ถ้าถามว่าในชีวิตนี้มีสิ่งไหนที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปบ้าง? หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นการลงทุนซื้อเสื้อกันหนาวราคาแพงเพื่อนำไปใส่ในฤดูหนาวที่เนเธอร์แลนด์ และการทำเลสิคที่มอบโลกใบใหม่ให้กับตัวเองหลังจากที่ทนกับอาการสายตาสั้นด้วยการใส่แว่นและคอนแทคเลนส์มาเป็นเวลาเกือบ 6 ปี บทความนี้เราจะมารีวิวทำเลสิคที่โรงพยาบาลยันฮีกับคุณหมอเกรียงไกร ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนทำไปจนถึงหลังทำ รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด และสิ่งที่ต้องรู้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปทำจริง
ทำเลสิคเจ็บไหม?
ประโยคนี้อาจเป็นคำถามยอดฮิตของคนที่กำลังวางแผนจะไปทำเลสิค เราก็เป็นอีกคนที่มีคำถามนี้และถึงกับไม่ยอมกดเข้าไปดูวิดีโอการทำเลสิคในยูทูปเพราะกลัวมากแต่อาศัยอ่านรีวิวเอาแทน ซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ที่หลายคนไปทำมาแล้วก็บอกว่าไม่เจ็บ จนกระทั่งเราไปทำมาจริง ๆ ก็คงต้องมายืนยันอีกเสียงว่าไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว แถมกลับบ้านมาพร้อมดวงตาที่ชัดแจ๋วคุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป
ก่อนไปทำเลสิคต้องรู้อะไรบ้าง?
ก่อนที่จะไปทำเลสิคจริง ๆ นั้นมีสิ่งที่ควรคำนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจหลายอย่าง ดังนี้
งบประมาณ
ค่าทำเลสิคสองข้างที่โรงพยาบาลยันฮีราคา 39,250 บาท (รวมค่าตรวจตา ค่าบริการโรงพยาบาล ค่าชุดบริการเวชปฏิบัติ และค่ารักษาสายตาด้วยระบบเลสิค) นอกจากนี้ยังมีค่าพบแพทย์เพื่อติดตามผลในวันรุ่งขึ้น 250 บาท และค่าห้องพัก 1,000 บาท (ของโรงพยาบาลยันฮี) หรือจะเลือกพักโรงแรมใกล้เคียงก็ได้ โดยรวมแล้วควรเผื่องบทำเลสิคไว้ประมาณ 41,000 บาท ทางโรงพยาบาลรับจ่ายด้วยเงินสด โอนเข้าบัญชี รวมไปถึงบัตรเครดิตมีโปรโมชั่นผ่อน 0% 10 เดือน
ค่าซื้อคอนแทคเลนส์หรือตัดแว่นตา
หลายคนอาจจะไม่ได้มีปัญหากับค่าใช้จ่ายในการซื้อคอนแทคเลนส์หรือตัดแว่นตาก็อาจจะเลือกใช้วิธีเหล่านี้ต่อไปได้ แต่สำหรับคนที่คิดว่าค่าคอนแทคเลนส์ในแต่ละเดือนสูงเกินไปก็อาจจะเลือกที่จะทำเลสิคเพื่อแก้ปัญหาครั้งเดียวจบไปเลย อย่างของเราเคยสวมคอนแทคเลนส์แบบรายเดือนมาก่อนค่าใช้จ่ายไม่แพง แต่หลังจากย้ายมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์และเลือกใส่คอนแทคเลนส์รายวันเพราะสบายตามากกว่าก็พบว่าค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนแพงมาก และต้องจ่ายเกือบ 70 ยูโรเพื่อซื้อคอนแทคเลนส์รายวันสำหรับสายตาสั้นสองข้างที่ไม่เท่ากัน และนี้ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกไปทำเลสิคนั้นเอง
สายตาแห้ง
การทำเลสิคกส่งผลให้เกิดภาวะสายตาแห้งหลังการผ่าตัด เพราะว่าเส้นประสาทตาถูกกระทบกระเทือนทำให้การผลิตน้ำตาของดวงตาลดลงชั่วคราว อาการที่พบบ่อยคือสายตาแห้ง ระคายเคืองตา ตาล้า และตาแดง จนต้องกระพริบตาบ่อยกว่าปกติ วิธีแก้ไขคือต้องหยอดน้ำตาเทียมหลังทำเลสิคทุก ๆ ชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งเดือน และหยอดต่อเนื่องไปอีก 3-6 เดือน หรือจนกว่าอาการสายตาแห้งจะค่อย ๆ หมดไป อย่างไรก็ตามคนที่มีอาการสายแห้งมาก่อนสามารถทำเลสิคได้ ส่วนในกรณีอื่น ๆ เช่น คนมีสายตาที่สั้นมาก ๆ ก่อนทำเลสิค หรือใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ เมื่อทำเลสิคแล้วต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดสายตาแห้งให้ได้
ความสั้นของสายตา
ผู้ที่สามารถทำเลสิคได้ควรมีสายตาสั้นไม่เกิน -1,200 สายตายาวไม่เกิน +600 และสายตาเอียงไม่เกิน -500 รวมไปถึงมีอายุ18 ปีขึ้น หรือผู้ที่มีค่าสายตาคงที่อย่างน้อยหนึ่งปี ไม่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม ตาแห้งรุนแรง กระจกตาย้วย ต้อหิน ต้อกระจก เป็นต้น และไม่เป็นโรคที่มีผลต่อการหายของแผลรวมถึงโรคที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เบาหวาน SLE เบาหวาน รูมาตอยด์ และสะเก็ดเงิน เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ยืนยันจะทำเลสิคต้องเซ็นใบยินยอมก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ความหนาของกระจกตา
ปกติแล้วมนุษย์เรามีความหนาของกระจกตาอยู่ระหว่าง 551 – 565 ไมครอน หรือ ประมาณ 0.5 มิลลิเมตร คนที่จะทำเลสิคได้ความหนาของกระจกตาไม่ควรต่ำกว่า 500 ไมครอน ซึ่งคนที่มีความหนาของกระจกตาต่ำกว่านี้คุณหมออาจจะพิจารณาทางเลือกอื่นในการรักษาอาการสายตาสั้นแทน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าความหนาของกระจกตาของเราเท่าไร? คำตอบคือเราจะรู้ในวันที่ไปตรวจกับคุณหมอนั้นเอง หรืออาจจะรวมวันทำเลสิคในวันเดียวกันเลยก็ได้ถ้าคุณหมอพิจารณาแล้วว่าสามารถทำได้ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้จะมีค่าใช้จ่ายในการตรวจตาประมาณ 500-1,500 บาท
การตรวจตาเพื่อประเมินว่าสามารถทำเลสิคได้ไหม
มีอยู่ 2 แบบ คือ ตรวจไว้ก่อนและนัดวันทำเลสิคในภายหลัง (ผลตรวจใช้ได้ประมาณ 3 เดือน) เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่พร้อมทำทันทีหรือยังหาวันที่แน่นอนไม่ได้ และอีกแบบหนึ่งก็คือตรวจแล้วทำวันเดียวกันเลย ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 10-15 นาที เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจมาแล้ว หรือบ้านอยู่ไกล เช่น ต่างจังหวัดเป็นต้น
นัดคิวเพื่อจองวันตรวจและทำเลสิคกับโรงพยาบาล
เมื่อรู้สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนไปทำเลสิคแล้วก็มาถึงการนัดคิวกับทางโรงพยาบาลก่อนไปทำจริง สามารถทำได้ผ่านทางเฟซบุ๊คของโรงพยาบาลยันฮี โดยแจ้งแอดมินไปว่าต้องการทำเลสิค แอดมินจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเลสิค รวมถึงให้เราระบุข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อนำไปทำประวัติล่วงหน้าเตรียมไว้ก่อน
เรายังสามารถระบุวันที่สะดวกทำเลสิคและคุณหมอที่ต้องการทำเลสิคได้อีกด้วย ซึ่งเราก็เลือกคุณหมอเกรียงไกร จากนั้นแอดมินก็จะยืนยันกลับมาว่าจองคิวสำหรับเข้าพบคุณหมอให้เรียบร้อย เรามีหน้าที่เพียงเดินทางไปตามวันนัด และอย่าลืมพาคนดูแลไปด้วย 1 คนนะคะ เพราะว่าหลังทำเลสิคต้องใส่ที่ครอบตาทำให้มองเห็นไม่สะดวกไปหนึ่งวัน
การเตรียมตัวก่อนทำเลสิค
- งดใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มอย่างน้อย 3 วัน ชนิดแข็ง 7 วัน
- ควรสระผมให้สะอาด ไม่แต่งหน้า และไม่ใช้เครื่องหอมก่อนมาโรงพยาบาล
- ควรสวมเสื้อผ้าที่ใส่-ถอดได้สะดวก เช่น เสื้อติดกระดุมผ่าหน้าตลอด
- ควรรับประทานอาหารพออิ่ม หลังจากนั้นถ้าหิวให้ดื่มน้ำ หรือรับประทานของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
- งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด 1-2 วัน
- ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาบวมแดง มีขี้ตา เป็นหวัด ไอ จาม มีไข้สูง โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ
- งดทานยารักษาสิวก่อนทำการตรวจหรือผ่าตัด 1 เดือน เนื่องจากทำให้ตาแห้ง วัดค่าสายตาไม่แม่นยำ
เดินทางไปพบคุณหมอตามวันนัด
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเราอยู่ที่เนเธอร์แลนด์และใช้ช่วงที่เดินทางกลับไปไทยเป็นเวลาสามอาทิตย์ถือโอกาสไปทำเลสิคด้วยเลย และเลือกที่จะทำในวันที่สองหลังจากเดินทางถึงไทยแล้ว แต่ก่อนที่จะสรุปวันได้ก็มีการสอบถามไปทางโรงพยาบาลก่อนซึ่งก็ให้คำแนะนำที่ดีมาก เราเลือกที่จะทำแต่เนิ่น ๆ เพราะว่ามีเวลาได้เข้าไปพบคุณหมอเพื่อติดตามผลก่อนกลับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเร็วกว่าปกติแทนที่จะเป็นสามเดือนหลังทำเลสิค แต่ถ้าใครที่อยากทำแล้วเดินทางกลับเลยก็สามารถทำได้ โดยให้ทางโรงพยาบาลออกใบรับรองแพทย์ให้เพื่อนำไปขึ้นเครื่องบิน
เราเลือกพักที่โรงแรมใกล้เคียงโรงพยาบาลยันฮีเนื่องจากวันแรกพักที่นี่แล้วก็เลยพักต่อจนถึงวันผ่าตัดเลย ที่พักชื่อว่า be WISH Residence (ราคาคืนละประมาณ 750 บาท) ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 10 นาทีเดินไปสะดวก ส่วนคนที่เดินทางมาจากที่อื่นสามารถนั่ง MRT ไปลงที่สถานีปลายทางบางอ้อโดยใช้ประตูทางออกที่ 4 จากนั้นเดินอีก 5 นาทีไปก็จะเจอกับโรงพยาบาลเลย
ใครที่อยากได้คิวแรก ๆ แนะนำให้มาแต่เช้า คุณหมอจะเริ่มตรวจตั้งแต่เวลา 07:00-10:00 น. จากเวลา 11:00 น. เป็นต้นไปจะเริ่มทำเลสิค แต่เอาจริง ๆ ขนาดไปถึงตีห้ากว่า ๆ ก็มีการรันคิวสำหรับพบคุณหมอเพื่อติดตามผลของคนที่ทำเลสิคจากเมื่อวานแล้ว และคิวของคนที่ต้องการทำเลสิคในแต่ละวันก็มีเกือบ 60 เคสเลยทีเดียว เอาเป็นว่าถ้าอยากได้คิวผ่าตัดรอบเช้าแนะนำให้ไปรับบัตรคิวประมาณเวลา 05:00-06:30 น. ถ้าไปหลังจากนี้อาจจะได้คิวผ่าตัดช่วงบ่ายแทน
การตรวจตาก่อนทำเลสิค
หลังจากรับบัตรคิวเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอเรียกชื่อเพื่อซักประวัติ และวัดความดัน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที พอเสร็จแล้วพยาบาลจะให้แฟ้มสีเขียวอ่อนที่ประกอบไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการทำเลสิคและตัวอย่างใบยินยอมเข้ารับการผ่าตัดมาอ่านให้เราอ่านและศึกษาทำความเข้าใจระหว่างรอเรียกชื่อเพื่อตรวจสายตา ซึ่งจะมีขั้นตอนตามนี้
- วัดสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (Auto refractometer) 5 นาที: เพื่อประเมินค่าสายตาเบื้องต้นและวัดความดันตา โดยนั่งเก้าอี้และนำคางและหน้าผากไปวางให้ชิดกับตำแหน่งที่ระบุไว้กับเครื่องตรวจ จากนั้นก็มองไปยังยังหน้าจอสีฟ้า (คล้ายบอลลูน) เพื่อประเมินสายตา ขั้นตอนนี้อาจะมีลมเบา ๆ พุงมาที่ดวงตา แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะเพราะว่าเป็นปกติของการตรวจ ต่อด้วยวัดสายตาด้วยเครื่อง Foloptor อีก 10 นาที
- วัดความโค้งของกระจกตาด้วยเครื่อง OPD Scan 10 นาที: เป็นการวัดสภาพตาและถ่ายรูปกระจกตาซึ่งสามารถวัดรอบกระจกตาพร้อม ๆ กัน 1440 จุด ภายใน 4 วินาที ที่เรียกว่า “Wavefront Technology” โดยใช้คลื่นแสงส่องเข้าไปในตาแล้ววัดหน้าคลื่นที่สะท้อนออกมาเพื่อหาค่าความผิดปกติของสายตาทั้งระบบ ทำให้ค่าสายตาที่ได้มีความละเอียดและแม่นยำ
- วัดค่าสายตาประกอบแว่นหรือคอนแทคเลนส์ที่เคยใส่มา 5 นาที: โดยให้อ่านตัวเลขและตัวอักษรแถวล่างสุดที่เล็กที่สุดว่าชัดไหม เราก็อ่านตามมีชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่เป็นไรอ่านเท่าที่พยายามให้ได้มากที่สุด และก็จะบอกค่าสายตาของเรา คือ ข้างซ้ายสั้น -375 ข้างขวาสั้น -325 มีเอียงด้วย -100 นี้ก็ตกใจมากเพราะว่าใส่คอนแทคเลนส์ผิดค่าสายตามาตลอดเป็น -275 กับ -250 มิน่าละแต่ก่อนถึงมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดเท่าไร
พบคุณหมอเพื่อประเมินข้อมูลว่าทำเลสิคได้ไหม
หลังจากเดินเข้าเดินออกห้องตรวจสายตาอยู่สักพักก็มาถึงคิวที่เราจะได้เข้าพบคุณหมอเพื่อประเมินข้อมูลว่าทำเลสิคไหม ก่อนเข้าห้องตรวจพยาบาลจะขอแฟ้มสีเขียวอ่อนที่ให้มาอ่านก่อนหน้านี้กลับไป พอเข้าห้องตรวจแล้วคุณหมอก็พร้อมด้วยแฟ้มข้อมูลของเรา และเราเองก็ลุ้นไปในตัวว่าจะทำได้ไหม แต่ในใจลึก ๆ ก็คิดว่าทำได้แหละ ก่อนที่คุณหมอจะบอกว่าค่าความหนาของกระจกตกปกติสามารถทำเลสิคทำได้ ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 วัน พอได้ยินก็โล่งใจเลยไม่ต้องลุ้นแล้วแต่เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นมากกว่า
จากนั้นก็นั่งรอเพื่อเซ็นใบยินยอมเข้ารับการผ่าตัด ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ระหว่างนี้พยาบาลจะอธิบายขั้นตอนให้เข้าใจว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง สามารถไปทานข้าวได้และให้กลับมาเวลา 10:15 น. เพื่อเตรียมตัวผ่าตัด จากนั้นก็นั่งรอชำระเงินที่เคาน์เตอร์ใกล้กับจุดเซ็นใบยินยอม ซึ่งใบเสร็จค่าทำเลสิคเราจะได้พร้อมกับถุงยาหลังการผ่าตัด ขั้นตอนทั้งหมดนี้เสร็จเมื่อเวลา 07:29 น.
ส่วนใครที่ต้องการพักที่โรงพยาบาล สามารถแจ้งและจ่ายเงินได้เลยค่ะ ทางเจ้าหน้าที่จะให้ใบเสร็จมาเลยเพื่อนำไปรับกุญแจห้องพักและเอาของไปเก็บเผื่อไว้ก่อนได้เลย จากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องไปทานข้าวเช้าและเที่ยงเตรียมไว้ก่อน เราเลือกไปที่ตลาดข้างโรงพยาบาล มีอาหารอร่อยราคาถูกขายเยอะมาก ใกล้กับตลาดยังมีเซเว่นอีกด้วย
กลับมาเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ทานข้าวเรียบร้อยแล้วก็กลับมาที่ชั้น 4 เหมือนเดิมเพื่อรอเรียกชื่อวัดความดัน จากนั้นพยาบาลจะเรียกชื่อให้เราเข้าไปยังห้องให้ความรู้เพื่อนั่งดูวิดีโอที่ให้ความรู้ก่อนการผ่าตัดและการดูแลทำความสะอาดเช็ดดวงตาหลังทำเลสิค ซึ่งญาติที่มาด้วยต้องรออยู่ด้านนอก วิดีโอให้ความรู้จะเปิดวนไปเรื่อย ๆ เราก็นั่งดูไปเรื่อย ๆ จนแทบจำขึ้นใจ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ระหว่างนี้ก็จะมีการเรียกชื่อตามคิวที่เราได้รับมาตั้งแต่ตอนเช้าเพื่อเข้าไปเตรียมตัวทำเลสิค โดยต้องล้างให้สะอาดและเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีเขียวที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้พร้อมรองเท้า จากนั้นก็ไปนั่งรอในห้องรอผ่าตัดเพื่อหยอดยาหดเส้นเลือด ยาฆ่าเชื้อ และยาชา
ก่อนเดินหยอดยาชาตามคิวทีละคนก็จะได้ยินพยาบาลเตือนว่าแสบนิดหนึ่งนะ พอหยอดลงมามันจะแสบอยู่นิดหนึ่งก่อนที่ตาเราจะรู้ตึง ๆ เหมือนมันหนาขึ้น ก่อนที่จะไม่รู้สึกอะไร แล้วพยาบาลก็วนมาหยอดยาจนครบสามรอบ ตอนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นบรรยากาศที่เงียบมาก ไม่มีใครพูดอะไรเลย ได้แต่พยายามมองภาพตรงหน้าแต่ก็มองอะไรไม่ค่อยชัดแล้ว ในใจคือกลัวมากรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่แทบจะพุงออกมาจากหน้าอก แต่ก็พยายามข่มความกลัวไว้ จนในที่สุดก็ถึงคิวทำเลสิคของเรา!
ถึงเวลาผ่าตัดทำเลสิค
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแบบไม่มีเวลาให้กลัวอะไรอีกแล้ว เราต้องเดินเข้าไปในห้องปฏิบัติการขนาดเล็ก มีเตียงและเครื่องทำเลสิคพร้อมคุณหมอและพยาบาลรออยู่แล้ว จากนั้นก็ค่อย ๆ นอนลงบนเตียงและขยับตัวไปจนถึงตำแหน่งที่ดวงตาของเราตรงกับจุดเครื่องยิงเลเซอร์ ระหว่างนี้คุณหมอก็จะมาช่วยจัดตำแหน่งศีรษะของเราด้วย ภาพที่เราเห็นตอนนี้จะคล้ายกับกาแล็กซี่จักรวาลในตอนกลางคืนแต่ไม่มีประกายดาวล้านดวง มีแค่ไฟสีเขียวกระพริบเล็ก ๆ ที่ต้องจ้องไว้ตลอดเวลาเพื่อประสิทธิภาพของการทำเลสิค จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นเร็วมาก
- คุณหมอนำผ้ามาปิดตาและอธิบายขั้นตอนว่าจะทำอะไรบ้างและพูดกับเราตลอดเวลา ซึ่งเราจะมองเห็นเครื่องมือระหว่างทำและรู้สึกเล็กน้อยเมื่อเครื่องมือสัมผัสตา
- การทำเลสิคเริ่มจากตาข้างซ้ายก่อน โดยหยอดยา (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ลงไปอีกรอบและใส่ที่ครอบตาช่วยไม่ให้เรากระพริบตาตอนทำเลสิค
- จากนั้นก็ใช้เครื่องมือช่วยแยกชั้นกระจก เราจะรู้สึกแน่น ๆ ตา และภาพจะมืดไปแป๊บนึง
- หลังแยกชั้นกระจกตาแล้ว คุณหมอจะเปิดฝากระจกตาเพื่อยิงเลเซอร์ ระหว่างนี้ภาพจะเบลอเล็กน้อย เราต้องจ้องไฟสีเขียวกระพริบไว้ตลอดเวลา และจะได้กลิ่นของเลเซอร์เล็กน้อย
- พอยิงเลเซอร์เสร็จเรียบร้อยคุณหมอจะปิดกระจกตากลับที่เดิม และหยอดยาล้างตาที่เย็นนิด ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนไปทำแบบเดิมที่ตาข้างขวา ทั้งหมดนี้ไม่ถึง 5 นาทีจริง ๆ จำได้ว่าตอนยิงเลเซอร์ประมาณ 5 วินาที จากที่กลัวมากพอมันไม่รู้เจ็บอะไรเลยก็กลายเป็นว่าไม่กลัวแล้ว
หลังทำเลสิคครบทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงจากเตียงมานั่งที่เก้าอี้ สายตาของเราจะเบลอนิด ๆ แต่รู้สึกว่ามองเห็นภาพชัดขึ้น คุณหมอจะส่องดูแผลผ่าตัดผ่านเครื่องส่องตา ซึ่งแผลผ่าตัดปกติดีไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นเราก็เดินออกไปยังห้องเตรียมตัวรอผ่าตัดก่อนหน้านี้เพื่อเปลี่ยนชุดและรองเท้า เราก็ก้มเงย ๆ เพราะสายตายังมัว ๆ พยาบาลก็เข้ามาช่วยจับและพาเดินไปยังห้องให้ความรู้
จากนั้นพยาบาลจะวัดความดันของเราอีกรอบ ทำการเช็ดรอบดวงตาและปิดที่ครอบตาให้ พร้อมให้ถุงยา ใบรับรองแพทย์ ใบนัดครั้งต่อไป และอธิบายวิธีการทานยาและเช็ดรอบดวงตาในวันแรกและต้องทำติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในถุงยาประกอบไปด้วย
- วิตามินบำรุงสายตาสำหรับทาน 7 วัน
- ยาฆ่าเชื้อ 1 หลอดเล็กสำหรับหยอด 4 เวลาติดต่อกัน 7 วัน
- น้ำตาเทียม Vislube 1 กล่องเพื่อใช้หยอดป้องกันตาแห้ง
- ยาแก้ปวดและยานอนหลับสำหรับคืนแรก
- ชุดทำความสะอาดรอบดวงตา สำลี น้ำเกลือ เทปสำหรับติดที่ครอบตา และที่ครอบตา 2 ข้าง
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีรถเข็นมารับเพื่อไปส่งขึ้นแท็กซี่กลับไปยังที่พักใกล้เคียง ใครที่พักกับโรงพยาบาลก็สามารถนั่งรถเข็นไปส่งถึงห้องเลย ทั้งหมดนี้เสร็จประมาณเวลา 11:15 น.
หลังทำเลสิค
พอถึงที่พักแล้วก็ทานยาแก้ปวดและยานอนหลับ และรีบนอนก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์ ซึ่งพอนอนไปได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาและรู้สึกเหมือนมีทรายอยู่ในตาตลอดเวลา น้ำตาไหลค่อนข้างเยอะ จากนั้นก็พยายามนอนต่อ ก่อนจะตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเย็นเพื่อทานข้าว ตอนนั้นไม่ค่อยเคืองตาแล้วแต่ยังเหมือนมีทรายอยู่ในตาบ้าง พร้อมกับภาพที่ชัดแจ๋วเลย แล้วก็เข้านอนต่อไปจนถึงตอนเช้า
พบคุณหมอเพื่อติดตามผลในวันรุ่งขึ้น
วันรุ่งขึ้นก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปพบคุณหมอ โดยถอดที่ครอบตาออกและเก็บไว้ใช้อีกจนครบ 7 วัน จากนั้นเช็ครอบดวงตาตามคำแนะนำของพยาบาล ถ้าใครจำไม่ได้พยาบาลจะให้ถ่ายรูป QR-Code ไว้ไปดูย้อนหลังได้ และเดินจากที่พักเพื่อไปรอรับบัตรคิวที่ศูนย์เลสิคชั้น 4 ได้คิว B3 ณ เวลา 06:03 น.
ขั้นตอนการติดตามผลเราต้องไปวัดค่าสายตา จากนั้นก็เข้าพบคุณหมอเพื่อส่องดูแผลผ่าตัดว่าเป็นยังไงบ้าง คุณหมอก็บอกว่าแผลสวยดี และที่สำคัญค่าสายตากลับมาเป็น 0 ทั้งสองข้าง เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปนั่งรอจ่ายเงินและเดินทางกลับบ้านได้ เรายังกลับไปพบคุณหมอเพื่อติดตามผลอีกครั้งในสองสัปดาห์ถัดไป ผลตรวจสายตาปกติ และซื้อน้ำตาเทียมมาเผื่อสองกล่องก่อนเดินทางกลับเนเธอร์แลนด์
การปฏิบัติตัวหลังทำเลสิค
- หยอดยาฆ่าเชื้อที่ได้รับมาต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน
- ควรปิดที่ครอบตาก่อนนอนทุกคืนเป็นเวลา 7 คืน เพื่อป้องกันการขยี้ตาในขณะที่นอนหลับ
- หยอดน้ำตาเทียมทุก ๆ ชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งเดือน และหยอดต่อเนื่องไปอีก 3-6 เดือน หรือจนกว่าอาการสายตาแห้งจะค่อย ๆ หมดไป
- งดใช้สายตาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ในระยะ 24 ชั่วโมงแรก ไม่ว่าในการขับรถ อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้ระคายเคืองตามากขึ้น
- ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นละอองหรือควันบุหรี่ และควรระวังไม่ให้ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ และน้ำเข้าตาประมาณ 7 วัน
- หลังจากทำเลสิคสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ระวังอย่าออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายรุนแรง ระวังไม่ให้เหงื่อเข้าตาประมาณ 7 วัน
- ในสัปดาห์แรกควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อทางศีรษะ งดใช้เครื่องสำอางรอบดวงตา งดแต่งหน้า
- งดว่ายน้ำเป็นเวลา 1 เดือน งดดำน้ำลึกเป็นเวลา 3 เดือน
- ควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้งที่ออกแดดอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและแสงแดด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 7 วัน รับประทานอาหารได้ตามปกติ
สรุปทำเลสิคที่โรงพยาบาลยันฮี
การทำเลสิคไม่น่ากลัวอย่างที่คิดและที่สำคัญไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว ทางโรงพยาบาลมีเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อมขั้นตอนการรักษาที่มีประสิทธิภาพและตรงเวลา หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนไปทำเลสิค ซึ่งช่วยแก้ไขสายตาสั้นแบบถาวร และแน่นอนว่าถ้าทำมาแล้วไม่ดูแลรักษาก็อาจมีโอกาสกลับมาสายสั้นอีกได้ ทางที่ดีควรดูแลรักษาดวงตาของเราอยู่เสมอ ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือในที่มืด และพักสายตาเป็นเวลา 20 วินาทีทุก ๆ 20 นาทีเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ เพื่อรักษาโลกใบใหม่อันชัดแจ๋วให้อยู่กับเราไปอีกนาน
แวะอัพเดตหลังทำเลสิคมา 3 เดือน → สายตาชัดแจ๋วมาก ตอนกลางคืนแสงก็ไม่ค่อยฟุ้งฟิ้งแล้ว และที่สำคัญตาไม่แห้งแล้ว แบบว่าน้ำตาเทียมที่ซื้อมายังใช้ไม่หมดเลย ชีวิตตอนไปไหนมาไหนก็สะดวกมาก เพราะตื่นขึ้นมาคือมองเห็นชัด แล้วรัศมีการมองของเราคือมันกว้างขึ้นเยอะ จากแต่ก่อนที่จะมองแต่ใกล้ ๆ แต่ตอนนี้คือมองไกล ๆ ได้สบาย นี้แทบลืมไปเลยว่าตัวเองเคยใส่แว่นมาก่อน สรุปโดยรวมคือเป็นการลงทุนที่คุ้มมากค่ะทุกคน ใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะทำดีไหม ลองให้โอกาสตัวเองได้มองเห็นชัดขึ้นแล้วจะไม่ผิดหวังในการตัดสินใจนี้