เที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum) เป็นหนึ่งในสิบหกพิพิธภัณฑ์แห่งชาติในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ควรค่าแก่การเข้าชมอย่างยิ่งเมื่อเดินทางมาเที่ยวที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ภายในรวบรวมผลงานชิ้นเอก “The Night Watch” ของแร็มบรันต์ และผลงานจากจิตรกรชาวดัตช์ชื่อดัง เช่น Johannes Vermeer และ Frans Hals มากกว่า 8,000 ชิ้น รวมไปถึงวัตถุโบราณและคอลเล็กชันพิเศษบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แบ่งตามช่วงเวลาต่าง ๆ ทั้งยังมีแผนผังนิทรรศการที่เดินชมสะดวกและง่ายต่อความเข้าใจ
ประวัติพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ในอาคาร Rijksmuseum นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวดัตช์ชื่อดัง “ปิแอร์ เคย์เปอร์ส” (PJH Cuypers) โดยใช้การผสมผสานระหว่างองค์ประกอบแบบกอทิกและเรเนซองส์ ตัวอาคารมีโครงสร้างขนาดใหญ่แบ่งออกเป็นสองชั้น ประกอบไปด้วยพื้นที่แสดงแกลลอรี่หลักที่ตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่งและชั้นสอง ส่วนชั้นใต้ดินเป็นพื้นที่แสดงแกลลอรี่พิเศษ รวมถึงเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว จุดฝากสัมภาระ คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก
เพดานของอาคารพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัมประกอบด้วยโครงสร้างกระจกเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้มีแสงสว่างเพียงพอพร้อมช่องรับแสงที่ทำให้อาคารด้านในสว่างเป็นพิเศษ บริเวณทางด้านทิศใต้ของอาคารยังมีอุโมงค์ใต้ทางเดินเป็นเส้นทางผ่านสำหรับจักรยานและทางเดินเท้าไปยังจัตุรัส Museumplein ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และการออกแบบร่วมสมัย
การจัดนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
แบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน คือ
- ชั้นใต้ดิน แสดงผลงานจากยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แกลลอรี่พิเศษและศิลปะจากเอเชีย (Asian Pavilion) ระหว่างปี 1100-1600
- ชั้นหนึ่ง พื้นที่แกลลอรี่หลักแสดงภาพวาดแวนโก๊ะห์และผลงานจากศตวรรษที่ 18 และ 19 ระหว่างปี 1700-1900
- ชั้นสอง พื้นที่แกลลอรี่หลักรวมถึงห้องโถงใหญ่ (Great Hall) แกลลอรี่แห่งเกียรติยศ (Gallery of Honour) แกลลอรี่ผลงานของแร็มบรันต์ (Night Watch Gallery) หอศิลป์ความรุ่งโรจน์ของยุคทองดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และห้องสมุดประวัติศาสตร์ศิลปะที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (Cuypers Library) ระหว่างปี 1600-1700
- ชั้นสาม แสดงวัตถุทางประวัติศาสตร์และผลงานจากศตวรรษที่ 20 ระหว่างปี 1900-2000
เส้นทางการเดินชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัมมีสองเส้นทาง คือ เส้นทางสีส้มและเส้นทางสีเขียว ทั้งสองเส้นทางผ่านแกลลอรี่หลัก สำหรับใครที่กลัวว่าจะหลงหรือมีคำถามว่าควรเข้าชมนิทรรศการในส่วนไหนก่อนดี แนะนำให้เข้าชมที่ชั้นสองก่อน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่รวบรวมผลงานภาพวาดที่มีชื่อเสียงและทรงคุณค่าไว้มากมาย จากนั้นค่อยเดินลงมาที่ชั้นหนึ่งเพื่อชมภาพวาดโก๊ะห์และนิทรรศการในชั้นอื่น ๆ ตามลำดับ เนื่องจากที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่แนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 09:00-11:00 น. และควรจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าออนไลน์ ช่วยประหยัดเวลาในการยืนต่อคิวที่หน้าเคาน์เตอร์พิพิธภัณฑ์
เวลาเปิด: ทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 22.50 ยูโร
สำหรับใครที่ต้องการรับฟังคำบรรยายเสียงเพิ่มเติมตามแกลลอรี่จุดต่าง ๆ แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Rijksmuseum สำหรับเปิดฟังคำบรรยายเสียงเพิ่มเติม และเตรียมหูฟังมาด้วย (หรือจะถือฟังแบบไม่มีหูฟังก็ได้) ตามความสะดวก ซึ่งแอปพลิเคชันนี้ต้องยอมรับว่าทางพิพิธภัณฑ์ออกแบบมาดีมาก ๆ สามารถกดหมายเลขเพื่อฟังคำบรรยายของภาพวาดในแต่ละจุดได้อย่างครอบคลุม มีแผนผังแสดงนิทรรศการในแต่ละจุด ช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมเครื่องออดิโอขนาดเล็ก ทั้งยังสามารถใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ได้อีกด้วย ถ้าซื้อสินค้าในร้านขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์แล้วโชว์แอปนี้จะได้รับส่วนลด 10%
นิทรรศการชั้นที่สองของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองเราจะพบกับพื้นที่แสดงแกลลอรี่หลักเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแกลลอรี่ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ที่นี่รวบรวมผลงานชิ้นเอกอันทรงคุณค่าจากศิลปินชาวดัตช์ชื่อดังไม่ว่าจะเป็น Rembrandt van Rijn, Johannes Vermeer และ Frans Hals มีไฮไลท์ตามจุดต่าง ๆ รวมถึงห้องโถงใหญ่ (Great Hall) แกลลอรี่แห่งเกียรติยศ (Gallery of Honour) แกลลอรี่ผลงานของแร็มบรันต์ (Night Watch Gallery) หอศิลป์ความรุ่งโรจน์ของยุคทองดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และห้องสมุดประวัติศาสตร์ศิลปะที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (Cuypers Library)
ห้องโถงใหญ่ (Great Hall) เที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าแกลลอรี่หลัก มีความสวยงามจนต้องหยุดมอง ประกอบด้วยพื้นที่กว้างปูพื้นด้วยกระเบื้องโมเสก ประดับด้วยหน้าต่างกระจกสี มีเพดานโค้งตกแต่งอย่างโอ้อ่าทอดยาวเหนือศีรษะ
แกลลอรี่แห่งเกียรติยศ (Gallery of Honour) เที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
ถัดมาจากทางเข้าจะเป็นแกลลอรี่แห่งเกียรติยศ (Gallery of Honour) ประกอบด้วยทางเดินทอดยาวไปยัง Night Watch Gallery จัดแสดงผลงานชิ้นเอกของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่สิบเจ็ด ประดับด้วยกรอบซุ้มเป็นคานเหล็กหล่อสลักชื่อจิตรกรชื่อดังแห่งยุค ส่วนผนังครึ่งวงกลมด้านบนแสดงตราแผ่นดินของ 11 จังหวัดของเนเธอร์แลนด์และเมืองหลวงตามลำดับ
แกลลอรี่แห่งเกียรติยศมีไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือ The Milkmaid วาดโดย Johannes Vermeer หลายคนอาจจะเห็นภาพนี้ทางอินเทอร์เนตมาก่อน เธอเป็นสาวใช้ที่กำลังเทนมจากเหยือกและยืนอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างจ้า เวอร์เมียร์ใช้เทคนิคดังกล่าวในการวาดภาพเล่นกับพื้นผิวของวัตถุได้อย่างน่าสนใจ หากยืนมองภาพนี้นาน ๆ อาจจะรู้สึกเหมือนนมกำลังไหลจากเหยือกราวกับมีชีวิตจริง
Woman with a Child in a Pantry วาดโดย Pieter de Hooch จุดเด่นของภาพนี้คือพื้นที่ในห้องที่เป็นตัวแทนนำสายตาไปยังประตูห้องใต้ดินและห้องโถง แสงภายในห้องยังเป็นแสงสีขาวบริสุทธิ์ บ่งบอกได้ว่าจิตรกรอาจจะวาดภาพนี้ในช่วงเวลากลางวัน
Self-portrait as the Apostle Paul วาดโดย Rembrandt van Rijn แสดงให้เห็นถึงตัวของเขาเองในวัย 55 ปี จากภาพวาดเขามองตรงไปยังผู้ชมอยู่ตลอดเวลา ในมือของเขายังถือพระคัมภีร์ทางศาสนา
The Windmill at Wijk bij Duurstede วาดโดย Jacob Isaacksz van Ruisdael เล่าเรื่องราวของภูมิทัศน์ดัตช์ที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม แม่น้ำ และท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ โดยมีกังหันลมเป็นจุดนำสายตาซึ่งตั้งบดบดบังปราสาทและโบสถ์ Wijk bij Duurstede ที่ห่างจากเมืองอูเทร็คท์ไปประมาณ 20 กิโลเมตร
The Sampling Officials of the Amsterdam Drapers’ Guild วาดโดย Rembrandt van Rijn แสดงให้เห็นกลุ่มชายจำนวนหกคนจากสมาคมผู้ผลิตผ้าในอัมสเตอร์ดัม พวกเขานั่งรวมตัวกันรอบโต๊ะที่มีผ้าปูเปอร์เซีย บนโต๊ะยังมีหนังสือเล่มหนึ่งที่เปิดอยู่ แร็มบรันต์สร้างภาพนี้ให้มีชีวิตชีวาโดยให้ผู้คุ้มมองออกจากภาพราวกับว่าคนดูกำลังเข้ามาขัดจังหวะพวกเขาที่กำลังอยู่ในบทสนทนา
Night Watch Gallery พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดนั้นก็คือแกลลอรี่ผลงานของแร็มบรันต์ (Night Watch Gallery) จัดแสดงภาพวาด The Night Watch ในตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ถ่ายทอดความงดงามและอัจฉริยะด้านศิลปะของเขา The Night Watch (การเฝ้ายามกลางคืน) เป็นภาพวาดจิตกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดของแร็มบรันต์ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอัมสเตอร์ดัมที่มีหน้าที่ปกป้องเมืองจากการถูกโจมตี แร็มบรันต์วาดภาพร่างเองทั้งหมดและใช้แสงเพื่อเน้นรายละเอียดเฉพาะ ภาพวาดยังมีรายละเอียดมากกว่า 8 จุดที่ซ่อนความหมายไว้อย่างแยบยล
Militia Company of District VIII under the Command of Captain Roelof Bicker วาดโดย Bartholomeus van der Helst เป็นภาพวาดขนาดใหญ่ที่จัดแสดงถัดไปทางขวาจากภาพวาด The Night Watch ของแร็มบรันต์ มีทหารอาสาสมัครภายในภาพสามสิบคน พวกเขาไม่ได้ยืนอยู่แบบนิ่ง ๆ หรือไล่แถวตามระดับความสูง ส่วนคนที่สวมเครื่องแบบสีอ่อนสุดถูกจัดไว้แถวหน้าโดยมีระยะห่างสม่ำเสมอกัน จิตรกรผู้วาดภาพนี้ยังรวมตัวเขาเองไว้ด้วยในกลุ่มทางด้านซ้ายสุด
หอศิลป์ความรุ่งโรจน์ของยุคทองดัตช์ในศตวรรษที่ 17 (1600–1700)
ต่อมาในส่วนของหอศิลป์จัดแสดงผลงานศิลปะที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของยุคทองดัตช์ที่เนเธอร์แลนด์มีความมั่งคั่งอย่างขีดสุดในด้านการค้า วิทยาศาสตร์ การศึกษา รวมถึงศิลปะแห่งสงครามและวิจิตรศิลป์ ในส่วนนี้มีไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือ Model of the William Rex ออกแบบโดย Adriaen de Vriend, Adriaen Davidsen และ Cornelis Moerman เป็นโมเดลแสดงลักษณะของเรือรบดัตช์ในปลายศตวรรษที่ 17 ถูกสร้างขึ้นที่อู่ต่อเรือของกองทัพเรือใน Vlissingen (Flushing) เรือลำนี้มีปืน 74 กระบอก หัวไม้ประดับตกแต่งด้วยงานแกะสลักที่งดงาม และยังมีตราอาร์มของเซลันด์ระบุปี ค.ศ. 1698
ห้องสมุดประวัติศาสตร์ศิลปะที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (Cuypers Library)
Cuypers Library เป็นห้องสมุดที่มีความสวยงามและยังเป็นจุดที่มีการถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ ด้านในเต็มไปด้วยหนังสือหลายพันเล่ม มีโต๊ะอ่านหนังสือ ด้านบนเหนือห้องอ่านหนังสือมีสกายไลท์ขนาดใหญ่ที่ทำให้ห้องสว่างในเวลากลางวันโดยไม่ต้องใช้แสงไฟเพิ่มเติม ส่วนผนังทาสีอ่อนเพื่อสะท้อนแสงให้ได้มากที่สุด ราวบันไดทางด้านขวามือของห้องทำจากเหล็กดัดในปลายศตวรรษที่ 19 และหล่อด้วยมือ
บ้านตุ๊กตา (Dolls’ houses) เที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
Dolls’ houses เป็นบ้านตุ๊กตาที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัมทั้งหมดสามหลังด้วยกัน พวกเขาไม่ใช่ของเล่นแต่เป็นงานอดิเรกของผู้มั่งคั่งในอัมสเตอร์ดัม บ้านตุ๊กตาหลังแรกเป็นของ Petronella Oortman สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ด้านในประกอบด้วยห้องใต้หลังคา ห้องผ้าลินิน เรือนเพาะชำ ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องใต้ดิน ห้องครัว และห้องรับประทานอาหาร บ้านตุ๊กตามีเอกลักษณ์พิเศษคือชิ้นส่วนและวัสดุที่ใช้งานสร้างขึ้นแบบเดียวกับตุ๊กตาทั่วไปด้วยสัดส่วนที่ถูกต้อง เจ้าของสั่งเครื่องเคลือบดินเผาขนาดเล็กจากประเทศจีน และว่าจ้างช่างทำตู้ ช่างเป่าแก้ว ช่างเงิน ช่างทอตะกร้า และศิลปินให้ตกแต่งบ้านตุ๊กตาของเธอ นับว่าเป็นงานอดิเรกที่มีราคาแพงมากเทียบเท่าราคาบ้านจริงในลำคลองเลยทีเดียว
ส่วนบ้านตุ๊กตาหลังที่สองสร้างขึ้นศตวรรษที่ 17 เป็นของ Petronella Dunois ด้านในมีเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปทำจากวัสดุของแท้ทั้งหมด รวมทั้งเครื่องเงินขนาดเล็กจำนวนมาก และตู้ชั้นดีทำจากกระดองเต่าประดับด้วยดีบุกผสมตะกั่ว ผลิตโดยช่างทำตู้จากฝรั่งเศส ส่วนบ้านตุ๊กตาหลังที่สามสร้างในศตวรรษที่ 18 เป็นบ้านภายนอกที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ แทนที่จะสร้างเป็นตู้ แต่กลับเป็นแบบจำลองของบ้านจริง
นิทรรศการชั้นที่หนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
ถัดมาที่ชั้นหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัมเป็นพื้นที่แกลลอรีหลักจากศตวรรษที่ 18 (1700–1800) ฝั่งปีกซ้าย และศตวรรษที่ 19 (1800–1900) ทางฝั่งปีกขวา บอกเล่าถึงเรื่องราวในช่วงที่เนเธอร์แลนด์ไม่ได้เป็นมหาอำนาจแล้ว พวกเขานำผลกำไรไปลงทุนทรัพย์สิน เช่น บ้านที่สวยงาม การตกแต่งภายในจึงมีลักษณะที่สวยงามเป็นพิเศษ สะท้อนถึงการอบรมสั่งสอนและปลูกฝังให้มีรสนิยมดี สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นผ่านผลงานศิลปะและงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงภาพวาดบุคคลที่มีการแต่งกายอย่างประณีตงดงาม
ในศตวรรษที่ 19 เล่าถึงประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์หลังได้รับการก่อตั้งเป็นอาณาจักรที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่นำไปสู่ความทันสมัยในวงกว้าง ผลงานศิลปะในช่วงนี้มีการนำภาพถ่ายเข้ามาใช้ การวาดภาพเริ่มเคลื่อนไหวและกลายเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้นเรื่อย ๆ
แกลลอรีหลักจากศตวรรษที่ 18 และ 19 มีไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือ Self-portrait วาดโดย Vincent van Gogh เขาวาดภาพเหมือนของตัวเองหลายภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องจ่ายค่าแบบ ภาพที่เห็นเป็นการใช้พู่กันเป็นจังหวะด้วยสีสันที่สะดุดตา เขายังแต่งกายด้วยแฟชั่นเหมือนชาวปารีส
Javanese Court Officials ไม่ทราบนามของผู้วาดภาพนี้ สะท้อนเครื่องแต่งกายและลวดลายผ้าบาติกจากช่วงอาณานิคม สันนิษฐานว่าผู้ที่วาดภาพนี้อาจเป็นศิลปินที่ไม่ใช่ชาวตะวันตก
The Battle of Waterloo วาดโดย Jan Willem Pieneman แสดงให้เห็นถึงชัยชนะเหนือนโปเลียนในปี ค.ศ. 1815 ที่วอเตอร์ลู หมู่บ้านใกล้กรุงบรัสเซลส์ ส่วนหนึ่งของชัยชนะมาจากความช่วยเหลือจากกองทัพปรัสเซียนทำให้จักรพรรดิฝรั่งเศสพ่ายแพ้ พระราชโอรสของกษัตริย์วิลเลียมที่ 1 เป็นผู้ช่วยและผู้บัญชาการกองทหารดัตช์ของเวลลิงตันในยุทธการวอเตอร์ลู จากภาพวาดทางซ้ายมือสังเกตเห็นมกุฎราชกุมารวิลเลียมแห่งออเรนจ์ในวัย 22 ปีถูกอุ้มโดยมีผ้าห่มคลุมไว้ พระองค์ถูกยิงที่ไหล่ซ้าย
นอกเหนือจากภาพวาดทางประวัติศาสตร์ด้านศิลปะที่น่าสนใจแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของแกลลอรี่ในชั้นที่หนึ่งก็คือ การจัดแสดงภาพวาดของอัมสเตอร์ดัมที่แสดงให้เห็นสภาพบ้านเมืองริมคลองและศาลากลางหลังเก่าก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นพระราชวังอัมสเตอร์ดัมในย่านดัมสแควร์ที่ใครหลายคนอาจจะไปที่นั้นมาแล้ว
The Old Town Hall of Amsterdam วาดโดย Pieter Jansz. Saenredam กรุงอัมสเตอร์ดัมเคยมีศาลากลางเก่าก่อนหน้าที่จะมีพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม จิตกรวาดภาพนี้เมื่อหกสิบปีก่อน ตัวอาคารมีความทรุดโทรมก่อนที่จะเกิดไฟไหม้และแทนที่ด้วยอาคารหลังใหม่ (พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม) นายกเทศมนตรีเมืองอัมสเตอร์ดัมซื้อภาพนี้จากจิตรกรในปี ค.ศ. 1658 ในราคา 300 กิลเดอร์ สำหรับแขวนไว้ในห้องโถ่งอันโอ่อ่าเพื่อเป็นที่ระลึกของอาคารเก่า ปัจจุบันภาพนี้กลายมาเป็นของ Rijksmuseum
The Town Hall on Dam Square, Amsterdam วาดโดย Gerrit Berckheyde ศาลากลางเมืองอัมสเตอร์ดัม (ปัจจุบันคือพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม) บนจัตุรัสดัมสแควร์นับเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของยุคทองดัตช์ เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตและการพัฒนาอันยิ่งใหญ่ของเมืองในช่วงศตวรรษที่ 17 จิตรกรถ่ายทอดความความรุ่งโรจน์ของศาลากลางในขณะเดียวกันก็สื่อถึงความเร่งรีบและคึกคักของจัตุรัสดัมสแควร์
View of the Golden Bend in the Herengracht วาดโดย Gerrit Berckheyde สะท้อนให้เห็นลำคลอง Herengracht ที่กำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้าง ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีประชากรเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อัมสเตอร์จึงต้องขยายตัว ลำคลองกลายเป็นอาณาเขตที่ร่ำรวยที่สุด ชาวเมืองบางคนได้รับเงินจากการค้าขายในเอเชีย การตกแต่งภายในเกือบทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยสินค้าราคาแพงจากเอเชีย
นิทรรศการชั้นที่สามของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
แกลลอรี่ในชั้นที่สามจัดแสดงผลงานจากศตวรรษที่ 20 ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด เฟอร์นิเจอร์ ภาพถ่าย โปสเตอร์ ภาพยนตร์ วัตถุทางประวัติศาสตร์ และแม้แต่เครื่องบินจากคอลเล็กชั่นของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม มีไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือ FK 23 Bantam ออกแบบโดย Frits Koolhoven เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผลิตในประเทศอังกฤษ โดยใช้วัสดุและการก่อสร้างเพื่อให้มีน้ำหนักเบา สามารถบินด้วยความเร็ว 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
นิทรรศการชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
ประกอบด้วยคอลเลคชั่นพิเศษ และ Asian Pavilion รวบรวมเครื่องเงินขนาดเล็ก เครื่องดนตรี อัญมณี เครื่องเคลือบ รวมไปถึงคลังอาวุธและโมเดลเรือจำนวนมาก ส่วน Asian Pavilion เป็นคอลเลคชั่นพิเศษศิลปะเอเชีย รวบรวมผลงานและวัตถุที่มีชื่อเสียงจากหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม และไทย มีอายุตั้งแต่ 2000 ปีก่อนคริสตกาล
คำแนะนำในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Rijksmuseum ช่วยประหยัดค่าเครื่องออดิโอเสียงขนาดเล็ก ถ้าซื้อสินค้าในร้านขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์แล้วโชว์แอปนี้จะได้รับส่วนลดอีก 10%
- จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องไปยืนต่อคิวที่หน้าเคาน์เตอร์พิพิธภัณฑ์
- เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 09:00-11:00 น. และหลังเวลา 15:00 น. (เวลาจองตั๋วรอบสุดท้ายคือ 15:30 น.) พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน เวลา 09:00-17:00 น.
- ควรมาให้ถึงพิพิธภัณฑ์ตามช่วงเวลาเข้าชมที่จองไว้ เมื่อสแกนตั๋วหน้าประตูทางเข้าเรียบร้อยแล้วจะเดินชมพิพิธภัณฑ์นานเท่าไรก็ได้ (จนกว่าจะถึงเวลาปิด)
- เส้นทางการเดินชมพิพิธภัณฑ์มี 2 เส้นทาง คือ สีส้มและสีเขียว ทั้งสองเส้นทางผ่านแกลลอรี่หลัก แนะนำให้เข้าชมที่ชั้นสองก่อน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่รวบรวมผลงานภาพวาดที่มีชื่อเสียงและทรงคุณค่าไว้มากมาย จากนั้นค่อยเดินลงมาที่ชั้นหนึ่งเพื่อชมภาพวาดโก๊ะห์และนิทรรศการในชั้นอื่น ๆ ตามลำดับ
- ไม่พลาดชมห้องโถงใหญ่ (Great Hall) แกลลอรี่แห่งเกียรติยศ (Gallery of Honour) แกลลอรี่ผลงานของแร็มบรันต์ (Night Watch Gallery) หอศิลป์ความรุ่งโรจน์ของยุคทองดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และห้องสมุดประวัติศาสตร์ศิลปะที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (Cuypers Library) ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ที่ชั้นสอง และภาพวาดแวนโก๊ะห์อยู่ที่ชั้นหนึ่ง
- ถ้าวางแผนที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัมมากกว่า 3 แห่งแนะนำให้ใช้บัตร I Amsterdam City Card
- เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว จุดฝากสัมภาระ คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง สัมภาระที่มีขนาดใหญ่ต้องฝากไว้ที่ตู้
- ถ้าวางแผนที่จะซื้อของที่ระลึกจากที่นี่กลับบ้านควรเตรียมเงินมาประมาณ 30-50 ยูโร (ทางพิพิธภัณฑ์รับจ่ายด้วยบัตรเท่านั้น)
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum)
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡