การขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการชมประเทศและสัมผัสกับวัฒนธรรมและภูมิประเทศที่หลากหลาย จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการขับรถเที่ยวในฝรั่งเศส ได้แก่ เฟรนช์ริเวียร่า (โกตดาซูร์) ลุ่มแม่น้ำลัวร์ แคว้นโพรวองซ์ และแคว้นไวน์เบอร์กันดี รวมถึงเส้นทางจากปารีสสู่ชาโมนิกซ์-มองบลังค์ ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับความงดงามของเทือกเขาแอลป์ ตลอดทำกิจกรรมที่หลากหลายในช่วงฤดูร้อน และในบทความนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การขับรถเที่ยวในฝรั่งเศส 1 อาทิตย์ ครอบคลุมการออกแคมป์ปิ้งราคาประหยัด ตลอดจนที่เที่ยวยอดนิยมใกล้แคมป์ปิ้ง และทุกอย่างที่ควรรู้ก่อนมาเที่ยวฝรั่งเศสด้วยตัวเอง
แผนขับรถเที่ยวฝรั่งเศส
โมนาโก + อิตาลี (Day 7-14)
การเช่ารถในฝรั่งเศส
ที่ฝรั่งเศสราคาเช่ารถยนต์อยู่ที่ประมาณ 250-500 ยูโร (1 อาทิตย์) ราคาอาจเพิ่มขึ้นตามประเภทรถยนต์และจำนวนวันที่เช่า การเช่ารถยนต์ขับในฝรั่งเศสเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มาจากนอกยุโรป โดยสามารถเลือกที่รับรถได้ตามความสะดวก หรือจะเลือกรับตั้งแต่ที่สนามบินเลยก็ได้ บริการนี้ยังรวมไปถึงมีรถให้เลือกหลายแบบมาพร้อมราคาเปรียบเทียบที่สมเหตุสมผลอีกด้วย
การขับรถในฝรั่งเศส
การขับรถในประเทศฝรั่งเศสใช้เลนขวา โดยจำกัดความเร็วไม่เกิน130 กม./ชม. วันที่มีฝนตก 110 กม./ชม. ถนนนอกเมือง 80 กม./ชม. ส่วนในตัวเมือง 50 กม./ชม. และจำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 0.05% ผู้ที่ขับรถยนต์ต้องมีใบอนุญาตขับขี่สากล หรือใบอนุญาตขับขี่ในยุโรป (สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในยุโรป) รวมไปถึงประกันภัยสำหรับรถยนต์และประกันการเดินทาง อย่าลืมนำพาสสปอร์ตและใบอนุญาตผู้พำนักอาศัยในประเทศเนเธอร์แลนด์มาด้วย (หากมี) อ่านเพิ่มเติม → ใบขับขี่ดัตช์และการขับรถจากเนเธอร์แลนด์
บนทางด่วนฝรั่งเศสมีสถานีเติมน้ำมันบริการ มีป้ายบอกระยะทางที่จะถึงสถานีเติมน้ำมัน การเติมน้ำมันต้องทำด้วยตัวเอง เมื่อเติมเสร็จแล้วเดินไปจ่ายเงิน (แบบเงินสด บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต) ที่จุดรับชำระเงินกับเจ้าหน้าที่ ภายในสถานีน้ำมันยังมีร้านค้าขนาดเล็ก จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และห้องน้ำไว้บริการ
เช่นเดียวกับการโดยสารบนทางด่วนมีค่าบริการ ซึ่งจะมีช่องให้เลือกจ่ายด้วยด้วยเงินสด บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ค่าทางด่วนขึ้นอยู่กับเส้นทาง เช่น เดินทางจากกรุงปารีสไปยังเมืองชาโมนิกซ์-มองบลังค์ ค่าทางด่วนประมาณ 50 ยูโร ค่าน้ำมันประมาณ 60 ยูโร สามารถตรวจสอบค่าทางด่วนและสภาพการจราจรได้ที่ Autoroutes และวางแผนการเดินทางได้ที่ Mappy
ควรมีอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในรถ คือ เสื้อแจ็คเก็ตสะท้อนแสงในกรณีที่รถเสียหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน (ต้องมีอย่างละตัวสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน) สามเหลี่ยมเตือนสีแดง แผ่นเบี่ยงแสงไฟหน้า (สติ๊กเกอร์ติดไฟหน้ารถ) ช่วยไม่ให้ไฟส่องไปยังดวงตาของผู้ขับขี่ที่ขับสวนมา กล่องชุดปฐมพยาบาลและชุดหลอดไฟสำรอง รวมไปถึงยางรถยนต์และโซ่หิมะสำหรับวิ่งในฤดูหนาว (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 มีนาคม) ถ้าในกรณีเช่ารถขับมักจะมีให้พร้อม หากไม่มีควรสอบถามทางบริษัทเช่ารถยนต์ให้แน่ใจ
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงข้อมูลติดต่อในกรณีฉุกเฉิน เช่น หมายเลขติดต่อโทรเรียกตำรวจหรือรถพยาบาล หมายเลขติดต่อรถลากจุงบนทางด่วนในกรณีที่รถเสียหรือน้ำมันหมด รวมไปถึงหมายเลขสถานทูตไทยในฝรั่งเศส
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเยือนฝรั่งเศส
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
เวลาขับรถเที่ยวในฝรั่งเศส
เป็นเรื่องดีที่จะคำนวณเวลาการขับรถในฝรั่งเศส เพราะทำให้เห็นภาพรวมว่าต้องใช้เวลาไปบนถนนนานเท่าไร ข้อมูลด้านล่างคือเวลาโดยประมาณของการขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสตามที่เที่ยวยอดนิยมต่าง ๆ
- เนเธอร์แลนด์ไปปารีส 6 ชั่วโมง
- ปารีสไปแคมป์ปิ้งใกล้ชาโมนิกซ์ 6 ชั่วโมง 36 นาที
- จากแคมป์ปิ้งไปเที่ยวเมืองชาโมนิกซ์ 30 นาที
- จากแคมป์ปิ้งไปเดินป่าที่หมู่บ้านสกีรีสอร์ท 14 นาที
- จากแคมป์ปิ้งไป Fréjus 5 ชั่วโมง 50 นาที
- แคมป์ปิ้งใน Fréjus ไปโมนาโก 1 ชั่วโมง 20 นาที
- โมนาโกไปอันติเบส 53 นาที
- แคมป์ปิ้งใน Fréjus ไปทะเลสาบโคโมอิตาลี 5 ชั่วโมง 54 นาที
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 1
(ขับรถจากเนเธอร์แลนด์ไปปารีส)
ทริปนี้เริ่มต้นออกเดินทางกันจากเนเธอร์แลนด์ประมาณ 8 โมงเช้า โดยใช้เส้นทางจากอัมสเตอร์ดัม ผ่านเมืองอูเทร็คท์ ลงใต้เข้าสู่เบลเยียม จากนั้นขับผ่านเมืองบรัสเซลส์ และแอนต์เวิร์ป ก่อนจะเข้าสู่ฝรั่งเศส หยุดแวะพักประมาณ 2 ครั้งตามสถานีเติมน้ำมัน และเตรียมอาหารมาทานเองระหว่างทาง และไปถึงจุดหมายที่โรงแรมนอกเมืองปารีสในเวลา 4 โมงเย็นพอดี ใช้เวลาขับรถไปประมาณ 6 ชม.
สำหรับคืนแรกเราเลือกพักที่ → โรงแรม Hôtel Tilde ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Riquet เพียง 1 นาที สามารถเดินทางเข้าเมืองไปชมหอไอเฟลได้ภายในเวลา 40 นาที ห้องพักมีขนาดเล็ก สามารถพักได้สบายแบบสองคน ราคาที่พักตกคืนละ 62 ยูโร (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,280 บาท) หารกันสองคนคือคุ้มมาก เหมาะสำหรับการพักค้างคืนระยะสั้น 1-2 วัน
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 2
(เที่ยวปารีสแบบเดย์ทริป)
แน่นอนว่าวันที่ 2 เป็นการใช้เวลาเที่ยวปารีสแบบหนึ่งวันเต็ม โดยเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟใต้ดินใช้เวลาเพียง 40 นาที ได้ตั๋วเดินทางแบบแพ็คเกจลดมลพิษ แทนการซื้อตั๋วแบบปกติ ราคา 3.80 ยูโร นำไปใช้ได้ 1 วัน เพราะว่าเดินทางในปารีสวันที่มีระดับมลพิษทางอากาศสูงพอดี ส่วนตั๋วเดินทางวันปกติ ราคาเริ่มต้น 2.10 ยูโร (สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว)
พอไปถึงตัวเมืองแล้วก็หากาแฟและอาหารเช้าที่คาเฟ่ Bistrot de la Tour Eiffel ใกล้หอไฟ จากนั้นก็เริ่มเที่ยวจากหอไอเฟล (Eiffel Tower) ไปยังสถานที่เที่ยวสำคัญต่าง ๆ รอบเมือง ครอบคลุมถึง
- ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de triomphe de l’Étoile) และถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะเปอติต์ปาเลส์ (Petit Palais)
- กรองด์ปาเล (The Grand Palais)
- จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde)
- สวนสาธารณะตุยเลอรี (Jardin des Tuileries)
- ประตูชัยแห่งการูแซล (Arc de Triomphe du Carrousel)
- พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)
- ท่าเทียบเรือ (Port des Saints-Pères)
- มหาวิหารน็อทร์ดามแห่งปารีส (The Cathedral Notre Dame de Paris)
- ศาลาว่าการกรุงปารีส (Hôtel de Ville)
- มหาวิหารซาเคร-เกอร์ (Basilica of the Sacred Coeur)
สถานที่เที่ยวทั้งหมดนี้สามารถเดินเที่ยวได้ง่าย ถ้าไม่สะดวกเดินสามารถนั่งรถไฟใต้ดินหรือรถบัสได้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่เราใช้วิธีเดิน มีใช้บริการรถไฟใต้ดินจากตัวเมืองไปมหาวิหารซาเคร-เกอร์ เพราะว่าตั้งอยู่ที่เขต 18 ค่อนข้างไกลหน่อย ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่ามาก ได้เห็นบ้านเมืองที่สวยงาม รวมไปถึงย่านนอกเมืองที่มีบรรยากาศค่อนข้างแตกต่างจากใจกลางเมืองพอสมควร
ส่วนใครที่มีเวลาเที่ยว 1-3 วันกำลังดี จะได้ไม่รวบรัดเหมือนของเราขนาดนี้ แนะนำวันที่หนึ่งเที่ยวในเมือง วันที่สองเข้าชมพิพิธภัณฑ์ วันที่สามไปดิสนีย์แลนด์ปารีส ส่วนใครที่มีเวลาหนึ่งวันสามารถใช้แพลนตามลิสต์ข้างต้นได้เลย
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 3
(ขับรถไปแคมป์ปิ้งใกล้ชาโมนิกซ์)
วันที่ 3 โบกมือลาปารีส มุ่งหน้สสู่แคมป์ปิ้งในฝรั่งเศส ที่ชุมชน Saint-Gervais-les-Bains ใกล้เมืองชาโมนิกซ์เพียง 30 นาที ที่เลือกที่นี่เพราะว่าตั้งอยู่ใกล้ที่เที่ยวยอดนิยมอย่างหมู่บ้านชาโมนิกซ์ ยอดเขามองบลังค์ และธารน้ำแข็ง Mer de Glace ที่เราใฝ่ฝันอยากไปเยือนสักครั้ง รวมถึงมีเส้นทางเดินป่าใกล้เคียงที่เป็นกิจกรรมยอดฮิตช่วงหน้าร้อน ตลอดจนที่ตั้งของแคมป์ปิ้งยังสามารถมองเห็นมองบลังค์ได้อีกด้วย และถึงแม้ว่าจะใช้เวลาขับรถนานถึง 6 ชั่วโมง มีแวะพักตามสถานีเติมน้ำมัน 2 ครั้ง เราก็ไม่ย่อท้อจนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
แคมป์ปิ้งที่เลือกชื่อว่า Nature & Lodge เป็นแคมป์ปิ้งราคาประหยัด เริ่มต้นคืนละ 26.80 ยูโร พักได้ 2 คน รวมที่ตั้งแคมป์ปิ้ง 1 สนาม พร้อมลานกางเต็นท์ ที่จอดรถยนต์ 1 คัน และห้องน้ำรวมฝักบัว วิวที่แคมป์ปิ้งแห่งนี้ดีมากเลยค่ะ ล้อมรอบด้วยป่าไม้ ด้านหน้ามองเห็นภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ และยังมีพื้นที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน เช่น ห้องน้ำ ห้องซักผ้า จุดล้างจาน รวมไปถึงสนามเด็กเล่นและเครื่องเล่น เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่พาลูก ๆ มาด้วย ส่วนเรื่องสัญญาณไวไฟที่จุดกางเต็นท์จะช้านิดหนึ่ง ถ้าอยากได้แบบเร็ว ๆ ต้องเดินไปที่ห้องนั่งเล่นบริเวณเคาน์เตอร์แทน
การทำอาหารในแคมป์ปิ้งมื้อแรกเราใช้อาหารแช่แข็งที่เตรียมมาด้วยอุ่นทาน ส่วนมื้อต่อไปใช้วัตถุดิบที่เตรียมมาด้วยเพื่อทำอาหารทานเอง ถ้าวัตถุดิบหมดสามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้เคียง ราคาไม่แพง และที่สำคัญมีทุกอย่างให้เลือกสรรเลยทีเดียว โดยรวมแล้วการออกแคมป์ปิ้งที่นี่นับว่าคุ้มค่าในราคาประหยัด
ใครที่กำลังวางแผนออกแคมป์ในฝรั่งเศสหรือในยุโรปสามารถค้นหาแคมป์ปิ้งผ่าน Eurocampings มีแคมป์ปิ้งในยุโรปให้เลือกมากกว่า 5,000 แห่ง จากนั้นลองเปรียบเทียบราคาและอ่านรีวิวจากผู้พักจริงใน Zoover ประกอบการตัดสินใจ วิธีนี้จะช่วยให้ได้แคมป์ปิ้งในราคาประหยัด อย่าลืมจองล่วงหน้าซัก 3-4 เดือนด้วยนะคะ เพราะว่าช่วงหน้าร้อนชาวยุโรปส่วนใหญ่ชอบไปออกแคมป์ปิ้งกัน
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 4
(เที่ยวชาโมนิกซ์มองบลังค์แบบเดย์ทริป)
วันที่ 4 ตื่นมาพร้อมกับความตื่นเต้นเพราะว่าจะไปเที่ยวที่เมืองชาโมนิกซ์แบบเดย์ทริป ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องสกีรีสอร์ทอันเก่าแก่ของฝรั่งเศส รวมไปถึงกีฬาฤดูหนาว ส่วนในฤดูร้อนนักท่องเที่ยวยังสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้หลากหลาย เช่น ปีนเขา เดินป่า รวมไปถึงนั่งกระเช้าไฟฟ้า Aiguille du Midi ไปชมยอดเขามองบลังค์ และนั่งสถานีรถไฟ Montenvers ไปชมธารน้ำแข็ง Mer de Glace ที่มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร
วิธีนั่งกระเช้าขึ้นไปยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc)
วิธีนั่งรถไฟไปเที่ยวธารน้ำแข็ง Mer de Glace
เที่ยวเมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ (ตัวเลือก)
เจนีวาเป็นหนึ่งในเมืองสวยงามน่าเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวาใกล้กับเมืองโลซานน์ (Lausanne) เพียง 67 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองชาโมนิกซ์เพียง 80 กิโลเมตร เป็นจุดหมายปลายยอดนิยมที่สามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริปจากชาโมนิกซ์
แน่นอนว่าเมื่อไปเที่ยวเจนีวาแล้วต้องไม่พลาดที่จะไปเดินเล่นริมทะเลสาบ ชมน้ำพุเจ็ตเดออัว ตามด้วยนาฬิกาดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าลืมแวะไปเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่าอันงดงาม หรือจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ ตลอดจนเข้าร่วมทัวร์สำนักงานสหประชาชาติ ไปจนถึงชิมช็อกโกแลตและพักผ่อนที่สวนพฤกษศาสตร์เก่าแก่แห่งความขจีก็เป็นไอเดียที่ดีไม่แพ้กัน
การเดินทางไปยังเมืองเจนีวาสามารถทำได้สะดวกด้วยรถบัสหรือรถไฟ สำหรับรถบัสใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 21 นาที มีรถบัสของ Swiss Tours, BlaBlaCar Bus และ FlixBus ให้บริการจากรถไฟชาโมนิกซ์-มองบลังค์ไปยังสถานีรถไฟเจนีวา ค้นหาตั๋วรถบัสราคาดีที่สุดจากชาโมนิกซ์มองบลังค์ไปเจนีวา
ในขณะที่รถไฟใช้เวลา 3 ชั่วโมง 21 นาที มีรถไฟของ Swiss Railways (SBB/CFF/FFS) และ SNCF วิ่งจากสถานีรถไฟชาโมนิกซ์-มองบลังค์ไปยังสถานีรถไฟเจนีวา ส่วนรถยนต์สามารถเข้าถึงเมืองเจนีวาได้ภายในเวลา 55 นาที ค้นหาตั๋วรถไฟราคาดีที่สุดจากชาโมนิกซ์มองบลังค์ไปเจนีวา
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 5
(เดินป่าชมธรรมชาติในฝรั่งเศส)
มื่อวานเราไปเที่ยวที่เมืองชาโมนิกซ์กันเรียบร้อย วันนี้เราจะไปเดินป่ากันที่ Saint-Gervais-Le-Bettex ซึ่งเป็นหมู่บ้านสกีรีสอร์ทในภูมิภาค Auvergne-Rhône-Alpes ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่ฐานของเทือกเขามองบลังค์ และยังเป็นที่รู้จักเนื่องจากอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็ง Mer de Glace ความน่าสนใจของที่นี่นอกจากจะเป็นลานสกีขนาดใหญ่ในช่วงฤดูหนาวแล้ว ในช่วงฤดูร้อนยังเหมาะสำหรับการเดินป่าขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของบ้านเรือนและภูเขาโดยรอบ
โดยมีเส้นทางเดินป่าที่เหมาะสำหรับนักเดินป่ามือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ไปจนถึงเส้นทางเดินป่าที่ต้องใช้ความชำนาญในการเดิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาครึ่งวัน หรือจะมาเที่ยวมองบลังค์ก่อน จากนั้นนั่งรถไฟไปชมธารน้ำแข็ง Mer de Glace และปิดท้ายด้วยการเดินป่าที่หมู่บ้านสกีรีสอร์ทแห่งนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 6
(ขับรถไปแคมป์ปิ้งในในเฟร์ฌูส)
จากแคมป์ปิ้งใกล้เมืองชาโมนิกซ์เราเช็คเอาท์เพื่อเดินทางต่อไปยังแคมป์ปิ้งในในเฟร์ฌูส (Fréjus) ของฝรั่งเศส การเดินทางใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง และที่ยอมขับรถกันมาไกลขนาดนี้เพราะว่าตั้งอยู่ใกล้กับริมชายฝั่งโกตดาซูร์ (Còsta d’Azur) ขึ้นเรื่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงาม สามารถขับรถไปเที่ยวที่เมืองคานส์ เมืองนีซ เมืองอันติเบส รวมถึงโมนาโก ประเทศที่ได้เพิ่มเข้าไปในลิสต์การขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสครั้งนี้ด้วย
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 7
(เที่ยวโมนาโก + อันติเบส)
วันที่ 7 เรามุ่งหน้าจากแคมป์ปิ้งในในเฟร์ฌูสเพื่อไปเที่ยวที่ประเทศโมนาโก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในฝันที่อยากไปมานาน แน่นอนว่าเมื่อไปเที่ยวที่โมนาโกแล้วต้องไม่พลาดที่จะเดินไปย่านใจเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของคาสิโน เพื่อสัมผัสบรรยากาศอันหรูหราของเมือง ด้านหลังคาสิโนยังมีโรงละครโอเปร่าสุดหรูให้ได้แวะถ่ายภาพกันอีกด้วย
จากนั้นเดินไปยังท่าเรือซึ่งอยู่ใกล้กับจัดการแข่งขันรถเฟอร์มูล่าวันระดับสากล เพื่อสัมผัสบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปิดท้ายด้วยการเดินขึ้นเขาไปยังย่านเมืองเก่า ซึ่งเป็นเป็นที่ตั้งของพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก รวมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญไว้หลายแห่ง ก่อนจะแวะพักทานอาหารเที่ยงที่นั้น และเข้าชมที่เที่ยวในย่านเมืองเก่าตามลำดับ ใครที่มีเวลาหนึ่งวันไม่ต้องกลัวว่าจะเที่ยวไม่หมดนะคะ เพราะจากที่ไปมาสามารถเดินเที่ยวได้ทั่วอย่างแน่นอน ถ้าไม่สะดวกเดินก็สามารถนั่งรถเมล์หรือรถบัสนำเที่ยวได้เช่นกัน
สำหรับใครที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายในการเที่ยวโมนาโก ลองหาที่พักในเมืองอย่างใกล้เคียงอย่าง Nice, Cannes, Menton หรือ Antibes ซึ่งเมืองเหล่านี้เป็นที่เที่ยวยอดนิยมริมชายฝั่งชายฝั่งโกตดาซูร์ และยังสามารถเดินทางไปเที่ยวโนนาโกสะดวกด้วยรถไฟหรือรถบัสอีกด้วย
เที่ยวอันติเบส (Antibes)
ด้วยความที่มีเวลาเหลือ 3-4 ชั่วโมงจึงตัดสินใจไปเที่ยวกันต่อที่เมืองอันติเบส ซึ่งอยู่ห่างจากโมนาโกเพียง 48 นาที และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่ตัดสินใจไปที่นั้น โดยเมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างเมืองคานส์และเมืองนีซ และยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับรีสอร์ทริมทะเลและชายหาดที่สวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงหน้าร้อน อันติเบสยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ “Picasso” จิตกรผู้มีชื่อเสียงระดับโลก รวมไปถึง “Château Grimaldi” ซึ่งเป็นปราสาทยุคกลางที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ตลอดจนย่านเมืองเก่า “Vieil Antibes” ที่เป็นเต็มไปด้วยบ้านสไตล์โปรวองซ์แบบดั้งเดิม
เราใช้เวลาเดินเล่นจากย่านเมืองเก่าก่อนเพื่อไปสัมผัสความน่ารักของบ้านเรือนแบบดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จากนั้นลัดเลาะไปตามถนนสายเล็ก ๆ ที่จะนำเราไปสู่พิพิธภัณฑ์และโบสถ์ อย่าลืมแวะไปเดินเล่นริมชายหาดด้วยนะคะ ทะเลที่นี่บรรยากาศดีจริง ๆ
ในตอนท้ายเดินเล่นไปที่ Port Vauban Antibes ซึ่งเป็นท่าเรือหลักของเมืองอันติเบส และเป็นท่าจอดเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะสำหรับนั่งชมพระอาทิตย์ตกเย็นไปด้วย โดยรวมแล้วอันติเบสเป็นเมืองโรแมนติกแบบน้อยแต่มาก เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการพักผ่อนช่วงหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี
ขับรถเที่ยวฝรั่งเศส: Day 8-14
(ขับรถไปเที่ยวทะเลสาบโคโม)
วันที่ 8 โบกมือลาแคมป์ปิ้งในเฟร์ฌูสและเดินทางต่อไปยังทะเลสาบโคโม ซึ่งเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของประเทศอิตาลี การเดินทางใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง เป็นการขับรถที่ค่อนข้างแตกต่างจากฝรั่งเศส เพราะว่าที่อิตาลีจะมีอุโมงค์เยอะมาก แต่ที่ฝรั่งเศสจะไม่ค่อยมี เช่นเดียวกับค่าทางด่วนที่จ่ายบ่อยกว่าในฝรั่งเศสเช่นกัน
สำหรับที่พักในทะเลสาบโคโมเราเลือกไปแคมป์ปิ้งที่ Agricamping Colle Vento ตั้งอยู่ที่เมืองโดมาโซ (Domaso) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบโคโม เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการแคมป์ปิ้งเนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงามของภูเขาติดกับริมทะเลสาบ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาไปกับการพักผ่อนช่วงหน้าร้อน ตลอดจนตั้งแคมป์ปิ้งและทำกิจกรรมกลางแจ้งริมชายหาด และที่สำคัญยังตั้งอยู่ใกล้กับเบลลาโจ (Bellagio) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถนั่งเรือไปเที่ยวแบบทริปได้สะดวก
ความโดดเด่นของแคมป์ปิ้งนี้ที่ทำให้ประทับใจเกิดความคาดหมายก็คือ วิวหลักล้านของทะเลสาบโคโม ในราคาที่จ่ายไปเพียง 40 ยูโรต่อคืนเท่านั้น ใช่ค่ะ! ฟังไม่ผิดแล้ว เป็นราคาประหยัดแบบนี้จริง ๆ โดยตั้งอยู่ในสวนองุ่นและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักช่วงที่รอเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อนำไปทำไวน์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แล้วที่สำคัญเจ้าของใจดีมาก บริหารจัดการเองคนเดียวเลย ใครที่กำลังหาที่พักราคาประหยัดหรืออยากนอนเต็นท์ชมวิวสวย ๆ ของทะเลสาบโคโม ลองให้แคมป์ปิ้งนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเดินทางครั้งต่อไปนะคะ
เราใช้เวลาเที่ยวที่ทะเลสาบโคโม 3 วันเต็ม ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปยังแคมป์ปิ้งในเมืองเตรนตีโน เพื่อไปพักแคมป์ปิ้งและเที่ยวที่นั้นต่ออีก 1-2 วัน จากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเวียนนา และปิดท้ายที่ประเทศลิกเตนสไตน์ตามลำดับ ทริปขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสจึงขอลาไปด้วยภาพบรรยากาศของทะเลสาบเออร์เดโมโล (Lago di Erdemolo) จากทริปเดินป่าครึ่งวันที่หุบเขาลึกชื่อว่า “Val dei Mocheni” ความสูง 2,036 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลของเตรนตีโน
นอกจากทริปขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสแล้ว เรายังได้แชร์ประสบการณ์ขับรถเที่ยวในยุโรปตอนกลางและตะวันออกอีก 6 ประเทศด้วยกัน คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สโลวีเนีย ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ใครที่สนใจการเที่ยวในประเทศเหล่านี้อย่าลืมแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงก์แนบ
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡