ปลดล็อกแผนเที่ยวบาร์เซโลนาด้วยสุดยอดเรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวด้วยตัวเอง ตั้งแต่ที่เที่ยวน่าสนใจไปจนถึงคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการเดินทางอย่างราบรื่น ในบทความนี้เราคัดสรรมาแล้วสำหรับคุณผู้อ่าน ครอบคลุมถึงช่วงเวลาน่าเที่ยว วิธีสำรวจเมืองด้วยระบบขนส่งมวลชน การจองตั๋วที่เที่ยวสำคัญอย่างซากราดาฟามีเลีย สวนปากร์กเกวย์ คาซ่าบัตโล่และคาซ่ามิลา ไปจนถึงเมนูทาปาสน่าลิ้มลอง ย่านที่พักน่าสนใจ และกิจกรรมน่าทำหลากหลายที่สามารถเอาไปปรับเข้ากับแพลนเที่ยวของตัวเองได้ตามสะดวก
1. นักท่องเที่ยวเยอะมาก
บาร์เซโลนานับเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวปีละหลายล้านคน ที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาชื่นชมความสวยงามของเมืองและพักผ่อนริมทะเล จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นสถานที่สำคัญต่าง ๆ หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายชาติ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความแออัดควรวางแผนมาเที่ยวบาร์เซโลนานอกฤดูกาลท่องเที่ยว
ฤดูกาลท่องเที่ยวในบาร์เซโลนามักเริ่มในปลายฤดูใบไม้ผลิและต่อเนื่องไปจนถึงฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลท่องเที่ยว เนื่องจากอากาศเริ่มอุ่นขึ้นและมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่เที่ยวยอดนิยมและชายหาด ในขณะที่เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมเป็นช่วงพีคของฤดูท่องเที่ยว ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในช่วงนี้ ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมและเทศกาลที่หลากหลายทำให้มีผู้คนเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งเข้าสู่เดือนกันยายนถึงตุลาคมฤดูท่องเที่ยวขยายออกไปสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในเดือนกันยายน สภาพอากาศยังคงอุ่น และมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปไม่น้อยที่เริ่มเที่ยวในช่วงนี้แทน บาร์เซโลนายังมีการจัดงานเทศกาลท้องถิ่นในเดือนกันยายนอีกด้วย เช่น เทศกาล La Mercè ส่งผลให้บ้านเมืองมีความคึกคักเป็นพิเศษ
ก่อนที่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมจะเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วงและมีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่า นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวในบาร์เซโลนาได้แบบไม่แออัด แม้ว่าสภาพอากาศจะเย็นกว่าและอาจเปียกชื้นก็ตาม เช่นเดียวกับเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์เป็นฤดูที่มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการท่องเที่ยวในราคาประหยัด อย่างไรก็ตามควรเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศหนาว รวมถึงเวลาเปิดปิดของสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งที่เร็วขึ้นกว่าปกติ
2. วางแผนเที่ยวล่วงหน้าเสมอ
การวางแผนเที่ยวบาร์เซโลนาล่วงหน้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะช่วยให้มีข้อมูลครบถ้วนในการเที่ยวแบบไม่ต้องมากังวลทีหลัง และที่สำคัญช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา เพราะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายและงบประมาณการเที่ยวไว้แล้วล่วงหน้า โดยเฉพาะเที่ยวบิน โรงแรมที่พัก ที่เที่ยวสำคัญ รวมถึงการเดินทางที่ต้องจองไว้ล่วงหน้าเสมอ
3. อย่าลืมจองตั๋วที่เที่ยวสำคัญล่วงหน้าเช่นกัน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าบาร์เซโลนาร์เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลก พอมีนักท่องเที่ยวเยอะก็ทำให้ที่เที่ยวต่าง ๆ ถูกจับจองเข้าชมอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรจองที่เที่ยวสำคัญล่วงหน้าไว้ก่อนเลย โดยเฉพาะมหาวิหารซากราดาฟามีเลีย สวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์ คาซ่าบัตโล่และคาซ่ามิลา ทั้ง 4 แห่งนี้นับว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของบาร์เซโลนาเลย และถ้าไม่รีบจองไว้ก่อนอาจจะไปหาตั๋วที่หน้างานยาก
4. ถ้าตั๋วเข้าชมเต็มให้ซื้อแบบไกด์ทัวร์
ถ้าตั๋วเข้าชมจากเว็บทางการเต็มมีหลายวิธีที่จะได้ตั๋วจากช่องทางอื่น ๆ อันดับแรกมองหาจากตัวแทนจำหน่ายตั๋วทางการ เช่น GetYourGuide, Tiqets และ Klook ทั้ง 3 เว็บไซต์นี้สะดวกในการจองและช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องไปรอต่อแถวที่หน้าเคาน์เตอร์ เมื่อซื้อตั๋วแล้วจะได้รับพาททางอีเมล์ แล้วนำไปสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเข้าชมได้เลย อันดับต่อมาลองใช้วิธีเข้าร่วมไกด์ทัวร์ ซึ่งที่เที่ยวสำคัญแน่นอนว่าจะมีตัวเลือกตั๋วแบบไกด์ทัวร์ด้วย วิธีนี้ได้เข้าชมทั้งภายในและยังได้รับความรู้เชิงลึกขณะเดินชมอีกด้วย ที่สำคัญทัวร์มีหลายภาษารวมถึงภาษาอังกฤษ และใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง นับว่าสะดวกไม่แพ้ไปเดินชมเองเลย
- จองตั๋วเข้าร่วมไกด์ทัวร์ซากราดาฟามีเลียล่วงหน้า
- จองตั๋วเข้าร่วมไกด์ทัวร์ปาร์กเกวย์ล่วงหน้า
- จองตั๋วเข้าร่วมไกด์ทัวร์คาซ่าบัตโล่ล่วงหน้า
- จองตั๋วเข้าร่วมไกด์ทัวร์คาซ่ามิลาล่วงหน้า
5. ไปชมแลนด์มาร์คตั้งแต่รอบเช้า
ด้วยความที่มีนักท่องเที่ยวเยอะถ้าอยากเข้าชมที่เที่ยวสำคัญในบาร์เซโลนาแบบไม่แออัด แนะนำให้ตื่นแต่เช้าและไปชมสถานที่เหล่านี้ตั้งแต่รอบแรก เวลาที่เหมาะสำหรับการเข้าชมส่วนใหญ่คือระหว่าง 09:00-11:00 น. วันธรรมดาคนจะน้อยกว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ วิธีนี้ช่วยให้เดินเที่ยวสะดวกและยังหามุมถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องไปหลบคนเยอะ ที่สำคัญมีเวลาเหลือสำหรับเข้าชมที่เที่ยวอื่น ๆ ได้แบบครอบคลุมอีกด้วย
- มหาวิหารซากราดาฟามีเลีย: ตั๋วเข้าชมรอบแรกวันธรรมดาและวันเสาร์เริ่มเวลา 10:00 น. ส่วนวันอาทิตย์เริ่มเวลา 10:30 น. และปิดเวลา 18:00-19:00 น. ในช่วงฤดูท่องเที่ยวระหว่างเมษายนถึงกันยายนมหาวิหารจะเปิดนานขึ้นถึงเวลา 20:00 น.
- สวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์: ตั๋วเข้าชมรอบแรกทุกวันเริ่มเวลา 09:30 น. เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 17:30-19:30 น. ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนสวนเปิดนานถึงเวลา 22:30 น. ตอนค่ำสวนยังเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ในไฟในสวนตอนกลางคืนอาจจะไม่ค่อยสว่างเท่าไร
- คาซ่าบัตโล่: ตั๋วเข้าชมรอบแรกทุกวันเริ่มเวลา 09:00-20:00 น. ถ้าอยากเข้าชอบรอบเช้าที่สุดเลย มีตั๋วเข้าชมคาซ่าบัตโล่รอบแรกก่อนใคร 2 รอบเท่านั้น คือ เวลา 08:30 น. และ 08:45 น.
- คาซ่ามิลา: ตั๋วเข้าชมรอบแรกทุกวันรวมวันหยุดนักขัตฤกษ์เริ่มเวลา 09:00-20:30 น. ถ้าอยากเข้าชมรอบเช้าที่สุด มีตั๋ว La Pedrera Sunrise สำหรับเข้าชมคาซ่ามิลารอบเช้าก่อนใครพร้อมไกด์ทัวร์ ตั้งแต่เวลา 08:00 น.
6. เลือกอะไรดีระหว่างคาซ่าบัตโล่ & คาซ่ามิลา
คาซ่าบัตโล่และคาซ่ามิลาต่างก็เป็นผลงานการออกแบบเกาดี ซึ่งคาซ่าบัตโล่ถูกสร้างขึ้นก่อนที่เกาดีจะมาออกแบบคาซ่ามิลา จากนั้นก็อุทิศตนไปกับการออกแบบมหาวิหารซากราดาฟามีเลีย ถ้าถามว่าควรเข้าชมสถานที่ไหนดีระหว่างคาซ่าบัตโล่และคาซ่ามิลา คำตอบคือเชียร์ให้เข้าชมทั้งสองที่เลย เพราะอาคารทั้งสองมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันและแฝงไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างคาดไม่ถึง
สำหรับคาซ่าบัตโล่ส่วนหน้าเหมือนกับคลื่นทะเลชวนไปแหวกว่าย เมื่อก้าวเข้าไปด้านในจะพบกับสถาปัตยกรรมที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราดำดิ่งอยู่ในมหาสมุทร ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือช่องไฟส่วนกลางที่ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินและสีขาว ส่วนชั้นด่านฟ้ามีหลังคาทรงมังกรที่ปกคลุมด้วยกระเบื้องสีรุ้ง รวมถึงปล่องไฟมีลักษณะคล้ายหมวกนักรบ และหอคอยไม้กางเขนสี่กร
ในขณะที่คาซ่ามิลาส่วนหน้าอาคารดูแปลกประหลาดด้วยเส้นคลื่น เมื่อขยับไปด้านในจะพบกับอะพาร์ตเมนต์ที่นำเสนอการใช้ชีวิตของชนชั้นกระฎุมพีในช่วงศตวรรษที่ 20 ก่อนจะไปจบลงที่ชั้นด่านฟ้าซึ่งเป็นไฮไลท์ของบ้านเลยก็ว่าได้ที่มีประติมากรรมรูปร่างแปลกตาคล้ายยามรักษาการณ์ ซึ่งชั้นด่านฟ้าของคาซ่ามิลาจะมีขนาดใหญ่ว่าคาซ่าบัตโล่ เช่นเดียวกับตัวบ้านที่มีพื้นที่มากกว่า การเข้าชมจึงใช้เวลามากกว่าเช่นกัน
7. เข้าชมหอคอยมหาวิหารซากราดาฟามีเลียด้านไหนดี
สำหรับคนที่เลือกซื้อตั๋วแบบขึ้นหอคอยด้วย อาจจะมีคำถามว่าควรเลือกขึ้นหอคอยด้านไหนดี เพราะเลือกได้เพียง 1 ด้าน ถ้าต้องการเข้าชมทั้งสองด้านต้องซื้อตั๋ว 2 ครั้งเลย เอาเป็นว่าทั้งสองด้านอาจจะไม่แตกต่างกันเท่าไร เพราะส่วนบนหอคอยยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง ส่วนที่แตกต่างคือวิวด้านบนที่เราจะเห็น ถ้าใครมีเวลาน้อยแนะนำให้เลือกเข้าชมด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถ้าใครมีเวลาเยอะและอยากสัมผัสถึงความแตกต่างลองซื้อตั๋วเข้าชมทั้งสองด้านเลย
หอคอยด้านการประสูติ (Nativity Façade)
เราจองตั๋วรวมขึ้นหอคอยด้านการประสูติ ซึ่งเป็นด้านเดียวกับประตูทางเข้าสำหรับผู้ที่จองตั๋วแบบบุคคลทั่วไป (ฝั่งถนน c/ de la Marina) ด้านนี้เป็นส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาวิหารที่สร้างโดยเกาดีระหว่างปี 1894-1930 แสดงถึงช่วงที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดีแห่งชีวิตของพระคริสต์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ทางด้านซ้ายอุทิศให้กับโจเซฟและเป็นที่รู้จักในนามพอร์ทัลแห่งความหวัง ทางด้านขวาเรียกว่าพอร์ทัลแห่งศรัทธาที่อุทิศให้กับพระแม่มารี และตรงกลางที่อุทิศให้กับพระเยซูเรียกว่าพอร์ทัลแห่งการกุศล ส่วนวิวที่มองเห็นบนหอคอยจะเป็นพื้นที่สวนสาธารณะ Plaça de Gaudí และตึกตามรูปภาพด้านล่าง
หอคอยด้านความหลงใหล (Passion Facade)
หอคอยด้านความหลงใหล ตั้งอยู่บนถนน Sardenya ทางด้านตะวันตกของมหาวิหาร ด้านนี้เพิ่งสร้างขึ้นใหม่และมีลักษณะที่ใหม่กว่าด้านการประสูติ เริ่มขึ้นในปี 1954 และแล้วเสร็จในปี 1976 โดยอุทิศให้กับความรัก การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ เสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของด้านนี้คือจะต้อง “แข็งและเปลือยเปล่า” ราวกับสร้างจากกระดูก มองแล้วให้ความรู้สึกเหมือนโครงกระดูก โดยมีเสาที่มีลักษณะคล้ายกระดูก ซึ่งเป็นการสร้างขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนหน้าของการประสูติ ใครที่เลือกขึ้นหอคอยด้านนี้จะได้เห็นวิวเมืองบาร์เซโลนาที่อยู่ฝั่งเดียวกับคาซ่ามิลา
8. แวะไปชมคอนเสิร์ตฮอลล์ที่สวยที่สุดในเมือง
นอกจากที่เที่ยวสำคัญของบาร์เซโลนาอย่างซากราดาฟามีเลีย ปาร์กเกวย์ คาซ่าบัตโล่และคาซ่ามิลาแล้ว ที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่ไปแล้วคุ้มค่ากับค่าตั๋วเข้าชมก็คือคอนเสิร์ตฮอลล์คาตาลานา (Palau de la Música Catalana) ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองห่างจากซากราดาฟามีเลียประมาณ 15 นาที ข้างในแบ่งออกเป็นหลายชั้น ชั้นที่เป็นไฮไลท์คือ 2-3 มองเห็นพื้นที่การแสดงคอนเสิร์ตแบบ 360 องศาเลย แล้วสวยจริง ๆ โดยเฉพาะที่สันที่ใช้ตกแต่งมาพร้อมลวดลายอันวิจิตรบรรจงบนเพดาน ประดับส่วนต่าง ๆ ด้วยกระเบื้องโมเสค กระจกสี และช่องรับแสงตรงกลางอันงดงาม ที่สำคัญคอนเสิร์ตฮอลล์คาตาลานายังได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ใครที่ตัดสินใจไปที่นี่แล้วเรียกได้ว่าได้ชมทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรมสไตล์คาตาลันสมัยใหม่และยังได้มุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะอีกด้วย
9. อยากเห็นซากราดาฟามีเลียแบบไม่มีอะไรมาบดบังต้องไปที่ไหน
คำตอบคือต้องที่นี่เลย Bar-Terraza Ayre Rosselló บาร์ชั้นด่านฟ้าของโรงแรม Sercotel Hotel Rosellon มองเห็นวิวของมหาวิหารซากราดาฟามีเลียแบบไม่มีอะไรมาบดบัง และยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ กับซากราดาฟามีเลียแบบเลือกได้เลย นอกจากวิวสวย ๆ แล้วบาร์ยังมีค็อกเทลและเมนูให้เลือกหลากหลาย รวมถึงทาปาส ราคาเครื่องดื่มและอาหารอยู่ในระดับปานกลาง ถ้าต้องการไปที่นี่แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้าก่อน บาร์เปิดทุกวันเวลา 13:30-23:00 น. ทางเข้าอยู่ที่ฝั่งถนน C/ del Rosselló
10. มีคาเฟ่บรรยากาศดีใกล้ซากราดาฟามีเลีย
Granja Petitbo เป็นคาเฟ่บรรยากาศดีที่เราแวะไปทานมื้อสายหลังชมซากราดาฟามีเลีย ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 12 นาที แล้วก็ค้นพบว่าร้านน่ารักมาก ด้านในตกแต่งในสไตล์วินเทจให้ความรู้สึกน้อยแต่มาก ในส่วนของรสชาติอาหารนั้นก็อร่อยไม่แพ้กัน เมนูที่สั่งมาลองคือไข่เบเนดิกต์ (Eggs Benedict) เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งและเบคอน หรือแซลมอนรมควัน ทานไปคำแรกคืออร่อยมาก รสชาติเข้ากันลงตัว ราคากาแฟรวมเมนูอาหารเช้าประมาณ 15 ยูโร ถือว่าไม่แพงเกินไป ใครที่อยากได้อาหารเช้ารองท้องเพื่อสุขภาพและเดินไม่ไกลจากซากราดาฟามีเลียลองแวะไปได้ ร้านเปิดทุกวัน วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 09:00-23:00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ 09:30-23.00 น.
11. จำเป็นต้องใช้บัตรท่องเที่ยวไหม
คำตอบคือขึ้นอยู่กับว่าต้องการเข้าชมสถานที่ไหนบ้าง ตัวอย่างเช่นจากประสบการณ์ตรง เราลิสต์ที่เที่ยวทุกอย่างที่อยากไป กิจกรรมที่อยากทำ รวมถึงค่าเดินทางที่ต้องจ่าย จากนั้นนำมาใส่เอกซ์เซล แบ่งเป็นราคาเต็ม ราคาจากส่วนลด และราคารวมทั้งหมด เพื่อเปรียบเทียบดูว่าใช้บัตรไหนแล้วจะคุ้มกว่ากัน วิธีนี้ช่วยให้เห็นภาพว่าการเที่ยวของเราเหมาะที่จะใช้บัตรไหนมากที่สุด
เที่ยวบาร์เซโลนา 2 วัน: มีบัตร Barcelona Express Card เหมาะสำหรับคนที่มีเที่ยวที่อยากไปเฉพาะ และนำบัตรใช้เป็นส่วนลดค่าที่เที่ยว ซึ่งส่วนลดจะอยู่ที่ประมาณ 5-50% จากราคาตั๋วปกติ และยังมีส่วนลดสำหรับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ทัวร์ไกด์ ร้านค้า ร้านอาหาร ฯลฯ บัตรนี้ใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในบาร์เซโลนาได้ไม่จำกัดเที่ยวอีกด้วย นับว่าคุ้มค่าและใช้งานสะดวก
วิธีซื้อบัตรสามารถซื้อได้จากลิงก์ด้านล่าง จากนั้นนำเวาเชอร์ที่ได้รับทางอีเมล์ไปรับบัตรจริงที่สำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว Plaça de Catalunya แล้วก็ก็นำไปใช้งานได้เลยจนกว่าจะครบตามจำนวนวันที่กำหนด ถ้าใครเดินทางมาจากสนามบินสามารถรับบัตรจริงได้ที่เคาน์เตอร์สำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเทอร์มินอล 1 สำหรับการเข้าชมที่เที่ยวสามารถยื่นบัตรที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วก็ใช้เป็นส่วนลดพร้อมรับตั๋วเข้าชมได้เลย จากประสบการณ์ตรงใช้บัตรนี้แล้วตอบโจทย์มาก และที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องซื้อตั๋วเดินทางบ่อย ๆ เพราะแตะบัตรเดินทางที่ได้รับมาด้วยได้เลย
เที่ยวบาร์เซโลนา 3 วัน: มีบัตรท่องเที่ยวหลายแบบ เช่น Barcelona Card, BCN Essentials Pass และ The Barcelona Pass ทั้ง 3 แบบสามารถไปใช้เข้าชมที่เที่ยวสำคัญในบาร์เซโลนาได้เช่นกัน
12. “Ciutat Vella” ย่านเมืองเก่าน่าเดินเที่ยว
หลายคนไปเที่ยวบาร์เซโลนาแล้วไปเดินถนนลารัมบลาอาจจะรู้ว่าคนเยอะ เอาจริง ๆ นอกจากถนนนี้แล้วย่านเมืองเก่าที่เรียกว่า “Ciutat Vella” ยังเต็มไปด้วยย่านเล็ก ๆ น่าเดินอีกหลายแห่ง ครอบคลุมถึง Gothic Quarter, El Raval และ El Born ซึ่งรวมบรรยากาศความมีชีวิตชีวาและเสน่ห์ที่แตกต่างจากถนนลารัมบลามากทีเดียว ที่สำคัญเต็มไปด้วยที่เที่ยวทางวัฒนธรรมหลายแห่ง พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง รวมถึงร้านทาปาสและท่าเทียบเรือใกล้ชายทะเลของเมือง
13. ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดวันอาทิตย์
ในบาร์เซโลนาร้านค้าและธุรกิจส่วนใหญ่ปิดให้บริการในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตามสถานที่บางแห่ง เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และสถานที่ท่องเที่ยว อาจจะยังเปิดให้บริการอยู่ เช่นเดียวกับศูนย์การค้าขนาดใหญ่โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมักจะยังคงเปิดอยู่ แต่อาจมีการลดเวลาทำการลง ทางที่ดีอย่าลืมตรวจสอบเวลาทำการล่วงหน้า ส่วนพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่เปิดให้เข้าชมวันอาทิตย์ และมักปิดบริการในวันจันทร์
14. ฝึกภาษาคาตาลันหรือสเปนมาบ้างก็ดี
แม้บาร์โซโลนาจะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ภาษาหลักคือ “คาตาลัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาราชการของภูมิภาคคาตาโลเนีย แต่ถึงกระนั้นภาษาสเปนก็มีการพูดและเข้าใจกันอย่างแพร่หลายเช่นกัน เอาเป็นว่าในความเป็นจริงที่บาร์เซโลนาคนส่วนใหญ่สามารถพูดได้สองภาษา ทั้งในชีวิตประจำวันและการศึกษา ถ้าวางแผนไปเที่ยวที่นี่ลองเรียนรู้วลีภาษาคาตาลันหรือสเปนขั้นพื้นฐานมาบ้างก็ดี เช่น คำทักทาย คำขอบคุณ การสั่งอาหาร การจ่ายเงิน หรือการถามทางต่าง ๆ เพราะประโยคเหล่านี้มีประโยชน์มากเมื่อไปเที่ยวจริง พนักงานก็บริการให้เราสะดวกขึ้นเพราะเข้าใจในสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการสื่อสาร
15. ปรับตัวเข้ากับเวลาพักกลางวัน
ในบาร์เซโลนามีช่วงพักกลางวันเรียกกันว่า “La hora de comer” ซึ่งเป็นเวลาการกินอาหารหลักของวันและสอดคล้องกับกำหนดการนอนพักกลางวันตามประเพณีของสเปน โดยทั่วไปอาหารหลักจะเสิร์ฟระหว่างเวลา 13:30-15:30 น. เวลาที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภูมิภาคและสถานที่ทำงาน โดยเริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยด้วยสลัดหรือซุป ตามด้วยอาหารจานหลัก ปิดท้ายด้วยของหวานและเครื่องดื่ม เช่นเดียวกันกับธุรกิจและร้านค้าในบาร์เซโลนาหลายแห่งจะปิดทำการ 2-3 ชั่วโมงในช่วงบ่ายเพื่อรองรับช่วงพักเที่ยงที่ยาวนาน และยังช่วยหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่แสงแดดร้อนจัดที่สุดของวัน วิธีนี้เรียกง่าย ๆ คือ “การนอนพักกลางวัน” นั้นเอง ดังนั้นใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวบาร์เซโลนาอย่าลืมเตรียมปรับตัวกับเวลาพักกลางวันที่แตกต่าง
16. ห้ามพลาดลองทาน “ทาปาส”
อย่างที่กล่าวไปว่าในบาร์เซโลนาร์มีการพักทานอาหารกลางวันด้วยเมนูหลักไปแล้ว ดังนั้นในตอนเย็นจึงเป็นช่วงเวลาของการทาน “ทาปาส” หรือเมนูของกินเล่นพร้อมเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่จะเริ่มเวลา 18:00 น. ร้านทาปาสส่วนใหญ่ก็เปิดบริการในช่วงเวลานี้เช่นกัน (แต่ก็ยังมีร้านทาปาสหลายแห่งเปิดเร็วกว่านี้) ดังนั้นถ้ามาเที่ยวบาร์เซโลนาแล้วก็ต้องลองทานทาปาสให้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง
ทาปาสยอดนิยมที่พบในบาร์เซโลนามีหลายแบบ เช่น มันฝรั่งก้อนทอดเสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศรสเผ็ดและซอสอัลยอลี (Patatas Bravas) กุ้งปรุงกับกระเทียมพริกและน้ำมันมะกอก (Gambas al Ajillo) ปลาหมึกทอดเสิร์ฟพร้อมมะนาว (Calamares a la Romana) ไข่เจียวสเปนคลาสสิก (Tortilla Española) แฮมไอบีเรียคุณภาพสูงหั่นบาง ๆ (Jamon Iberico) ปลากะตักสดหมักในน้ำส้มสายชู (Boquerones en Vinagre) และปลาทูน่าผสมกับมายองเนสและเสิร์ฟบนขนมปังหรือแครกเกอร์ (Tuna Salad)
มีเนื้อไปแล้วก็ต้องมีเมนูผักและชีสบ้าง เช่น ขนมปังปิ้งทาด้วยมะเขือเทศสุกและกระเทียม (Pan con Tomate) พริกเขียวพองโรยด้วยเกลือทะเล (Pimientos de Padrón) มันฝรั่งครอแก็ตสอดไส้ (Croquetas) ชีสสเปนหั่นเสิร์ฟพร้อมมะกอกและเนื้อหมัก (Queso Manchego) มะกอกยัดไส้ (Aceitunas) ผักย่าง เช่น พริกหยวก มะเขือยาว และหัวหอม หมักในน้ำมันมะกอกและกระเทียม (Escalivada) และซุปเย็นมะเขือเทศแบบดั้งเดิมของสเปนมักปรุงด้วยไข่ต้มสุกและแฮม (Salmorejo)
เมนูทาปาสเหล่านี้มีขายตามร้านทาปาสทั่วไป ถ้าไปครั้งแรกไม่รู้จะสั่งเมนูไหนดี ลองเลือกมาทานสัก 3-4 เมนูก่อน ถ้าสั่งเยอะอาจจะทานไม่หมด พอลองครบแล้วชอบอันไหนครั้งต่อไปก็ค่อยสั่งอันนั้นมาเยอะ ๆ อีกอย่างเวลาทานทาปาสให้อร่อยว่ากันว่าต้องทานคู่กับแซงเกรีย (Sangria) เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากไวน์แดงและผลไม้สด บ้างก็มีน้ำส้มหรือโซดาเพื่อเพิ่มความหวานและความซ่า ถ้าเป็นในคาตาโลเนียและบาร์เซโลนาจะมีแซงเกรียหลายแบบ รวมถึง “Sangria de Cava” ที่ใช้สปาร์กลิ้งไวน์แทนไวน์แดง เวลาเสิร์ฟจะมาในแก้วหรือเหยือก
ร้านขายทาปาสยอดนิยมน่าไปลอง
- Barri Gòtic: Cervesería Catalana (4.4 ดาว)
- El Raval: Bar Cañete (4.6 ดาว) Bar Marsella (4.3 ดาว)
- El Born: Els Quatre Gats (4 ดาว) La Vinya del Senyor (4.4 ดาว) Güell Tapas Restaurant (4.5 ดาว)
- Gràcia: Bodega Joan (4.2 ดาว) Bar But (4.4 ดาว)
- Poble-Sec: Quimet & Quimet (4.6 ดาว) Pincho.j (4.1 ดาว) Blai 9 (4.3 ดาว)
- Eixample: El Nacional (4.3 ดาว) Vinitus (4.4 ดาว) Ciutat Comtal (4.4 ดาว)
- Mercat de la Boqueria: Bar Clemen’s Boquería (4.7 ดาว) El Quim de la Boqueria (4.5 ดาว) Paella Bar Boqueria (4.4 ดาว)
17. แวะไปเดินตลาดท้องถิ่น
ลิ้มลองทาปาสกันไปแล้วอีกหนึ่งวิธีที่จะได้ทานอาหารท้องถิ่นหรือเลือกซื้อสินค้าในราคาประหยัดก็คงหนีไม่พ้นการไปเดินเล่นที่ตลาดกันบ้าง ในบาร์เซโลนามีตลาดท้องถิ่นหลายแห่งตั้งอยู่ทั่วเมือง (กดเพื่อดูแผนที่เที่ยวบาร์เซโลนา) นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปได้ตามความสะดวก
18. พิจารณาใช้บัตรโดยสาร Hola Barcelona Travel Card
เพื่อช่วยประหยัดค่าเดินทางในบาร์เซโลนานักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตรโดยสาร Hola Barcelona Travel Card สำหรับเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง บัตรนี้ยังสามารถใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในบาร์เซโลนาได้ไม่จำกัดเที่ยว ตามระยะเวลา 2-5 วัน ครอบคลุมถึงรถโดยสารประจำทาง (TMB) รถไฟใต้ดิน รถราง รถไฟกระเช้าไฟฟ้ามองต์คูอิก และรถไฟโดยสารที่ดำเนินการโดย Renfe และ FGC ภายในโซน 1 สะดวกและคุ้มค่าแบบนี้ต้องมีไว้ติดตัวแล้วแหละ
19. การเดินทางเข้าเมืองจากสนามบิน
บาร์เซโลนามีสนามบินหลัก คือ Barcelona–El Prat Airport (BCN) หรือที่รู้จักกันในชื่อท่าอากาศยานนานาชาติบาร์เซโลนา-เอล แปรต ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กม. มีอาคารผู้โดยสารหลัก 2 แห่ง คือ เทอร์มินอล 1 (T1) และเทอร์มินอล 2 (T2) ซึ่งเทอร์มินอล 1 เป็นอาคารที่ใหม่และใหญ่กว่า ในขณะที่เทอร์มินอล 2 แบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ T2A, T2B และ T2C อาคารผู้โดยสารหลักทั้ง 2 แห่งสามารถเชื่อมต่อถึงกันสะดวกด้วยรถชัทเทิลบัสรับส่งฟรี
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงสนามบินสามารถเดินทางต่อเข้าเมืองด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ครอบคลุมถึงรถชัทเทิลบัส (Aerobus) รถไฟ รถไฟใต้ดิน รถบัสกลางคืน รถรับส่งส่วนตัว และรถแท็กซี่ อย่าลืมจำทอร์มินอลที่เดินทางมาถึงเนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะเข้าเมืองตั้งอยู่ในทอร์มินอลที่แตกต่างกัน
20. การเดินทางในบาร์เซโลนาด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
บาร์เซโลนามีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้การเดินทางรอบเมืองสะดวกสบาย โดยแบ่งพื้นที่เดินทางออกเป็น 6 โซนด้วยกัน คือ โซนที่ 1 เป็นพื้นที่ในเมืองบาร์เซโลนาและระบบรถไฟใต้ดินทั้งหมด ส่วนโซนที่ 2-6 ครอบคลุมเมืองและเขตเมืองโดยรอบ และขยายไปถึง Blanes, Vic, Manresa และ Calafell ผู้เดินทางสามารถเลือกเดินทางด้วยตัวเลือก เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟใต้ดิน รถราง รถไฟกระเช้าไฟฟ้ามองต์คูอิก และรถไฟโดยสารที่ดำเนินการโดย Renfe และ FGC ตามความสะดวก
ค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนในบาร์เซโลนา เช่น รถไฟใต้ดิน รถราง รถโดยสารประจำทาง แบบเที่ยวเดียวราคา 2.40 ยูโร สามารถหาซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วในสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง รวมถึงเครื่องขายตั๋วที่สถานีรถราง และบนรถบัส เมื่อได้ตั๋วมาแล้วอย่าลืมตรวจตั๋ว โดยสอดบัตรตามทิศทางที่ลูกศรระบุลงในเครื่องบนรถบัส ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสามารถตรวจตั๋วได้ที่เครื่องอ่านการ์ดหน้าประตูทางเข้าสถานี ส่วนรถรางมีเครื่องอ่านการ์ดบนรถเช่นกัน เพื่อความประหยัดนักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้ตั๋ว T-dia, T-casual, T-familiar หรือบัตร Hola Barcelona Travel Card
หมายเหตุ: ตั๋วเที่ยวเดียว T-casual และ T-familiar ไม่รวมการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินและรถ Aerobus เส้นทางสนามบินและใจกลางเมือง ถ้าต้องการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินแนะนำให้ใช้ตั๋วเที่ยวเดียวสนามบินราคา 5.15 ยูโร หรือใช้ตั๋ว T-dia (10.50 ยูโร) และบัตร Hola Barcelona Travel Card ( 2 วัน ราคา 16.40 ยูโร) เดินทางได้เช่นกัน
นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน รถราง และรถบัสแล้ว บาร์เซโลนาและแคว้นกาตาลุญญาของสเปนยังมีรถไฟหลักให้บริการอยู่ 3 แบบ ดำเนินการโดยการรถไฟแห่งชาติของสเปน (Renfe) ได้แก่ รถไฟชานเมือง (Cercanías) เชื่อมต่อบาร์เซโลนาและภูมิภาคใกล้เคียง เหมาะสำหรับการเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับหรือสำรวจที่เที่ยวนอกเมือง เช่น ซิตเกส มอนต์เซอร์รัต และคอสตาบราวา ในขณะที่รถไฟภูมิภาค (FGC) เชื่อมต่อกับบาร์เซโนากับภูมิภาคคาตาโลเนีย
รวมถึงรถไฟความเร็วสูง AVE เชื่อมต่อสเปนและฝรั่งเศส เช่น มาร์กเซย์และลียง บาร์เซโลนาและลียง และยังครอบคลุมเส้นทางในประเทศ เช่น บาร์เซโลนา มาดริด เซวิญ่า มาลากา วาเลนเซีย ซาราโกซ่า และอาลีกันเต้ ตั๋วเดินทางมีจำหน่ายที่เคาน์เตอร์และเครื่องบริการตนเองตามสถานีรถไฟ Barcelona Sants, Barcelona Passeig de Gràcia และ Barcelona Estació de França หรือจองผ่านเว็บไซต์และแอป Renfe
21. รถไฟความเร็วสูงจากบาร์เซโลนาไปมาดริด
เส้นทางรถไฟความเร็วสูง AVE ของสเปนที่ได้รับความนิยม คือ บาร์เซโลนา–มาดริด วิ่งด้วยความสูงสุด 310 กม./ชม. ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางได้ถึง 2.30 ชม. โดยไม่แวะพักหรือเปลี่ยนขบวน รถไฟมาพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น เครื่องปรับอากาศ ปลั๊กไฟ และอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี พิเศษ! เมื่อซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง AVE หรือรถไฟทางไกลที่ดำเนินการโดย Renfe สามารถรับตั๋ว “Combinado Cercanías ticket” สำหรับเดินทางฟรีด้วยรถไฟภูมิภาค Cercanías, Rodalies และการขนส่ง FEVE รวมถึงรถราง Alicante
22. ลองใช้บริการรถบัสนำเที่ยวถ้าไม่สะดวกเดิน
บาร์เซโลนาเป็นเมืองที่ใหญ่มาก และใช่ว่าทุกคนจะสะดวกในการเดินเที่ยว อาจจะด้วยข้อจำกัดเรื่องของสุขภาพ อายุ หรือมากับครอบครัวที่มีเด็กหลายคน ด้วยรถบัสนำเที่ยวสามารถอำนวยความสะดวกให้กับสถานการณ์เหล่านี้ เพียงซื้อตั๋วแล้วสามารถขึ้นรถบัสและจับจองที่นั่งได้ตามสะดวก ตั๋วยังมีแบบ 24 ชั่วโมงให้เลือกใช้บริการ สามารถนั่งยาว ๆ ขึ้นลงป้ายไหนก็ได้ไม่จำกัด
รถบัสจะพาไปจอดตามป้ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์ดของเมืองครอบคลุมถึงซากราดาฟามีเลีย สวนปาร์กเกวย์ ค่าซ่าบัตโล่และคาซ่ามิลา และอื่น ๆ จากป้ายเหล่านี้สามารถเข้าชมที่เที่ยวใกล้เคียง แล้วกลับมารอรถเพื่อนั่งต่อไปยังป้ายถัดไป วิธีนี้นับว่าสะดวกสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบไม่ต้องเดินไกล ที่สำคัญตั๋วยังมาพร้อมเครื่องบรรยายออดิโอไกด์ สำหรับรับฟังข้อมูลตามจุดต่าง ๆ บางครั้งคนขับก็ทำหน้าที่เป็นไกด์ไปในตัว นับว่าเป็นตัวเลือกน่าสนใจที่ควรพิจารณาลองให้ประสบการณ์กับตัวเองในราคาเพียง 30-35 ยูโร
23. ขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามองต์คูอิก
ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะในบาร์เซโลนาไปแล้ว ถ้ามีเวลาเหลือประมาณ 1-2 ชั่วโมงลองแวะไปเที่ยวต่อที่ยอดเขามองต์คูอิกซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทและสวนดอกไม้ และยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถมองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามาได้อย่างสวยงาม วิธีการที่จะขึ้นไปยอดเขามองต์คูอิกมีหลายวิธี วิธีที่สะดวกที่สุด คือ นั่งรถไฟกระเช้าไฟฟ้ามงต์คูอิกเชื่อมต่อไปยังสถานีขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามองต์คูอิก จากนั้นกระเช้าจะพาไปยอดเขามองต์คูอิกภายใน 5-15 นาที
รถไฟกระเช้าไฟฟ้า (FM) เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟใต้ดิน Paral lel สาย L2 และ L3 ไปยังเขามองต์คูอิกที่สถานี Parc de Montjuïc ถ้ามาถึงสถานี Paral lel ให้เดินตามป้ายที่เขียนว่า “Montjuïc Funicular” ไปประมาณ 5 นาทีจะเจอกับจุดจอดรถไฟกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งให้บริการตามรอบเวลา จากนั้นรถไฟจะเคลื่อนตัวขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 13 นาที เมื่อถึงเนินเขาแล้วสามารถแวะพักชมวิว ชมสวนดอกไม้หรือพิพิธภัณฑ์ หรือเดินทางต่อด้วยกระเช้าลอยฟ้ามองต์คูอิก (Telefèric de Montjuïc) ไปยังยอดเขามองต์คูอิก การเดินทางใช้เวลาประมาณ 5 นาที เมื่อถึงยอดเขาแล้วสามารถมองเห็นวิวแบบสุดลูกหูลูกตา และยังสามารถเข้าชมปราสาทมองต์คูอิกได้อีกด้วย
รถไฟกระเช้าไฟฟ้ามงต์คูอิกเปิดทุกวัน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงตุลาคม วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 07:30-22:00 น. วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์: เวลา 09:00-22:00 น. ในขณะที่ระหว่างสิ้นเดือนตุลาคมถึงสิ้นเดือนมีนาคม วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 07:30-20:00 น. วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์: เวลา 09:00-20:00 น. ราคาตั๋วเที่ยวเดียวเท่ากับการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินหรือรถบัส และยังมีตั๋วโดยสารรวม T-dia, T-casual, T-familiar หรือบัตร Hola Barcelona Travel Card ส่วนกระเช้าลอยฟ้ามองต์คูอิกเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น. ฤดูท่องเที่ยวเปิดจนถึงเวลา 21:00 น. ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 10 ยูโร ไปกลับ 15 ยูโร
24. มีพิพิธภัณฑ์ฟรีให้เข้าชม
นอกจากที่เที่ยวในบาร์เซโลนาที่ต้องเสียค่าเข้าชมแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรี โดยมีรอบเวลาพิเศษทั้งในวันธรรมดาและวันเสาร์อาทิตย์ เช่น
25. จุดชมวิวสวยที่ห้ามพลาด
บาร์เซโลนาไม่ได้มีแค่หอคอยมหาวิหารซากราดาฟามีเลียสำหรับชมทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองเท่านั้น แต่ยังมีจุดชมหลายแห่งที่จะพาทุกคนไปสัมผัสความสวยงามของเมืองจากมุมสูง จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด คือ Bunkers del Carmel เป็นอดีตบังเกอร์เพื่อปกป้องบาร์เซโลนาจากการโจมตีทางอากาศ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบาร์เซโลนาแบบ 360 องศาไม่มีสิ่งกีดขวาง ที่นี่ยังสวยงามเป็นพิเศษช่วงพระอาทิตย์ตกดิน รวมถึงตอนกลางคืนที่มองเห็นสภาพบ้านเมืองพร้อมไฟประดับ
อีกที่หนึ่งก็คือ Parc del Carmel ตั้งอยู่ใกล้กับสวนปาร์กเกวย์เพียง 13 นาที วิวที่เห็นสุดลูกหูลูกตาคล้ายกับที่แรกเลย แต่เดินทางง่ายกว่า หรือถ้าใครไม่อยากเดินไกลที่ปาร์กเกวย์ก็มีจุดชมวิวหลายจุดเหมือนกัน เช่น Turó de les Tres Creus และ Mirador de Joan Sales ใช้เวลาเดินจากสวนประมาณ 5 นาที
จุดชมวิวต่อมา คือ Mirador de Montjuic ตั้งอยู่บนยอดเขามองต์คูอิก เดินทางสะดวกด้วยกระเช้าไฟฟ้า ตอนขึ้นกระเช้ามองเห็นวิวเมืองสวยเหมือนกัน พอขึ้นไปบนยอดเขาแล้วจะเป็นที่ตั้งของปราสาทมองต์คูอิก ด้านในมีจุดชมวิวของปราสาทสามารถมองเห็นท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ชายหาดบาร์เซโลนาและวิวเมืองที่สวยงาม
ถ้าใครอยากไปแบบใกล้ ๆ ลองแวะไปที่ Columbus Monument ตั้งอยู่สุดถนนลารัมบลาติดกับฝั่งถนนท่าเทียบเรือ Rambla De Mar ข้างบนมีวิวสวยแบบสุดลูกหูลูกตา และไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเดินขึ้นบันไดเพราะมีลิฟต์บริการ อย่าลืมเตรียมค่าเข้าชมไว้ด้วย 8 ยูโร ส่วนใครที่อยากเห็นวิวแบบใจกลางเมืองเลยแถมยังมีเครื่องดื่มบริการด้วย ลองแวะไปที่ Barceló Raval เป็นบาร์ชั้นด่านฟ้าตั้งอยู่ที่ลารัมบลาเช่นกัน ด้านบนเปิดโล่งมีบาร์พร้อมที่นั่งสำหรับดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามของเมือง
นอกจากจุดชมวิวที่กล่าวไปแล้วยังมีจุดชมวิวอีกหลายแห่งที่สามารถแวะไปได้ตามความสะดวกเช่น เช่น Parc d’atraccions Tibidabo สวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสเปนและยุโรป มีโบสถ์ Temple of the Sacred Heart of Jesus และยังสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของบาร์เซโลนาและภูมิภาคโดยรอบ ใกล้กับสวนสนุกยังมี Observatori Fabra ซึ่งเป็นหอดูดาวบนยอดเขาด้วยกล้องโทรทรรศน์ และยังสามารถทานมื้อค่ำพร้อมชมบรรยากาศของเมืองไปในตัวได้อีกด้วย
26. กิจกรรมนอกสายตาที่ลองทำได้
นอกเหนือจากการเข้าชมที่เที่ยวสำคัญหรือพิพิธภัณฑ์กันไปแล้วหลายคนอาจจะมองหากิจกรรมอื่น ๆ ทำเพื่อความหลากหลาย ซึ่งเอาจริง ๆ ในบาร์เซโลนามีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก รายการด้านล่างเราคัดสรรมาให้แล้ว ลองพิจารณาเอาไปปรับเข้ากับแพลนเที่ยวของตัวเองได้ตามสะดวก
27. ต้องให้ทิปไหมในบาร์เซโลนา
การให้ทิปในบาร์เซโลนาและทั่วสเปนค่อนข้างแตกต่างจากการให้ทิปในประเทศอื่น ๆ แม้จะไม่ได้เป็นเรื่องที่บังคับแต่การให้ทิปก็ถือเป็นกำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับพนักงาน ในร้านอาหารเป็นเรื่องปกติที่จะให้ทิป ถ้าอาหารอร่อยและชื่นชอบในการบริการสามารถให้ทิปตามปกติ 10-15% บางร้านอาจจะรวมค่าบริการมาแล้ว ถ้าไม่ได้รวมมาสามารถบวกเพิ่มตอนจ่ายเงิน ในขณะที่ร้านกาแฟและบาร์ ถ้าสั่งเครื่องดื่มเฉย ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ทิป ถ้าสั่งอาหารแนะนำให้ปัดเศษเงินไว้เป็นทิป หรือเหลือเศษเงินทอนไว้เป็นทิป สำหรับคนที่เดินทางด้วยแท็กซี่ไม่จำเป็นต้องให้ทิปแก่คนขับ แต่ถ้าพนักงานช่วยยกกระเป๋าด้วยอาจจะให้ทิปเล็ก ๆ น้อย
การบริการในโรงแรม เช่น พนักงานยกกระเป๋าและแม่บ้าน สามารถให้ทิปเล็กน้อยสำหรับการบริการที่ดี ส่วนบริการรูมเซอร์วิสของโรงแรม สามารถพิจารณาให้ทิปถ้าบริการดี นอกจากนี้ยังมีทิปสำหรับมัคคุเทศก์ ถ้าชื่นชอบสามารถให้ทิปได้ตามดุลยพินิจ รวมถึงบริการอื่น ๆ เช่น ร้านทำผมหรือสปาไม่จำเป็นต้องให้ทิป แต่สามารถปัดเศษเงินจากค่าบริการไว้เป็นทิปได้เช่นกัน
28. จ่ายเงินด้วยบัตรสะดวก
บาร์เซโลนาเปิดรับวิธีการชำระเงินแบบไร้สัมผัสตั้งแต่ปี 2012 และให้บริการอย่างแพร่หลายจนแทบไม่ต้องพกเงินสดเลยก็ว่าได้ (แต่ก็ควรมีติดตัวไว้) รวมถึงวิธีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและเดบิต เช่น VISA, MasterCard และ Maestro ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดในบาร์เซโลนา เมื่อจ่ายเงินค่าสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ยูโรไม่ต้องใช้รหัสพิน แต่ถ้าเกินกว่านี้ต้องกดรหัสพินสี่หลักบนเครื่องอ่านบัตรเพื่ออนุมัติการจ่าย
นอกจากนี้ยังการชำระเงินยังรวมไปถึงตัวเลือกผ่านมือถือ เช่น Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay โดยเฉพาะในร้านอาหาร ร้านค้า การขนส่งสาธารณะ และสถานประกอบการอื่น ๆ ทั่วเมือง วิธีการเหล่านี้ช่วยอำนวยสะดวกในการเที่ยวและช่วยลดความจำเป็นในการพกเงินสดอีกด้วย
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
29. บาร์เซโลนาเป็นเมืองที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
แต่ก็เช่นเดียวกับจุดหมายปลายทางในเมืองใหญ่ ๆ ที่ต้องระมัดระวังระมัดระวังทรัพย์สินของมีค่าอยู่เสมอ เพราะอาจโดนล่วงกระเป๋า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน บนระบบขนส่งสาธารณะ และบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม นอกเหนือจากการล้วงกระเป๋าแล้ว อาจมีการแย่งชิงกระเป๋าในที่สาธารณะที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงการหลอกลวงนักท่องเที่ยวที่มาในรูปแบบการสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเงินหรือสิ่งของมีค่าจากนักท่องเที่ยว และไม่ควรเดินในเวลากลางคืนหรือบริเวณที่มีแสงสว่างน้อยคนเดียว และระวังทรัพย์สินเวลาไปเที่ยวชายหาด ขณะว่ายน้ำหรืออาบแดด
อย่าลืมบันทึกหรือจดจำหมายเลขโทรศัพท์เหล่านี้ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น 112: สำหรับเหตุฉุกเฉินทั่วไป 061: สำหรับเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ 080: หน่วยดับเพลิง 088: สำหรับแจ้งการโจรกรรมหรืออาชญากรรม 091: สำหรับตำรวจแห่งชาติสเปน และ 092: สำหรับตำรวจท้องที่
30. การเดินทางไปบาร์เซโลนาจากอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากบาร์เซโลประมาณ 1,538 กม. นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเที่ยวบาร์เซโลสามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากเมืองใกล้เคียงได้สะดวก เช่น อัมสเตอร์ดัม บรัสเซลส์ ปารีส บอร์โด หรือมาดริด ครอบคลุมตัวเลือกด้วยเที่ยวบิน รถไฟ รถโคช และรถยนต์ ดังรายละเอียด
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡