เที่ยวเดลฟท์ (Delft) เมืองเล็กทางตอนใต้ของจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองรอตเตอร์ดัมทางตะวันออกเฉียงใต้ และกรุงเฮกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เดลฟท์มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์ราชวงศ์ดัตช์ เครื่องกระเบื้องสี รวมถึงจิตกรชาวดัตช์ชื่อดัง Jan Vermeer ผู้มีบ้านเกิดในเดลฟท์ เขายังเป็นเจ้าของผลงานภาพวาดชื่อดัง ‘The Girl with a Pearl Earring’ หญิงสาวสวมผ้าโพกหัวและต่างหูไข่มุก เดลฟท์ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Delft University of Technology รวมถึงย่านเมืองเก่าซึ่งรวมที่เที่ยวและลำคลองน่าเดินไว้หลายแห่ง การเดินทางไปเที่ยวเดลฟท์ด้วยตัวเองจึงสามารถใช้เวลาทำกิจกรรมได้หลากหลาย
ที่เที่ยวน่าสนใจในเมืองเดลฟท์ (Delft)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์เมืองเดลฟท์
Museum Prinsenhof Delft ตั้งอยู่ที่ Sint-Agatha เดินเพียง 12 นาที จากสถานีรถไฟเมืองเดลฟท์ เป็นเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถาน 100 แห่งของชาวดัตช์ตั้งแต่ปี 1990 ที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการเรียนรู้ประวัติความเป็นมาและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมืองเดลฟท์ได้เป็นอย่างดี ภายในจัดแสดงนิทรรศการผลงานภาพวาด เครื่องกระเบื้องลายครามที่มีชื่อเสียงของเมืองเดลฟท์ เครื่องปั้นดินเผาและเครื่องใช้จากยุคทอง รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับกษัตริย์ผู้มีชื่อเสียง King Willem-Alexander ผู้วางรากฐานเมืองเดลฟท์และประเทศเนเธอร์แลนด์และการต่อสู้กับผู้ปกครองสเปนในอดีต ตลอดจนร่องรอยรูกระสุนบนกำแพงของการลอบสังหารกษัตริย์วิลเลียมแห่งออเรนจ์ ในปี 1584 ที่ยังคงสามารถเห็นได้ในพิพิธภัณฑ์
เปิด: ทุกวัน เวลา 11:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 13.50 ยูโร หรือใช้บัตร Museumkaart เข้าชมฟรี
โบสถ์เก่า (Oude Kerk) เที่ยวเดลฟท์ (Delft)
ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ Museum Prinsenhof Delft เป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่า สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอทิก มีความพิเศษคือส่วนที่เป็นหอคอยความสูง 75 เมตร เอนจากแนวตั้งประมาณ 2 เมตร เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตอนถ่ายภาพออกมาแล้วดูเหมือนโบสถ์เอียงอยู่ตลอดเวลา ถ้าซื้อตั๋วเข้าชมโบสถ์เก่าสามารถนำไปเข้าชมโบสถ์ใหม่ที่ตั้งอยู่จัตุรัสตลาดกลางได้ด้วย ด้านในโบสถ์เก่ามีความสวยงามและเป็นแหล่งบอกเล่าความสำคัญของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์
กังหันลมเดอะรูส (Delft Windmill de Roos)
ในหลาย ๆ เมืองต่างมีกังหันลมตั้งอยู่จำนวนมาก ที่เมืองเดลฟท์ก็เช่นกันมีกังหันที่มีชื่อเสียงคือ Delft Windmill de Roos ตั้งอยู่บน Phoenixstraat 111 ห่างจากโบสถ์เก่าประมาณ 10 นาที เดอะรูสเป็นกังหันลมหลังสุดท้ายที่เหลืออยู่จากจำนวน 15 หลังที่เคยตั้งอยู่บนกำแพงเมืองเดลฟท์ และกลายมาเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ภาพจำของเมืองเดลฟท์
ด้านในโรงสีเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-17:00 น. มีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับกังหันลมเดลฟท์ที่ชั้นใต้หลังคา ชั้นด้านล่างเป็นร้านขายผลิตภัณฑ์แป้งและของที่ระลึก รวมไปถึงใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมและพื้นที่สำหรับจัดงานเลี้ยงและการประชุม ปัจจุบันโรงสีเดอะรูสยังถูกใช้งานสำหรับบดเมล็ดพืชออร์แกนิกให้เป็นแป้งด้วยพลังลม
บ้านหินเก่าแก่จากศตวรรษที่ 16 (Gemeenlandshuis)
ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ Museum Prinsenhof Delft ย่าน Oude Delft หลายคนอาจจะสังเกตุเห็นบ้านหินบ้านสไตล์กอทิกตอนปลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะบานหน้าต่างสีแดงที่มองแล้วสะดุดตามาแต่ไกล ที่แห่งนี้คือบ้านหินเก่าแก่จากศตวรรษที่ 16 สร้างด้วยหินที่เก่าแก่ที่สุดในเดลฟท์ในปี ค.ศ. 1505
ตราอาร์มด้านบนประตูทางเข้ามีอายุย้อนไปถึงปี 1652 และได้รับการออกแบบโดย Pieter Post สถาปนิกและจิตรกรยุคทองชาวดัตช์ อาคารนี้ยังเป็นสถานที่ทำงานของการประปาส่วนภูมิภาคเดลฟท์ ตั้งแต่ปี 1645 ซึ่งเป็นสถาบันรัฐบาลที่เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ มีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันน้ำท่วม รักษาคุณภาพน้ำ การจัดการระดับน้ำผิวดิน รวมไปถึงการบำบัดน้ำเสีย ใครที่เดินผ่านบริเวณนี้อย่าลืมหยุดแวะชมความสวยงามของอาคารหลังนี้นะคะ
โบสถ์ใหม่ใจกลางเมืองเดลฟท์ (Nieuwe Kerk)
Nieuwe Kerk ตั้งอยู่ที่จัตุรัสใจกลางเมืองตรงข้ามศาลาว่าการ (Stadhuis Delft) เป็นโบสถ์แห่งที่สองในเมืองเดลฟท์ต่อจากโบสถ์เก่า (Oude Kerk) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ Museum Prinsenhof Delft สร้างขึ้นในปี 1351 แบบโบสถ์ไม้ มีแท่นบูชาหลักวางอยู่ตรงกลาง ก่อนที่จะมีการสร้างมหาวิหารขึ้นรอบ ๆ และมีการวางศิลาฤกษ์ในปี 1393 ต่อมาโบสถ์ได้รับความเสียหายจากฟ้าผ่าและเหตุการณ์เพลิงไหม้ทำลายเมืองทำให้มีการปรับปรุงส่วนต่าง ๆ จนแล้วเสร็จในปี 1655
ภายในโบสถ์มีสถาปัตยกรรมแบบกอทิกที่งดงาม สามารถมองเห็นออร์แกนขนาดใหญ่ที่ยังคงใช้งานทุกวันอาทิตย์สำหรับการขับร้องเพลงของชาวคริสต์ รอบด้านประดับด้วยหน้าต่างกระจกสีบอกเล่าเรื่องราวทางศาสนา รวมไปถึงการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองเดลฟท์และความสัมพันธ์ของราชวงศ์ออเรนจ์
โบสถ์ใหม่ยังเป็นสถานที่สำคัญสำหรับฝังศพของกษัตริย์ William of Orange และสมาชิกคนอื่น ๆ ของราชวงศ์ Royal House of Orange-Nassau ในช่วงเวลาที่พระองค์สิ้นพระชนม์ต้องฝังศพไว้ที่โบสถ์ในเมืองเบรดาตามบรรพบุรุษ แต่เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเมืองเบรดาอยู่ในการครอบครองของกองทัพสเปน ทำให้ต้องฝังศพของพระองค์ที่โบสถ์ใหม่แห่งนี้แทน
เปิด: ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11:00-16:00 น. วันเสาร์ เวลา 10:00-17:00 น. ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-ตุลาคม วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10:00-17:00 น. วันเสาร์ เวลา 10:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 8 ยูโร ใช้เข้าชมได้ทั้งโบสถ์ใหม่และโบสถ์เก่า ตั๋วขึ้นหอคอยราคา 5.50 ยูโร ตั๋วรวมชมโบสถ์และขึ้นหอคอยราคา 12.50 ยูโร
หอคอยโบสถ์ใหม่ใจกลางเมืองเดลฟท์ (Toren Nieuwe Kerk)
ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนโบสถ์ใหม่นั้นก็คือการปีนบันไดวน 376 ขั้นขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเดลฟท์บนหอคอย วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใสยังสามารถมองเห็นเมืองรอตเตอร์ดัมและกรุงเฮกได้อีกด้วย บนยอดหอคอยมีความสูง 85 เมตร ตัวหอคอยมีความสูงรวมถึง 108.75 เมตร เรียกได้ว่าเป็นโบสถ์ที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 รองจากหอคอยในเมืองอูเทร็คท์
การขึ้นไปชมหอคอยด้านบนใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที 20 นาทีแรกหมดไปกับการเดินขึ้นบันไดวนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเวลาที่เหลือเราจะได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์ด้านบนอย่างเต็มที่ ซึ่งทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าการเดินมาก ๆ บันไดวนช่วงแรกจะเป็นบันไดไม้ มีความแข็งแรงปลอดภัย ใครที่กลัวความสูงอาจจะหลีกเลี่ยงไม่มองไปที่ด้านล่าง เพราะระยะห่างของบันไดทำให้เราเห็นความสูงจากด้านล่างพอสมควร พอเดินผ่านช่วงแรกไปจะเป็นบันไดปูน เส้นทางมีความคับแคบ ควรระมัดระวังศีรษะเวลาเดิน
เมื่อเดินขึ้นมาถึงยอดหอคอยเราจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเดลฟท์รอบด้าน ด้านซ้ายมือเป็นที่ตั้งของเป็นโบสถ์ Maria van Jessekerk ด้านหน้าเราสามารถมองเห็นศาลากลางที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโบสถ์ใหม่ รายล้อมด้วยตลาดกลาง ด้านขวามือมองเห็นโบสถ์เก่าตั้งตระหง่านพร้อมนาฬิกาเรือนใหญ่ ภาพบรรยากาศทั้งหมดนี้สวยงามคุ้มค่ากับการเดินขึ้นบันไดเกือบ 30 นาที
เมื่อชมความสวยงามบนหอคอยจนเต็มอิ่มแล้วเราก็เดินกลับลงมาที่ด้านล่าง การเดินลงใช้เวลาเร็วกว่าการเดินขึ้น ที่ด้านล่างโบสถ์ใหม่มีร้านค้าขนาดเล็กจำหน่ายของที่ระลึกและของฝากมากมาย เช่น กระเป๋าผ้าพิมพ์ลาย เครื่องลายคราม เข็มกลัด แม่เหล็กติดตู้เย็น โปสการ์ด และหนังสือ ใครที่สนใจอยากได้ของฝากชิ้นเล็ก ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านก็สามารถไปเลือกซื้อกันได้
ศาลาว่าการเดลฟท์ (Stadhuis Delft)
Stadhuis Delft เป็นสถานที่ที่มีความงดงามอีกหนึ่งแห่ง ตั้งอยู่ใจกลางตลาดกลาง ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซองส์ดัตช์ ที่แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาลเมืองเดลฟท์ และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพิธีแต่งงานของพลเมืองดัตช์ ศาลาว่าการไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้านในแต่เราสามารถชมความสวยงามจากภายนอกได้
จัตุรัสตลาดกลางเดลฟท์ (Grote Markt)
Grote Markt เป็นลานจัตุรัสกว้างขนาดใหญ่ 50 เมตร ใช้สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของเมือง รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ มีที่นั่งระเบียงกลางแจ้ง เหมาะสำหรับนั่งทานอาหารและชมบรรยากาศด้านนอก ทุกวันพฤหัสบดียังมีตลาดนัดและแผงขายของมากมาย
นอกจากแผงขายของที่ตลาดนัดแแล้ว ยังมีตลาดดอกไม้ตั้งอยู่ที่ Brabantse Turfmarkt ห่างออกไปประมาณ 5 นาที ในวันเสาร์สถานที่ดังกล่าวยังมีตลาดนัดขนาดเล็กอีกด้วย ใครที่แวะไปเที่ยวเมืองเดลฟท์ในวันดังกล่าวอย่าลืมแวะไปเดินที่ตลาดนัดนะคะ เผื่อได้ทานขนมอร่อย ๆ ที่นั้นด้วย
งานศิลปะกลางแจ้ง “หัวใจสีฟ้า” (The Blue Heart)
ด้านข้างโบสถ์ใหม่ติดกับตลาดกลางเราสามารถมองเห็นงานศิลปะกลางแจ้งที่มีชื่อว่า “หัวใจสีฟ้า” ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ Maria van Jessekerk บริเวณถนน Oude Langendijk งานศิลปะชิ้นนี้ออกแบบโดย Marcel Smink ตั้งแต่ปี 1998 ประกอบด้วยแผงกระจกสีน้ำเงินบนโครงสร้างสแตนเลส โดยเชื่อมโยงความงดงามของแก้วสีฟ้าที่หมายถึงเครื่องปั้นดินเผาลายครามที่มีชื่อเสียงของเมืองเดลฟท์ และหัวใจหมายถึงใจกลางเมือง เป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถแวะไปถ่ายภาพได้ง่าย
โบสถ์มารีย์แห่งเจสซี (Maria van Jessekerk)
ใกล้กับโบสถ์ใหม่ยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ Maria van Jessekerk มีความสวยงามอีกหนึ่งแห่ง ถูกสร้างขึ้น ระหว่างปี 1875- 1882 ด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอทิก โบสถ์เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมวันพุธถึงวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 12:00-17:00 น.
ถนนสายสีทอง (Delft is gold) เที่ยวเดลฟท์ (Delft)
Delft is gold เป็นถนนสายสีทองแบบถาวรมีข้อความสลักอยู่บนพื้น ตั้งอยู่บนถนน Jozefstraat ใกล้กับโบสถ์ Maria van Jessekerk ถนนสายศิลปะนี้เชื่อมโยงเข้ากับกล่องของขวัญที่สามารถสั่งซื้อและสลักข้อความหรือชื่อคนที่เราต้องการมอบให้ได้ ใครที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บทางการ หรือจะแวะมาถ่ายภาพก็ได้เช่นกัน
พิพิธภัณฑ์โยฮันเนส เวอร์เมียร์ (Vermeer Centrum Delft)
หลายคนอาจเคยได้เห็นภาพวาด ‘The Girl with a Pearl Earring’ หญิงสาวสวมผ้าโพกหัวและต่างหูไข่มุกมาก่อน เจ้าของภาพวาดชิ้นนี้คือจิตกรชาวดัตช์ชื่อดังผู้มีบ้านเกิดในเมืองเดลฟท์ว่า “Jan Vermeer” เวอร์เมียร์เป็นปรมาจารย์ชาวดัตช์ในเรื่องของแสง ‘Master of Light’ ในศตวรรษที่ 17 เขาอาศัยและทำงานในเดลฟท์มาทั้งชีวิต
ประวัติและผลงานของเขาถูกรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์ Vermeer Centrum Delft ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดกลางเพียง 3 นาที ส่วนภาพวาด The Girl with a Pearl Earring จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Mauritshuis ในกรุงเฮก ใช้เวลาเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะประมาณ 25 นาที
ภายในพิพิธภัณฑ์ Vermeer Centrum Delft มีการจัดนิทรรศการออกเป็นสามส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่หนึ่งแสดงประวัติของเวอร์เมียร์ผ่านภาพยนต์สั้นและรวมรวบผลงานภาพวาดเกือบห้าสิบชิ้น ส่วนที่สองจัดแสดงสตูดิโอการทำงานและเทคนิคการใช้แสงในการวาดภาพของเวอร์เมียร์ และส่วนที่สามจัดแสดงรายละเอียดที่ซ่อนความหมายไว้ภายใต้ภาพวาดของเวอร์เมียร์
เวลาเปิด: ทุกวัน เวลา 11:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 12 ยูโร หรือใช้ Museumkaart เข้าชมฟรี
พิพิธภัณฑ์จิตกรแห่งศตวรรษที่ 19
ในเมืองเดลฟท์ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจคือ พิพิธภัณฑ์ Museum Paul Tétar van Elven ตั้งอยู่บนถนน Koornmarkt ซึ่งเป็นบ้านของจิตกรแห่งศตวรรษที่ 19 นามว่า Paul Tetar van Elven (1823-1896) เขาเป็นอาจารย์สอนภาพวาดที่ Polytechnic School (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัย TU Delft) นักสะสมงานศิลปะ ของเก่า เครื่องปั้นดินเผาเดลฟท์ และเครื่องลายครามแบบตะวันออก
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกจัดตั้งขึ้นตามพินัยกรรมของเขาเพื่ออนุรักษ์ผลงานของกลุ่มศิลปินในศตวรรษที่ 19 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ การตกแต่งภายในยังคงมีความสวยงามหรูหราและเหมือนจริงกับตอนที่เขายังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ในอดีต ใครที่สนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Museum Paul Tétar van Elven สามรถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ Museum Paul Tétar van Elven Ticket
ประตูเมืองตะวันออก (Eastern Gate) เที่ยวเดลฟท์ (Delft)
ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 15 นาที เราสามารถเดินไปชมประตูเมืองตะวันออก (Eastern Gate) ซึ่งเป็นประตูเมืองแห่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองเดลฟท์ และยังเป็นสถานที่ถ่ายภาพที่น่าจดจำอีกหนึ่งแห่งสำหรับการมาเที่ยวที่เมืองเดลฟท์
ในอดีตนั้นกำแพงเมืองเดลฟท์มีประตูทั้งหมด 8 ประตู สร้างขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ. 1400 ทำหน้าที่ป้องกันการโจมตีของศัตรูและเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าไปยังเมืองเดลฟท์ สำหรับประตูตะวันออกนั้นประกอบด้วยประตูและสะพานชักที่เชื่อมต่อกันด้วยส่วนสุดท้ายของกำแพงเมืองที่เหลืออยู่ การเดินมาชมประตูเมืองยังทำให้ได้เห็นสภาพแวดล้อมและบ้านเรือนของผู้คนในพื้นที่อีกด้วย
เดินเล่นริมคลองเดลฟท์ (Canals of Delft)
สำหรับใครที่ชื่นชอบความน่ารักของลำคลองในเนเธอร์แลนด์ถ้าตัดสินใจมาเที่ยวที่เมืองเดลฟท์แล้วรับรองไม่ผิดหวัง เพราะลำคลองที่นี่เขาน่ารักจริง ๆ เกือบทุกหัวมุมเราจะพบกับสะพานและลำคลองที่สวยงาม มีจักรยานจอดอยู่มากมาย เหมาะสำหรับเป็นมุมถ่ายเก็บความประทับใจได้อย่างดีที่เดียว ที่สำคัญลำคลองที่นี่อยู่ติดกันเลือกแทบไม่ถูกทีเดียวว่าจะถ่ายมุมไหนก่อน เอาเป็นว่าพอไปถึงสถานที่จริงสามารถเลือกมุมได้ตามใจชอบเลย โดยส่วนตัวมีหลายมุมที่ไปแล้วชอบมากดังรูปภาพแนบ
สรุปการเที่ยวเมืองเดลฟท์ (Delft)
เดลฟท์ (Delft) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามของบ้านเรือนและลำคลอง แต่ยังเป็นเมืองที่รวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การต่อสู้ของกษัตริย์วิลเลียมในอดีต รวมถึงการวางรากฐานของเมืองเดลฟท์ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของประเทศเนเธอร์แลนด์จนถึงทุกวันนี้
สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำไปข้างต้นตั้งอยู่ใกล้เคียงกันสามารถเลือกเข้าชมได้ตามความต้องการ สถานที่ไหนอยู่ไกลจากตลาดกลางอาจจะเลือกไว้เป็นลำดับท้าย ๆ ส่วนพิพิธภัณฑ์แนะนำให้เข้าชมเป็นอันดับแรก ๆ เนื่องจากต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงสำหรับชมนิทรรศการด้านใน โดยรวมแล้วการไปเที่ยวเมืองเดลฟท์ในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าการเดินทางจากอัมสเตอร์ดัม และได้เห็นเสน่ห์อีกหลายมุมของเมืองเดลฟท์พร้อมภาพความประทับใจกลับบ้านไปด้วย
คำแนะนำในการเที่ยวเมืองเดลฟท์ (Delft)
- เดลฟท์เป็นเมืองที่มีขนาดเล็กสามารถเดินเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งที่เที่ยวข้างต้นตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าง่ายต่อการเข้าถึงด้วยการเดิน เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์โรยัลเดลฟท์สามารถเดินจากสถานีรถไฟเดลฟท์เพียง 15 นาที
- ร้านค้าในเมืองเดลฟท์โดยปกติเปิดตั้งแต่เวลา 09:00-09:30 น. และปิดเวลา 17:30 น. หรือ 18:00 น. ยกเว้นวันจันทร์ ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดเวลา 13:00 น. ส่วนร้านซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดเวลา 08:00 น. และปิดในช่วงตอนค่ำ สำหรับฤดูร้อนร้านค้าและร้านอาหารอาจจะเปิดนานกว่าปกติ
- การให้ทิปในเนเธอร์แลนด์เมื่อรับประทานอาหารในร้านอาหารเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่บังคับ ถ้าต้องการให้ทิปอยู่ที่ 10% ของค่าอาหารทั้งหมด
- ควรจองตั๋วและเวลาเข้าชมพิพิธภัณฑ์ล่วงหน้า และไม่ควรพลาดขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเดลฟท์บนหอคอยในโบสถ์ใหม่ ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งมุมที่ถ่ายภาพออกมาแล้วสวยงาม รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ Museum Prinsenhof Delft ที่จะทำให้เราเข้าใจประวัติความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของเมืองเดลฟท์มากยิ่งขึ้น
การเดินทางไปยังเมืองเดลฟท์ (Delft)
เดลฟท์ตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมประมาณ 65 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังเดลฟท์สะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะและด้วยรถยนต์
ถ้าวางแผนเที่ยวเดลฟท์และเมืองอื่นรวมกันแบบเดย์ทริป เช่น รอตเตอร์ดัม กรุงเฮก เกาดา ไลเด้น เพื่อช่วยประหยัดค่าเดินทางแนะนำให้ใช่ตั๋ว Tourist Day Ticket สำหรับเดินทางด้วยรถราง รถไฟใต้ดิน และรถบัสได้ไม่จำกัดเที่ยวใน 1 วัน
แผนที่เดินเที่ยวเมืองเดลฟท์ด้วยตัวเอง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡