10+ เมืองหลวงน่าเที่ยวในยุโรป รอการมาเยือนของคุณในปี 2024

“ยุโรป” ทวีปแห่งความหลากหลายที่ใครไปเยือนต่างก็ตกหลุมรัก และยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความงดงามทางวัฒนธรรมที่สอดแทรกอยู่ตามเมืองหลวงต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเป็นโมนาโกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนและหรูหรา ในขณะที่ลำคลองมรดกโลกของอัมสเตอร์ดัมก็กระซิบเรื่องราวประวัติศาสตร์ ก่อนขยับไปที่ปารีสเมืองแห่งแสงสีเผยบรรยากาศโรแมนติก ตามด้วยความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิเวียนนาที่จะนำผู้มาเยือนไปสู่ยุคที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ละเมืองล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นร่วมเดินทางไปกับเราเพื่อสำรวจเมืองหลวงอันน่าหลงใหลของยุโรปที่คัดสรรมาแล้ว ครอบคลุมที่เที่ยวสำคัญของแต่ละเมืองที่ต้องไม่พลาดไปเยือนด้วยตัวเอง รวมถึงย่านใกล้เคียงที่มีเสน่ห์ที่สุด ตลอดจนเคล็ดลับการเดินทางที่นำไปใช้ได้จริง

10+ เมืองหลวงน่าเที่ยวในยุโรป

1. อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เนเธอร์แลนด์

เมืองแห่งลำคลองและจักรยานโลก

เมื่อพูดถึงเมืองหลวงน่าเที่ยวในยุโรปต้องยกอัมสเตอร์ดัมไว้ในลิสต์อันดับแรก ๆ เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันของบ้านเรือนทรงหน้าจั่วเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและลำคลองที่งดงามราวภาพวาด เหมาะสำหรับการล่องเรือเที่ยวไปสำรวจย่านประวัติศาสตร์ที่เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ห้ามพลาดพิพิธภัณฑ์ชื่อดังระดับโลก เช่น Rijksmuseum, Van Gogh Museum และ Anne Frank House Museum รวมถึงที่เที่ยวน่าสนใจในอัมสเตอร์ดัม และกิจกรรมเช่าจักรยานปั่นไปทัวร์รอบเมืองแบบคนท้องถิ่น อย่าลืมลองทานอาหารและขนมดัตช์ที่ถูกใจใครหลายคนอยู่ไม่น้อย หรือจะพาตัวเองไปเดินเล่นในสวนสาธารณะวอนเดลปาร์ค สถานที่อันเงียบสงบเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน การได้วางแผนมาเยือนอัมสเตอร์ดัมด้วยตัวเองจึงนับว่าได้สร้างความทรงจำที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครกับเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์

2. มาดริด (Madrid) สเปน

มหานครชาวสเปนที่เต็มไปด้วยจังหวะอันเร่าร้อนของฟลาเมงโก

มาดริดเป็นมหานครที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปวัฒนธรรมที่หลากหลาย และยังเป็นหนึ่งในเมืองน่าเที่ยวของสเปน ที่มีตั้งแต่ความยิ่งใหญ่ของพระราชวังหลวงอายุหลายศตวรรษ ไปจนถึงบาร์ทาปาสดั้งเดิม และจังหวะอันเร่าร้อนของฟลาเมงโก มาดริดยังมีถนนแกรนเวียชื่อดังที่จะพานักท่องเที่ยวดื่มด่ำไปกับบรรยากาศชอปปิงที่มีชีวิตชีวาของเมือง ถ้ายังไม่จุใจลองไปเดินเล่นต่อในจัตุรัสพลาซ่ามายอร์อันเก่าแก่ หรือถ้าชอบธรรมชาติและความเงียบสงบต้องแวะไปที่สวนสาธารณะเรติโรซึ่งเป็นโอเอซิสสีเขียวใจกลางมหานคร

ส่วนใครที่เป็นสายศิลปะก็ต้องไปต่อที่พิพิธภัณฑ์ปราโดซึ่งเป็นคลังเก็บงานศิลปะยุโรปที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมื่อสมบัติทางประวัติศาสตร์และความทันสมัยมาบรรจบกันอย่างลงตัวแบบนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมาดริดจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นอย่างดี อย่าลืมแวะไปอ่าน → แผนเที่ยวมาดริด 2 วัน สำหรับผู้มาเยือนครั้งแรก

3. ลิสบอน (Lisbon) โปรตุเกส

ที่ซึ่งเสน่ห์เมืองของเก่าบนเนินเขาทั้งเจ็ดมาบรรจบกับเวทมนตร์ทางทะเล

ก้าวเข้าสู่อ้อมอกของลิสบอนเมืองหลวงแห่งแสงแดดของโปรตุเกส ที่ต้องบอกเลยว่าผสมผสานระหว่างเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเสน่ห์แห่งท้องทะเลกำลังดี เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดที่จะพานักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจไปกับปราสาทเซนต์จอร์จที่เป็นแลนด์มาร์คเก่าแก่มาพร้อมจุดชมวิวแบบพาโนราที่สามารถเก็บภาพความประทับใจได้อย่างไม่รู้ลืม

ลิสบอนยังมีบ้านเรือนสีสันสดใสที่ตั้งอยู่ตามถนนปูด้วยหินสายแคบ ๆ รวมถึงสถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนสถาปัตยกรรมมานูเอลีนได้อย่างงดงาม เช่น หอคอยเบเล็ง อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ และอารามเจโรนิโมส์ รวมถึงทาร์ตไข่ยอดนิยมที่ต้องมาลองให้ได้

อย่าลืมนั่งรถรางสายประวัติศาสตร์ที่จะพาไปทัวร์ชมเมืองในราคาประหยัด ตลอดจนข้ามสะพาน 25 เมษายนอันโดดเด่นเพื่อชมทิวทัศน์มุมกว้าง ทั้งหมดนี้นับว่าเพิ่มเสน่ห์และทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองอยู่ไม่น้อย พิเศษ! ถ้าอยากเที่ยวลิสบอนในราคาประหยัดลองพิจารณาใช้บัตรลิสบอนการ์ด และแวะไปอ่านแผนเที่ยวลิสบอน 48 ชั่วโมงแห่งความสนุก ที่ครอบคลุมงบเที่ยวลิสบอนและวิธีเดินทางแบบไม่ต้องกลัวหลง

นอกจากนี้ถ้ามีเวลาอีกครึ่งวันหรือเต็มวันแนะนำให้ลองไปเที่ยวต่อที่เมืองซิงตรา ตั้งอยู่ห่างจากลิสบอนเพียง 33 กม. เมืองนี้ที่เที่ยวสำคัญไว้หลายแห่ง เช่น พระราชวังแห่งชาติเปนาที่เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทมัวร์ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 รวมถึงคฤหาสน์ Quinta da Regaleira และพระราชวังที่มีชื่อเสียงในซิงตราอย่าง Monserrate Palace ตลอดจน Cabo da Roca ซึ่งเป็นแหลมอันน่าทึ่งที่ยื่นออกไปติดมหาสมุทรตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของทวีปยุโรป นับว่าเป็นเดย์ทริปที่คุ้มค่าการเดินทางทีเดียว

4. ลูบลิยานา (Ljubljana) สโลวีเนีย

อัญมณีมังกรที่ซ่อนอยู่ริมแม่น้ำลูบลิยานิกา

ลูบลิยานาได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงสีเขียวของสโลวีเนีย ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์และทะเลเอเดรียติกที่มักถูกมองข้าม แต่พอได้มาเยือนด้วยตัวเองแล้วกลับสร้างความประทับใจอยู่ไม่น้อย เพราะรวมเสน่ห์ของเมืองเก่าและที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง เช่น ปราสาทลูบลิยานาตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาคาสเซิลฮิลล์ที่สามารถมองเห็นตัวเมืองได้รอบด้าน สะพานมังกรอันโด่งดัง มหาวิหารเซนต์นิโคลัสจากศตวรรษที่ 13 จัตุรัสสามสะพานสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมือง และตลาดกลางที่รวมอาหารพื้นเมืองและสินค้าราคาประหยัด ลูบลิยานายังมีพิพิธภัณฑ์และสวนสาธารณะทิโวลีพาร์คที่มาพร้อมความเขียวชอุ่ม เหมาะสำหรับปิดท้ายการเที่ยวแบบเดย์ทริปกำลังดี

นอกเมืองลูบลิยานายังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่สามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริปหรือครึ่งวัน เช่น ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Cave) ทะเลสาบเบลด (Lake Bled) ทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj) ที่ใหญ่ที่สุดของสโลวีเนีย รวมถึง Vršič Pass เส้นทางขับรถในสโลวีเนียที่สวยมาก ถ้าไม่สะดวกแบบไปกลับก็สามารถพักค้างคืนที่ทะเลสาบได้ เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทาง หรือพิจารณาเข้าร่วมทัวร์ที่มาพร้อมรถรับส่ง อย่าลืมแวะไปอ่าน → วางแผนเที่ยวสโลวีเนีย 5 วัน เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์

5. เบอร์ลิน (Berlin) เยอรมนี

เสียงสะท้อนเหนือกาลเวลาของเบอร์ลิน

ดำดิ่งสู่จิตวิญญาณอันมีชีวิตชีวาของเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนีที่เป็นทั้งแหล่งรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และความทันสมัย เมื่อวางแผนไปเที่ยวเบอร์ลินต้องไปชมอาคารรัฐสภาเยอรมันที่เป็นสัญลักษณ์ของความโปร่งใสและการเปิดกว้างในระบอบประชาธิปไตยของเยอรมัน ตามด้วยประตูบรันเดินบวร์คอันเป็นเอกลักษณ์ อย่าลืมก้าวผ่านอนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันดำมืด ต่อด้วยซึมซับประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดที่กำแพงเบอร์ลิน และเดินเล่นไปตามถนนที่มีชีวิตชีวาของจัตุรัสอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ รวมถึงชมหอศิลป์กลางแจ้งฝั่งตะวันออกที่เล่าเรื่องราวการแบ่งแยกและการรวมเบอร์ลินอีกครั้ง

เบอร์ลินยังมีเกาะพิพิธภัณฑ์ซึ่งรวมพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกไว้ 5 แห่ง คือ Pergamon Museum, Neues Museum, Altes Museum, The Alte Nationalgalerie และ The Bode Museum พิพิธภัณฑ์เหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กันนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเข้าชมได้ตามความสนใจ หรือใช้บัตรเบอร์ลินเวลคัมการ์ดใบเดียวที่รวมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งพร้อมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี

นอกจากพิพิธภัณฑ์และสถานที่ทางประวัติศาสตร์แล้วเบอร์ลินยังมีจุดชมวิวน่าสนใจ เช่น อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะ มหาวิหารเบอร์ลิน และหอส่งสัญญานโทรทัศน์เบอร์ลิน ที่เหมาะสำหรับการชมวิวทิวทัศน์อัมงดงามของเมือง รวมถึงพระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์คที่สามารถชมได้ในเวลา 1-2 ชั่วโมง ทั้งยังเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะด้วยตั๋วรายวันราคาประหยัด

6. ปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก

เมืองหลวงแห่งเทพนิยายยอดแหลมนับพันของสาธารณรัฐเช็ก

ปรากเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก หรือที่มักเรียกกันว่า “เมืองแห่งยอดแหลมร้อยยอด” ซึ่งอบอวลไปด้วยเทพนิยายที่มีชีวิตสะท้อนผ่านที่เที่ยวสำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นปราสาทปรากสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐเช็กมานานนับพันปี จัตุรัสเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ ดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์ที่หอนาฬิกาดาราศาสตร์ และลิ้มลองอาหารเช็กแบบดั้งเดิม ก่อนจะข้ามสะพานชาร์ลส์อันโด่งอันเหนือกาลเวลาที่ประดับประดาด้วยรูปปั้นแกะสลัก และชมย่านชาวยิวเก่าแก่

ปรากยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และโรงละครหลายแห่ง รวมถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ซ่อนอยู่ในอาคารอันงดงามตระการตา ถ้ามีเวลาเหลืออย่าลืมแวะล่องเรือชมความสวยงามของปรากยามค่ำคืนจากแม่น้ำวัลตาวา ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้แน่นอนว่าสามารถใช้บัตรปรากการ์ดเที่ยวได้แบบจุก ๆ กันไปเลย ที่สำคัญอย่าลืมแวะไปอ่าน → วางแผนเที่ยวปรากด้วยตัวเอง 2 วัน และเรื่องน่ารู้ก่อนมาเที่ยวปราก ที่จะช่วยให้ทริปการเดินทางของคุณราบรื่นและสนุกที่สุด

7. บูดาเปสต์ (Budapest) ฮังการี

ที่ซึ่งบูดาและเปสต์รวมตัวกันอย่างยิ่งใหญ่

ยินดีต้อนรับสู่บูดาเปสต์ เมืองที่จะพานักท่องเที่ยวไปค้นพบเสน่ห์ของ “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” อย่างสง่างาม และยังนำเสนอทัศนียภาพอันงดงามของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น อาคารรัฐสภาฮังการีสถานที่เก็บของล้ำของประเทศชาติที่ยากเกินจะประเมินราคา ตามด้วยสะพานเชนแลนด์มาร์คที่น่าจดจำของบูดาเปสต์ ก่อนจะขึ้นเขาไปชมปราสาทบูดาในสไตล์บาโรกขนาดใหญ่ และชมวิวจากป้อมปราการชาวประมงที่โดดเด่นด้วยหอคอยเจ็ดแห่ง

ตอนกลับมาจากเนินเขาอย่าลืมแวะไปเดินตลาดสดในร่มเก่าแก่ที่สุดของบูดาเปสต์ และลองทานสตูว์เนื้อวัวกูยาชสูตรดั้งเดิม และปิดท้ายด้วยการแช่ตัวในบ่อน้ำร้อนเซเยนซีแบบสบาย ๆ พอตกกลางคืนแน่นอนว่าต้องไม่พลาดการล่องเรือเพื่อชมอาคารรัฐสภาฮังการีสุดอลังการ ช่างเป็นเมืองที่สวยและลงตัวอะไรขนาดนี้ อ่านต่อ → วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ 2 วัน คู่มือสำรวจเมืองแห่งสปาและปราสาทในราคาประหยัด

8. บรัสเซลส์ (Brussels) เบลเยียม

หัวใจแห่งเสน่ห์ของสหภาพยุโรป

บรัสเซลส์เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยียม ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศและถือเป็นศูนย์กลางการบริหารของสหภาพยุโรป เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถาบันและองค์กรต่าง ๆ ของสหภาพยุโรป รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรปและสภายุโรป บรัสเซลส์ยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและพร้อมด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน โดยรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง ครอบคลุมถึงอะโตเมียม จัตุรัสกรองด์ปลาซ ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ รูปปั้นเด็กหนุ่มยืนฉี่ “มันเนอเกินปิส” พระราชวังแห่งบรัสเซลส์ มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา ศูนย์การเรียนรู้ของรัฐสภายุโรป รวมถึงสวนสาธารณะยอดนิยม Mont des Arts ที่อยู่ใกลกับพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม

เมื่อวางแผนไปเที่ยวเบลเยี่ยมอย่าลืมลองทานวาฟเฟิลและช็อกโกแลตชั้นเลิศ ที่ขาดไม่ได้ก็คืออาหารดั้งเดิมอย่างหอยแมลงภู่เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอดและสตูว์เนื้อทานกับขนมปัง ส่วนใครที่อยากเรียนรู้วิธีการทำช็อกโกแลตอย่างใกล้ชิดลองแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตที่อยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสกรองด์ปลาซ กิจกรรมเหล่านี้สามารถรวมไว้ในแผนเที่ยวบรัสเซลส์แบบเดย์ทริป หรือพักค้างคืน 1-2 วันเพื่อความเต็มอิ่ม

นอกจากเที่ยวในบรัสเซลส์ถ้ามีเวลาอีก 1-2 วัน ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวเมืองใกล้เคียงกันดูบ้าง เช่น เกนต์ (30 นาที) แอนต์เวิร์ป (30 นาที) บรูจส์ (1 ชม.) เมืองเหล่านี้สวยงามไม่แพ้บรัสเซลส์ ทั้งยังเดินทางสะดวกด้วยรถไฟหรือรถโดยสารประจำทาง อย่าลืมแวะไปอ่าน → รวมเมืองน่าเที่ยวในเบลเยียม เพื่อวางแผนล่วงหน้าก่อนไปเยือนด้วยตัวเอง

9. เวียนนา (Vienna) ออสเตรีย

อัญมณีแห่งจักรวรรดิออสเตรีย

พร้อมหรือยังที่จะไปค้นพบสมบัติทางวัฒนธรรมของเวียนนา เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ตั้งแต่ความสง่างามสไตล์บาโรกของพระราชวังเชินบรุนน์ ไปจนถึงบทเพลงที่ก้องกังวานในโรงละครโอเปร่าแห่งรัฐเวียนนา รวมไปถึงที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น พระราชวังเบลเวเดียร์ พระราชวังฮอฟบวร์ก หอสมุดแห่งชาติออสเตรีย มหาวิหารเซนต์สตีเฟน ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาที่เป็นฝาแฝดกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ และตลาดแนชมาร์กที่ใหญ่ที่สุดของเมือง

เวียนนายังเป็นที่รู้จักจากร้านกาแฟชื่อดัง (Café Central) รวมไปถึงเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการเมืองระหว่างประเทศและเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น องค์การสหประชาชาติและองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน นับเป็นเมืองที่รวมความหลากหลายไว้อย่างน่าสนใจ และมีเสน่ห์จนใครไปก็ตกหลุมรักด้วยตัวเองไม่แพ้เมืองหลวงอื่น ๆ ในยุโรปเลย

10. ลักเซมเบิร์ก (Luxembourg)

ราชรัฐที่มีความงามอันเงียบสงบ

ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปตะวันตก (คล้ายกับอันเดอร์รา) โดยมีเมืองหลวงคือลักเซมเบิร์กที่ได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และยังเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้บริการขนส่งสาธารณะฟรี ลักเซมเบิร์กยังมีชื่อเสียงในด้านเมืองเก่า ป้อมปราการ และอาคารทางประวัติศาสตร์ที่งดงามราวภาพวาด และยังเต็มไปพื้นที่ทางธรรมชาติอันเขียวขจีและการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

ด้วยความที่เมืองหลวงของลักเซมเบิร์กมีขนาดเล็กมาก จึงสามารถใช้เวลาเที่ยวแบบทริปได้สะดวก เริ่มตั้งแต่เดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่เป็นหัวใจสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองมาอย่างยาวนาน และยังรวมที่เที่ยวสำคัญไว้ เช่น พระราชวังหลวงลักเซมเบิร์ก พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองลักเซมเบิร์ก อาสนวิหารน็อทร์-ดาม อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะและสันติภาพ และสวนสาธารณะโอเอซิสที่สามารถมองเห็นสะพานเหล็กโค้งที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว

เดินเล่นในย่านเมืองเก่าแล้วก็ต้องไปต่อที่ “Corniche” ที่ถูกเรียกขานว่าเป็น “ระเบียงที่สวยที่สุดในยุโรป” จากนั้นก็ไปสำรวจป้อมปราการหินที่เป็นอุโมงค์ใต้ดินและป้อมปราการเป้องกันเมือง ตามด้วยเดินเล่นย่านเพื่อนบ้าน (Grund) ที่รวมบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและบรรยากาศที่เงียบสงบ ถ้ามีเวลาอีกประมาณครึ่งวันลองแวะไปเที่ยวต่อที่ปราสาทเวียนเดน ซึ่งเป็นปราสาทยุคกลางจากศตวรรษที่ 11 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป

11. ปารีส (Paris) ฝรั่งเศส

เมืองแห่งแสงสีและความโรแมนติก

ปารีส “เมืองแห่งแสงสี” ที่ซึ่งความโรแมนติกเหนือกาลเวลามาพบกับเสน่ห์ทางวัฒนธรรม และยังเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต ตั้งแต่หอไอเฟลอันเป็นสัญลักษณ์ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่เต็มไปด้วยงานศิลปะ ทุกมุมเมืองล้วนมีเสน่ห์ที่หาตัวจับยาก ปารีสยังรวมที่เที่ยวสำคัญไว้มากมาย เช่น พระราชวังแวร์ซาย ประตูชัยฝรั่งเศสและถนนช็องเซลีเซ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเปอติต์ปาเลส์ กร็องปาแล จัตุรัสคองคอร์ด สวนสาธารณะตุยเลอรี ประตูชัยแห่งการูแซล มหาวิหารน็อทร์ดามแห่งปารีส และมหาวิหารซาเคร-เกอร์ ที่เที่ยวเหล่านี้สามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริป หรือ 1-3 วัน ถ้าวางแผนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้านในด้วย

ปารีสยังเป็นที่ตั้งของดิสนีย์แลนด์สวนสนุกในฝันของใครหลายคนที่มีชีวิตจริง ว่ากันว่าสวนสนุกนี้มีขนาดใหญ่มากจนต้องใช้เวลาถึง 2-5 วันเลยทีเดียวถึงจะเก็บทุกอย่างครบ นอกจากของดิสนีย์แลนด์แล้วใครทีกำลังมองหาเมืองน่าเที่ยวแบบเดย์ทริปจากปารีสก็มีเช่นกัน เช่น Strasbourg (1.46 ชม.) และ Colmar (2.30 ชม.) รวมถึงมงแซงต์มิเชล (Mont Saint Michel) มหาวิหารกลางทะเลมรดกโลกของฝรั่งเศส ที่สามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริปจากปารีส หรือแวะพักค้างคืนเพื่อความเต็มอิ่มในมงแซงต์มิเชล หรือเมืองใกล้เคียงอย่าง Pontorson (9 กม.) แล้วนั่งรถบัสรับส่งจากสถานีรถไฟต่อไปยังแซงต์มิเชลได้ในเวลาประมาณ 25 นาที

ส่วนใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในฝรั่งเศสลองแวะไปอ่าน → วางแผนขับรถเที่ยวฝรั่งเศส ที่ไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะแค่การเที่ยวในปารีสเท่านั้น แต่ยังรวมการเที่ยวในชาโมนิกซ์-มองบลังค์ และเฟรนช์ริเวียร่า รวมการออกแคมป์ปิ้งสายประหยัด ตลอดจนเรื่องน่ารู้ก่อนมาเที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเอง เช่นเดียวกันถ้าเป็นสายกีฬาฤดูหนาวก็ต้องไปเล่นสกีท้าทายความลาดชันด้วยตัวเองที่ Les 3 Vallées ซึ่งเป็นลานสกีในฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดของโลกกว่า 600 กิโลเมตร

12. บราติสลาวา (Bratislava) สโลวาเกีย

อัญมณีแห่งแม่น้ำดานูบแห่งสโลวาเกีย

บราติสลาวาเป็นเมืองหลวงของสโลวาเกียริมแม่น้ำดานูบ ติดกับพรมแดนของประเทศออสเตรียและฮังการี เมืองนี้เป็นที่รู้จักจากประวัติศาสตร์อันยาวนานและมรดกทางวัฒนธรรม ตลอดจนสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำหลายแห่ง เช่น ย่านเมืองเก่า ปราสาทบราติสลาวา พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสโลวาเกีย และหอสังเกตการณ์ยูเอฟโอ

ด้วยความที่บราติสลาวาเป็นเมืองเล็กมากนักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้เวลาแบบเดย์ทริปเพื่อดื่มด่ำกับสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองได้อย่างครอบคลุม โดยเริ่มตั้งแต่สำรวจปราสาทบราติสลาวา ที่มาพร้อมทัศนียภาพแบบพาโนรามาทอดยาวข้ามแม่น้ำดานูบไปจรดที่หอสังเกตการณ์ยูเอฟโอ จากนั้นเดินลงเนินเขาเพื่อไปชมมหาวิหารเซนต์มาร์ตินบราติสลาวา ตามด้วยเดินเล่นในย่านเมืองเก่าและจัตุรัสฮวิซโดสลาฟที่เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางวัฒนธรรมอันคึกคัก

ห้ามพลาดรูปปั้นตัวแทนคนทำงานหนัก (Čumil) รวมถึงโบสถ์สีฟ้าในในสไตล์อาร์ตนูโว และพระราชวังพริเมทที่ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบภายในที่สวยงามหรูหรา อย่าลืมปิดท้ายด้วยอาหารสโลวักดั้งเดิม เช่น เกี๊ยวมันฝรั่ง (Bryndzové halušky) สตูว์เนื้อวัว (Gulášová polievka) และเครื่องดื่มอัดลมจากทศวรรษที่ 1960 (Kofola) นับเป็นเดย์ทริปแบบผ่อนคลายที่น่าเก็บเข้าลิสต์อยู่ไม่น้อย และยังเที่ยวสะดวกแบบเดย์ทริปจากเวียนนา ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง

13. วาดุซ (Vaduz) ลิกเตนสไตน์

เมืองหลวงใจกลางเทือกเขาแอลป์

วาดุซเป็นเมืองหลวงของลิกเตนสไตน์ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ไมโครสเตตของยุโรป” เช่นเดียวกันกับอันดอร์รา โมนาโก มอลตา ซานมารีโน และนครวาติกัน เมืองนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเล (คล้ายกับลักเซมเบิร์ก) มีพื้นที่ตั้งอยู่ใจกลางยุโรประหว่างสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เพราะเป็นศูนย์กลางทางการเงินและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่สูงมาก และยังเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ แต่ไม่มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนีเลย

จุดเด่นของวาดุซแน่นอนว่าด้วยสภาพภูมิประเทศแบบเทือกเขาแอลป์ที่งดงาม จึงเหมาะสำหรับสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ รวมถึงการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาว ใจกลางเมืองหลวงยังเป็นที่ตั้งของสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น ปราสาทวาดุซ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติลิกเตนสไตน์ วิหารเซนต์ฟลอริน ศาลากลางเมืองวาดุซ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรที่นักท่องเที่ยวสามารถขอตราประทับหนังสือเดินทางลิกเตนสไตน์ลงบนพาสปอร์ตได้อีกด้วย พอเที่ยวในเมืองเสร็จแล้วถ้ามีเวลาเหลือสามารถนั่งรถบัสไปชมพื้นที่ภูเขารอบเมืองได้เช่นกัน นับว่าเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่หวือหวาและมีความเรียบง่ายแบบไม่ต้องปรุงแต่งให้เห็นอยู่หลายมุมเลยทีเดียว

14. โมนาโก (Monaco)

เมื่อมอนติคาร์โลและกรังด์ปรีซ์มาบรรจบกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

โมนาโกเป็นนครรัฐขนาดเล็กตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเฟรนช์ริเวียร่า (โกตดาซูร์) ในยุโรปตะวันตก มีพรมแดนติดกับฝรั่งเศสและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แม้โมนาโกจะมีขนาดเล็กแต่ก็เต็มไปด้วยความเย้ายวนใจและความยิ่งใหญ่ของมอนติคาร์โล มาพร้อมไลฟ์สไตล์หรูหรา ความบันเทิงระดับไฮเอนด์ และคาสิโนที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์นับไม่ถ้วน ตลอดจนการแข่งขันฟอร์มูล่าวันอยู่เป็นประจำ

เมื่อมาเที่ยวโมนาโกต้องไม่พลาดไปเดินเล่นที่คาสิโนเดอมอนติคาร์โลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ตามด้วยโรงละครโอเปร่าเดอะมอนติคาโล จุดถ่ายภาพยอดนิยมมองเห็นความหรูหราของตัวอาคารเป็นฉากหลัง จากนั้นเดินต่อไปยังท่าจอดเรือท่องเที่ยวเฮอร์คิวลิส (Port Hercule) ที่มีเรือยอร์ชสุดหรูจอดอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่ถนนฝั่งขวามือจากท่าเรือจะเป็นพื้นที่สนามแข่งรถฟอร์มูลาวัน

จากท่าเรือเดินขึ้นเขาเพื่อไปยังย่านเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของป้อมปราการเก่าแก่และสถานที่สำคัญหลายแห่ง ครอบคลุมถึงพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัตถุโมนาโก อาสน์วิหารจากศตวรรษที่ 19 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเล สวนสาธารณะสำหรับเดินชมดอกไม้และพันธุ์พืชต่าง ๆ รวมถึงจุดชมวิวที่สวยงาม ทั้งหมดนี้แทบไม่เชื่อเลยว่าเป็นเดย์ทริปที่ลงตัวม๊ากมาก

ด้วยความที่โมนาโกขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพที่สูงมาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการความประหยัดแนะนำให้หาที่พักในตัวเมืองใกล้เคียง เช่น Menton (35 นาที), Nice (42 นาที), Antibes (1.20 ชม.) และ Cannes (1.24 ชม.) แล้วเดินทางมาเที่ยวโมนาโกด้วยรถไฟจะสะดวกกว่า หรือเข้าร่วมทัวร์เที่ยวโมนาโกแบบเดย์ทริปที่รวมรถรับส่งมาให้แล้วได้เช่นกัน