ปาร์กเกวย์ (Park Güell) ตั้งอยู่ท่ามกลางเนินเขาอันงดงามของบาร์เซโลนา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมไม่แพ้มหาวิหารซากราดาฟามีเลียที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปี สถานที่แห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวคาตาลันชื่อดัง “อันตอนี เกาดี” (Antoni Gaudi) โดยมีความน่าสนใจคืองานสถาปัตยกรรม กระเบื้องโมเสคสีสันสดใส และความอันเขียวชอุ่มของป่าไม้ที่ร่ายรำร่วมกันได้อย่างลงตัว ปาร์กเกวย์ยังมีจุดชมวิวแบบพาโนรามาอันกว้างไกลของบาร์เซโลนาและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และยังถือเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก การตัดสินใจไปเที่ยวปาร์กเกวย์ด้วยตัวเองจึงไม่เพียงแค่ได้สัมผัสจินตนาการออกแบบที่กว้างไกลของเกาดี แต่ยังได้พาตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติที่คล้ายกับเทพนิยายแบบมีอยู่จริงอีกด้วย
ตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์ราคาเท่าไร
ปาร์กเกวย์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของบาร์เซโลนาไม่แพ้มหาวิหารซากราดาฟามีเลีย จึงไม่แปลกใจเลยว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาแน่นทุกวัน เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการต่อคิวยาวและมั่นใจว่าจะได้เข้าชมสวนสถาปัตยกรรมแห่งนี้อย่างแน่นอน แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าไว้ก่อน โดยสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้สูงสุด 3 เดือน
ราคาตั๋วเข้าชมแบ่งตามประเภทการเข้าชม คือ แบบบุคคลทั่วไป 10 ยูโร เด็กอายุ 7-12 ราคา 7 ยูโร เด็กอายุ 0-6 ขวบเข้าชมฟรี และผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ราคา 7 ยูโร ตอนจองตั๋วต้องระบุวันที่และรอบเวลาในการเข้าชม รอบแรกเริ่มเวลา 09:30 น. ในขณะที่รอบสุดท้ายคือเวลา 17:30 น. เมื่อซื้อตั๋วแล้วจะไม่อนุญาตให้เปลี่ยนวันที่หรือเวลา ซึ่งตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์ไม่รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ้านเกาดี (Gaudí House Museum) ถ้าสนใจเข้าชมราคาตั๋ว 5.50 ยูโร และสามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ของพิพิธภัณฑ์โดยตรง หรือใช้บัตร Park Güell & Gaudí House Museum ที่รวมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ้านเกาดีมาให้แล้ว
หมายเหตุ: เมื่อได้รับตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์ทางอีเมล์แล้วสามารถพิมพ์ หรือแสดงรหัส QR บนสมาร์ทโฟนที่จุดตรวจตั๋ว ซึ่งมีเวลาสูงสุด 30 นาทีเพื่อเข้าไปในสวนปาร์กเกวย์หลังจากเวลาเริ่มต้นที่จองตั๋วไว้ เช่น จองตั๋วไว้ที่เวลา 09:30 น. สามารถใช้แสดงเพื่อเข้าไปในสวนได้จนถึงเวลา 10:00 น. ถ้าเลยเวลา 30 นาทีไปแล้วตั๋วไม่สามารถใช้งานได้ และเมื่อเข้าไปด้านในแล้วสามารถใช้เวลานานเท่าไรก็ได้ในปาร์กเกวย์
ถ้าตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์เต็มทำยังไง
ตั๋วเข้าปาร์กเกวย์มักจะถูกจองเต็มเร็วมาก นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมแนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ไว้ก่อน อย่างไรก็ตามถ้าไม่สามารถหาซื้อตั๋วเข้าชมได้จากเว็บไซต์ทางการ ยังมีอีกหลายวิธีที่เป็นตัวเลือกสำหรับการซื้อตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์ คือ
- ซื้อตั๋วจากตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ: ไม่ว่าจะเป็น GetYourGuide, Tiqets และ Klook ทั้ง 3 เว็บไซต์นี้เราใช้งานอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะ GetYourGuide จะใช้บ่อยที่สุด เพราะว่ามาพร้อมตัวเลือกจองตั๋วแล้วค่อยจ่ายเงินทีหลังได้ และยังสามารถยกเลิกได้ฟรีภายใน 24 ชั่วโมงก่อนวันใช้งาน สะดวกมาก ๆ
- เข้าร่วมไกด์ทัวร์ปาร์กเกวย์: ตัวเลือกนี้ได้ทั้งความรู้จากไกด์ผู้ชำนาญการและยังได้เข้าชมปาร์กเกวย์แบบเจาะลึกอีกด้วย ทัวร์ใช้เวลา 75 นาที จองตั๋วเข้าร่วมไกด์ทัวร์ปาร์กเกวย์ล่วงหน้าตอนนี้เลย
สวนปาร์กเกวย์มีทั้งหมดกี่โซน
ก่อนจะไปเข้าชมสวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์ เรามาทำความรู้จักกับพื้นที่คร่าว ๆ ของสวนกันก่อน เพื่อที่จะได้วางแผนเข้าชมอย่างทั่วถึง โดยสวนแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 17.18 เฮกตาร์ ประกอบด้วยด้วย 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนอนุสรณ์สถาน (Monumental Zone) ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 12 เฮกตาร์ และโซนป่าไม้ที่อยู่ติดกันครอบคลุมพื้นที่อีก 8 เฮกตาร์ เรียกว่า “Forest Zone” ทั้งสองแห่งมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน ดังรายละเอียด
สิ่งที่น่าสนใจในปาร์กเกวย์
ทำความรู้จักพื้นที่ของสวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์กันไปแล้ว ต่อไปเราจะพาเที่ยวปาร์กเกวย์แบบเจาะลึกในแต่ละส่วนกันบ้าง โดยเริ่มที่ส่วนแรกกันก่อน คือ ทางเข้าหลักและบ้านขนมปังผิง 2 หลัง
เที่ยวปาร์กเกวย์: บ้านขนมปังผิง 2 หลัง (Porter’s Lodge and Porter’s House)
แน่นอนว่าเมื่อมาเยือนสวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์จะพบกับทางเข้าสวนสาธารณะที่ยิ่งใหญ่ และถูกมองว่าเป็นประตูแห่งสวรรค์ โดยมีตะแกรงเหล็กดัดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใบปาล์ม และขนาบข้างด้วยบ้านคล้ายขนมปังผิง 2 หลัง ได้แก่ บ้านทางเข้า Porter’s Lodge (Pavilion) และบ้านผู้ดูแลสวนสาธารณะ (Porter’s House) ทั้งสองหลังได้รับการออกแบบเกาดี และมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นจนกลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของปาร์กเกวย์เลยก็ว่าได้
ถ้ายืนมองจากบันไดมังกรจะพบว่าบ้านหลังขวามือมีขนาดเล็กกว่า และถูกออกแบบมาให้เป็นประตูทางเข้าหลักของปาร์กเกวย์ ในขณะที่หลังซ้ายมือมีขนาดใหญ่กว่าทำหน้าที่เป็นบ้านพักของคนเฝ้าประตู ซึ่งยืนประจำการเพื่อต้อนรับผู้มาเยือน เก็บค่าเข้าชม รวมไปถึงให้ข้อมูลของสวน ในขณะเดียวกันก็ยังมีบทบาทในการดูแลความปลอดภัยของสวนสาธารณะด้วย
นอกเหนือจากบทบาทหน้าที่แล้วบ้านทั้ง 2 หลังยังเหมือนกับผลงานอันสร้างสรรค์หลาย ๆ ชิ้นของเกาดี ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดงานศิลปะให้กับปาร์เกวย์ ได้รับการออกแบบด้วยรูปร่างและสีสันที่แปลกตา มองแล้วให้ความสนุกสนานอย่างบอกไม่ถูก และที่สำคัญมีการผสมผสานพื้นผิวที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสคและรายละเอียดอันหรูหรา เช่นเดียวกับตัวอาคารประดับด้วยโดมทรงเห็ดขนาดใหญ่และไม้กางเขนอยู่ด้านบน ซึ่งช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ที่โดดเด่น โดมทรงเห็ดนี้มีลักษณะคล้ายกับเทพนิยายแฟนตาซี นับว่าเป็นสไตล์ที่โดดเด่นของเกาดี
ปัจจุบันบ้านทางเข้าถูกดัดแปลงเป็นร้านขายหนังสือและของที่ระลึก ส่วนบ้านพักคนเฝ้าประตูกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่บอกเล่าถึงประวัติของอาคารแห่งนี้ ผู้ที่มีตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์แล้วสามารถใช้เข้าชมบ้านหลังนี้ได้ฟรี และอาจใช้เวลาต่อแถวเข้าชมประมาณ 15-20 นาที ข้างในมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ ของบันไดมังกรและระเบียงหลักอีกด้วย
เที่ยวปาร์กเกวย์: บันไดมังกร (The Dragon Stairway)
จากบ้านขนมปังผิง 2 หลังเดินตรงไปจะเจอกับบันได 2 ชั้น ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังห้องใต้ระเบียงหลัก บันไดนี้โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปมังกรซาลาแมนเดอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “El Drac” ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของปาร์กเกวย์ โดยตั้งอยู่ที่ชั้นสองของบันได มังกรประดับกระเบื้องโมเสคโดยใช้ชิ้นส่วนของเซรามิกหรือแก้วที่แตกหักเพื่อสร้างลวดลายการออกแบบที่สลับซับซ้อน เทคนิคนี้เรียกว่า “Trencadís” ถ้าสังเกตที่ปากมังกรจะพบว่ามีน้ำพุขนาดเล็กด้วย
ในขณะที่บันไดชั้นหนึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบน้ำพุขนาดเล็กได้อีก 1 แห่ง ที่ปากของงูซึ่งโผล่หัวออกมาจากประติมากรรมที่ประดับด้วยกระเบื้องโมเสคเช่นกัน ส่วนบันไดชั้นล่างสุดจะเป็นม้านั่งสีเขียวสำหรับถ่ายภาพ
เที่ยวปาร์กเกวย์: ห้องใต้ระเบียงหลัก (The Hypostyle Room)
ชมมังกรและน้ำพุกันแล้วเดินต่อไปจนถึงบันไดชั้นบนสุดจะพบกับห้องใต้ระเบียงหลักซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนปาร์กเกวย์ ห้องไฮโปสไตล์ปกคลุมด้วยพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายป่า ประกอบด้วยเสาดอริก 86 ต้น มีลักษณะคล้ายลำต้นของต้นไม้และจัดเรียงในรูปแบบตาราง การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สะท้อนถึงความหลงใหลในรูปทรงออร์แกนิกของเกาดี
ถ้ากวาดสายตาจากเสาดอริกไปยังเพดานของห้องไฮโปสไตล์จะพบว่าประดับด้วยกระเบื้องโมเสคสีสันสดใสที่สร้างพื้นผิวที่มีชีวิตชีวาและโดดเด่นสะดุดตา งานกระเบื้องโมเสคอันประณีตเหล่านี้ชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว โดยผสมผสานระหว่างสีน้ำเงิน สีขาว และสีสันที่สดใสอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าห้องไฮโปสไตล์จะเป็นพื้นที่อันโดเด่นของปาร์กเกวย์ แต่ในอดีตนั้นตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงกลับได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ตลาดในร่ม ที่ผู้พักอาศัยสามารถขายสินค้าของตนได้ น่าเสียดายที่แผนการนี้ไม่เคยถูกสร้างเสร็จ
เที่ยวปาร์กเกวย์: ระเบียงหลัก (The Doric Terrace)
จากห้องใต้ระเบียงหลักถ้าเดินตามบันไดไปจะพบกับทางแยกสองฝั่ง คือ ฝั่งขวามือเป็นทางเดินที่เรียงรายไปด้วยเสาแบบดอริก (The Laundry Room Portico) ไปยังจุดที่เคยเป็นสวนของคฤหาสน์เก่าชื่อว่า “Casa Larrard” ที่เกาดีอุปถัมภ์เป็นบ้านของเขา ในขณะที่เส้นทางฝั่งซ้ายมือจะนำเราไปสู่แลนด์มาร์คของปาร์กเกวย์ นั้นก็คือระเบียงหลักมังกรนั้นเอง เราจะมาอธิบายทั้งสองส่วนตามลำดับ โดยเริ่มที่ระเบียงหลักก่อน
ระเบียงหลักตั้งอยู่ใจกลางสวนปาร์กเกวย์ เป็นลานขนาดใหญ่ตามแผนการออกแบบเดิมเรียกว่าโรงละครกรีก (The Greek Theatre) ปัจจุบันได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นจัตุรัสธรรมชาติ หรือ “Plaça de la Natura” ชื่อเดิมเกิดแผนการที่ถูกวางไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับจัดการแสดงกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สามารถรับชมได้จากระเบียงโดยรอบ ถ้าสังเกตจากลักษณะของพื้นที่จะพบว่าส่วนหนึ่งของระเบียงถูกขุดลงไปในหิน ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งถูกยกขึ้นไปบนห้องไฮโปสไตล์ เช่นเดียวกับด้านบันไดล้อมรอบด้วยม้านั่งลูกคลื่นที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสคซึ่งออกแบบโดย Josep M. Jujol
ว่ากันว่ารูปทรงคดเคี้ยวของม้านั่งได้รับแรงบันดาลใจจากส่วนโค้งของงูทะเลหรือมังกร ทำให้เกิดชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ลานมังกร” การออกแบบช่วยให้ผู้มาเยือนได้นั่งพักผ่อน และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองบาร์เซโลนาและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
เที่ยวปาร์กเกวย์: ทางเดินที่เรียงรายไปด้วยเสาแบบดอริก (The Laundry Room Portico)
แวะถ่ายภาพและชมความสวยงามของระเบียงหลักกันแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินมาที่ทางเดินเสาแบบดอริกกันต่อ เสาที่ว่านี้เรียงรายอยู่ในระดับที่ได้สัดส่วนกันพอดี เป็นเส้นทางเดินไปยังสวนของคฤหาสน์ (Casa Larrard) ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวของปาร์กเกวย์ ทางเดินมีมุมถ่ายภาพที่สวยงามและยังให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่มีเสาขนาดใหญ่เป็นพระเอกของงาน
เที่ยวปาร์กเกวย์: สวนออสเตรีย (Jardins d’Àustria)
เดินไปชมทางเดินเสาแบบดอริกกันแล้วห้ามพลาดที่จะเดินไปชมจุดถัดไปของปาร์กเกวย์ นั้นก็คือสวนออสเตรีย ตั้งอยู่ใกล้ระเบียงหลัก สวนนี้ถูกใช้เป็นเรือนเพาะชำพืชของเทศบาล และได้รับการตั้งชื่อจากการบริจาคต้นไม้ของออสเตรียในปี 1977
ลักษณะเด่นที่สุดของสวนคือมีทิวทัศน์ที่สวยงามและให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากส่วนอื่น ๆ สังเกตได้จากต้นสนที่เติบโตท่ามกลางต้นปาล์มในเขตร้อน สวนยังล้อมรอบด้วยพืชพรรณและต้นไม้ที่ให้ร่มเงาและบรรยากาศเงียบสงบ นับว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ปิกนิก หรือพักผ่อนในเวลาเดียวกัน
เที่ยวปาร์กเกวย์: พิพิธภัณฑ์บ้านเกาดี (Gaudí House Museum)
เดินเล่นตามสวนออสเตรียไปจนถึงใจกลางสวนจะพบว่ามีบ้านอยู่ 2 หลัง คือ บ้านทนายความ และบ้านแสดงอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Francesc Berenguer ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นบ้านของครอบครัวเกาดี ก่อนที่ปัจจุบันจะถูกใช้งานเป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเกาดีสีชมพูนั้นเอง
สำหรับใครที่มีเวลาประมาณ 30-40 นาทีลองแวะเข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์ เพราะบ้านหลังนี้เกาดีเคยอาศัยอยู่เกือบ 20 ปี ตั้งแต่ปี 1906-1925 ที่สำคัญด้านในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์ สิ่งของ และของใช้ส่วนตัวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเกาดีอีกด้วย ข้างของทุกอย่างเรียกได้ว่าได้รับการบูรณะอย่างระมัดระวังเพื่อสะท้อนการตกแต่งภายในให้เหมือนกับตอนที่เกาดีเคยอาศัยอยู่ พิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตของเกาดี โครงการสถาปัตยกรรม รวมไปถึงปรัชญาการออกแบบและอิทธิพลของเขา นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จ่ายในราคาเพียง 5.50 ยูโร แต่ได้สัมผัสถึงมุมมองเชิงลึกของชีวิตเกาดีที่ไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ เลย
เที่ยวปาร์กเกวย์: พื้นที่ทางเดินและสะพานลอย
จากพิพิธภัณฑ์บ้านเกาดีเดินตามถนนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับประตูทางเข้า Carretera del Carmel จะพบกับพื้นที่สาธารณะของปาร์กเกวย์ จากที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานลอยต่าง ๆ หลายแห่งของอุทยานได้
โดยเส้นทางจะคดเคี้ยวไปบนภูเขา แต่ละจุดมีมุมถ่ายภาพที่สวยงาม (กดเพื่อดูพิกัด) สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองบาร์เซโลนา และถ้าเดินไปเรื่อย ๆ จะถึง “Casa Trias” ซึ่งเป็นบ้านที่ออกแบบมาเพื่อให้คนมีฐานะอาศัยอยู่นอกเมือง ใครที่สนใจสามารถแวะไปชมด้านนอกได้ แต่ด้านในไม่เปิดให้เข้าชม
เที่ยวปาร์กเกวย์: จุดที่มีมุมถ่ายภาพสวยในปาร์กเกวย์
ใกล้กับบ้าน Casa Trias จะเห็นถนนลงเขาที่ค่อนข้างคดเคี้ยวและมีจุดถ่ายภาพที่สวยงามอีกหนึ่งแห่งดังรูปภาพแนบ (กดเพื่อดูพิกัด) ถ้าเดินตามถนนนี้ไปทางฝั่งตะวันตกอีกประมาณ 15 นาทีจะนำเราไปสู่จุดที่สูงที่สุดปาร์กเกวย์ (Turó de les Tres Creus) ด้านบนเป็นภูเขาอนุสาวรีย์ไม้กางเขน 3 อันสร้างโดยเกาดี
เดิมทีเขาตั้งใจจะสร้างโบสถ์ขนาดเล็กบนพื้นที่แห่งนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วแผนเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้นเลย แต่เขาเลือกที่จะใช้สัญลักษณ์ไม้กางเกนเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อความหลงใหลของพระคริสต์แทน ในขณะที่พื้นที่ทางเดินมีจุดถ่ายภาพวิวที่สวยงามของบาร์เซโลนาเช่นกัน
บทสรุปการเข้าชมปาร์กเกวย์
การเดินชมสวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์เดินทางมาถึงชั่วโมงสุดท้ายเมื่อต้องเดินลงจากจุดที่สูงที่สุดปาร์กเกวย์ไปยังประตูทางออกที่อยู่ติดกับบ้านขนมปังผิง 2 หลัง ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าภายในเวลา 3 ชั่วโมง เรียกได้ว่าได้เห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามของปาร์กเกวย์ และได้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ไปในเวลาเดียวกัน และนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความประทับใจของการเที่ยวบาร์เซโลนาร์ในครั้งนี้ ท้ายสุดขอบรรยายสรุปความสวยงามของปาร์กเกวย์ไปด้วยประโยคที่ว่า “Park Güell: เมื่อศิลปะและธรรมชาติต่างร่ายรำร่วมกัน” และนั้นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เดินทางมาสัมผัสความมหัศจรรย์นี้ด้วยตัวเอง
เวลาเปิดปาร์กเกวย์
ปาร์กเกวย์เปิดให้เข้าชมทุกวันตลอดทั้งปี โดยมีเวลาเปิดและเข้าชมรอบสุดท้ายขึ้นอยู่กับฤดูกาล
- 1 มกราคม – 10 กุมภา: เวลา 09:30-17:30 น.
- 11 กุมภา – 25 มีนาคม: เวลา 09:30-18:00 น.
- 26 มีนา – 30 มิถุนายน: เวลา 09:30-19:30 น.
- 1 กรกฎา – 31 สิงหาคม: เวลา 09:00-19:30 น.
- 1-30 กันยายน: เวลา 09:30-19:30 น.
- 1 กันยายน – 28 ตุลาคม: เวลา 09:00-19:30 น.
- 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม: เวลา 09:00-17:30 น.
เที่ยวปาร์กเกวย์ เวลาไหนดี
บาร์เซโลนาเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของสเปน ถ้าอยากหลีกเลี่ยงจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาแน่นแนะนำให้ไปเที่ยวช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม หรือกันยายนถึงตุลาคม เช่นเดียวกับการเที่ยวปาร์กเกวย์เวลาที่ดีที่สุดในการเข้าชม คือ ระหว่าง 09:30-10:30 น. ในวันธรรมดา (โดยเฉพาะในวันจันทร์หรือวันพฤหัสบดี) ถ้าเป็นไปควรหลีกเลี่ยงการเข้าชมตอนเที่ยงวันเพราะแดดแรงมาก และอาจจะหาที่หลบแดดได้น้อย ส่วนใครที่อยากเดินชมสวนแบบแดดไม่แรงลองไปเวลา 17:00-18:00 น. เวลานี้เหมาะกับช่วงฤดูร้อนเพราะอาทิตย์ตกช้า ในขณะที่ฤดูหนาวท้องฟ้าจะมืดเร็ว อีกอย่างไฟในสวนไม่ค่อยสว่างตอนกลางคืน อาจจะไม่เหมาะกับการเดินเท่าไร
การเข้าชมปาร์กเกวย์ควรเผื่อเวลาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ช่วงฤดูร้อนสวนเปิดให้เข้าชมถึงเวลา 22:30 น. อย่าลืมเตรียมรองเท้าที่ใส่เดินสบายมาด้วย เพราะต้องเดินเยอะมาก รวมไปถึงครีมกันแดดทาเพิ่มระหว่างวัน และน้ำดื่มแก้กระหาย 1-2 ขวด
การเดินทางไปปาร์กเกวย์
ปาร์กเกวย์ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองบาร์เซโลนาประมาณ 23 นาที นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงสวนนี้ได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟใต้ดิน รถโดยสารประจำทาง และรถบัสนำเที่ยว
นอกจากการใช้บริการรถไฟใต้ดินสาย L3 มาลงที่สถานี Lesseps แล้ว ตามปกติสามารถนั่งต่อไปอีกหนึ่งป้ายเพื่อลงที่สถานี Vallcarca จากนั้นเดินอีก 20 นาทีไปยังทางเข้า Av. del Santuari de St. Josep de la Muntanya โดยใช้บันไดเลื่อน Baixada de la Glòria แต่เนื่องจากบันไดเลื่อนงดให้บริการในช่วงนี้ แนะนำให้ใช้ทางเข้าหลักจะสะดวกกว่า ส่วนวันที่จะกลับมาเปิดบริการนั้นโปรดดูข้อมูลอัปเดตที่เว็บไซต์ทางการ
ประตูทางเข้าปาร์กเกวย์
ปาร์กเกวย์มีประตูทางเข้าอยู่ 3 แห่ง คือ
ออดิโอไกด์ทางการของปาร์กเกวย์
จากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับตั๋วเข้าชมปาร์กเกวย์ซึ่งจะไม่ได้มาพร้อมออดิโอไกด์ อย่างไรก็ตามมีออดิโอไกด์ทางการฟรีให้ดาวน์โหลดกันที่หน้างาน (และไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดล่วงหน้า ที่นั้นมีไว้ไฟฟรีบริการด้วย) ซึ่งเป็นคู่มือเสียงทางการของปาร์กเกวย์ ออดิโอไกด์ให้บริการใน 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คาตาลัน สเปน และฝรั่งเศส แอปนี้ยังรวมข้อมูลการเข้าชมที่ประโยชน์ เช่น การเดินทาง เวลาเปิดทำการ ราคาตั๋ว และคำแนะนำต่าง ๆ นับว่าสะดวกในการเข้าชมและยังได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนขณะเดินทัวร์อีกด้วย
บัตรท่องเที่ยวที่รวมการเข้าชมปาร์กเกวย์
ที่เที่ยวยอดนิยมในบาร์เซโลนา
มหาวิหารซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia)
เป็นผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกอันน่าทึ่งที่ได้รับการออกแบบโดยเกาดี ซึ่งเป็นผู้เริ่มโครงการในปี 1882 มหาวิหารแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่และรูปแบบออร์แกนิกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผสมผสานองค์ประกอบทางศาสนาเข้ากับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและเรขาคณิต ทำให้เกิดงานศิลปะทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แน่นอนว่าเมื่อไปเยือนมหาวิหารซากราดาฟามีเลียต้องไม่พลาดที่จะชมส่วนหน้าอาคารอันงดงาม 3 ส่วน ได้แก่ ด้านหน้าอาคารการประสูติ ด้านหน้าของความรัก และส่วนหน้าแห่งความรุ่งโรจน์ ด้านหน้าอาคารแต่ละหลังได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยประติมากรรมและรายละเอียดที่แสดงถึงแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตของพระคริสต์
นอกจากส่วนหน้าอาคารที่สวยงามแล้วถ้าเดินเข้าไปด้านในจะพบกับทางเดินที่ได้รับการตกแต่งอย่างอลังการไม่แพ้กันด้วยสถาปัตยกรรมเสา ซึ่งเลียนแบบต้นไม้และเพดานสูงที่สร้างบรรยากาศอันงดงาม มหาวิหารยังประดับด้วยหน้าต่างกระจกสีที่มอบความนุ่มนวลและงดงามสู่พื้นที่ ในขณะที่หอคอยทั้งสองด้านนำผู้ชมไปสู่วิวที่สวยงามของบาร์เซโนา
ความสำคัญอีกหนึ่งอย่างของซากราดาฟามีเลียคือได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2548 โดยตระหนักถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม โดยรวมแล้วนับว่าซากราดาฟามีเลียเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของบาร์เซโลนาที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด อย่าลืมเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และเผื่อเวลาเดินทางจากสวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์ไว้ประมาณ 35 นาที
คฤหาสน์คาซ่าบัตโล่ (Casa Batlló)
เป็นหนึ่งในอาคารสมัยใหม่ชื่อดังที่เกาดีได้ออกแบบไว้ และยังเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ของเกาดีอีกด้วย แน่นอนว่าอาคารนี้โดดเด่นด้วยการออกแบบที่มีจินตนาการเหนือจริงผสมผสานกับด้วยเส้นลูกคลื่น หินแกะสลัก และกระเบื้องโมเสกสีสันสดใส ทำให้ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นโดยพลังแห่งธรรมชาติ และยังมีระเบียงที่มีลักษณะคล้ายหน้ากาก และเสาที่มีลักษณะคล้ายกระดูก นั้นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาคารแห่งนี้รู้จักกันในชื่อ “House of Bones”
ถ้าไปเข้าชมคาซ่าบัตโล่แล้วอย่าลืมขึ้นไปชั้นดาดฟ้าเพื่อชม “หลังคามังกร” ที่ปูด้วยกระเบื้องหลากสีสันสร้างแสงแวววาวเมื่อโดนแสงแดด ใกล้ ๆ กันยังสามารถมองเห็นปล่องไฟและหอระบายอากาศมีลักษณะคล้ายกระดูกหลังมังกรอีกด้วย โดยรวมแล้วคฤหาสน์คาซ่าบัตโล่คุ้มค่าการเข้าชมและมีขนาดไม่ใหญ่สามารถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และอยู่ห่างจากมหาวิหารซากราดาฟามีเลียเพียง 15 นาที
คาซ่ามิลา (Casa Milà)
ที่เที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งของบาร์เซโลนา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์คาซ่าบัตโล่เพียง 5 นาที สร้างขึ้นระหว่างปี 1906-1912 และมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่สร้างสรรค์และล้ำหน้า ซึ่งโดดเด่นด้วยส่วนหน้าของอาคารที่เป็นหินลูกคลื่น ดูราวกับแกะสลักจากหินก้อนเดียวและไร้เส้นตรงแบบดั้งเดิม เช่นเดียวกับระเบียงมีลักษณะคล้ายคลื่นหรือสาหร่าย ซึ่งสะท้อนถึงความหลงใหลในรูปทรงตามธรรมชาติของเกาดี
ด้านในอาคารเดิมยังได้รับการออกแบบให้เป็นอาคารอพาร์ตเมนต์ และเป็นที่พักของผู้อยู่อาศัยหลายคน ปัจจุบันกลายมาศูนย์วัฒนธรรมสำหรับเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของอาคาร สถาปัตยกรรม และปรัชญาการออกแบบของเกาดี ผ่านการจัดแสดงมัลติมีเดีย เครื่องบรรยายออดิโอไกด์ และทัวร์นำเที่ยว ในตอนท้ายการเข้าชมจะนำเราไปที่ชั้นด่านฟ้าเพื่อชมประติมากรรมมีลักษณะเป็นป่ามาพร้อมปล่องไฟแกะสลัก หอระบายอากาศ และบันไดที่ทั้งมีประโยชน์ใช้สอยและตกแต่งโครงสร้าง
ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของคาซ่ามิลาก็คือมีมุมถ่ายภาพที่สวยงามและยังสามารถมองเห็นมหาวิหารซากราดาฟามีเลียได้อีกด้วย โดยรวมแล้วคฤหาสน์คาซ่ามิลามีขนาดใหญ่กว่าคาซ่าบัตโล่ ควรเผื่อเวลาเข้าชมประมาณ 1-2 ชั่วโมง และอยู่ห่างจากมหาวิหารซากราดาฟามีเลียประมาณ 7 นาที
การเดินทางไปบาร์เซโลนาจากอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากบาร์เซโลประมาณ 1,538 กม. นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเที่ยวบาร์เซโลสามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากเมืองใกล้เคียงได้สะดวก เช่น อัมสเตอร์ดัม บรัสเซลส์ ปารีส บอร์โด หรือมาดริด ครอบคลุมตัวเลือกด้วยเที่ยวบิน รถไฟ รถโคช และรถยนต์ ดังรายละเอียด
เรื่องน่ารู้ก่อนมาเที่ยวปาร์กเกวย์
เที่ยวปาร์กเกวย์ ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวสวนปาร์กเกวย์อยู่ที่ประมาณ 50-60 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,900-2,300 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าที่จอดรถและค่าทางด่วน ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 90-140 ยูโร
โฮสเทล: 40-80 ยูโร
การเดินทาง: 16.40 ยูโร
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 10-15 ยูโร
รถเช่า: 30-100 ยูโร
อาหาร: 15-30 ยูโร/มื้อ
เครื่องดื่ม: 10-15 ยูโร
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แผนที่เที่ยวปาร์กเกวย์ด้วยตัวเอง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡