หลายคนอาจจะกำลังมองหาประเทศในยุโรปที่เหมาะสำหรับการขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง อย่างทริปที่แล้วเราแชร์แผนขับรถเที่ยวในฝรั่งจากปารีสไปชาโมนิกซ์มงบลังค์ รวมถึงแผนขับรถเที่ยวยุโรปตอนกลางที่เน้นประเทสสโลวีเนีย รวมถึงปรากและบูดาเปสต์ ส่วนในทริปนี้เรากลับมาอีกครั้งพร้อมกับแผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้ เน้นประเทศสเปนและโปรตุเกส ที่จะพาไปเยือน 8 เมืองเน้น ๆ และเสริมด้วยอันดอร์ราและยิบรอลต้าร์ เพื่อเก็บเข้าเช็คลิสต์ของตัวเอง
ประเทศสเปนและโปรตุเกสนับว่ามีเสน่ห์และเหมาะสำหรับการขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง โดยเฉพาะสเปนตอนใต้ในแคว้นอันดาลูเซียอย่างเซวิญ่าที่สวยตระการตาเป็นพิเศษ และห้ามพลาดเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างบาร์เซโลนาและมาดริด รวมถึงวาเลนเซียที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหน้าร้อนริมชายหาด
ในขณะที่เมืองลิสบอนและปอร์โตของโปรตุเกสก็มีเอกลักษณ์ไม่น้อยกว่าใคร แต่ขอแอบกระซิบนิดหนึ่งว่าต้องเดินเยอะมาก เพราะบ้านเรือนตั้งอยู่บนเนินเขาและริมแม่น้ำ แต่นั้นก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้สองเมืองนี้ขึ้นชื่อจนใครหลายคนอยากมาเยือนด้วยตัวเอง
ถ้ามีเวลาเหลือลองแวะไปเยือนยิบรอลต้าร์และอันดอร์รา ดินแดนขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีคนไปกัน แต่พอไปแล้วก็เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งหมดนี้ขับรถเที่ยวสะดวก และที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพงเลย
เรื่องน่ารู้ก่อนขับรถเที่ยวยุโรปใต้
การเช่ารถยนต์
ค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์
ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ ความถี่มาตรฐาน 50 เฮิรตซ์ ใช้เต้าเสียบปลั๊กไฟประเภท C และ E นักเดินทางที่มาจากประเทศนอกยุโรป ควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟรอบโลก สำรองมาด้วย 1-2 ชิ้น
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้
ฝรั่งเศส (Day 0-2)
เนเธอร์แลนด์ (Day 21-22)
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 1
เที่ยวมงแซงต์มิเชล (Mont Saint Michel)
วันแรกของการขับรถเที่ยวยุโรปใต้ จะเริ่มกันที่มงแซงต์มิเชล ซึ่งเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของฝรั่งเศส และยังเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก จุดเด่นของมงแซงต์มิเชลก็คือสภาพพื้นแวดล้อมที่เป็นเกาะหินขนาดเล็กตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเล โดยมีกระแสน้ำขึ้นน้ำลง เมื่อน้ำขึ้นทำให้ดูเหมือนปราสาทลอยน้ำได้ และเมื่อน้ำลดลงจะเผยให้เห็นพื้นทรายและโคลนที่แผ่ขยายออกไปรอบเกาะ ทำให้สามารถเดินข้ามทางหลวงที่เชื่อมต่อเกาะกับแผ่นดินใหญ่ได้สะดวก
วิธียอดนิยมในการเที่ยวมงแซงต์มิเชลก็คือเที่ยวแบบเดย์ทริปจากปารีส เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟและรถบัส ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชม. หรือขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง หรือเข้าร่วมทัวร์ไกด์ที่รวมรถรับส่ง ถ้าอยากเที่ยวแบบเต็มอิ่มแนะนำให้พักในเกาะหรือในเมืองที่อยู่ใกล้กับมงแซงต์มิเชล เช่น Pontorson และ Rennes แล้วค่อยนั่งรถบัสรับส่งหรือขับรถยนต์มาที่เกาะในเวลา 1-2 ชั่วโมง อ่านเพิ่มเติม → คู่มือเที่ยวมงแซงต์มิเชลแบบไปเช้าเย็นกลับจากปารีส
กิจกรรมหลักเมื่อมาเยือนมงแซงต์มิเชลก็คือ การเข้าชมมหาวิหารแอบบีดูมงแซงต์มิเชล (11 ยูโร → ซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้า) ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดของเกาะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จากนั้นก็ไปเดินชมหมู่บ้านยุคกลาง ซึ่งตั้งอยู่ตามพื้นที่ของเกาะไล่ระดับความสูงขึ้นไปตามยอดหิน ดูแล้วก็เกิดคำถามว่าสร้างกันได้อย่างไร เพราะพื้นที่ค่อนข้างคับแคบและสูงชัน ทั้งนี้ตามจุดต่าง ๆ จะมีป้อมปราการและหอคอยสำหรับชมวิวที่สวยงามของอ่าวรอบเกาะได้ด้วย
อย่าลืมแวะไปทานกาเล็ตต์ชาวเบรอตงแบบดั้งเดิม (Galettes bretonnes) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในแคว้นบริททานี ร้านที่แนะนำคือ La Sirène Lochet ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าเกาะ ถ้าไปแล้วอาจจะต้องรอคิวหน่อยเพราะคนเยอะ
ถ้ามีเวลาเหลือหรืออยากใช้เวลาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเกาะเพิ่มเติม ลองแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กในเกาะที่มีทั้งหมด 4 แห่ง คือ Maritime Museum, Logis Tiphaine, Archéoscope และ Historical Museum ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งราคา 9 ยูโร
ท้ายที่สุดของการเยี่ยมชมมงแซงต์มิเชล หลายคนอาจจะค้นพบความสวยงามที่ไม่ได้มีแค่ภายนอกเกาะเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์อย่างมหาวิหารแอบบีดูมงแซงต์มิเชล ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้ รวมถึงสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านยุคกลางที่ท้าทายความสามารถของมนุษย์ในการสร้างบ้านเรือนบนยอดหินท่ามกลางกระแสน้ำขึ้นลงอยู่เป็นประจำ พอทุกอย่างมารวมกันจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และนั่นก็คุ้มค่าตั๋วและการเดินทางในครั้งนี้
วิธีเดินทางไปมงแซงต์มิเชล
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 2-3
เที่ยวบอร์โด (Bordeaux)
วันที่ 2 เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวที่บอร์โด เมืองศิลปะแห่งการผลิตไวน์ที่ดีที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส และที่สำคัญยังเป็นเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโกอีกด้วย ด้วยความที่บอร์โดมีขนาดไม่ใหญ่มากจึงสามารถใช้เวลาเที่ยวแบบเดย์ทริปได้สะดวก โดยใช้ → บัตรท่องเที่ยวบอร์โด เพื่อความประหยัดในการเข้าชมเที่ยวยอดนิยมหลายแห่ง และรวมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบไม่จำกัด
การเที่ยวแบบเดย์ทริปในบอร์โด แนะนำให้เริ่มจากเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไวน์ลาซิเต้ดูแว็ง (Cité du Vin) ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์และศิลปะของไวน์อันโดงดังในภูมิภาคบอร์โดได้สนุกทีเดียว ในตอนท้ายยังจะได้ชิมไวน์ฟรีคนละ 1 แก้วอีกด้วย การเข้าชมใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม.
จากนั้นก็ไปเดินตลาด Les Halles Bacalan ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ไวน์ เพื่อหาอาหารเที่ยงทาน อย่าลืมลองขนมอบดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของบอร์โดที่ชื่อว่า “Canelés” ข้างนอกเป็นคาราเมล ส่วนด้านในนุ่มคล้ายคัสตาร์ด ทานแล้วรสชาติเข้มข้นและหอมวานิลลา
อิ่มท้องแล้วก็นั่งรถบัสอีกประมาณ 30 นาที ไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะเลบาซองส์เดอลูมิแยร์ (Les Bassins des Lumières) ที่ขอยกให้เป็น Hidden Jam ของบอร์โดเลย ข้างในเป็นบังเกอร์ใต้น้ำขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงมาเป็นพื้นที่จัดแสดงแสงสีเสียงและดนตรีประกอบที่สวยอลังการคุ้มค่าการเข้าชม โดยผลงานที่จัดแสดงจะมาจากศิลปินชื่อดังหลายคน เช่น เกาดีและดาลี และจะหมุนเวียนสลับกันไปตามธีมต่าง ๆ
จากนั้นก็นั่งรถบัสกลับมาที่ใจกลางเมือง และไปเดินเล่นต่อจัตุรัสปลาซเดอลาบูร์ส (Place de la Bourse) ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศคึกคักของเมือง ลองแวะไปเดินเล่นที่ถนน Rue Sainte-Catherine ย่านชอปปิงหลักที่ยาวไปจนถึงด้านหน้าโรงละครโอเปร่าแห่งชาติ
ต่อด้วยจัตุรัส Place des Quinconces ที่โดดเด่นด้วยอนุสรณ์สถานและด้วยน้ำพุขนาดใหญ่ ที่พลาดไม่ได้คือการขึ้นหอคอยเปเบอร์ลัน (Pey Berland Tower) เพื่อชมทิวทัศน์พาโรนามาของเมืองบอร์โด และปิดท้ายด้วยมหาวิหารเซนต์แอนดรูว์บอร์โด (Saint-André Cathedral) ที่มีเพดานโค้งสูงตระหง่านและหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม
แผนขับรถเที่ยวฝรั่งเศส
โมนาโก + อิตาลี (Day 7-14)
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 4-5
เที่ยวบาร์เซโลนา (Barcelona)
วันที่ 4 เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางหลักของทริปนี้ในเมืองบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงของแคว้นคาตาโลเนีย แม้บาร์เซโลนาจะไม่ได้เป็นเมืองหลวงของประเทศสเปน แต่ด้วยความที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งเป็นผลงานสถาปัตยกรรมการออกแบบของอันตอนีเกาดี จึงเป็นเสียงเรียกขานนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้บาร์เซโลนาร์มีขนาดใหญ่มาก ใช้เวลาเที่ยวเป็นอาทิตย์ก็ยังเที่ยวไม่หมด เพราะฉะนั้นทริปนี้เราจะคัดที่เที่ยวเน้น ๆ สำหรับคนที่มาเที่ยวเป็นครั้งแรก โดยใช้เวลา 2 วัน เริ่มจากวันแรกเข้าชมมหาวิหารซากราดาฟามีเลีย (La Sagrada Familia) ผลงานชิ้นเอกของเกาดีที่ใช้เวลาการก่อสร้างนานเกินกว่า 100 ปี โดดเด่นด้วยส่วนหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ และการตกแต่งภายในด้วยเสาแบบต้นไม้และเพดานสูงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างของป่า รวมทั้งมีหอคอยทั้งสองด้านสำหรับชมวิวที่สวยงามของเมือง
จากนั้นไปต่อที่คฤหาสน์คาซ่าบัตโล่ (Casa Batlló) ซึ่งเป็นอาคารสมัยใหม่ที่สะท้อนให้เห็นว่าชนชั้นกระฎุมพีในสมัยนั้นอาศัยอยู่อย่างไร ใกล้ ๆ กันจะเป็นที่ตั้งของคาซ่ามิลา (Casa Milà) มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่สร้างสรรค์และล้ำหน้า อย่าลืมแวะไปทานทาปาสขึ้นชื่อที่ภัตตาคารยอดนิยม Vinitus ซึ่งเป็นเมนูของทานเล่นมีให้เลือกหลากหลาย
อิ่มท้องแล้วถ้ายังอยากลิ้มลองอาหารสเปนราคาประหยัด ต้องไปเดินเล่นที่ตลาดสดบุคเคอเรีย (Mercado de La Boqueria) ตั้งอยู่บนถนนลารัมบลายอดนิยม และปิดท้ายการเที่ยวบาร์เซโลนาร์วันแรก ด้วยการนั่งกระเช้าลอยฟ้ามองต์คูอิก (Telefèric de Montjuïc) ไปบนยอดเขา เพื่อชมปราสาท สวนดอกไม้ พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงจุดชมวิวแบบพาโรนามาที่มองเห็นวิวแบบสุดลูกหูลูกตา
วันที่ 2 นอนพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วมาเดินเที่ยวต่อที่สวนสถาปัตยกรรมปาร์กเกวย์ (Park Güell) ขึ้นชื่อเรื่องการใช้โมเสกสีสันสดใสและกระเบื้องเซรามิกประดับไปทั่วสวน จากปาร์กเกวย์นั่งรถไฟใต้ดินกลับเข้าเมือง เพื่อไปชมคอนเสิร์ตฮอลล์คาตาลานา (Palau de la Música Catalana) ที่สวยงามจนได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
ตามด้วย “Ciutat Vella” ย่านเมืองเก่าน่าเดินเที่ยว ครอบคลุมถึง Gothic Quarter, El Raval และ El Born ซึ่งรวมบรรยากาศความมีชีวิตชีวาและเสน่ห์ที่แตกต่างจากถนนลารัมบลามากทีเดียว ก่อนจะไปเข้าชมมหาวิหารบาร์เซโลนา (Cathedral of Barcelona) ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมกอทิกแบบคาตาลัน และยังมีชั้นด่านฟ้าสำหรับชมทิวทัศน์มุมกว้างของเมืองอีกด้วย
จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่นริมท่าเรือ (Barcelona Port) ตามสะพานไม้ Rambla de Mar เพื่อสำรวจบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ย่านนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบาร์เซโลนาให้เข้าชม รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ (Maremagnum) ตลอดจนร้านอาหารริมน้ำ และจุดขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อสำรวจวิวมุมสูง (Telefèric del Port)
ถ้าเดินเล่นตามริมท่าเรือไปเรื่อย ๆ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยต้นปาล์ม Passeig de Colom จากถนนนี้เลี้ยวขวาและเดินไปอีกประมาณ 16 นาที จะเจอกับชายหาดบาร์เซโลเนต้าที่มีชื่อเสียงของบาร์เซโลนานั้นเอง
เรื่องน่ารู้: ถ้าอยากเที่ยวบาร์เซโลนาในราคาประหยัด ลองพิจารณาซื้อบัตร → Barcelona Express Card สำหรับเป็นส่วนลดค่าเข้าที่เที่ยวยอดนิยม และยังใช้เดินทางระบบขนส่งสาธารณะในบาร์เซโลนาได้ไม่จำกัดเที่ยวอีกด้วย อย่าลืมแวะไปอ่านเพิ่มเติม → เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวบาร์เซโลนาด้วยตัวเอง
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 6-8
เที่ยวมาดริด (Madrid)
วันที่ 6 โบกมือลาบาร์เซโลนาและออกเดินทางไปเที่ยวต่อที่มาดริดอีก 2 วัน มหานครแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย และยังเป็นหนึ่งในเมืองน่าเที่ยวของสเปน ที่ต้องมาเยือนด้วยตัวเองสักครั้ง และที่สำคัญแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้เดินเที่ยวสะดวก
ที่เที่ยวยอดนิยมในมาดริดมีตั้งแต่ พระราชวังหลวงอายุหลายศตวรรษ ไปจนถึงบาร์ทาปาสดั้งเดิม และจังหวะอันเร่าร้อนของฟลาเมงโก มาดริดยังมีถนนแกรนเวียชื่อดัง ที่จะพานักท่องเที่ยวดื่มด่ำไปกับบรรยากาศชอปปิงที่มีชีวิตชีวาของเมือง ถ้ายังไม่จุใจลองไปเดินเล่นต่อในจัตุรัสพลาซ่ามายอร์อันเก่าแก่ หรือถ้าชอบธรรมชาติและความเงียบสงบต้องแวะไปที่สวนสาธารณะเรติโร ซึ่งเป็นโอเอซิสสีเขียวใจกลางมหานคร
ส่วนใครที่เป็นสายศิลปะก็ต้องไปต่อที่พิพิธภัณฑ์ปราโด ซึ่งเป็นคลังเก็บงานศิลปะยุโรปที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมื่อสมบัติทางประวัติศาสตร์และความทันสมัยมาบรรจบกันอย่างลงตัวแบบนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมาดริด จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นอย่างดี อย่าลืมแวะไปอ่าน → แผนเที่ยวมาดริด 2 วัน สำหรับผู้มาเยือนครั้งแรก
ที่พักน่าสนใจในมาดริด B&B HOTEL Madrid Centro Puerta del Sol: โรงแรมโลเคชั่นเลิศใจกลางกรุงมาดริด ติดสถานีรถไฟใต้ดิน Sol และจัตุรัส Puerta del Sol อยู่ใกล้แหล่งชอปปิง ร้านอาหาร และที่เที่ยวสำคัญอย่างพลาซ่าเดเอสปาญาและถนนแกรนเวีย ห้องพักมีขนาดกว้างขวาง มาพร้อมทีวีจอแบน มินิบาร์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ในห้องน้ำฟรีและเครื่องเป่าผม ทั้งยังมีแผนกต้อนรับส่วนหน้าตลอด 24 ชม. → ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 9-10
เที่ยววาเลนเซีย (València)
วันที่ 9 เช็คเอ้าท์จากที่พักในมาดริดและขับรถต่อไปยังวาเลนเซีย ใช้เวลาเพียง 2 ชม. ทำให้มีเวลาเหลือเที่ยวที่นี่ถึง 2 วันเต็ม ต้องบอกเลยว่าวาเลนเซียเป็นเมืองเล็กกะทัดรัดที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของสเปน เหมาะสำหรับการพักผ่อนช่วงหน้าร้อนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ใจกลางเมืองยังรวมที่เที่ยวทางวัฒนธรรมและตลาดน่าเดินไว้หลายแห่ง ทำให้สามารถใช้เวลาได้อย่างผ่อนคลาย
ที่เที่ยวอันโดดเด่นที่สุดของวาเลนเซียคงหนีไม่พ้น คอมเพล็กซ์อนาคตอันล้ำสมัยแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ ซึ่งรวมสถานที่สำคัญไว้หลายแห่ง เช่น โรงภาพยนตร์และท้องฟ้าจำลอง (Hemisfèric) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์วาเลนเซีย (Príncipe Felipe) และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (Oceanogràfic) ถ้าจะเข้าทั้งหมดนี้แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณครึ่งวันหรือหนึ่งวันเต็ม
จากนั้นวันที่ 2 ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเที่ยวในย่านเมืองเก่า เพื่อเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น ศูนย์การค้าผ้าไหมที่เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ตามด้วยมหาวิหารที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 13 ที่มีหอระฆังสำหรับชมทิวทัศน์มุมกว้างของเมือง
อย่าลืมแวะไปตลาดเก่าแก่ (Mercado Central) ที่จะพาทุกคนไปลิ้มลองอาหารพื้นเมืองดั้งเดิม รวมถึง Horchata เครื่องดื่มยอดนิยมรสชาติคล้ายนมถั่วเหลืองบ้านเรา มักทานคู่กับ Fartons ขนมหวานดั้งเดิมวาเลนเซีย ก่อนจะไปปิดท้ายการเที่ยววาเลนเซีย ด้วยการเดินเล่นที่ชายหาดมัลวาร์โรซา ตามแนวชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และทานข้าวผัดปาเอญ่าดั้งเดิมที่ร้านเก่าแก่ La Pepica อ่านเพิ่มเติม → แผนเที่ยววาเลนเซีย 2 วันด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 11-13
เที่ยวเซวิญ่า (Sevilla)
เที่ยววาเลนเซียท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองเซวิญ่า ที่ขอยกให้เป็น Hiddle jam ของทริปการขับรถเที่ยวยุโรปใต้ในครั้งนี้ เสน่ห์ของเซวิญ่าก็คือความสวยงามที่อบอวลไปด้วยแก่นแท้ของสเปนตอนใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อันดาลูเซีย” ใครไปก็ต้องตกหลุมรัก เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองที่น่าอยู่แล้ว เซวิญ่ายังขึ้นชื่อในเรื่องของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานอิทธิพลของมัวร์และคริสเตียนเข้าด้วยกันได้อย่างน่าลงตัว
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาในเซวิญ่า 2-3 วัน เพื่อเก็บสถานที่สำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไม่ว่าจะเป็น พระราชวังอัลคาซาร์อันวิจิตรงดงาม อาสนวิหารและหอระฆังกิรัลดา ขนาดมหึมาซึ่งเป็นที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส รวมถึงจัตุรัสพลาซาเดอเอสปานา และแลนด์มาร์คเห็ดแห่งเซวิญ่าอันโดดเด่นที่ใครหลายคนอาจจะเห็นรูปภาพมาบ้างแล้ว
นอกจากสถานที่เที่ยวสำคัญ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยือนอีกหลายแห่ง เช่น หอจดหมายเหตุอินดีส (Archivo de Indias) ซึ่งเป็นที่จัดเก็บเอกสารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองเซวิญ่า ตั้งอยู่ใกล้กับย่านประวัติศาสตร์ซานตาครูซ ที่เหมาะสำหรับการเดินชมอาคารบ้านเรือนสวย ๆ ถ้าไปเดินย่านนี้อย่าลืมแวะไปทานทาปาสที่ร้านดัง Bodega Santa Cruz
ในเมืองที่ว่าสวยแล้ว ถ้าอยากเที่ยวสถานที่ลับและมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ ลองแวะไป พลาซาเดลกาบิลโด (Plaza del Cabildo) เพื่อชมจัตุรัสครึ่งวงกลมประดับอาคาร ที่มีส่วนโค้งพร้อมลวดลายจิตกรรมฝาผนังสีส้มสดใส ตามด้วยพระราชวังปาลาซิโอเดอดูเอนญาส (Palacio de las Dueñas) จากศตวรรษที่ 15 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์มูเดคาร์และสไตล์กอทิก ทั้งหมดนี้สามารถแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ → แผนเที่ยวเซวิญ่า 2 วันด้วยตัวเอง
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 14
เที่ยวยิบรอลตาร์ (Gibraltar)
วันที่ 14 เราขับรถเที่ยวยุโรปใต้กันมาเกินครึ่งทางแล้ว ต่อไปจะเปลี่ยนไปเยือนประเทศที่อยู่ใกล้เมืองเซวิญ่ากันบ้างนั้นก็คือยิบรอลตาร์ ซึ่งเป็นดินแดนทะเลของอังกฤษที่ตั้งอยู่ติดกับประเทศสเปน ใช้เวลาขับรถเพียง 2 ชั่วโมง
ทำไมต้องไปเที่ยวประเทศยิบรอลตาร์? เอาจริง ๆ นอกจากใช้เวลาขับรถไม่นานแล้ว เสน่ห์หลักของของยิบรอลตาร์ก็คือมีพื้นที่เล็กมากจนน่าตกใจเพียง 6.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังโดดเด่นด้วยสันเขาหินปูนที่มีความสูงถึง 426 เมตร เผยให้เห็นบ้านเรือนและพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล
ยิบรอลต้าร์ยังมีเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ตั้งอยู่บนสันเขาหินปูน มาพร้อมที่เที่ยวอีกกว่า 20 แห่ง ที่จะพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสประสบการณ์การเดินเที่ยวและชมวิวจากมุมสูงที่ไม่เหมือนใคร ทำให้สามารถเที่ยวแบบครึ่งวัน หรือแบบเดย์ทริปได้สะดวก ที่สำคัญถ้าอยากเช็คลิสต์ประเทศเล็ก ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปกัน แต่พอไปแล้วก็เรียกได้ว่าไม่ทำให้ผิดหวังก็ต้องมาเที่ยวยิบรอลตาร์กันสักครั้ง
วิธีเที่ยวยิบรอลต้าร์แบบครึ่งวัน หรือแบบเดย์ทริปจากเซวิญ่าก็คือ ขับรถไปจอดที่ไว้ที่ฝั่งประเทศสเปนตรง Parking Sta. Bárbara (12 ยูโร/5 ชั่วโมง) ซึ่งอยู่ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองยิบรอลตาร์เพียง 5 นาที และใช้หนังสือเดินทางเข้าเมือง (อย่าลืมเช็คเรื่องวีซ่าด้วย)
พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วให้นั่งรถ Citibus (2-3 ยูโรต่อเที่ยว) ไปลงที่ป้าย Boyd Street Terminus (Cable Car) ซึ่งอยู่ใกล้สถานีขึ้นกระเช้าไฟฟ้าและใจกลางเมือง เพื่อเดินเที่ยวในเมือง ทานฟิชแอนด์ชิปส์รองท้องก่อน จากนั้นก็ไปขึ้นกระเช้าเพื่อชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของยิบรอลตาร์ ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชม. อย่าลืมพิจารณาซื้อบัตร → GibraltarPass เพื่อความประหยัดในการเที่ยวยิบรอลตาร์
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 15-16
เที่ยวลิสบอน (Lisboa)
วันที่ 15 ก้าวเข้าสู่อ้อมอกของลิสบอน เมืองหลวงแห่งแสงแดดของโปรตุเกส ที่ต้องบอกเลยว่าผสมผสานระหว่างเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเสน่ห์แห่งท้องทะเลกำลังดี เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้ง 7 ที่จะพานักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจไปกับปราสาทเซนต์จอร์จ ที่เป็นแลนด์มาร์คเก่าแก่ มาพร้อมจุดชมวิวแบบพาโนรา ที่สามารถเก็บภาพความประทับใจได้อย่างไม่รู้ลืม ถ้าไปช่วงพระอาทิตย์ตกเย็นยิ่งสวยโรแมนติกเป็นพิเศษ
ลิสบอนยังมีบ้านเรือนสีสันสดใสที่ตั้งอยู่ตามถนนปูด้วยหินสายแคบ ๆ รวมถึงสถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนสถาปัตยกรรมมานูเอลีนได้อย่างงดงาม เช่น หอคอยเบเล็ง อนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ และอารามเจโรนิโมส์ รวมถึงทาร์ตไข่ยอดนิยมที่ต้องมาลองให้ได้
อย่าลืมนั่งรถรางสายประวัติศาสตร์ ที่จะพาไปทัวร์ชมเมืองในราคาประหยัด ตลอดจนข้ามสะพาน 25 เมษายนอันโดดเด่นเพื่อชมทิวทัศน์มุมกว้าง ทั้งหมดนี้นับว่าเพิ่มเสน่ห์และทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองอยู่ไม่น้อย พิเศษ! ถ้าอยากเที่ยวลิสบอนในราคาประหยัดลองพิจารณาใช้ → บัตรลิสบอนการ์ด และแวะไปอ่านแผนเที่ยวลิสบอน 48 ชั่วโมงแห่งความสนุก ที่ครอบคลุมงบเที่ยวลิสบอน และวิธีเดินทางแบบไม่ต้องกลัวหลง
นอกจากนี้ถ้ามีเวลาอีกครึ่งวันหรือเต็มวัน แนะนำให้ลองไปเที่ยวต่อที่เมืองซิงตรา ตั้งอยู่ห่างจากลิสบอนเพียง 33 กม. เมืองนี้ที่เที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น พระราชวังแห่งชาติเปนา ที่เป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทมัวร์ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 รวมถึงคฤหาสน์ Quinta da Regaleira และพระราชวังที่มีชื่อเสียงในซิงตราอย่าง Monserrate Palace ตลอดจน Cabo da Roca ซึ่งเป็นแหลมอันน่าทึ่งที่ยื่นออกไปติดมหาสมุทรตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของทวีปยุโรป นับว่าเป็นเดย์ทริปที่คุ้มค่าการเดินทางทีเดียว
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 17-18
เที่ยวปอร์โต (Porto)
จากลิสบอนถ้ากำลังมองหาเมืองน่าเที่ยวที่มีบรรยากาศไม่วุ่นวายและค่าใช้จ่ายไม่แพงลองไปเที่ยวที่ปอร์โต เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของโปรตุเกส เมืองนี้ต้องบอกเลยว่ามีเสน่ห์ไม่แพ้ลิสบอนเลยทีเดียว และที่สำคัญใครไปตั้งแต่ครั้งแรกก็อาจจะชอบเลย เพราะด้วยบ้านเมืองที่มีหลากสีสัน และตั้งลดหลั่นลงมาตามไหล่เขาไปจนถึงชายฝั่งแม่น้ำโดรูเกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด
ปอร์โตยังมีพอร์ตไวน์มีชื่อเสียงระดับโลกที่น่าไปลิ้มลองด้วยตัวเอง และรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง ตั้งแต่อาสนวิหารปอร์โตสไตล์โรมาเนสก์ ไปจนถึงสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 อันโดดเด่น รวมถึงพระราชวังโบลซา และลิฟราเรียเลโล่ ที่ว่ากันว่าเป็นร้านหนังสือสวยงามที่สุดในยุโรป แม้จะมีเวลาเที่ยวแบบเดย์ทริป แต่ก็เพียงพอสำหรับชมความสวยงามของปอร์โตด้วยตัวเอง แต่ถ้าเที่ยวแบบเต็มอิ่มแนะนำให้ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน
แผนขับรถเที่ยวสโลวีเนีย
ทะเลสาบสโลวีเนีย (Day 3-5)
แผนขับรถเที่ยวยุโรปใต้: วันที่ 19-20
เที่ยวอันดอร์รา (Andorra)
วันที่ 19 ปิดท้ายทริปขับรถเที่ยวยุโรปใต้ด้วยการแวะเที่ยวอันดอร์รา ซึ่งเป็นรัฐขนาดเล็กที่ได้ชื่อว่าเป็น “ไมโครสเตตของยุโรป” เช่นเดียวกันกับลิกเตนสไตน์ โมนาโก มอลตา ซานมารีโน และนครวาติกัน รัฐนี้ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ (คล้ายกับลักเซมเบิร์ก) มีพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสเปนในเทือกเขาพิเรนีส ขึ้นชื่อในเรื่องสกีรีสอร์ทและการชอปปิงปลอดภาษี โดยมีเมืองหลวงชื่อว่า “Andorra la Vella”
จุดเด่นของอันดอร์ราแน่นอนว่าด้วยสภาพแวดล้อมเป็นภูเขาสูง จึงเหมาะสำหรับสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาว อันดอร์รายังสามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริปจากบาร์เซโลนา ที่ห่างออกไปเพียง 2 ชม. หรือแม้แต่ผู้ที่มีเวลาครึ่งวันก็สามารถเที่ยวอันดอร์ราได้เช่นกัน เหมือนกับแผนเที่ยวอันดอร์รา ที่จะพาไปเปิดหูเปิดตาในอันดอร์ราแบบครึ่งวันที่สนุกอยู่ไม่น้อย
อย่างที่กล่าวไปว่าอันดอร์มีพรมแดนติดกับประเทศสเปนและฝรั่งเศส ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวจากเมืองใกล้เคียงได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นบาร์เซโลนา (2.5 ชั่วโมง) ตูลูส (2.5 ชั่วโมง) ซาราโกซา (4 ชั่วโมง) และบอร์โด (5 ชั่วโมง) ซึ่งตัวเลือกยอดนิยมก็คือเที่ยวแบบเดย์ทริปจากบาร์เซโลนาเพราะใช้เวลาเดินทางไม่นาน
ตอนแรกเราวางแผนที่จะไปเที่ยวอันดอร์ราจากบอร์โดโดยขับผ่านเมืองตูลูส แต่พอไปถึงเกือบครึ่งทางแล้วพบว่าไม่มีเวลาพอที่จะแวะเที่ยวที่นั้น ถ้าไปแบบรีบ ๆ ก็ไม่อยากไป เลยตัดสินใจขับต่อไปยังบาร์เซโลนาแทน และด้วยความที่พลาดตอนขามาแล้ว ขากลับหลังจากเที่ยวสเปนและโปรตุเกสเสร็จ ก็ตัดสินใจที่จะไปเที่ยวอันดอร์ราต่อก่อนกลับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็ต้องขับรถกันยาว 10 ชั่วโมงเลย (รวมแวะพักทานอาหารและชาร์จรถยนต์) แต่ก็คุ้มเอาการอยู่เหมือนกันเพราะได้เห็นประเทศอิสระเล็ก ๆ และได้เพิ่มเข้าไปในลิสต์ประเทศที่ไปเยือนมาแล้วของตัวเองอีกหนึ่งประเทศ
เราขับรถยิงยาวจากปอร์โตแต่เช้า ก่อนจะไปแวะพักค้างคืนที่เมืองบาร์บาสโตร (Barbastro) ตอนเกือบดึก จากนั้นตอนเช้าก็แวะไปชาร์จรถยนต์ที่เมืองลาเซวดูร์เกย (La Seu d’Urgell) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับอันดอร์รา เพราะระบบของรถเทสล่าไม่โชว์จุดชาร์จในอันดอร์รา ก็เลยกลัวว่าจะไปหาที่ชาร์จลำบากเลยชาร์จไว้ก่อนเลย ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดี เพราะได้แวะพักทานอาหารเช้าไปในตัวที่ร้าน Xocolateria Jolonch กาแฟเขาอร่อยมาก และยังเป็นร้านขายช็อกโกแลตอีกด้วย เสียดายที่ไม่ได้ซื้อมาเพราะรีบไปอันดอร์ราต่อ
จากเมืองลาเซวดูร์เกยก็ขับรถต่ออีกประมาณ 30 นาทีไปยังอันดอร์รา เส้นทางขับไม่ยากแต่จะเป็นการขับผ่านพื้นที่หุบเขาเป็นส่วนใหญ่ ได้ชมวิวระหว่างทางไปในตัว พอมาถึงแล้วก็จอดรถไว้ที่ในห้าง Centre Comercial Illa Carlemany ตรงใจกลางเมือง เรื่องตลกที่โกรธไม่ลงอีกหนึ่งอย่างก็คือตอนวนหาที่จอดรถพบว่าที่นี่มีจุดชาร์จของเทสล่าด้วย (แต่ตอนแรกในระบบบอกว่าไม่มี) เราก็เลยได้ชาร์จรถต่อระหว่างที่เดินเล่นในเมือง
กำลังมองหาแผนขับรถเที่ยวยุโรปอีกหรือไม่? ลองแวะไปอ่าน → แผนขับรถเที่ยวในยุโรปตอนกลาง 2 อาทิตย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สโลวีเนีย ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ที่เราได้แชร์ประสบการณ์และรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวในประเทศเหล่านี้ไว้อย่างละเอียด
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡