เที่ยวยิบรอลตาร์ (Gibraltar) ดินแดนขนาดกะทัดรัดที่ต้องบอกเลยว่าโดดเด่นสุด ๆ ด้วยสันเขาหินปูนที่มีความสูงถึง 426 เมตร และมีพื้นที่เล็กมากจนน่าตกใจเพียง 6.7 ตารางกิโลเมตร ทำให้บ้านเรือนส่วนใหญ่ตั้งอยู่ตามด้านล่างของสันเขาหินปูน แต่นั้นก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ต้องไปสัมผัสความแตกต่างอย่างลงตัวนี้ด้วยตัวเอง
ยิบรอลตาร์ยังตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ที่มีช่องแคบแยกออกจากทวีปแอฟริกาเหนือ เกิดเป็นพื้นที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้าด้วยกัน ทำให้ยิบรอลตาร์เป็นจุดสำคัญสำหรับเส้นทางการเดินเรือและการขนส่ง จึงไม่แปลกใจเลยว่าถ้ามาเที่ยวที่นี่จะเห็นท่าเรือท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยวิวทะเลสวย ๆ แบบนับไม่ถ้วน
ทำไมต้องไปเที่ยวยิบรอลตาร์
คำถามนี้ฟังแล้วอาจจะตอบได้หลายแง่มุม แต่เสน่ห์หลัก ๆ ของยิบรอลตาร์ก็คือการเป็นดินแดนทะเลของอังกฤษที่ตั้งอยู่ติดกับประเทศสเปน จึงตอบโจทย์นักเดินทางที่อยากจะเช็คลิสต์ประเทศเล็ก ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปกัน แต่พอไปแล้วก็เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง เช่นเดียวกับประเทศลิกเตนสไตน์ที่เรายอมขับรถหลายชั่วโมงจากเวียนนาเพื่อไปเยือนด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องขอบคุณประสบการณ์อันบ้าคลั่งเพราะคุ้มอยู่ไม่น้อยถ้าเทียบกับการผจญภัยที่มีความหมายมากกว่าระยะทาง
ยิบรอลตาร์ยังมีเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ตั้งอยู่บนสันเขาหินปูน พร้อมที่เที่ยวอีกกว่า 20 แห่ง ที่จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสประสบการณ์การเดินเที่ยวและชมวิวจากมุมสูงที่ไม่เหมือน รวมถึงเป็นที่อยู่ของลิงแสมบาร์บารี ซึ่งเป็นลิงป่าเพียงชนิดเดียวในยุโรป (ปกติในยุโรปจะไม่มีลิง) การได้เห็นลิงในยิบรอลตาร์ก็เลยเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอีกด้วย นอกจากลิงแสมบาร์บารีแล้วที่ยิบรอลตาร์ยังเหมาะสำหรับการชมปลาโลมาด้วย เพราะมีพื้นที่แหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสารอาหารจนสามารถดึงดูดปลาโลมาได้ตลอดทั้งปี
ท้ายที่สุดที่อยากชวนให้มาเที่ยวยิบรอลตาร์สักครั้งในชีวิตก็คือใช้เวลาเดินทางจากเซวิญ่าเพียง 2 ชั่วโมง แล้วก็เป็น 2 ชั่วโมงที่ต้องบอกว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้เห็นบรรยากาศบ้านเมืองที่แตกต่างจากสเปน และยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายประเทศอังกฤษ ทั้งยังสะดวกด้วยการขับรถเที่ยวหรือเข้าร่วมทัวร์แบบเดย์ทริปได้เช่นกัน
พิจารณาใช้บัตรยิบรอลตาร์พาส (GibraltarPass)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความประหยัดแนะนำให้บัตร GibraltarPass บัตรนี้ไม่ได้มาพร้อมตั๋วเดินทางด้วยรถบัสไปกลับจากป้ายด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังใจกลางเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมตั๋วขึ้นกระเช้าลอยฟ้า และการเข้าชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ และที่เที่ยวต่าง ๆ อีกกว่า 15 แห่ง พร้อมไกด์ทัวร์สันเขาหินปูนยิบรอลตาร์อีกด้วย สะดวกและครอบคลุมแบบนี้ต้องมีไว้ใช้เที่ยวยิบรอลตาร์ด้วยตัวเองเด้อ
การเดินทางไปยิบรอลตาร์จากเซวิญ่า
เซวิญ่า (Seville) ตั้งอยู่ห่างจากยิบรอลตาร์ประมาณ 200 กม. วิธีที่เดินทางสะดวกที่สุดคือขับรถยนต์ โดยสามารถใช้เส้นทางหลวง AP-4 (E-5) จากเซวิญ่าเพื่อเชื่อมต่อไปยังเมืองเจเรซ (Jerez de la Frontera) จากนั้นขับต่อไปยังทางหลวง A-381 ตามด้วย A7 และ CA-34 จนกว่าจะถึงยิบรอลตาร์ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) เมื่อถึงยิบรอลตาร์แล้วแนะนำให้จอดรถไว้ที่ฝั่งประเทศสเปนตรง Parking Sta. Bárbara (12 ยูโร/5 ชั่วโมง) ซึ่งอยู่ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองยิบรอลตาร์เพียง 5 นาที ที่จอดรถให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า
เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วสามารถขึ้นรถบัสของ Citibus คันสีแดงหมายเลข 5/10 เส้นทาง City Center – Cable Car จากป้าย Frontier Bus Terminus (กดเพื่อดูแผนที่) ไปลงที่ป้าย Boyd Street Terminus (Cable Car) (กดเพื่อดูแผนที่) ซึ่งอยู่ใกล้สถานีขึ้นกระเช้าไฟฟ้าและใจกลางเมือง การเดินทางใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ค่ารถบัสเที่ยวเดียว 2.40 ยูโร ไปกลับ 3.60 ยูโร สามารถซื้อได้กับคนขับบนรถหรือใช้บัตรยิบรอลตาร์พาส
ต้องใช้วีซ่าสำหรับเที่ยวยิบรอลตาร์ไหม
ยิบรอลตาร์เป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เชงเก้น ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้วีซ่าเชงเก้นเพื่อเดินทางเข้ายิบรอลตาร์ได้ แต่ยังคงต้องใช้วีซ่าเชงเก้นเพื่อเดินทางเข้าประเทศสเปน (หากเที่ยวจากเซวิญ่า) เนื่องจากมีพรมแดนติดกับสเปน
โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากประเทศไทยสามารถขอวีซ่าสำหรับสหราชอาณาจักรโดยตรงเพื่อใช้เดินทางเข้ายิบรอลตาร์ ส่วนนักท่องเที่ยวไทยที่อาศัยอยู่ในยุโรปและมีวีซ่าครอบครอบครัวอย่างถูกต้องตามกฎหมายสามารถใช้เดินทางเข้ายิบรอลตาร์ได้เช่นกัน ส่วนชาวยุโรปหรือชาวต่างชาติที่ถือสัญชาติยุโรปแล้วสามารถใช้พาสปอร์ตเพื่อเดินทางเข้ายิบรอลตาร์ได้เลย
ทั้งนี้แนะนำให้ตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหราชอาณาจักรเพื่อดูข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับข้อกำหนดวีซ่าและกฎเกณฑ์การเข้าเมือง (เราก็ส่งอีเมล์ไปสอบถามจนแน่ใจก่อนตัดสินใจไปเที่ยวที่นี่)
ที่เที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจในยิบรอลตาร์แบบเดย์ทริป
เที่ยวยิบรอลตาร์: เดินเล่นบนถนนชอปปิงสายหลัก (Main Street Shopping Gibraltar)
แน่นอนว่าเมื่อมาถึงยิบรอลตาร์ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปเดินเล่นบนถนนชอปปิงสายหลัก ถนนนี้ตั้งอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ Boyd Street Terminus (Cable Car) ที่เรานั่งมาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองประมาณ 10 นาที พอมาถึงแล้วจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เหมือนกำลังเดินอยู่ในประเทศอังกฤษเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการประดับธงชาติอังกฤษและสำเนียงการพูดแบบบริติช ตลอดสองฝั่งทางเดินยังเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านกาแฟที่มีต้นฉบับมาจากอังกฤษตั้งอยู่หลายแห่ง พอได้มาเห็นด้วยตัวเองแทบไม่เชื่อเลยดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษจะมาอยู่ในยุโรปที่ห่างจากอังกฤษพอสมควร
นอกจากบรรยากาศแบบบริติชที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นในย่านถนนชอปปิงสายหลักแล้ว ยังรวมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไว้หลายแห่ง เช่น อาคารรัฐบาลยิบรอลตาร์ (HM Government of Gibraltar) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในยิบรอลตาร์ (King’s Chapel) ถ้าเดินต่อไปทางขวามือจะเจอกับศาลปกครองส่วนท้องถิ่น (Magistrates’ Court) ที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิหารแองกลิกัน (Holy Trinity Cathedral Anglican) พอเดินต่อไปอีกก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติยิบรอลตาร์ (The Gibraltar National Museum) ก่อนจะถึงพื้นที่ของย่านถนนชอปปิงสายหลักที่อยู่ใกล้กับศาลากลางยิบรอลตาร์นั้นเอง ทั้งหมดนี้เอาเป็นว่าใจกลางเมืองมีขนาดเล็กมาก ใช้เวลาเดินชมประมาณ 30-40 นาทีก็ครอบคลุมส่วนสำคัญเกือบทั้งหมด
เที่ยวยิบรอลตาร์: ทานฟิชแอนด์ชิปส์ (Fish & Chips)
เดินเล่นที่ย่านใจกลางเมืองพอประมาณก็ต้องมาลองทานฟิชแอนด์ชิปส์ หรือปลาทอดกับมันฝรั่งทอด ซึ่งเป็นอาหารคลาสสิกที่สะท้อนถึงอิทธิพลของอังกฤษ ร้านที่เราแวะไปก็คือ Caffè Bottega ตั้งอยู่ใกล้ถนนสายหลักเลย เมนูทางร้านมีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ฟิชแอนด์ชิปส์ไปจนถึงพาสต้า แน่นอนว่าเราก็สั่งฟิชแอนด์ชิปส์มาลอง (เผื่อตอนที่ไปเที่ยวอังกฤษในอนาคตจะได้คุ้นชินกับรสชาติอาหารของที่นั้น) พอลองแล้วก็ตามสไตล์ฟิชแอนด์ชิปส์เลย สำหรับราคาอาหารอยู่ที่จานละ 13 ยูโร สรุปจ่าย 2 คนอยู่ที่ประมาณ 30.20 ยูโร รวมเครื่องดื่ม ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่ได้ลองเมื่อมาเยือนยิบรอลตาร์
เที่ยวยิบรอลตาร์: ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า (Gibraltar Cable Car)
อิ่มท้องมื้อเที่ยงแล้วต่อไปเราก็จะไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติยิบรอลตาร์ที่ตั้งอยู่บนสันเขาหินปูนอันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง สถานีขึ้นกระเช้าลอยฟ้าตั้งอยู่ห่างจากป้ายรถบัสที่เรานั่งมาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองเพียง 3 นาที ถ้าเดินมาจากถนนชอปปิงใช้เวลาประมาณ 15 นาที
พอมาถึงจะเห็นกระเช้าลอยฟ้าตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือนักท่องเที่ยวควีนส์เวย์คีย์ (Queensway Quay) กระเช้านี้ให้บริการตามรอบเวลาทุก ๆ 10 นาที ตัวกระเช้ามีขนาดใหญ่พอสมควรสามารถจุผู้โดยสารได้รอบละประมาณ 30 คน ถ้าใครมีบัตรยิบรอลตาร์พาสแล้วใช้สแกนขึ้นกระเช้าได้เลย แต่ถ้าไม่มีสามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้ากับพนักงาน พอขึ้นมาแล้วก็หาที่จับให้มั่น (แนะนำให้เลือกยืนใกล้กับหน้าต่างจะได้เห็นวิวชัดเจน)
รอผู้โดยสารขึ้นมาบนกระเช้าจนครบไม่นานก็ถึงเวลาที่กระเช้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ วิวที่เห็นระหว่างทางต้องบอกว่าสวยอลังการเลยทีเดียว มองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของพื้นที่โดยรอบ รวมถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ช่องแคบยิบรอลตาร์ และเมืองด้านล่าง ทั้งหมดนี้แทบไม่เชื่อสายตาเลยว่าดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษจะเล็กขนาดนี้แต่ดูก็น่าทึ่งทีเดียว เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขา ในขณะที่พื้นที่ตอนล่างติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เอาเป็นว่าพอมาอยู่รวมกันแล้วแทบไม่เชื่อเลยว่าใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงก็ได้สัมผัสบ้านเมืองที่แตกต่างจากสเปนพอสมควร
แม้จะใช้เวลาบนกระเช้าเพียง 6 นาที บวกกับเส้นทางที่มีความยาวประมาณ 412 เมตร แต่ก็ได้เห็นวิวจากมุมสูงกำลังดี ก่อนที่กระเช้าจะพาเราไปถึงสันเขาด้านบนสุดที่สถานี Cable Car Top Station พอเดินออกจากกระเช้าสามารถขึ้นไปบนจุดชมวิว (Gibraltar viewing platform) เพื่อชมวิวมุมกว้างที่สวยงามอีกรอบ ไล่ตั้งแต่แผ่นดินใหญ่ของสเปน แนวชายฝั่งแอฟริกา และจุดบรรจบกันของมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งหมดนี้คุ้มค่าตั๋วที่จ่ายไป
เที่ยวยิบรอลตาร์: เดินเล่นในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติยิบรอลตาร์ (Upper Rock Nature Reserve)
กิจกรรมต่อไปก็คือการเดินเล่นในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นไฮไลท์เมื่อมาเยือนยิบรอลตาร์เลยก็ว่าได้ เพราะเขตอนุรักษ์ธรรมชาตินี้รวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้เกือบ 20 แห่ง ครอบคลุมถึงสกายวอล์ค ถ้ำเซนต์ไมเคิล สะพานแขวนวินด์เซอร์ กำแพงชาร์ลส์ อุโมงค์ปิดล้อมอันยิ่งใหญ่ และปราสาทมัวร์ เรียกได้ว่าได้เดินเที่ยวชมธรรมชาติอย่างเต็มอิ่มอย่างแน่นอน
การเข้าสู่เขตเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสามารถใช้บัตรยิบรอลตาร์พาส หรือตั๋วรวมที่ซื้อมาจากสถานีขึ้นกระเช้าด้านล่างได้เลย ถ้ายังไม่ได้ซื้อมาสามารถซื้อได้กับเจ้าหน้าที่ตรงประตูทางเข้า (รับจ่ายด้วยบัตรเครดิต) จากนั้นจะได้รับแผนที่นำเที่ยวและสายรัดข้อมือเอาไว้ใช้เป็นตั๋วสแกนเวลาที่เข้าชมที่เที่ยวต่าง ๆ ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ
พอผ่านประตูทางเข้ามาแล้วก็สามารถเดินไปต่อตามถนนลาดยางที่เป็นทั้งถนนคนเดินและเส้นทางเดินรถในเวลาเดียวกัน ระหว่างทางก็มีจุดแวะพักชมวิวหลายแห่ง รวมถึงจุดที่สามารถไต่โขดหินขึ้นไปถ่ายภาพที่มีฉากหลังเป็นสันเขาและจุดที่สูงที่สุดของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติได้อย่างลงตัว
เที่ยวยิบรอลตาร์: พบปะฝูงลิงบาร์บารี (Barbary macaque)
นอกจากเขตอนุรักษ์ธรรมชาติยิบรอลตาร์จะเป็นสวรรค์สำหรับผู้รักธรรมชาติแล้ว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเขตสงวนนี้คือเป็นที่อยู่ของลิงแสมบาร์บารี ซึ่งเป็นลิงป่าเพียงชนิดเดียวในยุโรป (ปกติในยุโรปจะไม่มีลิง) สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการนำเข้ามาในฐานะของสัตว์เลี้ยงหรือเพื่อการละเล่นละครสัตว์ การได้เห็นลิงในยิบรอลตาร์ก็เลยเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอีกด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต่างตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ
นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นลิงบาร์บารีได้ตลอดเส้นทางรวมถึงจุดชมวิวที่มีคนอยู่เยอะ ๆ เพราะน้องชอบมีปฏิสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวและไม่กลัวคนเลย แถมยอมให้เดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อถ่ายรูปด้วย แต่ถึงยังไงก็ควรระมัดระวังสัมภาระและไม่ควรให้อาหารลิง เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าอาจจะไปรบกวนพฤติกรรมการหาอาหารตามธรรมชาติของพวกมัน และอาจจะส่งผลต่อปัญหาด้านสุขภาพของลิงด้วย แต่โดยปกติลิงนี้ไม่ทำร้ายมนุษย์
เที่ยวยิบรอลตาร์: เดินเล่นบนสกายวอล์คยิบรอลตาร์ (Skywalk Gibraltar)
พบปะฝูงลิงบาร์บารีเป็นที่เรียบร้อยจุดต่อไปที่ไม่ควรพลาดก็คือสกายวอล์คยิบรอลตาร์ ที่ยื่นออกมาจากขอบหน้าผาเหนือเนินทรายจูราสสิกด้านล่าง โดยมีไฮไลท์คือพื้นกระจกแบบโปร่งใสที่มีความสูงประมาณ 340 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
พอขึ้นไปเดินบนสกายวอล์คสัมผัสได้ทั้งความตื่นเต้นและได้ชมวิวสวย ๆ ในเวลาเดียวกัน มองเห็นทวีปยุโรปและแอฟริกาที่มาบรรจบกัน รวมถึงเส้นทางการเดินเรือที่แล่นผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถ้าหันไปทางซ้ายมือจะเห็นเส้นทางที่เราเดินมาจากสถานีขึ้นกระเช้าลอยฟ้า บริเวณนี้ยังสามารถพบลิงบาร์บารีได้ด้วย โดยเฉพาะตรงทางเดินขึ้นบันได
ใกล้กับสกายวอล์คยังมีทางแยกฝั่งขวามือสำหรับเดินขึ้นไปชมจุดที่สูงที่สุดของหินยิบรอลตาร์ที่เรียกว่า O’Hara’s Battery เส้นทางค่อนข้างสูงชันแต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดีและมีเชือกให้จับในส่วนที่ลาดชันที่สุด การเดินใช้เวลาประมาณ 15 นาที (ขึ้นอยู่กับความเร็ว) ถ้าเหนื่อยสามารถแวะพักระหว่างทางได้ ที่สำคัญอย่าลืมใส่รองเท้าที่เหมาะสำหรับการเดิน และเตรียมขนมและน้ำดื่มไปด้วยสักขวด
นอกจากจุดที่สูงที่สุดของหินยิลรอลตาร์ถ้าเดินจากสกายวอล์คต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จะเจอกับทางเดินไปยังบันไดเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Steps) ที่เหมาะสำหรับการชมวิวและพระอาทิตย์ตกเย็น
เที่ยวยิบรอลตาร์: ชมถ้ำเซนต์ไมเคิล (St. Michael’s Cave)
ถ้ำเซนต์ไมเคิลตั้งอยู่บนถนน St. Michael ไม่ไกลจากบันไดเมดิเตอร์เรเนียนเท่าไรนัก และเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ จุดเด่นของถ้ำนี้คือการก่อตัวของหินปูนจากหลายศตวรรษจนเกิดเป็นหินงอกหินย้อยที่สวยงาม เมื่อบวกกับการจัดแสดงแสงสีเสียงภายในถ้ำแล้วยิ่งสร้างบรรยากาศที่เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยความที่ถ้ำเซนต์ไมเคิลมีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถใช้เวลาประมาณ 10-20 นาทีก็เดินชมจนทั่ว ติดกับทางเข้าถ้ำด้านหน้ายังมีห้องน้ำและร้านอาหารไว้บริการด้วย ถ้าใครหิวก็สามารถแวะทานจากที่นี่ได้
จากถ้ำเซนต์ไมเคิลสามารถเดินลงเนินเขาไปตามถนน Spur Battery จนสุดถนนแล้วจะเห็นทางแยกจากถนน Queen’s ฝั่งซ้ายมือจะเป็นเส้นทางไปยังพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่รวมแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น Pillars of Hercules และ Levant Battery ส่วนนี้ใช้เวลาเดินและชมประมาณ 30-40 นาที ถ้ามีเวลาอย่าลืมแวะไป
ส่วนฝั่งขวามือจากถนนควีนส์จะเป็นเส้นทางไปยังจุดชมวิวที่เราจะเดินไป จุดนี้มีระเบียงชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของยิบรอลตาร์อีกหนึ่งแห่ง วิวอาจจะไม่ได้สูงเท่ากับจุดชมวิวจากสถานีกระเช้าไฟฟ้าที่เราไปมาก่อนหน้านี้ แต่ก็สามารถมองเห็นพื้นที่ด้านล่างเมืองได้ชัดเจน
เที่ยวยิบรอลตาร์: เดินเล่นบนสะพานแขวนวินด์เซอร์ (Windsor Suspension Bridge)
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องแวะไปชมด้วยตัวเองก็คือสะพานแขวนวินด์เซอร์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากระเบียงชมวิวควีนส์ การเดินอาจจะต้องสังเกตเส้นทางดี ๆ เพราะป้ายไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร แต่ใช้กูเกิ้ลช่วยนำทางก็ผ่านไปด้วยดี โดยเดินตามเส้นทางในป่าลงไปตามเนินเขาจะเจอกับ Rooke Battery ซึ่งเป็นคลังปืนใหญ่ที่ปัจจุบันถูกทิ้งร้าง
พอผ่านจุดนี้ไปจะเจอกับทางเดินลงบันไดไปยังจุดที่เรียกว่า Royal Anglian Way ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งปิกนิกและชมวิวไปในตัว ในขณะที่ฝั่งขวามือจะเห็นเส้นทางตามระเบียงหิน มองเห็นสะพานแขวนวินด์เซอร์อยู่ไม่ไกล รวมถึงสถานีกระเช้าลอยฟ้าที่สูงมากจนแทบไม่เชื่อว่าเราเดินมาไกลจากตรงนั้น
จากจุดนั่งปิกนิกเดินต่อไปอีกแป๊บหนึ่งก็จะเจอกับสะพานแขวนวินด์เซอร์เลย สะพานนี้มีความยาว 70 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาลึกเชื่อมการเดินทางไปยังเนินเขาฝั่งตรงข้าม บรรยากาศบนสะพานดีทีเดียว มองเห็นเมืองและอ่าวยิบรอลตาร์ เอาเป็นว่าพอเห็นแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย
เที่ยวสะพานแขวนวินด์เซอร์แล้วเดินตามถนนลงเนินเขาไปอีกจะเจอกับกำแพงชาร์ลส์ซึ่งเป็นบันไดหินที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติด้านบนที่ใกล้กับสกายวอล์ค ถ้าใครยังอยากถ่ายภาพฝูงลิงบาร์บารีอีกก็มีน้องลิงนอนอาบแดดให้เก็บภาพเพิ่มเติมจากตรงนี้
เที่ยวยิบรอลตาร์: จุดชมวิวศูนย์มรดกทางทหาร (Military Heritage Centre)
จากกำแพงชาร์ลส์เราก็เดินเที่ยวกันมาเกินครึ่งทางแล้ว ต่อไปเราจะเดินตามเนินเขาผ่านเส้นทางพื้นปูนลอดใต้สถานีกระเช้าลอยฟ้าไปยังจุดต่อไปนั้นก็คือจุดชมวิวศูนย์มรดกทางทหาร ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเก็บข้อมูลประวัติศาสตร์การทหารของยิบรอลตาร์
ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีในที่สุดเราก็มาถึงจุดชมวิวศูนย์มรดกทางทหาร โดดเด่นด้วยป้อมปราการสีเขียวขาวและประดับด้วยธงชาติสหราชอาณาจักรและยิบรอลตาร์ ฝั่งขวามือจะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กสามารถเข้าถึงได้โดยใช้บันไดข้างป้อมปราการ ในขณะที่ฝั่งขวามือแน่นอนว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกหนึ่งแห่ง มองเห็นสนามบินยิบรอลตาร์ที่มีรันเวย์สั้นมาก แล้วก็ช่องแคบยิบรอลตาร์ ตรงนี้มีลิงบาร์บารีอยู่อีกเช่นกัน น้องอยู่ทุกที่เอาจริง ๆ 555
เที่ยวยิบรอลตาร์: ชมอุโมงค์ปิดล้อมอันยิ่งใหญ่ (Great Siege Tunnels)
แวะถ่ายภาพที่จุดชมวิวศูนย์มรดกทางทหารแล้วถ้าใครที่มีเวลาอีกประมาณ 30-40 นาที และสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ทางทหารอย่าลืมแวะไปที่อุโมงค์ปิดล้อมอันยิ่งใหญ่ โดยใช้เส้นทางเดินขึ้นเนินเขาประมาณ 15-20 นาที ข้างในเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่มีเส้นทางคดเคี้ยว ถูกขุดขึ้นโดยกองทัพอังกฤษเพื่อตอบสนองต่อการปิดล้อมครั้งใหญ่ในยิบรอลตาร์ ระหว่างปี พ.ศ. 2322-2326 โดยกองกำลังสเปนและฝรั่งเศส
เมื่อเดินตามเส้นทางในอุโมงค์จะพบกับความสูงพอประมาณที่สามารถขนอาวุธและเครื่องมือต่าง ๆ เข้าไปได้ รวมถึงมีการจัดแสดงตามจุดต่าง ๆ ที่ให้ความรู้เกี่ยวการสร้างเครือข่ายอุโมงค์ในหินของคาบสมุทรยิบรอลตาร์เพื่อทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเมือง ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าอุโมงค์นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบทางทหาร และยังมีการเพิ่มช่องว่างที่เรียกว่า “รอยบาก” สำหรับติดตั้งปืนใหญ่เพื่อป้องกันยิบรอลตาร์ในระหว่างการปิดล้อมอีกด้วย
เที่ยวยิบรอลตาร์: อุโมงค์สงครามโลกครั้งที่สอง (World war tunnels)
นอกจากอุโมงค์ปิดล้อมอันยิ่งใหญ่แล้วถ้ายังอยากเห็นอุโมงค์ที่ลักษณะคล้ายกันแบบนี้อีกลองแวะไปยังจุดถัดไปนั้นก็คืออุโมงค์สงครามโลกครั้งที่สอง ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองใต้ดิน” ที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังสามารถรองรับกองกำลังทหารได้ถึง 16,000 นายเลยทีเดียว
อุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยวิศวกรหลวงและกองทัพแคนาดา เพื่อใช้ปกป้องทหารและอุปกรณ์จากการโจมตีทางอากาศด้วยระเบิด รวมถึงการโจมตีจากทางบกและทางทะเล และยังใช้เป็นพื้นที่เก็บเสบียงและอาหารที่เพียงพอที่จะอยู่ได้ถึง 16 เดือน โดยมีระยะทางทั้งหมดประมาณ 55 กิโลเมตร ฟังดูแล้วอาจจะไม่มากนัก แต่ในความเป็นจริงยิบรอลตาร์มีพื้นที่เพียง 6.7 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งก็น่าทึ่งมากพอได้เห็นแบบนี้แล้ว
แม้ว่าอุโมงค์สงครามโลกครั้งที่สองจะมีขนาดใหญ่มาก แต่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียงบางส่วน ครอบคลุมถึงพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ที่ดูเหมือนเขาวงกต ซึ่งแสดงให้เห็นความยากลำบากในการขุดค้นและชีวิตของกองทัพทหารที่ต้องอยู่ประจำการที่นี่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การเข้าชมใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที และต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัยที่มีให้บริการฟรีตรงประตูทางเข้า
เที่ยวยิบรอลตาร์: ชมปราสาทมัวร์ (Moorish Castle)
ชมอุโมงค์สงครามโลกครั้งที่สองแล้วอย่าเพิ่งเดินกลับลงไปใจกลางเมืองถ้ายังไม่ได้เข้าชมปราสาทมัวร์ ที่ตั้งอยู่ถัดจากจุดชมวิวศูนย์มรดกทางทหาร ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยการปกครองของชาวมัวร์ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 8 ถึงปลายศตวรรษที่ 15 สะท้อนถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างอิทธิพลของมัวร์ สเปน และยุโรปในยุคกลาง
ด้านในประสาทมัวร์ประกอบด้วยหอคอย กำแพง และป้อมปราการส่วนกลางที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างป้องกันหลัก แม้ว่าป้อมปราการจะไม่ได้ถูกใช้งานแล้วแต่ก็มีการดัดแปลงและซ่อมแซมมานานหลายศตวรรษ เพื่อรักษาเสน่ห์และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ไว้ และยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นพื้นที่เมืองด้านล่างและช่องแคบยิบรอลตาร์ได้เช่นกัน
เที่ยวยิบรอลตาร์: เดินกลับไปยังในเมือง (Castle Steps)
การเที่ยวยิบรอลตาร์ในทริปนี้ก็จบลงที่ปราสาทมัวร์ จากตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินกลับไปยังใจกลางเมืองเพื่อนั่งรถบัสกลับไปยังจุดจอดรถ เส้นทางในการเดินจะผ่านพื้นที่บ้านเรือนใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ถ้าใครที่เดินมาจนเหนื่อยแล้วต้องบอกว่าอดทนเดินอีกนิดหนึ่งก็ใกล้ถึงที่หมายแล้ว โดยใช้โดยเส้นทางลัดผ่านบันไดสีขาวมีมุมถ่ายภาพสวยอีกหนึ่งแห่ง
พอเดินผ่านจุดนี้จะเข้าสู่พื้นที่ถนนคนเดินที่ลัดเลาะไปตามซอยซอยต่าง ๆ ถ้าใครกลัวว่าจะหลงสามารถใช้กูเกิ้ลนำทางได้ ถ้าไม่อย่างนั้นตามจุดต่าง ๆ จะมีป้ายบอกทางอยู่แล้ว พอเดินไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็มาทะลุที่จัตุรัสเคสเมทส์ (Casemates Square) เป็นพื้นที่พลุกพล่านอีกหนึ่งแห่งของเมือง มีร้านอาหารและร้านกาแฟตั้งอยู่รอบ ๆ จัตุรัส จากตรงนี้เราไม่ต้องย้อนกลับไปขึ้นรถบัสที่ป้ายใกล้จุดขึ้นกระเช้าลอยฟ้า แต่สามารถนั่งรถบัสสายเดียวกันกับเมื่อเช้าที่ป้าย Market Place Terminus (City Centre North) ไปลงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้เลย
เที่ยวยิบรอลตาร์: ทัวร์ชมปลาโลมา (Dolphin Watching Tours)
นอกเหนือจากเขตอนุรักษ์ธรรมชาติในยิบรอลตาร์ที่เป็นไฮไลท์หลักแล้ว ถ้ามีเวลาเหลืออีกประมาณ 2-3 ชั่วโมงและอยากเห็นปลาโลมาลองเข้าร่วมทัวร์ชมปลาโลมา ทัวร์นี้มีบริการจากท่าเรือ Ocean Village ที่อยู่ใกล้กับป้ายรถบัสก่อนหน้านี้ ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวล่องเรือไปยังช่องแคบยิบรอลตาร์ ที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณนี้เป็นเส้นทางอพยพที่สำคัญสำหรับสัตว์ทะเลหลากหลายสายพันธุ์ และยังเป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสารอาหารจนสามารถดึงดูดปลาโลมาได้ตลอดทั้งปี
ประสบการณ์นี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิงเท่านั้นแต่ยังให้ความรู้อีกด้วย เนื่องจากไกด์จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมชีววิทยาและถิ่นที่อยู่ของโลมา รวมถึงความพยายามในการอนุรักษ์เพื่อปกป้องสัตว์ทะเลเหล่านี้ ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของหินแห่งยิบรอลตาร์และภูมิทัศน์ชายฝั่งโดยรอบ ในขณะเดียวกันก็ได้ชมปลาโลมาที่แหวกว่ายข้างเรือด้วย ที่สำคัญอย่าลืมเลือกวันที่อากาศแจ่มใสและลมสงบจะได้เห็นปลาโลมาเยอะ ๆ
ทัวร์เที่ยวยิบรอลตาร์เดย์ทริปจากเซวิญ่า
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการเที่ยวยิบรอลตาร์เดย์ทริปจากเซวิญ่านิยมใช้วิธีขับรถซึ่งสะดวกที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ไม่สะดวกขับรถหรือใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ สามารถเลือกเข้าร่วมทัวร์เที่ยวยิบรอลตาร์เดย์ทริปจากเซวิญ่าได้เช่นกัน วิธีนี้นอกจากจะรวมรถรับส่งมาให้เรียบร้อยแล้ว ยังมาพร้อมไกด์ส่วนตัวที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยิบรอลตาร์และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างไกด์ชิด ทัวร์ยังรวมตั๋วเข้าชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของยิบรอลตาร์อีกด้วย และเมื่อเที่ยวในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเสร็จก็มีเวลาเดินเที่ยวในถนนชอปปิงสายหลักของเมืองอีก สะดวกและลงตัวแบบนี้ต้องไปสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ ด้วยตัวเองแล้วแหละ
พักค้างคืนในยิบรอลตาร์
สำหรับคนที่ไม่สะดวกเที่ยวยิบรอลตาร์แบบไปเช้าเย็นกลับสามารถหาที่พักในยิบรอลตาร์เพื่อเที่ยวแบบค้างคืนได้เช่นกัน วิธีนี้ทำให้ไม่เหนื่อยกับการทางและยังมีเวลาเดินเที่ยวยิบรอลตาร์แบบเต็มอิ่มอีกด้วย ซึ่งที่พักในยิบรอลตาร์มีอยู่หลายแห่ง และตั้งอยู่ตามจุดท่องเที่ยวหลักของเมือง เช่น ใจกลางเมืองและย่านท่าเรือ
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวยิบรอลตาร์
เที่ยวยิบรอลตาร์ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวยิบรอลตาร์แบบเดย์ทริปสำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 140 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,357 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าที่จอดรถและค่าทางด่วน ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 85-250 ยูโร
ตรวจสอบห้องว่าง
โฮสเทล: 40-75 ยูโร
ตรวจสอบห้องว่าง
การเดินทาง: 6 ยูโร
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 15-50 ยูโร
ดูตั๋วและทัวร์น่าสนใจ
รถเช่า: 30-75 ยูโร
จองรถเช่า
อาหาร: 15-30 ยูโร/มื้อ
ที่จอดรถ: 12-25 ยูโร
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แผนที่เที่ยวยิบรอลตาร์ด้วยตัวเอง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡