วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง อิสตันบูล (Istanbul) ประเทศตุรกี เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนสองฝั่งยุโรปและเอเชีย ซึ่งขั้นกลางด้วยช่องแคบบอสพอรัสระหว่างทะเลมาร์มาราและทะเลดำ เราแพลนไปเที่ยวที่นี่ 5 วัน 4 คืน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูหนาวของที่นี่ ก่อนจะค้นพบว่ามันดีเกินความคาดหมาย ทริปนี้จึงเต็มไปด้วยความสนุกไม่หวั่นสภาพอากาศเพราะยังมีแดดอุ่น ๆ ในทุกวัน และที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กัน และยังเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
บทความนี้จะมาแบ่งปันผู้อ่านเกี่ยวกับการ วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง ครอบคลุมไปถึงที่เที่ยวในอิสตันบูล ย่านที่พัก อาหารการกิน การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริปนี้ เอาเป็นว่าถ้าอ่านบทความนี้แล้วสามารถเที่ยวอิสตันบูลได้ด้วยตัวเอง ที่เหลือก็แค่เก็บเงินจัดกระเป๋าเตรียมใจไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ของที่นี่ได้เลย
ลิงก์จองทริปเที่ยวอิสตันบูล 🇹🇷
เที่ยวอิสตันบูลช่วงไหนดี
ฤดูดอกไม้บาน (มีนาคมถึงพฤษภาคม) อุณหภูมิเฉลี่ย 8-20 องศา เป็นฤดูที่หลายเสียงแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่ เพราะอากาศกำลังดี จำนวนนักท่องเที่ยวพอประมาณ ราคาที่พักตั๋วและเครื่องบินอยู่ในเรตที่รับได้
ฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ย 17-28 องศา เป็นช่วงไฮซีซันของที่นี่และยังเป็นช่วงวันหยุดหน้าร้อนของชาวยุโรป นักท่องเที่ยวหนาแน่น ราคาที่พักตั๋วเครื่องบินจะสูงกว่าปกติ
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) อุณหภูมิเฉลี่ย 13-25 องศา เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเริ่มลดลง บวกกับอากาศเริ่มกลับสู่ช่วงหน้าหนาว ราคาที่พักและตั๋วเครื่องบินไม่แพง ถ้าตารางช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคมไม่ว่างแนะนำให้มาช่วงนี้แทน
ฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ย 5-10 องศา เป็นช่วงที่หนาวที่สุดของที่นี่ สภาพอากาศมีฝนตกเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังมีช่วงที่มีแดดออกเกือบทุกอาทิตย์ บางปีก็มีหิมะตก เรียกได้ว่าเป็นโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวไม่แออัด ราคาที่พักและตั๋วเครื่องบินถูกมาก ใครที่หาตารางเวลาไม่ได้ช่วงฤดูดอกไม้บานแนะนำช่วงนี้เลยค่ะ
สรุปแล้วช่วงที่กำลังดีสำหรับการเที่ยวอิสตันบูลคือระหว่างเมษายนถึงพฤษภาคม ถ้าไม่ติดเรื่องอากาศหนาวแนะนำให้มาช่วงกุมภาพันธ์ และตัวเลือกสุดท้ายคือช่วงกันยายนถึงตุลาคม
ไปเที่ยวอิสตันบูลต้องทําวีซ่าไหม
ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศตุรกี สามารถไปเที่ยวอิสตันบูลและพำนักที่นั่นได้ไม่เกิน 30 วัน
เอกสารเข้าเมืองอิสตันบูล
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศตุรกีไม่จำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มการเดินทางเข้าประเทศ (รหัส HES) หรือแสดงหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ใบรับรองแพทย์หายจากติดเชื้อโควิด ผลการทดสอบแอนติเจนเป็นลบ หรือผลการทดสอบ PCR เป็นลบ คุณสามารถเดินทางเที่ยวในประเทศตุรกีได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตามควรตรวจเช็คข้อมูลเพิ่มเติมกับสายการบินที่เดินทางรวมไปถึงข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลตุรกี
แผนที่เที่ยวอิสตันบูล
กดดูและบันทึกแผนที่เที่ยวอิสตันบูลเพื่อช่วยวางแผนการเดินทางของคุณ
ที่เที่ยวอิสตันบูล
ที่เที่ยวอิสตันบูลแบ่งออกเป็นหลายโซนด้วยกัน โซนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว คือ
- โซนเมืองเก่า ‘สุลต่านอาห์เหม็ด’ (Sultanahmet) เป็นย่านที่รวมพิพิธภัณฑ์ มัสยิด และพระราชวังไว้หลายแห่ง เช่น มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด ฮาเกียโซเฟีย อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน พระราชวังโทพคาปึ และพิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล เป็นต้น
- โซนท่าเรือ ‘Eminönü’ อยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา รวมที่เที่ยว เช่น มัสยิดซิวเลย์มานีเย ตลาดแกรนด์บาซาร์ และตลาดเครื่องเทศสไปซ์มาร์เก็ต เป็นต้น
- ย่านสมัยใหม่สุดคึกคัก ‘คาราคอย’ (Karaköy) รวมคาเฟ่สุดเก๋ที่มีบรรยากาศน่านั่ง มีสถานที่เที่ยวใกล้เคียง เช่น สะพานกาลาตา และหอคอยกาลาตา เป็นต้น
- ย่านทักซิมสแควร์ (Taksim Square) เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอิสตันบูล รวมถนนคนเดินที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์ มัสยิด และยังเดินทางไปเที่ยวที่พระราชวังโดลมาบาห์เชได้ง่าย
- ย่านฝั่งเอเชีย ‘อึสคือดาร์’ (Üsküdar) และ ‘คาดิคอย’ (Kadıköy) เหมาะสำหรับการนั่งเรือเที่ยวช่องแคบบอสฟอรัส รวมร้านอาหารราคาประหยัด และที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น มัสยิดคัมลิกา (Çamlıca Mosque) พระราชวังพระราชวังเบเลอร์เบยี (Beylerbeyi Palace) และตลาด Kadıköy เป็นต้น
ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia)

ฮาเกียโซเฟีย หรือมหาวิหารเซนต์โซเฟีย (ภาษาตุรกี: Ayasofya) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาที่มีความสวยงามในเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่ที่ย่านเมืองเก่าทางฝั่งยุโรปตะวันตกตรงข้ามกับจัตุรัสสุลต่านอาเหม็ด ที่นี่เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่ของโลก ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาในหลายศตวรรษที่ผ่านมา รวมไปถึงภาพโมเสกพระจักรพรรดินีโซอีที่ยังคงเห็นได้ภายในตัวอาคารจนถึงปัจจุบัน
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสถานที่แห่งนี้ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชม สำหรับผู้เข้าชมสุภาพสตรีควรเตรียมผ้าคลุมหัวและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปกปิดไหล่และขา ด้านในอาคารปูด้วยพรมต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม (มีตู้ขนาดเล็กสำหรับวางรองเท้า) ในช่วงเวลาละหมาดเรามักจะเห็นผู้คนหนาแน่นในสถานที่แห่งนี้ ทางสุเหร่าอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในช่วงเวลาดังกล่าวได้ แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ไม่ไปรบกวนการทำละหมาด (ยกเว้นการทำละหมาดใหญ่ในวันศุกร์)
Every day, 24 hrs. / Free / Tram T1, Sultanahmet Station then walk 5 mins to entrance C
มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Sultan Ahmed Mosque)

มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด หรือสุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ด (ภาษาตุรกี: Sultan Ahmet Camii) เป็นแลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของอิสตันบูลและรู้จักกันดีในชื่อ ‘มัสยิดสีน้ำเงิน’ (Blue Mosque) เนื่องจากผนังด้านในตกแต่งรอบล้อมด้วยกระเบื้องเคลือบสีฟ้าและหินอ่อนแกะสลักอย่างปราณีต ที่นี่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับฮาเกียโซเฟีย สถาปัตยกรรมที่ใช้ในการออกแบบจึงมีความใกล้เคียงกัน
ผู้เข้าชมสุภาพสตรีควรเตรียมผ้าคลุมหัวและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ปกปิดไหล่และขา ถ้าไม่ได้เตรียมมาทางมัสยิดมีผ้าคลุมให้ที่หน้าประตูทางเข้า ผู้เข้าชมชายควรสวมกางเกงที่คลุมเข่า และต้องถอดรองเท้าในการเข้าชมเนื่องจากพื้นปูด้วยพรม (มีถุงพลาสติกฟรีให้ใส่รองเท้า)
Every day 09:00-19:00 hrs. (Except on Sunday 09:00-17:00 hrs.) / Free / Tram T1, Sultanahmet Station then walk 3 mins
จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต (Sultanahmet Square)

จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต (ภาษาตุรกี: Sultanahmet Meydanı) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘ฮิปโปโดรม’ (Hippodrome) ในอดีตใช้เป็นสนามแข่งม้าซึ่งเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในยุคเฮล เลนิสติกโรมัน และไบแซนไทน์ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่า
รอบพื้นที่จัตุรัสสุลต่านอาห์เมตคุณจะพบกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น ฮาเกียโซเฟียที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมัสยิดบลูขั้นกลางด้วยลานน้ำพุสุลต่านอาห์เมต อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน เสาโอเบลิสก์ของธีโอโดซีอุส น้ำพุเยอรมัน เสาพญานาค และเสาโอเบลิสก์วอลล์ ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ใกล้กันถ้ามาเยี่ยมชมแล้วได้เห็นครบทุกอย่างแน่นอน
Every day 24 hrs. / Free / Tram T1, Sultanahmet Station then walk 2 mins
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (Basilica Cistern)

อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (ภาษาตุรกี: Yerebatan Sarnici) เป็นอ่างเก็บน้ำโบราณใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าใกล้กับมัสยิดสีน้ำเงินและฮาเกียโซเฟีย สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 สมัยของจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 แห่งไบแซนไทน์
พื้นที่ด้านในเป็นห้องใต้ดินขนาดประมาณ 138 เมตร ประดับด้วยเสาหินอ่อน 12 แถวรวมจำนวน 28 เสา โดยแต่ละเสาห่างกัน 5 เมตร ที่นี่สามารถจุน้ำได้มากถึง 80,000 ลูกบาศก์เมตร ในอดีตใช้เป็นระบบกรองน้ำให้กับพระราชวังใหญ่แห่งคอนสแตนติโนเปิลและพระราชวังโทพกาปึ ปัจจุบันมีน้ำขังเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยสามารถเดินลงไปได้ผ่านบันไดห้าสิบสองขั้น ที่นี่ยังเคยเป็นฉากหนึ่งของการถ่ายทำภาพยนตร์ ‘1963 James Bond’ อีกด้วย
300 TRY / Tram T1, Sultanahmet Station then walk 5 mins
พระราชวังโทพคาปึ (Topkapı Palace)

พระราชวังโทพคาปึ (ภาษาตุรกี: Topkapı Sarayı) เป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวังขนาดใหญ่ของเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ทางด้านหลังฮาเกียโซเฟียสามารถเดินไปได้เพียง 3 นาที ที่นี่เคยเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำงานหลักของสุลต่านออตโตมันในช่วงในศตวรรษที่ 15 และ 16 ด้านในพระราชวังประกอบด้วยลานหลักสี่แห่งและอาคารขนาดเล็กจำนวนมาก มีพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 7,535,000 ตารางฟุต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในอิสตันบูลที่ห้ามพลาดต้องเข้าชม
การเข้าชมพระราชวังโทพคาปึควรให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 09:00 – 11:00 น. หรือหลัง 15:00 น. ด้านในมีสถานที่ให้เลือกชมหลากหลาย ไม่จำเป็นว่าต้องเดินชมจากลานที่สองก่อน แต่สามารถเดินไปยังลานที่สาม หรือลานที่สี่แล้วย้อนกลับมายังลานที่สองก็ได้ สถานที่ภายในบางแห่งไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เราจึงถ่ายภาพมาได้แค่ภายนอกบางส่วนเท่านั้น
Wednesday – Monday 09:00-17:30 hrs. (Close on Tuesday) / Combined ticket Topkapi Palace + Hagia Irene 320 TRY, Combined ticket Topkapi Palace + Hagia Irene + Harem 420 TRY, Harem 150 TRY, Hagia Irene 120 TRY, Free entrance with Museum Pass Istanbul. / Tram T1, Sultanahmet Station or Gülhane istasyonu then walk 8 mins
พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahçe Palace)

พระราชวังโดลมาบาห์เช (ภาษาตุรกี: Dolmabahçe Sarayı) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสฝั่งทวีปยุโรปของอิสตันบูล เป็นพระราชวังที่มีความสวยงามตระการ สร้างด้วยหินอ่อนโดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมจากตะวันตก เช่น บารอค รอคโคโค นีโอคลาสสิก ผนวกเข้ากับวัฒนธรรมออสโตแบบดั้งเดิมทำให้เกิดรูปแบบศิลปะแนวใหม่ที่มีความโดดเด่น ใครที่กำลังวางแผนมาเที่ยวที่อิสตันบูล เราขอแนะนำให้ไปเข้าชมความสวยงามของพระราชวังแห่งนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง
ภายในพระราชวังโดลมาบาห์เช ยังมีพิพิธภัณฑ์นาฬิกาและพิพิธภัณฑ์ภาพวาด สามารถซื้อตั๋วแบบ Combined Ticket ได้ที่เคาน์เตอร์ประตูทางเข้า การเข้าชมพระราชวังต้องใช้ถุงพลาสติกที่จัดไว้ให้เพื่อสวมรอบรองเท้าก่อน มีโบว์ชัวร์ประวัติความเป็นมาของที่นี่สามารถหยิบได้ฟรี มีภาษาไทยด้วยค่ะ ใครที่อยากได้ออดิโอเสียงขนาดเล็กสามารถขอได้ที่เคาน์เตอร์ทางเข้า ต้องใช้พาสปอร์ตมัดจำ (ขอรับคืนได้หลังชมเสร็จ) ที่สำคัญต้องเดินตามเส้นทางที่จัดไว้ ห้ามจับสิ่งของภายในพระราชวังและห้ามถ่ายภาพ ห้องที่เข้าชมแล้วหยุดมองอยู่นานเพราะสวยมาก คือ บันไดคริสตัล ห้องโถงใหญ่ ห้องการทูต ห้องสีน้ำเงิน (ห้องสุลต่าน) ห้องสีชมพู (ห้องประชุมของมเหสีและสนม) และห้องอาบน้ำของสุลต่านที่สามารถมองเห็นวิวทะเลมาร์มารา
เวลาที่แนะนำในการเข้าพระราชวังโดลมาบาห์เช คือ ระหว่างเวลา 09:00-11:00 น. หรือหลัง 14:00 น. เผื่อเวลาไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนแรกคิดว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ พอมาเดินจริงแล้วใหญ่มาก เดินไปตอนแรกว่าว้าวแล้วเดินต่อไปเรื่อย ๆ คือว้าวไม่หยุด คุ้มค่าตั๋วเข้าชมจริง ๆ โดยส่วนตัวไปเข้าชมตอนบ่ายสอง จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อที่หอคอย Galata Tower ได้ชมพระอาทิตย์ตกไปด้วย แนะนำมากค่ะ
Tuesday – Sunday 09:00-18:30 hrs. (Close on Monday) / Combined ticket Combined Dolmabahçe Palace + Haarlem + National Palaces Paintings Museum 300 TRY, Museum Pass Istanbul is not valid for this museum. / Tram T1 or Istanbul Metro F1, Kabatas Station then walk 8-15 mins
พิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล (Istanbul Archaeological Museums)

พิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล (ภาษาตุรกี: Istanbul Arkeoloji Müzeleri) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังโทพคาปึเพียง 6 นาที ที่นี่ประกอบด้วยโครงสร้างหลักสามแห่ง คือ พิพิธภัณฑ์โบราณคดี พิพิธภัณฑ์งานโบราณตะวันออก และพิพิธภัณฑ์ตู้กระเบื้อง ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล คือ เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในตุรกี มีวัตถุโบราณและสิ่งประดิษฐ์ประมาณหนึ่งล้านชิ้นที่รวบรวมจากหลากหลายวัฒนธรรมและประเทศต่าง ๆ รวมไปถึงมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ตุรกี เปอร์เซีย กรีกและโรมันเป็นส่วนใหญ่ ใครที่ชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้รับรองได้เลยว่าถ้าเข้าชมแล้วจะกลับออกมาพร้อมความเต็มอิ่มเลยทีเดียว
โดยส่วนตัวเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้วชอบมากโดยเฉพาะโซนประวัติศาสตร์กรีกและโรมัน รวมไปถึงรูปปั้นและสิ่งของโบราณต่าง ๆ บางโซนเดินเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกตื่นเต้นและลึกลับเหมือนเรากำลังผจญภัยอยู่ในหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตามพิพิธภัณฑ์มีการจัดไฟที่ไม่ค่อยสว่างมากนัก เราไม่แน่ใจว่าถูกออกแบบมาให้เป็นแบบนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะมีผลต่อวัตถุโบราณที่จัดแสดงไว้ นิทรรศการบางส่วนมีการปิดปรับปรุง อีกอย่างที่ดูแล้วอยากให้พัฒนาเพิ่มเติมก็คือคำอธิบายในแต่ละจุดที่อาจจะมีไม่มากนัก แต่ถ้าใครไม่ติดตรงนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะวัตถุโบราณที่ได้เห็นอาจจะสร้างความตื่นตาตื่นใจไปพอสมควรแล้ว ที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กใช้เวลาเข้าชมประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
Every day 09:00-19:00 hrs. / 100 TRY, Free entrance with Museum Pass Istanbul. / Tram T1, Sultanahmet Station then walk 13 mins, or Gülhane istasyonu Station then walk 2 mins
หอคอยกาลาตา (Galata Tower)

หอคอยกาลาตา (ภาษาตุรกี: Galata Kulesi) เป็นหอคอยไบแซนไทน์ความสูง 67 เมตร ตั้งอยู่ที่เขตเบโยกลู (Beyoğlu) ของอิสตันบูลฝั่งยุโรป แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงกาลาตา ปัจจุบันหอคอยนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์หอคอยกาลาตาภายใต้ชื่อ ‘Galata Kulesi Museum’ ความโดดเด่นของที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นของเมืองเท่านั้น แต่เรายังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของชายฝั่ง Golden Horn ทะเลมาร์มารา พิพิธภัณฑ์โคพทาปึ อาเกียโซเฟีย มัสยิดสีน้ำเงิน และสะพานกาลาตาในเวลาเดียวกัน ความงดงามของภาพมุมสูงของสถานที่เหล่านี้เป็นเหตุผลที่คุณควรจะไปเยี่ยมชมหอคอยกาลาตาด้วยตัวเอง
การเข้าชมหอคอยกาลาตาเวลาที่แนะนำเลยก็คือประมาณ 17:30 น. ไปรอก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เพราะคิวรอต่อแถวซื้อตั๋วเข้าชมค่อนข้างยาว ถ้าใครที่บัตร Museum Pass Istanbul ก็ใช้เข้าชมได้เลย สะดวกมากแนะนำให้ซื้อติดตัวไว้
ในตอนกลางคืนหอคอยกาลาตายังมีการประดับด้วยไฟส่องสว่างมองเห็นจากระยะไกล ถ้ามาช่วงพลบค่ำจะได้ภาพที่สวยงามของหอคอยนี้ไปอีกแบบ ด้านหน้าหอคอยยังมีถนนคนเดินที่ชื่อ ‘Büyük Hendek’ มีร้านขายชาเต็มไปหมดเลย ตอนนั้นที่เดินไปเวลาประมาณเกือบจะสองทุ่มแล้วยังมีคนนั่งดื่มชาอยู่เต็มทุกร้านเลย ของเขาขึ้นชื่อที่นี่จริง ๆ ถ้าใครมาแล้วลองไปลิ้มรสชาดั้งเดิมของที่นี่นะคะ โดยส่วนตัวลองมารสชาติโอเคเลยค่ะ แก้วชาก็จะน่ารักจับสะดวก ถ้าใครชอบรสหวานก็เติมน้ำตาลเพิ่มได้
Every day 08:30-24:00 hrs. / 175 TRY, Free entrance with Museum Pass Istanbul. / Tram T1, Tophane Station then walk 9 mins, or Metro M2 from Taksim Station to Şişhane Station then walk 5 mins
อ่านต่อ: เที่ยวหอคอยกาลาตา ชมโกลเด้นฮอร์นอิสตันบูลอาบแสงพระอาทิตย์ยามเย็น
ย่านทักซิมสแควร์ (Taksim Square)

ทักซิมสแควร์ (ภาษาตุรกี: Taksim Meydanı) เป็นย่านท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในเขตเบโยกลูฝั่งยุโรป ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรม และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา เช่น อนุสาวรีย์สาธารณรัฐ มัสยิดทักซิมสแควร์ ศูนย์วัฒนธรรมอตาเติร์ก ฯลฯ
ถ้ามาเยี่ยมชมที่นี่ไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสบรรยากาศที่คึกคักของสถานที่เหล่านั้น แต่ยังสามารถเดินเล่นไปบนถนนชอปปิงสายหลักที่มีชื่อเสียง ‘İstiklal Caddesi’ ยาวกว่า 1.4 กิโลเมตรเมตร คุณยังสามารถรอถ่ายภาพหรือนั่งรถรางสายประวัติศาสตร์ Taksim-Tünel (T2) ที่วิ่งผ่านถนนชอปปิงสายนี้ไปยังอุโมงค์รถไฟใต้ดินสาย F2 (Tünel) ได้อีกด้วย
Every day 24 hrs. / Metro M2, Şişhane Station then walk 17 mins, or Metro M2 and Funicular F1, Taksim Station.
ปากน้ำของช่องแคบบอสฟอรัส (Golden Horn)

Golden Horn (ภาษาตุรกี: Altın Boynuz, Haliç) เป็นปากน้ำธรรมชาติของช่องแคบบอสฟอรัสที่มีความสวยงาม แบ่งเมืองอิสตันบูลออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งเอเชียและฝั่งยุโรป โกลเด้นฮอร์นมีสะพานทอดข้ามทั้งหมด 5 แห่ง สะพานที่มีชื่อเสียงคือสะพานกาลาตา สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1994 ตั้งอยู่ระหว่างเขต karaköy และ Eminönü รวมไปถึงสะพาน Golden Horn Metro Bridge เส้นทางขยายรถไฟใต้ดินสาย M2 และสะพาน Atatürk Bridge ซึ่งเป็นสะพานทางหลวงการจราจรทางบกและทางเท้า
จุดเด่นของโกลเด้นฮอร์นนอกจากจะเป็นท่าเรือหลักของเมืองแล้วยังมีทัศนียภาพที่งดงามของเมืองรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์โคพทาปึ อาเกียโซเฟีย มัสยิดสีน้ำเงิน สะพานกาลาตาที่มีฉากหลังเป็นมัสยิดใหม่ ช่องแคบบอสฟอรัส ไปจนถึงพื้นที่ฝั่งเอเชียที่มีหอโทรคมนาคม ‘Çamlıca Tower’ ความสูงรวมกว่า 369 เมตรตั้งเด่นสง่าจากระยะไกล ในช่วงพระอาทิตย์ตกดินพื้นที่โกลเด้นฮอร์นจะสวยงามเป็นพิเศษเพราะอาบด้วยแสงสีทองจากพระอาทิตย์สะท้อนกับเงาน้ำ ถ้าคุณอยากเห็นวิวของสถานที่ทั้งหมดนี้ในเวลาเดียวกันสามารถชมได้จากหอคอยกาลาตา
สะพานกาลาตา (Galata Bridge)

สะพานกาลาตา (ภาษาตุรกี: Galata Köprüsü) เป็นสะพานที่ทอดยาวข้ามโกลเด้นฮอร์น สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1994 มีความยาวกว่า 490 เมตร กว้าง 42 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างย่านสมัยใหม่ที่เรียกว่า Karaköy และเขต Eminönü พื้นที่โดยรอบสะพานมีบรรยากาศที่คึกคักทีเดียวจากการจราจรของรถและทางเท้าบนสะพาน ที่นี่เรายังสามารถมองเห็นคนใช้เบ็ดตกปลาอยู่เกือบทุกช่วงเวลา ที่ใต้สะพานกาลาตาฝั่ง Eminönü มีร้านอาหารจำนวนมาก ถ้าไปเดินแถวนี้เลือกไม่ถูกเลยทีเดียวว่าจะเดินเข้าร้านไหนดี
ใกล้กับสะพานกาลาตายังเป็นที่ตั้งของท่าเรือจำนวนมาก มีบริการเรือล่องช่องแคบบอสฟอรัส และเรือโดยสารไปยังฝั่งเอเชีย (Kadıköy Çayırbaşı – Karaköy – Eminönü) ใครที่สนใจแนะนำให้ขึ้นเรือจากฝั่งนี้เพราะเป็นเรือที่คนท้องถิ่นโดยสารกันประจำ ค่าเรืออาจจะถูกกว่า แต่ถ้าขึ้นฝั่ง Karaköy จะเป็นนักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ (อาจจะมีเรือเยอะกว่า) สถานีรถรางที่ตั้งอยู่ใกล้สะพานกาลาตาคือสถานี Eminönü มาลงที่ตรงนี้แล้วสามารถเดินเที่ยวได้ยาวเลย ถ้าใครเลือกพักที่ย่านเมืองเก่าสามารถเดินมาที่นี่ได้ในเวลา 10 นาที ช่วงพลบค่ำที่นี่ยังมีบรรยากาศที่สวยงามไปอีกแบบโดยเฉพาะแสงไฟจากมัสยิดใหม่ที่เป็นฉากหลังของสะพานกาลาตา เวลานั้นก็ยังมีคนตกปลาจำนวนมากไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงฤดูหนาว มาเดินแล้วทำให้เห็นวิธีชีวิตของชาวเจอตุรกีในมุมที่แตกต่างจริง ๆ
มัสยิดซิวเลย์มานีเย (Suleymaniye Mosque)

มัสยิดซิวเลย์มานีเย (ภาษาตุรกี: Süleymaniye Camii) เป็นมัสยิดที่มีความสวยงามไม่แพ้มัสยิดสีน้ำเงิน ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองอิสตันบูล ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อเป็นมัสยิดหลวงของสุลต่านสุลัยมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ก่อสร้างระหว่างปี ค.ศ. 1550-1557 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม สะท้อนความเป็นต้นแบบของมัสยิดมุสลิม มัสยิดซิวเลย์มานีเยตั้งอยู่บนเนินเขาที่สาม สามารถมองเห็นโกลเด้นฮอร์นได้จากระยะไกล เราสามารถมาที่นี่โดยนั่งรถรางมาลงที่สถานี Eminönü จากนั้นเดินขึ้นเขาต่ออีกประมาณ 16 นาที หรือลงที่สถานีรถไฟใต้ดินสาย M2 จากสถานี Vezneciler จากนั้นเดินอีก 9 นาที จะใกล้กว่า
มัสยิดซิวเลย์มานีเยเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีโดมสูง 4 แห่งและโดมหลัก ด้านในมีศาลาลานน้ำพุตรงกลางเหมือนกับมัสยิดทั่วไปที่ใช้ชำระล้างก่อนทำละหมาด ลานภายในมีเสาหินอ่อนแกรนิต ก่อนจะเข้าชมด้านในของมัสยิดซิวเลย์มานีเยต้องถอดรองเท้าก่อน (มีถุงพลาสติกให้ใส่รองเท้า) เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับลานกว้างปูด้วยพรมสีสดรับกับไฟระย้า ผนังยังประดับด้วยกระเบื้องและหน้าต่างกระจกสี โดยส่วนตัวเป็นมัสยิดที่สวยงามมากทีเดียว จำนวนนักท่องเที่ยวที่นี่อาจจะไม่หนาแน่นเหมือนกับมัสยิดบลู แต่เรื่องความสวยงามใกล้เคียงกันทีเดียว ถ้าใครไปที่นั่นแล้วแนะนำให้มาเยี่ยมชมที่นี่อีกหนึ่งแห่ง
มัสยิดคัมลิกา (Çamlıca Mosque)

มัสยิดคัมลิกา (ภาษาตุรกี: Büyük Çamlıca Camii) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่บนเนินเขา Çamlıca ฝั่งเอเชีย ที่นี่สามารถมองเห็นได้ระยะไกลจากฝั่งยุโรปไม่แพ้หอโทรคมนาคม ‘Çamlıca Tower’ มัสยิดคัมลิก้ามีความสวยงามเกินความคาดหมายกับเรามากทั้งในเรื่องของสถาปัตยกรรมภายในและจำนวนผู้คนที่สามารถได้ถึง 63,000 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องโถงสำหรับทำละหมาด ไปจนถึงหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์อิสลามและห้องสมุด ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงวิวด้านนอกที่สามารถมองเห็นฝั่งยุโรปและบ้านเรือนใกล้เคียง
มัสยิดคัมลิกามีการตกแต่งด้วยพรม เราต้องถอดรองเท้าในการเข้าชมโดยใส่ในถุงพลาสติกถือติดตัวไปด้วยได้หรือจะวางไว้ที่ตู้ใส่รองเท้าก็ได้ ผู้หญิงต้องสวมผ้าคลุมหัวเช่นเดียวกับการเข้าชมมัสยิดอื่น ๆ ด้านในโดมหลักประดับด้วยโคมไฟระย้ารวมถึงหน้าต่างกระจกสี ที่นี่มีพื้นที่แยกสำหรับผู้หญิงในการทำละหมาด ถ้าเดินขึ้นบันไดไปด้านบนสามารถมองเห็นพื้นที่ด้านในอย่างชัดเจน พอเดินออกมาลานด้านนอกมองเห็นวิวฝั่งยุโรปรวมไปถึงบ้านเรือนฝั่งเอเชีย
ส่วนตัวไปที่นี่แล้วชอบประทับมาก ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวแต่เป็นมัสยิดทางศาสนาจริง ๆ สถาปัตยกรรมด้านในมีความคล้ายคลึงกับมัสยิดบลู ถ้าไม่ติดว่าที่นี่ตั้งอยู่ไกลไปหน่อย อาจจะกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมไม่แพ้มัสยิดบลูในย่านเมืองเก่า
ถ้าใครวางแผนจะมาที่นี่ควรมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน เพราะต้องใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งยุโรปมาที่ฝั่งเอเชียท่าเรือ Kadıköy ประมาณ 30 นาที จากนั้นก็นั่งรถบัสสาย 14F อีกประมาณครึ่งชั่วโมง รถจะมาจอดที่ป้าย Büyük Çamlıca Camii Station หน้าทางเข้ามัสยิดเลย อาจจะไกลนิดหนึ่งแต่ก็คุ้มแล้วตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นทัศนียภาพที่ชัดเจนของเมืองสองฝั่งบนเรือ แต่ถ้าใครมีเวลาไม่พอไม่ได้มาที่นี่ก็ยังถือว่าไม่ได้พลาดอะไรไป เอาเป็นว่าถ้าแวะมาเที่ยวฝั่งเอเชียแล้วแนะนำให้มาที่นี่ด้วยจะครบแผนมากค่ะ
Every day 24 hrs. / Free / Bus 14F, Büyük Çamlıca Camii Station then walk 1 min
ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)

ตลาดแกรนด์บาซาร์ (ภาษาตุรกี: Kapalıçarşı) เป็นตลาดในร่มที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ในเขต Fatih ย่านเมืองเก่าของอิสตันบูล ห่างจากมัสยิดบลูเพียง 12 นาที คุณสามารถเดินไปที่นั่นได้ หรือนั่งไปลงที่รถรางป้าย Beyazıt-Kapalıçarşı จากนั้นเดินอีก 1 นาทีก็เจอประตูทางเข้า ตลาดแกรนด์บาซาร์มีผู้เยี่ยมชมระหว่าง 250,000 ถึง 400,000 คนต่อวันเลยทีเดียว ความเก่าแก่และความสวยงามสถาปัตยกรรมด้านในเป็นเหตุผลหลักที่ได้เปรียบของที่นี่เมื่อเทียบกับห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่ในอิสตันบูล การค้าขายด้านในตลาดก็คึกคักพอสมควร ถ้าคุณอยากเห็นบรรยากาศเหล่านี้ต้องลองไปเดินเที่ยวด้วยตัวเอง
ตลาดแกรนด์บาซาร์มีประตูทางเข้า 21 ประตู ประตูทางเข้าประวัติศาสตร์ที่ 1 ตั้งอยู่ใกล้กับมัสยิด Nuruosmaniye Mosque ด้านบนประตูสามารถมองเห็นตราอาร์มของออตโตมัน พอเดินเข้ามาด้านในจะพบกับร้านค้ามากมายตั้งอยู่สองฝั่ง ถ้ารวมร้านค้าทั้งภายในและภายนอกมีมากถึง 4,000 ร้านค้า แบ่งออกเป็นหลายโซนตามประเภทสินค้าที่จำหน่ายในนี้ เช่น โซนสีเหลือง-ทอง โซนสีเขียว-พรม โซนสีฟ้า-ผ้ายีนส์ โซนสีส้ม-ทองแดง โซนสีม่วง-ผ้า โซนสีชมพู-ของที่ระลึก โซนสีอ่อนเข้ม-เครื่องหนัง โซนสีส้มเข้ม-ของเก่า และโซนสีเหลือง-เครื่องเงิน
ถ้าเดินผ่านประตูทางเข้าที่ 1 จะเจอกับขนมตุรกีเป็นส่วนใหญ่ คนขายก็จะเชิญชวนให้ชิมให้ซื้อ ถ้าเราไม่สนใจก็บอกขอบคุณและเดินผ่านไปได้ ราคาสินค้าที่นี่ค่อนข้างแพง อาจจะเป็นเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย ถ้าเทียบกับตลาดเครื่องเทศมีสินค้าคล้ายกันและราคาถูกกว่า ถ้ามาที่นี่แล้วไปเดินเล่นต่อที่ตลาดเครื่องเทศก็ได้เพราะอยู่ใกล้กันประมาณ 7 นาที
Every day 24 hrs. / Free / Tram T1, Beyazıt-Kapalıçarşı Station (Walk 1 min)
ตลาดเครื่องเทศสไปซ์มาร์เก็ต (Spice Market)

ตลาดเครื่องเทศสไปซ์มาร์เก็ต (ภาษาตุรกี: Mısır Çarşısı) เป็นตลาดขายเครื่องเทศที่มีบรรยากาศคึกคักไม่แพ้ตลาดแกรนด์บาซาร์ ตั้งอยู่ในย่าน Eminönü ใกล้กับมัสยิด New Mosque ที่นี่เป็นศูนย์การค้าในร่มที่มีชื่อเสียงที่สุดรองจากแกรนด์บาซาร์ ด้านในตลาดเป็นที่ตั้งของร้านค้ามากถึง 90 แห่ง ขายเครื่องเทศหลากหลาย และสินค้าที่เน้นไปทางขนม อาหาร ชากาแฟ ผลไม้อบแห้ง และถั่วหลายชนิด ราคาแบ่งขายตามกิโลชั่งน้ำหนัก ถ้าซื้อแล้วมีถุงแบบดูดลมออกให้ด้วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บลงกระเป๋าเดินทาง ราคาค่อนข้างโอเคทีเดียวถ้าเทียบกับตลาดแกรนด์บาซาร์
ส่วนพื้นที่ด้านนอกมีสินค้าลดราคาอีกหลายอย่าง ทางฝั่งตะวันตกของตลาดจะเป็นพื้นที่ของแผงขายอาหารสด มาเดินที่นี่แล้วหอมกลิ่นเครื่องเทศแบบสุด ๆ ไปเลย ส่วนตัวให้บรรยากาศคล้ายกับตลาดนัดจตุจักรและไชน่าทาวน์ มีขนมให้เลือกซื้อหลายอย่าง พอเดินเสร็จก็ไปเดินเล่นที่สะพานกาลาตาและย่านท่าเรือได้อีก
Every day 08:00-19:30 hrs. / Free / Tram T1, EminönüStation then walk 4 mins
อ่านต่อ: 16 ที่เที่ยวอิสตันบูลไปแล้วคุ้ม (รวมการเดินทาง)
นั่งเรือไปเที่ยวอิสตันบูลฝั่งเอเชีย (Uskudar – Kadıköy) วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง

อิสตันบูลฝั่งเอเชีย ‘อึสคือดาร์’ (Uskudar) เป็นย่านที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 500,000 คน โดยเฉพาะฝั่งทะเลมาร์มาราเป็นย่านที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของอิสตันบูล ค่าใช้จ่ายฝั่งเอเชียค่อนข้างถูกกว่าฝั่งยุโรป การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็สะดวกไม่แพ้กัน นั้นทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะพักอาศัยในย่านนี้ และถ้านั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวที่นี่จะได้สัมผัสถึงชีวิตจริงของอิสตันบูลที่มีเสน่ห์แตกต่างจากฝั่งยุโรป
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือข้ามฟากสาย Kadıköy Çayırbaşı – Karaköy – Eminönü จากฝั่งยุโรปที่ท่าเรือ Eminönü (Turyol) (พิกัดท่าเรือ) ไปยังฝั่งเอเชียโดยใช้บัตรสมาร์ดการ์ด Istanbul ถ้าไม่สะดวกขึ้นจากท่าเรือ Eminönü สามารถขึ้นจากท่าเรือ Karaköy ก็ได้ เพราะเรือจะรับผู้โดยสารจากฝั่งนี้ก่อนแล้วค่อยไปจอดรับผู้โดยสารที่ฝั่ง Karaköy จากนั้นก็นั่งยาวเลย เรือวิ่งทุกวัน วันธรรมดาถึงวันเสาร์เวลา 06:55 – 21:20 น. และอาทิตย์เวลา 08:10 – 21:20 น.
เรือที่ใช้เป็นเรือโดยสารดำเนินการโดยบริษัท Turyol มีที่นั่งกว้างขวางและสะอาด แนะนำให้นั่งชั้นบนสุดมองเห็นวิวชัดเจน โดยส่วนตัวโดยสารไปกับเรือนี้พบว่าผู้โดยสารเป็นคนท้องถิ่นโดยส่วนใหญ่ ใช้เวลาโดยสารประมาณ 30 นาที เรือจะมาจอดที่ท่าเรือ Kadıköy (พิกัดท่าเรือ) ใกล้กับท่าเรือมีสถานีจอดรถบัสขนาดใหญ่ หลังจากนี้สามารถเลือกเที่ยวสถานที่ตามต่าง ๆ ได้ตามสะดวกเลย เช่น มัสยิดคัมลิกา (Çamlıca Mosque) พระราชวังพระราชวังเบเลอร์เบยี (Beylerbeyi Palace) ตลาด Kadıköy
นักท่องเที่ยวยังสามารถลิ้มรสอาหารทะเลในราคาที่ถูกเกือบครึ่งต่อครึ่งได้ที่นี่อีกด้วย ร้านที่แนะนำ คือ Balıkçı Lokantası เป็นร้านเล็ก ๆ เดินมาจากท่าเรือประมาณ 10 นาที เดินเข้ามาข้างในสั่งหาอาหารรอแป๊บหนึ่งแล้วได้เลย อาหารอร่อยทุกเมนูที่สำคัญราคาไม่แพง กินกันจุก ๆ ไปเลย ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นคนท้องถิ่น
อ่านต่อ: แชร์ประสบการณ์นั่งเรือเที่ยวอิสตันบูลฝั่งเอเชียครึ่งวัน

ที่พักในอิสตันบูล วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง
ที่พักในอิสตันบูลมีให้เลือกหลายย่านตามไลฟ์สไตล์
- ส่วนตัวเลือกพักที่ย่านเมืองเก่า Sultanahmet และระหว่างท่าเรือ Eminönü เพราะอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลัก เดินไปชมฮาเกียโซเฟียและมัสยิดสีน้ำเงินได้ภายในเวลา 15 นาที แถมเดินไปเที่ยวที่ท่าเรือ Eminönü ได้ภายในเวลา 20 นาที ที่พักราคารวม 118 ยูโร หารกันสองคนตกคนละ 59 ยูโร (2,110 บาท) บริเวณโรงแรมยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ผู้คนไม่ค่อยแออัด ตอนเช้ามีได้ยินเสียงทำละหมาดบ้างแต่ไม่เป็นปัญหา การเดินทางก็สะดวกเพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถรางป้าย Gülhane istasyonu
- ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศคึกคักต้องไปพักที่ย่านทักซิมแควร์ ที่นั่นมีร้านอาหารอยู่เกือบทุกหัวมุม เต็มไปด้วยร้านค้า มีถนนคนเดินชอปปิงที่คึกคักมาก และยังมีโรงแรมให้เลือกเยอะ ตกเย็นก็เที่ยวกลางคืนสะดวก
- ส่วนที่พักในย่าน Karaköy ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เป็นท่าเรือมีบรรยากาศคึกคัก รวมร้านเบเกอรี่และร้านค้าของคนท้องถิ่น อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว เช่น หอคอยกาลาตา สะพานกาลาตา เดินข้ามฝั่งมาก็จะเจอกับท่าเรือ Eminönü
สายการบินไปอิสตันบูล วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง

การเดินทางมาเที่ยวอิสตันบูลสะดวกมาก มีเที่ยวบินของหลายสายการบินให้บริการจากประเทศไทย เช่น Turkish Airlines, Emirates, Qatar, Etihad Airways, Oman Air, Air France, Gulf Air, Kuwait Airways, Lufthansa และ Egyptair สายการบินเหล่านี้อาจต้องต่อเครื่องก่อนจากนั้นค่อยเดินทางต่อไปยังอิสตันบูล ใช้เวลาประมาณ 10-13 ชั่วโมง แต่ถ้าอยากบินตรงแนะนำสายการบิน Turkish Airlines ใช้เวลาประมาณ 9-10 ชั่วโมง ไปลงที่สนามบิน IST Istanbul ช่วงเวลาที่ตั๋วมีราคาถูกคือเดือนพฤษภาคม ราคาตั๋วเฉลี่ยประมาณ 354 ยูโร
ส่วนตัวเดินทางมาจากอัมสเตอร์ดัมด้วยสายการบิน Pegasus Airlines เป็นสายการบินต้นทุนต่ำของตุรกี ได้ตั๋วช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไปกลับในราคา 130 ยูโร (ประมาณ 4,700 บาท) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที เครื่องบินจะไปจอดที่สนามบิน SAW Istanbul Sabiha ที่นั่นสามารถนั่งรถรับส่งเข้าเมืองหรือแท็กซี่ได้ภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการจราจร) ถ้าเดินทางด้วยสายการบินอื่น ๆ เช่น KLM มีเที่ยวบินตรงไปลงที่สนามบิน IST Istanbul ราคาตั๋วเฉลี่ยถูกสุดประมาณ 87 ยูโร
สายการบิน Pegasus Airlines ที่นั่งมาถือว่าโอเคเลย โหลดกระเป๋าได้ฟรี 10-32 กิโล ถือขึ้นเครื่องได้หนึ่งใบไม่เกิน 8 กิโล ที่นั่งกว้างนั่งแล้วหัวเข่าไม่ติดกับที่นั่งด้านหน้า อาหารบนเครื่องมีราคาถูก ซื้อแซนด์วิชกับน้ำดื่มตกประมาณ 4 ยูโร ถ้าใครที่หาตั๋วราคาถูกจากสายการ Turkish Airlines ไม่ได้ สายการบิน Pegasus Airlines เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยประหยัดค่าเดินทาง
การเดินทางเข้าเมืองอิสตันบูล

การเดินทางเข้าเมืองอิสตันบูลมีความสะดวกสบาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากสนามบิน New Istanbul Airport (IST) หรือจากสนามบิน Istanbul Sabiha (SAW) เข้าเมืองโดยใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ครอบคลุมถึงรถไฟใต้ดิน รถรับส่งจากสนามบิน รถโดยสารประจำทาง (IETT) รถไฟใต้ดิน รวมไปถึงรถแท็กซี่ รถรับส่งส่วนบุคคล และรถเช่า
จากสนามบิน New Istanbul Airport (IST)
รถไฟใต้ดิน (Metro)
เป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด มีรถไฟใต้ดินสาย 11 จากสนามบินเข้าเมืองอิสตันบูลอย่างรวดเร็วภายในเวลา 30 นาที ระยะประมาณ 34 กิโลเมตร วิ่งผ่านเทอร์มินอล 3 แห่งของสนามบินมุ่งหน้าไปยังสถานี İhsaniye, Işıklar Otogar, Göktürk, Kemerburgaz, Kağıthane และ Gayrettepe รถไฟใต้ดินให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 06:00-24:00 น. ความถี่ทุก ๆ 8 นาที ตั๋วเดินทางเที่ยวเดียวราคา 9.90 TRY
ที่สถานี Kağıthane ผู้เดินทางสามารถเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย M7 ส่วนสถานีสุดท้าย Gayrettepe ผู้เดินทางสามารถเปลี่ยนถ่ายการเดินทางไปยังรถไฟใต้ดินสาย M2 Haciosman-Taksim-Yenikapi (รวมถึงเมโทรบัส BRT) เพื่อเดินทางไปยังย่านทักซิม
รถรับส่งจากสนามบิน (HAVAIST Airport Shuttle Buses)
นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นรถสีขาวจอดอยู่ทางด้านหน้าทางออกของอาคารผู้โดยสารชั้นล่างสุด รถนี้มีที่นั่งจุได้ถึง 46 คน มาพร้อมหน้าจอทีวี ช่องชาร์จ USB และไวไฟ ให้บริการรับส่งผู้โดยสารไปยังย่านที่มีชื่อเสียง Taksim, Kadıköy, Besiktas, Sultanahmet และ Eminonu ราคาตั๋วเที่ยวเดียวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 TRY (ขึ้นอยู่กับระยะทาง) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) รถให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ออกทุก ๆ 30 นาที
สามารถซื้อตั๋วรถ HAVAIST ได้กับพนักงานบนรถ รองรับการจ่ายด้วยบัตรเครดิตการ์ดหรือบัตรเดบิตการ์ด หรือใช้ตั๋วแบบ QR-Code ที่ซื้อจากแอปพลิเคชัน Havaist ส่วนเงินสดสามารถชำระได้ที่จุดขายในสนามบิน
- เส้นทาง IST – Taksim (HVIST-16) ใช้เวลาประมาณ 95 นาที ค่าเดินทาง 87 TRY
- เส้นทาง IST – Kadıköy (HVIST-14) ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชั่วโมง ค่าเดินทาง 96 TRY
- เส้นทาง IST – SAW (HVIST-13) ใช้เวลาประมาณ 1.10 ชั่วโมง ค่าเดินทาง 110 TRY
- เส้นทาง IST – Sultanahmet (HVIST-12) ลงที่ป้าย Grand Bazaar / Beyazıt T1 tram station ใช้เวลาประมาณ 90 นาที ค่าเดินทาง 80-90 TRY จากนั้นนั่งรถรางต่อไปที่ Sultanahmet ประมาณ 5 นาที หรือเดิน 15-20 นาที
รถแท็กซี่ (Taxi)
บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง อยู่บริเวณชั้นสองของอาคารผู้โดยสารขาออกและป้ายหลักที่พลาซ่าตรงประตูทางออกผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ แท็กซี่มีสามแบบด้วยกัน คือ สีดำ (E) สีน้ำเงิน (D) และสีส้ม (C) ค่าโดยสารรถแท็กซี่เข้าเมืองอยู่ที่ประมาณ 150-350 TRY ใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการจราจร) รถคันสีส้มจะถูกที่สุด ส่วนสีดำแพงที่สุด ยกตัวอย่างเช่น รถแท็กซี่สีส้มไปทักซิม ราคาประมาณ 150 TRY ในขณะที่คันสีสีน้ำเงินราคาประมาณ 170 TRY และคันสีดำราคาประมาณ 300 TRY
รถโดยสารประจำทาง (IETT)
มีบริการจากสนามบินผ่านใจกลางเมืองตามเส้นทาง 6 สาย ความถี่ของรถปรับตามจำนวนเที่ยวบินและความหนาแน่นของผู้โดยสาร ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการจราจร) ค่าโดยสารไปยังใจกลางเมืองประมาณ 15.33 TRY ซึ่งถูกกว่ารถรับส่ง HAVAIST แต่ใช้เวลาเดินทางนานกว่าเนื่องจากต้องหยุดรับส่งผู้โดยสารตามป้ายปกติ
- H-1 Mahmutbey Metro Station (Transfer at Mahmutbey Metro Station)
- H-2 Mecidiyeköy (Transfer at Mecidiyeköy Metro – Metrobus Stations)
- H-3 Halkalı Marmaray Station (Transfer at Kirazlı Metro Station)
- H-6 Yunus Emre Borough / Arnavutköy (Transfer at Mescid-i Selam Metro Station)
- H-8 Hacıosman Metro Station / Sarıyer
- H-9 Cevizlibağ (Transfer at Cevizlibağ Metro Station)
จากสนามบิน Istanbul Sabiha (SAW)
รถรับส่งจากสนามบิน (HAVAIST Airport Shuttle Buses)
เป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด รถจอดอยู่บริเวณตรงข้ามกับทางออกประตูผู้โดยสารขาเข้า สามารถซื้อตั๋วด้วยเงินสดได้กับพนักงานบนรถ ไม่สามารถจองออนไลน์ล่วงหน้า ใช้บัตร Istanbulkaart เดินทางได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) รถโดยสารให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง รถออกทุก ๆ 15 นาทีตอนกลางวัน และทุก ๆ 30 นาทีตอนกลางคืน ส่วนขากลับสามารถนั่งจากย่าน Taksim ตรงข้าม Taksim Divan Hotel บนถนน Abdulhakhamit หน้า Point Hotel และจากย่าน Kadıköy หน้าท่าจอดเรือ IETT
- จากสนามบิน SAW – Taksim ใช้เวลาประมาณ 30 ชั่วโมง ค่าเดินทาง 68 TRY
- จากสนามบิน SAW – Kadıköy ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าตั๋วเดินทาง 50.50 TRY
- จากสนามบิน SAW – IST (IST-8) ใช้เวลาประมาณ 1.10 ชั่วโมง ค่าตั๋วเดินทาง 110 TRY
- จากสนามบิน SAW – Sultanahmet ใช้เวลาประมาณ 30 ชั่วโมง ค่าเดินทาง 83 TRY ให้ลงที่ป้าย Taksim จากนั้นต่อ Funicular (F1 Tram Line) เพื่อลงไปยังรถราง Kabataş T1 รถรางสาย T1 จะวิ่งผ่านย่าน Karakoy, Eminonu, Sultanahmet, Beyazıt (Grand Bazaar) และ Aksaray
รถแท็กซี่ (Taxi)
บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 200-220 TRY ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. (ขึ้นกับการจราจรและปลายทาง) เส้นทางที่สั้นที่สุดจะวิ่งผ่านอุโมงค์ Avrasya และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 30-50 TRY คนขับอาจจะใช้เส้นทางหลวงหรือเส้นทางอื่น ๆ ที่ต้องเสียค่าบริการ ดังนั้นให้บวกค่าทางด่วนเพิ่มไปอีกประมาณ 30-50 TRY
รถโดยสารประจำทาง (IETT)
ให้บริการจากสนามบินและใจกลางเมืองผ่านเส้นทางหลายสาย คุณสามารถเดินทางไปยังย่านทักซิมได้ภายในเวลา 1.20 ชั่วโมงด้วยรถ IETT สาย SG2 Taksim – Sabiha Gokcen Airport Line จากนั้นลงที่ป้ายรถไฟใต้ดิน Levent และนั่งรถไฟใต้ดินสาย M2 อีก 8 นาทีไปที่ทักซิมสแควร์
นอกจากนี้ยังมีรถ IETT ไปถึง Kadiköy สาย E10 Kadikoy-Kurtkoy – Sabiha Gokcen Airport Line และสาย E-11 Sabiha Gokcen Airport – Kadikoy Line) Kadiköy ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง รถบัสออกทุก ๆ 20 นาที จากย่าน Kadiköy คุณสามารถนั่งเรือเรือข้ามฟากไปอิสตันบูลฝั่งยุโรป
ลิงก์จองตั๋วเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองอิสตันบูล
การจองตั๋วสำหรับเดินทางจากสนามบิน IST และ SAW เข้าเมืองสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทรถรับส่งทางการ นักท่องเที่ยวยังสามารถจองตั๋วรถบัสรับส่งจากสนามบิน รวมไปถึงรถแท็กซี่ได้จากลิงก์ด้านล่าง นำไปใช้งานสะดวก
- Istanbul Airport Shuttle Bus Transfer ราคา 8 ยูโร
- Istanbul City Public Transport Card ราคา 10 ยูโร
- Istanbul Transfers Airport Hotel or Return Trip ราคา 45 ยูโร
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเดินทางในอิสตันบูล
บัตรเดินทาง Istanbulkaart

บัตรอิสตันบูลการ์ด (Istanbulkart) เป็นบัตรสมาร์ทการ์ดใช้สำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอิสตันบลู ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถรางวิ่งบนดิน รถไฟเคเบิ้ล รถโดยสาร และเรือข้ามฟาก โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วโดยสารเที่ยวเดียวบ่อย ๆ บัตรนี้ยังสามารถใช้จ่ายเงินเข้าห้องน้ำสาธารณะได้อีกด้วย สะดวกแบบนี้ต้องหาซื้อติดตัวไว้เมื่อไปเที่ยวอิสตันบูล
บัตรอิสตันบูลการ์ด (Istanbulkart) มี 4 ประเภทแบ่งตามผู้ใช้งาน ประเภทที่เราต้องซื้อ คือ Anonymous Card ส่วนประเภทอื่นเป็นบัตรแบบพิเศษสำหรับพลเมืองตุรกี มีค่าธรรมเนียม 25 TRY สามารถซื้อได้ที่ตู้อิเล็กทรอนิกส์สีเหลือง/สีน้ำเงินชื่อว่า Biletmatik / Tickets Buy/Top-up ที่มีสัญลักษณ์ ‘Istanbulkart’ ตู้เหล่านั้นมีมากถึง 2,000 จุดในอิสตันบูล คุณยังสามารถซื้อบัตรอิสตันบูลการ์ดได้ตามร้านค้าทั่วไป ถ้าคุณมาถึงสนามบินแนะนำให้ซื้อบัตรอิสตันบูลไว้เลยเพราะต้องนำไปใช้เดินทางกับรถรับส่งที่สนามบินและระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ
- สนามบินอิสตันบูล อาตาตูร์ก New Istanbul (IST) มีตู้อิเล็กทรอนิกส์สีเหลือง/น้ำเงินจำนวน 24 บริเวณชั้นล่างสุด หรือจากเคาน์เตอร์รถรับส่งสนามบิน (Havaist) ที่ตั้งอยู่บริเวณทางออก
- ส่วนสนามบินซาบีฮา เกิคเช่น Sabiha Gokcen Airport (SAW) มีตู้คีออสตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากทางออกของอาคารผู้โดยสารขาเข้า
บัตรอิสตันบูลการ์ดเมื่อซื้อแล้วจะมาแบบบัตรเปล่าต้องเติมเงินเข้าไปก่อนถึงจะใช้เดินทางได้ อีกอย่างเงินที่เราเติมลงไปในบัตรอิสตันบูลการ์ดถ้าเหลือจากการเดินทางแล้วจะไม่ได้คืน เพราะฉะนั้นแนะนำให้คำนวณค่าโดยสารคร่าว ๆ ก่อนเติม ค่าเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบเที่ยวเดียวปกติ คือ 9.90 TRY วิธีการคำนวณง่าย ๆ ให้เอาจำนวนเที่ยวที่เราต้องการเดินทางคูณด้วยค่าโดยสารเที่ยวเดียว เช่น 10 เที่ยว คูณด้วย 9.90 = 99 TRY ก็เติมเงินในบัตร 100 TRY เพราะธนบัตรใบเล็กเริ่มที่ 5 TRY อีกอย่างก็คือไม่ต้องกังวลว่าเราจะเติมเงินลงไปในบัตรไม่พอ เพราะว่าตู้ Biletmatik มีอยู่ทุกสถานีจริง ๆ ถ้าเงินหมดก็สามารถมาเติมใหม่ได้ตลอด
อ่านต่อ: บัตรอิสตันบูลการ์ด (ซื้อเติมเงินและวิธีการใช้งาน)
บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Museum Pass Istanbul

บัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูล (Museum Pass Istanbul) เป็นบัตรใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในอิสตันบูลมากถึง 13 แห่งโดยที่เราไม่ต้องยืนรอนานเพื่อซื้อตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ บัตรนี้มีอายุการใช้งานตามจำนวนชั่วโมง (วัน) โดยเริ่มนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งาน (ไม่นับช่วงเวลาที่ซื้อ) บัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูลราคา 700 TRY ต่อคน ใช้งานได้ 5 วัน นับจากวันที่ใช้งานบัตรครั้งแรก สามารถใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ร่วมรายการแต่ละแห่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูลได้ที่เคาน์เตอร์พิพิธภัณฑ์และจุดขาย 11 แห่ง เพียงโชว์บัตรประจำตัวประชาชน (หนังสือเดินทาง) พร้อมจำนวนเงินค่าบัตร เจ้าหน้าที่จะให้บัตรกับเราโดยที่ไม่ต้องเปิดใช้งานออนไลน์ก็สามารถนำไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้เลย โดยส่วนตัวซื้อที่พระราชวังโทพคาปึ Topkapi Palace Museum พร้อมหนังสือเดินทางแนบ ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็ได้บัตรมา สะดวกมากค่ะ คุณยังสามารถซื้อบัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูลออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Muze.gov.tr เลย ที่สำคัญอย่าลืมวางแผนก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
อ่านต่อ: บัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูลซื้อแล้วคุ้มไหม?
ยังมีบัตรท่องเที่ยวอิสตันบูลอะไรอีกบ้าง
นอกจากบัตรอิสตันบูลการ์ดและบัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูลที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีบัตรท่องเที่ยวอิสตันบูลในราคาประหยัดแบบอื่น ๆ ที่คุณสามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการ คือ
- Istanbul Welcome Card Premium บัตรท่องเที่ยวอิสตันบูลที่รวมทุกอย่างไว้ในตัว สามารถนำไปใช้เข้าชมที่เที่ยวยอดนิยมกับไกด์ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นผ่านช่องทางพิเศษแบบไม่ต้องรอคิว เช่น Hagia Sophia, Topkapı Palace, Basilica Cistern พร้อมรับออดิโอไกด์และใช้เวลาในที่เที่ยวนั้นๆ ได้นานตามใจชอบ รวมการล่องเรือสำราญช่องแคบบอสฟอรัส 90 นาที มาพร้อมโบนัสเข้าร่วมทัวร์Istanbul Walking Tours, Grand Bazaar และ Spice Market Tour ให้คุณใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี 10 เที่ยว มีคู่มือการเดินทางและแผนที่เที่ยวมาให้ครบ และรับส่วนลด 20% จากกิจกรรมและที่เที่ยวชั้นนำอื่น ๆ อีกมากมาย บัตรราคา 89 ยูโร ใช้งานได้ 7 วัน
- Istanbul Welcome Card Deluxe รวมที่เที่ยวการล่องเรือและทัวร์ไกด์พร้อมส่วนลด 20% แบบเดียวกับบัตรอิสตันบูลเวลคัมการ์ดพรีเมี่ยม และเพิ่มการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ชั้นนำ 10 แห่ง คือ Topkapi Palace, Harem, Galata Mevlevi House, Great Palace Mosaics Museum, Hagia Irene, Archaeological Museums, Turkish and Islamic Arts Museum, Rumeli Fortress, Science and Technology in Islam และ Galata Tower รวมถึงใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอิสตันบูลฟรี 20 เที่ยว บัตรราคา 129 ยูโร ใช้งานได้ 5 วัน
- Istanbul Welcome Card Classic คล้ายกับบัตรอิสตันบูลเวลคัมการ์ดพรีเมี่ยมแต่ไม่รวมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ใช้ได้กับการล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส 105 นาที เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอิสตันบูลฟรี 5 เที่ยว ทัวร์Istanbul Walking Tours, Grand Bazaar และ Spice Market Tour มีคู่มือการเดินทางและแผนที่เที่ยว และรับส่วนลด 20% จากกิจกรรมและที่เที่ยวชั้นนำอื่น ๆ อีกมากมาย บัตรราคา 24 ยูโร ใช้งานได้ 7 วัน
- Istanbul Welcome Card Saver Combo คล้ายกับบัตรอิสตันบูลเวลคัมการ์ดคลาสสิกแต่ไม่รวมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ใช้เข้าชม Hagia Sophia, Topkapi Palace, Basilica Cistern กับไกด์ในท้องถิ่นพร้อมรับออดิโอเสียง รวมการล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส 90 นาที ทัวร์Istanbul Walking Tours, Grand Bazaar และ Spice Market Tour มีคู่มือการเดินทางและแผนที่เที่ยว และรับส่วนลด 20% จากกิจกรรมและที่เที่ยวชั้นนำอื่น ๆ อีกมากมาย บัตรราคา 73 ยูโร ใช้งานได้ 3 วัน
อ่านต่อ: บัตรอิสตันบูลเวลคัมการ์ดพรีเมี่ยม เห็นเยอะจ่ายน้อยรวมมาให้คุณแล้ว
วิธีการเดินทางในอิสตันบูล วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอิสตันบูลสะดวกมาก เราเดินทางด้วยรถรางเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสาย T1 ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น
- Sultanahmet Station: ฮาเกียโซเฟีย มัสยิดสุลต่านอาห์เมต จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต
- Gülhane Station: พระราชวังโทพกาปึ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล
- Beyazıt Station: ตลาดแกรนด์บาซาร์
- Eminönü Station: ตลาดเครื่องเทศสไปซ์มาร์เก็ต มัสยิดซิวเลย์มานีเย สะพานกาลาตา ท่าเรือล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ท่าเรือข้ามฟากไปอิสตันบูลฝั่งเอเชีย
- Karaköy Station หอคอยกาลาตา
- Kabataş Station: พระราชวังโดลมาบาห์เช
ส่วนรถไฟใต้ดิน Marmaray line เรานั่งจากฝั่งเอเชียกลับมาที่ฝั่งยุโรปลงที่สถานี Sirkeci Station เป็นสถานีที่อยู่ลึกมาก แบบเดินวนหลายรอบกว่าจะขึ้นมาถนนด้านบน ช่วงเวลาเลิกงานของคนที่นี่ภายในรถไฟจะแออัดเป็นพิเศษ
การเดินทางด้วยเรือเรานั่งเรือข้ามฟากสาย Kadıköy Çayırbaşı – Karaköy – Eminönü จากฝั่งยุโรปที่ท่าเรือ Eminönü (Turyol) ไปยังฝั่งเอเชียโดยใช้บัตรสมาร์ดการ์ด Istanbul ถ้าไม่สะดวกขึ้นจากท่าเรือ Eminönü สามารถขึ้นจากท่าเรือ Karaköy ก็ได้ เพราะเรือจะรับผู้โดยสารจากฝั่งนี้ก่อนแล้วค่อยไปจอดรับผู้โดยสารที่ฝั่ง Karaköy จากนั้นก็นั่งยาวเลย เรือวิ่งทุกวัน วันธรรมดาถึงวันเสาร์เวลา 06:55 – 21:20 น. และอาทิตย์เวลา 08:10 – 21:20 น.
รถโดยสารประจำทางเราใช้ไม่บ่อยนั่งจากท่าเรือฝั่งเอเชีย Kadıköy ด้วยรถบัสสาย 14F ไปที่มัสยิด Çamlıca Mosque อาจจะนานหน่อยเพราะจอดทุกสถานี แต่โดยรวมแล้วสะดวกมาก เท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่ทางฝั่งเอเชียจะเดินทางด้วยรถบัส แต่ถ้าจะข้ามไปฝั่งยุโรปถ้าไม่รีบมากจะเดินทางด้วยเรือข้ามฟาก เพราะราคาถูก แต่ถ้าเน้นความเร็วจะนั่งรถไฟ Marmaray line แทน
การเดินทางทั้งหมดนี้ใช้บัตร Istanbulkaart ใบเดียวสะดวกมาก เติมเงินไป 80 TRY ใช้หมดเลย มีซื้อตั๋วเที่ยวเดียวแบบกระดาษด้วย 1 ครั้ง ราคา 20 TRY ส่วนการเดินทางจากสนามบินทั้งขาไปและขากลับใช้รถแท็กซี่ราคารวม 830 TRY หารกันสองคนตกคนละ 415 TRY ถือว่าไม่แพงเท่าไร รถแท็กซี่มิตเตอร์จะอยู่ใกล้ ๆ กับกระจกมองหลังของคนขับ ตอนแรกก็พยายามมองว่าอยู่ไหน แต่ที่ไหนได้เห็นอีกทีตอนมีไฟกระพริบเวลาขับไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนระยะทาง

นั่งรถราง Taksim-Tünel (T2)
ใครหลายคนอาจจะเห็นรถรางสาย T2 ผ่านตามาบ้างแล้วจากอินเทอร์เนต ถ้ามาเที่ยวที่นี่อยากลองให้นั่งกัน ใช้เวลาไม่นานประมาณ 5 นาที รถรางสาย T2 มีจุดจอดทั้งหมด 5 จุด คือ Taksim, Odakule, Galatasaray, Ağa Cami และ Tünel (Şişhane) ใครสะดวกขึ้นตรงไหนก็สามารถยืนรอตามจุดต่าง ๆ เหล่านั้นได้เลย
แนะนำให้ขึ้นจากสถานีต้นทางที่ด้านหน้าจัตุรัสทักซิมสแควร์ใกล้กับสถานีรถไฟ M2 จะได้นั่งยาว ๆ รถราง T2 จะแล่นจากถนนชอปปิงมาจอดที่ตรงนี้ประมาณ 5-10 นาที มีตั๋วแบบเที่ยวเดียวซื้อได้กับพนักงานขายตั๋วบนรถราง หรือใช้บัตรสมาร์ทการ์ด Istanbulkaart รถรางออกวิ่งทุกวันจากสถานีทักซิม (Taksim) ตั้งแต่เวลา 07:00 น. ถึง 21:30 น. และจากสถานีอุโมงค์รถไฟใต้ดินสาย F2 (Tünel) ตั้งแต่เวลา 07:20 น. ถึง 22:00 น. ใช้เวลาวิ่งต่อเที่ยวประมาณ 5 นาที ความถี่แต่ละรอบประมาณ 15-20 นาที
ค่าเงินตุรกีและที่แลกเงินในอิสตันบูล
สกุลเงินของตุรกี คือ ลีราใหม่ตุรกี (Turkish Lira) แทนด้วยสัญลักษณ์ ₺ (TRY) 1 TRY = 1.90 THB (0.06 EURO) ใช้ธนบัตร 5, 10, 20, 50, 100 และ 200 รวมถึงเหรียญคูรู 1, 5, 10, 25, 50 และ 1 ลีรา สามารถหาที่แลกเงินที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีได้ตามย่านท่องเที่ยวในตัวเมือง เช่น Taksim, Sultanahmet, Grand Bazaar, Eminonou, Beyoglu, Laleli, Bosphorus และ Sirkeci เป็นต้น โดยมองหาสำนักงานแลกเปลี่ยนที่มีคำว่า “doviz” (การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) สกุลเงินที่แลกครอบคลุมถึงลีราใหม่ตุรกี ยูโรและดอลลาร์ (สกุลเงินดอลลาร์หรือยูโรมักมีแนวโน้มที่จะได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่ดี)
ที่สนามบินมีสถานที่รับแลกเงินเช่นกัน เรตราคาไม่ต่างกันมากกับที่อยู่ในตัวเมือง (แต่อาจจะไม่ใช่เรตราคาดีที่สุด) ถ้าเป็นไปได้ควรไปแลกเงินในตัวเมืองถ้าไม่อย่างนั้นก็แลกไปเพียงเล็กน้อยก่อนแล้วค่อยไปหาแลกเงินในตัวเมืองอีกครั้ง
ส่วนใครที่ไม่สะดวกแลกเงินสามารถใช้วิธีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มเป็นสกุลลีราตุรกี เสียค่าธรรมเนียมไม่ต่างกับกับการแลกเงิน ตู้กดเงินยังมีอยู่เกือบทุกหัวมุมในอิสตันบูล ตอนแรกรีบกดตั้งแต่อยู่สนามบิน พอมาถึงตัวเมืองเดินเที่ยวปรากฏว่าเจอเยอะมาก ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็รับจ่ายด้วยบัตรเครดิต ส่วนร้านค้าขนาดเล็กยังคงรับจ่ายด้วยเงินสดเนื่องจากไม่มีค่าธรรมเนียมจากธนาคาร
อาหารน่าทานในอิสตันบูล วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง
แม้ว่าประเทศตุรกีจะกลายมาเป็นสาธารณรัฐแล้วแต่การใช้ชีวิตยังคงเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ยังคงนับถือศาสนาอิสลาม อาหารหลักที่นี่จึงเต็มไปด้วยเนื้อแกะ ไก่ และปลาเป็นส่วนใหญ่ ในโรงแรมที่พักเราจะเห็นอาหารเช้าสไตล์ตุรกี เช่น ขนมปังขาว ชีสขาว เนย ครีมข้น น้ำผึ้ง แยม ไข่เจียวหรือไข่ต้ม มะกอกดำหรือเขียว ซึ่งทานกันเป็นปกติของคนที่นี่ บ้างก็เพิ่มมะเขือเทศหั่นแว่นหรือแตงกวา รวมไปถึงไส้กรอกมาดับความหวาน ทั้งหมดนี้จะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ถ้าขาดกาแฟตุรกี (Türk kahvesi) รสชาติเข้มข้น หรือดื่มชา (Çay) ในตอนท้าย
โดยส่วนตัวมองว่าไม่แปลกจากอาหารเช้าที่เนเธอร์แลนด์เท่าไร อาจจะไม่มีซุปอุ่น ๆ หรือข้าวสวยร้อน ๆ ในตอนเช้าเหมือนบ้านเรา แต่มาเที่ยวทั้งทีต้องลิ้มลองให้ครบ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ไปอีกแบบ ทำให้เห็นว่าผู้คนที่นี่ชอบทานหวานอยู่ไม่น้อย แต่พอกินทุกวันก็จะหันเหไปทางไส้กรอกซะส่วนมาก เพราะมีอันนี้นี่แหละที่ไม่หวานและก็ไม่เลี่ยน
ตามตลาดแกรนด์บาซาร์ หรือตลาดเครื่องเทศสไปซ์มาร์เก็ต เราจะพบกับขนมหวานหลายชนิด ที่โดดเด่นมากคือ Turkish Delight (ภาษาตุรี: Lokum) เป็นขนมหวานที่ทำจากแป้งและน้ำตาลที่แข็งตัว ผสมกับผลไม้แห้ง เช่น อินทผลัมสับ ถั่วพิสตาชิโอ เฮเซลนัทหรือวอลนัท ถ้าเป็นรสชาติแบบดั้งเดิมจะผสมน้ำกุหลาบหรือมะนาว เวลาทานมักจะมาแบบก้อนเล็กคล้ายลูกเต๋าโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งมะพร้าวแห้ง ทานแล้วหนึบหนับดีมาก
ลิสต์อาหารน่าทานในอิสตันบูล
Acisiz Urfa Kebab เคบับเนื้อแกะบด เสิร์ฟพร้อมแป้งเคบับแผ่นใหญ่ มะเขือเทศ พริกไทย หัวหอม สลัด ผักชีฝรั่ง และมะนาว รสชาติอร่อยทีเดียว ได้กลิ่นของเนื้อแกะเบา ๆ ถ้าใครไม่ชอบทานเนื้อแกะต้องถามพนักงานก่อนว่ามีเนื้อแบบอื่นไหม เพราะส่วนใหญ่จะใช้เนื้อแกะเป็นหลัก เราลองสั่งทั้งเนื้อแกะและเนื้อไก่ แต่อาจจะชอบเนื้อไก่มากกว่า แต่ทานเนื้อแกะให้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง
Kabak tatlısı ขนมฟักทองเชื่อม โรยด้วยน้ำตาลหรือนม ตกแต่งเพิ่มด้วยวอลนัทสับ ทาฮินี (Tahini) และครีม Kaymak เป็นขนมประจำฤดูหนาว ทานแล้วรสชาติหวานมัน อร่อยค่ะ
Baklava ขนมหวานผสมน้ำเชื่อม ลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น ผสมด้วยถั่วสับ น้ำเชื่อม และหั่นเป็นก้อน ด้านในมีไส้พิสตาชิโอ เฮเซลนัท และอัลมอนด์ แล้วก็ยังมีอีกแบบหนึ่งเรียกว่าคานาเฟ (Kunefe) ถ้าตักทานจะเห็นเส้นเล็ก ๆ คล้ายเส้นหมี่ รสชาติหวานอร่อยไม่แพ้บาคลาวา
Islak burger เบอร์เกอร์เนื้อชุ่มฉ่ำ ได้ทานโดยบังเอิญที่ย่านทักซิมสแควร์ ราคาประมาณ 5-7 TRY ข้างในผสมด้วยกระเทียม ซอสมะเขือเทศและเนย พร้อมเนื้อที่เลือกความสุกได้ ทานแล้วจุกมากเพราะได้มาเยอะ นอกจากเบอร์เกอร์แล้วมันจะมีขนมปังโทสต์เอาไปย่างให้หอมข้างในมีเนื้อแกะหรือไก่พร้อมผัก เป็นเมนูด่วนราคาประหยัด
อาหารจานด่วนตุรกี มาแบบเป็นเซตประกอบด้วยซุป เสิร์ฟด้วยข้าว เนื้อไก่หรือแกะ แป้งเคบับพิต้า ทานพร้อมเครื่องเคียงสลัดหอมแดงหรือผักชี ก่อนทานจะมีขนมปังไว้กินกับฮุมมุส ส่วนตัวทานแล้วชอบเนื้อข้าวตุรกีมาก แบบมันมีความมันจากเนยที่ผสมลงไป พอทานกับเนื้อไก่และแป้งพิต้าแล้วมันเข้ากันดี พอทานเสร็จก็ตามด้วยขนมบาคลาวา และดื่มชาปิดท้าย
Balıkçı Lokantası ร้านอาหารทะเล ได้ไปลองตอนไปย่านอิสตันบูลฝั่งเอเชีย ที่นี่รวมอาหารทะเลสดไว้หลายอย่างที่สำคัญราคาไม่แพง เมนูที่สั่งมาคือปลาแซลมอลทะเลดำผัดด้วยน้ำมันมะกอกและเนยผสมกับหัวหอมและเครื่องเทศ เสิร์ฟในหม้อหิน ทานแล้วรสชาติคล้ายผัดเผ็ดปลาบ้านเรา แต่เผ็ดน้อยกว่า แล้วก็มีปลาทูย่าง ตบท้ายด้วยขนมหวานฟักทองเชื่อมและชา
ลิสต์ขนมที่ขายตามรถเข็น
- Simit ขนมปังตุรกีอบเป็นรูปวงกลมหุ้มด้วยเมล็ดงา มักทานเปล่า ๆ เป็นของว่างระหว่างวันหรือทานกับชาเป็นอาหารเช้า
- Kestane เกาลัดคั่ว เป็นอาหารข้างทางราคาถูกและทานง่าย ปกติมักจะขายในฤดูหนาว แต่ปัจจุบันขายทุกฤดูเลย
- Elote ข้าวโพดต้มหรือนึ่งแล้วย่าง มักจะราดด้วยเครื่องเทศตุรกีแบบดั้งเดิมและเนย ทำให้มีความหอมเป็นพิเศษ ข้าวโพดนี้มักขายในฤดูหนาว แต่ปัจจุบันพบเห็นแพร่หลายในฤดูร้อนด้วย มีขายตามรถเข็นที่ขายเกาลัด
ร้านอาหารส่วนใหญ่รับจ่ายด้วยบัตรเครดิต ถ้าตามรถเข็นเล็ก ๆ จะรับเงินสด อีกอย่างที่ต้องเพิ่มไว้ในบทความนี้เลยก็คือน้ำประปาที่อิสตันบูลดื่มไม่ได้ ส่วนตัวชินกับเนเธอร์แลนด์ที่ดื่มน้ำจากก๊อกได้ แต่พอมาที่นี่ต้องซื้อน้ำเปล่ามาตุนไว้ที่โรงแรมวันละประมาณ 1-2 ขวดใหญ่ แต่น้ำเปล่าก็ไม่ได้แพง ราคาประมาณ 10 TRY ต่อขวด มีขายตามร้านค้าทั่วไป
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวอิสตันบูล
- เวลา: ที่อิสตันบูลเวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง และเร็วกว่าเนเธอร์แลนด์ 2 ชั่วโมง ถ้าไปถึงสนามบินอย่าลืมปรับเวลา ส่วนเวลาในมือถือจะปรับให้อัตโนมัติเลย
- ภาษาราชการ: คือภาษาตุรกี คนพูดภาษาอังกฤษกันน้อย ยกเว้นตามย่านท่องเที่ยวและร้านค้าต่าง ๆ ผู้คนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ส่วนใหญ่ถ้าไปเที่ยวไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา ถ้าสื่อสารกันไม่รู้เรื่องจริง ๆ ก็ใช้กูเกิ้ลแปลภาษาช่วย
- เวลาทำละหมาด: 5 ครั้งต่อวัน แตกต่างกันออกไปตามเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่งเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หลังพระอาทิตย์ขึ้น ตอนบ่าย ก่อนพระอาทิตย์ตก หลังพระอาทิตย์ตก และยามค่ำคืน ใครจะเข้าชมสถานที่ทางศาสนา เช่น มัสยิดบลู ฮาเกียโซเฟียควรเช็คเวลาให้แน่ใจ วันศุกร์มีการทำละหมาดใหญ่ใช้เวลานานเป็นพิเศษในช่วงบ่าย
- อาหารเน้นเนื้อแกะ ปลาและไก่: รสชาติอาหารหวานมันและหอมกลิ่นเนย ถ้าใครไม่ทานเนื้อแกะต้องบอกพนักงานให้ชัดเจนระหว่างสั่งอาหาร
- ผู้คนเป็นมิตรและเปิดกว้างทางความคิด: ตอนแรกก่อนมาก็กลัว พอมาจริง ๆ ไม่น่ากลัวเลย ผู้คนส่วนใหญ่เป็นมิตร โดยเฉพาะเวลาที่จะขายของหรืออยากให้เราซื้ออะไรด้วย ถ้าเราไม่สนใจก็บอกขอบคุณแล้วเดินผ่านไปได้ แล้วเขาก็ไม่ตือด้วยนะคะ แบบไม่มายุ่งวุ่นวายถ้าเราบอกไม่ก็ไม่
- คนตุรกีชอบดื่มชา: มีร้านชาตั้งอยู่เกือบทุกหัวมุม รสชาติชาจะไม่หวานมีน้ำตาลมาให้เพิ่ม เวลาดื่มชามักทานพร้อมขนมหวานเตอร์กิชดีไลท์
- เสื้อผ้าราคาถูกกว่าไทย: ถ้าไปเดินย่านทักซิมแควร์จะเจอร้านขายเสื้อผ้า Zara และ H&M แบรนด์เหล่านี้มีราคาถูกกว่าที่ไทย แต่ถ้าเทียบกับเนเธอร์แลนด์ราคาไม่ต่างกันเท่าไร อาจจะถูกกว่าบางประเภทเท่านั้น
ค่าใช้จ่ายเที่ยวอิสตันบูล วางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง
ช่วงที่เราไปเที่ยวอิสตันบูลในเดือนกุมภาพันธ์นั้นค่าเงินตุรกีดิ่งลงพอสมควร ทำให้ทุกอย่างมีราคาถูก รวมค่าใช้จ่ายเที่ยวอิสตันบูลทั้งหมด 5 วัน 4 คืน = 5,258 TRY / 331 EURO / 11,980 THB (รวมที่พักและตั๋วไปกลับจากเนเธอร์แลนด์) ปัจจุบันค่าเงินตุรกีปรับตัวสูงขึ้นทำให้ทุกอย่างมีราคาค่อนข้างแพง อย่างไรก็ตามควรเช็คค่าเงินก่อนวางแผนการเดินทาง และเผื่องบไว้ประมาณ 30,000-60,000 บาท สำหรับการเที่ยวอิสตันบูล 5 วัน 4 คืน (รวมที่พักและตั๋วเครื่องบิน)
รายการค่าใช้จ่ายเที่ยวอิสตันบูลโดยประมาณ
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับเนเธอร์แลนด์ประมาณ 5,000-10,000 บาท
- ค่าแท็กซี่เข้าเมืองประมาณ 500-1,000 บาท
- ค่าอาหารตกมื้อละประมาณ 300-500 บาท
- ค่าน้ำดื่มขวดใหญ่ประมาณ 50 บาท
- ค่าซื้อบัตรเดินทาง Istanbulkart 475 บาท + เติมเงิน 160 บาท
- ค่าเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบเที่ยวเดียว 15 บาท
- ค่าซื้อบัตร Museum Pass Istanbul 1,331 บาท
- ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประมาณ 200-900 บาท
- ค่าล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส 350-600 บาท
สรุปวางแผนเที่ยวอิสตันบูลด้วยตัวเอง
อิสตันบูลเป็นเมืองที่น่ามีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง สถานที่ทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มาจากจักรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิออตโตมัน ลองหาวิดีโอหรือภาพยนต์เกี่ยวกับอาณาจักรเหล่านี้ชมก่อนมาที่นี่จะช่วยเพิ่มอรรถรสการเที่ยวในอิสตันบูลให้สนุกมากยิ่งขึ้น และในตอนท้ายที่สุดหลังจากมาสัมผัสเสน่ห์ของสองวัฒนธรรมสองฝั่งด้วยตัวเองหลายคนจะกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกที่ว่า “ทำไมไม่มาเที่ยวที่นี่ตั้งนานแล้ว”
อ่านต่อบทความเที่ยวอิสตันบูลที่น่าสนใจ
- บัตรอิสตันบูลการ์ด (ซื้อเติมเงินและวิธีการใช้งาน)
- บัตรมิวเซียมพาสอิสตันบูลซื้อแล้วคุ้มไหม?
- 16 ที่เที่ยวอิสตันบูลไปแล้วคุ้ม (รวมการเดินทาง)
แหล่งข้อมูลวางแผนการท่องเที่ยว
เว็บไซต์เหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำเพื่อวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว และคุณอาจพบว่ามีประโยชน์ในการวางแผนวันหยุดครั้งต่อไป →









﹏