สวัสดิการและเงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์ มักรู้จักกันในภาษาดัตช์ว่า ‘Toeslagen’ เป็นเงินสนับสนุนจากรัฐบาลที่มอบให้กับพลเมืองและผู้อยู่อาศัยในเนเธอร์แลนด์ โดยมีกรมสรรพากรดัตช์เป็นผู้รับผิดชอบในการจ่าย เงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์แบ่งออกเป็นประเภท เช่น เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพ เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน เงินสงเคราะห์เด็ก รวมไปถึงเงินชดเชยเมื่อขาดรายได้หรือเจ็บป่วยจนไม่สามารถไปทำงานได้ เงินชดเชยการลาคลอดบุตร และเงินสวัสดิการสังคม ทั้งหมดนี้เราจะมาขยายรายละเอียดกันในบทความฉบับนี้เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาทำความเข้าใจอย่างชัดเจน
สวัสดิการและเงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์ แบ่งออกเป็นหลายแบบ คือ
- เงินบำเหน็จบำนาญชราภาพทั่วไป (AOW)
- เงินบำนาญเสริม (Aanvullend pensioen)
- เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพ (Zorgtoeslag)
- เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน (Huurtoeslag)
- เงินสงเคราะห์บุตร (Kinderbijslag)
- เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Kindgebonden budget)
- เงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร (Kinderopvangtoeslag)
เงินบำเหน็จบำนาญชราภาพทั่วไป (AOW)
AOW เป็นเงินบำนาญของรัฐบาลขั้นพื้นฐาน ทุกคนที่อาศัยหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์จะได้รับเงินบำนาญนี้ตั้งแต่อายุบำนาญของรัฐ (AOW-leeftijd) ในปี 2024 อายุบำนาญของรัฐจะอยู่ที่ 67 ปี หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นต่อไปได้นั่นเป็นเพราะว่าโดยเฉลี่ยแล้วชาวดัตช์มีอายุมากขึ้น พนักงานที่เกษียณจะได้รับเงิน AOW โอนเข้าบัญชีทุกเดือนไปตลอดชีวิตจากธนาคารประกันสังคม (SVB)
สำหรับผู้ประกอบการอิสระหรือเคยเป็นอดีตพนักงานสามารถทำโครงการบำเหน็จบำนาญของนายจ้างเดิมต่อไปโดยสมัครใจในกรณีที่พวกเขาเสนอตัวเลือกนี้ เบี้ยประกันความต่อเนื่องโดยสมัครใจสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 10 ปีหลังจากการเลิกจ้าง
สำหรับคนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์มาตลอดชีวิต เช่น ย้ายมาอยู่ที่นี่ตามคู่ครองหรือพาร์ทเนอร์หรือทำงานในภายหลังยังสามารถได้รับเงิน AOW แต่ผลประโยชน์จะลดต่ำลง คุณจะได้เงิน AOW เต็มจำนวนหากอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ในช่วง 50 ปีก่อนที่การรับเงิน AOW จะเริ่มต้นขึ้น ทุกปีที่พลาดไปเงิน AOW จะลดลง 2% ซึ่งในแต่ละปีที่ขาดไปนั้นสามารถซื้อประกัน AOW ได้ตามความสมัครใจ (AOW-verzekeringsjaren) ที่เว็บไซต์ SVB ในส่วนนี้อาจมีเงื่อนไขบางประการ เช่น
- มาอาศัยหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์เป็นครั้งแรกในช่วง 50 ปีก่อนอายุบำนาญของรัฐและยังไม่ถึงอายุบำนาญของรัฐในขณะที่สมัคร
- ขอซื้อประกัน AOW ภายใน 10 ปีหลังจากที่มาอาศัยหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์เป็นครั้งแรก
- มีประกันภาคบังคับในเนเธอร์แลนด์ ณ เวลาที่ซื้อเท่านั้น
- ประกันภาคบังคับต้องมีอายุอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาต่อเนื่องห้าปี สามารถนำระยะเวลาที่ตรงตามเงื่อนไขมารวมกันได้
- สามารถซื้อได้เฉพาะปีที่ไม่ได้ทำประกันการชราภาพตามกฎหมายในต่างประเทศเท่านั้น
เบี้ยประกัน AOW โดยสมัครใจจะคิดจากเปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมในหนึ่งปี คุณสามารถใช้เครื่องมือคำนวณเบี้ยประกัน AOW ขั้นต่ำ
ยกตัวอย่างเช่นเราลองคำนวณจากปีที่ย้ายมาอยู่เนเธอร์แลนด์และอายุของตนเองแล้ว จะพบเบี้ยประกัน AOW โดยสมัครใจอยู่สองแบบ คือ
- ถ้ายังไม่มีแผนเงินบำนาญ AOW และใช้ชีวิตหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์ เบี้ยประกัน AOW จะอยู่ที่ 1,055 ยูโรต่อเดือน (สำหรับคนโสด) และ 694.75 ต่อเดือน (หากแต่งงาน มีหุ้นส่วนที่จดทะเบียนหรืออยู่ด้วยกัน)
- ถ้ามีแผนเงินบำนาญ AOW แล้วและใช้ชีวิตหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์ เบี้ยประกัน AOW จะอยู่ที่ 1,334.94 ยูโรต่อเดือน (สำหรับคนโสด) และ 914.15 ต่อเดือน (หากแต่งงาน มีหุ้นส่วนที่จดทะเบียนหรืออยู่ด้วยกัน)
คุณสามารถสมัครทำประกัน AOW ภาคสมัครใจได้สูงสุด 10 ปีหลังจากวันที่คุณเป็นผู้ประกันตนในโครงการบำนาญ AOW เป็นครั้งแรก โดยมีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน คือ
- สมัครออนไลน์ผ่าน My SVB (ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี DigiD)
- กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ จากนั้นพิมพ์และส่งไปยังสำนักงานตามที่อยู่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม
- หรือใช้แบบฟอร์มกระดาษ สามารถดาวน์โหลดและพิมพ์แบบฟอร์มคำขอซื้อประกัน AOW ภาคสมัครใจ และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน จากนั้นส่งทางไปรษณีย์ไปยังสำนักงานตามที่อยู่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม
เงินบำนาญเสริม (Aanvullend pensioen)
เงินบำนาญเสริมรู้จักอีกชื่อหนึ่งว่าเงินสำรองเลี้ยงชีพ ทุกคนที่ทำงานในเนเธอร์แลนด์สามารถสมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านนายจ้าง ซึ่งจะมีการหักเงินเดือนของคุณบางส่วนและนายจ้างสมทบให้อีกบางส่วนจากนั้นก็ส่งไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อเกษียณคุณสามารถรับผลประโยชน์เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงิน AOW ไปตลอดชีวิต สามารถศึกษาภาพรวมเงินบำนาญออนไลน์ได้ที่ Mijnpensioenoverzicht.nl
เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพ (Zorgtoeslag)
เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพเป็นเงินที่ให้สำหรับผู้มีรายได้น้อยเพื่อช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพพื้นฐานจากกรมสรรพากร ซึ่งทุกคนที่อาศัยหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์ต้องทำประกันสุขภาพมาตรฐาน เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกันสุขภาพ (ZVW) และพระราชบัญญัติการดูแลระยะยาว (Wlz) เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนขึ้นอยู่กับแพ็คเกจและค่าความเสี่ยงที่ต้องรับเอง (eigen risico)
สำหรับจำนวนเงินที่จะได้นั้นขึ้นอยู่กับรายได้และทรัพย์สินรวมที่มี หากเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดคุณสามารถขอรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร เงินจะจ่ายในวันที่ 20, 21 หรือ 22 ของทุกเดือน
คุณอาจได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพตามเงื่อนไข:
- มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- คุณมีประกันสุขภาพของเนเธอร์แลนด์
- คุณมีสัญชาติดัตช์หรือมีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายในเนเธอร์แลนด์
- รายได้รวมของคุณและ Toeslagpartner เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
- มีทรัพย์สินรวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพหากมีรายได้รวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนรายได้รวมปี 2024
- รายได้รวมต่อปีของคุณไม่เกิน 37,496 ยูโร (สำหรับคนโสด)
- รายได้รวมของคุณและ Toeslagpartner ไม่เกิน 47,368 ยูโร
คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพหากมีทรัพย์สินรวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนทรัพย์สินรวมปี 2023
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 140,213ยูโร (สำหรับคนที่ไม่มี Toeslagpartner)
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 177,301 ยูโร (สำหรับคนที่มี Toeslagpartner)
จำนวนเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพที่คุณจะได้รับขึ้นอยู่กับรายได้รวมต่อปี ด้านล่างแสดงจำนวนเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพปี 2024
- สูงสุด 123 ยูโรต่อเดือน (สำหรับคนโสด)
- สูงสุด 236 ยูโรต่อเดือน (สำหรับคนที่มี Toeslagpartner)
หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประจำทุกปี
หากคุณมีเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้สามารถสมัครรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพได้ดังนี้:
- ไปที่เว็บไซต์ Belastingdienst: Proefberekening toeslagen
- จากนั้นคำนวณเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพตามสถานการณ์ของคุณ
- ระบบจะแสดงจำนวนเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพที่คุณได้รับ
- จากนั้นไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรและสมัครรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพผ่าน Mijn toeslagen
- ลงชื่อเข้าใช้งานด้วยบัญชี DigiD
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนตามที่ระบบแนะนำ (ภาษาดัตช์)
- จากนั้นกดส่งข้อมูลเพื่อขอรับสิทธิ์
เมื่อสมัครขอรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้วกรมสรรพากรจะเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอน (ไม่ต้องสมัครใหม่ทุกปี) รอประมาณ 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือนคุณจะได้รับจดหมายยืนยันเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพ จากนั้นจะมีเงินโอนเข้าบัญชีประมาณวันที่ 20 ของทุกเดือน คุณยังสามารถเช็คจำนวนเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพออนไลน์ได้ที่ Mijn toeslagen
ในกรณีที่ต้องการขอรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพย้อนหลังจะต้องดำเนินการก่อนวันที่ 1 กันยายนของปีถัดไป เมื่อมีข้อมูลที่เปลี่ยนแปลง เช่น จำนวนรายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือมูลค่าทรัพย์สินรวมที่เปลี่ยนไปรวมไปถึงสถานการณ์อื่น ๆ จะต้องแจ้งให้กรมสรรพากรทราบภายใน 4 สัปดาห์ มิเช่นนั้นอาจโดนเรียกเก็บเงินที่ได้รับเกินมาย้อนหลัง
เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน (Huurtoeslag)
เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านเป็นเงินช่วยเหลือสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ต้องเช่าบ้านอยู่อาศัยในเนเธอร์แลนด์ จำนวนเงินที่จะได้รับขึ้นอยู่กับค่าเช่าบ้าน รายได้ที่มีและจำนวนทรัพย์สินรวมที่ไม่สูงเกินไป
- มีสัญญาเช่าบ้านที่เป็นลายลักษณ์อักษร
- จ่ายค่าเช่าทุกเดือนและมีหลักฐานการจ่ายเงินที่สามารถพิสูจน์ได้
- ผู้ยื่นขอมีอายุ 18 ปีขึ้นไป (ถ้าต่ำกว่า 18 ปีสามารถทำได้ในกรณีที่บิดาและมารดาเสียชีวิต หรือผู้ยื่นขอมีบุตร)
- คุณมีสัญชาติดัตช์หรือมีใบอนุญาตพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- Toeslagpartner รวมถึงผู้อยู่อาศัยร่วมกันที่อายุ 18 ปีขึ้นไปมีสัญชาติดัตช์หรือมีใบอนุญาตพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- คุณและผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆ ลงทะเบียนกับสำนักงานเขตเทศบาลตามที่อยู่ของคุณ
- คุณกำลังเช่าบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยอิสระ (บ้านเดี่ยว สตูดิโอ หรืออพาร์ตเมนต์) เช่น มีห้องน้ำส่วนตัว มีห้องครัวเป็นของตัวเอง และมีประตูหน้าของตัวเองที่สามารถล็อคได้
- ค่าเช่าบ้านเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
- รายได้ของคุณและ Toeslagpartner รวมถึงผู้อยู่อาศัยร่วมกันเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
- ทรัพย์สินรวมของคุณและ Toeslagpartner รวมถึงผู้อยู่อาศัยร่วมกันเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านหากมีทรัพย์สินรวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนค่าเช่าบ้านปี 2024
- ค่าเช่าของคุณต้องไม่เกิน 899.66 ยูโร (กรณีที่ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดมีอายุมากกว่า 23 ปี หรือมีลูกอาศัยอยู่กับคุณ)
- ค่าเช่าบ้านต้องไม่เกิน 454.47 ยูโร (กรณีที่ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดมีอายุต่ำกว่า 23 ปี)
คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านหากมีทรัพย์สินรวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนทรัพย์สินรวมปี 2023
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 36,952 ยูโร (สำหรับคนที่ไม่มี Toeslagpartner)
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 73,904 ยูโร (สำหรับคนที่มี Toeslagpartner)
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 36,952 ยูโร (สำหรับคนที่ผู้อยู่อาศัยร่วมกัน)
ถ้ามีลูกที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันอายุน้อยกว่า 18 ปี ทรัพย์สินของเด็กจะรวมอยู่ในทรัพย์สินของคุณด้วย ตัวอย่างเช่น
- คุณมีทรัพย์สิน 35,000 ยูโร Toeslagpartner ของคุณมีทรัพย์สิน 20,000 ยูโร คุณสามารถรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านได้เนื่องจากทรัพย์สินรวมกันไม่เกิน 73,904 ยูโร
- คุณมีทรัพย์สิน 30,000 ยูโร มีเด็กอายุ 17 ปีที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันและมีเงินในบัญชีธนาคาร 15,000 ยูโร ในกรณีนี้คุณไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน เนื่องจากทรัพย์สินของคุณร่วมกับทรัพย์สินของบุตรหลานของคุณเกิน 36,952 ยูโร
- คุณมีทรัพย์สิน 20,000 ยูโร ผู้อยู่อาศัยร่วมกันมีเงินฝากในบัญชี 35,000 ยูโร ในกรณีนี้คุณจะไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านเนื่องจากทรัพย์สินของผู้พักอาศัยร่วมของคุณเกิน 36,952 ยูโร
หากคุณมีเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านได้ดังนี้:
- ไปที่เว็บไซต์ Belastingdienst: Proefberekening toeslagen
- จากนั้นคำนวณเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านตามสถานการณ์ของคุณ
- ระบบจะแสดงจำนวนเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านที่คุณได้รับ
- จากนั้นไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร และสมัครรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านผ่าน Mijn toeslagen
- ลงชื่อเข้าใช้งานด้วยบัญชี DigiD
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนตามที่ระบบแนะนำ (ภาษาดัตช์)
- จากนั้นกดส่งข้อมูลเพื่อขอรับสิทธิ์
สามารถสมัครรับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านได้จนถึงวันที่ 1 กันยายน และไม่ต้องสมัครใหม่ทุกปี กรมสรรพากรจะเป็นผู้ดำเนินการให้อัตโนมัติ ยกเว้นในกรณีที่ย้ายบ้านสามารถยื่นขอเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านตามที่อยู่ใหม่ได้เมื่อคุณได้ย้ายบ้านจริงๆ รวมถึงแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่กับสำนักงานเขตเทศบาลและอาศัยอยู่ที่บ้านตามที่อยู่ใหม่เรียบร้อยแล้ว หากมีข้อมูลเปลี่ยนแปลงไป เช่น รายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง ราคาค่าเช่าห้องต่างจากยอดเดิม จำนวนคนที่อาศัยอยู่บ้าน รวมถึงสถานการณ์อื่น ๆ ต้องแจ้งให้กรมสรรพากรทราบภายใน 4 สัปดาห์
ในกรณีอื่น ๆ เช่น มีผู้อยู่อาศัยร่วมในบ้านอายุมากกว่า 18 ปีที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากการเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพ หรือผู้อยู่อาศัยร่วมในบ้านมีเหตุต้องย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา โรงพยาบาลจิตเวช หรือสถานกักกันมากกว่า 1 ปี แต่ยังมีชื่อในทะเบียนบ้านเดียวกันกับคุณ สามารถส่งแบบฟอร์มเพื่อแจ้งสถานการณ์พิเศษไปยังกรมสรรพากรเพื่อประเมินไม่ให้นับรวมบุคคเหล่านั้นในค่าเช่าบ้าน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้สามารถยื่นคำร้องย้อนหลังได้ถึง 5 ปี และไม่ต้องยื่นคำร้องใหม่ทุกปี เพราะจะมีผลบังคับใช้อัตโนมัติในปีถัด ๆ ไป
เงินสงเคราะห์บุตร (Kinderbijslag)
เงินสงเคราะห์บุตรเป็นสวัสดิจากรัฐบาลเพื่อช่วยผู้ปกครองในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็ก เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี ไม่ว่าจะเป็นบุตรของท่านเองหรือบุตรบุญธรรม และจะเกิดขึ้นอัตโนมัติเมื่อผู้ปกครองอาศัยหรือทำงานในเนเธอร์แลนด์ จำนวนเงินสวัสดิการเด็กขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และมีระยะเวลาในการจ่ายเงินเป็นไตรมาส (4 ครั้งต่อปี) ซึ่งจะจ่ายในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคม
- 279.49 ยูโร (สำหรับเด็กอายุ 0-5 ปี)
- 339.38 ยูโร (สำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี)
- 399.27 ยูโร (สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี)
หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี คุณจะได้รับเงินจำนวนใหม่ครั้งแรกในเดือนตุลาคมของไตรมาสที่ 3 ส่วนต้นเดือนกรกฎาคมคุณจะยังได้รับเงินตามจำนวนเดิมจากไตรมาสที่ 2
คุณสามารถขอรับเงินสงเคราะห์บุตรได้ตามขั้นตอน:
- แจ้งเกิดหรือนำชื่อบุตรเข้าทะเบียนบ้านที่สำนักงานเขตเทศบาล (Gemeente)
- รอรับจดหมายอัตโนมัติจากธนาคารประกันสังคม (SVB) ใช้เวลาประมาณ 3-6 สัปดาห์ (อย่าเพิ่งขอรับสิทธิ์ถ้ายังไม่ได้จดหมายจากธนาคารประกันสังคม) จากนั้นนำจดหมายดังกล่าวไปประกอบการขอรับสิทธิ์ออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ SVB เลือกคำว่า ‘Log in to My SVB’ และลงชื่อเข้าใช้งานโดยใช้บัญชี DigiD
- เลือกแบบฟอร์มขอรับสิทธิ์ (ภาษาดัตช์หรือภาษาอังกฤษ)
- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มขอรับสิทธิ์ให้ครบถ้วน
- จากนั้นกดส่งแบบฟอร์มขอรับสิทธิ์
หากคุณตั้งครรภ์ลูกคนแรกจะได้รับสิทธิ์เงินสงเคราะห์บุตรตามขั้นตอนข้างต้น หากคุณตั้งครรภ์ลูกคนที่สองและได้แจ้งเกิดหรือนำชื่อบุตรเข้าทะเบียนที่สำนักงานเขตเทศบาลเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอัตโนมัติ (เฉพาะกรณีที่คุณอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์)
หากคุณตั้งครรภ์แล้วยังไม่ได้แจ้งเกิดหรือนำชื่อบุตรเข้าทะเบียนที่สำนักงานเขตเทศบาล คุณอาจจะยังไม่ได้จดหมายแจ้งจากธนาคารประกันสังคม แต่ถ้าหากคุณได้แจ้งเกิดหรือนำชื่อบุตรเข้าทะเบียนที่สำนักงานเขตเทศบาลแล้วแต่ยังไม่ได้รับจดหมายจากธนาคารประกันสังคมภายใน 6 สัปดาห์ให้รีบติดต่อกลับไปที่ธนาคารประกันสังคม
คุณสามารถคำนวณวันที่จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรครั้งแรกได้จากเว็บไซต์ SVB (กดเพื่อดูลิงก์ภายนอก) โดยระบุวันเดือนปีเกิดของลูกคุณ ยกตัวอย่างเช่น
- ลูกของคุณจะเกิดในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2022
- เงินสงเคราะห์บุตรเริ่มต้นวันที่ 1 มกราคม 2023
- คุณจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน 2023
คุณอาจได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มขึ้นในกรณีที่:
- เมื่อลูกของคุณอายุ 6 ขวบ และ 12 ปี ยกตัวอย่างเช่น ลูกของคุณเกิดในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2015 ลูกของคุณอายุ 6 ขวบในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2021 เงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มขึ้นวันที่ 1 มกราคม 2022 และคุณจะได้รับเงินสงเคราะห์เพิ่มขึ้นครั้งแรกวันที่ 1 เมษายน 2022
- เมื่อคุณมีค่าใช้จ่ายสูงและมีลูกอายุตั้งแต่ 3 ถึง 17 ปีที่ต้องได้รับการดูแลอยู่ตลอดเวลาจากการเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพ (ภายใต้พระราชบัญญัติการดูแลระยะยาว (WLZ) คุณสามารถขอเงินสงเคราะห์บุตรสองเท่า (Dubbele Kinderbijslag) ซึ่งคุณจะได้รับแบบฟอร์มการประเมินขอบเขตความต้องการการดูแลสำหรับบุตรจาก Care Needs Assessment Center (CIZ) พวกเขาทำงานร่วมกับธนาคารประกันสังคมเพื่อประเมินข้อมูลสำหรับคนที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในระยะยาวอย่างเป็นกลางไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่เมืองใดในเนเธอร์แลนด์ จากนั้นจะแจ้งผลให้คุณทราบภายใน 8 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้อง
- เมื่อคุณมีรายได้น้อยอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินสมทบเพิ่มเติมจากกรมสรรพากร สิ่งนี้เรียกว่าเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Kindgebonden budget) จำนวนเงินที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับรายได้ร่วมกันของคุณและคู่ของคุณ (ถ้ามี) ที่ไม่สูงเกินไปรวมถึงจำนวนของบุตร และไม่จำเป็นต้องส่งใบสมัครด้วยตัวเอง เพราะถ้าหากคุณมีสิทธิ์นี้จะได้รับจดหมายแจ้งจากกรมสรรพากรอัตโนมัติ
ผู้ปกครองจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรจนถึงเมื่อเด็กอายุ 18 ปี บางครั้งธนาคารประกันสังคมอาจจะหยุดจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรก่อนเวลาอันควร เช่น หากบุตรหลานของคุณออกจากโรงเรียน คุณต้องเป็นผู้เอาประกันภัยภายใต้โครงการสวัสดิการเด็กชาวดัตช์ อย่างไรก็ตามเมื่อเด็กอายุ 18 ปี พวกเขาจะไม่ได้รับเงินเงินสงเคราะห์บุตร ผลประโยชน์เหล่านั้นจะหยุดลงพร้อมกับจดหมายแจ้ง และเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้รับสวัสดิการด้านอื่น ๆ แทน เช่น
- เงินช่วยเหลือการศึกษาของโรงเรียน เมื่อศึกษาในระดับมัธยมศึกษาเช่นในระดับ VMBO, MAVO, HAVO หรือ VWO และมีคุณสมบัติในการรับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านการศึกษาเนเธอร์แลนด์ (DUO)
- การศึกษาในระดับ MBO, HBO หรือระดับมหาวิทยาลัยพวกเขายังมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจาก DUO เช่นกัน รวมถึงบัตรเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี ในความเป็นจริงแล้วเงินเหล่านั้นไม่ได้รับมาแบบฟรี ๆ แต่เป็นข้อกำหนดว่าพวกเขาต้องสำเร็จการศึกษาภายในสิบปีถึงจะไม่ต้องจ่ายเงินคืน แต่ถ้าหากไม่สำเร็จการศึกษา เป็นไปได้ว่าเงินเหล่านั้นพวกเขาต้องจ่ายคืนทั้งหมด
นอกจากนี้พวกเขายังสามารถขอกู้เงินกองทุนเพื่อการศึกษา โดยมีระยะเวลาการชำระคืน 15-35 ปี (ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในการชำระ) ซึ่งนับจากสองปีเป็นระยะเริ่มต้นในการชำระหนี้แบบรายเดือนพร้อมดอกเบี้ย รวมถึงการจ่ายค่าประกันสุขภาพ พวกเขามีสิทธิ์ได้เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพ (Zorgtoeslag) จากกรมสรรพากรอีกด้วย
เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Kindgebonden budget)
เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อยเป็นเงินสมทบรายเดือนนอกเหนือจากเงินสงเคราะห์บุตร มีไว้สำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อยและปานกลางเป็นหลัก จำนวนเงินที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับรายได้ร่วมกันของคุณและคู่ของคุณ (ถ้ามี) ที่ไม่สูงเกินไป รวมถึงจำนวนของบุตร และไม่จำเป็นต้องส่งใบสมัครด้วยตัวเอง เพราะถ้าหากคุณมีสิทธิ์นี้จะได้รับจดหมายแจ้งจากกรมสรรพากรอัตโนมัติ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะได้รับสิทธิ์ไหมสามารถสมัครด้วยตนเองหรือคำนวณเงินสงเคราะห์บุตรได้ที่ Belastingdienst: Kindgebonden budget
- คุณมีบุตร 1 คนขึ้นไปที่อายุน้อยกว่า 18 ปี
- คุณได้รับเงินสงเคราะห์บุตร (Kinderbijslag) จากธนาคารประกันสังคม
- คุณมีสัญชาติดัตช์หรือมีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายในเนเธอร์แลนด์
- มีรายได้รวมของคนในครัวเรือนเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
- มีทรัพย์สินรวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
หากคุณต้องการทราบว่าจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อยจำนวนเท่าใด? วิธีที่ดีที่สุดคือการคำนวณเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อยจากเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อยสูงสุดในปี 2023
จำนวนเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย (สำหรับผู้ปกครองที่มี Toeslagpartner)
- ลูก 1 คน ได้รับ 5,916 ยูโร ต่อปี
- ลูก 2 คน ได้รับ 8,352 ยูโร ต่อปี
- ลูก 3 ได้รับ 10,788 ยูโร ต่อปี
- ลูกตั้งแต่ 4 คน ได้รับเพิ่มต่อคน 2,436 ยูโร ต่อปี
จำนวนเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย (สำหรับผู้ปกครองที่มี Toeslagpartner)
- ลูก 1 คน ได้รับ 2,436 ยูโร ต่อปี
- ลูก 2 คน ได้รับ 4,872 ยูโร ต่อปี
- ลูก 3 คน ได้รับ 7,308 ยูโร ต่อปี
- ลูกตั้งแต่ 4 คน ได้รับเพิ่มต่อคน 2,436 ยูโร ต่อปี
ลูกของคุณมีอายุมากกว่า 12 ปีหรือไม่?
ในกรณีที่ลูกของคุณมีอายุมากกว่า 12 ปี จะได้รับเงินสมทบเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาและค่าใช้จ่ายของโรงเรียน คือ
- เด็กอายุ 12-15 ปี แต่ละคนจะได้รับเงินสมทบเพิ่มเติม 427 ยูโร
- เด็กอายุ 16-17 ปี แต่ละคนจะได้รับเงินสมทบเพิ่มเติม 448 ยูโร
สำหรับใครที่เป็นผู้ปกครองเดี่ยวยังจะได้รับเงินสมทบผู้ปกครองเดี่ยว (Alleenstaande ouderkop) ตัวเลขในปี 2024 คือ 3,480 ยูโรต่อปี
เงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อยจะจ่ายแบบรายเดือน คุณจะได้รับเงินอัตโนมัติทุกเดือนในวันที่ 20 ของเดือน ถ้าวันที่ 20 ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะจ่ายในวันจันทร์แทน
หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประจำทุกปี
คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อยหากมีทรัพย์สินรวมเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนทรัพย์สินรวมปี 2024
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 140,213 ยูโร (สำหรับผู้ปกครองที่ไม่มี Toeslagpartner)
- มีทรัพย์สินรวมไม่เกิน 177,301 ยูโร (สำหรับผู้ปกครองที่มี Toeslagpartner)
ถ้าคุณและ Toeslagpartner มีทรัพย์สินรวมเกินกว่านี้จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย
หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประจำทุกปี
เงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร (Kinderopvangtoeslag)
เงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตรเป็นเงินสมทบให้กับผู้ปกครองที่ต้องไปทำงาน เรียนเพื่อรับใบประกาศสำหรับศึกษาต่อ กำลังเข้าร่วมหลักสูตรบูรณาการพลเมือง หรือเข้าร่วมโปรแกรมการอบรมเพื่อกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานดัตช์ แล้วต้องนำบุตรไปฝากเลี้ยงที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก หรือมีการดูแลเด็กหลังเลิกเรียน (BSO)
- ผู้ปกครองมีงานทำ รวมไปถึงธุรกิจส่วนตัว เป็นผู้ประกอบการอิสระ หรือศิลปิน
- ผู้ปกครองกำลังฝึกอบรมหรือเรียนเพื่อให้ได้ใบประกาศ ซึ่งโรงเรียนต้องได้รับการยอมรับจากกระทรวงศึกษาธิการวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ (OCW)
- ผู้ปกครองกำลังเข้าร่วมโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานดัตช์จากกระทรวงแรงงาน (UWV) หรือนายจ้างเดิม
- ผู้ปกครองกำลังเข้าร่วมหลักสูตรบูรณาการพลเมือง (inburgeringscursus) ซึ่งต้องเรียนตามหลักสูตรที่โรงเรียนที่ได้รับการรับรอง
- ศูนย์รับเลี้ยงเด็กต้องรับได้รับการอนุมัติจดทะเบียนใน Landelijk Register Kinderopvang (LRK) และมีหมายเลข LRK
- ลูกต้องมีที่อยู่ในทะเบียนเดียวกันกับผู้ปกครอง
- กรณีที่ให้คุณปู่ย่าตายายดูแลเด็กจะไม่ได้เงินช่วยเหลือในส่วนนี้ เว้นแต่ปู่ย่าตายายไปลงทะเบียนเป็นผู้ดูแลเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กที่จดทะเบียนของรัฐ
ผู้ปกครองจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตรเท่าใดขึ้นอยู่กับ:
- อัตรารายชั่วโมงของการดูแลเด็ก
- ส่วนที่รัฐบาลชดใช้ (อัตราสูงสุดต่อชั่วโมง)
- ค่าดูแลเด็กรายชั่วโมง
- รายได้ของผู้ปกครอง
อัตราสูงสุดต่อชั่วโมงสำหรับค่าดูแลเด็กรายชั่วโมงแบ่งตามประเภทต่าง ๆ
- การดูแลเด็กช่วงกลางวัน (Dagopvang) อัตราสูงสุด 10.25 ยูโรต่อชั่วโมง
- การดูแลหลังเลิกเรียน (Buitenschoolse opvang) อัตราสูงสุด 9.16 ยูโรต่อชั่วโมง
- พี่เลี้ยงเด็ก (Gastouderopvang) อัตราสูงสุด 7.53 ยูโรต่อชั่วโมง
ผู้ปกครองสามารถรับเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตรได้สูงสุด 230 ชั่วโมงต่อเดือนต่อเด็กหนึ่งคน หรือสูงสุดไม่เกิน 2,760 ชั่วโมงต่อปีต่อเด็กหนึ่งคน (ดูตารางเงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตรปี 2024) จำนวนเงินที่แน่นอนนั้นขึ้นอยู่กับรายได้ จำนวนบุตร และประเภทของการดูแลเด็ก ซึ่งรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนจำนวนเงินช่วยเหลือทุกปี หากค่าเลี้ยงดูบุตรมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ผู้ปกครองต้องจ่ายเงินสมทบส่วนที่เหลือเองหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กแล้ว
เงินชดเชย (Uitkering)
เงินชดเชยเป็นเงินผลประโยชน์ที่คุณจะได้รับตามกฎหมายแรงงานในกรณีต่าง ๆ ที่ส่งผลเกี่ยวกับการทำงาน การเจ็บป่วยทำให้ขาดรายได้ รวมไปถึงการตั้งครรภ์และลาคลอด เงินชดเชยจะไม่ได้เฉพาะพนักงานที่มีนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงพนักงานที่ต้องกลายมาเป็นผู้ว่างงานโดยไม่มีนายจ้าง และผู้ประกอบการอิสระอีกด้วย แบ่งออกเป็นหลายแบบ คือ
- เงินชดเชยการว่างงาน (WW-uitkering)
- เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยตามพระราชบัญญัติสวัสดิการเจ็บป่วย (Ziektewet-uitkering)
- เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยเกิน 2 ปี (WIA- uitkering)
- เงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอด (Zwangerschapsuitkering)
- เงินสวัสดิการสังคม (Bijstandsuitkering)
เงินชดเชยการว่างงาน (WW–uitkering)
เงินชดเชยการว่างงานเป็นสิทธิประโยชน์ที่พนักงานต้องได้รับหากกลายมาเป็นผู้ว่างงานจากการถูกเลิกจ้างโดยที่ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจและมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด กล่าวคือในช่วง 36 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่คุณจะว่างงาน คุณได้ทำงานมาอย่างน้อย 26 สัปดาห์หรือไม่? ถ้าใช่ คุณมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยการว่างงาน โดยที่ไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำงานกี่ชั่วโมงในช่วง 26 สัปดาห์นั้น
- คุณมีประกันการว่างงาน
- คุณสูญเสียเวลาทำงาน 5 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์และคุณไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับชั่วโมงเหล่านั้นอีกต่อไป
- คุณพร้อมสำหรับการทำงานที่ต้องจ่ายเงินทันที
- คุณทำงานมาอย่างน้อย 26 สัปดาห์ในช่วง 36 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่คุณจะตกงาน (ไม่สำคัญว่าคุณจะทำงานกี่ชั่วโมงในช่วง 26 สัปดาห์นั้น)
- คุณไม่ได้ตกงานเพราะความผิดของคุณเอง
ในสถานการณ์อื่น ๆ เช่น การเจ็บป่วย กำลังอยู่ในช่วงลาคลอด คุณอยู่ในวันหยุดโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หรือทำงานอาชีพอิสระ ทาง UWV จะคิดย้อนกลับไปมากกว่า 36 สัปดาห์
เงินเดือนของคุณในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจะถูกใช้เป็นตัวกำหนดเงินชดเชยการว่างงาน ซึ่งเงินชดเชยกรณีว่างงานขั้นพื้นฐานจะอยู่ที่ 3 เดือน สองเดือนแรกจะได้รับ 75% ของค่าจ้างรายเดือน หลังจากนั้นจะลดเหลือ 70% เงินเหล่านี้จะโอนเข้าบัญชีภายใน 14 วัน
คุณมีสิทธิได้รับเงินชดเชยการว่างงานเป็นเวลา 3 เดือนหรืออาจนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับประวัติการจ้างงานที่ผ่านมา ระยะเวลาสูงสุดของเงินชดเชยการว่างงานคือ 24 เดือน
คุณสามารถสมัครขอรับเงินชดเชยการว่างงานได้ตั้งแต่ 1 สัปดาห์ก่อนวันแรกที่คุณตกงานที่เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม (UWV) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระในนามของกระทรวงกิจการสังคมและการจ้างงาน (SWZ) จากนั้นเลือกคำว่า Werkloos WW uitkering โดยใช้บัญชี DigiD เพื่อลงชื่อเข้าใช้งาน ทำการกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและกดส่งข้อมูล ทาง UWV จะพิจารณาคำร้องของคุณใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์หลังจากนั้นจะแจ้งผลให้ทราบว่าคุณจะได้รับเงินชดเชยหรือไม่
หลังจากที่สมัครขอรับเงินชดเชยการว่างานแล้วคุณยังจะได้รับแบบสอบถามที่เรียกว่า ‘de Werkverkenner เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติการทำงาน รวมไปถึงวิธีการประเมินโอกาสในการหางาน ทาง UWV จะมีการสัมภาษณ์ส่วนตัวและเชิญคุณไปสัมภาษณ์ที่ UWV ใกล้บ้านเพื่อช่วยเหลือให้ได้งานทำใหม่ คุณยังจะมีผู้ที่ให้คำปรึกษาส่วนบุคคลที่ได้รับมอบหมายจาก UWV เพื่อตอบคำถามหรือให้คำแนะนำคุณเกี่ยวการหางานอีกด้วย
การตกไม่ใช่เรื่องสนุกและคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วระหว่างที่คุณตกงานสามารถทำสิ่งเหล่านี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการหางานใหม่อีกครั้ง
- ไปที่เว็บไซต์ UWV และลงชื่อเข้าใช้งานเพื่อตรวจสอบผลประโยชน์ที่จะได้รับระหว่างว่างงาน หากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตัวคุณสามารถแจ้งไปได้ทางออนไลน์เช่นกัน รวมไปถึงส่งข้อความหรือนัดหมายกับผู้ให้คำปรึกษาส่วนบุคคล ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง
- ไปที่ Werk.nl ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ความช่วยเหลือในการหางาน รวมไปถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการทำเรซูเม่ คุณยังสามารถค้นหาตำแหน่งงานว่าง และลงทะเบียนสำหรับหลักสูตรการฝึกอบรมออนไลน์และการสัมมนาผ่านเว็บฟรี ในเว็บยังแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานรวมไปถึงอาชีพที่หางานได้มาก ช่วยให้มองเห็นอาชีพในอนาคตภาพและมีความเชื่อมั่นในการได้งานใหม่ทำ
การขอรับเงินชดเชยการว่างงานมีภาระผูกพันที่ต้องปฏิบัติ เช่น รายงานสถานการณ์ข้อมูลให้ UVW ทราบอยู่เสมอ ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายในระบบ ไปพบ UVW ตามการนัดหมาย รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือตั้งใจหางานใหม่ให้ได้เร็วที่สุด กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นความร่วมมือของ UWV และผู้ว่างงานเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาตกงานอีกครั้ง
เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยตามพระราชบัญญัติสวัสดิการเจ็บป่วย (Ziektewet-uitkering)
เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยตามพระราชบัญญัติสวัสดิการเจ็บป่วย หากคุณมีงานทำคุณมักจะทำประกันการเจ็บป่วย และเมื่อคุณป่วยในกรณีส่วนใหญ่นายจ้างจะยังคงจ่ายค่าจ้างคุณต่อไป นั้นทำให้คุณไม่ได้รับเงินชดเชยนี้ อย่างไรก็ตามมีหลายสถานการณ์ที่คุณอาจได้รับเงินชดเชยกรณีที่
- คุณได้รับการคุ้มครองโดยนโยบายไม่มีความเสี่ยง (No-riskpolis)
- คุณป่วยเนื่องจากการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตร
- คุณป่วยเนื่องจากการบริจาคอวัยวะ
- คุณเป็นพนักงานชั่วคราวและคุณป่วย
- คุณเป็นพนักงานที่รับสายจากนายจ้างโทรมาเรียกให้ไปทำงาน ซึ่งมักมีสัญญา 3 ประเภท คือ สัญญาที่มีข้อตกลงเบื้องต้น (Oproepcontract met voorovereenkomst) สัญญาไม่มีชั่วโมง (Nulurencontract) และสัญญาขั้นต่ำ-สูงสุด (Min-maxcontract)
- คุณมีสัญญาจ้างงานที่สมมติขึ้นและป่วย (สำหรับคนทำงานที่บ้าน นักศึกษาและผู้เข้ารับการฝึกอบรม ผู้รับเหมา (แต่ไม่ใช่ในบริษัทของคุณเอง) นักแปลอิสระ นักดนตรีและศิลปิน และอื่นๆ)
- สัญญาของคุณจะหมดอายุระหว่างที่คุณเจ็บป่วย
- คุณป่วยภายใน 4 สัปดาห์หลังจากสิ้นสุดสัญญา
- คุณมีเงินชดเชยการว่างงานและคุณป่วย
- คุณมีสิทธิประโยชน์ WIA, WAO, Wajong หรือ WAZ และป่วย
- คุณได้รับการประกันโดยสมัครใจภายใต้พระราชบัญญัติสวัสดิการเจ็บป่วย
คุณยังคงทำงานต่อไปหลังจากที่คุณถึงอายุบำนาญของรัฐและคุณป่วย
จำนวนเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วย (Ziektewet-uitkering) จะอยู่ที่ 70% ของค่าจ้างรายวัน ในสถานการณ์พิเศษเงินชดเชยอาจสูงกว่า 70% ของค่าจ้างรายวัน
จำนวนเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วย (Ziektewet-uitkering) สูงสุดตามสถานการณ์:
- คุณป่วยจะได้รับสูงสุด 70% ของค่าจ้างรายวัน
- คุณป่วยก่อนหรือทันทีหลังจากการลาคลอดเนื่องจากการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตรจะได้รับสูงสุด 100% ของค่าจ้างรายวัน
- คุณป่วยเนื่องจากการบริจาคอวัยวะจะได้รับสูงสุด 100% ของค่าจ้างรายวัน
- คุณป่วยและทุพพลภาพบางส่วนในการทำงานจะได้รับสวัสดิการตามข้อตกลงด้านแรงงานร่วม
ค่าจ้างรายวันสูงสุดและรายเดือนสูงสุดเป็นตัวเลขจำกัดที่ UWV ใช้คำนวณเงินชดเชย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากกระทรวงกิจการสังคมและการจ้างงานปีละสองครั้งในวันที่ 1 มกราคม และ 1 กรกฎาคม ในปี 2024 ค่าจ้างรายวันสูงสุดและรายเดือนสูงสุดดังรายการ
- ค่าจ้างรายวันสูงสุด (Maximumdagloon) 274.44 ยูโรต่อวัน
- ค่าจ้างรายเดือนสูงสุด (Maximummaandloon) 5,969 ยูโรต่อเดือน
จำนวนเงินดังกล่าวเป็นจำนวนเงินรวมที่ยังไม่รวมการค่าธรรมเนียมและส่วนลดหย่อนภาษีจากกรมสรรพากร คุณสามารถคำนวณค่าจ้างรายเดือนสูงสุดโดยการคูณค่าจ้างรายวันสูงสุดด้วย 21.75 นี่คือจำนวนวันรับผลประโยชน์โดยเฉลี่ยในหนึ่งเดือน คุณยังสามารถใช้เครื่องมือ Rekenhulp เพื่อคำนวณเงินชดเชยสูงสุด
จำนวนเงินสูงสุดเหล่านี้จะนำไปใช้กับการคำนวณเงินชดเชยสำหรับพนักงานหรืออดีตพนักงานภายใต้กฎหมาย:
- พระราชบัญญัติสวัสดิการเจ็บป่วย (ZW)
- พระราชบัญญัติประกันการว่างงาน (WW)
- พระราชบัญญัติประกันความทุพพลภาพ (WAO)
- งานและรายได้ตามพระราชบัญญัติความสามารถในการทำงาน (WIA)
- พระราชบัญญัติการทำงานและการดูแล (WAZO)
สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
- ถ้าป่วยโดยที่ไม่มีนายจ้างสามารถแจ้ง UWV ภายในสองวัน หลังจากที่โทรไปลาป่วยแล้วจะได้รับจดหมายภายใน 4 สัปดาห์และระบุว่าคุณจะได้รับเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วย (Ziektewet-uitkering) หรือไม่
- ถ้าป่วยโดยที่มีนายจ้าง ในกรณีส่วนใหญ่นายจ้างจะยังคงจ่ายค่าจ้างของคุณต่อไป อย่างไรก็ตามในบางกรณีคุณมีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชย เช่น หากคุณได้รับการคุ้มครองโดยนโยบายที่ไม่มีความเสี่ยง (เป็นโครงการสำหรับพนักงานที่ไร้ความสามารถบางส่วน) หรือหากคุณป่วยเนื่องจากการตั้งครรภ์ ในกรณีดังกล่าวนายจ้างสามารถยื่นขอเงินชดเชยจาก UWV ให้คุณได้
เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยเกิน 2 ปี (WIA- uitkering)
เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยเกิน 2 ปี หากคุณป่วยเกิน 2 ปีทำให้คุณไม่สามารถมีรายได้มากกว่า 65% ของค่าจ้างเดิม คุณสามารถขอรับเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยเกิน 2 ปีได้ ซึ่งเงินชดเชยแบบ WIA แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- WGA-uitkering เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยที่ยังสามารถทำงานได้บางส่วนอยู่ ซึ่งคุณมีโอกาสที่จะดีขึ้น คุณอาจได้รับเงินชดเชยนี้หากป่วยเกิน 2 ปี และรับค่าจ้างเพียง 65% หรือน้อยกว่าของค่าจ้างเดิม
- IVA–uitkering เงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยที่ไม่สามารถทำงานได้อีก (ผู้ทุพพลภาพอย่างสมบูรณ์) มีโอกาสน้อยที่จะดีขึ้นหรือไม่มีเลย คุณอาจได้รับเงินชดเชยนี้หากไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป และรับค่าจ้างเพียง 20% หรือน้อยกว่าของค่าจ้างเดิม
หลังจากเจ็บป่วย 88 สัปดาห์ คุณจะได้รับจดหมายจาก UWV จากนั้นนำสมัครรับเงินชดเชย WIA ได้ โดยมีระยะเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ในการสมัคร หากสมัครช้ากว่านี้อาจได้รับเงินชดเชยช้าเช่นกัน หลังจากสมัครแล้วทาง UWV จะแจ้งผลให้ทราบภายใน 8 สัปดาห์
เงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอด (Zwangerschapsuitkering)
เงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอด เมื่อคุณตั้งครรภ์คุณมีสิทธิ์ลาคลอด คุณสามารถยื่นขอเงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอดได้หลายกรณี
- ถ้ามีนายจ้าง คุณสามารถได้เงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอดจากนายจ้าง พวกเขาจะเป็นคนยื่นขอเงินชดเชยในนามของคุณและจ่ายให้ระหว่างช่วงที่คุณลาคลอดบุตร หรือคุณสามารถให้ UWV โอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงก็ได้แต่ควรปรึกษาเรื่องนี้กับนายจ้างให้เข้าใจตรงกันก่อน และควรสมัครในช่วง 4-2 สัปดาห์แรกก่อนที่จะลาคลอด คุณจะได้รับเงินชดเชยในส่วนนี้ 100% ของค่าจ้างรายวันของคุณ
- ถ้าไม่มีนายจ้างแต่มีบริษัทของตัวเอง คุณสามารถได้เงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอด ซึ่งคุณต้องเป็นผู้ยื่นขอเงินชดเชยเหล่านี้ให้ตัวเองในนามของผู้ประกอบการอิสระ (ZEZ) และควรสมัครในช่วง 4-2 สัปดาห์แรกก่อนที่จะลาคลอด
- คุณได้รับเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยตามพระราชบัญญัติสวัสดิการเจ็บป่วยหรือเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยเกิน 2 ปี หรือเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ สามารถยื่นขอเงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอดได้ทางโทรศัพท์กับ UWV (เตรียมหมายเลข BSN เพื่อการตอบคำถามที่รวดเร็ว) และควรสมัครในช่วง 4-2 สัปดาห์แรกก่อนที่จะลาคลอด
สิทธิลาเพื่อคลอดบุตร (Zwangerschapsverlof)
ตามพระราชบัญญัติการทำงานและการดูแล (WAZO) พนักงานที่ตั้งครรภ์มีสิทธิได้รับวันลาคลอดบุตรและลาคลอดบุตรอย่างน้อย 16 สัปดาห์ แบ่งออกเป็นการลาคลอดเริ่มต้น 4–6 สัปดาห์ก่อนวันครบกำหนดคลอด และหลังคลอดบุตรอย่างน้อย 10 สัปดาห์ ส่วนในกรณีที่ท้องลูกแฝดมีสิทธิได้รับวันลาคลอดบุตรและลาคลอดบุตรอย่างน้อย 20 สัปดาห์ แบ่งออกเป็นการลาคลอดเริ่มต้น 10-8 สัปดาห์ก่อนวันครบกำหนดคลอด และหลังคลอดบุตรอย่างน้อย 10 สัปดาห์
หากคุณกำลังตั้งครรภ์ คุณมีสิทธิ์ที่จะลาคลอดและลาเพื่อคลอดบุตรในสถานการณ์เหล่านี้:
- คุณเป็นลูกจ้างของนายจ้าง
- คุณทำงานเป็นพนักงานชั่วคราว
- คุณทำงานเป็นอาชีพอิสระ
- คุณมีผลประโยชน์การว่างงาน ผลประโยชน์ ZW หรือผลประโยชน์ WGA ที่เกี่ยวข้องกับค่าจ้าง
การขอลาคลอดบุตรควรทำอย่างน้อย 3 สัปดาห์ก่อนเริ่มการลาจริงเพื่อความพร้อม มีหลักฐานที่ต้องเตรียม เช่น คำแถลงการตั้งครรภ์จากแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ที่มีวันครบกำหนดการคลอดพร้อมกับใบสมัครสำหรับยื่นให้นายจ้างนำไปขอเงินชดเชยการตั้งครรภ์และการลาคลอดให้กับคุณ ส่วนคนที่เป็นผู้ประกอบการอิสระหรือรับเงินชดเชยอื่น ๆ สามารถยื่นขอเงินชดเชยการคลอดบุตรได้ที่ UWV โดยตรง
เมื่อคุณตั้งครรภ์และต้องลาคลอดคู่ครองของคุณก็มีบทบาทความเป็นพ่อที่สำคัญไม่แพ้กัน คู่ของคุณมีสิทธิลาฉุกเฉิน (Calamiteitenverlof) ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงหรือ 2-3 วันเพื่อเข้าร่วมการคลอดบุตรของคุณ หลังคลอดคู่ของคุณสามารถลาคลอด (Geboorteverlof) ได้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และยังคงได้รับค่าจ้างตามที่ลา รวมไปถึงการลาคลอดเพิ่มเติม (Aanvullend geboorteverlof) สำหรับภรรยาที่คลอดบุตรหลังวันที่ 1 กรกฎาคม 2020 ได้เป็นเวลา 5 สัปดาห์ (ในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด) ในส่วนนี้คุณจะได้รับจ้าง 70% ของค่าจ้างรายวัน
เมื่อคุณมีลูกแน่นอนว่าคุณอยากใช้เวลาไปกับลูกให้มากที่สุด คุณสามารถขอรับสิทธิลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้ในช่วง 8 ปีแรก ซึ่งการลาในส่วนนี้จะไม่ได้รับค่าจ้าง คุณอาจได้รับสิทธิลาเพื่อดูแล (Zorgverlof) ลูกที่เจ็บป่วยและจำเป็นต้องได้รับการดูแล ซึ่งแบ่งออกเป็นการลาเพื่อดูแลระยะสั้นไม่เกิน 2 สัปดาห์ต่อปี ในส่วนนี้คุณยังจะได้รับค่าจ้าง 70% ส่วนการลาเพื่อดูแลระยะยาวไม่เกิน 6 สัปดาห์ต่อปี ซึ่งคุณจะไม่ได้รับค่าจ้างในส่วนนี้ การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรคุณจะได้รับสิทธิสูงสุด 26 เท่าของชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์
เงื่อนไขการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร
เงื่อนไขหลักสำหรับการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรคือ:
- คุณเป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองของบุตรโดยแท้จริง บุตรบุญธรรม เด็กที่ถูกอุปถัมภ์ หรือลูกเลี้ยง
- เด็กมีอายุไม่เกิน 8 ปี
- หากคุณเป็นผู้ดูแลเด็กจะต้องลงทะเบียนตามที่อยู่ของคุณ
คุณสามารถขอลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรจากนายจ้างได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน โดยที่ไม่เกี่ยวว่าจะทำงานให้กับนายจ้างมานานแค่ไหน หรือมีสัญญาชั่วคราวหรือสัญญาถาวร ในบางครั้งต้องใช้แบบฟอร์มการสมัครลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรจากนายจ้าง หรือแจ้งให้นายจ้างทราบทางจดหมายหรืออีเมล์ การยื่นลาเพื่อดูแลนายจ้างอาจปฏิเสธการลาได้ก็ต่อเมื่อบริษัทประสบปัญหาร้ายแรงเนื่องจากการลาของคุณ
หากนายจ้างปฏิเสธการลา (อาจมีน้อยมาก) คุณควรปรึกษากับนายจ้างถึงความเป็นไปได้ในการลาเพื่อดุแลบุตร เช่น เพื่อนร่วมงานอาจทำงานแทนคุณได้ในช่วงวันดังกล่าว แต่ถ้าหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับนายจ้างได้ คุณอาจต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้ไกล่เกลี่ยอิสระ หรือถ้ายังไม่เป็นผลคุณอาจต้องไปร้องศาลเพื่อขอความช่วยเหลือ คุณสามารถขอความช่วยเหลือกับทนายหรือประกันค่าใช้จ่ายทางกฎหมายหรือสหภาพการค้า
เงินสวัสดิการสังคม (Bijstandsuitkering)
เงินสวัสดิการสังคม (Bijstandsuitkering) เป็นเงินที่ทางเทศบาลมอบให้สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือมีทรัพย์สินที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต รวมไปถึงข้อกำหนดอื่น ๆ คุณสามารถสมัครขอรับเงินส่วนนี้ได้จากเทศบาลที่ตนอาศัยอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่มีงานทำต้องลงทะเบียนเป็นผู้หางานกับ UWV ก่อนเสมอถึงจะสมัครขอรับเงินสวัสดิการสังคม
คุณอาจได้รับเงินสวัสดิการสังคมหากปฏิบัติมีเงื่อนไขเหล่านี้:
- คุณอายุ 18 ปีขึ้นไป
- คุณเป็นพลเมืองดัตช์หรือมีใบอนุญาตพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- คุณอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์
- คุณมีรายได้หรือทรัพย์สินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
- คุณไม่มีสิทธิได้รับผลประโยชน์อื่นใด
- คุณไม่ได้อยู่ในสถานกักกันหรือถูกคุมขัง
หากคุณมีทรัพย์สินอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดอาจมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสังคม ตัวเลขด้านล่างแสดงจำนวนทรัพย์สินปี 2024
- ทรัพย์สินรวมไม่เกิน 15,150 ยูโรสำหรับผู้ที่แต่งงานแล้ว ผู้อยู่ร่วมกัน และพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว
- ทรัพย์สินรวม 7,575 ยูโรสำหรับคนโสด (ทรัพย์สินของสมาชิกทุกคนในครอบครัว เช่น รถยนต์หรือมรดกก็นับรวมในทรัพย์สินด้วย)
Toeslagpartner คือใคร?
สวัสดิการและเงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์ ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่าเงื่อนไขการรับเงินมักมี Toeslagpartner เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้ว Toeslagpartner คือใคร? Toeslagpartner หมายถึง ‘หุ้นส่วนผลประโยชน์’ หรือ ‘พันธมิตรที่ช่วยเหลือกัน’ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งพันธมิตรค่าเลี้ยงดูและพันธมิตรด้านภาษี กล่าวคือเมื่อคุณมีคู่ครองทรัพย์สินของทั้งคู่จะนับรวมกัน ซึ่งคู่ครองอาจจะมาจากการแต่งงานกันหรือจดทะเบียนเป็นพาร์ทเนอร์ ส่วนคนที่ลงทะเบียนตามที่อยู่ของคุณก็สามารถเป็นพันธมิตรที่ช่วยเหลือกันได้เช่นกัน
Toeslagpartner ตามสถานการณ์ต่าง ๆ
- คู่สมรสหรือคู่ครองที่จดทะเบียนเป็นพาร์ทเนอร์
- พาร์ทเนอร์ที่ลงทะเบียนตามที่อยู่ของคุณ
- พาร์ทเนอร์ที่คุณอาศัยอยู่ด้วยกันและมีลูก
- พาร์ทเนอร์ที่คุณมีสัญญาการอยู่ร่วมกัน (Samenlevingscontract) โดยทนายความ Notaris
- คุณหรือพาร์ทเนอร์ยอมรับลูกของอีกฝ่ายหนึ่ง
- คุณเป็นเจ้าของบ้านด้วยกันและทั้งคู่อาศัยอยู่ที่นั่น
- พาร์ทเนอร์หรือผู้อาศัยร่วมซึ่งเคยเป็นหุ้นส่วนพาร์ทเนอร์ของคุณเมื่อปีที่แล้ว
- คุณเป็นพันธมิตรด้านภาษีของกันและกันเพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษีเงินได้
- คุณเป็นหุ้นส่วนสำหรับโครงการบำเหน็จบำนาญ
- ส่วนผู้อาศัยร่วมกัน คือ รูมเมทของคุณ เช่น ลูก พ่อแม่ หรือคนรู้จัก
สรุปสวัสดิการและเงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์ เป็นเงินช่วยเหลือที่มอบให้กับพลเมืองดัตช์หรือผู้ที่ใบอนุญาตพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายในรูปแบบต่าง ๆ จำนวนเงินที่จะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล เช่น อายุ รายได้รวม ทรัพย์สินที่มี รวมไปถึงข้อกำหนดอื่น ๆ ที่ต้องเป็นไปตามเกณฑ์กำหนด ผู้ที่กำลังจะสมัครรับเงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์ควรศึกษาทำความเข้าใจให้ละเอียดเพื่อความถูกต้องและนำเงินที่ได้รับมาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่ถูก เพราะเงินเหล่านั้นมาจากจ่ายภาษีตามกฎหมายของพลเมืองที่อาศัยและทำงานในเนเธอร์แลนด์ ‘เราดูแลกันและกัน รัฐบาลช่วยเหลือเมื่อจำเป็น’ และถ้าได้รับเงินเกินมาควรแจ้งกรมสรรพากรและคืนกลับไปให้ถูกต้อง
ลิงก์ภายนอก: Belastingdienst, UWV และ SVB