บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงที่สวยงามของฮังการี ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันออกซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปราก (Prague) ประมาณ 525 กิโลเมตร ได้ชื่อว่าเป็นมหานครที่มีเสน่ห์ติดอันดับโลก จนได้รับรับฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ซึ่งมาจากสายน้ำขนาดใหญ่ที่แบ่งบูดาเปสต์ออกเป็นสองฝั่งด้วยกัน คือ “บูดา” (Buda) ซึ่งเป็นเนินเขาและที่อยู่อาศัย และ “เปสต์” (Pest) ซึ่งเป็นพื้นที่ราบและย่านการค้า ทั้งสองฝั่งนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันน่าสนใจ
บทความนี้จะพาทุกคนวางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ไปด้วยกัน เพื่อสำรวจและค้นหาที่เที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจระหว่างการเยี่ยมชมบูดาเปสต์ของคุณ และยังครอบคลุมถึงการเดินทางในเมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะ งบประมาณในการเที่ยวบูดาเปสต์ และข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทางมาเที่ยวที่เมืองแห่งสปาและปราสาท
เที่ยวบูดาเปสต์ช่วงไหนดี
ช่วงเวลาที่ดีเหมาะสำหรับการเที่ยวบูดาเปสต์คือปลายฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลางเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน หรือก่อนและหลังฤดูร้อนระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม ทั้งสองช่วงอากาศอบอุ่นกำลังดี จำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น ตั๋วเครื่องบินและที่พักมักมีราคาไม่แพง
ทริปเที่ยวเมืองบูดาเปสต์เป็นส่วนหนึ่งของการขับรถเที่ยวทางไกลในยุโรป 2 อาทิตย์ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สโลวีเนีย ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเราได้แชร์ประสบการณ์และรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวในประเทศเหล่านี้ไว้อย่างละเอียด ใครที่สนใจสามารถแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงก์แนบ
บัตรท่องเที่ยวบูดาเปสต์
เพื่อความประหยัดก่อนไปเที่ยวบูดาเปสต์ลองพิจารณาซื้อบัตร
Budapest Card ครอบคลุมการเที่ยวในบูดาเปสต์ 1-5 วัน ใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบไม่จำกัดและเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและพิพิธภัณฑ์ชั้นนำในบูดาเปสต์กว่า 30 แห่งได้ฟรี นอกจากนี้ยังรวมถึงเข้าร่วมทัวร์ชมเมืองกับไกด์ท้องถิ่นชำนาญการ และผ่อนคลายไปกับสระน้ำร้อนที่ St. Lukacs Thermal Bath พร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับการล่องเรือ ร้านอาหาร และกิจกรรมอื่น ๆ บัตรราคา 29 ยูโร (24 ชั่วโมง) 43 ยูโร (48 ชั่วโมง) 56 ยูโร (72 ชั่วโมง) 69 ยูโร (96 ชั่วโมง) และ 82 ยูโร (120 ชั่วโมง)
วันที่ 1 ที่เที่ยวยอดนิยมในบูดาเปสต์ วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest)
เริ่มต้นการเที่ยววันแรกในบูดาเปสต์ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำดานูบอย่างอาคารรัฐสภาฮังการี ตามด้วยรองเท้าแห่งชีวิตริมแม่น้ำดานูบ จากนั้นข้ามสะพานเชนเพื่อไปชมปราสาทบูดา ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโบสถ์แมทเทียส ป้อมปราการชาวประมง รวมถึงวิหารเซนต์สตีเฟ่น และปิดท้ายวันแรกด้วยแสงไฟและทัศนียภาพที่สวยงามยามค่ำคืนรอบรอบแม่น้ำดานูบ
อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungarian Parliament Building)
ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อพูดถึงฮังการีสิ่งแรกที่หลายคนอาจจะนึกถึงคืออาคารรัฐสภาที่ตั้งโดดเด่นสง่าอยู่ริมแม่น้ำดานูบสะท้อนความงดงามทั้งกลางวันและกลางคืน และในเมื่อเดินทางมาเยือนฮังการีด้วยตัวเองแล้วก็ไม่ควรพลาดเข้าชมเป็นอันดับแรก ๆ
อาคารรัฐสภาของฮังการี (ภาษาฮังการี: Országház) หรือที่รู้จักในชื่อรัฐสภาแห่งบูดาเปสต์ เป็นอาคารที่สูงที่สุดในบูดาเปสต์และเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตัวอาคารได้รับการออกแบบในสไตล์นีโอกอทิกอย่างวิจิตรบรรจง มีการตกแต่งด้วยทองคำอย่างหรูหราทั้งภายในและภายนอก ด้านในประกอบไปด้วยห้องเกือบ 700 ห้อง ประตูทางเข้า 28 ทาง เปรียบเสมือนสถานที่เก็บของล้ำของประเทศชาติที่ยากเกินจะประเมินราคา
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมความงดงามของอาคารรัฐสภาของฮังการีได้กับมัคคุเทศก์ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการ เมื่อมาถึงเคาน์เตอร์แล้วเพียงยื่นตั๋วที่จองไว้ให้กับเจ้าหน้าที่และรับเครื่องบรรยายออดิโอไกด์ ทัวร์จะเริ่มขึ้นตามรอบเวลาและอาจต้องรอนิดหนึ่งเนื่องจากจำกัดจำนวนผู้เข้าชมแต่ละรอบ โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ทัวร์เริ่มต้นด้วยการเดินผ่านบันได 28 ขั้นไปยังอาคารชั้นหลักที่งดงาม ก่อนจะผ่าน “The Grand Stairway” ซึ่งเป็นบันได 96 ขั้นปูด้วยพรมแดงจากทางเข้าหลักไปยังโดมฮอลล์ ประดับฝาผนังด้วยจิตรกรรมขนาดใหญ่สองภาพและภาพจิตรกรรมขนาดเล็กหนึ่งภาพซึ่งวาดโดยจิตรกรระดับปรมาจารย์ “คาโรลี ลอตซ์” (Károly Lotz)
บริเวณนี้ผู้เข้าชมได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ แต่เมื่อถึงไฮไลท์ของห้องถัดไปไม่สามารถถ่ายรูปได้ นั้นก็คือ “The Dome Hall” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาคารรัฐสภาของฮังการีและยังเป็นสถานที่เก็บมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์สตีเฟนที่ 1 แห่งฮังการีและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชาภิเษกซึ่งเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงโดยองครักษ์สองคนของกองทัพฮังการี
นอกจากมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพระเอกของงานแล้ว ถ้ามองขึ้นไปด้านบนของโดมฮอลล์จะพบกับเพดานโค้งสูงสิบหกซี่โครงพร้อมหน้าต่างกระจกสีกระจายอยู่ระหว่างซี่โครง รอบ ๆ ห้องมีเสาหินแกรนิตที่พบได้เพียง 12 เสาในโลก ที่ฐานของเสามีรูปปั้นผู้ปกครองชาวฮังการี ส่วนหน้าต่างกระจกสีล้อมรอบพื้นที่ทั้งสองด้านแสดงถึงผลงานศิลปะที่โดดเด่นจากฝีมือของศิลปินกระจกสี “มิกซา รอธ” (Miksa Róth) ทั้งหมดนี้เหนือสิ่งอื่นใดคือการขอบคุณตัวเองที่ได้มาเห็นกับตา
ต่อมาคือ “The Lounge of the Chamber of Peers” เป็นห้องนั่งเล่นของอดีตสภาผู้แทนราษฎร โดดเด่นด้วยทางเดินที่ประดับด้วยพรมทอมือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเปล่งประกายด้วยสีเทอร์ควอยซ์ เดินต่อไปจะเข้าสู่ห้อง “The Chamber of Peers” ที่ใครหลายเห็นมาบ้างจากอินเทอร์เนต ที่นี่แหละคือรัฐสภาของฮังการีพร้อมที่นั่งสำหรับสมาชิก 453 คน ถูกจัดวางเรียงกันเป็นเจ็ดแถวแบบรูปเกือกม้าสวยงามตระการตาด้วยสีน้ำตาล สีเขียว และสีแดง ห้องโถงยังมีแผงที่ทำจากไม้โอ๊คสลาโวเนียน ตกแต่งด้วยทองคำ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงบทบาททางประวัติศาสตร์ของขุนนางทั้งสองฝ่าย องค์ประกอบทุกอย่างถูกสรรค์สร้างอย่างวิจิตรงดงาม
ส่วนสุดท้ายของทัวร์จะพาเรามาหยุดที่ห้อง “The Béla Neÿ hall” ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการและแบบจำลองมาตราส่วน 1:100 ของอาคารรัฐสภา ดูแล้วจะเข้าใจมากขึ้นถึงวิธีการสร้างและประวัติศาสตร์ของอาคารแห่งนี้ จากนั้นเราจะเดินผ่านพื้นที่ร้านขายของที่ระลึกขนาดเล็กไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้าเพื่อคืนเครื่องบรรยายออดิโอไกด์ ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าสำหรับการเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง
เวลาเปิด: ทุกวัน 08:00-18:00 น. (เมษายน-ตุลาคม) เวลา 08:00-16:00 น. (พฤศจิกายน-มีนาคม) วันธรรมเปิดถึงสี่โมงเย็น ส่วนวันเสาร์อาทิตย์เปิดถึงหกโมงเย็น
ราคาตั๋วเข้าชม: 4,200 HUF (สำหรับพลเมืองในสหภาพยุโรปหรือผู้ที่มีบัตรพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย) 8,400 HUF (สำหรับพลเมืองนอกสหภาพยุโรป) ซื้อตั๋วได้ที่เว็บไซต์ทางการ
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 มาลงที่ป้าย ‘Kossuth Lajos tér’ แล้วเดินต่ออีกนิดหนึ่ง หรือนั่งรถรางสาย 2, 2B หรือ 2M มาลงที่ป้าย ‘Országház, látogatóközpont’ จะใกล้กับทางเข้ามากกว่า
รองเท้าริมแม่น้ำดานูบ (Shoes on the Danube Bank)
หลังจากเข้าชมอาคารรัฐสภาฮังการีแล้วเดินไปตามริมแม่น้ำดานูบทางใต้ประมาณ 5 นาทีจะพบกับอนุสรณ์สถานอันเรียบง่ายแต่น่าเยือกเย็นที่ชื่อว่า “Shoes on the Danube Bank” ซึ่งมีรองเท้าเหล็ก 60 คู่วางเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวยิวที่ถูกคร่าชีวิตไปกว่า 20,000 คนเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองระหว่างปี ค.ศ. 1944-1945
ชาวยิวถูกไล่ต้อนจากกลุ่มกองทหารลัทธิฟาสซิสต์ตามบ้านเรือนมาจนถึงริมแม่น้ำและถูกสั่งให้ถอดรองเท้าออก (เนื่องจากรองเท้าเป็นสินค้าที่มีค่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสามารถนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนในตลาดมืดได้) ก่อนที่จะถูกยิงและร่างไร้วิญญาณได้ล่วงไปในแม่น้ำอย่างเลือดเย็น ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่บ้างก็ถูกมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าและล่วงลงไปในแม่น้ำพร้อมกับคนที่ถูกยิงและส่วนใหญ่เสียชีวิตเกือบทันทีด้วยอากาศที่หนาวเย็น
รองเท้า 60 คู่ที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตชาวยิวกว่า 800 คนที่ถูกคร่าไปเพราะความโหดร้ายของสงคราม ทั้งหมดมีขนาดและแบบที่ต่างกันทั้งของผู้หญิง ผู้ชาย และรองเท้าเด็ก พื้นรองเท้าอยู่ในสภาพที่สึกหร่อ เราไม่มีทางรู้เลยว่าใบหน้าของคนที่เป็นเจ้าของรองเท้าเป็นอย่างไร พวกเขาทำอาชีพอะไร แต่ที่รู้นั้นจุดจบของชีวิตผู้บริสุทธิ์จากการเหยียดเชื้อชาติจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสูญเสียไปตลอดกาล
สะพานเชน (Chain Bridge)
ถัดจากรองเท้าริมแม่น้ำดานูบไปประมาณ 9 นาทีจะเป็นที่ตั้งของสะพานเชน (ภาษาฮังการี: Széchenyi lánchíd) หนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมและแลนด์มาร์คที่น่าจดจำของบูดาเปสต์ ตัวสะพานมีความยาวประมาณ 375 เมตรสร้างด้วยเหล็กแขวนลูกโซ่ใช้สำหรับทอดข้ามแม่น้ำดานูบระหว่างเมืองฝั่งบูดาและเปสต์
สะพานสามารถมองเห็นได้ไกลจากปราสาทบูดา ตอนกลางคืนยังให้บรรยากาศที่สวยงามด้วยแสงไฟประดับ เหมาะทีเดียวสำหรับการเดินชมทิวทัศน์ที่สวยงามริมแม่น้ำดานูบ
น่าเสียดายช่วงที่เราไปเดือนพฤษภาคมคมสะพานปิดปรับปรุงชั่วคราวและคาดว่ากลับมาเปิดการจราจรทางรถยนต์อีกครั้งประมาณปลายปีนี้ ส่วนการจราจรทางเท้าอาจจะต้องรอให้แล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคมปี พ.ศ. 2566
ปราสาทบูดา (Buda Castle)
จากสะพานเชนสามารถเดินข้ามข้ามไปยังฝั่งบูดาจะพบกับรถราง (Buda Hill Funicular) ขึ้นไปยังปราสาทบูดา (ภาษาฮังการี: Budavári Palota) ในอดีตถูกเรียกว่าพระราชวังสร้างด้วยสไตล์บาโรกขนาดใหญ่
ปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เรากำลังเดินอยู่นั้นถูกสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1749-1769 และรวมที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง คือ หอศิลป์แห่งชาติฮังการี (Hungarian National Gallery) และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บูดาเปสต์ (Budapest History Museum) หอสมุดแห่งชาติ (National Széchényi Library) ทั้งสามแห่งเปิดให้บุคคทั่วไปเข้าชม รวมไปถึงโบสถ์แมทเทียสและป้อมปราการชาวประมงที่ตั้งอยู่ไม่ไกลประมาณ 12 นาที
รอบ ๆ ปราสาทบูดามีบรรยากาศที่ดี ถ้ามองลงไปที่แม่น้ำดานูบจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเมือง ตอนกลางคืนที่นี่จะสวยเป็นพิเศษ แต่ค่อนข้างเงียบสงบกว่าฝั่งเปสต์ เพราะที่เที่ยวในปราสาทส่วนใหญ่ปิดเวลาหกโมงเย็น ส่วนร้านอาหารและบาร์บางแห่งปิดประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน งานปาร์ตี้และสถานบันเทิงยามค่ำคืนก็เลยคึกคักเป็นพิเศษที่ย่านเปสต์แทน
ถ้ามาในช่วงสะพานเชนปิดปรับปรุงต้องใช้เส้นทางเลี่ยงอื่นแทนโดยนั่งรถบัสสาย 178 จากป้าย Naphegy tér เพื่อข้ามสะพานเอลิซาเบธไปลงที่ป้าย Szarvas tér (ฝั่งบูดา) จากนั้นเดินอีกประมาณ 10 นาทีผ่าน Castle Garden Bazaar ก็จะถึงปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Várhegy
- เวลาเปิด: ด้านนอกปราสาทเปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
- หอศิลป์แห่งชาติ: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น. (ปิดวันจันทร์)
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บูดาเปสต์: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น. (มีนาคม-ตุลาคม) วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00-16:00 น.
พระราชวังซันดอร์ (Sándor Palace Hungary)
ติดกับปราสาทบูดาใกล้กับจุดขึ้นรถรางจะเป็นที่ตั้งของวังซานเดอร์ (ภาษาฮังการี: Sándor Palace Hungary) สร้างด้วยสไตล์นีโอคลาสสิกให้ความสง่างามที่เรียบง่าย ว่ากันว่าด้านในนั้นสร้างในสไตล์บาโรกที่มีความหรูหรากว่าส่วนหน้าของวังเป็นเท่าตัว
ปัจจุบันที่นี่ใช้เป็นที่พำนักและทำงานอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งฮังการีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ด้านในเปิดให้เข้าชมเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนด้านนอกจะมีพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามทุก ๆ ชั่วโมงระหว่างเวลา 10:00-16:00 น.ใครที่มีเวลาก็แวะไปชมกิจกรรมดังกล่าวกันได้
โบสถ์แมทเทียส (Matthias Church)
เดินเล่นเรื่อย ๆ ผ่านพระราชวังซันดอร์ไปตามถนน Hunyadi János út ในที่สุดก็จะพบกับโบสถ์แมทเทียส (ภาษาฮังการี: Mátyás-templom) โดดเด่นด้วยสีขาวมาแต่ไกล ที่นี่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ในสไตล์กอทิกและได้รับการบูรณะหลายครั้งจนเป็นแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน หลังคายังปูด้วยกระเบื้ยง Zsolnay ที่มีชื่อเสียงช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับโครงสร้างทั้งหมด
ในอดีตใช้สำหรับพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ฮังการี ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่างๆ ด้านบนโบสถ์มีหอคอยที่สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ เปิดทุกวัน 09:00 – 17:00 น. (วันเสาร์เปิดถึงบ่ายโมง) ซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่สำนักงานด้านหน้าป้อมปราการชาวประมง 1,000 HUF
ป้อมปราการชาวประมง (Fishermen’s Bastion)
ถัดจากโบสถ์แมทเทียสก็จะเป็นป้อมปราการชาวประมง (ภาษาฮังการี: Halászbástya) สร้างในสไตล์นีโอกอทิกและนีโอโรแมนติก โดดเด่นด้วยหอคอยประดับเจ็ดแห่งซึ่งเป็นตัวแทนของชนเผ่าฮังการีทั้งเจ็ดที่พิชิตดินแดนฮังการี ด้านหน้าป้อมปราการมีอนุสาวรีย์รูปปั้นนักขี่ม้าของพระเจ้าอิชต์วานที่ 1 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของฮังการี
เราสามารถเดินเล่น ๆ รอบ ๆ ป้อมปราการชาวประมงโดยไม่เสียค่าเข้าชม แต่ถ้าต้องการขึ้นไปหอคอยต้องจ่ายค่าเข้าชมเพิ่มเติม 1,000 HUF ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้าไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอยยังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ แต่ถ้าอยากขึ้นไปจริง ๆ ลองมาช่วงเวลาเก้าโมงเช้าหรือสองทุ่มจะได้ขึ้นไปบนหอคอยฟรี
บรรยากาศที่ป้อมปราการชาวประมงตอนบ่ายคนจะเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาหลังสิบโมงเช้าแล้วก็บ่ายสองบ่ายสาม ยิ่งในช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินคนจะเยอะมาก ถ้าอยากหลีกเลี่ยงคนเยอะ ๆ แนะนำให้มาแต่เช้าไม่งั้นก็มาตอนเย็น ๆ แทน ส่วนกลางคืนคือดีมาก มองเห็นอาคารรัฐสภาฮังการีสีเหลืองทองแบบสุด ๆ ไปเลย ที่นี่เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
วิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen’s Basilica)
จากโบสถ์แมทเทียสสามารถเดินลงเขาประมาณ 8 นาทีเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย M2 จากสถานี Déli pályaudvar ไปลงที่สถานี Batthyány tér และเดินอีกประมาณ 15 นาทีจะเจอกับทางเข้าเลย
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (ภาษาฮังการี: Szent István-Bazilika) เป็นมหาวิหารคาทอลิกที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบูดาเปสต์ สร้างขึ้นในสไตล์นีโอคลาสสิก และโบสถ์มีแปลนไม้กางเขนแบบกรีก ด้านหน้าอาคารมีลักษณะเป็นหอระฆังขนาดใหญ่สองแห่ง หอคอยทางใต้มีระฆังที่ใหญ่ที่สุดของฮังการี
ด้านในมีวิหารและแท่นบูชา หน้าต่างแสดงภาพนักบุญที่สวยงาม รวมไปถึงพระหัตถ์ของนักบุญสตีเฟนประดับด้วยใบไม้สีทองและกำไลมุกทับทิม ด้านบนมีหอคอยสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพแบบพาโนรามาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองได้จากหอคอยด้านขวา ลิฟต์จะพาเราขึ้นไปถึงครึ่งทางจากนั้นเราต้องปีนขึ้นบันไดและออกมาด้านนอกก็จะมองเห็นวิวที่สวยงาม ที่นี่สามารถเข้าชมได้ฟรี (แต่เป็นเรื่องปกติที่จะต้องบริจาค 200 HUF)
จัตุรัสลิเบอร์ตี้ (Liberty Square)
จัตุรัสลิเบอร์ตี้ (ภาษาฮังการี: Szabadság tér) เป็นจัตุรัสสาธารณะที่ตั้งอยู่ในย่าน Lipótváros ของบูดาเปสต์ จัตุรัสแห่งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างธุรกิจและที่อยู่อาศัยเข้าด้วยกัน รวมสถานทูตสหรัฐอเมริกาและอดีตบ้านของตลาดหลักทรัพย์บูดาเปสต์ และสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งชาติฮังการี
ใจกลางจัตุรัสเราจะสังเกตเห็นอนุสรณ์สถานสงครามโซเวียตสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของการปลดปล่อยบูดาเปสต์โดยสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2488 รวมไปถึงอนุสาวรีย์นายพล Harry Hill Bandholtz แห่งสหรัฐอเมริกา และอนุสรณ์ผู้ตกเป็นของการยึดครองของนาซีเยอรมัน
สวนสาธารณะเอลิซาเบซใจกลางเมือง (Elizabeth Square)
ไม่ไกลจากจัตุรัสลิเบอร์ตี้เราเดินมายัง Elizabeth Square ซึ่งเป็นสวนสาธารณะใจลางเมืองตั้งอยู่ใกล้กับสถานีขนส่งหลักสำหรับขึ้นรถบัสไปสนามบิน ที่นี่มีจุดเด่นคือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามตระการตาของเมืองบูดาเปสต์ รวมไปถึงพื้นที่นั่งพักผ่อนระหว่างวัน
วันที่ 2 ที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์และปราสาทในบูดาเปสต์
วันที่สองของการเที่ยวบูดาเปสต์เราจะไปต่อกันที่ที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างจัตุรัสวีรบุรุษซึ่งตั้งอยู่ใกล้สวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ จากนั้นก็ไปชมปราสาทไวย์ดาฮุดยาด ต่อด้วยเดินเล่นและแวะพักที่จุดขึ้นบอลลูนชมวิวซึ่งอยู่ใกล้กับสระอาบน้ำเซเยนซี ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแวะไปทานอาหารราคาถูกที่ตลาดสดในร่มบูดาเปสต์ และปิดท้ายด้วยขนมหวานและกาแฟที่นิวยอร์กคาเฟ่
จัตุรัสวีรบุรุษ (Hero Square)
ฮังการีได้ผ่านช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์และการปกครองมามากมาย และการมาเยือนฮังการีจนครบสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่ได้แวะมาเยี่ยมชมจัตุรัสวีรบุรุษ (ภาษาฮังการี: Hősök tere) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดและถูกถ่ายรูปมากที่สุดของบูดาเปสต์ ใจกลางเป็นพื้นที่เปิดโล่งดึงดูดสายตาด้วยอนุสาวรีย์พันปี (Millennium Monument) ซึ่งเป็นเสาความสูง 36 เมตร บนยอดเสาประดับอัครเทวดากาเบรียลสีทอง สวมมงกุฎฮังการีและไม้กางเขนคู่อัครสาวกอยู่ในมือ
ที่ฐานของเสาแสดงรูปปั้นคนขี่ม้าของหัวหน้าเผ่าของฮังการี Magyar ทั้งเจ็ดเผ่านำโดยเจ้าชาย Árpád ซึ่งมีบทบาทในการก่อตั้งและรวมประเทศฮังการี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 รูปปั้น 14 รูปในแนวเสาด้านหลังเป็นของผู้ปกครองและรัฐบุรุษ ตั้งแต่พระเจ้าสตีเฟน (ซ้ายสุด) ไปจนถึง Lajos Kossuth (ขวาสุด)
ทางด้านขวาของอนุสาวรีย์พันปียังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮังการี (Kunsthalle Budapest) ส่วนด้านซ้ายคือพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ (Museum of Fine Arts) ส่วนที่ปลายของจัตุรัสคือถนน Andrássy Avenue ซึ่งเป็นเส้นทางกลับไปยังตัวเมือง ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นคือทางเข้าสวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ที่รวมสถานที่เที่ยวยอดนิยมอย่างปราสาทไวย์ดาฮุดยาดและสระอาบน้ำเซเยนซีไว้นั้นเอง
สวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ (City Park)
เดินต่อไปอีกนิดจากจัตุรัสวีรบุรุษจะพบกับสะพาน Zielinski Hid ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังสวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์ (ภาษาอังการี: Városliget) ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองและมีบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะสำหรับการมาเดินเล่นและนั่งพักผ่อนมาก ๆ ในสวนสาธารณะมีพื้นที่ประมาณ 1.2 ตารางกิโลเมตรครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงสระน้ำขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะกลายเป็นลานเล่นไอซ์สเก็ตกลางแจ้งที่มีบรรยากาศคึกคักเลยทีเดียว
การเดินทางมายังสวนสาธารณะเมืองบูดาเปสต์วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินสาย M1 Millennium มาลงที่ Heroes’ Square (Hősök tere) หรือที่สถานี Széchenyi Fürdő
ปราสาทไวย์ดาฮุดยาด (Vajdahunyad Castle)
ปราสาทไวย์ดาฮุดยาด (ภาษาอังการี: Vajdahunyad vára) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของบูดาเปสต์ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนสาธารณะ ด้านหน้ามี Lake City Park ที่สามารถพายเรือได้ ทางเข้าปราสาทเด่นสง่าด้วยประตูแบบกอทิกจากยุคกลาง มีหอคอยสองแห่ง โดยหอคอย Gatehouse Tower (400 HUF) สามารถเดินขึ้นบันไดวน 56 ขั้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนได้โดยไม่ต้องมีไกด์ทัวร์
เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าไปยังพื้นที่ด้านในจะพบกับโบสถ์ รูปปั้นทางประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์การเกษตรฮังการี (Museum of Hungarian Agriculture) ด้านในเหมาะทีเดียวสำหรับคนที่สนใจเรื่องราวทางเกษตรกรรมพืชผลและการล่าสัตว์
จุดขึ้นบอลลูนชมวิว (BalloonFly)
เดินเล่นตามถนนในสวนสาธารณะไปเรื่อย ๆ ก็ไปถึงที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่ง คือ จุดขึ้นบอลลูนชมวิว (BalloonFly) เหมาะสำหรับคนที่อยากขึ้นไปวิวเมืองปูดาเปสต์จากความสูงประมาณ 150 เมตร บอลลูนจะขึ้นได้ในวันที่มีอากาศดี ส่วนวันไหนที่สภาพอากาศไม่ดีหรือลมแรงไปก็จะงดให้บริการ ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ 7,000 HUF (15 นาที)
ช่วงที่เราไปสภาพอากาศไม่ดีนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วไปแล้วก็ต้องรอคิวกันยาว ส่วนเราก็ขอใช้โอกาสนี้นั่งพักผ่อนตรงนี้แหละ จะว่าไปมุมตรงนี้ก็ดีเหมือนกันนะ มองเห็นบอลลูนลูกใหญ่แม้จะไม่ได้ขึ้นไปบนนั้นก็ตาม
สระอาบน้ำเซเยนซี (Szechenyi Thermal Bath)
นั่งพักจนหายเหนื่อยกันแล้วก็มีแรงเดินต่อไปยังที่เที่ยวต่อไป นั้นก็คือ สระอาบน้ำเซเยนซี (ภาษาฮังการี: Széchenyi Gyógyfürdő és Uszoda) เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดในบูดาเปสต์ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปอีกด้วย
ด้านในมีโรงอาบน้ำ Szechenyi Bath อายุกว่า 100 ปี รวมถึงสระว่ายน้ำทั้ง 18 แห่งที่เปิดให้บริการทุกวันตลอดทั้งปี โดยอุณหภูมิน้ำในสระเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 26-40 องศาเซลเซียส
ใครที่สนใจอยากแวะไปสัมผัสประสบการณ์แชร์ตัวในสระน้ำร้อนที่นี่เขามีตั๋วรายวันพร้อมการใช้ล็อกเกอร์ 7,100 HUF (วันธรรมดาจันทร์-พฤหัสบดี) 8,200 HUF (วันศุกร์ วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ถ้าอยากใช้บริการซาวน์น่าเพิ่มก็จ่ายอีก 1,600 HUF
โรงอาบน้ำ Szechenyi Bath เปิดให้บริการวันธรรมดาตั้งแต่เวลา 07:00 น. ถึง 19:00 น. (โต๊ะเงินสดเปิดถึง 18.00 น.) ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 20.00 น. (โต๊ะเงินสดเปิดจนถึง 19.00 น.)
ตลาดสดในร่มบูดาเปสต์ (Great Market Hall)
ว่ากันว่าถ้าอยากตามหาสินค้าราคาถูกในแต่ละเมืองต้องแวะไปที่ตลาดของคนท้องถิ่น ดังนั้นนั้นเราก็จะแวะไปที่ Great Market Hall ซึ่งเป็นตลาดสดที่ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์นีโอโกทิกที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของบูดาเปสต์
ที่นี่ไม่ใช่แค่เป็นตลาดที่คนท้องถิ่นชอบมาซื้อของแค่อย่างเดียวแต่นักท่องเที่ยวก็ยังนิยมแวะมาอีกด้วย เนื่องจากมีบรรยากาศที่ดี สะอาดเป็นระเบียบ และรวมสินค้าไว้หลายประเภท อย่างชั้นหนึ่งเขาจะรวมอาหารแห้ง ผักผลไม้ และของสด ส่วนชั้นสองรวมเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของฝากหลายอย่าง รวมไปถึงแผงขายอาหารเล็ก ๆ ที่รวมอาหารท้องถิ่นไว้หลายเมนู และในเมื่อมาที่นี่แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะหาอาหารแบบคนฮังการีทานบ้าง
เนื่องจากที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่มาก ช่วงเช้าเวลา 08:00-09:00 น. ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดจะเป็นเวลาที่คนพลุ่กพล่านมากเพราะว่าแม่บ้านตื่นแต่เช้าไปจ่ายตลาด วันเสาร์จะยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ ถ้าอยากได้ภาพบรรยากาศคนเยอะ ๆ ต้องมาช่วงเวลานี้เลย
ส่วนเวลาทานอาหารกลางวันก็เป็นช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวเยอะเช่นกัน เนื่องจากมีอาหารราคาถูกจำหน่ายระหว่าง 12:00-14:00 น. สรุปแล้วแนะนำให้มาที่ตลาด Budapest Market Hall ระหว่างเวลา 10:00-13:00 น. หรือ 14:00-16:00 น. กำลังดี
นิวยอร์กคาเฟ่ (New York Café)
นิวยอร์กคาเฟ่ในบูดาเปสต์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งคาเฟ่ที่สวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว และในเมื่อมาถึงบูดาเปสต์แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะลองแวะไปที่นี่บ้าง ด้วยความที่ไม่ได้จองโต๊ะไว้ก่อนพอไปถึงก็ต้องรอโต๊ะว่างประมาณ 15 นาที ใครที่วางแผนจะไปที่นี่แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้ามาก่อนก็ดี
พอได้โต๊ะแล้วก็เดินเข้าไปด้านในสวยงามวิจิตรตระการตาสมคำล่ำลือจริง ๆ จากนั้นก็สั่งกาแฟและขนมหวานมาทาน รสชาติอร่อยแต่ราคาแอบแพงไปนิด แต่ก็นั้นแหละเนาะราคาที่จ่ายก็คุ้มค่ากับความงามและบรรยากาศหรูหราของที่นี่
นิวยอร์กคาเฟ่เปิดให้บริการทุกวันเวลา 08:00-12:00 น. การเดินทางสะดวกเพียงนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Metro stops Blaha Lujza ter จากนั้นเดินอีก 1-2 นาทีก็จะเจอกับคาเฟ่เลย
การเดินทางในบูดาเปสต์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
ระบบขนส่งสาธารณะในบูดาเปสต์มีความสะดวกรวดเร็ว ดำเนินการโดยบริษัท BKV ครอบคลุมถึงรถโดยสารประจำทาง (Bus) รถรางผสมรถบัส (Trolleybuses) รถราง (Tram) รถไฟใต้ดิน (Metro) และรถไฟชานเมือง (HÉV) นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งแบบพิเศษ เช่น รถกระเช้าไฟฟ้า (Funicular) เก้าเลื่อนไฟฟ้า (Chairlift) รวมถึงเรือ หรือรถรางท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ ได้อีกด้วย
รถโดยสารประจำทาง (285 สาย) รถรางผสมรถบัส (15 สาย) และรถราง (35 สาย) วิ่งทุกวันตั้งแต่ 04:30-23.30 น. ส่วนกลางดึกเริ่มวิ่งเวลา 23:30-04:30 น. รถรางสาย 6 วิ่งตลอด 24 ชั่วโมง
รถไฟใต้ดิน (4 สาย) ให้บริการทุกวันตั้งแต่ 04:30–23:30 น. ความถี่ 2-5 นาทีระหว่างวัน และทุก 10 นาทีในช่วงเช้าตรู่และช่วงดึก รถไฟใต้ดินสามสายเชื่อมต่อกันที่สถานี Deák Ferenc tér สาย M-1 เป็นรถไฟใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปยุโรป ส่วนสาย M-4 เป็นสถานีใหม่ล่าสุดในบูดาเปสต์
รถกระเช้าไฟฟ้า (Buda Hill Funicular) ให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 07:30-22:00 น. ความถี่ 5-10 นาที ตั๋วเที่ยวเดียว 2,000 HUF ตั๋วไปกลับ 3,000 HUF ตั๋วรอบสุดท้ายขายถึงเวลา 21:50 น. สถานีขึ้นกระเช้าอยู่ที่ต้นสะพานเชนฝั่งบูดา
รถรางสาย 2 เป็นมีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดวิ่งริมฝั่งแม่น้ำดานูบฝั่งเปสต์ รถรางสาย 41 และ 19 วิ่งขนานไปกับฝั่งบูดา ส่วนรถรางท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ N19 วิ่งไปตามแม่น้ำดานูบ (ฝั่งบูดา) และข้ามไปฝั่งเปสต์จนถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Deák Ferenc tér

ประเภทตั๋วโดยสารในบูดาเปสต์
- ตั๋วเที่ยวเดียว (Vonaljegy) 350 HUF (31 บาท) (ถ้าซื้อจากคนขับ 450 HUF)
- ตั๋วเดินทาง 10 ครั้ง (tíz darabos gyűjtőjegy) 3,000 HUF (267 บาท)
- ตั๋วรถไฟใต้ดินระยะสั้น 3 ป้าย (Metrószakaszjegy 3 megállóra) 300 HUF (26 บาท)
- ตั๋วเปลี่ยนรถ (átszállójegy) 530 HUF (47 บาท)
- บัตรเดินทาง 24 ชั่วโมง 1 คน (Budapest 24 órás jegy) 1,650 HUF (147 บาท)
- บัตรเดินทาง 24 ชั่วโมงสูงสุด 5 คน (Budapest 24 órás jegy) 5,000 HUF (445 บาท)
- บัตรเดินทาง 72 ชั่วโมง (Budapest 72 órás jegy) 5,500 HUF (490 บาท)
- บัตรท่องเที่ยวบูดาเปสต์ 24 ชั่วโมง 9,900 HUF (882 บาท) ใช้เดินทางไม่จำกัดเที่ยวรวมเข้าชมที่เที่ยวในบูดาเปสต์
- บัตรท่องเที่ยวบูดาเปสต์ 48 ชั่วโมง 15,400 HUF (1,372 บาท) ใช้เดินทางไม่จำกัดเที่ยวรวมเข้าชมที่เที่ยวในบูดาเปสต์
สามารถซื้อตั๋วเดินทางผ่านแอปพลิเคชัน BudapestGO ที่สำนักงานขายตั๋วในสถานีรถไฟใต้ดิน เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ จุดบริการลูกค้าที่ตั้งอยู่ทั่วเมือง และร้านขายหนังสือพิมพ์ รับชำระด้วยบัตรเดบิต บัตรแบบไร้สัมผัส เงินสดและเหรียญ
เมื่อได้ตั๋วมาแล้วต้องนำไปตรวจก่อนเริ่มต้นการเดินทางแต่ละครั้ง โดยหันปลายด้านที่มีตารางตัวเลขใส่ในช่องกล่องสีแดงหรือสีส้มใกล้กับประตูรถประจำทาง รถเข็น รถราง และรถไฟ HÉV ส่วนรถไฟใต้ดินจะพบกล่องเหล่านี้ตั้งอยู่ในสถานีก่อนลงบันไดเลื่อน ส่วนคนที่ใช้ตั๋วจากสมาร์ทโฟนสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อตรวจตั๋วได้เลย และอย่าลืมเก็บตั๋วไว้กับตัวจนสิ้นสุดการเดินทาง เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ขอซุ่มตรวจ
ดาวน์โหลดแผนที่ระบบขนส่งสาธารณะในบูดาเปสต์
การเดินจากสนามบินเข้าตัวเมืองบูดาเปสต์ วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest)
ท่าอากาศยานนานาชาติบูดาเปสต์เฟเรนตส์ลิซท์ (Budapest Airport) ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 16 กิโลเมตร วิธีการเดินทางเข้าเมืองที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 100E
รถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 100E (รถด่วน)
จำง่ายด้วยสีฟ้า ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง รถออกทุก 7-10 นาทีระหว่างวัน ทุก 30-40 นาทีในตอนกลางคืน รถจะวิ่งจากสนามบินผ่านไปยังสถานีสำคัญในใจกลางเมือง คือ Kálvin tér, Astoria และสิ้นสุดที่ Deák Ferenc tér จากสถานีเหล่านี้สามารถเดินผ่านย่านใจเมืองไปยังที่พักของคุณสะดวก ใช้เวลาเดินทางตลอดสายประมาณ 40 นาที ค่าโดยสาร 1,500 HUF (เที่ยวเดียว) มีขายในแอป BudapestGO ศูนย์บริการลูกค้า สำนักงานขายตั๋ว และเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ชำระด้วยบัตรเดบิต บัตรแบบไร้สัมผัส เงินสดและเหรียญ
รถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 200E (รถธรรมดา)
คล้ายกับรถรับส่งระหว่างสนามบินหมายเลข 100E แต่วิ่งระหว่างวันตามกำหนดเวลาปกติไปยังตัวเมืองบูดาเปสต์ที่สถานีรถไฟใต้ดินสาย 3 Kőbánya-Kispest เท่านั้น จากที่นั้นสามารถเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินต่อไปยังสถานีอื่น ๆ ได้ ตามต้องการ ส่วนกลางคืนวิ่งตั้งแต่เวลา 23:00-04:00 น. ไปจอดที่สถานี Határ út เท่านั้น แล้วค่อยต่อรถบัสกลางคืนสาย 914, 914A, 950 และ 950A ยังใจกลางเมือง
ผู้ที่เดินทางด้วยรถบัส 200E ต้องมีตั๋วสองใบ คือ ตั๋วเที่ยวเดียวจากสนามบิน + ตั๋วรถไฟใต้ดินสาย M3 รวมประมาณ 700 HUF หรือใช้ตั๋วเปลี่ยนรถ 530 HUF 1 ใบ หรือบัตรโดยสารรายวัน ใช้เวลาเดินทางตลอดสายประมาณ 45 นาที ถึง 1.5 ชั่วโมง (ตั๋วเดินทางรถบัส 200E ไม่สามารถใช้ได้กับรถบัส 100E)
สรุปแล้วคนที่มีที่พักใจกลางเมืองใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Deák Ferenc tér ใช้บริการรถบัส 100E จะสะดวกและเร็วกว่า ส่วนคนที่มีที่พักในตัวเมืองหรือห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Deák Ferenc tér พอสมควร แนะนำให้เลือกใช้รถบัส 200E จะสะดวกและประหยัดกว่า
ขับรถมีค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ (Electronic Vignette)
หากขับรถมาจากประเทศอื่นเข้าฮังการีต้องซื้อสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางก่อนข้ามพรมแดน เพื่อนำไปใช้บริการทางด่วนสาย M1, M3, M5, M6, M7 หรือสายอื่น ๆ ในบางเขต สามารถซื้อสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางได้ที่เว็บไซต์ Hungary-vignette.eu หรือตามสถานีเติมน้ำมันขนาดใหญ่ ราคาสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางแบ่งตามประเภทของรถ สำหรับรถยนต์ทั่วไปราคา 3,820 HUF (10 วัน) 5,210 HUF (1 เดือน) 46,850 HUF (1 ปี) และ 5,450 HUF (ภูมิภาค)
ที่พักในบูดาเปสต์ วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest)
HELIOS Hotel Apartments: ที่พักราคาประหยัดตั้งอยู่ทางฝั่งบูดาห่างจากใจกลางเมืองบูดาเปสต์ประมาณ 20 นาที เดินทางเข้าเมืองสะดวกด้วยรถบัส ห้องพักมีขนาดใหญ่ มีระเบียงและห้องน้ำส่วนตัว มาพร้อมพื้นที่สามารถทำอาหารทานเองได้ พนักงานใจดี และที่สำคัญมีที่จอดรถฟรี ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Adagio Downtown MiniHotel: โรงแรมตั้งอยู่ในย่าน Terézváros ฝั่งเปสต์ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Oktogon เพียง 2 นาที สามารถเดินทางไปยังที่เที่ยวยอดนิยมสะดวก ห้องพักตกแต่งด้วยสไตล์ที่ทันสมัย พนักงานต้อนรับเป็นมิตร ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
K33 Boutique Apartments: อะพาร์ตเมนต์กว้างขวาง มีโลเคชั่นดีตั้งอยู่ในฝั่งเปสต์ใกล้กับ House of Terror, Hungarian State Opera House และ สถานีรถไฟใต้ดิน Keleti Pályaudvar สามารถเดินทางไปที่เที่ยวยอดนิยมสะดวก มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้า และบาร์ตั้งอยู่ใกล้เคียง เจ้าของที่พักช่วยเหลือดีพร้อมให้คำแนะนำและบริการจัดรับส่งสนามบิน ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
ไปเที่ยวบูดาเปสต์กินอะไรดี? วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest)
อาหารฮังการีโดดเด่นด้วยส่วนผสมของชีส ไข่ นม และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัว ส่วนเนื้อประเภทอื่น ๆ มักใช้ทำในโอกาสพิเศษ อาหารฮังการีดั้งเดิมยังเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกปาปริก้า ปัจจุบันที่พบเห็นอย่างแพร่หลายมักใช้พริกปาปริกาแบบหวานเพื่อสร้างสีสันให้กับอาหารแทนที่จะเน้นรสชาติเผ็ด แต่ยังมีบางเมนูที่ยังคงรสชาติเผ็ดร้อนไว้เป็นเอกลักษณ์ รายการด้านล่างคืออาหารฮังการีและขนมที่น่าลิ้มลอง
- สตูว์เนื้อวัว (gulyás)
- ซุปชาวประมง (Halászlé)
- ซุปผักรวม (Főzelék)
- ขนมปังทอด (Lángos)
- สตูไก่ปรุงรส (Csirke Paprikás)
- สตูว์เนื้อฮังการี (Pörkölt)
- พาสต้าราดชีสรสเผ็ด (Túrós Csusza)
- กะหล่ำปลีดองยัดไส้ (Töltött Káposzta)
- ขนมปล่องไฟ (Kürtös Kalács)
- เค้กฟองน้ำเนื้อนุ่ม (Somlói Galuska)
- ขนมแป้งสอดไส้ครีมเชอร์รี่ (Meggyes Rétes)
- เครปเนื้อสไตล์ฮังการี (Hortobagyi Palacsinta)
- เค้กเคลือบด้วยช็อกโกแลตบัตเตอร์ครีม (Dobos Torta)
เมนูเหล่านี้มักพบได้ตามร้านอาหารทั่วไปในบูดาเปสต์ ราคาอาหารจานหลักจะอยู่ที่ประมาณ 7-15 ยูโร ย่านท่องเที่ยวราคาจะสูงกว่าย่านอื่น ๆ แต่ถ้าขยับออกไปในเขต 7, 8, 9 และ 13 ซึ่งมีคนท้องถิ่นอาศัยอยู่เยอะจะพบว่าราคาอาหารถูกลงเยอะเลย ถ้าเป็นร้านอาหารที่มีระดับหน่อยราคาก็จะเพิ่มขึ้นตาม อาหารจีนยังมีชื่อเสียงในบูดาเปสต์เนื่องจากมีชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลางอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ใครที่สนใจสามารถแวะไปทานอาหารจีนราคาไม่แพงได้ที่ย่านไชน่าทาวน์ (โมโนริเซ็นเตอร์)
แวะไปทานสตูว์เนื้อวัว (gulyás) ที่ร้านอาหารฮังการีดั้งเดิม
กูยาช หรือ กูลาช เป็นอาหารดั้งเดิมของคนฮังการีและยังมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยว และในเมื่อได้ถึงที่บูดาเปสต์แล้วก็ต้องมาลองให้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง เราเลือกไปที่ร้าน VakVarjú Restaurant มีคะแนนรีวิวสูง 4.4 ในกูเกิ้ลเลยทีเดียว
เมนูที่สั่งมาแน่นอนว่าต้องเป็นกูยาช ตามด้วยซุปปลาชาวประมง รอไม่นานก็มาเสิร์ฟพร้อมขนมปัง พอได้ทานเข้าไปแล้วรสชาติอร่อยไม่ผิดหวัง ส่วนซุปปลาชาวประมงรสชาติคล้าย ๆ แกงเผ็ดบ้านเรา โดยรวมแล้วคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป 40 ยูโร (สองคน) ใครที่สนใจอยากไปตามต่อร้านเปิดทุกวันเวลา 11:00-23:30 น. อย่าลืมจองโต๊ะล่วงหน้าด้วยนะคะ
เวลาเปิดปิดร้านอาหาร
ร้านอาหารในบูดาเปสต์ส่วนใหญ่เปิดทุกวันจนถึงเวลา 23:00 น. บางครั้งครัวก็ปิดก่อนเวลา ชาวฮังการีมักทานอาหารเย็นเวลา 19:00-21:00 น. ร้านอาหารส่วนใหญ่รับสั่งอาหารถึงเวลา 22:00 น.ส่วนบาร์จะเปิดนานกว่านี้จนถึงเวลาห้าทุ่มหรือตีสี่ ตามร้านค้าส่วนใหญ่เปิดระหว่าง 10:00-18:00 น. วันเสาร์เปิดถึงบ่ายโมง ห้างสรรพสินค้ามีเวลาเปิดปิดเท่ากัน คือ 09:00-21:00 น (ยกเว้นวันอาทิตย์เปิดเวลา 10:00-19:00 น.)
ต้องให้ทิปไหม?
การให้ทิปในร้านอาหารในประเทศฮังการีไม่ได้เป็นเรื่องบังคับ แต่ถ้าอาหารอร่อยและการบริการดีเราสามารถให้ทิปเพิ่มได้ 10-15% จากราคาค่าอาหารทั้งหมด เวลาให้ทิปสามารถพูดคำว่าขอบคุณพร้อมกับตอนที่จ่ายเงิน แต่ถ้าไม่ต้องการให้ทิปอย่าพูดคำว่าขอบคุณก่อนที่จะได้รับเงินทอนกลับมา เพราะไม่อย่างนั้นพนักงานจะเข้าใจว่าเป็นการให้ทิปโดยอัตโนมัติ
น้ำปะปาดื่มได้ไหม?
น้ำประปาในบูดาเปสต์สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย โดยใช้ขวดเติมจากก๊อกน้ำ ส่วนน้ำขวดที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตจะแบ่งออกเป็นหลายแบบ ให้สังเกตจากสีของฝาขวด สีชมพูคือน้ำเปล่าปกติ สีฟ้าคือน้ำอัดลม และสีเขียวคือน้ำอัดลมเล็กน้อย
จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเท่าไร?
นอกจากนี้เมื่อซื้อสินค้าราคาและบริการรวมภาษีเสมอ (VAT) ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและการบริการอยู่ที่ 27% ภาษีลด 18% สำหรับนมบางชนิดและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญพืชและแป้ง และภาษีลด 5% สำหรับอาหารยาและอื่น ๆ คนที่ซื้อสินค้ามูลค่าเกิน 63,000 HUF (175 ยูโร) สามารถนำไปขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้เกือบ 19% เมื่อเดินทางออกนอกประเทศ
จ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือสกุลเงินฟอรินต์ฮังการี
สกุลเงินอย่างเป็นทางการของประเทศฮังการีคือฟอรินต์ฮังการี (HUF) ใช้เหรียญ 5, 10, 20, 50, 100 และ 200 ฟอรินต์ และธนบัตร 500, 1,000, 2,000, 5,000,10,000 และ 20,000 ฟอรินต์
ตามโรงแรม ร้านค้า และร้านอาหารขนาดใหญ่รับจ่ายด้วยฟอรินต์และยูโรนอกจากนี้ยังสามารถชำระเงินโดยใช้เดบิตหรือบัตรเครดิตแบบแถบแม่เหล็กและแบบไม่ต้องสัมผัส ประเภท AmEX, Diners Club, Maestro, EnRoute, Euro/MasterCard, JCB และ Visa บางร้านอาจจะไม่ติดเครื่องหมายบัตรที่รับจ่ายไว้หน้าร้าน เพื่อความแน่ใจควรถามก่อนใช้บริการ ตามร้านค้าขนาดเล็กยังคงรับจ่ายด้วยเงินสด ดังนั้นควรพกเงินสดติดตัวไปบ้าง
อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 11.20 HUF = 1 บาท หรือ HUF 417.47 = 1 ยูโร
กดเงินจากเอทีเอ็มเป็นสกุลเงินท้องถิ่นดีกว่า
ถ้าไม่ได้แลกเปลี่ยนเงินคือฟอรินต์ฮังการีมาจากประเทศต้นทาง วิธีการที่จะได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดคือกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารออกมาเป็นสกุลเงินฟอรินต์ฮังการี แม้จะคิดค่าธรรมเนียมเล็กน้อยในการทำธุรกรรมแต่ราคาสมเหตุสมผลและปลอดภัยกว่าการแลกเงินตามท้องถนน และหลีกเลี่ยงการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม Euronet เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่สูงมาก
ควรแลกเงินที่ไหนดี?
ถ้าต้องการแลกเงินมีสถานที่ที่น่าเชื่อถือและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย คือ Correct Change, Joker Valuta Váltó, Exclusive Change ,Ibla Change Pénzváltó และ Omika Change เป็นต้น ที่เหล่านี้ให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและมีค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผล ก่อนแลกเปลี่ยนเงินทุกครั้งอย่าลืมตรวจสอบเรทที่ทางร้านเสนอมากับเรทของราคาตลาดกลางผ่านเว็บ XE.com ถ้ารู้สึกว่าไม่ต้องตามความต้องการหรือแพงไปให้เลือกกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเป็นสกุลเงินฟอรินต์ฮังการีแทน และควรหลีกเลี่ยงการแลกเงินที่สนามบินและโรงแรมเนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่สูง
เที่ยวบูดาเปสต์ปลอดภัยไหม? วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest)
บูดาเปสต์เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามมีคำเตือนให้ระวังทรัพย์สินของมีค่าในพื้นที่สาธารณะ ระวังคนล้วงกระเป๋าบนรถเมล์ ไม่ควรแลกเงินตามท้องถนน เพราะถึงแม้คนที่ให้แลกจะบอกว่าไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ท้ายที่สุดคุณจะได้เงินในอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ยุติธรรมและอาจจะเป็นเงินปลอม
รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการใช้บริการรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ตามถนน และเลือกใช้บริการ Főtaxi, Citytaxi, 6×6 หรือ Bolt รถแท็กซี่ทางการติดป้ายทะเบียนรถสีเหลืองและมีป้าย “Certified Budapest Taxi” ติดไว้ที่ประตูด้านซ้าย ก่อนเดินทางควรสอบถามราคาไปยังจุดหมายปลายทางให้ชัดเจน ราคาค่าแท็กซี่พื้นฐาน 1,000 HUF หรือ 400 HUF ต่อกิโลเมตร
ที่บูดาเปสต์พูดภาษาอังกฤษไหม?
“ภาษาฮังการี” เป็นภาษาราชการของประเทศฮังการี ตามแหล่งท่องเที่ยวกลางเมืองส่วนใหญ่ รวมไปถึงร้านขายของหรือร้านอาหาร ผู้คนมักสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาเยอรมัน ฉลากสินค้ารวมถึงป้ายบอกทางส่วนใหญ่ก็ยังเป็นภาษาฮังการีเช่นกัน ถ้าไม่เข้าใจก็สามารถใช้ Google Translation ช่วยได้
ใช้ปลั๊กไฟและแรงดันไฟเท่าไร?
ประเทศฮังการีใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ ความถี่มาตรฐาน 50 เฮิร์ทซ์ ใช้เต้าเสียบปลั๊กไฟประเภท C และ F นักเดินทางที่มาจากประเทศนอกยุโรป เช่น ประเทศไทย ควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟรอบโลกสำรองมาด้วย 1-2 ชิ้น
เที่ยวบูดาเปสต์งบเท่าไร? วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest)
ค่าครองชีพในบูดาเปสต์ใกล้เคียงกับปรากถูก ซึ่งกว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรประดับหนึ่ง และมีราคาใกล้เคียงกับค่าครองชีพในไทย ค่าเข้าชมที่เที่ยวอยู่ระหว่าง 250-450 บาท ตั๋วเดินทางรายวัน 147 บาท ค่าอาหารเฉลี่ยมื้อละ 300-500 บาท ที่พักนอกเมืองคืนละ 1,000-2,000 บาท
รายการค่าใช้จ่าย 2 วัน 3 คืนในบูดาเปสต์ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
- ค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ในบูดาเปสต์ 3,820 HUF (ขับมาจากสโลวีเนีย)
- ค่าเติมน้ำมันจากสโลวีเนีย 23,380 HUF
- ค่าที่จอดรถไม่มี (มีที่จอดรถของโรงแรมฟรี)
- ค่าที่พัก 2 วัน 3 คืน 53,491 HUF (2 คน ช่วงเดือนพฤษภาคมในย่านนอกเมือง)
- ค่าตั๋วเดินทางรายวัน 2 วัน 3,300 HUF
- ค่าอาหาร 2 วัน 15,581 HUF
- ซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต 15,865 HUF
- ค่าทานเครื่องดื่มและเค้กที่ New York Café 4,000 HUF
- ค่าเข้าชมอาคารรัฐสภา 4,200 HUF (จ่ายราคาพลเมืองในสหภาพยุโรป)
- ค่าเข้าชมหอวิหารเซนต์สตีเฟ่น 3,200 HUF
- ค่าเข้าชมปราสาท Bory 4,147 HUF (นอกเมืองบูดาเปสต์)
รวมค่าใช้จ่ายเที่ยวบูดาเปสต์ 2 วัน 3 คืน บวกที่พักหารสองคนอยู่ที่ประมาณ 103,698.5 HUF (248.37 EUR) คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,240 บาท ตัวเลขนี้ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินเนื่องจากใช้วิธีการขับรถเที่ยว
วางแผนเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
- Amsterdam | วางแผนเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
- Istanbul | วางแผนเที่ยวอิสตันบูล 5 วัน 4 คืน
- Vienna | เดินเที่ยวเวียนนาออสเตรีย 1 วัน
- Paris | เที่ยวปารีสฝรั่งเศสหน้าร้อนแบบเดย์ทริป
- Monaco | เที่ยวโมนาโกแบบเดย์ทริปสายประหยัด
- Mont Blanc | ขึ้นกระเช้าชมยอดเขามองบลังค์สูงที่สุดแอลป์
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡