสมัยใหม่ ผับและคาเฟ่แบบดั้งเดิม รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัมหลายแห่ง เช่น ตลาดอัลเบิร์ตคัลพ์ โรงเบียร์ไฮเนเก้น และสวนสาธารณะซาร์พาทิพาร์ค ย่านนี้ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ Oud-Zuid ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่มั่งคั่งที่สุดของอัมสเตอร์ดัม เอาเป็นว่าถ้าถ้าตัดสินใจแวะมาเที่ยวด้วยตัวเองแล้วอาจจะติดใจเสน่ห์ของย่านนี้อยู่ไม่น้อย
20. เดินตลาดดัตช์อัลเบิร์ตคัลพ์ (Albert Cuyp Market)
อย่างที่บอกไปว่าเดอะไพพ์เป็นที่ตั้งของตลาดอัลเบิร์ตคัลพ์ที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัม ดังนั้นก็ต้องไม่พลาดไปเดินชมบรรยากาศตลาดดัตช์กันบ้าง (คล้ายกับตลาดนัดบ้านเรา) ซึ่งตลาดนี้ต้องบอกเลยว่าใครมาแล้วต่างก็ชอบ เพราะมีสินค้าให้เลือกซื้อหลายประเภท เช่น เสื้อผ้ามือสอง ของใช้ในครัวเรือน ดอกไม้ อาหารทะเลสด ขนมและช็อกโกแลต ฯลฯ เอาเป็นว่ามีทุกอย่างให้เลือกสรร ที่สำคัญเรายังสามารถหาขนมดัตช์ เช่น สโตรปวาเฟิลหรือปลาเฮร์ริงทานได้ด้วย โดยรวมแล้วใครที่กำลังมองหาอาหารราคาประหยัดแนะนำที่นี่เลยเด้อ
เวลาเปิด: วันจันทร์-วันเสาร์ 09:00-17:00 น. การเดินทาง: เดินจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัมเพียง 11 นาที หรือนั่งรถรางสาย 12 จากสถานี Concertgebouw ประมาณ 4 นาที มาลงที่สถานี De Pijp จากนั้นเดินต่ออีก 6 นาทีจะเจอกับตลาดตั้งอยู่ทางขวามือ
21. ลิ้มลองขนมสโตรปวาเฟิล (Stroopwafel)
สโตรปวาเฟิลเป็นหนึ่งในขนมดัตช์ชื่อดัง ทำจากแป้งบาง ๆ สองชั้นประกบกัน นิยมทานแบบเดี่ยว หรือราดด้วยซอสคาราเมลร้อน ๆ จุดกำเนิดของขนมสโตรปวาเฟิลเริ่มต้นขึ้นที่เมืองเกาดา (Gouda) จังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ก่อนที่จะแพร่หลายและได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองขนมสโตรปวาเฟิลได้ตามตลาดนัดดัตช์ มีขายแบบร้อน ๆ จากเตา ราคาชิ้นละ 2.50 ยูโร มาพร้อมท็อปปิ้งให้เลือกตามความชอบ เช่น ซอสราคาเมล นูเทลร่า หรือช็อกโกแลต ถ้าอยากได้เป็นของฝากกลับบ้านก็มีจำหน่ายแบบถุงขนาดเล็ก ราคา 2.50 ยูโร นอกจากนี้ยังสามารถหาหาซื้อเพิ่มเติมได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป รวมไปถึงร้านขายของฝากในอัมสเตอร์ดัม
22. ลิ้มลองปลาเฮร์ริง (Haring Fish)
นอกจากสโตรปวาเฟิลยังมีอาหารดัตช์น่าลองอีกหนึ่งอย่างคือปลาเฮร์ริง ซึ่งเป็นปลาชนิดหนึ่งที่ชาวดัตช์นิยมทานแบบสด ๆ พร้อมกับหัวหอมซอย พอทานแล้วใครหลายคนอาจจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติคล้ายปลาส้มบ้านเรา วิธีการทานปลาเฮร์ริงตามแบบฉบับชาวดัตช์ต้องยกตัวปลาขึ้นพร้อมกับอ้าปาก และค่อย ๆ ปล่อยปลาลงมาที่ปากเรา ถ้าใครรู้สึกว่ากลิ่นแรงไปไม่ไหวแนะนำให้ทานคู่กับหอมซอยช่วยดับกลิ่นได้ดี ใครที่ทานแล้วชอบสามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้ตามร้านขายอาหารสด บาร์ขายปลาเฮร์ริง ซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป รวมถึงแผงขายอาหารสดตามตลาดนัด
23. นั่งคาเฟ่สาวผมบลอนด์ (Blond Amsterdam)
บลอนด์อัมสเตอร์ดัมเป็นคาเฟ่ขนาดเล็กตกแต่งด้วยสีชมพูเกือบทั้งหมด ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดอัลเบิร์ตคัลพ์ คาเฟ่นี้เกิดจากความตั้งใจของเพื่อนชาวดัตช์ผมบลอนด์สองคน คือ Femque และ Janneke พวกเธอทำของขวัญภายใต้ชื่อบลอนด์อัมสเตอร์ดัม โดยใช้ภาพวาดสาวผมบลอนด์ที่มีสีสันฉูดฉาด รวมไปถึงข้อความตลกน่ารักลงบนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ด้วยความที่ผลงานเหล่านี้มีความน่ารักเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจนมีชื่อเสียง และก็เหมาะมาก ๆ ที่จะซื้อเป็นของฝากแบบใช้งานได้จริง ใครที่สนใจสามารถแวะไปเยี่ยมสตูดิโอสีชมพูของพวกเธอในอัมสเตอร์ดัมได้ที่ Ferdinand Bolstraat 44 ที่นั่นยังเปิดเป็นคาเฟ่และร้านขายของขวัญในเวลาเดียวกัน
เวลาเปิด: วันอังคาร-วันเสาร์ 10:00-17:00 น. การเดินทาง: รถไฟใต้ดินหรือรถรางสถานี De Pijp จากนั้นเดินอีก 4 นาที
24. เดินเล่นที่ย่านไลด์เซเพลิยน์ (Leidseplein)
ไลด์เซเพลิยน์เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งแห่งของอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่วงแหวนรอบนอกของคลอง 4 สาย ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงสุดครึกครื้นยามค่ำคืน รวมไปถึงโรงภาพยนตร์ ร้านอาหารและคาสิโนมากมาย โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่ระเบียงด้านนอกของคาเฟ่และร้านอาหารในย่านนี้มักถูกจับจองไปด้วยนักท่องเที่ยวที่หนาแน่น ถ้าใครแวะไปเดินย่านนี้อย่าลืมแวะไปลองทานอาหารดัตช์ที่ร้าน The Pantry ที่ได้คะแนนรีวิวสูงถึง 4.7 ดาวเลยทีเดียว
25. แวะทานอาหารที่ฟู้ดฮาลเลิน (Food Hallen)
ถ้าอยากทานอาหารแบบไปแล้วครบจบในที่เดียวต้องแวะไปที่ฟู้ดฮาลเลิน ซึ่งเป็นศูนย์อาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในย่าน Oud-West ไม่ไกลจากตัวเมืองเพียง 15 นาที ด้านในรวมบูทอาหารหลายสัญชาติให้เลือกทานอย่างเต็มอิ่ม ถ้าไปวันศุกร์ตอนเย็นคนจะเยอะเป็นพิเศษ นอกจากศูนย์อาหารแล้วยังมีร้านขายของฝากมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงห้องสมุด และโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กที่ฉายภาพยนตร์สวนกระแส (และในกระแส) ถ้าเดินต่อไปทางด้านหลังจะพบกับตลาดดัตช์ขนาดเล็กที่ชื่อว่า Ten Katemarkt เหมาะสำหรับการเลือกซื้ออาหารและผลไม้ในราคาไม่แพง ตลาดนี้เปิดวันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 09:00-18:00 น.
เวลาเปิด: ทุกวัน 07:00-22:00 น. การเดินทาง: นั่งรถรางสาย 13 จากสถานีอัมสเตอร์ดัมประมาณ 9 นาที มาลงที่ป้าย Bilderdijkstraat และเดินอีก 7 นาทีจะเห็นเดอะฮาลเลินตั้งอยู่ทางขวามือ
26. ดื่มเบียร์สดที่เบราเวอะไรจ์ (Brouwerij-‘t-IJ)
เบราเวอะไรจ์เป็นโรงเบียร์เก่าแก่จากปี 1985 ที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ในโรงสีขนาดใหญ่เด่นสง่าด้วยกังหันลม ความพิเศษของโรงเบียร์นี้คือผลิตเบียร์แบรนด์ท้องถิ่นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์ และด้วยรสชาติที่ถูกใจใครหลายคนอยู่ไม่น้อยก็เลยทำให้แบรนด์ของเขามีชื่อเสียง ด้านในเปิดเป็นผับพร้อมระเบียงกลางแจ้ง ถ้ามาในช่วงหน้าร้อนระเบียงด้านนอกจะเต็มเร็ว แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า
เวลาเปิด: วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เวลา 14:00-20:00 น. วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 12:00-20:00 น. การเดินทาง: นั่งรถรางสาย 14 จากสถานีอัมสเตอร์ดัมไปลงที่ป้าย Pontanusstraat จากนั้นเดินอีก 1 นาที โรงเบียร์จะอยู่ทางขวามือ
27. ดินเนอร์ที่ร้านอาหารมูน (Moon Restaurant)
ใครที่กำลังมองร้านอาหารดินเนอร์สุดโรแมนติกลองแวะไปที่ร้านอาหารมูน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ IJ ฝั่ง Amsterdam-Noord จุดเด่นของร้านนี้คือที่นั่งจะหันหน้าออกจากตึกและสามารถหมุนได้รอบด้านทำให้เห็นวิวอัมสเตอร์ดัมยามค่ำคืนแบบสวยสุด ๆ ไปเลย ที่สำคัญทางร้านยังมีเมนูให้เลือกหลายแบบไปจนไฟน์ไดน์นิ่งพร้อมเครื่องดื่ม ราคาอาหารอยู่ในระดับปานกลางขึ้นไป พอบวกกับรสชาติและบรรยากาศที่ลงตัวแล้วถือว่าคุ้ม ใครที่สนใจอย่าลืมจองโต๊ะล่วงหน้า ร้านนี้ยังตั้งอยู่ตึกเดียวกับจุดชมวิว Amsterdam Lookout อีกด้วย เดินทางสะดวกด้วยเรือข้ามฟากสาย F3 (เส้นทาง Centraal Station – Buiksloterweg) เพียง 5 นาที
28. เดินตลาดวินเทจวาเตอร์โลเพลิยน์ (Waterlooplein Market)
วาเตอร์โลเพลิยน์เป็นตลาดแนววินเทจขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี 1885 ตั้งอยู่ที่ Waterlooplein 2 ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินวาเตอร์โลเพลิยน์เพียง 1 นาที จุดเด่นของตลาดนี้คือรวมแผงลอยขายสินค้ามากกว่า 300 ร้าน โดยเฉพาะสินค้ามือสองอย่างเสื้อผ้าและหนังสือ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า วัตถุโบราณ และของกระจุกกระจิกทั่วไป ตลาดเปิดวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 09:00-17:30 น. ถ้าตัดสินใจแวะไปตลาดนี้ยังหาอาหารราคาราคาประหยัดทานได้ด้วย ที่สำคัญใกล้ตลาดยังมีร้านเช่าจักรยานไว้บริการนักท่องเที่ยวเช่นกัน
29. เดินเที่ยวตลาดดอกไม้บลูเมนมาร์ค (Bloemenmarkt)
บลูเมนมาร์คเป็นตลาดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงในอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ห่างจากย่านดัมสแควร์เพียง 7 นาที วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเดิน จุดเด่นของตลาดดอกไม้บลูเมนมาร์คแน่นอนว่ารวมดอกไม้นานาพันธุ์พร้อมปลูก ไปจนถึงดอกไม้สดและดอกไม้ทำมือสำหรับนำไปประดับตกแต่งห้อง ตลาดนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านขายฝากหลายแห่ง และมีมุมถ่ายภาพมหาชนในอินสตราแกรมอยู่ที่ร้านหัวมุมติดกับถนน Muntplein เช่นเดียวกับหอคอย Munttoren ที่เป็นร้านขายเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบกระเบื้องสีฟ้า เอาเป็นว่าถ้าไปเดินตลาดนี้แล้วมีของฝากมากมายแบบเลือกไม่ถูกเลย
30. แวะชิมช็อกโกโลนี่ดัตช์ชื่อดัง (Tony’s Chocolonely)
ใครที่มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตดัตช์อาจจะสะดุดตากับช็อกโกแลตยี่ห้อหนึ่งชื่อว่า “Tony’s Chocolonely” (โทนี่ช็อกโกโลนี่) ช็อกโกแลตนี้เป็นแบรนด์ดังสัญชาติเนเธอร์แลนด์แท้ ๆ ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 18% ความโด่งดังของโทนี่ช็อกโกโลนี่ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์ที่สะดุดตาเท่านั้นแต่รสชาติยังมีความเข้มข้นโดนใจผู้ทาน ทางแบรนด์ยังมีหน้าร้านตั้งอยู่ที่ตึก Beurs van Berlage ในย่านดัมสแควร์ ที่ผู้เข้าชมไม่เพียงแต่สามารถลิ้มลองช็อกโกแลตหลายรสชาติ แต่ยังสามารถออกแบบกระดาษห่อและเลือกรสชาติช็อกโกแลตที่ชื่นชอบได้ด้วย ติดกับหน้าร้านยังมีคาเฟ่บรรยากาศน่ารักเป็นของตัวเองอีก เอาเป็นว่าไปแล้วได้เที่ยวแบบสองต่อเลย
เวลาเปิด: ทุกวัน 11:00-19:00 น. (คาเฟ่เปิดเวลา 10:00-19:00 น.) การเดินทาง: เดินจากท่าเรือดัมรัค 5 นาที ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือของอาคาร Beurs van Berlage
31. ชิมชีสที่พิพิธภัณฑ์ชีสอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam Cheese Museum)
อัมสเตอร์ดัมชีสมิวเซียมเป็นร้านขายชีสเล็ก ๆ ที่ถูกออกแบบผสมกับพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีสให้กับผู้ที่สนใจ ตั้งอยู่ที่ Prinsengracht 112 ในย่านยอร์ดานถัดจากพิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์แฟรงค์เพียง 2 นาที ถ้าเดินเข้าไปในร้านจะพบกับชีสหลายชนิดที่จัดเรียงไว้เป็นหมวดหมู่อย่างสวยงาม สามารถชิมชีสเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อได้ ทางร้านยังขายของฝากแบบน่ารักอีกหลายประเภทรวมไปถึงขนมสโตรปวาเฟิลชื่อดัง ถ้าเดินต่อลงไปยังชั้นใต้ดินจะพบกับพิพิธภัณฑ์ชีสที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีสไว้หลายด้าน นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่สามารถใช้เวลาเที่ยวได้ภายใน 20-30 นาที
เวลาเปิด: ทุกวัน 10:00-19:00 น. การเดินทาง: นั่งรถรางสาย 12 จากสถานีอัมสเตอร์ดัมมาลงที่สถานีดัมสแควร์ จากนั้นเดินต่ออีก 8 นาทีจะเห็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายมือบนถนนปรินเซินครัคต์
กิจกรรมน่าสนใจในอัมสเตอร์ดัม
32. เช่าจักรยานปั่นชมเมืองอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยาน ผู้คนในท้องถิ่นยังนิยมใช้จักรยานเนื่องจากเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวกมากกว่ารถยนต์ นักท่องเที่ยวก็เช่นกันสามารถเช่าจักรยานปั่นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองได้อย่างสะดวก ราคาเริ่มต้นที่ 3-5 ยูโร ต่อ 1 ชั่วโมง และยังสามารถหาเช่ารายวันได้ในราคาเพียง 10-15 ยูโร (สำหรับจักรยานธรรมดา) และ 17-27ยูโร (สำหรับจักรยานไฟฟ้า)
ถ้าอยากเห็นบ้านใกล้เรือนเคียงอัมสเตอร์ดัมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ลองปั่นจักรยานไปที่ Ouderkerk aan de Amstel ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 30 นาที เมืองนี้มีขนาดเล็กและเหมาะสำหรับการชมบ้านเรือนรอบนอกอัมสเตอร์ดัม (ที่ไม่ได้สร้างติดกัน) ที่สำคัญยังเต็มไปด้วยโรงเรือนขนาดใหญ่สำหรับเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชผลทางการเกษตร รายล้อมด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวและลำคลองตามธรรมชาติ นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางปั่นจักรยานใกล้อัมสเตอร์ดัมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
33. นั่งรถรางสายประวัติศาสตร์อัมสเตอร์ดัม
สำหรับใครที่อยากสำรวจอัมสเตอร์ดัมแบบไม่ต้องเดินลองมานั่งรถรางสายประวัติศาสตร์กันดูบ้าง รถรางที่ว่านี้มีอายุกว่า 100 ปีเลยทีเดียว โดยได้รับการบูรณะให้คงความสวยงามไว้ตามแบบต้นฉบับและสามารถใช้งานได้ตามปกติ แถมตอนนั่งไปยังได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ที่รถรางวิ่งผ่านจากคนขับที่ทำหน้าที่เป็นไกด์ไปในตัวอีกด้วย
รถรางประวัติศาสตร์อัมสเตอร์ดัมมี 2 สาย คือ สาย 20 และ 30 สำหรับสาย 20 วิ่งผ่านตัวเมืองในอัมสเตอร์ดัม ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสวยงามของย่านสำคัญต่าง ๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง เช่น จัตุรัสดัมสแควร์ โบสถ์ Westerkerk ย่าน Leidseplein พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม โรงเบียร์ไฮเนเก้น สวนสัตว์ Artis โบสถ์ยิวโปรตุเกส สะพาน Skinny Bridge ย่าน Rembrandtplein และอีกมากมาย
รถรางสาย 20 วิ่งทุก 2-3 รอบต่อชั่วโมง เริ่มเวลา 11.00-17.00 น. จุดขึ้นรถรางตั้งอยู่ที่จัตุรัสดัมสแควร์ ค่าโดยสารไปกลับ 9 ยูโร ส่วนรถรางสาย 30 วิ่งจากพิพิธภัณฑ์รถรางอัมสเตอร์ดัมไปยังเมือง Amstelveen ตามรอบเวลาตั้งแต่ 11.00-17.00 น. ค่าโดยสารไปกลับ 7.50 ยูโร
34. ชมวิวอดัมและนั่งชิงช้าที่สูงที่สุดในยุโรป (A’DAM Lookout)
ปั่นจักรยานหรือนั่งรถรางชมเมืองกันแล้วลองเปลี่ยนบรรยากาศมาชมวิวอัมสเตอร์ดัมแบบพาโรนาที่จุดชมวิว A’DAM Lookout กันบ้าง ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกอดัม ใกล้ริมแม่น้ำ IJ ตัดกับเส้นขอบฟ้าของอัมสเตอร์ดัมอย่างดงาม เมื่อไปยืนอยู่บนจุดชมวิวอดัมนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับไฮไลท์ของทิวทัศน์อันงดงามแบบรอบด้าน ไล่ตั้งแต่ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ที่มีสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมเป็นฉากหลังอย่างลงตัว ไปจนถึงลำคลองเก่าแก่ของอัมสเตอร์ดัม ตามด้วยบ้านเรือนในย่านต่าง ๆ ที่มีผังเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ตลอดจนสถานที่สำคัญอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปอย่างไร้สิ่งกีดขวาง
นอกเหนือจากทัศนียภาพอันงดงามแล้ว ชั้นดาดฟ้าของตึกอดัมยังเป็นที่ตั้งของ “Over the Edge” ซึ่งเป็นชิงช้าที่สูงที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายความสูง โดยจะทยานขึ้นเหนือตึกและแกว่งออกไปด้านนอก แม้จะใช้เวลาไม่นานแต่ก็สูบฉีดอะดรีนาลีนหลั่งพลุกพล่านไปทั่วร่างกายได้ดีทีเดียว เอาเป็นว่าใครที่ชอบความตื่นเต้นแบบนี้ต้องลองแวะไปสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองสักครั้ง
ป.ล. ก่อนขึ้นมายังชั้นดาดฟ้าจะมีมุมสำหรับถ่ายภาพที่รวมมาในตั๋วเข้าชมแล้ว สามารถเลือกได้ 2 ท่า แล้วเขาจะเอาไปใส่ในพื้นหลังสำเร็จรูป 3 แบบ ตอนนั่งชิงช้าก็เหมือนกันมีเจ้าหน้าที่ถ่ายรูปให้ (ใช้โทรศัพท์ของที่นั้น) รวมถึงมีกล้องวิดีโอจับตอนชิงช้าแกว่งด้วย ทั้งหมดนี้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากอีเมล์โดยใช้รหัสที่ได้รับมาพร้อมตั๋วเข้าชม
เวลาเปิด: ทุกวัน 10:00-22:00 น. เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 21:00 น. ราคาตั๋ว: 16.50 ยูโร (จุดชมวิว) 6 ยูโร (นั่งชิงช้า) การเดินทาง: จุดชมวิวอดัมตั้งอยู่ฝั่ง Amsterdam-Noord สามารถนั่งเรือข้ามฟากสาย F3 ฟรีจากท่าเรือริมแม่น้ำ IJ ใกล้กับสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมไปยังท่าเรือ Buiksloterweg (2 นาที) จากนั้นเดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนน IJpromenade ริมแม่น้ำ IJ ผ่านสะพาน Volewijckbrug จะเห็นทางเข้าตึกอดัมตั้งอยู่ทางขวามือ
35. ชมดอกซากุระบานที่สวนสาธารณะ Bloesempark
สำหรับใครที่มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมระหว่างช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคมมีโอกาสที่จะได้เห็นดอกซากุระบานสะพรั่ง โดยเฉพาะที่สวนสาธารณะ Bloesempark มีต้นซากุระมากถึง 400 ต้น เหมาะสำหรับการเก็บภาพสวย ๆ และสัมผัสความมีชีวิตชีวาของฤดูดอกไม้บานไปในตัว นอกจากสวนสาธารณะแห่งนี้แล้วถ้าปั่นจักรยานไปนอกเมืองอัมสเตอร์ดัมก็ต้นซากุระบานสะพรั่งตามบ้านเรือนของคนท้องถิ่นให้เห็นเช่นกัน
36. ทัวร์สนามฟุตบอลโยฮัน ไกรฟฟ์ อาเรนา (Johan Cruijff ArenA)
สนามฟุตบอลโยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา เดิมชื่ออัมสเตอร์ดัมอาเรนา (Amsterdam ArenA) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวน่าสนใจของอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ที่ย่าน Zuidoost ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 นาที ความน่าสนใจของที่นี่นอกจากจะเป็นสนามเหย้าของสโมสรทีมฟุตบอลชื่อดังอย่าง AFC Ajax อัมสเตอร์ดัมแล้ว (ภาษาดัตช์: อายักซ์) ยังเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ ชื่อของสนามฟุตบอลโยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา ได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในปี 2018 เพื่อเป็นเกียรติแก่ให้กับโยฮัน ไกรฟฟ์ ตำนานนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสร หากแวะไปเที่ยวที่นี่ไม่เพียงแต่จะสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของโลกแห่งฟุตบอล แต่ยังจะได้เรียนรู้เรื่องราวของนักเตะในตำนานคนนี้ด้วย
เวลาเปิด: ทุกวัน 09:30-16:30 น. ราคาตั๋ว: 20 ยูโร การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 54 จากสถานีอัมสเตอร์ดัมมาลงที่สถานี Bijlmer Arena จากนั้นเดินอีก 7 นาทีไปยังประตูทางเข้าหลัก E
37. ชมพิพิธภัณฑ์อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam Museum)
พิพิธภัณฑ์อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ใจกลางเมืองภายในอาคารเก่าแก่จากศตวรรษที่ 16 ระหว่างถนน Kalverstraat และถนน Nieuwezijds Voorburgwal ห่างจาก Begijnhof เพียง 2 นาที ทำหน้าที่บอกเล่าข้อมูลเชิงลึกทางประวัติศาสตร์และการพัฒนาเมืองจนทำให้อัมสเตอร์ดัมกลายมาเป็นเมืองหลวงที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปไว้ได้อย่างน่าสนใจ
ภายในยังรวบรวมคอลเล็กชันและของสะสมของพิพิธภัณฑ์ที่ประกอบด้วยวัตถุประมาณ 80,000 ชิ้น และการจัดแสดงนิทรรศการถาวรและนิทรรศการชั่วคราวที่มีการหมุนเวียนเป็นประจำเพื่อความหลากหลาย เหมาะสำหรับการเข้าชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 1.5 ชั่วโมง หากเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้วจะทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์และความเจริญของกรุงอัมสเตอร์ดัมมากยิ่งขึ้น และนั้นถึงแม้ว่าจะกลายมาเป็นเมืองหลวงแห่งเสรีภาพแล้ว แต่เชื่อว่าอัมสเตอร์ดัมยังคงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาเมืองให้ก้าวไปถึงขีดสุดในหลาย ๆ ด้าน
เวลาเปิด: ทุกวัน 10:00-17:00 น. ราคาตั๋ว: 18 ยูโร การเดินทาง: เดินจากสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมใช้เวลาประมาณ 17 นาที หรือนั่งรถรางสาย 2 หรือ 12 จากสถานีรถรางอัมสเตอร์ดัม (Westzijde) ไปลงที่สถานี Dam/Paleisstraat แล้วเดินต่ออีก 3 นาทีไปยังพิพิธภัณฑ์
38. แวะไปถ่ายภาพกับสะพานสกินนี่ (Skinny Bridge)
สะพานสกินนี่หรือในภาษาดัตช์เรียกว่า Magere Brug เป็นสะพานที่มีรูปทรงแปลกตา ตั้งอยู่ระหว่างถนน Keizersgracht และ Prinsengrachtใช้สำหรับเป็นเส้นทางเดินเท้าและเส้นทางจักรยานข้ามแม่น้ำอัมสเตล โดยมีจุดเด่นคือทาด้วยสีขาว ในขณะที่ส่วนใต้สะพานมีความกว้างเพียงพอที่เรือนำเที่ยวสามารถลอดผ่านไปได้ ที่สำคัญตอนกลางคืนยังสวยเป็นพิเศษด้วยไฟประดับมากถึง 1,200 ดวง สะพานนี้ยังปรากฎอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมไปถึงภาพยนตร์เจมส์บอนด์ “Diamonds Are Forever” ในปี 1971 ซึ่งเล่าถึงตำนานของสะพานที่สร้างขึ้นโดยไกด์นำเที่ยวทางเรือ ใครที่สนใจอยากแวะไปถ่ายรูปกับสะพานนี้สามารถเดินจากดอกไม้บลูเมนมาร์คเพียง 13 นาที
39. เล่นสเก็ตที่งาน ICE Amsterdam
ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศหนาวลองแวะไปที่งาน ICE Amsterdam ในย่านมิวเซียมเพลิยน์ใกล้กับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม ไฮไลท์ของงานนี้นอกจากจะมีลานสเก็ตขนาดใหญ่แล้ว ยังเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่จะพานักท่องเที่ยวไปดื่มด่ำกับบรรยากาศในฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาสได้เป็นอย่างดี งานไอซ์อัมสเตอร์ดัมจัดขึ้นประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนถึงสิ้นเดือนธันวาคมเกือบทุกปี ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบวันและเวลาที่แน่ชัดจากเว็บไซต์ทางการก่อนไปเยือน
40. ชมวิวกรุงอัมสเตอร์ที่สกายเลานจ์ (Sky lounge Amsterdam)
สกายเลานจ์ตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงแรม DoubleTree by Hilton สามารถเดินไปได้จากสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมประมาณ 10 นาที เมื่อถึงโรงแรมแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดจะพบกับพื้นที่สองโซนให้เลือก คือ ด้านในเหมาะสำหรับทานอาหารและเครื่องดื่ม มาพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ในขณะที่ด้านนอกเป็นพื้นที่เปิดโล่งไม่มีหลังคา เหมาะสำหรับดินเนอร์และชมวิวสวย ๆ ของกรุงอัมสเตอร์ดัมไปในตัว เลาจน์แห่งนี้ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเข้าใช้บริการ ถ้าเป็นไปได้ควรจองโต๊ะล่วงหน้า
41. สังสรรค์ตามแบบฉบับชาวดัตช์ที่คลับตอนตอน (Ton Ton Club)
มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมทั้งทีอาจจะสัมผัสบรรยากาศการสังสรรค์ตามแบบฉบับชาวดัตช์ Ton Ton Club เป็นบาร์ที่จะให้ภาพบรรยากาศนั้นกับเรา ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 15 นาที ความพิเศษของบาร์นี้คือรวมร้านอาหารและตู้เกมส์ไว้ด้วยกัน แบบทานข้าวเสร็จสามารถเดินไปแลกเหรียญมาเล่นเกมส์ต่อได้เลย นับว่าเป็นสถานที่คู่รักหนุ่มสาวนิยมมาออกเดตกัน ถ้าวางแผนจะไปร้านนี้อย่าลืมจองโต๊ะล่วงหน้า (เพราะโต๊ะจะเต็มเร็วมาก)
42. แวะซื้อของฝากที่ร้านขายของสุดน่ารัก (Dille & Kamille)
ถ้าอยากได้ของฝากแบบไม่จำเจและเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ลองแวะไปที่ Dille & Kamille ร้านค้าปลีกสุดน่ารักที่รวมสินค้าเกือบทุกอย่างภายในบ้านและครัวเรือน เราได้มีโอกาสแวะไปที่นี่โดยบังเอิญและค้นพบว่าสามารถหาซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไทยได้เช่นกัน โดยเฉพาะขนมดัตช์ แม่พิมพ์ขนมปัง ชาและเครื่องเทศ รวมถึงสบู่และน้ำมันธรรมชาติที่กลิ่นหอมม๊ากมาก ที่สำคัญร้านนี้มีสาขาตั้งอยู่เกือบทุกเมืองในประเทศเนเธอร์แลนด์เลย
43. เที่ยวหมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse Schans)
นอกจากที่เที่ยวในอัมสเตอร์ดัมที่กล่าวไปตามลิสต์ข้างต้นแล้ว นอกเมืองอัมสเตอร์ดัมยังมีที่เที่ยวแบบครึ่งวันน่าสนใจอีกหลายแห่ง รวมถึงหมู่บ้านกังหันลม Zaanse Schans ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที ความน่าสนใจของหมู่บ้านนี้แน่นอนว่ามีบรรยากาศที่เงียบสงบตามแบบฉบับชนบทนอกเมือง และยังเหมาะสำหรับการชมกังหันลมริมแม่น้ำซานส์ รวมถึงชมพิพิธภัณฑ์ซานส์ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน แถมมีผลงานศิลปะหลายแขนงและอดีตโรงงานทำช็อกโกแลตให้เข้าชมอีกด้วย
การเดินทาง: นั่งรถบัสสาย 391 จากสถานีรถไฟอัมสเตอร์ดัมใช้เวลาประมาณ 45 นาที รถบัสจะไปจอดที่สถานีซานส์สคันส์ จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาทีจะเห็นทางเข้าหมู่บ้านตั้งอยู่ทางขวามือ ค่ารถบัสไปกลับประมาณ 7-8 ยูโร
44. เที่ยวเมืองฮาร์เลม (Haarlem)
ฮาร์เลมเป็นเมืองเพื่อนบ้านที่ห่างจากกรุงอัมสเตอร์ดัมประมาณครึ่งชั่วโมง เดินทางสะดวกทั้งรถไฟและรถโดยสารประจำทาง เสน่ห์ของเมืองฮาร์เลมคือมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกเข้าชมหลากหลาย ทั้งมหาวิหารเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะ พิพิธภัณฑ์กังหันลม ทั้งยังสามารถขึ้นหอคอยมหาวิหารโดมไปชมความสวยงามเมืองฮาร์เลมได้ด้วย ถ้ามีเวลาเหลือก็สามารถเดินเล่นชมบ้านเรือนที่มีรูปทรงสวยงามสะดุดตา หรือจะล่องเรือชมความสวยงามของทิวทัศน์รอบเมืองจากแม่น้ำสปาร์เนอร์ก็เป็นไอเดียที่ดีเช่นกัน ส่วนใครที่มาเที่ยววันเสาร์ยังสามารถแวะไปเดินเล่นตลาดนัดประจำสัปดาห์ได้ด้วย
สรุปสถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม
สถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม ดังลิสต์ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวในกรุงอัมสเตอร์ดัมเท่านั้น เพราะยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งที่เราอาจนำมาเพิ่มลงในบทความฉบับนี้ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีเวลาเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม 1-2 วัน แนะนำให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์สำคัญและที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ก่อน พอตกตอนบ่ายค่อยเดินไปตามย่านต่าง ๆ โดยเฉพาะย่านลำคลองที่มีมุมถ่ายภาพสวยทุกมุมเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้การเริ่มต้นเที่ยวแต่เช้าตรูก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยหลีกเลี่ยงความแออัดได้ดี ที่สำคัญช่วงหน้าร้อนพระอาทิตย์จะตกช้าเป็นพิเศษ (ประมาณสี่ทุ่ม) นั้นก็ทำให้มีเวลาเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡