บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงที่สวยงามของฮังการี ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันออก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปราก (Prague) ประมาณ 525 กม. ได้ชื่อว่าเป็นมหานครที่มีเสน่ห์ติดอันดับโลก จนได้รับฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ซึ่งมาจากสายน้ำขนาดใหญ่ที่แบ่งบูดาเปสต์ออกเป็นสองฝั่งด้วยกัน คือ “บูดา” (Buda) ซึ่งเป็นเนินเขาและที่อยู่อาศัย และ “เปสต์” (Pest) ซึ่งเป็นพื้นที่ราบและย่านการค้า ทั้งสองฝั่งนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันน่าสนใจ
บทความนี้จะพาทุกคนวางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ไปด้วยกัน เพื่อสำรวจและค้นหาที่เที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจระหว่างการเยี่ยมชมบูดาเปสต์ และยังครอบคลุมถึงการเดินทางในเมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะ งบประมาณในการเที่ยวบูดาเปสต์ และข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางมาเที่ยวที่เมืองแห่งสปาและปราสาทด้วยตัวเอง
เที่ยวบูดาเปสต์ช่วงไหนดี
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวบูดาเปสต์คือปลายฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูใบไม้ร่วง ประมาณกลางเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน หรือก่อนและหลังฤดูร้อน ระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม ทั้งสองช่วงอากาศอบอุ่นกำลังดี จำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น ตั๋วเครื่องบินและที่พักมักมีราคาไม่แพง
บัตรท่องเที่ยวบูดาเปสต์
เพื่อความประหยัดก่อนไปเที่ยวบูดาเปสต์ ลองพิจารณาซื้อบัตร Budapest Card ครอบคลุมการเที่ยวในบูดาเปสต์ 1-5 วัน ใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบไม่จำกัดและเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและพิพิธภัณฑ์ชั้นนำในบูดาเปสต์กว่า 30 แห่งได้ฟรี นอกจากนี้ยังรวมถึงเข้าร่วมทัวร์ชมเมืองกับไกด์ท้องถิ่นชำนาญการ และผ่อนคลายไปกับสระน้ำร้อนที่ St. Lukacs Thermal Bath พร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับการล่องเรือ ร้านอาหาร และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
ทริปเที่ยวบูดาเปสต์เป็นส่วนหนึ่งของการขับรถเที่ยวในยุโรป 2 อาทิตย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สโลวีเนีย ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเราได้แชร์ประสบการณ์และรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวในประเทศเหล่านี้ไว้อย่างละเอียด ใครที่สนใจสามารถแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงก์แนบ
เที่ยวบูดาเปสต์: วันที่ 1
(ที่เที่ยวยอดนิยมในบูดาเปสต์)
เริ่มต้นการเที่ยววันแรกในบูดาเปสต์ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำดานูบอย่างอาคารรัฐสภาฮังการี ตามด้วยรองเท้าแห่งชีวิตริมแม่น้ำดานูบ จากนั้นข้ามสะพานเชนเพื่อไปชมปราสาทบูดา ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโบสถ์แมทเทียส ป้อมปราการชาวประมง รวมถึงวิหารเซนต์สตีเฟ่น และปิดท้ายวันแรกด้วยแสงไฟและทัศนียภาพที่สวยงามยามค่ำคืนรอบรอบแม่น้ำดานูบ
เที่ยวบูดาเปสต์: อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungarian Parliament Building)
ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อพูดถึงฮังการีสิ่งแรกที่หลายคนอาจจะนึกถึงคืออาคารรัฐสภาที่ตั้งโดดเด่นสง่าอยู่ริมแม่น้ำดานูบสะท้อนความงดงามทั้งกลางวันและกลางคืน และในเมื่อเดินทางมาเยือนฮังการีด้วยตัวเองแล้วก็ไม่ควรพลาดเข้าชมเป็นอันดับแรก ๆ
อาคารรัฐสภาของฮังการี (ภาษาฮังการี: Országház) หรือที่รู้จักในชื่อรัฐสภาแห่งบูดาเปสต์ เป็นอาคารที่สูงที่สุดในบูดาเปสต์และเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตัวอาคารได้รับการออกแบบในสไตล์นีโอกอทิกอย่างวิจิตรบรรจง มีการตกแต่งด้วยทองคำอย่างหรูหราทั้งภายในและภายนอก ด้านในประกอบไปด้วยห้องเกือบ 700 ห้อง ประตูทางเข้า 28 ทาง เปรียบเสมือนสถานที่เก็บของล้ำของประเทศชาติที่ยากเกินจะประเมินราคา
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมความงดงามของอาคารรัฐสภาของฮังการีได้กับมัคคุเทศก์ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการ เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์แล้วเพียงยื่นตั๋วที่จองไว้ให้กับเจ้าหน้าที่และรับเครื่องบรรยายออดิโอไกด์ ทัวร์จะเริ่มขึ้นตามรอบเวลาและอาจต้องรอนิดหนึ่งเนื่องจากจำกัดจำนวนผู้เข้าชมแต่ละรอบ โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ทัวร์เริ่มต้นด้วยการเดินผ่านบันได 28 ขั้นไปยังอาคารชั้นหลักที่งดงาม ก่อนจะผ่าน “The Grand Stairway” ซึ่งเป็นบันได 96 ขั้นปูด้วยพรมแดงจากทางเข้าหลักไปยังโดมฮอลล์ ประดับฝาผนังด้วยจิตรกรรมขนาดใหญ่สองภาพและภาพจิตรกรรมขนาดเล็กหนึ่งภาพซึ่งวาดโดยจิตรกรระดับปรมาจารย์ “คาโรลี ลอตซ์” (Károly Lotz)
บริเวณนี้ผู้เข้าชมได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แต่เมื่อถึงไฮไลท์ของห้องถัดไปไม่สามารถถ่ายรูปได้ นั้นก็คือ “The Dome Hall” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาคารรัฐสภาของฮังการีและยังเป็นสถานที่เก็บมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์สตีเฟนที่ 1 แห่งฮังการีและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชาภิเษกซึ่งเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงโดยองครักษ์สองคนของกองทัพฮังการี
นอกจากมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพระเอกของงานแล้ว ถ้ามองขึ้นไปด้านบนของโดมฮอลล์จะพบกับเพดานโค้งสูงสิบหกซี่โครงพร้อมหน้าต่างกระจกสีกระจายอยู่ระหว่างซี่โครง รอบ ๆ ห้องมีเสาหินแกรนิตที่พบได้เพียง 12 เสาในโลก ที่ฐานของเสามีรูปปั้นผู้ปกครองชาวฮังการี ส่วนหน้าต่างกระจกสีล้อมรอบพื้นที่ทั้งสองด้านแสดงถึงผลงานศิลปะที่โดดเด่นจากฝีมือของศิลปินกระจกสี “มิกซา รอธ” (Miksa Róth) ทั้งหมดนี้เหนือสิ่งอื่นใดคือการขอบคุณตัวเองที่ได้มาเห็นกับตา
ต่อมาคือ “The Lounge of the Chamber of Peers” เป็นห้องนั่งเล่นของอดีตสภาผู้แทนราษฎร โดดเด่นด้วยทางเดินที่ประดับด้วยพรมทอมือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเปล่งประกายด้วยสีเทอร์ควอยซ์ เดินต่อไปจะเข้าสู่ห้อง “The Chamber of Peers” ที่ใครหลายเห็นมาบ้างจากอินเทอร์เนต
ที่นี่คือรัฐสภาของฮังการีพร้อมที่นั่งสำหรับสมาชิก 453 คน ถูกจัดวางเรียงกันเป็นเจ็ดแถวแบบรูปเกือกม้าสวยงามตระการตาด้วยสีน้ำตาล สีเขียว และสีแดง ห้องโถงยังมีแผงที่ทำจากไม้โอ๊คสลาโวเนียน ตกแต่งด้วยทองคำ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงบทบาททางประวัติศาสตร์ของขุนนางทั้งสองฝ่าย องค์ประกอบทุกอย่างถูกสรรค์สร้างอย่างวิจิตรงดงาม
ส่วนสุดท้ายของทัวร์จะพาเรามาหยุดที่ห้อง “The Béla Neÿ hall” ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการและแบบจำลองมาตราส่วน 1:100 ของอาคารรัฐสภา ดูแล้วจะเข้าใจมากขึ้นถึงวิธีการสร้างและประวัติศาสตร์ของอาคารแห่งนี้ จากนั้นเราจะเดินผ่านพื้นที่ร้านขายของที่ระลึกขนาดเล็กไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้าเพื่อคืนเครื่องบรรยายออดิโอไกด์ ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าสำหรับการเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง
เที่ยวบูดาเปสต์: รองเท้าริมแม่น้ำดานูบ (Shoes on the Danube Bank)
หลังจากเข้าชมอาคารรัฐสภาฮังการีแล้วเดินไปตามริมแม่น้ำดานูบทางใต้ประมาณ 5 นาทีจะพบกับอนุสรณ์สถานอันเรียบง่ายแต่น่าเยือกเย็นที่ชื่อว่า “Shoes on the Danube Bank” ซึ่งมีรองเท้าเหล็ก 60 คู่วางเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวยิวที่ถูกคร่าชีวิตไปกว่า 20,000 คนเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองระหว่างปี ค.ศ. 1944-1945
ชาวยิวถูกไล่ต้อนจากกลุ่มกองทหารลัทธิฟาสซิสต์ตามบ้านเรือนมาจนถึงริมแม่น้ำและถูกสั่งให้ถอดรองเท้าออก (เนื่องจากรองเท้าเป็นสินค้าที่มีค่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสามารถนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนในตลาดมืดได้) ก่อนที่จะถูกยิงและร่างไร้วิญญาณได้ล่วงไปในแม่น้ำอย่างเลือดเย็น ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่บ้างก็ถูกมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าและล่วงลงไปในแม่น้ำพร้อมกับคนที่ถูกยิงและส่วนใหญ่เสียชีวิตเกือบทันทีด้วยอากาศที่หนาวเย็น
รองเท้า 60 คู่ที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตชาวยิวกว่า 800 คนที่ถูกคร่าไปเพราะความโหดร้ายของสงคราม ทั้งหมดมีขนาดและแบบที่ต่างกันทั้งของผู้หญิง ผู้ชาย และรองเท้าเด็ก พื้นรองเท้าอยู่ในสภาพที่สึกหร่อ เราไม่มีทางรู้เลยว่าใบหน้าของคนที่เป็นเจ้าของรองเท้าเป็นอย่างไร พวกเขาทำอาชีพอะไร แต่ที่รู้นั้นจุดจบของชีวิตผู้บริสุทธิ์จากการเหยียดเชื้อชาติจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสูญเสียไปตลอดกาล
เที่ยวบูดาเปสต์: สะพานเชน (Chain Bridge)
ถัดจากรองเท้าริมแม่น้ำดานูบไปประมาณ 9 นาทีจะเป็นที่ตั้งของสะพานเชน (ภาษาฮังการี: Széchenyi lánchíd) หนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมและแลนด์มาร์คที่น่าจดจำของบูดาเปสต์ ตัวสะพานมีความยาวประมาณ 375 เมตรสร้างด้วยเหล็กแขวนลูกโซ่ใช้สำหรับทอดข้ามแม่น้ำดานูบระหว่างเมืองฝั่งบูดาและเปสต์ สะพานสามารถมองเห็นได้ไกลจากปราสาทบูดา ตอนกลางคืนยังให้บรรยากาศที่สวยงามด้วยแสงไฟประดับ เหมาะทีเดียวสำหรับการเดินชมทิวทัศน์ที่สวยงามริมแม่น้ำดานูบ
เที่ยวบูดาเปสต์: ปราสาทบูดา (Buda Castle)
จากสะพานเชนสามารถเดินข้ามข้ามไปยังฝั่งบูดาจะพบกับรถราง (Buda Hill Funicular) ขึ้นไปยังปราสาทบูดา (ภาษาฮังการี: Budavári Palota) ในอดีตถูกเรียกว่าพระราชวังสร้างด้วยสไตล์บาโรกขนาดใหญ่
ปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เรากำลังเดินอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1749-1769 และรวมที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง คือ หอศิลป์แห่งชาติฮังการี (Hungarian National Gallery) และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บูดาเปสต์ (Budapest History Museum) หอสมุดแห่งชาติ (National Széchényi Library) ทั้งสามแห่งเปิดให้บุคคทั่วไปเข้าชม รวมไปถึงโบสถ์แมทเทียสและป้อมปราการชาวประมงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลประมาณ 12 นาที
รอบ ๆ ปราสาทบูดามีบรรยากาศที่ดี ถ้ามองลงไปที่แม่น้ำดานูบจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง ตอนกลางคืนที่นี่จะสวยเป็นพิเศษ แต่ค่อนข้างเงียบสงบกว่าฝั่งเปสต์ เพราะที่เที่ยวในปราสาทส่วนใหญ่ปิดเวลาหกโมงเย็น ส่วนร้านอาหารและบาร์บางแห่งปิดประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน งานปาร์ตี้และสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็เลยคึกคักเป็นพิเศษที่ย่านเปสต์แทน
- เวลาเปิด: ด้านนอกปราสาทเปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
- หอศิลป์แห่งชาติ: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น. (ปิดวันจันทร์)
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บูดาเปสต์: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น. (มีนาคม-ตุลาคม) วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-16:00 น.
เที่ยวบูดาเปสต์: พระราชวังซันดอร์ (Sándor Palace Hungary)
ติดกับปราสาทบูดาใกล้กับจุดขึ้นรถรางจะเป็นที่ตั้งของวังซานเดอร์ (ภาษาฮังการี: Sándor Palace Hungary) สร้างด้วยสไตล์นีโอคลาสสิกให้ความสง่างามที่เรียบง่าย ว่ากันว่าด้านในนั้นสร้างในสไตล์บาโรกที่มีความหรูหรากว่าส่วนหน้าของวังเป็นเท่าตัว
ปัจจุบันที่นี่ใช้เป็นที่พำนักและทำงานอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งฮังการีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ด้านในเปิดให้เข้าชมเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนด้านนอกจะมีพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามทุกชั่วโมง ระหว่างเวลา 10:00-16:00 น.ใครที่มีเวลาก็แวะไปชมกิจกรรมดังกล่าวกันได้
เที่ยวบูดาเปสต์: โบสถ์แมทเทียส (Matthias Church)
เดินเล่นเรื่อย ๆ ผ่านพระราชวังซันดอร์ไปตามถนน Hunyadi János út ในที่สุดก็จะพบกับโบสถ์แมทเทียส (ภาษาฮังการี: Mátyás-templom) โดดเด่นด้วยสีขาวมาแต่ไกล ที่นี่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ในสไตล์กอทิกและได้รับการบูรณะหลายครั้งจนเป็นแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน หลังคายังปูด้วยกระเบื้ยง Zsolnay ที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับโครงสร้างทั้งหมด
ในอดีตใช้สำหรับพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ฮังการี ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่างๆ ด้านบนโบสถ์มีหอคอยที่สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ เปิดทุกวัน 09:00-17:00 น. (วันเสาร์เปิดถึงบ่ายโมง) ซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่สำนักงานด้านหน้าป้อมปราการชาวประมง 2,900 HUF
เที่ยวบูดาเปสต์: ป้อมปราการชาวประมง (Fishermen’s Bastion)
ถัดจากโบสถ์แมทเทียสก็จะเป็นป้อมปราการชาวประมง (ภาษาฮังการี: Halászbástya) สร้างในสไตล์นีโอกอทิกและนีโอโรแมนติก โดดเด่นด้วยหอคอยประดับเจ็ดแห่งซึ่งเป็นตัวแทนของชนเผ่าฮังการีทั้งเจ็ดที่พิชิตดินแดนฮังการี ด้านหน้าป้อมปราการมีอนุสาวรีย์รูปปั้นนักขี่ม้าของพระเจ้าอิชต์วานที่ 1 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของฮังการี
เราสามารถเดินเล่นรอบ ๆ ป้อมปราการชาวประมงโดยไม่เสียค่าเข้าชม แต่ถ้าต้องการขึ้นไปหอคอยต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มเติม 1,200 HUF ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้าไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอยยังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ แต่ถ้าอยากขึ้นไปจริง ๆ ลองมาช่วงเวลา 9 โมงเช้าหรือ 2 ทุ่มจะได้ขึ้นไปบนหอคอยฟรี
บรรยากาศที่ป้อมปราการชาวประมงตอนบ่ายคนจะเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาหลังสิบโมงเช้าแล้วก็บ่ายสองบ่ายสาม ยิ่งในช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินคนจะเยอะมาก ถ้าอยากหลีกเลี่ยงคนเยอะ ๆ แนะนำให้มาแต่เช้าไม่งั้นก็มาตอนเย็น ๆ แทน ส่วนกลางคืนคือดีมาก มองเห็นอาคารรัฐสภาฮังการีสีเหลืองทองแบบสุด ๆ ไปเลย ที่นี่เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
เที่ยวบูดาเปสต์: วิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Basilica)
จากโบสถ์แมทเทียสสามารถเดินลงเขาประมาณ 8 นาทีเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย M2 จากสถานี Déli pályaudvar ไปลงที่สถานี Batthyány tér และเดินอีกประมาณ 15 นาทีจะเจอกับทางเข้าเลย
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (ภาษาฮังการี: Szent István-Bazilika) เป็นมหาวิหารคาทอลิกที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบูดาเปสต์ สร้างขึ้นในสไตล์นีโอคลาสสิก และโบสถ์มีแปลนไม้กางเขนแบบกรีก ด้านหน้าอาคารมีลักษณะเป็นหอระฆังขนาดใหญ่สองแห่ง หอคอยทางใต้มีระฆังที่ใหญ่ที่สุดของฮังการี
ด้านในมีวิหารและแท่นบูชา หน้าต่างแสดงภาพนักบุญที่สวยงาม รวมไปถึงพระหัตถ์ของนักบุญสตีเฟนประดับด้วยใบไม้สีทองและกำไลมุกทับทิม ด้านบนมีหอคอยสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพแบบพาโนรามาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองได้จากหอคอยด้านขวา ลิฟต์จะพาเราขึ้นไปถึงครึ่งทางจากนั้นเราต้องปีนขึ้นบันไดและออกมาด้านนอกก็จะมองเห็นวิวที่สวยงาม ค่าเข้าชมโบสถ์ 2,300 HUF หอคอย 4,300 HUF ตั๋วรวมโบสถ์และหอคอย 6,000 HUF
เที่ยวบูดาเปสต์: จัตุรัสลิเบอร์ตี้ (Liberty Square)
จัตุรัสลิเบอร์ตี้ (ภาษาฮังการี: Szabadság tér) เป็นจัตุรัสสาธารณะที่ตั้งอยู่ในย่าน Lipótváros จัตุรัสแห่งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างธุรกิจและที่อยู่อาศัยเข้าด้วยกัน รวมสถานทูตสหรัฐอเมริกาและอดีตบ้านของตลาดหลักทรัพย์บูดาเปสต์ และสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งชาติฮังการี
ใจกลางจัตุรัสเราจะสังเกตเห็นอนุสรณ์สถานสงครามโซเวียตสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของการปลดปล่อยบูดาเปสต์โดยสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2488 รวมไปถึงอนุสาวรีย์นายพล Harry Hill Bandholtz แห่งสหรัฐอเมริกา และอนุสรณ์ผู้ตกเป็นของการยึดครองของนาซีเยอรมัน
เที่ยวบูดาเปสต์: สวนสาธารณะเอลิซาเบซใจกลางเมือง (Elizabeth Square)
ไม่ไกลจากจัตุรัสลิเบอร์ตี้เราเดินมายัง Elizabeth Square ซึ่งเป็นสวนสาธารณะใจลางเมืองตั้งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่งหลักสำหรับขึ้นรถบัสไปสนามบิน ที่นี่มีจุดเด่นคือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามตระการตาของเมืองบูดาเปสต์ รวมไปถึงพื้นที่นั่งพักผ่อนระหว่างวัน
เที่ยวบูดาเปสต์: โบสถ์ยิวบูดาเปสต์ (The Great Synagogue)
จากจัตุรัสลิเบอร์ตี้เดินตามถนน Károly krt ไปประมาณ 10 นาทีจะเจอกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางศาสนาของเมืองบูดาเปสต์อีกหนึ่งแห่งก็คือโบสถ์ยิว (ภาษาฮังการี: Dohány Street Synagogue) ซึ่งโบสถ์ยิวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย โดยสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2397-2402 นำเสนอสถาปัตยกรรมฟื้นฟูแขกมัวร์พร้อมลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอิสลามและการตกแต่งภายในที่สวยงาม สามารถรองรับผู้มาสักการะได้มากถึง 3,000 คน มีห้องแสดงภาพผู้ชาย ห้องแสดงภาพผู้หญิง และทางเดินตรงกลาง
โบสถ์ยิวบูดาเปสต์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพร้อมไกด์ทัวร์ ที่จะพาผู้เข้าชมไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีวิตชาวยิวในฮังการีก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สองผ่านสิ่งของในชีวิตประจำวันที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ Hungarian Jewish Museum ถัดจากพิพิธภัณฑ์จะเป็นในส่วนของวิหารวีรบุรุษ (Heroes’ Temple) สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารยิวฮังการีที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
นอกจากนี้ที่ลานภายในของสุเหร่ายังเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานให้เกียรติแก่เหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยมีไฮไลท์คือต้นไม้ที่ใบมีการสลักชื่อเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และโล่ประกาศเกียรติคุณผู้ช่วยชีวิตที่ไม่ใช่ชาวยิว และปิดท้ายที่สวนหลังบ้านซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของผู้เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นทัวร์ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมได้ทำความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับโบสถ์ยิวบูดาเปสต์ รวมถึงได้สัมผัสถึงความสำคัญและจิตวิญญาณที่ยืนยงของชุมชนชาวยิวในฮังการีผ่านพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์ดังที่กล่าวไปข้างต้น
เที่ยวบูดาเปสต์: วันที่ 2
(ที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์และเดินตลาด)
วันที่ 2 ของการเที่ยวบูดาเปสต์เราจะไปเยือนที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างจัตุรัสวีรบุรุษ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ จากนั้นก็ไปชมปราสาทไวย์ดาฮุดยาด ต่อด้วยเดินเล่นและแวะพักที่จุดขึ้นบอลลูนชมวิว ซึ่งอยู่ใกล้กับสระอาบน้ำเซเยนซี ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแวะไปทานอาหารราคาประหยัดที่ตลาดสดในร่มบูดาเปสต์ และปิดท้ายด้วยขนมหวานและกาแฟที่นิวยอร์กคาเฟ่
เที่ยวบูดาเปสต์: จัตุรัสวีรบุรุษ (Hero Square)
ฮังการีได้ผ่านช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์และการปกครองมามากมาย และการมาเยือนฮังการีจนครบสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่ได้แวะมาเยี่ยมชมจัตุรัสวีรบุรุษ (ภาษาฮังการี: Hősök tere) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดและถูกถ่ายรูปมากที่สุดของบูดาเปสต์ ใจกลางเป็นพื้นที่เปิดโล่งดึงดูดสายตาด้วยอนุสาวรีย์พันปี (Millennium Monument) ซึ่งเป็นเสาความสูง 36 เมตร บนยอดเสาประดับอัครเทวดากาเบรียลสีทอง สวมมงกุฎฮังการีและไม้กางเขนคู่อัครสาวกอยู่ในมือ
ที่ฐานของเสาแสดงรูปปั้นคนขี่ม้าของหัวหน้าเผ่าของฮังการี Magyar ทั้งเจ็ดเผ่านำโดยเจ้าชาย Árpád ซึ่งมีบทบาทในการก่อตั้งและรวมประเทศฮังการี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 รูปปั้น 14 รูปในแนวเสาด้านหลังเป็นของผู้ปกครองและรัฐบุรุษ ตั้งแต่พระเจ้าสตีเฟน (ซ้ายสุด) ไปจนถึง Lajos Kossuth (ขวาสุด)
ทางด้านขวาของอนุสาวรีย์พันปียังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮังการี (Kunsthalle Budapest) ส่วนด้านซ้ายคือพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ (Museum of Fine Arts) ส่วนที่ปลายของจัตุรัสคือถนน Andrássy Avenue ซึ่งเป็นเส้นทางกลับไปยังตัวเมือง ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นคือทางเข้าสวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ที่รวมที่เที่ยวยอดนิยมอย่างปราสาทไวย์ดาฮุดยาดและสระอาบน้ำเซเยนซีไว้นั้นเอง
เที่ยวบูดาเปสต์: สวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ (City Park)
เดินต่อไปอีกนิดจากจัตุรัสวีรบุรุษจะพบกับสะพาน Zielinski Hid ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังสวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ (ภาษาอังการี: Városliget) ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองและมีบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะสำหรับการมาเดินเล่นและนั่งพักผ่อนมาก ๆ ในสวนสาธารณะมีพื้นที่ประมาณ 1.2 ตารางกิโลเมตรครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงสระน้ำขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะกลายเป็นลานเล่นไอซ์สเก็ตกลางแจ้งที่มีบรรยากาศคึกคักเลยทีเดียว
การเดินทางมายังสวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินสาย M1 Millennium มาลงที่ Heroes’ Square (Hősök tere) หรือที่สถานี Széchenyi Fürdő
เที่ยวบูดาเปสต์: ปราสาทไวย์ดาฮุดยาด (Vajdahunyad Castle)
ปราสาทไวย์ดาฮุดยาด (ภาษาอังการี: Vajdahunyad vára) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของบูดาเปสต์ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนสาธารณะ ด้านหน้ามี Lake City Park ที่สามารถพายเรือได้ ทางเข้าปราสาทเด่นสง่าด้วยประตูแบบกอทิกจากยุคกลาง มีหอคอยสองแห่ง โดยหอคอย Gatehouse Tower (400 HUF) สามารถเดินขึ้นบันไดวน 56 ขั้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนได้โดยไม่ต้องมีไกด์ทัวร์
เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าไปยังพื้นที่ด้านในจะพบกับโบสถ์ รูปปั้นทางประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์การเกษตรฮังการี (Museum of Hungarian Agriculture) ด้านในเหมาะทีเดียวสำหรับคนที่สนใจเรื่องราวทางเกษตรกรรมพืชผลและการล่าสัตว์
เที่ยวบูดาเปสต์: จุดขึ้นบอลลูนชมวิว (BalloonFly)
เดินเล่นตามถนนในสวนสาธารณะไปเรื่อย ๆ ก็ไปถึงที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่ง คือ จุดขึ้นบอลลูนชมวิว (BalloonFly) เหมาะสำหรับคนที่อยากขึ้นไปวิวเมืองปูดาเปสต์จากความสูงประมาณ 150 เมตร บอลลูนจะขึ้นได้ในวันที่มีอากาศดี ส่วนวันไหนที่สภาพอากาศไม่ดีหรือลมแรงไปก็จะงดให้บริการ ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ 8,500 HUF (15 นาที)
ช่วงที่เราไปสภาพอากาศไม่ดีนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วไปแล้วก็ต้องรอคิวกันยาว ส่วนเราก็ขอใช้โอกาสนี้นั่งพักผ่อนตรงนี้แหละ จะว่าไปมุมตรงนี้ก็ดีเหมือนกันนะ มองเห็นบอลลูนลูกใหญ่แม้จะไม่ได้ขึ้นไปบนนั้นก็ตาม
เที่ยวบูดาเปสต์: สระอาบน้ำเซเยนซี (Szechenyi Thermal Bath)
นั่งพักจนหายเหนื่อยกันแล้วก็มีแรงเดินต่อไปยังที่เที่ยวต่อไป นั้นก็คือ สระอาบน้ำเซเยนซี (ภาษาฮังการี: Széchenyi Gyógyfürdő és Uszoda) เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดในบูดาเปสต์ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปอีกด้วย
ด้านในมีโรงอาบน้ำ Szechenyi Bath อายุกว่า 100 ปี รวมถึงสระว่ายน้ำทั้ง 18 แห่งที่เปิดให้บริการทุกวันตลอดทั้งปี โดยอุณหภูมิน้ำในสระเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 26-40 องศาเซลเซียส
ใครที่สนใจอยากแวะไปสัมผัสประสบการณ์แชร์ตัวในสระน้ำร้อนที่นี่เขามีตั๋วรายวันพร้อมการใช้ล็อกเกอร์ 10,500 HUF (วันธรรมดาจันทร์-พฤหัสบดี) 12,000 HUF (วันศุกร์ วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
โรงอาบน้ำ Szechenyi Bath เปิดให้บริการวันธรรมดาตั้งแต่เวลา 07:00 น. ถึง 19:00 น. (โต๊ะเงินสดเปิดถึง 18.00 น.) ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 20.00 น. (โต๊ะเงินสดเปิดจนถึง 19.00 น.)
เที่ยวบูดาเปสต์: ตลาดสดในร่มบูดาเปสต์ (Great Market Hall)
ว่ากันว่าถ้าอยากตามหาสินค้าราคาถูกในแต่ละเมืองต้องแวะไปที่ตลาดของคนท้องถิ่น ดังนั้นนั้นเราก็จะแวะไปที่ Great Market Hall ซึ่งเป็นตลาดสดที่ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์นีโอโกทิกที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของบูดาเปสต์
ที่นี่ไม่ใช่แค่เป็นตลาดที่คนท้องถิ่นชอบมาซื้อของแค่อย่างเดียวแต่นักท่องเที่ยวก็ยังนิยมแวะมาอีกด้วย เนื่องจากมีบรรยากาศที่ดี สะอาดเป็นระเบียบ และรวมสินค้าไว้หลายประเภท อย่างชั้นหนึ่งเขาจะรวมอาหารแห้ง ผักผลไม้ และของสด ส่วนชั้นสองรวมเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของฝากหลายอย่าง รวมไปถึงแผงขายอาหารเล็ก ๆ ที่รวมอาหารท้องถิ่นไว้หลายเมนู และในเมื่อมาที่นี่แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะหาอาหารแบบคนฮังการีทานบ้าง
เนื่องจากที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่มาก ช่วงเช้าเวลา 08:00-09:00 น. ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดจะเป็นเวลาที่คนพลุ่กพล่านมากเพราะว่าแม่บ้านตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาด วันเสาร์จะยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ ถ้าอยากได้ภาพบรรยากาศคนเยอะ ๆ ต้องมาช่วงเวลานี้เลย
ส่วนเวลาทานอาหารกลางวันก็เป็นช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวเยอะเช่นกัน เนื่องจากมีอาหารราคาถูกจำหน่ายระหว่าง 12:00-14:00 น. สรุปแล้วแนะนำให้มาที่ตลาด Budapest Market Hall ระหว่างเวลา 10:00-13:00 น. หรือ 14:00-16:00 น. กำลังดี
เที่ยวบูดาเปสต์: นิวยอร์กคาเฟ่ (New York Café)
นิวยอร์กคาเฟ่ในบูดาเปสต์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งคาเฟ่ที่สวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว และในเมื่อมาถึงบูดาเปสต์แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะลองแวะไปที่นี่บ้าง ด้วยความที่ไม่ได้จองโต๊ะไว้ก่อนพอไปถึงก็ต้องรอโต๊ะว่างประมาณ 15 นาที ใครที่วางแผนจะไปที่นี่จองโต๊ะล่วงหน้ามาก่อนก็ดี
พอได้โต๊ะแล้วก็เดินเข้าไปด้านในสวยงามวิจิตรตระการตาสมคำล่ำลือจริง ๆ จากนั้นก็สั่งกาแฟและขนมหวานมาทาน รสชาติอร่อยแต่ราคาแอบแพงไปนิด แต่ก็นั้นแหละเนาะราคาที่จ่ายก็คุ้มค่ากับความงามและบรรยากาศหรูหราของที่นี่
นิวยอร์กคาเฟ่เปิดให้บริการทุกวันเวลา 08:00-12:00 น. การเดินทางสะดวกเพียงนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Metro stops Blaha Lujza ter จากนั้นเดินอีก 1-2 นาทีก็จะเจอกับคาเฟ่เลย
การเดินทางในบูดาเปสต์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
ระบบขนส่งสาธารณะในบูดาเปสต์มีความสะดวกรวดเร็ว ดำเนินการโดยบริษัท BKV ครอบคลุมถึงรถโดยสารประจำทาง (Bus) รถรางผสมรถบัส (Trolleybuses) รถราง (Tram) รถไฟใต้ดิน (Metro) และรถไฟชานเมือง (HÉV) นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งแบบพิเศษ เช่น กระเช้าไฟฟ้า (Funicular) เก้าอี้เลื่อนไฟฟ้า (Chairlift) รวมถึงเรือ หรือรถรางท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ได้ด้วย
ประเภทตั๋วโดยสารในบูดาเปสต์
- ตั๋วเที่ยวเดียว (Vonaljegy) 450 HUF (43 บาท) (ถ้าซื้อจากคนขับ 600 HUF)
- ตั๋วเดินทาง 10 ครั้ง (tíz darabos gyűjtőjegy) 4,000 HUF (386 บาท)
- ตั๋วรถไฟใต้ดินระยะสั้น 3 ป้าย (Metrószakaszjegy 3 megállóra) 300 HUF (28 บาท)
- ตั๋วเปลี่ยนรถ (átszállójegy) 530 HUF (51 บาท)
- บัตรเดินทาง 24 ชั่วโมง 1 คน (Budapest 24 órás jegy) 2,500 HUF (241 บาท)
- บัตรเดินทาง 24 ชั่วโมงสูงสุด 5 คน (Budapest 24 órás jegy) 5,000 HUF (483 บาท)
- บัตรเดินทาง 72 ชั่วโมง (Budapest 72 órás jegy) 5,500 HUF (531 บาท)
- บัตรท่องเที่ยวบูดาเปสต์ 24 ชั่วโมง + การเดินทางไม่จำกัด 14,990 HUF (1,448 บาท)
- บัตรท่องเที่ยวบูดาเปสต์ 48 ชั่วโมง + การเดินทางไม่จำกัด 19,990 HUF (1,931 บาท)
หมายเหตุ: ตัวเลขอัพเดตเดือนสิงหาคม 2024
สามารถซื้อตั๋วเดินทางผ่านแอปพลิเคชัน BudapestGO ที่สำนักงานขายตั๋วในสถานีรถไฟใต้ดิน เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ จุดบริการลูกค้าที่ตั้งอยู่ทั่วเมือง และร้านขายหนังสือพิมพ์ รับชำระด้วยบัตรเดบิต บัตรแบบไร้สัมผัส เงินสดและเหรียญ
เมื่อได้ตั๋วมาแล้วต้องนำไปตรวจก่อนเริ่มต้นการเดินทางแต่ละครั้ง โดยหันปลายด้านที่มีตารางตัวเลขใส่ในช่องกล่องสีแดงหรือสีส้มใกล้กับประตูรถประจำทาง รถเข็น รถราง และรถไฟ HÉV ส่วนรถไฟใต้ดินจะพบกล่องเหล่านี้ตั้งอยู่ในสถานีก่อนลงบันไดเลื่อน ส่วนคนที่ใช้ตั๋วจากสมาร์ทโฟนสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อตรวจตั๋วได้เลย และอย่าลืมเก็บตั๋วไว้กับตัวจนสิ้นสุดการเดินทาง เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ขอซุ่มตรวจ
การเดินจากสนามบินเข้าตัวเมืองบูดาเปสต์
ท่าอากาศยานนานาชาติบูดาเปสต์เฟเรนตส์ลิซท์ (Budapest Airport) ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 16 กิโลเมตร วิธีการเดินทางเข้าเมืองที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 100E
รถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 100E (รถด่วน)
รถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 200E (รถธรรมดา)
ผู้ที่เดินทางด้วยรถบัส 200E ต้องมีตั๋ว 2 ใบ คือ ตั๋วเที่ยวเดียวจากสนามบิน + ตั๋วรถไฟใต้ดินสาย M3 รวมประมาณ 700 HUF หรือใช้ตั๋วเปลี่ยนรถ 530 HUF 1 ใบ หรือบัตรโดยสารรายวัน ใช้เวลาเดินทางตลอดสายประมาณ 45 นาที ถึง 1.5 ชั่วโมง (ตั๋วเดินทางรถบัส 200E ไม่สามารถใช้ได้กับรถบัส 100E)
สรุปแล้วคนที่มีที่พักใจกลางเมืองใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Deák Ferenc tér ใช้บริการรถบัส 100E จะสะดวกและเร็วกว่า ส่วนคนที่มีที่พักในตัวเมืองหรือห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Deák Ferenc tér พอสมควร แนะนำให้เลือกใช้รถบัส 200E จะสะดวกและประหยัดกว่า
ขับรถมีค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ (Electronic Vignette)
หากขับรถมาจากประเทศอื่นเข้าฮังการีต้องซื้อสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางก่อนข้ามพรมแดน เพื่อนำไปใช้บริการทางด่วนสาย M1, M3, M5, M6, M7 หรือสายอื่น ๆ ในบางเขต สามารถซื้อสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางได้ที่เว็บไซต์ Hungary-vignette.eu หรือตามสถานีเติมน้ำมันขนาดใหญ่ ราคาสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางแบ่งตามประเภทของรถ สำหรับรถยนต์ทั่วไป ราคา 6,400 HUF (10 วัน) 10,360 HUF (1 เดือน) 57,260 HUF (1 ปี)
ที่พักน่าสนใจในบูดาเปสต์
ไปเที่ยวบูดาเปสต์กินอะไรดี
อาหารฮังการีโดดเด่นด้วยส่วนผสมของชีส ไข่ นม และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัว ส่วนเนื้อประเภทอื่น ๆ มักใช้ทำในโอกาสพิเศษ อาหารฮังการีดั้งเดิมยังเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกปาปริก้า ปัจจุบันที่พบเห็นอย่างแพร่หลายมักใช้พริกปาปริกาแบบหวานเพื่อสร้างสีสันให้กับอาหารแทนที่จะเน้นรสชาติเผ็ด แต่ยังมีบางเมนูที่ยังคงรสชาติเผ็ดร้อนไว้เป็นเอกลักษณ์ รายการด้านล่างคืออาหารฮังการีและขนมที่น่าลิ้มลอง
- สตูว์เนื้อวัว (gulyás)
- ซุปชาวประมง (Halászlé)
- ซุปผักรวม (Főzelék)
- ขนมปังทอด (Lángos)
- สตูไก่ปรุงรส (Csirke Paprikás)
- สตูว์เนื้อฮังการี (Pörkölt)
- พาสต้าราดชีสรสเผ็ด (Túrós Csusza)
- กะหล่ำปลีดองยัดไส้ (Töltött Káposzta)
- ขนมปล่องไฟ (Kürtös Kalács)
- เค้กฟองน้ำเนื้อนุ่ม (Somlói Galuska)
- ขนมแป้งสอดไส้ครีมเชอร์รี่ (Meggyes Rétes)
- เครปเนื้อสไตล์ฮังการี (Hortobagyi Palacsinta)
- เค้กเคลือบด้วยช็อกโกแลตบัตเตอร์ครีม (Dobos Torta)
เมนูเหล่านี้มักพบได้ตามร้านอาหารทั่วไปในบูดาเปสต์ ราคาอาหารจานหลักจะอยู่ที่ประมาณ 7-15 ยูโร ย่านท่องเที่ยวราคาจะสูงกว่าย่านอื่น ๆ แต่ถ้าขยับออกไปในเขต 7, 8, 9 และ 13 ซึ่งมีคนท้องถิ่นอาศัยอยู่เยอะจะพบว่าราคาอาหารถูกลงเยอะเลย ถ้าเป็นร้านอาหารที่มีระดับหน่อยราคาก็จะเพิ่มขึ้นตาม อาหารจีนยังมีชื่อเสียงในบูดาเปสต์เนื่องจากมีชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลางอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ใครที่สนใจสามารถแวะไปทานอาหารจีนราคาไม่แพงได้ที่ย่านไชน่าทาวน์ (โมโนริเซ็นเตอร์)
แวะไปทานสตูว์เนื้อวัว (gulyás) ที่ร้านอาหารฮังการีดั้งเดิม
กูยาช หรือ กูลาช เป็นอาหารดั้งเดิมของคนฮังการีและยังมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยว และในเมื่อได้ถึงที่บูดาเปสต์แล้วก็ต้องมาลองให้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง เราเลือกไปที่ร้าน VakVarjú Restaurant มีคะแนนรีวิวสูง 4.4 ในกูเกิ้ลเลยทีเดียว
เมนูที่สั่งมาแน่นอนว่าต้องเป็นกูยาช ตามด้วยซุปปลาชาวประมง รอไม่นานก็มาเสิร์ฟพร้อมขนมปัง พอได้ทานเข้าไปแล้วรสชาติอร่อยไม่ผิดหวัง ส่วนซุปปลาชาวประมงรสชาติคล้าย ๆ แกงเผ็ดบ้านเรา โดยรวมแล้วคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป 40 ยูโร (สองคน) ใครที่สนใจอยากไปตามต่อร้านเปิดทุกวันเวลา 11:00-23:30 น. อย่าลืมจองโต๊ะล่วงหน้าด้วยนะคะ
เวลาเปิดปิดร้านอาหาร
ร้านอาหารในบูดาเปสต์ส่วนใหญ่เปิดทุกวันจนถึงเวลา 23:00 น. บางครั้งครัวก็ปิดก่อนเวลา ชาวฮังการีมักทานอาหารเย็นเวลา 19:00-21:00 น. ร้านอาหารส่วนใหญ่รับสั่งอาหารถึงเวลา 22:00 น.ส่วนบาร์จะเปิดนานกว่านี้จนถึงเวลาห้าทุ่มหรือตีสี่ ตามร้านค้าส่วนใหญ่เปิดระหว่าง 10:00-18:00 น. วันเสาร์เปิดถึงบ่ายโมง ห้างสรรพสินค้ามีเวลาเปิดปิดเท่ากัน คือ 09:00-21:00 น (ยกเว้นวันอาทิตย์เปิดเวลา 10:00-19:00 น.)
ต้องให้ทิปไหม
การให้ทิปในร้านอาหารในประเทศฮังการีไม่ได้เป็นเรื่องบังคับ แต่ถ้าอาหารอร่อยและการบริการดีเราสามารถให้ทิปเพิ่มได้ 10-15% จากราคาค่าอาหารทั้งหมด เวลาให้ทิปสามารถพูดคำว่าขอบคุณพร้อมกับตอนที่จ่ายเงิน แต่ถ้าไม่ต้องการให้ทิปอย่าพูดคำว่าขอบคุณก่อนที่จะได้รับเงินทอนกลับมา เพราะไม่อย่างนั้นพนักงานจะเข้าใจว่าเป็นการให้ทิปโดยอัตโนมัติ
น้ำปะปาดื่มได้ไหม
น้ำประปาในบูดาเปสต์สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย โดยใช้ขวดเติมจากก๊อกน้ำ ส่วนน้ำขวดที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตจะแบ่งออกเป็นหลายแบบ ให้สังเกตจากสีของฝาขวด สีชมพูคือน้ำเปล่าปกติ สีฟ้าคือน้ำอัดลม และสีเขียวคือน้ำอัดลมเล็กน้อย
จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเท่าไร
นอกจากนี้เมื่อซื้อสินค้าราคาและบริการรวมภาษีเสมอ (VAT) ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและการบริการอยู่ที่ 27% ภาษีลด 18% สำหรับนมบางชนิดและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญพืชและแป้ง และภาษีลด 5% สำหรับอาหารยาและอื่น ๆ คนที่ซื้อสินค้ามูลค่าเกิน 63,000 HUF (175 ยูโร) สามารถนำไปขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เกือบ 19% เมื่อเดินทางออกนอกประเทศ
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
จ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือสกุลเงินฟอรินต์ฮังการี
สกุลเงินอย่างเป็นทางการของประเทศฮังการีคือฟอรินต์ฮังการี (HUF) ใช้เหรียญ 5, 10, 20, 50, 100 และ 200 ฟอรินต์ และธนบัตร 500, 1,000, 2,000, 5,000,10,000 และ 20,000 ฟอรินต์
ตามโรงแรม ร้านค้า และร้านอาหารขนาดใหญ่รับจ่ายด้วยฟอรินต์และยูโรนอกจากนี้ยังสามารถชำระเงินโดยใช้เดบิตหรือบัตรเครดิตแบบแถบแม่เหล็กและแบบไม่ต้องสัมผัส ประเภท AmEX, Diners Club, Maestro, EnRoute, Euro/MasterCard, JCB และ Visa บางร้านอาจจะไม่ติดเครื่องหมายบัตรที่รับจ่ายไว้หน้าร้าน เพื่อความแน่ใจควรถามก่อนใช้บริการ ตามร้านค้าขนาดเล็กยังคงรับจ่ายด้วยเงินสด ดังนั้นควรพกเงินสดติดตัวไปบ้าง
กดเงินจากเอทีเอ็มเป็นสกุลเงินท้องถิ่นดีกว่า
ถ้าไม่ได้แลกเปลี่ยนเงินคือฟอรินต์ฮังการีมาจากประเทศต้นทาง วิธีการที่จะได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดคือกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารออกมาเป็นสกุลเงินฟอรินต์ฮังการี แม้จะคิดค่าธรรมเนียมเล็กน้อยในการทำธุรกรรมแต่ราคาสมเหตุสมผลและปลอดภัยกว่าการแลกเงินตามท้องถนน และหลีกเลี่ยงการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม Euronet เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่สูงมาก
ควรแลกเงินที่ไหนดี
ถ้าต้องการแลกเงินมีสถานที่ที่น่าเชื่อถือและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย คือ Correct Change, Joker Valuta Váltó, Exclusive Change ,Ibla Change Pénzváltó และ Omika Change เป็นต้น ที่เหล่านี้ให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและมีค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผล ก่อนแลกเปลี่ยนเงินทุกครั้งอย่าลืมตรวจสอบเรทที่ทางร้านเสนอมากับเรทของราคาตลาดกลางผ่านเว็บ XE.com ถ้ารู้สึกว่าไม่ต้องตามความต้องการหรือแพงไปให้เลือกกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเป็นสกุลเงินฟอรินต์ฮังการีแทน และควรหลีกเลี่ยงการแลกเงินที่สนามบินและโรงแรมเนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่สูง
เที่ยวบูดาเปสต์ปลอดภัยไหม
บูดาเปสต์เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามมีคำเตือนให้ระวังทรัพย์สินของมีค่าในพื้นที่สาธารณะ ระวังคนล้วงกระเป๋าบนรถเมล์ ไม่ควรแลกเงินตามท้องถนน เพราะถึงแม้คนที่ให้แลกจะบอกว่าไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ท้ายที่สุดคุณจะได้เงินในอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ยุติธรรมและอาจจะเป็นเงินปลอม
รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการใช้บริการรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ตามถนน และเลือกใช้บริการ Főtaxi, Citytaxi, 6×6 หรือ Bolt รถแท็กซี่ทางการติดป้ายทะเบียนรถสีเหลืองและมีป้าย “Certified Budapest Taxi” ติดไว้ที่ประตูด้านซ้าย ก่อนเดินทางควรสอบถามราคาไปยังจุดหมายปลายทางให้ชัดเจน ราคาค่าแท็กซี่พื้นฐาน 1,000 HUF หรือ 400 HUF ต่อกิโลเมตร
ที่บูดาเปสต์พูดภาษาอังกฤษไหม
“ภาษาฮังการี” เป็นภาษาราชการของประเทศฮังการี ตามแหล่งท่องเที่ยวกลางเมืองส่วนใหญ่ รวมไปถึงร้านขายของหรือร้านอาหาร ผู้คนมักสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาเยอรมัน ฉลากสินค้ารวมถึงป้ายบอกทางส่วนใหญ่ก็ยังเป็นภาษาฮังการีเช่นกัน ถ้าไม่เข้าใจก็สามารถใช้ Google Translation ช่วยได้
ใช้ปลั๊กไฟและแรงดันไฟเท่าไร
ประเทศฮังการีใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ ความถี่มาตรฐาน 50 เฮิร์ทซ์ ใช้เต้าเสียบปลั๊กไฟประเภท C และ F นักเดินทางที่มาจากประเทศนอกยุโรป ควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟรอบโลกสำรองมาด้วย 1-2 ชิ้น
เที่ยวบูดาเปสต์ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวบูดาเปสต์ 2 วัน 3 คืนอยู่ที่ประมาณ 200-270 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,500-10,000 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ในบูดาเปสต์ 10 ยูโร (ขับมาจากสโลวีเนีย) และค่าเติมน้ำมันจากสโลวีเนีย 63 ยูโร ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 50-100 ยูโร
โฮสเทล: 50-80 ยูโร
การเดินทาง: 6-7 ยูโร
กิจกรรมและตั๋ว: 30-50 ยูโร
รถเช่า: 50-70 ยูโร
อาหาร: 10-30 ยูโร/มื้อ
เครื่องดื่ม: 10-15 ยูโร
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡