ประทับใจบอกต่อ: แคมป์ปิ้งวิวหลักล้านในทะเลสาบโคโม (Lake Como) ของประเทศอิตาลี

แคมป์ปิ้งในทะเลสาบโคโม (Lake Como) ของประเทศอิตาลี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบประหยัด เพราะไม่เพียงแต่ได้ไปเยือนทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศอิตาลีเท่านั้น แต่ยังได้มีโอกาสนอนเต็นท์สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด มีเวลาทำอาหารทานเอง และที่สำคัญได้ใช้เวลาช่วงแห่งความสุขไปกับคนที่เรารักอย่างเต็มอิ่ม ในบทความนี้เราจะมาแชร์ แคมป์ปิ้งวิวหลักล้านในทะเลสาบโคโม (Lake Como) ที่ได้มีโอกาสไปพักระหว่างทริปขับรถเที่ยวทางไกลในยุโรปตอนกลาง ซึ่งประทับใจในความสวยงามและความคุ้มค่าเกินราคาจนอยากบอกต่อ เผื่อเป็นตัวเลือกราคาประหยัดเกินคุ้มที่ใครหลายคนกำลังมองหาเมื่อไปเยือนทะเลสาบโคโม

แคมป์ปิ้งในเมืองโดมาโซ (Domaso) ทะเลสาบโคโม

Agricamping Colle Vento ตั้งอยู่ที่เมืองโดมาโซ (Domaso) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบโคโม เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการแคมป์ปิ้งเนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงามของภูเขาติดกับริมทะเลสาบ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาไปกับการพักผ่อนช่วงหน้าร้อน ตลอดจนตั้งแคมป์ปิ้งและทำกิจกรรมกลางแจ้งริมชายหาด และที่สำคัญยังตั้งอยู่ใกล้กับเบลลาโจ (Bellagio) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถนั่งเรือไปเที่ยวแบบทริปได้สะดวก

การเดินทางมายังแคมป์ปิ้ง Agricamping Colle Vento เราใช้วิธีการขับรถมาจากแคมป์ปิ้งในเฟร์ฌูส (Fréjus) ประเทศฝรั่งเศส โดยใช้เส้นทางหลวงของอิตาลี ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็มาถึงทะเลสาบโคโม และขับต่อไปยังซอยเล็ก ๆ ตามแผนที่ที่เจ้าของแคมป์ปิ้งให้มา (ดูรูปภาพประกอบ) เป็นเส้นทางที่เรานำขึ้นไปยังแคมป์ปิ้งบนภูเขา มองลงมาเห็นวิวทะเลสาบที่สวยงามเป็นน้ำจิ้มให้ชื่นใจก่อน

พอมาถึงแล้วมีที่จอดรถฟรีไว้บริการที่ด้านหน้าทางเข้า จากนั้นก็ไปเช็คอินก่อนที่จะเจ้าของจะพาเดินไปยังจุดกางเต้นท์  (เจ้าของบริหารจัดการแคมป์ปิ้งด้วยตัวเองแบบไม่มีพนักงานเลย เรียกว่าเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่าในสิ่งที่ชอบ) โดยจุดกางเต็นท์ตั้งอยู่ฝั่งทะเลสาบโคโม มองเห็นวิวแบบพาโนรามาอันงดงามตระการตาพร้อมความเงียบสงบที่มีแค่เสียงธรรมชาติเป็นเพื่อน

แคมป์ปิ้งวิวหลักล้านฝั่งทะเลสาบโคโม (Lake Como)

วินาทีแรกที่เราเห็นวิวของทะเลสาบโคโมจากจุดกางเต็นท์ที่จองมาถึงกับต้องอ้าปากค้างเลย (มันเป็นแบบนี้จริง ๆ) เพราะมันสวยมาก (กอไก่ยี่สิบแปดล้านตัว) เริ่มจากทางซ้ายมือเป็นบ้านเรือนริมทะเลสาบโดดเด่นด้วยโบสถ์ กวาดตาไปตรงกลางคือทะเลสาบโคโมอันงดงามโดยมีภูเขาเป็นฉากหลัง ตามด้วยฝั่งขวามือคือบ้านเรือนที่กระจุกตัวอยู่ริมทะเลสาบ ภาพที่เห็นทั้งหมดในตอนนี้แทบไม่เชื่อสายตาเลยว่าเรากำลังยืนอยู่ที่แคมป์ปิ้งวิวหลักล้านในราคาคืนละ 40 ยูโร เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายแบบสุด ๆ ไปเลย ยืนยันถึงคุณภาพผู้เข้าพักที่ให้คะแนนรีรีวิวสูงถึง 4.9 คะแนนบนกูเกิลแมพ

หลังจากชมวิวจนหน่ำใจสักพักแล้วเราก็เดินกลับไปเอาของที่รถเพื่อมาช่วยกันกางเต้นท์ ถ้าใครอยากได้จุดกางเต้นท์ที่มองเห็นวิวทะเลสาบชัดเจนอย่าลืมแจ้งเพิ่มเติมตอนจองด้วยนะคะ เพราะว่าที่นี่มีจุดกางเต้นท์ถึง 15 หลังเลยทีเดียว ส่วนหลังที่เห็นวิวทะเลสาบแบบชัดเจนจะอยู่ด้านในสุดเลย

แคมป์ปิ้งตั้งอยู่ในสวนองุ่น

นอกจากวิวหลักล้านที่เป็นจุดเด่นแล้ว แคมป์ปิ้งนี้ยังตั้งอยู่ในสวนองุ่นและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักช่วงที่รอเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อนำไปทำไวน์ โดยเปิดได้ประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ทุกอย่างยังดูใหม่หมดเลย โดยเฉพาะห้องน้ำที่สะอาดมาก แบ่งเป็นชายหญิง มีห้องอาบน้ำและห้องสุขาแยก รวมไปถึงเครื่องซักผ้าไว้บริการฟรี เรียกได้ว่าแค่นำแค่ผงซักฟอกมาเอง รวมถึงไม้แขวนผ้าและเชือกสำหรับทำราวตากผ้าก็มีผ้าหอม ๆ ใส่ไปหลายวันแล้ว

การใช้ชีวิตในแคมป์ปิ้ง Agricamping Colle Vento ไม่มีกฎอะไรมาก เพียงแค่ห้ามส่งเสียงดังรบกวนผู้เข้าพักคนอื่น ๆ หลังจากเวลาสี่ทุ่ม สำหรับสิ่งของอำนวยความสะดวก เช่น ปลั๊กไฟ สามารถชาร์จโทรศัพท์ได้ที่ปลั๊กไฟในอาคารของเจ้าของแคมป์ปิ้ง เพราะว่าไม่มีปลั๊กไฟต่อมายังจุดกางเต็นท์โดยตรง และถ้าต้องการขนมปังในตอนเช้า สามารถไปเขียนรายชื่อขนมปังที่ต้องการไว้ก่อนตอนเย็น พอตอนเช้าเจ้าของจะลงไปซื้อให้ที่ตลาดด้านล่าง แล้วเราค่อยไปจ่ายเงินในตอนเช้าพร้อมรับขนมปัง

ด้านในแคมป์ปิ้งยังมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นและทานอาหาร หรือจะตั้งเตาแก๊สทำอาหารทานเองก็ได้ เราก็ใช้วิธีนี้โดยเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารมาพร้อม ช่วยประหยัดค่าซื้ออาหารไปในตัว จ่ายแค่ค่าวัตถุดิบและเครื่องปรุงเล็กน้อย ๆ ที่สามารถหาซื้อได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้เคียง

ส่วนเรื่องห้องน้ำนั้นต้องเดินจากจุดกางเต็นท์ไปประมาณ 3-5 นาที ถ้าใครเข้าห้องน้ำบ่อยก็ต้องเดินกันหลายรอบเลยทีเดียว หรือถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเจ้าของแคมป์ปิ้งได้เลย เจ้าของใจดีมาก ให้คำแนะนำทุกอย่างทั้งเรื่องแคมป์ปิ้ง การเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยว

บรรยากาศยามค่ำคืนของทะเลสาบโคโม (Lake Como)

พอตกกลางคืนบรรยากาศในแคมป์ปิ้งจะเงียบหน่อย มีเพียงแสงไฟตามจุดต่าง ๆ ในแคมป์ปิ้ง และจากบ้านเรือนรอบ ๆ ทำให้รู้สึกไม่น่ากลัว อากาศตอนกลางคืนหนาวเป็นพิเศษต่างจากตอนกลางวันที่ร้อนอบอ้าว การมีเสื้อกันหนาวสักตัวพร้อมกางเกงขายาวและถุงเท้าสำหรับนั่งชมวิวด้านนอกเต็นท์มันเป็นอะไรที่อบอุ๊นอบอุ่น พอยิ่งได้นั่งชมวิวโรแมนติกแบบนี้ด้วยกันกับคนที่รักแล้วเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่อยากหยุดไว้นาน ๆ เลย

“นี้ใช่ไหมช่วงเวลาความสุขเล็ก ๆ ของการท่องเที่ยวในต่างแดน” เราไม่เคยคิดว่ายุโรปจะสวยงามขนาดนี้ เรายังได้ยินมาว่าอิตาลีเป็นหนึ่งในเมืองที่ใครหลายคนยกใจให้ ตอนนี้เราได้มาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วซึ่งมันใช่จริง ๆ และตอนนี้เราก็ยกใจให้อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่อยากเดินทางกลับมาเที่ยวอีกครั้งเป็นเรียบร้อยแล้ว

ทำอาหารทานเองในแคมป์ปิ้ง

สำหรับอาหารเช้าและอาหารเย็นเราเตรียมอุปกรณ์มาเองโดยเฉพาะ เป็นอาหารแบบง่าย ๆ เช่น ข้าวผัด สปาเก็ตตี้ ไข่เจียว ผัดมาม่า ผัดปลากระป๋อง ส่วนอาหารกลางวันเราไปซื้อทานในเมืองที่ไปเที่ยว มีร้านค้าให้เลือกหลากหลาย และที่สำคัญราคาอาหารที่อิตาลีไม่แพง สำหรับใครที่อยากจับจ่ายซื้อของเพิ่มเติมสามารถมองหาซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้เคียง มีสินค้าให้เลือกซื้อครบครันเลย การเที่ยวแบบนอนแคมป์ปิ้งในทะเลสาบโคโมจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเลย

เตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนมาเผื่อ (แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน)

ก่อนที่จะมาเที่ยวทะเลสาบโคโมในช่วงฤดูร้อน (เดือนสิงหาคม) เราก็เข้าใจว่าจะไม่มีฝนตกเลย คงจะเห็นแต่แสงแดดทั้งวัน แต่ที่ไหนได้ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนแต่ก็ยังมีฝนตกบางวัน การนอนเต็นท์จึงได้ฟังเสียงฟ้าร้องท่ามกลางสายฝนอย่างจุใจ แต่ยังโชคดีที่เต็นท์กันน้ำได้จึงไม่ต้องนอนหนาวกันทั้งคืน และมีร่มกันฝนตอนไปเที่ยวเมืองเบลลาโจก็เลยไม่ต้องเดินเที่ยวแบบเปียกฝน ส่วนเรื่องความสวยงามของทะเลสาบโคโมนั้นยังคงสวยงามในทุกฤดู

ทำอะไรได้บ้างในเมืองโดมาโซ ทะเลสาบโคโม (Lake Como)

ใกล้กับแคมป์ปิ้งยังมีน้ำตกขนาดเล็ก เหมาะสำหรับเดินเล่นหรือเล่นน้ำระหว่างวัน (เพราะอากาศร้อนมาก) ส่วนที่ริมทะลสาบมีจุดพักผ่อนให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น นอนอ่านหนังสือ อาบแดด หรือเล่นน้ำทะเล รวมไปถึงเล่นเรือใบ และยังสามารถนั่งเรือไปเที่ยวแบบเดย์ทริปที่เมือง Bellagio, Varenna หรือ Menaggio ได้ด้วย การแคมป์ปิ้งในทะเลสาบโคโมในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าและกลับบ้านไปพร้อมกับความประทับใจที่มีให้กับทะลสาบที่สวยที่สุดของอิตาลี