มาเที่ยวสเปนก็ต้องไม่พลาดมาเยือนมาดริด เมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของสเปนและตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรไอบีเรีย ความน่าสนใจของเมืองนี้แน่นอนว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยงามและผสมผสานมรดกทางประวัติศาสตร์อันยาวนานเข้ากับบรรยากาศที่ทันสมัยและความเป็นสากลได้อย่างลงตัว
โดยมีที่เที่ยวน่าสนใจอย่างพระราชวังหลวงแห่งมาดริดอายุหลายศตวรรษ อาสนวิหารอัลมูเดนานิกายโรมันคาทอลิกที่มีความสวยงามตระการตา และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเดลปราโดที่ยืนหยัดเป็นคลังเก็บงานศิลปะยุโรปที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตลอดจนย่านประวัติศาสตร์และถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงอย่างแกรนเวีย การมาเยือนมาดริดด้วยตัวเองจึงมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย
และด้วยบทความนี้จะพานักเดินทางไปสัมผัสความเป็นมาดริดในมุมที่น่าสนใจมากขึ้นผ่านที่เที่ยวและแผนการเดินทาง 2 วัน ที่รวบรวมมาให้แล้ว ไม่ว่าจะมาเที่ยวมาดริดครั้งแรกหรือเคยมาเที่ยวแล้ว ก็สามารถนำเคล็ดลับจากบทความของเราไปปรับใช้กับแผนการของตัวเองได้เช่นกัน
เที่ยวมาดริด: วันที่ 1
(เดินเที่ยวย่านประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองมาดริด)
เริ่มต้นเที่ยวมาดริดวันแรกกันที่ย่านประวัติศาสตร์ของเมือง ซึ่งย่านนี้เหมาะสำหรับการเดินเที่ยวแบบสบายไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางเลย โดยรวมที่เที่ยวสำคัญไว้หลายแห่ง เช่น พระราชวังหลวงแห่งมาดริด อาสนวิหารอัลมูเดนา จัตุรัสพลาซ่ามายอร์ ตลาดซานมิเกล รวมถึงสวนสาธารณะปาร์เกเดลามอนตานาและวิหารแห่งเดโบที่อยู่ห่างจากพลาซ่ามายอร์เพียง 20 นาที
พอเที่ยวย่านนี้ครบก็สามารถแวะไปชมวิวพาโรนามาในราคาประหยัดได้ที่ Palacio de Cibeles รวมถึงเดินเล่นต่อที่ถนนแกรนเวีย และชมพิพิธภัณฑ์เดลปราโดปิดท้ายวันแรกได้ด้วย เอาเป็นว่าไม่รอช้าเราไปชมที่เที่ยวแห่งแรกในมาดริดกันเลย
เที่ยวมาดริด: พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid)
เมื่อมาเยือนมาดริดต้องไม่พลาดที่จะไปชมสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ของเมืองที่พระราชวังหลวงแห่งมาดริด หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Palacio Real de Madrid” พระราชวังแห่งนี้เป็นสถานที่อันงดงามหรูหรา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 โดยพระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งสเปน ในสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิก นับว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตกและเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่รวมกว่า 135,000 ตารางเมตร และห้อง 3,418 ห้อง
ในอดีตพระราชวังตั้งอยู่บนพื้นที่ของพระราชวังอัลคาซาร์แห่งมาดริดที่สร้างขึ้นครั้งแรกโดยมูฮัมหมัดที่ 1 แห่งกอร์โดบา ในวันคริสต์มาสอีฟปี 1734 เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ส่งผลให้ให้อัลคาซาร์ถูกทำลายจนหมดสิ้น กำแพงที่เหลืออยู่พังยับเยินไปด้วย สี่ปีต่อมาหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้พระเจ้าฟิลิปที่ 5 ได้รับสั่งให้สร้างพระราชวังหลวงแห่งมาดริดที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแล้วเสร็จในปี 1764 และถูกใช้เป็นที่ประทับเป็นครั้งแรกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
ปัจจุบันพระราชวังหลวงแห่งมาดริดไม่ได้ถูกใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์สเปน แต่กลับทำหน้าที่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นหลัก รวมถึงใช้สำหรับจัดพิธีการของรัฐ การต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศและประมุขแห่งรัฐ งานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ส่วนที่ประทางการของราชวงศ์สเปนตั้งอยู่ที่พระราชวังซาร์ซูเอลา (Palacio de la Zarzuela)
พระราชวังหลวงแห่งมาดริดยังเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเมื่อไม่ได้ใช้งานอย่างเป็นทางการ นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจพระราชวังอันหรูหรา ตลอดจนห้องต่าง ๆ ที่ได้รับการตกแต่งอย่างห้องโอ่อ่า และคอลเลกชันงานศิลปะมากมาย
การเข้าชมพระราชวังหลวงแห่งมาดริดแนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามาก่อน เพราะคิวต่อแถวซื้อตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ค่อนข้างยาว ถ้ามีตั๋วมาแล้วสามารถใช้คิวอาร์โค้ดสแกนได้เลย โดยจะมีการตรวจกระเป๋าที่หน้าประตูทางเข้า เมื่อเข้ามาด้านในแล้วจะเจอกับร้านขายของที่ระลึกและเคาน์เตอร์ผู้เยี่ยมชม บริเวณนี้ยังมีที่ฝากกระเป๋าไว้ในตู้ล็อกเกอร์ การเข้าชมพระราชวังถ้าอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมแนะนำให้ใช้ออดิโอไกด์จากแอปทางการของพระราชวัง โดยใช้โค้ดที่ได้รับทางอีเมล์มาเปิดใช้งาน อย่าลืมเตรียมหูฟังมาด้วย
อย่างที่รู้กันว่าพระราชวังหลวงแห่งมาดริดมีห้องมากกว่า 3,400 ห้อง และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่นเดียวกับการเข้าชมในครั้งนี้จะมีจะมีทั้งหมด 29 ห้อง และสามารถถ่ายภาพได้จนถึงห้องที่ 6 หลังจากนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพ โดยส่วนแรกที่ผู้เข้าชมจะได้เห็นคือบันไดหลักหินอ่อน ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังห้องโถงหลักหรือเอเทรียม บันไดนี้มีรูปปั้นของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า ในขณะที่ราวบันไดสองฝั่งประดับด้วยรูปปั้นสิงโตแกะสลัก ส่วนผนังโค้งด้านบนประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ เป็นตัวแทนของชัยชนะแห่งศาสนาและคริสตจักร
เดินขึ้นบันไดหลักไปผู้เยี่ยมชมจะพบกับห้องของฮาลเบอร์ดิเออร์ส หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Salón de los Nobles” ตั้งชื่อตามทหารองครักษ์ชั้นยอดที่เคยปกป้องราชวงศ์สเปน ห้องนี้มีความโอ่อ่าหรูหรา และตกแต่งจิตรกรรมฝาผนังอันน่าทึ่งโดยศิลปินชาวอิตาลี ซึ่งแสดงภาพชีวิตของราชวงศ์สเปนรวมถึงกษัตริย์ฟิลิปที่ 5 และภรรยา ส่วนเพดานห้องโถงมีการนำเสนอจิตรกรรมฝาผนังเชิงเปรียบเทียบของสเปนในฐานะผู้ทรงอำนาจที่รายล้อมไปด้วยสี่ทวีป ห้องโถงยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณที่สวยงาม รวมถึงชุดคอนโซลหินอ่อนและทองที่ออกแบบโดยศิลปินชาวอิตาลี
เดินต่อจากห้องของฮาลเบอร์ดิเออร์สไปจะพบกับห้องโถงคอลัมน์ เดิมใช้เป็นห้องบอลรูมและห้องจัดเลี้ยง และมีความสำคัญต่อพิธีการของศาลแพ่งรองจากห้องบัลลังก์ ห้องนี้โดดเด่นด้วยรูปปั้นอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 สร้างจากต้นฉบับในศตวรรษที่ 19 ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ปราโด รวมถึงประติมากรรมสำริดสมัยศตวรรษที่ 16 และผ้าปักสไตล์เฟลมิชสมัยศตวรรษที่ 17
ห้องโถงคอลัมน์นับเป็นส่วนสำคัญของการเข้าชมพระชวังหลวงแห่งมาดริด และยังเป็นส่วนสุดท้ายที่อนุญาตให้บันทึกภาพ ก่อนจะเข้าสู่ส่วนสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามกฎการเยี่ยมชม โดยถูกจัดเรียงไว้ตามโครงสร้างสมมาตรของอาคาร ครอบคลุมถึงห้องรับรองของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ห้องรับรองและห้องจัดเลี้ยงของพระราชินี ห้องบัลลังก์ ห้องวงดนตรีหรือห้องภาพยนตร์ ห้องเครื่องลายครามและห้องกระจก ห้องแกลเลอรี่ โบสถ์หลวง อะพาร์ตเมนต์อย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชินีมาเรียคริสตินา ห้องมงกุฎ และห้องรับรองอย่างเป็นทางการ ตลอดจนห้องต่าง ๆ ของพระราชบรมราชโองการอื่น ๆ ที่ลดหลั่นตามยศของแต่ละคน
การเข้าชมพระราชวังหลวงแห่งมาดริคนับว่าได้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของราชวังศ์สเปนและสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ และควรเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยรวมแล้วเป็นพระราชวังที่คุ้มค่าค่าตั๋ว มีแผนผังที่เดินง่าย ที่สำคัญออดิโอไกด์ทำออกมาได้ดีทีเดียว มีเนื้อหาชัดเจนและคำบรรยายที่น่าฟัง พร้อมเสียงดนตรีประกอบที่เพิ่มอรรถรสการเข้าชม
หลังชมพระราชวังด้านในอย่างเป็นทางการแล้ว อย่าลืมแวะออกไปยังจัตุรัสด้านนอก (Plaza de la Armería) ฝั่งขวามือเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวมองเห็นอุทยานกัมโปเดลโมโร (Campo del Moro Gardens) ในขณะที่ทางด้านเหนือของพระราชวังมีสวนซาบาตินี (Sabatini Gardens) เหมาะสำหรับเดินเล่นชมทัศนียภาพอันงดงามของพระราชวัง
นอกจากนี้พระราชวังยังมีการเปลี่ยนเวรยามทุก 2 สัปดาห์ในวันพุธและวันเสาร์เวลา 11:00-14:00 น. และพิธีเปลี่ยนเวรยามวันพุธแรกของเดือน เวลา 12:00 น. ใครที่สนใจสามารถไปชมกันได้ ส่วนด้านหน้าพระราชวังเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารอัลมูเดนา ซึ่งเป็นที่เที่ยวสำคัญอีกหนึ่งแห่งของมาดริดที่ไม่ควรพลาดเข้าชมเช่นกัน
เที่ยวมาดริด: อาสนวิหารอัลมูเดนา (Catedral de la Almudena)
ชมพระราชวังหลวงแห่งมาดริดแล้วต่อไปก็ไปชมอาสนวิหารอัลมูเดนากันต่อ อาสนวิหารแห่งนี้เป็นอาสนวิหารนิกายโรมันคาทอลิกที่มีความสวยงามตระการตาและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี โดยสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระแม่มารีภายใต้ชื่อพระแม่แห่งอัลมูเดนา โดดเด่นด้วยการผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงนีโอกอทิก นีโอคลาสสิก และนีโอโรมาเนสก์
ภายในอาสนวิหารมีการตกแต่งที่หรูหรา ประดับประดาด้วยกระจกสีอันประณีต งานศิลปะทางศาสนา และแท่นบูชาอันวิจิตร อาสนวิหารยังมีห้องใต้ดินเป็นสถานที่พำนักแห่งสุดท้ายของสมาชิกราชวงศ์สเปนหลายคน เนื่องจากอาสนวิหารมีขนาดใหญ่ทีเดียว ควรเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 30-45 นาที เปิดทุกวันเวลา 10:00-20:30 น. แม้จะเข้าชมฟรีแต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมบริจาค 1 ยูโร สำหรับนำไปใช้ในการบำรุงรักษาอาคารและชำระค่าบริการที่จำเป็น
เที่ยวมาดริด: จัตุรัสพลาซ่ามายอร์ (Plaza Mayor)
จากอาสนวิหารอัลมูเดนาถ้าเดินตามถนน C. Mayor ไปอีก 4 นาทีจะเจอกับจัตุรัสพลาซ่ามายอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่โดดเด่นและเก่าแก่ที่สุดของมาดริด สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 จัตุรัสแห่งนี้ล้อมรอบด้วยอาคารอิฐสีแดงหรูหราพร้อมระเบียงเหล็กดัด ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของสถาปัตยกรรมยุคฮับส์บูร์ก ในขณะที่ใจกลางจัตุรัสมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของกษัตริย์ฟิลิปที่ 3 บนหลังม้าตั้งเด่นสง่า รอบ ๆ จัตุรัสยังมีร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหารมากมาย นับว่าเหมาะเลยทีเดียวที่จะมาเดินเล่น หรือแวะทานอาหารพร้อมสัมผัสบรรยากาศมีชีวิตชีวาของเมืองไปในตัว
ใกล้กับจัตุรัสพลาซ่ามายอร์เพียง 1 นาที ยังเป็นที่ตั้งของตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) ที่มีชื่อเสียงของเมืองมาดริด ตลาดอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในห้องโถงกระจกที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงามตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ด้านในรวมแผงขายอาหารและแผงลอยจากพ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่น ซึ่งจำหน่ายเมนูอาหารสเปนและอาหารนานาชาติ ตั้งแต่ทาปาส อาหารทะเล เนื้อหมัก ไปจนถึงขนมอบ ไวน์ และผลิตภัณฑ์สดใหม่ ใครที่สนใจอยากทานอาหารท้องถิ่นในราคาไม่แพงลองแวะไปได้ ตลาดเปิดทุกวัน เวลา 10:00-24:00 น. รวมวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เที่ยวมาดริด: วิหารแห่งเดโบ (Temple of Debod)
เดินเล่นที่ตลาดหาอาหารเที่ยงทานกันแล้วต่อไปเราจะเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินชมวิวที่เนินเขากันบ้าง ที่นั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหนึ่งแห่งของเมืองมาดริดก็คือวิหารแห่งเดโบอียิปต์โบราณให้ได้ชมกันอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเดินจากเดินตลาดซานมิเกลไปวิหารโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถ้าไม่สะดวกเดินสามารถเดิน 10 นาทีจากตลาดเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 3 ที่สถานี Callao และลงที่สถานี Plaza de España ได้เช่นกัน
พอเดินออกมาจากสถานีพลาซ่าเดเอสปาญาแล้วจะเห็นจัตุรัสขนาดใหญ่ชื่อเดียวกับชื่อสถานี จัตุรัสนี้รวบรวมความยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของเมืองไว้ด้วยกัน เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากรูปปั้นขนาดใหญ่ของ Miguel de Cervantes นักเขียนชาวสเปนผู้โด่งดัง ขนาบข้างด้วยประติมากรรมที่แสดงถึงตัวละครในวรรณกรรมอันโด่งดังของเขาอย่าง Don Quixote และ Sancho Panza จัตุรัสพลาซ่าเดเอสปาญายังประดับด้วยอาคารโอ่อ่าที่ชื่อว่า “Edificio España” ตั้งเด่นสง่าเป็นฉากหลังของสถานีรถไฟใต้ดิน
จากพลาซ่าเดเอสปาญาเดินขึ้นเนินเขาผ่านสวนสาธารณะปาร์เกเดลามอนตานา (Parque de la Montaña) ไปประมาณ 10 นาทีจะเจอกับวิหารแห่งเดโบตั้งเด่นสง่าอยู่บนเนินเขา ตามประวัติย่อวิหารแห่งนี้มีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช เดิมตั้งอยู่ในประเทศอียิปต์ ใกล้กับแม่น้ำไนล์ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพีไอซิสและเทพอามุน ในศตวรรษที่ 20 รัฐบาลอียิปต์ได้มอบวิหารแห่งเดโบเป็นของขวัญแก่สเปน เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของประเทศในการอนุรักษ์สถานที่อียิปต์โบราณ วิหารถูกรื้อออกอย่างระมัดระวังทีละก้อนและเคลื่อนย้ายไปยังมาดริด ก่อนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ในพื้นที่ที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน
วิหารเดโบเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี ถ้าอยากเข้าไปเดินด้านในสามารถรอต่อแถวได้ แถวอาจจะยาวนิดหนึ่ง แต่ถ้ามีเวลาไม่รีบก็รอกันได้ หรือถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปด้านในก็ยังมีมุมถ่ายภาพที่สวยงามจากด้านนอกเช่นกัน ส่วนใครที่อยากถ่ายภาพวิหารแบบสะท้อนแสงไฟกับน้ำแนะนำให้มาตอนอาทิตย์ตกดิน แต่เราเลือกมาตอนกลางวันแทนเพราะไม่ซีเรียสและยังอยู่ในแผนเที่ยวที่วางไว้ พอชมวิหารเสร็จแล้วก็เดินเล่นในสวนสาธารณะต่อ มีจุดชมวิวชมวิวชื่อว่า “Mirador de la Montaña de Príncipe Pío” มองเห็นพระราชวังหลวงแห่งมาดริดอีกด้วย
เที่ยวมาดริด: ชมวิวเมืองมาดริด (Palacio de Cibeles Viewpoint)
ชมวิหารแห่งเดโบแล้วต่อไปเราจะแวะไปที่จุดชมวิว “Palacio de Cibeles” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Mirador Cibeles” ตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของศาลาว่าการกรุงมาดริดในย่านเรติโร ความน่าสนใจของที่นี่คือสามารถมองเห็นวิวมุมกว้างที่สวยงามของเมืองมาดริด ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น Gran Vía, Retiro Park, Cibeles Fountain และอาคาร Banco de España ได้อย่างลงตัว
การเข้าชมจุดชมวิวซิเบเลสสามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ชั้น 2 ราคาตั๋ว 3 ยูโร จากนั้นขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 6E เพื่อรอเข้าชมตามกลุ่มทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง เมื่อถึงรอบของเราแล้วก็เดินขึ้นบันได 88 ขั้นไปยังชั้นดาดฟ้า เดินออกมาจะเจอกับระเบียงเปิดโล่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองมาดริด ไล่ตั้งแต่น้ำพุซิเบเลสผ่านธนาคารสเปนไปจนถึงย่านแกรนเวีย ถ้าเดินวนตามระเบียงไปเรื่อย ๆ จะมองเห็นตึกและสถานที่สำคัญอื่น ๆ ของเมือง
โดยรวมแล้วต้องบอกว่าเป็นจุดวิวแบบน่ารักของเมือง ที่สำคัญราคาถูกและสามารถแวะมาได้ในเวลา 30-45 นาที ถ้าอยากเดินชมนิทรรศการด้านในด้วยควรเผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จุดชมวิวซิเบเลสเปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 10:30-14.00 น. และ 16:00-19:30 น. การเข้าชมรอบสุดท้ายถึงครึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิด
เที่ยวมาดริด: เดินเล่นต่อที่ย่านแกรนเวีย (Gran Vía)
ก่อนหน้านี้ชมย่านแกรนเวียจากมุมสูงกันไปแล้ว ต่อไปเราก็จะเดินไปยังย่านนี้เพื่อสัมผัสบรรยากาศด้านในแบบใกล้ชิดกันบ้าง โดยเดินผ่านถนนสายหลักชื่อเดียวกัน ถนนแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ “บรอดเวย์แห่งมาดริด” ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของถนนแกรนเวีย: ตั้งอยู่ที่สี่แยก Calle de Alcalá ทางตะวันออกใกล้กับอาคารเมโทรโพลิส (Edificio Metropolis) ซึ่งเป็นจุดที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง ไปสิ้นสุดที่จัตุรัสพลาซ่าเดเอสปาญาทางตะวันตกที่อยู่ใกล้กับวิหารแห่งเดโบที่เราไปชมมาก่อนหน้านี้ รวมระยะทางในการเดิน 1.3 กม. ผ่านสถานีรถไฟใต้ดิน 3 แห่ง คือ Gran Vía, Callao และ Santo Domingo
พอได้มาเดินจริง ๆ ต้องบอกเลยว่าเป็นถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านแบบสุด ๆ ไปเลย ระหว่างทางจะมองเห็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม โดยผสมผสานสถาปัตยกรรมรูปแบบต่างๆ รวมถึงอาร์ตเดโคและนีโอมูเดฆาร์ อาคารเหล่านี้เป็นที่ตั้งของโรงละคร โรงภาพยนตร์ โรงแรม ร้านค้า และร้านอาหารอีกมากมาย นับว่าเป็นย่านที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและชอปปิงมาก ๆ รวมถึงเป็นจุดยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่ป้ายไฟและอาคารต่าง ๆ เริ่มสว่างด้วยแสงไฟ
การเดินทางมายังถนนแกรนเวีย
เที่ยวมาดริด: พิพิธภัณฑ์ศิลปะเดลปราโด (Museo Nacional del Prado)
เดินเล่นที่ถนนแกรนเวียกันแล้วเราจะมาปิดท้ายการเที่ยวมาดริดวันแรกด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเดลปราโด หรือเรียกง่ายๆ ว่า “พิพิธภัณฑ์ปราโด” ตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำแห่งศิลปะของเมือง (Golden Triangle of Art) พร้อมกับพิพิธภัณฑ์ไรนาโซเฟีย (Museo Nacional Centro de Arte Reina Sofía) และพิพิธภัณฑ์ทิสเซน-บอร์เนอมิสซา (Thyssen-Bornemisza Museum) ทั้งสามแห่งอยู่ในระยะที่สามารถเดินถึงกันได้
แน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์ปราโดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะอันโด่งดังของกรุงมาดริด ยืนหยัดเป็นคลังเก็บงานศิลปะยุโรปที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยรวบรวมผลงานชิ้นเอกอันล้ำค่าจากยุคต่าง ๆ มากมาย ที่เน้นศิลปินชาวสเปนและอิตาลีเป็นหลัก รวมถึงผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง เช่น Francisco Goya, Diego Velázquez, Peter Paul Rubens, Rembrandt Harmenszoon van Rijn, Hieronymus Bosch, Titian และอื่น ๆ อีกมากมาย
การตัดสินใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้ด้วยตัวเองจึงเปรียบเสมือนการเดินทางสู่โลกศิลปะล้ำค่าของสเปนและยุโรปเลยก็ว่าได้ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ปราโดมีขนาดใหญ่มากแนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ด้านในไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพจึงมีแค่ภาพจากด้านหน้าทางเข้าแทน
เที่ยวมาดริด: วันที่ 2
(เดินเที่ยวย่านโอเอซิสของมาดริด El Retiro)
วันแรกเที่ยวย่านประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองกันไปแล้ว วันที่สองก็ต้องไม่พลาดไปเดินเที่ยวย่านโอเอซิสของมาดริดกันบ้าง ย่านนี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ เหมาะสำหรับการใช้เวลาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ โดยรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง ครอบคลุมถึงประตูชัยอัลคาลา สวนสาธารณะเอลเรติโรปอดสีเขียวของเมือง สระน้ำใหญ่แห่งสวนเรติโรที่สามารถพายเรือเล่นได้ พระราชวังคริสตัล สวนพฤกษศาสตร์หลวง รวมถึงพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไรนาโซเฟีย และตลาดอันตอนมาร์ตินที่ใช้เวลาเดินจากพิพิธภัณฑ์เพียง 10 นาที ที่เที่ยวทั้งหมดนี้เราจะพาไปเดินเที่ยวพร้อมๆ กัน
เที่ยวมาดริด: ประตูชัยอัลคาลา (Puerta de Alcalá)
ประตูชัยอัลคาลาเป็นอนุสาวรีย์อันโดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่อันยาวนานของมาดริด ตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางเมืองบริเวณสี่แยกถนนอัลคาลาและจัตุรัสอินดิเพนเดนซ์ สามารถเดินมาได้เพียง 6 นาทีจากจุดชมวิวซิเบเลสที่ไปมาเมื่อวันแรก
ประตูชัยนี้สร้างในสไตล์นีโอคลาสสิกในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 มีซุ้มโค้งขนาดใหญ่ 5 ซุ้มที่ประดับประดาด้วยเสาคลาสสิก ประติมากรรมอันหรูหรา และภาพนูนต่ำนูนสูงที่มีรายละเอียด พอได้มายืนมองใกล้ ๆ จะเห็นความสวยงามทางสถาปัตยกรรม จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอนุสาวรีย์นี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยั่งยืนและสง่างามของอดีตราชวงศ์มาดริด และยังสวยงามทั้งตอนกลางวันและกลางคืน
เที่ยวมาดริด: สวนสาธารณะเรติโรปอดสีเขียวของเมือง (Retiro Park)
จากประตูชัยเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งจะเป็นทางเข้าสวนสาธารณะเรติโร หรือ “Parque del Buen Retiro” เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมืองมาดริด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์ ด้านหน้าทางเข้าสวนสังเกตง่าย ๆ ด้วยประตูแห่งอิสรภาพ พอเดินผ่านประตูนี้ไปจะเจอกับเส้นทาง Avenida de México ที่นำเราไปยังน้ำพุกาลาปากอส สร้างขึ้นโดยพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 7 เพื่อรำลึกถึงวันเกิดปีแรกของเจ้าหญิงอิซาเบลลา น้ำพุได้รับการประดับด้วยเสาที่คล้ายต้นปาล์ม ฐานด้านล่างมีรูปปั้นเด็กสี่คนขี่โล และยังมีรูปปั้นเต่ารองรับน้ำพุและไหลลงไปยังเปลือกหอย นับว่าเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งในสวนเรติโร
เที่ยวมาดริด: สระน้ำใหญ่แห่งสวนเรติโร (Great Pond of El Retiro)
จากน้ำพุกาลาปากอสเดินไปตามถนน Salón del Estanque มองไปทางขวามือจะเห็นสระน้ำใหญ่แห่งสวนเรติโร ที่ใจกลางสระน้ำโดดเด่นด้วยอนุสาวรีย์พระเจ้าอัลฟองโซที่ 12 ซึ่งเป็นเสาทรงครึ่งวงกลมอันงดงามล้อมรอบรูปปั้นของกษัตริย์สเปน
นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับการพายเรือในสระ จุดเช่าเรือมีสองแห่ง คือ Embarcadero de El Retiro Barco Solar el Retiro ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ใกล้กับน้ำพุกาลาปากอส ถ้าใครไม่อยากพายเรือเล่นก็สามารถนั่งบนบันไดหินรอบทะเลสาบเพื่อชื่นชมผืนน้ำอันเงียบสงบและความเขียวขจีโดยรอบได้เช่นกัน
เที่ยวมาดริด: พระราชวังคริสตัล (Palacio de Cristal)
เดินผ่านสระน้ำใหญ่ตามถนนในสวนสาธารณะไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาทีจะเจอกับพระราชวังคริสตัล หรือ “Crystal Palace” ความน่าสนใจของพระราชวังแห่งนี้คือสร้างด้วยผนังโปร่งใสและหลังคาที่ทำกระจกทั้งหมดจากปลายศตวรรษที่ 19 โดยได้รับอิทธิพลมาจากคริสตัลพาเลซที่มีชื่อเสียงในสวนสาธารณะไฮด์พาร์กของลอนดอน
ด้านในพระราชวังคริสตัลทำหน้าที่เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการที่มีเอกลักษณ์สำหรับงานศิลปะร่วมสมัยและแนวหน้า ส่วนด้านนอกล้อมรอบด้วยสระน้ำสะท้อนแสงขนาดใหญ่และสวนอันเขียวชอุ่ม นับเป็นจุดถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงของสวนสาธารณะเรติโร และเหมาะสำหรับการเดินเล่นชมธรรมชาติรอบพระราชวังไปในตัว
เที่ยวมาดริด: สวนพฤกษศาสตร์หลวง (Real Jardín Botánico)
จากพระราชวังคริสตัลถ้ามีเวลาเหลือแนะนำให้เดินเล่นต่อในสวนสาธารณะเรติโร เพราะบรรยากาศด้านในร่มรื่นจริง ๆ ที่สำคัญมีจุดปิกนิกหลายแห่งเลย แต่ถ้าอยากเดินเที่ยวต่อก็ทำได้เช่นกัน โดยเดินตามเส้นทางในสวนสาธารณะไปจนถึงถนน C. de Alfonso XII จากนั้นเดินตามถนนี้ลงเนินเขาไปจะเจอกับสวนพฤกษศาสตร์หลวงตั้งอยู่ทางซ้ายมือ นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวน่าสนใจของเมืองมาดริดในขณะที่ทางขวามือจะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ปราโดที่เราไปชมมาในวันแรก
เที่ยวมาดริด: เดินตลาดอันตอนมาร์ติน (Antón Martín Market)
ไม่ไกลจากสวนพฤกษศาสตร์หลวงแน่นอนว่ามีตลาดน่าเดินอีกหนึ่งแห่งคือเดินตลาดอันตอนมาร์ติน ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ในร่มดั้งเดิมตั้งอยู่ในย่าน Lavapiés ขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารสดใหม่คุณภาพสูง ถ้าเดินมาจากสวนพฤกษศาสตร์หลวงใช้เวลา 12 นาที พอไปถึงแล้วจะเห็นตลาดตั้งอยู่ทางขวามือ
ข้างในตลาดเป็นแบ่งออกเป็น 3 ชั้น รวมแผงลอยสินค้าหลายประเภท โดยเน้นผลิตภัณฑ์อาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์จากนมและชีส ขนมอบ และอื่น ๆ นอกจากผลิตภัณฑ์อาหารสดแล้วตลาดยังรวมร้านอาหารเล็ก ๆ ไว้หลายแห่ง จำหน่ายทั้งอาหารสเปน อาหารญี่ปุ่น อาหารเอเชีย เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติไปในตัว ตลาดเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 09:00-21:00 น.
เที่ยวมาดริด: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไรนาโซเฟีย (Museo Reina Sofia)
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไรนาโซเฟีย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าพิพิธภัณฑ์ไรนาโซเฟีย เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของสเปน มีชื่อเสียงในด้านคอลเล็กชันศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย โดยเน้นศิลปะสเปนและผลงานชิ้นเอกจากศตวรรษที่ 20 ไว้มากมาย โดยเฉพาะภาพวาด “Guernica” อันเป็นเอกลักษณ์ของปิกัสโซ ซึ่งเป็นตัวแทนอันทรงพลังของความน่าสะพรึงกลัวของสงครามกลางเมืองสเปน รวมถึงภาพวาด “Young Woman at a Window” ของเด็กสาวที่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีครุ่นคิด ที่รังสวรรค์โดยดาลี และสื่อถึงความรู้สึกสันโดษและความอยากรู้อยากเห็น
นอกจากผลงานชิ้นเอกจากศิลปินชื่อดังแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงผลงานที่น่าประทับใจจากศิลปินผู้มีอิทธิพล เช่น Joan Miró, Juan Gris และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วมีผลงานศิลปะให้ได้ชมกันหลากหลาย รวมถึงมีแผนผังการเดินชมที่เดินถึงกันง่าย และยังมีสวนขนาดเล็กด้านนอกสำหรับนั่งพักผ่อนท่ามกลางงานประติมากรรมอีกด้วย เนื่องจากพิพิธภัณฑ์มีขนาดใหญ่แนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
ที่พักน่าสนใจในมาดริด
B&B HOTEL Madrid Centro Puerta del Sol: ที่พักน่ารักโลเคชั่นเลิศใจกลางกรุงมาดริด ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Sol และจัตุรัส Puerta del Sol เพียง 1 นาที ที่สำคัญยังอยู่ใกล้แหล่งชอปปิง ร้านอาหาร และสถานที่เที่ยวสำคัญอย่างพลาซ่าเดเอสปาญาและถนนแกรนเวีย ห้องพักมีขนาดกว้างขวาง มาพร้อมทีวีจอแบน มินิบาร์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ในห้องน้ำฟรีและเครื่องเป่าผม ทั้งยังมีแผนกต้อนรับส่วนหน้าตลอด 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นที่พักราคาประหยัดเหมาะสำหรับผู้เดินทางคนเดียว มากับคู่รัก หรือเดินทางเป็นกลุ่มกับครอบครัว → ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
ค้นหาและเปรียบเทียบที่พักในมาดริด
Booking.com
ร้านอาหารและคาเฟ่น่าสนใจในมาดริด
ใช้บัตรเดินทางมัลติการ์ด
เพื่อความสะดวกรวดเร็วนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรมัลติการ์ด (ภาษาอังกฤษ: Multi Public Transport Card ภาษาสเปน: Tarjeta Transporte Público Multi) ได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติในสนามบินและในสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งเป็นบัตรโดยสารทางการด้วยระบบขนส่งสาธารณะในมาดริดแบบไม่ระบุข้อมูลส่วนบุคคล มีค่าธรรมเนียมบัตร 2.50 ยูโร มีอายุการใช้งาน 10 ปี จากนั้นโหลดเครดิต (เงิน) หรือตั๋วประเภทต่าง ๆ ลงในบัตรเพื่อใช้เดินทางจากสนามบินเข้าเมือง (ตั๋วที่ซื้อรวมถึงค่าธรรมเนียมสนามบินเมื่อโหลดลงในบัตรมัลติการ์ดจะต้องใช้งานภายในวันเดียวกันเท่านั้น)
นอกจากการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองแล้ว ยังใช้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินได้ทั่วมาดริด โดยตั๋วที่โหลดลงในบัตรมีหลายแบบให้เลือกตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ครอบคลุมถึงตั๋วเที่ยวเดียว ราคา 1.50-2 ยูโร ตั๋วเดินทางรวมทั้งรถไฟใต้ดินและรถบัส 10 เที่ยว ราคา 12.20 ยูโร รวมถึงบัตรท่องเที่ยว (Tourist card) เพื่อเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินได้ไม่จำกัดเที่ยวตามช่วงเวลา 1-7 วัน ราคาบัตรแบ่งตามโซน A และ T โซน A ราคา 8.40-35.40 ยูโร โซน T ราคา 17-70.80 ยูโร
บัตรเดินทางมัลติการ์ดนับว่ามีประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะบัตรหนึ่งใบสามารถชาร์จซ้ำได้หลายครั้ง และสามารถใช้งานได้หลายคน ตราบเท่าที่มีตั๋วในบัตรและเดินทางเส้นทางเดียวกัน และที่สำคัญช่วยลดการใช้กระดาษเพราะไม่ต้องออกตั๋วใบเดียวบ่อย ๆ ดังนั้นใครที่วางแผนจะใช้รถไฟใต้ดินในมาดริดบ่อย ๆ แนะนำให้ซื้อบัตรนี้ไปเลยจะสะดวกกว่า
การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองมาดริด
สนามบินนานาชาติ Madrid Barajas หรือที่รู้จักกันในชื่อสนามบิน Madrid Adolfo Suárez (MAD) เป็นสนามบินหลักของกรุงมาดริด ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 12 กม. นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้าเมืองสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถบัสแอร์พอร์ตเอ็กเพรส รวมไปถึงรถไฟชานเมืองภายในเวลา 30-40 นาที
ตั๋วเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินจากสนามบิน: ผู้โดยสารที่เดินทางจากสนามบินมาดริดไปยังใจกลางเมืองต้องมีตั๋วรถไฟใต้ดินเที่ยวเดียว (Metro Zone A) ราคา 1.50-2 ยูโร (ขึ้นอยู่กับพื้นที่) + ส่วนเสริม (Supplement) ราคา 3 ยูโร รวมค่าตั๋ว 4.50-5 ยูโร หรือตั๋วรวมใบเดียว (Combined Single ticket) 3 ยูโร + ส่วนเสริม (Supplement) ราคา 3 ยูโร รวมค่าตั๋ว 6 ยูโร หรือจ่ายแค่ส่วนเสริม (Supplement) ราคา 3 ยูโร สำหรับผู้ที่มีตั๋วรถไฟใต้ดินเที่ยวเดียว ตั๋วเมโทรบัส 10 เที่ยว และตั๋วรวมใบเดียวอยู่แล้ว ตั๋วทั้งหมดนี้สามารถโหลดลงในบัตรมัลติการ์ด
การเดินทางในมาดริดด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
มาดริดมีระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพซึ่งทำให้การเดินทางรอบเมืองเป็นเรื่องง่าย ข้อมูลด้านล่างคือภาพรวมของระบบขนส่งสาธารณะประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมืองมาดริด
เส้นทางรถไฟความเร็วสูง AVE ของสเปนที่ได้รับความนิยม คือ มาดริด-บาร์เซโลนา วิ่งด้วยความสูงสุด 310 กม./ชม. ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางได้ถึง 2.30 ชม. โดยไม่แวะพักหรือเปลี่ยนขบวน รถไฟมาพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องปรับอากาศ ปลั๊กไฟ และอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี พิเศษ! เมื่อซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง AVE หรือรถไฟทางไกลที่ดำเนินการโดย Renfe สามารถรับตั๋ว “Combinado Cercanías ticket” สำหรับเดินทางฟรีด้วยรถไฟภูมิภาค Cercanías, Rodalies และการขนส่ง FEVE รวมถึงรถราง Alicante จองตั๋วรถไฟความเร็วสูงราคาประหยัดจากมาดริดไปบาร์เซโลนาล่วงหน้าตอนนี้เลย
การเดินทางไปมาดริดจากอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากมาดริดประมาณ 1,776 กม. นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปมาดริดสามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากเมืองใกล้เคียงได้สะดวก เช่น อัมสเตอร์ดัม บรัสเซลส์ ปารีส หรือบาร์เซโลนา ครอบคลุมตัวเลือกด้วยเที่ยวบิน รถไฟ และรถยนต์ ดังรายละเอียด
เที่ยวมาดริดช่วงไหนดี
เที่ยวมาดริดใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวมาดริด 2 วัน 3 คืน สำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 692 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 26,500 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าที่จอดรถและค่าทางด่วน ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 70-200 ยูโร
โฮสเทล: 30-130 ยูโร
การเดินทาง: 8-10 ยูโร
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 10-15 ยูโร/แห่ง
รถเช่า: 20-60 ยูโร
อาหาร: 15-30 ยูโร/มื้อ
ที่จอดรถ: 15-20 ยูโร/วัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แผนที่เที่ยวมาดริดด้วยตัวเอง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡