บรัสเซลส์ (Brussels) เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยียม ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศและถือเป็นศูนย์กลางการบริหารของสหภาพยุโรป เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถาบันและองค์กรต่าง ๆ ของสหภาพยุโรป รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรปและสภายุโรป บรัสเซลส์ยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและพร้อมด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน การตัดสินใจไปเที่ยวบรัสเซลส์เป็นเวลา 1 วันจึงมีที่เที่ยวและกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย และด้วยการวางแผนเที่ยวบรัสเซลส์ในบทความนี้ คุณก็สามารถใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในกรุงบรัสเซลส์ด้วยตัวเอง
ทำอะไรได้บ้างที่บรัสเซลส์
เดินเล่นที่จัตุรัสกลางกรุงบรัสเซลส์ (Grand Place)
มาถึงบรัสเซลส์แล้วที่แรกที่ไม่ควรพลาดไปเดินเล่นก็คือ “จัตุรัสกรองด์ปลาซ” หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาดัตช์ว่า “Grote Markt” เป็นจัตุรัสกลางกรุงบรัสเซลส์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองห่างจากสถานีรถไฟบรัสเซลส์เพียง 3 นาที และยังถือเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์จากยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1998
ลักษณะเด่นของจัตุรัสกรองด์ปลาซคือล้อมรอบด้วยศาลากลางในสไตล์กอทิกอันงดงาม นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นรอบจัตุรัสเพื่อชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังสามารถแวะไปที่ร้านช็อกโกแลตและร้านกาแฟที่มีอยู่มากมายรอบ ๆ จัตุรัสเพื่อลิ้มลองช็อกโกแลตเบลเยียมอันเลื่องชื่อได้อีกด้วย
ชมศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall)
แน่นอนว่าศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์เป็นอาคารที่โดดเด่นที่สุดในจัตุรัสกรองด์ปลาซที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด ศาลาว่าการนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ด้านหน้าประดับด้วยงานแกะสลักอันประณีต โดยมีจุดสังเกตที่สำคัญคือลักษณะหอคอยสองข้างที่ไม่เท่ากัน รวมถึงรูปปั้นเซนต์ไมเคิลและมังกร และยังมีหอคอยสูง 96 เมตร สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมือง
นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่สามารถชมความสวยงามของศาลาว่าการได้จากภายนอกเท่านั้น แต่ภายในยังเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมกับไกด์ทัวร์ตลอดทั้งปี โดยทัวร์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นอังกฤษ ภาษาดัตช์ และภาษาฝรั่งเศส ที่จะพาผู้เข้าร่วมทัวร์ไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม เริ่มตั้งแต่ภายนอกอาคารผ่านเข้าไปด้านในห้องแกลเลอรี ห้องสภา ห้องจัดงานแต่งงาน ฯลฯ ตลอดจนชมงานศิลปะและคอลเลกชันพรมจากสมัยศตวรรษที่ 16 รวมถึงเพดานไม้ที่สวยงาม
ทัวร์ศาลากลางเปิดให้เข้าร่วมทุกวันพุธและวันอาทิตย์ตามรอบเวลาตั้งแต่ 10:00-17:00 น. (ยกเว้นวันที่มีการจัดงานสำคัญ) ตั๋วราคา 8 ยูโร และควรจองล่วงหน้า 5 วันก่อนเช้าชม
ชมพิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์ (Brussels City Museum)
พิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์ตั้งอยู่ในอาคารจากสมัยศตวรรษที่ 15 ชื่อว่า “Maison du Roi” ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ ความน่าสนใจของที่แห่งนี้คือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง โดยบอกเล่าเรื่องราวของบรัสเซลส์ตั้งแต่กำเนิดจนถึงปัจจุบัน
ผู้เข้าชมยังสามารถชมคอลเล็กชันถาวรของพิพิธภัณฑ์ที่ประกอบด้วยศิลปวัตถุและการจัดแสดงที่หลากหลาย รวมถึงประติมากรรมและสิ่งทอในยุคกลางและยุคเรอเนซองส์ ตลอดจนคอลเล็กชันเซรามิก เครื่องแก้ว และเฟอร์นิเจอร์มากมายจากศตวรรษที่ 18 และ 19
พิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์เปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 10:00-17:00 น. ตั๋วเข้าชมราคา 10 ยูโร สามารถนำไปใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ตู้เสื้อผ้ามันเนอเกินปิสได้ด้วย (GardeRobe MannekenPis)
แวะไปสัมผัสรูปปั้น “Everard ‘t Serclaes”
บริเวณจัตุรัสกลางกรุงบรัสเซลส์ติดกับถนน Rue Charles Buls นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นรูปปั้นทองทองสัมฤทธิ์ที่มีชื่อว่า “Everard ‘t Serclaes” ซึ่งเป็นรูปปั้นชายที่กล่าวกันว่าปกป้องเมืองจากชาวเฟลมิชในช่วงศตวรรษที่ 14 ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประวัติศาสตร์และมรดกของบรัสเซลส์ ว่ากันว่าใครที่สัมผัสใบหน้าของทารกด้านบน ตามด้วยใบหน้าของ Everard มือและสุนัขที่อยู่รอบขาของเขา ความปรารถนาของผู้นั้นจะเป็นจริง
แวะทานวาฟเฟิลเบลเยียมชื่อดังที่ร้าน “Maison Dandoy”
จากรูปปั้นของ Everard ‘t Serclaes เดินตามถนน Rue Charles Buls ไปเพียง 1 นาที จะเจอกับร้านบิสกิตและขนมอบเบลเยียมดั้งเดิม ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่อยากทานวาฟเฟิลเบลเยียมชื่อดังที่รู้จักกันในชื่อ “Gaufres de Liège” ซึ่งทำจากแป้งที่มีส่วนผสมของยีสต์และขึ้นชื่อเรื่องความกรอบนอกนุ่มใน และมักเสิร์ฟพร้อมน้ำตาลผงและท็อปปิ้งต่าง ๆ เช่น ช็อกโกแลต ผลไม้ และวิปปิ้งครีม นับว่าเป็นเมนูขนมยอดนิยมในเบลเยียมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดลิ้มลองอย่างเด็ดขาด
นอกจากขนมวาฟเฟิลดั้งเดิมที่สามารถหาทานได้ที่ร้านนี้แล้ว ทางร้านยังจำหน่ายบิสกิตและขนมอบสไตล์เบลเยียมดั้งเดิมอีกหลายประเภท รวมถึงบิสกิตชอร์ตครัสต์ผสมเครื่องเทศ (Speculoos) ขนมปังขิง (Pain d’épices) และบิสกิตเคลือบช็อกโกแลต ที่จะนำไปทานเล่นหรือซื้อเป็นของฝากก็ดี
ชมรูปปั้นเด็กหนุ่มยืนฉี่ (Manneken Pis)
แวะทานวาฟเฟิลเบลเยียมชื่อดังกันไปแล้วต่อไปก็เป็นที่เที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดเล็กของเด็กหนุ่มยืนฉี่ที่ชื่อว่า “มันเนอเกินปิส” ตั้งอยู่บนหัวมุมถนน Rue du Chêne ห่างจากร้าน Maison Dandoy เพียง 3 นาที
แน่นอนว่าความโดดเด่นของที่แห่งนี้คือเด็กหนุ่มความสูง 61 เซนติเมตรที่ยืนฉี่ลงน้ำพุแบบไม่เขินอาย และก็ยืนเป็นจุดเด่นผูกพันกับคนในเมืองแบบนี้มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 เด็กหนุ่มยังมีธีมการแต่งกายเป็นของตัวเองตลอดทั้งปีอีกด้วย และจะเปลี่ยนชุดหลายครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งมีชุดทั้งหมดกว่า 800 ชุดด้วยกัน เครื่องแต่งกายบางส่วนจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองบรัสเซลส์ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
นอกจากรูปปั้นเด็กหนุ่มเด็กหนุ่มยืนฉี่มันเนอเกินปิสแล้วยังมีรูปปั้นอีก 2 แบบที่คล้ายกัน คือ เด็กหญิงนั่งฉี่ (Jeanneke-Pis) ตั้งอยู่ที่ถนน Imp. de la Fidélité 10-12 และสุนัขยืนฉี่ (Het Zinneke) ตั้งอยู่ที่ถนน Rue des Chartreux 35 ใครที่อยากถ่ายภาพเพิ่มเติมสามารถแวะไปได้
แวะถ่ายภาพการ์ตูนตินติน (Tintin Comic Mural)
ใกล้กับรูปปั้นเด็กหนุ่มยืนฉี่ยังเป็นที่ตั้งของอาคารที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังการ์ตูนตินตินขนาดใหญ่ โดยมาจากซีรีส์การ์ตูนชื่อดังของเบลเยียมเรื่อง “The Adventures of Tintin” จิตรกรรมฝาผนังถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1991 เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 50 ปีของการตีพิมพ์หนังสือการ์ตูนตินตินเล่มแรก และยังเป็นหนึ่งในภาพจิตรกรรมฝาผนังการ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดประมาณ 100 ตารางเมตร ไม่เพียงแต่เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังเป็นการเพิ่มสีสันและชีวิตชีวาให้กับเมืองบรัสเซลส์ และยังทำให้เข้าใจความสำคัญทางวัฒนธรรมของหนังสือการ์ตูนตินตินในเบลเยียมอีกด้วย
ชมพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต (Choco-Story Brussels)
ถัดจากถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังการ์ตูนตินติน นักท่องเที่ยวจะพบกับพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตของเมืองบรัสเซลส์ ความน่าสนใจของที่นี่คือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับประวัติศาสตร์และศิลปะของการทำช็อกโกแลต และยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของช็อกโกแลต ตั้งแต่ต้นกำเนิดในอารยธรรมโบราณจนถึงปัจจุบันในฐานะขนมยอดนิยมทั่วโลก ด้านในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดกิจกรรมแบบอินเทอร์แอคทีฟมากมาย รวมทั้งการจำลองโรงงานช็อกโกแลตแบบดั้งเดิม นิทรรศการแม่พิมพ์ช็อกโกแลตโบราณ และการสาธิตการทำช็อกโกแลต
ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเมล็ดโกโก้ประเภทต่าง ๆ และกระบวนการผลิตช็อกโกแลต ตั้งแต่การคั่วไปจนถึงการอบร้อน และยังมีในไฮไลท์การชิมช็อกโกแลตและเรียนรู้เกี่ยวกับรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกัน ตลอดจนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตเบลเยียมแบบดั้งเดิมอีกมากมาย นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่สนใจในประวัติศาสตร์และศิลปะการทำช็อกโกแลตอยู่ไม่น้อย
พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น. ตั๋วรอบสุดท้ายจำหน่ายถึงเวลา 17:00 น. ตั๋วราคา 13 ยูโร อย่าลืมจองตั๋วล่วงหน้าเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตตอนนี้เลย
ชมพระราชวังแห่งบรัสเซลส์ (Royal Palace of Brussels)
พระราชวังแห่งบรัสเซลส์เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์และราชินีแห่งเบลเยียม ตั้งอยู่ห่างจากจัตุรัสกรองด์ปลาซเพียง 15 นาที และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในบางช่วงเวลาของปีเท่านั้น ซึ่งกำหนดการเปิดครั้งต่อไปคือประมาณฤดูร้อนปี 2024 ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายน หรือสามารถแวะไปชมทัวร์เสมือนจริงของพระราชวังแห่งนี้ไว้ก่อนได้เช่นกัน
พระราชวังแห่งบรัสเซลส์สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และทำหน้าที่เป็นที่ประทับของราชวงศ์เบลเยียมตั้งแต่นั้นมา ด้านนอกล้อมรอบด้วยสวนขนาดใหญ่จำนวน 3 สวน และเป็นผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่ผสมผสานระหว่างสไตล์นีโอคลาสสิกและนีโอโกธิค
ผู้เข้าชมยังสามารถชื่นชมการตกแต่งภายในอันงดงามตระการตา รวมถึงงานศิลปะ ของเก่า และเครื่องเรือน ผ่านห้องโถงที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องเอ็มไพร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชวัง ห้องแสดงภาพของกษัตริย์เลโอโปลด์ที่ 1 และญาติของโคบวร์ก ห้องบัลลังก์ ตลอดจนห้องอื่น ๆ ที่มีมากถึง 15 ห้องด้วยกัน ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าที่จะไปชมความงดงามด้วยตัวเองสักครั้ง
เดินเล่นที่ย่านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ (Mont des Arts)
“Mont des Arts” ตั้งอยู่บนเนินเขาระหว่างพระราชวังแห่งกรุงบรัสเซลส์และรัฐสภาแห่งสหพันธรัฐเบลเยียม เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ด้านในสวนสาธารณะแห่งนี้โดดเด่นด้วยสวนดอกไม้ที่เชื่อมต่อกัน 4 สวน ขนาบข้างด้วยต้นไม้เขียวขจีและน้ำพุขนาดเล็กอย่างลงตัว และยังมีม้านั่งสำหรับพักผ่อน
ใกล้กับสวนสาธารณะยังเป็นที่ตั้งของหลายแห่ง รวมถึงพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์หลวงแห่งเบลเยียม (Royal Museums of Fine Arts of Belgium) พิพิธภัณฑ์เบียร์เบลเยียม (Museum of the Belgian Brewers) และพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี (Museum of Musical Instruments) อีกทั้งยังมีการจัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมอื่นๆ ในสวนช่วงฤดูร้อน ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่คึกคักและเหมาะสำหรับการใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ชมมหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา
มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา (St Michael and St Gudula Cathedral) เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในบรัสเซลส์ และยังเป็นหนึ่งในที่เที่ยวอันสวยงามของเมือง โดยอาสนวิหารสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญไมเคิลและนักบุญกูดูลา
ด้านนอกมหาวิหารมีซุ้มสไตล์กอทิกที่สวยงามและหอคอยสองหลัง ส่วนด้านในประดับด้วยงานศิลปะมากมาย รวมถึงภาพวาดชื่อดัง “The Last Judgment” และยังโดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกสีและแท่นบูชาที่ทำจากไม้อันงดงาม ตลอดจนเพดานที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลาเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น. ยกเว้นช่วงพิธีสำคัญทางศาสนา
ศูนย์การเรียนรู้ของรัฐสภายุโรป (Parlamentarium)
หนึ่งในที่เที่ยวของเมืองบรัสเซลส์ที่จะพานักท่องเที่ยวไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของรัฐสภาได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น “Parlamentarium” ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางการที่นำเสนอประสบการณ์เชิงโต้ตอบและการศึกษาแก่ผู้เข้าชม โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของสหภาพยุโรปและบทบาทของรัฐสภายุโรป ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในย่าน “European Quarter” ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 27 นาที เข้าถึงง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
ความน่าสนใจของศูนย์การเรียนรู้ของรัฐสภายุโรปนอกจากจะเปิดให้เข้าชมฟรีแล้ว ยังมีการจัดแสดงที่หลากหลาย ครอบคลุมถึงการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอกทีฟ วิดีโอ และการจำลอง ซึ่งให้ภาพรวมของประวัติศาสตร์และการทำงานของสหภาพยุโรป ผู้เข้าชมยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับงานของรัฐสภายุโรป รวมถึงบทบาทในการกำหนดกฎหมายของสหภาพยุโรป และสิทธิและความรับผิดชอบของพลเมืองของสหภาพยุโรป
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือ “Hemicycle” ซึ่งเป็นแบบจำลองของห้องโต้วาทีหลักของรัฐสภายุโรป ผู้เข้าชมสามารถชมการโต้วาทีสดและเซสชั่นเต็ม และแม้แต่เข้าการรับตำแหน่งสมาชิกรัฐสภายุโรปเพื่ออภิปรายประเด็นปัจจุบันที่อียูเผชิญอยู่ ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่ามากที่จะใช้เวลาเรียนรู้การทำงานของรัฐสภายุโรปและบทบาทของสหภาพยุโรปในการกำหนดอนาคตของยุโรปภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง
ศูนย์การเรียนรู้ของรัฐสภายุโรปเปิดให้เข้าชมทุกวัน วันจันทร์เวลา 13:00-18:00 น. วันอังคารถึงศุกร์เวลา 09:00-18:00 น. วันเสาร์และอาทิตย์เวลา 10:00-18:00 น. อย่าลืมจองช่วงเวลาเข้าชมล่วงหน้าที่เว็บไซต์ทางการ ส่วนการเดินทางไปยังศูนย์การเรียนรู้ของรัฐสภายุโรป มีสถานีรถไฟใต้ดินใกล้เคียงคือ Trône สาย 2 และ 6 และป้ายรถบัส European Parliament เข้าถึงง่ายด้วยรถบัสสาย 22, 27, 34, 38, 64, 80 และ 95
เดินเล่นที่สวนสาธารณะ (Parc du Cinquantenaire)
“Parc du Cinquantenaire” หรือที่รู้จักกันในภาษาดัตช์ว่า “Jubelpark” เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่าน European Quarter ห่างจากศูนย์การเรียนรู้ของรัฐสภายุโรปประมาณ 15 นาที สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1880 เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 50 ปีแห่งการประกาศเอกราชของเบลเยียม และเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมือง
ด้านในสวนสาธารณะไม่เพียงแต่มีบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะสำหรับการเดินเล่นและพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์กองทัพและประวัติศาสตร์การทหาร (Royal Museum of the Armed Forces and Military History) พิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ (Art & History Museum) และพิพิธภัณฑ์โลกแห่งรถยนต์ (Autoworld)
ถ่ายภาพประตูชัย (Triumphal Arch)
ประตูชัยเป็นหนึ่งอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ที่โดดเด่นที่สุดของสวนสาธารณะ Parc du Cinquantenaire ซุ้มประตูนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1880 เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 50 ปีแห่งการประกาศเอกราชของเบลเยียม โดยสร้างขึ้นตามแบบประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซุ้มประตูทำด้วยหินสีขาวและประดับด้วยประติมากรรมและภาพนูนต่ำนูนสูงที่แสดงภาพบุคคลสำคัญและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของเบลเยียม
ผู้เข้าชมยังสามารถปีนขึ้นไปบนยอดซุ้มประตูได้ฟรีจากทางเข้าพิพิธภัณฑ์กองทัพและประวัติศาสตร์การทหารเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามมุมกว้างของกรุงบรัสเซลส์และย่าน European Quarter ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสยังสามารถมองเห็นอันทิวทัศน์กว้างไกลของบริเวณโดยรอบได้อีกด้วย
เดินเล่นที่แกลเลอรีชอปปิง (Royal Gallery of Saint Hubert)
จากย่านที่เที่ยวสำคัญไปแล้วต่อไปเราก็มาถึงแหล่งชอปปิงที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดในกรุงบรัสเซลส์กันบ้างนั้นก็คือ “Royal Galleries of Saint Hubert” ตั้งอยู่ไม่ไกลจากรูปปั้นเด็กหญิงนั่งฉี่ (Jeanneke-Pis) เพียง 180 เมตร แกลเลอรีประกอบด้วยทางเดินที่เชื่อมต่อกันหลายแห่ง ซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหารมากมาย เหมาะสำหรับการเดินเล่นหรือเดินเลือกซื้อสินค้าและช็อกโกแลตยอดนิยมได้เป็นอย่างดี
ด้านหน้าของแกลเลอรีชอปปิงยังเป็นที่ตั้งของถนนคนเดินเก่าแก่ชื่อว่า “Rue des Bouchers” ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว มีความยาวประมาณ 270 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างสี่แยก Rue Grétry & Rue de Fourche (ทางตะวันตก) และ Rue de la Montagne (ทางตะวันออก) และอยู่ห่างจากจัตุรัสกรองด์ปลาซไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 150 เมตร บนถนนสายนี้เป็นที่ตั้งร้านอาหารเบลเยียมแบบดั้งเดิมมากมาย เหมาะสำหรับคนที่อยากทานอาหารเบลเยียมดั้งเดิมหรือสัมผัสบรรยากาศความมีชีวิตชีวาของเมือง
สำรวจอะโตเมียม (Atomium)
อะโตเมียมเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของบรัสเซลส์ที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด อาคารตั้งอยู่ที่ย่านนอกเมือง ใช้เวลาเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนประมาณ 30 นาที ตามประวัติอะโตเมียมสร้างขึ้นสำหรับงาน World Expo 1958 และเป็นตัวแทนของผลึกเหล็กขนาดใหญ่ที่ขยายได้ถึง 165 พันล้านครั้งและสูง 102 เมตร ประกอบด้วยทรงกลมเหล็กเก้าลูกที่เชื่อมต่อกันด้วยท่อ และมีทั้งหมดหกชั้นที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม
ผู้เข้าชมสามารถขึ้นลิฟต์ไปยังทรงกลมด้านบนซึ่งมีหอสังเกตการณ์ที่มองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของเมืองและบริเวณโดยรอบ ทรงกลมยังเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการที่หลากหลาย รวมถึงนิทรรศการที่อุทิศให้กับประวัติศาสตร์ของอะโตเมียม และงาน World Expo ปี 1958
นอกจากหอสังเกตการณ์และนิทรรศการแล้ว อะโตเมียมยังมีร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนทรงกลมด้านบนซึ่งให้ทัศนียภาพ 360 องศาของเมือง ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและคุ้มค่าแก่การเข้าชมภายในเวลา 1-2 ชั่วโมง โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น. ช่วงเวลาที่แนะนำ คือ 10:00 น. ส่วนเวลา 11:00-13:00 น. มักมีจำนวนผู้เข้าชมหนาแน่น ตั๋วราคา 16 ยูโร
อะโตเมียมตั้งอยู่ที่ย่านนอกเมือง ใช้เวลาเดินทางด้วยรถรางสาย 3 ประมาณ 20 นาที มาลงที่สถานี Esplanade จากนั้นเดินอีก 12 นาทีไปยังทางเข้าหลัก หรือนั่งรถไฟใต้ดินสาย 5 มาลงที่สถานี De Brouckère จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 6 มาลงที่สถานี Heizel จากนั้นเดินอีก 6 นาทีไปยังทางเข้าหลัก
เยี่ยมชมสวนยุโรปขนาดย่อ (Mini-Europe)
ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นเมืองจิ๋วจำลองมาดูโรดัม (Madurodam) ที่ตั้งอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์กันมาบ้าง ที่นั้นมีการจัดแสดงที่คล้ายคลึงกับสวนยุโรปขนาดย่อที่ตั้งอยู่ติดกับอะโตเมียม ซึ่งเน้นอาคารจำลองและสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงจากทั่วยุโรปไว้ได้อย่างน่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
ด้านในมินิยุโรปครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 4 เอเคอร์ และมีอาคารมากกว่า 350 แห่งจากทั่วยุโรป รวมถึงหอไอเฟล โคลอสเซียม และหอเอนเมืองปิซา ตลอดจนที่เที่ยวสำคัญในเบลเยียม เช่น จัตุรัสกลางเมือง ศาลาว่าการเมืองบรัสเซลส์ ป้อมปราการและโบสถ์ในเมืองดิแนนท์ และถนนที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในเมืองเกนต์อย่าง “Graslei”
มินิยุโรปเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น. ตั๋วราคา 19.00 ยูโร มีตั๋วรวมเข้าชมอะโตเมียม ราคา 31.30 ยูโร และยังสามารถใช้บัตร Brussels Card เพื่อรับส่วนลดเข้าชมมินิยุโรปได้อีกด้วย
เที่ยวเมืองเกนต์ (Ghent)
เกนต์เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามของเบลเยียม และยังมีบรรยากาศที่คล้ายกับเมืองบรูจส์ โดยตั้งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์เพียง 40 นาที ความน่าสนใจของเมืองเกนต์คือมีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนกลับไปในยุคกลาง และเป็นที่รู้จักจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตลอดจนสถานที่สำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น มหาวิหารเซนต์บาโว หอระฆังแห่งเกนต์ อาคารหน้าจั่วทรงสูงที่งดงามราวกับภาพวาดบนถนนกราสไลและโคเรนไลริมแม่น้ำเลอิ รวมไปถึงปราสาทจากศตวรรษที่ 12 ซึ่งทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองได้เป็นอย่างดี
การเดินทางไปเยือนเกนต์จึงไม่เพียงแค่เป็นการเปิดประสบการณ์สู่เมืองอนุสรณ์สถานยุคกลางเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้กลิ่นอายของวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว อย่าลืมแวะไปอ่านวางแผนเที่ยวเกนต์ด้วยตัวเอง ที่ไม่ได้ครอบคลุมแค่สถานที่เที่ยวในเมืองเกนต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกิจกรรมน่าสนใจ ตลอดจนที่พัก การเดินทาง อาหารน่าทาน และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางมาเที่ยวเกนต์ด้วยตัวเอง
เที่ยวเมืองบรูจส์ (Bruges)
บรูจส์เป็นเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และยังได้รับฉายาว่า “เวนิสเหนือ” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเบลเยียม ห่างจากเมืองเกนต์เพียง 52 กิโลเมตร ความน่าสนใจของเมืองบรูจส์คือมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเคยเป็นเมืองท่าและมีความสำคัญทางศิลปะในยุคจิตรกรรมเนเธอร์แลนด์ตอนต้น ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินสำรวจเมืองไปตามที่เที่ยวสำคัญของเมืองบรูจส์ เช่น จัตุรัสใจกลางเมืองบรูจส์ อย่าลืมขึ้นหอระฆังแห่งบรูจส์เพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองและบริเวณโดยรอบ จากนั้นแวะไปเดินเล่นต่อเบิร์กสแควร์เพื่อชมศาลาว่าการจากศตวรรษที่ 13 ตามด้วยท่าเรือนักท่องเที่ยว “Rozenhoedkaai” ที่มีกิจกรรมล่องเรือให้เลือกทำ หรือจะเข้าชมโบสถ์หรือพิพิธภัณฑ์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
ทั้งหมดหมดนี้นับว่าเหมาะทีเดียวสำหรับการเที่ยวแบบเดย์ทริปจากกรุงบรัสเซลส์หรือเมืองเกนต์ที่มีบรรยากาศใกล้เคียงกัน รวมไปถึงจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟ ถ้ามีเวลามากกว่าหนึ่งวันสามารถพักค้างคืนเพื่อชมสถานที่เที่ยวในเมืองบรูจส์แบบเต็มอิ่ม ที่นั้นตอนกลางคืนยังมีความสวยงามเป็นพิเศษด้วยไฟประดับ นั่นยิ่งเพิ่มความโรแมนติกไปอีกแบบ
อาหารน่าทานในบรัสเซลส์
แน่นอนว่าเมื่อมาถึงบรัสเซลส์นอกจากจะได้ชมสถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สวยงามหลายแห่งแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารแบบดั้งเดิมและขนมรสชาติอร่อยให้ได้ลิ้มลองกัน รายการด้านล่างคืออาหารน่าทานในบรัสเซลส์
วาฟเฟิลเบลเยียม (Belgian Waffles)
เป็นเมนูยอดนิยมในกรุงบรัสเซลส์ มี 2 ประเภท คือ วาฟเฟิลบรัสเซลส์และวาฟเฟิล Liege ความแตกต่างของวาฟเฟิลสองประเภทนี้ คือ วาฟเฟิลบรัสเซลส์จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีรูปร่างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า นิยมโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ส่วนวาฟเฟิล Liege จะมีเนื้อแน่นและหวานกว่า และมักราดด้วยน้ำตาลผง วิปปิ้งครีม และช็อคโกแลตหรือผลไม้
ช็อกโกแลตเบลเยียม (Belgian chocolate)
มีชื่อเสียงติดอันดับโลก มีร้านช็อกโกแลตและโรงงานช็อกโกแลตตั้งอยู่มากมายในบรัสเซลส์ โดยเฉพาะในย่านจัตุรัสกรองด์ปลาซ ที่เต็มไปด้วยร้านขายช็อกโกแลตรสชาติอร่อย รวมถึงเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้กระบวนการผลิตช็อกโกแลตอย่างใกล้ชิด ถ้าตัดสินใจเข้าชมที่นี่แล้วยังจะได้ชิมช็อกโกแลตรสชาติต่าง ๆ อีกด้วย
คุกกี้ดั้งเดิม (Speculoos)
ทำจากเครื่องเทศ เช่น อบเชย ลูกจันทน์เทศ และขิง สามารถพบได้ในร้านเบเกอรี่และร้านค้าหลายแห่งในกรุงบรัสเซลส์
- หอยแมลงภู่ (Moules-frites): เป็นอาหารเบลเยียมแบบดั้งเดิม นิยมปรุงในซอส เช่น ไวน์ขาว ครีม หรือซอสมะเขือเทศ และเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด
- เบียร์เบลเยียม (Belgian Beer): มีโรงเบียร์กว่า 180 แห่งตั้งอยู่ทั่วเมืองให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองเบียร์หลายประเภท เบียร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ เบียร์ Trappist และ Abbey รวมไปถึงประเภทอื่น ๆ ที่สามารถหาได้ตามบาร์และผับ
- ฝรั่งบดผสมกับผัก (Stoemp): เป็นอาหารเบลเยียมแบบดั้งเดิมทำจากมันฝรั่งบดผสมกับแครอท กระเทียม หรือผักโขม มักเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงกับไส้กรอก แฮม หรือเนื้อวัว
- เฟรนช์ฟรายส์เบลเยียม (Fries): มีชื่อเสียงในเรื่องกรอบนอกนุ่มในและมีขนาดใหญ่ นิยมเสิร์ฟกับซอสมายองเนส ซอสมะเขือเทศ หรือซอสอันดาลูส
- สตูว์ปลาแบบดั้งเดิม (Waterzooi): ทำจากปลาคาร์พหรือปลาไหล ปรุงด้วยครีม เนยและผัก
- ผักชิโครี่ (Belgian Endive): เป็นผักยอดนิยมในเบลเยียม มักทานแบบสดหรือตุ๋นแบบซุป มีรสขมเล็กน้อยทำให้เข้ากันดีกับซอสครีม และนิยมทานคู่กับชีส แฮม หรือเบคอนเพื่อขจัดความขม
ย่านที่พักในบรัสเซลส์
บรัสเซลส์มีที่พักให้นักท่องเที่ยวเลือกมากมาย ตั้งแต่โฮสเทลราคาย่อมเยาไปจนถึงโรงแรมหรู รายการด้านล่างคือย่านที่พักยอดนิยมในบรัสเซลส์
ที่พักน่าสนใจในบรัสเซลส์
Sleep Well Youth Hostel: ที่พักราคาประหยัดตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองห่างจากจัตุรัสกรองด์ปลาซเพียง 13 นาที และใกล้แหล่งชอปปิงยอดนิยมเพียง 150 เมตร ห้องพักมีหลายแบบให้เลือก รวมถึงห้องพักส่วนตัวพร้อมห้องน้ำรวม ทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียว เดินทางกับคู่รัก หรือเดินทางเป็นกลุ่มกับครอบครัว ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Motel One Brussels: ที่พักโลเคชั่นดีเยี่ยมตั้งอยู่ใจกลางกรุงบรัสเซลส์ ห่างจากจัตุรัสกรองด์ปลาซ ย่านชอปปิงยอดนิยม และสถานีรถไฟบรัสเซลส์เพียง 10 นาที ห้องพักมาพร้อมบุฟเฟต์อาหารเช้า มีร้านอาหาร บาร์ ร้านค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตมากมายตั้งอยู่ห่างจากที่พักในระยะที่สามารถเดินถึงสะดวก ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Pillows City Hotel Brussels Centre: ที่พักโลเคชั่นเริศหรูระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงบรัสเซลส์ ห่างจากสถานีรถไฟบรัสเซลส์และมหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลาเพียง 100 เมตร ห้องพักตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นที่ทันสมัย มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น Wi-Fi ฟรี ทีวีจอแบน และห้องน้ำส่วนตัว รวมไปถึงเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ น้ำดื่ม และช็อคโกแลตให้บริการฟรี ตลอดจนมีที่จอดรถส่วนตัว เหมาะสำหรับท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบาย ทั้งแบบการเดินทางกับคู่รัก หรือเดินทางเป็นกลุ่มกับครอบครัว ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
ค้นหาและเปรียบเทียบที่พักในบรัสเซลส์
การเดินทางในบรัสเซลส์
บรัสเซลส์มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพทำให้ง่ายและสะดวกต่อการเดินทางรอบเมือง โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลาประมาณ 05:00-00:30 น. ในวันธรรมดา ส่วนในวันหยุดสุดสัปดาห์เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 06:00-00:30 น. ตั๋วเดินทางเที่ยวเดียวเริ่มต้นราคา 2.60 ยูโร และยังมีตั๋วเดินทางรายวันราคา 8 ยูโร
นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้ระบบแบบไร้สัมผัสด้วยบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อจ่ายค่าเดินทาง ซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่าตั๋วเดินทางแบบกระดาษ หรือใช้บัตร Brussels City Card สำหรับเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี
ตัวเลือกการเดินทางในบรัสเซลส์
การเดินทางไปบรัสเซลส์จากอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากบรัสเซลส์ประมาณ 210 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังบรัสเซลส์ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและการเดินทางด้วยรถยนต์
การเดินทางไปบรัสเซลส์จากเมืองใกล้เคียง
- จากแอนต์เวิร์ป (Antwerp): ตั้งอยู่ห่างจากบรัสเซลส์ประมาณ 80 กิโลเมตร มีรถไฟของ SNCB/NMBS ให้บริการจากสถานี Antwerp Central ไปยังสถานี Brussel Central การเดินทางใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนการเดินทางด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ครอบคลุมถึงรถโคช FlixBus และรถบัส De Lijn
- จากบรูจส์ (Bruges): ตั้งอยู่ห่างจากบรัสเซลส์ประมาณ 80 กิโลเมตร มีรถไฟให้บริการจากสถานี Bruges ไปยังสถานี Brussel Central การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนการเดินทางด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
- จากเกนต์ (Ghent): ตั้งอยู่ห่างจากบรัสเซลส์ประมาณ 40 กิโลเมตร มีรถไฟให้บริการจากสถานี Gent-Sint-Pieters ไปยังสถานี Brussel Central การเดินทางใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนการเดินทางด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
เที่ยวบรัสเซลส์ช่วงไหนดี
บรัสเซลส์สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีและยังมีกิจกรรมและงานอีเว้นท์ให้เลือกทำหลากหลาย
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวบรัสเซลส์
- ภาษา: บรัสเซลส์ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ แต่ผู้คนจำนวนมากสามารถพูดภาษาดัตช์และภาษาอังกฤษ
- สกุลเงิน: ใช้สกุลเงินยูโร (EUR) มีตู้เอทีเอ็มให้บริการทั่วเมือง ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่รับจ่ายด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ส่วนร้านเล็ก ๆ และแผงขายของริมถนนมักรับจ่ายด้วยเงินสด
- เวลาเปิดทำการ: ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ในบรัสเซลส์เปิดให้บริการจนถึงเวลา 18:00 น. อาจมีบางแห่งที่ปิดเร็วในวันเสาร์อาทิตย์ เช่นเดียวกับร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดจนถึงเวลา 22:00 น. สามารถหาร้านอาหารยามค่ำคืนได้ง่ายในย่านท่องเที่ยว
- ความปลอดภัย: บรัสเซลส์เป็นเมืองที่ปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังสิ่งของมีค่าอยู่เสมอ
- การเดินเที่ยว: บรัสเซลส์เป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อการเดินเที่ยว สามารถตั้งต้นได้ที่จัตุรัสกรองด์ปลาซไปตามย่าน Sablon และยาวไปจนถึงพระราชวังแห่งบรัสเซลส์ ถ้ามีเวลาเที่ยว 1 วันแนะนำให้เที่ยวย่านใจกลางเมืองก่อน และใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงสุดท้ายที่อะโตเมียม เพราะค่อนข้างอยู่นอกเมือง ส่วนคนที่พักค้างคืนในบรัสเซลส์ 1-3 วัน เพื่อความประหยัดสามารถเลือกใช้บัตร Brussels City Card เพื่อเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี หรือใช้บัตร Brussels Card สำหรับเข้าชมที่เที่ยวและพิพิธภัณฑ์กว่า 49 แห่งในราคาประหยัด
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แผนที่เดินเที่ยวบรัสเซลส์ด้วยตัวเอง
กดดูและบันทึกแผนที่เดินเที่ยวบรัสเซลส์เพื่อช่วยวางแผนการเดินทางของคุณ
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡