หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam) ตั้งอยู่บนทะเลสาบมาร์เคอร์เมียร์ (Markermeer) ห่างจากอัมสเตอร์ดัมไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการค้าขายทางประมงแบบชาวดัตช์แท้ ๆ และยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และงดงามราวกับภาพวาด โดยรวมที่เที่ยวทางประวัติซึ่งสะท้อนวัฒนธรรมและการแต่งกายดั้งเดิมไว้หลายแห่ง เช่น ท่าเรือและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โวเลนดัม ผู้คนจากโวเลนดัมยังรักในเสียงเพลงและสร้างชื่อเสียงจากดนตรีที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง รวมถึงมีบ้านไม้ที่สร้างขึ้นบนเขื่อนกั้นน้ำ ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปเยือนสักครั้ง
การเดินทางไปยังโวเลนดัม (Volendam)
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัม 28 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะหรือรถยนต์ ดังรายละเอียด
เพื่อช่วยประหยัดค่าเดินทางไปยังโวเลนดัม นักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตร Amsterdam & Region Travel Ticket สำหรับเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้ไม่จำกัดเที่ยว ครอบคลุมถึงรถไฟ NS รถไฟใต้ดิน รถราง และรถบัสทุกสายที่ดำเนินการโดย GVB, Connexxion, AllGo และ EBS รวมถึงรถบัสกลางคืน บัตรนี้ยังใช้เดินทางไปสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม) ด้วยรถบัสสาย 852, 858 และ 50 ได้อีกด้วย ซื้อบัตร Amsterdam & Region Travel Ticket ล่วงหน้าตอนนี้เลย
เที่ยวโวเลนดัม (Volendam) ทำอะไรได้บ้าง
เดินเล่นชมบ้านเขาวงกต (het Doolhof)
สิ่งที่โดดเด่นในหมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมนั้นก็คือบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง สร้างด้วยไม้ ทาผนังด้วยสีเขียวเข้ม สีน้ำตาลอ่อน สีส้ม และสีแดงเป็นส่วนใหญ่ บริเวณเขื่อนกั้นยังมีการสร้างบ้านเรือนบนสันเขื่อน เมื่อมองไปอีกด้านจะพบกับบ้านเรือนที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ถัดจากเขื่อนกั้นน้ำจะเป็นย่านการท่องเที่ยว เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สตูดิโอถ่ายภาพ โรงแรม และร้านขายของที่ระลึกมากมาย ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือถัดจากทะเลสาบมาร์เคอร์เมียร์ สามารถมองเห็นเกาะมาร์เคินเป็นพื้นหลัง
ถ้าเดินผ่านย่านท่องเที่ยวไปเราจะพบกับบ้านเรือนของผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนถนนแคบ ๆ เป็นแบบเขาวงกต เรียกได้ว่าถ้าเดินเข้ามาแบบไม่รู้ทิศทางอาจจะหาทางออกไม่ได้ เพราะสลับซับซ้อนไปด้วยบ้านเรือน สะพาน และแม่น้ำที่เป็นแบบสุ่ม แต่เอาจริง ๆ พอเดินตามถนนมาแล้วชมบ้านเรือนเขาวงกตไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับสะพาน พอเดินผ่านสะพานไปเราจะเจอทางออกไปยังย่านใจกลางเมือง เอาเป็นว่ามีทางออกแน่นอน ที่เพิ่มมาคือได้ภาพสวย ๆ ในย่านนี้เยอะเลย
เวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวโวเลนดัมคือช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นกำลังดีและมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกมากมาย อย่างไรก็ตามช่วงนี้อาจจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาแน่น ถ้าอยากหลีกเลี่ยงความแออัดแนะนำให้มาช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูดอกไม้บานประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ที่สำคัญช่วงนี้ยังมี → เทศกาลดอกทิวลิปเคอเคินฮอฟด้วย
ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โวเลนดัม (Volendam Museum)
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โวเลนดัมเป็นแหล่งเรียนรู้และบอกเล่าเรื่องราวของชาวโวเลนดัมได้เป็นอย่างดี ภายในมีการจัดแสดงชุดการแต่งกายแบบดั้งเดิมของชาวโวนเลนดัม บ้านซิการ์แบนด์ที่ใช้ซิการ์มากกว่า 11 ล้านชิ้นเป็นตกแต่งเป็นวอลล์เปเปอร์ รวมถึงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของการค้าขายทางประมง การดำเนินวิถีชีวิตในอดีตที่แสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่และกิจกรรมงานบ้านภายในครอบครัว ตลอดจนภาพวาดของศิลปินหลายคนที่มาเยี่ยมชมเมืองในยุคนั้น นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่สามารถให้ความรู้ได้ภายในเวลา 30-45 นาที
เปิด: ทุกวัน เวลา 10:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 6 ยูโร หรือใช้บัตร Museumkaart เข้าชมฟรี จองตั๋วออนไลน์ก่อนเข้าชมได้ที่ Volendam Museum Ticket
ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดนตรีโวเลนดัม
Palingsound Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ดนตรีโวเลนดัม มาจากเพลงป๊อปสไตล์ดัตช์แบบคลาสสิกซึ่งมีต้นกำเนิดจากโวเลนดัม ตั้งอยู่ในร้านอาหารชื่อ Paviljoen Smit Bokkum ว่ากันว่าผู้คนจากเมืองโวเลนดัมมีบุคลิกที่เงียบขรึม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาซ่อนความหลงใหลในเสียงเพลงไว้ภายใต้ใบหน้าที่เงียบขรึมนั้น และพัฒนาเสียงดนตรีที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองจนประสบความสำเร็จ พิพิธภัณฑ์นี้จึงเป็นสถานที่ที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ความเป็นมากว่า 100 ปีของเพลง Palingsound ในโวเลนดัมได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ภายในร้านอาหาร ยังเหมาะสำหรับการลิ้มลองรสชาติของปลาไหลรมควัน รวมถึงเรียนรู้เทคนิคและกรรมวิธีในการผลิตได้อย่างน่าสนใจ เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09:30-18:00 น. อย่าลืมเตรียมค่าเข้าชมไว้ด้วย 1.75 ยูโร
โบสถ์เซนต์วินเซนต์ (Sint-Vincentiuskerk)
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมมีโบสถ์ตั้งอยู่บริเวณบ้านเขาวงกตชื่อว่า Sint-Vincentiuskerk สร้างขึ้นในปี 1860 โบสถ์แห่งนี้ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติภายใต้หมายเลข 14449 ด้านนอกมีบรรยากาศที่เงียบสงบ ส่วนด้านในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงเทศกาลวันหยุด
ถ่ายรูปสวมชุดดั้งเดิมแบบชาวโวเลนดัม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชุดการแต่งกายแบบดั้งเดิมของชาวโวเลนดัมเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเอง ชุดเหล่านี้เป็นการตัดเย็บผ้าแบบกระโปรงยาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวเย็บชายระบายติดกระดุมด้านหน้าและปักลวดลายบริเวณชายคอ สวมหมวกสีขาวที่มีรูปทรงสวยงาม และมักจะเห็นบ่อยครั้งในเว็บไซต์โปรโมตการท่องเที่ยวของเนเธอร์แลนด์ เรียกได้ว่าถึงขั้นมีการตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์การแต่งกายแบบดั้งเดิมให้คงไว้ และยังคงพบเห็นได้ในปัจจุบัน
นักท่องเที่ยวที่สนใจอยากถ่ายภาพสวมชุดดั้งเดิมแบบชาวโวเลนดัมสามารถแวะไปได้ที่สตูดิโอรับถ่ายภาพหลายแห่งบริเวณย่านท่าเรือ ด้านในร้านมีอุปกรณ์ตกแต่งฉากพร้อม ราคาอยู่ที่ประมาณ 15-20 ยูโรต่อหนึ่งแพ็คเกจต่อบุคคล
ลิ้มลองขนมสโตรปวาเฟิล (Stroopwafel)
สโตรปวาเฟิลเป็นขนมทำจากแป้งบางสองชั้นประกบเข้าด้วยกัน นิยมทานแบบเดี่ยว หรือราดด้วยซอสคาราเมลร้อน ๆ บริเวณย่านท่าเรือมีร้านขายขนมสโตรปวาเฟิลเยอะเลย ที่สำคัญมีแบบถุงสามารถซื้อกลับบ้านได้ด้วย หรือถ้าอยากได้เพิ่มเติมลองแวะไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหลัก
ทานแซนวิชปลาไหลรมควันชื่อดัง (Paling) และปลาเฮร์ริง (Herring Fish)
นอกจากขนมสโตรปวาเฟิลแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมนั้นก็คือ แซนวิชปลาไหลรมควัน (Paling) แซนวิชที่ว่านี้มีรูปร่างไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ความพิเศษอยู่ที่เนื้อของปลาไหล เพราะนำมารวมควันและลอกหนังออกเอาแต่เนื้อด้านใน จากนั้นหั่นแซนวิชตรงกลางและวางปลาไหลรมควันลงไป พอได้กินแล้วรสชาติเข้ากันดี๊ดี และที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาว ถ้ายังไม่จุใจยังมีปลาเฮร์ริงให้ลองทานกันอีก รวมไปถึงปลาทอดกรอบ (Kibbeling) ทานคู่กับซอสมายองเนส สามรถหาซื้ออาหารเหล่านี้ได้ตามร้านขายอาหารสด และแผงขายอาหารสดบริเวณท่าเรือ ราคา 4-5 ยูโร
ชิมชีส (Cheese Factory Volendam)
เดินจากท่าเรือไปตามถนน Haven ทางซ้ายมือจะพบว่ามีโรงงานชีสที่น่าสนใจแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ด้านในแน่นอนว่าเต็มไปด้วยชีสมากมาย และมีชีสหลายแบบให้เลือก ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามจากพนักงานขายได้ พวกเขามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตและการค้าชีส นักท่องเที่ยวยังได้มีโอกาสชิมชีสประกอบการตัดสินใจซื้ออีกด้วย
แวะซื้อของฝาก
นอกจากอาหารน่าทานในหมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกเต็มเกือบสองฝั่งทางเดิน เรียกได้ว่าถ้าอยากได้ของแบบไหนสามารถไปเดินซื้อเลือกกันได้เลย ราคาไม่แพงมากมีทั้งราคาส่งและราคาขายต่อชิ้น
นั่งเรือเฟอร์รี่ไปเที่ยวเกาะมาร์เคิน (Marken)
สำหรับใครที่มีเวลาเหลือประมาณ 2-3 ชั่วโมงแนะนำให้นั่งเรือไปเที่ยวต่อที่เกาะมาร์เคิน ความน่าสนใจของเกาะนี้คือมีบ้านไม้และสีสันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การดำรงชีวิตของผู้คนในเกาะเรียบง่าย มีท่าเรือที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สามารถใช้เวลาเดินเที่ยวในหมู่บ้าน ชมพิพิธภัณฑ์ และเดินไปชมประภาคารเดินเรือได้อีกด้วย
เรือเฟอร์รี่ไปเที่ยวเกาะมาร์เคินชื่อว่า Volendam Marken Express ท่าเรือตั้งอยู่ Haven 39 การเดินทางใช้เวลาประมาณ 20 นาที เรือออกทุก ๆ 30-45 นาที ราคาตั๋วเดินทางแบบไปกลับ 16.50 ยูโร เที่ยวเดียว 10 ยูโร เด็กอายุ 4-11 ขวบ ลด 50% ถ้านำจักรยานมาด้วยมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 1.75 ยูโร สามารถใช้บัตร I Amsterdam City Card นั่งเรือเฟอร์รี่ฟรีไปยังเกาะมาร์เคิน
เที่ยวเกาะมาร์เคิน (Marken)
มาร์เคินเคยเป็นเกาะปิดไม่มีถนนในคาบสมุทรมาร์เคอร์เมียร์ อยู่ในเขตการปกครองวอเทอร์ลันด์ ในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ และยังเป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมใกล้กับหมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม ลักษณะเด่นของมาร์เคินคือรวมบ้านเรือนแบบใต้ถุนยกสูงบนเนินดินเพื่อหลีกเลี่ยงระดับน้ำ ซึ่งเป็นการสร้างหลังเกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งในอดีต โดยเฉพาะในปี 1916 ที่เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ส่งผลให้บ้านเรือนพังลงมาทั้งหลังและมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
จากเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลได้ตัดสินใจสร้างเขื่อนกั้นน้ำอัพสเลาไดก์ (Afsluitdijk) เพื่อปิดกั้นทางน้ำเซาท์เดอร์เซจากทะเลเหนือทำให้น้ำกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืด ปัจจุบันเรียกว่า Ijsselmeer รวมถึงสร้างทางหลวงสาย N518 ไปยังเกาะ นั้นทำให้มาร์เคินไม่ใช่เกาะปิดอีกต่อไป ปัจจุบันมาร์เคินจึงกลายมาเป็นที่เที่ยวที่ยังคงความงดงามทางด้านวัฒนธรรม รอต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมและร่วมย้อนเวลากลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตพร้อม ๆ กัน
ที่เที่ยวในเกาะมาร์เคิน
อนุสาวรีย์ระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติน้ำท่วม
Monument Watersnood 1916 เป็นอนุเสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ปี 1916 ซึ่งเกิดขึ้นรอบ ๆ ทะเล Zuiderzee ในเนเธอร์แลนด์ จากประวัติกล่าวว่าในคืนของวันพฤหัสบดีที่ 13 ถึงวันศุกร์ที่ 14 เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2459 คลื่นพายุทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้น ส่งผลให้เขื่อนหลายสิบแห่งแตก จากนั้นกระแสน้ำก็พัดกระหน่ำเข้าสู่บ้านเรือน ทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับทางเดินภายในและแนวสันเขื่อนหลายแห่ง บ้านไม้บางหลังในมาร์เคินพังลงมาทั้งหมด
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์จำนวน 19 คน ขณะที่อีก 32 คนเสียชีวิตจากภัยพิบัติต่าง ๆ ในทะเล สมเด็จพระราชินีวิลเฮลมินาเสด็จเยี่ยมพื้นที่ประสบภัย ในปี 2559 ก่อนที่ 100 ปีหลังจากภัยพิบัติน้ำท่วม ในมาร์เคินได้มีการเปิดตัวอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตทั้งหมด 19 คน (16 คนเป็นลูกหลานของผู้คนในมาร์เคิน) และเป็นเครื่องเตือนใจของความโหดร้ายที่ภัยพิบัตินำมาซึ่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ท่าเรือมาร์เคิน (Haven Marken)
จากอนุสาวรีย์บนท่าเรือนักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นจุดจอดเรือโดยสาร Volendam Marken Express ที่มาจากโวเลนดัม และยังรวมร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ตลอดความยาวของท่าเรือ
โรงงานรองเท้าไม้ (Wooden Shoe Factory)
จากท่าเรือสามารถเดินลัดเลาะไปตามถนนสายเล็กในหมู่บ้านและจะเจอกับที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่งคือ โรงงานรองเท้าไม้ สถานที่แห่งนี้จะพาทุกคนไปเรียนรู้เกี่ยวกับการทำรองเท้าไม้ ซึ่งใช้เครื่องมือเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1906 และมีการนำเครื่องจักรไอน้ำเข้ามาใช้งานตั้งแต่ปี 1913 ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 รองเท้าไม้ได้ถูกผลิตขึ้นในเนเธอร์แลนด์เรียกว่า ‘Klomp’ และยังคงยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน โรงงานบางแห่งได้เปลี่ยนถ่ายเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อสร้างการเรียนรู้และสืบสานเกี่ยวกับผลิตรองเท้าไม้ ด้านในโรงงานยังมีร้านค้าขนาดเล็กที่จำหน่ายรองเท้าไม้และของที่ระลึก รวมถึงสาธิตวิธีการทำรองเท้าไม้ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ใครที่สนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์อย่าลืมเตรียมค่าเข้าชมไว้ 7.50 ยูโร
บ้านตามแบบฉบับมาร์เคิน (Original House of Marken)
ในอดีตด้วยความที่เกิดน้ำท่วมบ่อยผู้คนจึงสร้างบ้านบนเนินดินแบบใต้ถุนยกสูงเพื่อไม่ให้ท่วมบ้าน และนิยมใช้สีเขียวในการทาสีผนังบ้านตัดกับสีขาว มองดูแล้วโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่างลงตัว ต่อมามีการจัดการระดับน้ำที่ดี ชาวบ้านไม่ต้องกังวลเรื่องระดับน้ำจากทะเลสาบ ทำให้มีการต่อเติมและสร้างผนังปิดใต้ถุนบ้าน เปลี่ยนถุนโล่งเหล่านั้นเป็นห้องสำหรับใช้งานเพิ่มเติม
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มาร์เคิน (Marken Museum)
จัดแสดงประวัติศาสตร์ของมาร์เคิน ชีวิตการทำงาน วัฒนธรรมและประเพณีอันยาวนานตั้งแต่ปี พ. ศ. 2526 ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์มีการรักษาเค้าโครงเดิมไว้เป็นบ้านของครอบครัวชาวประมงในศตวรรษที่ 19 มีลักษณะเฉพาะด้วยการตกแต่งผนังด้วยจานและภาพพิมพ์จำนวนมาก กล่องเก็บสิ่งของเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม ถังเก็บน้ำฝน และเตียงนอน รวมถึงจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งทอและเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม ภาพวาดและภาพพิมพ์ เครื่องใช้พื้นบ้าน รวมถึงการแกะสลักไม้และงานปัก มีค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 3 ยูโร
ประภาคารเดินเรือ (The Horse Of Marken Lighthouse)
จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มาร์เคินสามารถเดินตามถนนบนสันเขื่อนไปประมาณ 20 นาที จะเจอกับประภาคารเดินเรือ หรือที่เรียกว่า Paard ในภาษาดัตช์ ตั้งอยู่ที่ปลายด้านตะวันออกของมาร์เคิน ความโดดเด่นของประภาคารหลังนี้คือมีหอคอยสูง16 เมตร และสามารถส่งระยะแสงนำทางเรือได้ถึง 16.7 กิโลเมตร
ในอดีตประภาคารเริ่มต้นด้วยทรงสี่เหลี่ยม (เป็นหนึ่งในประภาคารสามแห่งที่ Marken, De Ven และ Durgerdam) เพื่อใช้กำหนดเส้นทางจากทะเล Wadden Sea ไปยัง Amsterdam ก่อนที่จะหอคอยหินทรงสี่เหลี่ยมจะถูกแทนที่ด้วยเหล็กกลมบนรากฐานเก่า ต่อมามีการสร้างอาคารอิฐพร้อมบ้านและโกดังบนประภาคารทำให้หอคอยมีรูปร่างลักษณะเฉพาะ ปัจจุบันประภาคารแห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติตั้งแต่ปี 2503 มีผู้อยู่อาศัยจริงและรับผิดชอบในการทำงานที่เหมาะสมของแสงนำทางเรือ
การเดินไปชมประภาคารเดินเรือใช้เวลารวม 40 นาที ไปและกลับ ควรเผื่อเวลาไว้สักนิดเพราะเดินไกล ที่ประภาคารจะสวยเป็นพิเศษในช่วงตอนเย็น โดยเฉพาะใกล้พระอาทิตย์ตกดิน
เที่ยวเมืองเอดัม (Edam)
เอดัมเป็นเมืองที่งดงามราวกับภาพวาดตั้งอยู่ใกล้กับโวเลนดัมเพียง 16 นาที แน่นอนว่าเมืองนี้ขึ้นชื่อเกี่ยวกับชีสชื่อดัง โดยมีพิพิธภัณฑ์ชีสทำหน้าที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชีส และยังมีตลาดชีสจัดขึ้นทุกวันพุธ ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมให้ได้ชมกันอีกด้วย นอกจากชีสที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้แล้วยังมีที่เที่ยวหลายแห่งที่สามารถเดินเที่ยวง่าย เช่น พิพิธภัณฑ์เอดัม โบสถ์ใหญ่ประจำเมือง และลำคลองที่สวยงาม ด้วยความที่เอดัมเป็นเมืองที่เล็กมาก สามารถใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับการเที่ยวที่นี่
การเดินทางจากโวเลนดัมไปเอดัมสามารถนั่งรถบัสสาย 110/316 จากสถานีโวเลนดัม (Julianaweg-Centrum) ไปยังสถานี Edam, Busstation แล้วเดินต่ออีก 5 นาทีไปยังใจกลางหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางรวม 20 นาที
เที่ยวหมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse schans)
ไม่ไกลจากโวเลนดัมมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหนึ่งแห่งคือ หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ ตั้งอยู่ในย่านเมืองซานดัมใกล้กับซานไดค์ ห่างจากอัมเตอร์ดัมประมาณ 50 นาที แน่นอนว่าถ้าตัดสินใจไปเที่ยวที่นี่แล้วจะสัมผัสถึงเสน่ห์ของกังหันลม บ้านเรือนไม้เก่าแก่ โรงงานทำรองเท้าไม้ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ซานส์ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของซานส์สคันส์และการปกป้องมรดกของพื้นที่ซานส์ได้อย่างครบคลุม
การเดินทางจากโวเลนดัมไปซานส์สคันส์สามารถนั่งรถบัสสาย 316 จากสถานีโวเลนดัม (Vissersstraat Station) ไปยังสถานี Prins Hendrikkade/CS (uitstaphalte), Amsterdam จากนั้นนั่งรถบัสสาย 391 ไปลงที่ป้าย Zaanse Schans แล้วเดินต่ออีก 3 นาทีก็ถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางรวม 1.21 ชั่วโมง
เที่ยวหมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในจังหวัดโอเฟอร์ไรส์เซิล (Overijssel) อยู่ในเขตเทศบาลสเตนไวค์เคอร์ลันด์ (Steenwijkerland) ห่างจากเมืองสเตนไวค์ (Steenwijk) ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่มีเส้นทางการเดินรถ เน้นการสัญจรด้วยเรือเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับการสัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่แบบไม่เร่งรีบท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ และยังเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ถ้ามีเวลาเหลือจากการเที่ยวที่หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นยังสามารถไปเที่ยวต่อที่เมืองซโวลเลอ (Zwolle) ได้อีกด้วย
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam) มีที่เที่ยวให้เลือกเข้าชมเยอะเลย โดยเฉพาะย่านท่องเที่ยวบนเขื่อนกั้นน้ำ นอกจากจะได้เห็นทะเลสาบสวย ๆ แล้วยังได้สัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านที่มีสีสันอีกด้วย ที่สำคัญที่เที่ยวตามลิสต์ข้างต้นตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินเที่ยวง่ายไม่ต้องกลัวว่าจะหลงภายในเวลาครึ่งวัน หรือแบบเดย์ทริปถ้าวางแผนที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือไปเที่ยวเกาะมาร์เคินด้วย อย่าลืมเช็คสภาพอากาศในเนเธอร์แลนด์ และวางแผนการเดินทางในเนเธอร์แลนด์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงการขับรถยนต์เที่ยวในเนเธอร์แลนด์ด้วยตัวเอง
แผนที่เที่ยวหมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam)
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡