ยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc) มีความหมายว่า “ภูเขาสีขาว” เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์และยุโรปตะวันตก มีความสูง 4,808 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี กิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเมื่อมาเที่ยวเมืองชาโมนิกซ์-มองบลังค์ก็คือ การขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดเขา Aiguille du Midi ที่ความสูง 3,842 เมตร เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่งดงามของยอดเขามองบลังค์รวมไปถึงยอดเขาโดยรอบที่ปกคลุมด้วยหิมะอันขาวโพลน
ทริปเที่ยวมองบลังค์เป็นส่วนหนึ่งการขับรถเที่ยวทางไกลในยุโรปช่วงฤดูร้อนทั้งหมด 5 ประเทศด้วยกัน คือ ฝรั่งเศส โมนาโก อิตาลี ออสเตรีย และลิกเตนสไตน์ เราได้เขียนเล่าประสบการณ์รวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวในประเทศเหล่านี้ไว้อย่างละเอียด ใครที่สนใจอย่าลืมแวะไปอ่านได้ตามลิงก์แนบ
เที่ยวยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc)
บนยอดเขามองบลังค์มีหิมะปกคลุมตลอดปี ถ้าเดินทางมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อนก็ยังมีโอกาสเห็นหิมะอยู่บ้าง แต่อาจจะน้อยกว่าในช่วงฤดูหนาว กิจกรรมกลางแจ้งในเทือกเขามองบลังค์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมีหลายอย่าง เช่น การปีนเขา การเดินป่า รวมไปถึงกีฬาในฤดูหนาว เช่น การเล่นสกีและสโนว์บอร์ด รวมไปถึงมีเส้นทางปีนเขายอดนิยมที่ชื่อว่า ”Goûter Route” ซึ่งเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดในการขึ้นมองบลังค์ และอีกตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือการขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขามองบลังค์ ที่ความสูง 3,842 เมตร ที่เราจะไปสำรวจความสวยงามของที่นี่พร้อม ๆ กัน
วิธีนั่งกระเช้าขึ้นไปยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc)
รีวิวขึ้นกระเช้าไฟฟ้า Aiguille du Midi
เช้าวันนี้เราตื่นตั้งแต่ตีห้ารีบอาบน้ำแต่งตัว และออกเดินทางจากแคมป์ปิ้งใน Saint Gervais les Bains ไปยังหมู่บ้านชาโมนิกซ์ (Chamonix Village) เพื่อรอซื้อตั๋วตั้งแต่เช้าที่สำนักงานบริการนักท่องเที่ยว ตั๋วที่เลือกราคา 68.40 ยูโร ปัจจุบันราคาปรับเพิ่มขึ้นเป็น 76 ยูโร ซึ่งเป็น Multipass สามารถนำไปใช้ขึ้นรถไฟไปยังธารน้ำแข็ง Mer de Glace รอบเวลาขึ้นกระเช้าที่ได้คือ 07:20 น. ด้วยความที่เราไปกันเช้ามากก็เลยมีเวลาเหลือทานข้าวเกือบ 45 นาที โดยเลือกร้านใกล้ ๆ ที่ตั้งอยู่สองฝั่งถนนในหมู่บ้านชาโมนิกซ์ พอทานข้าวเช้าเสร็จแล้วก็เดินมารอขึ้นกระเช้าเผื่อเวลาไว้ประมาณ 15 นาที
พอกระเช้ามาถึงก็ถึงเวลาที่เราจะไปสำรวจยอดเขามองบลังค์พร้อม ๆ กัน ซึ่งกระเช้าที่ว่ามีขนาดใหญ่มาก ไม่มีที่ให้จับ ยกเว้นเสาตรงกลาง ต้องพยุงตัวให้ดี เพราะตอนที่กระเช้าเริ่มเคลื่อนตัวไปด้านบนมีแรงเหวี่ยงให้รู้สึกหวาดเสียว ยิ่งถ้ายืนติดกับกระจกมองไปด้านล่าง ใจแทบหลุดไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยทีเดียว ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว
เปลี่ยนกระเช้าที่สถานี Plan de l’Aiguille
จากสถานีเริ่มต้นกระเช้าจะพานักท่องเที่ยวไปจนถึงครึ่งทางที่สถานีที่ 1 (Plan de l’Aiguille) จากตรงนี้ต้องเปลี่ยนกระเช้าเพื่อขึ้นไปยังยอดเขามองบลังค์ที่ความสูง 3,842 เมตร ซึ่งด้านนอกบริเวณสถานีที่ 1 มีบาร์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ รวมไปถึงเส้นทางปีนเขา พร้อมจุดชมวิว และทะเลสาบ Lac Bleu ที่สวยงาม สามารถเดินออกไปถ่ายรูปได้ หรือจะนั่งกระเช้าต่อไปยังยอดเขามองบลังค์เลยก็ได้เช่นกัน
มุ่งหน้าสู่ยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc)
เราเลือกที่จะนั่งกระเช้าต่อเลย โดยกระเช้าที่สองมีความหวาดเสียวและตื่นเต้นมากกว่าเดิม สายเคเบิลที่ลากกระเช้าไปมีความชันมาก ความชันที่ว่าแทบจะเก้าสิบองศาเลย และจะลดความเร็วลงเพื่อไต่ระดับขึ้นไปยังจุดจอดกระเช้าอย่างช้า ๆ จนในที่ก็พามาถึงยอดเขา Aiguille du Midi อย่างปลอดภัย
ยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc) ที่ความสูง 3,842 เมตร
ยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc) ด้านบนมีความสวยงามมากค่ะ เต็มไปด้วยหิมะที่ขาวโพลน แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนเดือนสิงหาคมแต่ก็ยังมีหิมะให้เห็น ตามไหล่เขายังมีนักเดินเขาท้าทายความหนาวด้วยอุณหภูมิติดลบกว่า 8 องศา
ทำอะไรได้บ้างบนยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc) ที่ความสูง 3,842 เมตร
เมื่อมาถึงสถานี Aiguille du Midi แล้วแน่นอนว่ามีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เลือกทำหลายหลาย ครอบคลุมถึงชมวิวรอบด้านแบบ 360 องศา ชมหอศิลป์ภายใน “The Pipe” ของ Aiguille du Midi ซึ่งเป็นแกลเลอรีเหล็กยาว 32 เมตร ชมพิพิธภัณฑ์ที่สูงที่สุดของ Alpinism (Mountaineering Museum) ชมยอดเขา Mont-Blanc ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ (เส้นทางเดินไปสู่ชั้นดาดฟ้า) ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องชมวิวพื้นกระจก “The Step into the Void” (แนะนำให้ไปที่นี่ก่อน เพราะคนรอต่อคิวเยอะมาก) ในส่วนท้ายจะเป็นชมนิทรรศการแสดงพื้นที่ประวัติศาสตร์ย้อนหลังของการสร้างกระเช้าไฟฟ้า (เส้นทางก่อนนั่งกระเช้ากลับ)
บนยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc) เราสามารถเดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิวรอบด้านแบบ 360 องศา ทางขึ้นบันไดชวนให้ตื่นเต้นนิดหนึ่งเพราะเป็นบันไดแบบเปิดโล่ง มองเห็นพื้นด้านล่าง ยิ่งมองยิ่งหวาดเสียว แต่ถ้าคนไม่กลัวความสูงจะเดินผ่านไปแบบสบายมาก
พอไปถึงด้านบนจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามแบบสุดลูกหูลูกตาไปเลย แหงนหน้ามองด้านบนจะเห็นห้องชมวิวพื้นกระจก มองไปทางด้านขวามือจะเห็นภูเขาฝั่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มองไปทางซ้ายจะเห็นภูเขาบนพื้นที่หมู่บ้านสกรีรีสอร์ท (Saint-Gervais-les-Bains) และด้านล่างจะเป็นพื้นที่หมู่บ้านชาโมนิกซ์ โอบล้อมด้วยภูเขาและป่าสีเขียว
ภาพที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มันทำให้ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก และแบบไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อสักครู่เราเพิ่งจะขึ้นกระเช้ามาจากด้านล่าง ต่างกันที่ตอนนี้เรายืนอยู่ด้านบนแล้ว ยิ่งถ้าใครมาที่นี่ครั้งแรกจะยิ่งตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะฝันเป็นจริงแล้ว!
หลังชมวิวแบบพาโรนาโมเรียบร้อยแล้วเราก็เดินต่อไปยังเส้นทางที่จะขึ้นลิฟต์ไปยังห้องชมวิวพื้นกระจก (The Step into the Void) โดยผ่านหอศิลป์ภายในเสากลาง (The Pipe) และพิพิธภัณฑ์ที่สูงที่สุดของ Alpinism
ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องชมวิวพื้นกระจก (The Step into the Void)
ห้องชมวิวพื้นกระจกเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ตั้งอยู่ปลายของอาคาร ก่อนจะถึงตรงนั้น (หลังขึ้นลิฟต์มาแล้ว) ก็ต้องเข้าแถวรอนานประมาณ 20 นาทีเลย ระหว่างรอก็มีพื้นกระจกใสมองเห็นวิวด้านล่างให้ซ้อมตื่นเต้นไปก่อน ด้านนอกยังสามารถมองเห็นวิวภูเขาสุดลูกหูลูกตา รวมถึงจุดชมวิวรอบด้านแบบ 360 องศาที่เราเพิ่งไปยืนมาเมื่อสักครู่
พอถึงคิวของเราแล้วก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าเท้านุ่ม ๆ แบบใส่ในบ้านตามที่จัดไว้ให้ จากนั้นก็เดินเข้าไปยังด้านในห้องพื้นกระจก พอได้ไปยืนตรงนั้นแล้วมันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากค่ะ ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดเสียว ทั้งสวยงาม มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก พอมองไปด้านล่างพื้นกระจกใสแจ๋วเลย มองเห็นภูเขาด้านล่างแบบชัดเจนมากค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 1 นาที (เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก) เราก็ถ่ายรูปในห้องพื้นกระจกเสร็จ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก ๆ จากนั้นก็เดินออกมาเปลี่ยนรองเท้า แล้วออกไปลานด้านนอกเพื่อชมยอดเขามองบลังค์จากตรงนั้นต่อ
นั่งกระเช้ากลับไปยังหมู่บ้านชาโมนิกซ์
พอถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ลงลิฟต์และเดินต่อไปยังจุดขึ้นกระเช้ากลับลงไปด้านล่าง เส้นทางที่เดินผ่านมีร้านค้าเล็ก ๆตั้งอยู่ด้วย สำหรับใครที่รู้สึกหนาวหรือต้องการกาแฟดื่มสักแก้ว สามารถหาซื้อได้ที่ร้านนี้ หรือถ้าอยากไปหาซื้อที่ด้านล่างก็เดินต่อไปยังจุดขึ้นกระเช้าได้เลย จากนั้นก็รอประมาณ 10 นาทีกระเช้าก็มาถึงเพื่อพาเรากลับลงไปยังหมู่บ้านชาโมนิกซ์ เป็นอันจบทริปชมยอดเขามองบลังค์พร้อมกับความประทับใจ
คำแนะนำก่อนมาเที่ยวยอดเขามองบลังค์ (Mont Blanc)
- ควรมารอซื้อตั๋วตั้งแต่เช้าจะได้มีเวลาเดินชมวิวและถ่ายรูปแบบไม่แออัด
- บนยอดเขามองบลังค์อากาศหนาว ถึงแม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อนก็ยังหนาว ควรสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นต่อร่างกาย โดยเฉพาะเสื้อแจ็คเก็ตกันหนาว ถุงมือ ผ้าพันคอ และหมวกไหมพรม
- ช่วงฤดูร้อนแสงแดดข้างบนแรงมาก ถ้านำแว่นกันแดดมาด้วยก็ดี
- ด้านบนมีน้ำและอาหารจำหน่าย (ราคาค่อนข้างแพง) ถ้าเป็นไปได้ควรเตรียมมาเองช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
- ชั้นดาดฟ้าวิวสวยมาก มองเห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
- ห้องชมวิวพื้นกระจกมีการต่อคิวยาว แนะนำให้รีบขึ้นมาตรงนี้ก่อน แล้วค่อยแวะไปบริเวณอื่น ๆ
ที่เที่ยวใกล้ยอดเขามองบลังค์
นั่งรถไฟไปชมธารน้ำแข็ง (Montenvers–Mer de Glace)
Mer de Glace เป็นธารน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในเทือกเขามองบลังค์ และยังเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส มีความยาวประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามตระการตาและน่าสนใจที่สุดในเมืองชาโมนิกซ์ไม่แพ้การนั่งกระเช้าขึ้นไปชมยอดเขามองบลังค์
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสความงดงามของที่นี่ได้ด้วยการนั่งรถไฟ Montenvers จากสถานี Gare de Chamonix-Mont-Blanc โดยใช้ตั๋วใบเดียวกับที่นั่งกระเช้าไปมองบลังค์ เมื่อถึงสถานีรถไฟด้านบนแล้วสามารถขึ้นกระเช้าไฟฟ้าและเดินตามขั้นบันไดอีกประมาณ 550 ขั้น เพื่อไปชมความความงดงามของถ้ำน้ำแข็ง Mer de Glace แบบใกล้ชิด
เดินป่าที่หมู่บ้านสกีรีสอร์ท Saint-Gervais-Le-Bettex
Saint-Gervais-Le-Bettex เป็นหมู่บ้านสกีรีสอร์ทในภูมิภาค Auvergne-Rhône-Alpes ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่ฐานของเทือกเขามองบลังค์ และยังเป็นที่รู้จักเนื่องจากอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็ง Mer de Glace
ความน่าสนใจของที่นี่นอกจากจะเป็นลานสกีขนาดใหญ่ในช่วงฤดูหนาวแล้ว ในช่วงฤดูร้อนยังเหมาะสำหรับการเดินป่าขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของบ้านเรือนและภูเขาโดยรอบ โดยมีเส้นทางเดินป่าที่เหมาะสำหรับนักเดินป่ามือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ไปจนถึงเส้นทางเดินป่าที่ต้องใช้ความชำนาญในการเดิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาครึ่งวัน หรือจะมาเที่ยวมองบลังค์ก่อน จากนั้นนั่งรถไฟไปชมธารน้ำแข็ง Mer de Glace และปิดท้ายด้วยการเดินป่าที่หมู่บ้านสกีรีสอร์ทแห่งนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน
เที่ยวเมืองเจนีวา (Geneva) สวิตเซอร์แลนด์
เจนีวาเป็นหนึ่งในเมืองสวยงามน่าเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวาใกล้กับเมืองโลซานน์ (Lausanne) เพียง 67 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองชาโมนิกซ์เพียง 80 กิโลเมตร เป็นจุดหมายปลายยอดนิยมที่สามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริปจากชาโมนิกซ์
แน่นอนว่าเมื่อไปเที่ยวเจนีวาแล้วต้องไม่พลาดที่จะไปเดินเล่นริมทะเลสาบ ชมน้ำพุเจ็ตเดออัว ตามด้วยนาฬิกาดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าลืมแวะไปเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่าอันงดงาม หรือจะเข้าชมพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ ตลอดจนเข้าร่วมทัวร์สำนักงานสหประชาชาติ ไปจนถึงชิมช็อกโกแล็ตและพักผ่อนที่สวนพฤกษศาสตร์เก่าแก่แห่งความขจีก็เป็นไอเดียที่ดีไม่แพ้กัน
การเดินทางไปยังเมืองเจนีวาสามารถทำได้สะดวกด้วยรถบัสหรือรถไฟ สำหรับรถบัสใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 21 นาที มีรถบัสของ Swiss Tours, BlaBlaCar Bus และ FlixBus ให้บริการจากรถไฟชาโมนิกซ์-มองบลังค์ไปยังสถานีรถไฟเจนีวา
ในขณะที่รถไฟใช้เวลา 3 ชั่วโมง 21 นาที มีรถไฟของ Swiss Railways (SBB/CFF/FFS) และ SNCF วิ่งจากสถานีรถไฟชาโมนิกซ์-มองบลังค์ไปยังสถานีรถไฟเจนีวา ส่วนรถยนต์สามารถเข้าถึงเมืองเจนีวาได้ภายในเวลา 55 นาที
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡