เที่ยววาเลนเซีย (Valencia) 2 วัน เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์อันล้ำสมัย บนชายฝั่งตะวันออกของสเปน คู่มือเที่ยวด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์

เที่ยววาเลนเซีย (Valencia) เมืองที่มีชีวิตชีวาและสวยงามตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของสเปน เมืองนี้โดดเด่นด้วยที่เที่ยวชื่อดังระดับโลกอย่างคอมเพล็กซ์อนาคตอันล้ำสมัยแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ วาเลนเซียยังเป็นเมืองที่มีขนาดเล็กเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวในย่านเมืองเก่า โดยรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง เช่น ศูนย์การค้าผ้าไหมที่เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก มหาวิหารที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 13 หอระฆังสำหรับชมทิวทัศน์มุมกว้างของเมือง รวมถึงตลาดเก่าแก่ที่จะพาทุกคนไปลิ้มลองอาหารดั้งเดิม และชายหาดตามแนวชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนที่เหมาะสำหรับพักผ่อนช่วงวันหยุดหน้าร้อนไปในตัว

การได้มาเที่ยววาเลนเซียจึงมีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย และด้วยบทความนี้จะพาผู้อ่านทุกคนไปทำความรู้จักกับวาเลนเซียให้มากขึ้นผ่านที่เที่ยวที่มัดรวมกันมาให้แล้ว ครอบคลุมถึงการเดินทางในเมือง และงบเที่ยวอย่างครบครัน เอาเป็นว่าอ่านบทความนี้แล้วสามารถนำไปปรับใช้กับแผนการเดินทางเที่ยววาเลนเซียของตัวเองได้ง่ายเลย

ใช้บัตรท่องเที่ยววาเลนเซีย (Valencia Tourist Card)

เพื่อความประหยัดในการเที่ยววาเลนเซีย 2-3 วันแนะนำให้ซื้อบัตร Valencia Tourist Card เพื่อรับสิทธิประโยชน์ในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี ครอบคลุมการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองรถไฟฟ้าใต้ดินโซน AB และยังสามารถใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานได้ฟรี เช่น Silk Exchange, Serranos, Quart towers, Fallero Museum และ Almoina ตลอดจนรับส่วนลดพิเศษสำหรับเข้าชม City of Arts and Sciences, Oceanogràfic, Bioparc และ Tour Bus รวมถึงร้านค้าและร้านอาหารอีกมากมาย บัตรราคา 15 ยูโร (24 ชม.) 20 ยูโร (48 ชม.) 25 ยูโร (72 ชม.)

ที่เที่ยวยอดนิยมในวาเลนเซีย

เที่ยววาเลนเซีย: เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์

มาเที่ยววาเลนเซียถ้าไม่ไปเยือนเมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ก็เหมือนมาไม่ถึงที่ เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ว่านี้เป็นคอมเพล็กซ์อาคารแห่งอนาคตและล้ำสมัยขนาดใหญ่ ประกอบด้วยที่เที่ยวหลายแห่ง เช่น Hemisfèric (โรงภาพยนตร์ IMAX และท้องฟ้าจำลอง) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์วาเลนเซีย (Príncipe Felipe) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (Oceanogràfic) โรงละครโอเปร่า (Palau de les Arts Reina Sofia) และศูนย์วัฒนธรรม (CaixaForum València) คอมเพล็กซ์แห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาววาเลนเซีย Santiago Calatrava และ Félix Candela และเปิดตัวในปี 1998 ก่อนจะกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของวาเลนเซีย ทั้งหมดนี้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วรวมใบเดียวเพื่อเข้าชม หรือซื้อตั๋วแยกต่างหากได้ตามสะดวก

เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ตั้งอยู่ในย่าน Penya-roja เป็นพื้นที่หลังยุคอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา ห่างจากย่านเมืองเก่าประมาณ 45 นาที วิธีที่สะดวกคือนั่งรถบัสมาลงที่ป้าย Ciutat de la Justícia จากนั้นเดินอีก 3 นาทีก็จะเจอกับทางเข้าเลย สังเกตง่าย ๆ ด้วยสวนแบบเปิดโล่งขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “Umbracle” ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ พอเดินลงบันไดไปจะเห็นกลุ่มอาคารสุดไฮเทค มองดูแล้วเหมือนเราได้ไปยืนอยู่ในฉากถ่ายทำภาพยนตร์โลกแห่งอนาคตเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาคารที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่มีโครงสร้างสีขาวคล้ายกับโครงกระดูกปลาวาฬ ตั้งเด่นสง่าสะท้อนแสงกับสระน้ำด้านหน้าได้อย่างลงตัว

อาคารแต่ละแห่งในเมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์มีทางเดินเชื่อมถึงกัน และมีป้ายบอกทางพร้อมระยะทางเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ด้วยความที่อาคารเหล่านี้มีขนาดใหญ่มาก ถ้าจะให้เข้าชมทั้งหมดต้องใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว แต่โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวนิยมเลือกเข้าชม 2-3 แห่ง คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์วาเลนเซีย พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และท้องฟ้าจำลอง ซึ่งสามารถทำได้ในเวลาครึ่งวัน ดังนั้นใครที่กำลังแพลนมาเที่ยวที่คอมเพล็กซ์แห่งนี้แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณครึ่งวันหรือเต็มวันกำลังดี แต่ถ้ามีเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง แนะนำให้แวะมาเดินเล่นหรือเลือกเข้าชมที่เที่ยวสักหนึ่งแห่งก็นับว่าไม่พลาดอะไรไป

เที่ยววาเลนเซีย: พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์วาเลนเซีย

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์วาเลนเซีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Príncipe Felipe” เป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ มีสโลแกนว่า “Not touching is prohibited” ที่ตอบสนองต่อความรู้อยากเห็นของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์แบบอินเทอร์แอกทีฟที่ให้รู้และความบันเทิงแก่ผู้เข้าชมทุกวัย โดยเน้นไปที่นิทรรศการเชิงโต้ตอบและลงมือปฏิบัติจริง ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ทางเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ การเดินทางผ่านอวกาศแห่งอนาคต และการจัดแสดงรางวัลโนเบลและนักวิทยาศาสตร์ชาวสเปนที่มีชื่อเสียงหลายคน รวมถึงส่วนอื่น ๆ ให้ได้เลือกเดินชมกันอีกด้วย นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่โดนใจสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์อยู่ไม่น้อย

เที่ยววาเลนเซีย: โรงภาพยนตร์ IMAX และท้องฟ้าจำลอง (Hemisfèric)

ถัดจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์จะมีอาคารตั้งโดดเด่นอยู่ 2 หลัง คือ Hemisfèric และโรงละครโอเปร่าอันงดงาม (Palau de les Arts Reina Sofia) หลังแรกเป็นโรงภาพยนตร์ IMAX และท้องฟ้าจำลองที่มีรูปร่างคล้ายดวงตายักษ์ และยังเป็นอาคารแห่งแรกของเมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ประตูสู่สาธารณะชน โดยมีทางเดินด้านในแบบเปิดโล่งพร้อมหลังคาทรงรียาวกว่า 100 เมตร ถ้าเดินลงบันไดไปจะเจอกับทางเข้าหลักที่นำไปสู่ห้องโถงสำหรับฉายภาพในระบบดิจิทัล 3 มิติที่มีหน้าจอเว้าขนาดใหญ่ 900 เมตร และสามารถรองรับผู้ชมได้มากกว่า 300 คน ภาพยนตร์ที่จัดฉายส่วนใหญ่จะเน้นเกี่ยวกับสารคดีเพื่อการศึกษาความยาวไม่เกิน 45 นาที ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย ผู้ที่สนใจเข้าชมสามารถตรวจสอบรายชื่อภาพยนตร์และจองรอบเข้าชมได้ที่เคาน์เตอร์ตรงทางเข้าหลัก

เที่ยววาเลนเซีย: พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (Oceanogràfic)

จากโรงภาพยนตร์จะมีทางเดินผ่านพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เพื่อลอดใต้สะพานไปยังพื้นที่อีกฝั่งซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคาร 2 แห่ง คือ ศูนย์วัฒนธรรม CaixaForum València และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และแน่นอนว่าถ้าได้มาถึงวาเลนเซียแล้วก็ต้องเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ด้วยตัวเอง ด้านในจัดแสดงโลกใต้ท้องทะเลขนาดยักษ์ ตั้งแต่ส่วนลึกของน้ำแข็งในอาร์กติกไปจนถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และยังเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลหลายชนิด รวมถึงปลาโลมาและปลาฉลาม ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้ดำน้ำไปยังแถวหน้าเพื่อชมความมหัศจรรย์ของท้องทะเลอย่างใกล้ชิด ด้วยความที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมีขนาดใหญ่มากแนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง อย่าลืมจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้า

เที่ยววาเลนเซีย: มหาวิหารวาเลนเซีย (Valencia Cathedral)

มหาวิหารวาเลนเซีย หรือที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “อาสนวิหารอัสสัมชัญของพระแม่แห่งบาเลนเซีย” เป็นอนุสรณ์สถานสำคัญทางศาสนา ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า โดยมีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 13 และเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันอย่างสวยงามระหว่างองค์ประกอบแบบกอทิกบาโรก โรมาเนสก์ และนีโอคลาสสิกได้อย่างลงตัว ด้านในเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม และมีสิ่งที่ห้ามพลาดก็คือภาพวาดฝาผนังและหน้าต่างกระจกสีที่วิจิตรงดงาม รวมถึงโบราณวัตถุที่เรียกว่า “ถ้วยศักดิ์สิทธิ์” ว่ากันว่าถ้วยนี้เป็นถ้วยจริงที่พระเยซูคริสต์ใช้ในช่วงกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย และถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในโบสถ์

เที่ยววาเลนเซีย: หอระฆังมหาวิหารวาเลนเซีย (El Micalet)

ติดกับมหาวิหารวาเลนเซียคือหอระฆังที่เรียกว่า Miguelete หรือ Micalet Tower เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของย่านเมืองเก่า หอคอยนี้นอกจากจะโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมกอทิกแบบวาเลนเซียแล้ว ยังมีความสูงประมาณ 51 เมตร เหมาะสำหรับการชมทิวทัศน์มุมกว้างของเมือง

นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์ติดกับทางเข้าหลักและเดินขึ้นบันได 207 ขั้นไปยังบนสุด เมื่อไปถึงแล้วจะเห็นที่ตั้งของระฆังจำนวน 11 ใบ โดยระฆังใบใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักมากกว่า 1,300 กิโลกรัม รอบ ๆ หอระฆังมีทางเดินสำหรับชมวิวแบบพาโรนามา มองเห็นที่เที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ พลาซาเดลาเรนา พลาซาเดลาเวอร์เกน ลอนจาเดลาเซดา รวมถึงตลาดดั้งเดิมวาเลนเซีย ทั้งหมดนี้เราจะพาไปชมในส่วนถัดไป

เที่ยววาเลนเซีย: พลาซาเดลาเรนา (Plaza de la Reina)

ในย่านเมืองเก่าของวาเลนเซียมีจัตุรัสที่มีชื่อเสียงอยู่ 2 แห่ง คือ Plaza de la Reina และ Plaza de la Virgen ทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ใกล้กับหอระฆังมหาวิหารวาเลนเซีย โดยพลาซาเดลาเรนาตั้งอยู่ทางด้านสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากหอระฆังด้านบน จัตุรัสนี้รวมร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ ไว้มากมาย ในขณะที่พลาซาเดลาเวอร์เกนตั้งอยู่ทางด้านหลังหอระฆัง สามารถเข้าถึงได้ผ่านถนน Carrer del Micalet หรือ ถนน Pl. de l’Almoina ที่มีประตูโบสถ์ Passatge d’Emili Aparicio Olmos

พอมาถึงพลาซาเดลาเวอร์เกนแล้วจะเห็นน้ำพุ Túria Fountain ตั้งอยู่ใจกลาง รอบ ๆ จัตุรัสโอบล้อมด้วยค้าและร้านอาหารมากมาย นับว่ามีบรรยากาศดีเหมาะสำหรับเดินเล่นและนั่งผักผ่อน

เที่ยววาเลนเซีย: อาคารสไตล์กอทิกมรดกโลก (Lonja de la Seda)

จากพลาซาเดลาเวอร์เกนนักท่องเที่ยวสามารถเดินต่ออีก 7 นาทีไปยัง Lonja de la Seda หรือที่รู้จักในชื่อ Silk Exchange เป็นอาคารสไตล์กอทิกอันงดงามตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของวาเลนเซีย อาคารแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 1996 ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการค้าผ้าไหม ปัจจุบันเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์

อาคารลอนจาเดลาเซดาแบ่งออกเป็นหลายส่วน ส่วนที่โดดเด่นคือห้องโถงขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “Sala de Contratación” ถูกใช้เป็นศูนย์กลางการค้าผ้าไหมในอดีต มีเพดานโค้งและเสาค้ำยันที่เป็นตัวแทนของต้นปาล์ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองจากการค้าผ้าไหม

อีกหนึ่งส่วนที่โดดเด่นไม่แพ้กันก็คือ Lonja de la Seda หรือสถานกงสุลทะเล จากศตวรรษที่ 15-18 ศาลนี้รับผิดชอบในการแก้ไขข้อพิพาททางการค้าและกฎหมายการเดินเรือ ลอนจาเดลาเซดายังมีหอคอยที่ทำหน้าที่เป็นคุกและหอสังเกตการณ์ รวมถึงลานเฉลียงภายในที่ล้อมรอบด้วยแกลเลอรีในร่มพร้อมซุ้มโค้งแกะสลักอันงดงาม ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าสำหรับการเข้าชมและควรเผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง

เที่ยววาเลนเซีย: ตลาดดั้งเดิมวาเลนเซีย (Mercado Central)

ใกล้กับอาคารลอนจาเดลาเซดาเป็นที่ตั้งของ Mercado Central ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์โมเดิร์นที่สวยงาม สร้างขึ้นระหว่างปี 1914 และ 1928 ตลาดนี้เหมาะสำหรับคนที่รักการทานอาหารเลยก็ว่าได้ เพราะรวมแผงขายผักผลไม้สดและอาหารพื้นเมืองไว้มากมาย

สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนตลาดแห่งนี้ก็คือ Horchata เครื่องดื่มวาเลนเซียแสนสดชื่นแบบดั้งเดิมที่ทำจากถั่วลายเสือ เหมาะสำหรับดับกระหายในวันที่อากาศร้อน พอลองดื่มแล้วรสชาติคล้ายนมถั่วเหลืองบ้านเรา มีร้านขายตั้งอยู่ติดกับทางเข้าเลย

อีกหนึ่งอย่างที่ควรลองก็คือ Fartons ขนมหวานดั้งเดิมวาเลนเซีย ทำจากแป้งผสมนม น้ำตาล น้ำมัน ไข่ และหัวเชื้อ แล้วนำไปทอดและเคลือบด้วยน้ำตาล พอทานกับนมถั่วลายเสือด้วยกันแล้วเข้ากันดี๊ดี เหมือนกับทานปาท่องโก๋จิ้มสังขยาบ้านเรา ที่สำคัญราคาไม่แพงแก้วละ 1.50 ยูโร ส่วนขนมแป้งทอดถุงละ 3-4 ยูโร มีสี่ห้าชิ้นกำลังพอดี

เที่ยววาเลนเซีย: หอคอยตอร์เรสเดเซอรานอซ (Torres de Serranos)

เดินเล่นในตลาดเก่าแก่ของเมืองแล้ว ถ้าเดินเล่นต่อในเมืองตามถนนผ่านโบสถ์ Església de Sant Nicolau de Bari i Sant Pere Màrtir ไปอีกประมาณ 10 นาที จะเจอกับ Torres de Serranos หรือที่รู้จักในชื่อ Serranos Towers เป็นหนึ่งในประตูเมืองยุคกลางอันโดดเด่นของวาเลนเซีย

หอคอยตอร์เรสเดเซอรานอซสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ระหว่างปี 1392-1398 ในรัชสมัยของ Pere el Cerimoniós (Peter IV of Aragon) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการของเมือง และทำหน้าที่เป็นประตูหลักแห่งหนึ่งผ่านกำแพงเมืองโบราณ ปัจจุบันกลายมาเป็นที่เที่ยวยอดนิยม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชมทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเมืองวาเลนเซีย รวมถึงใจกลางเมืองประวัติศาสตร์และสถานที่สำคัญใกล้เคียง

เที่ยววาเลนเซีย: สวนสาธารณะทูเรีย (Turia Gardens)

ด้านหน้าหอคอยตอร์เรสเดเซอรานอซมีสะพาน Pont dels Serrans เชื่อมต่อไปยังย่าน La Saïdia ถ้าเดินข้ามสะพานนี้ไปจะเจอกับทางเดินลงไปยังสวนสาธารณะทูเรีย ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ทอดยาวประมาณ 9 กิโลเมตรตามแนวแม่น้ำ ด้านในสวนสาธารณะมีบรรยากาศดี มีทางเดินและพื้นที่สำหรับปิกนิก รวมถึงสนามเด็กเล่นขนาดยักษ์ โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับสำหรับการเดินเล่นตอนเย็น ๆ

เที่ยววาเลนเซีย: จัตุรัสศาลากลาง (Plaza del Ayuntamiento)

นอกจากจัตุรัสสองแห่งในย่านเมืองเก่าที่เรากล่าวถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว วาเลนเซียยังมีจัตุรัสสำคัญอีกหนึ่งแห่ง คือ Plaza del Ayuntamiento ซึ่งเป็นจัตุรัสศาลากลางที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและล้อมรอบด้วยอาคารสำคัญหลายแห่ง ใจกลางจัตุรัสมีสวนและน้ำพุที่สวยงาม มีทางเดินที่เต็มไปร้านค้าและร้านอาหารทั้งสองฝั่ง จัตุรัสยังทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับกิจกรรม งานเฉลิมฉลอง และเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีอีกด้วย

เที่ยววาเลนเซีย: ชายหาดมัลวาร์โรซา (Malvarrosa Beach)

เดินเที่ยวในย่านตัวเมืองวาเลนเซียแล้วถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศหากิจกรรมผ่อนคลายทำก็ต้องแวะไปเดินเล่นที่ชายหาดมัลวาร์โรซายอดนิยมของคนเมืองกันบ้าง ชายหาดนี้ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร และเข้าถึงได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

พอไปถึงแล้วจะเห็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เหมาะสำหรับการอาบแดด ว่ายน้ำ และกีฬาทางน้ำ ชายหาดยังล้อมรอบด้วยทางเดินกว้างที่เรียกว่า “Paseo Marítimo” เหมาะสำหรับการเดินเล่นสบาย ๆ ขี่จักรยาน และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ริมทะเล ถ้ามาใกล้ช่วงพระอาทิตย์ตกเย็นอากาศดีทีเดียวไม่ร้อนมาก มีม้านั่งพักผ่อน ริมทางเดินก็ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านไอศกรีมให้เลือกทานอีกด้วย

โดยรวมแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวยุโรปถึงนิยมมาเที่ยววาเลนเซีย เพราะมีครบหมดแบบนี้นี่เอง ทั้งพิพิธภัณฑ์ ย่านเมืองเก่า และทะเลสำหรับพักผ่อนช่วงวันหยุดหน้าร้อนไปในตัว

เที่ยววาเลนเซีย: เดินเล่นต่อที่ท่าจอดเรือยอร์ช (La Marina de Valencia)

ใกล้กับชายหาดวาเลนเซียยังมีทางเดินชั้นด่านฟ้าไปยังจุดชมวิว Mirador del Port ระหว่างทางจะมองเห็นท่าจอดเรือยอร์ชที่อยู่ฝั่งขวามือ และมีจุดสำหรับนั่งพักชมวิว พอได้มาเดินเล่นแล้วนับว่าบรรยากาศดีทีเดียว ถ้าเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิวจะเห็นท่าจอดเรือสำราญ และเหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็นด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมปิดท้ายของวันที่ดีเลยทีเดียว

ทานข้าวผัดปาเอญ่าดั้งเดิมวาเลนเซีย (La Pepica)

เดินเที่ยวชายหาดแล้วอย่าเพิ่งกลับเข้าเมืองถ้าไม่ได้แวะไปลองข้าวผัดปาเอญ่าดั้งเดิมวาเลนเซียที่ร้านชื่อดัง La Pepica ร้านนี้ตั้งอยู่ติดกับชายหาดมัลวาร์โรซาใกล้กับทางเดินไปยังท่าจอดเรือยอร์ช เปิดมาตั้งแต่ปี 1898 เลยทีเดียว แน่นอนว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือข้าวผัดปาเอญ่าที่มาพร้อมเนื้อกระต่ายและไก่ ไปจนถึงแบบรวมอาหารทะเลให้เลือกหลากหลาย

เราลองแบบที่รวมอาหารทะเล ตอนมาเสิร์ฟคือกระทะใหญ่มาก ถ้าไปคนเดียวอาจจะทานไม่หมด โชคดีที่ไปกันสองคนเลยแบ่งกันทานจนหมด รสชาติปาเอญ่าอร่อยใช้ได้เลย แต่ไม่รู้ทางร้านเน้นรสจัดไปหรือเป็นเพราะสั่งแบบทะเลรสชาติเลยติดเค็มไปนิด แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นประสบการณ์คุ้มที่ได้มาลองด้วยตัวเอง ราคาอาหารรวมเครื่องดื่ม 42 ยูโร ใครที่จะแวะไปลองด้วยตัวเองอย่าลืมจองโต๊ะล่วงหน้า ร้านเปิดทุกวัน เวลา 12:30-16:00 น. และ 19:30-23:00 น. ด้วยความที่ร้านมีขนาดใหญ่และคนไปทานกันเยอะมาก อาจต้องรออาหารประมาณ 20-30 นาที

ค้นหาและเปรียบเทียบที่พักในวาเลนเซีย

Booking.com

การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองวาเลนเซีย

วาเลนเซียมีสนามบินนานาชาติที่เรียกว่าสนามบินวาเลนเซีย (Valencia Airport; VLC) ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางตะวันตกประมาณ 8 กม. นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟใต้ดินหรือรถประจำทางภายในเวลา 20-30 นาที

การเดินทางในวาเลนเซียด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

ระบบขนส่งสาธารณะในวาเลนเซียมีเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมถึงรถประจำทาง รถราง และรถไฟใต้ดิน ทำให้ง่ายต่อการเดินทางในเมืองและไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ รวมถึงละแวกใกล้เคียง ข้อมูลด้านล่างคือภาพรวมของตัวเลือกการขนส่งสาธารณะที่มีอยู่ในวาเลนเซีย

การเดินทางไปวาเลนเซียจากอัมสเตอร์ดัม

อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากวาเลนเซียประมาณ 1,897 กม. นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเที่ยววาเลนเซียสามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากเมืองใกล้เคียงได้สะดวก เช่น อัมสเตอร์ดัม บรัสเซลส์ ปารีส บอร์โด บาร์เซโลนาหรือมาดริด ครอบคลุมตัวเลือกด้วยเที่ยวบิน รถไฟ และรถยนต์ ดังรายละเอียด

เที่ยววาเลนเซียใช้งบเท่าไร

ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยววาเลนเซีย 2 วัน 3 คืน สำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 328 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 12,550 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าที่จอดรถและค่าทางด่วน ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่