เที่ยวทาโรโกะ (Taroko National Park) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อุทยานแห่งชาติไท่ลู่เก๋อ” ตั้งอยู่ในเทศมณฑลฮัวเหลียน บนชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก อุทยานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดของไต้หวัน โดยมีจุดเด่น คือ หุบเขาหินอ่อน (Taroko Gorge) ที่ถูกแม่น้ำหลี่หวู่กัดเซาะมานานนับล้านปี ทำให้เกิดหน้าผาหินสูงตระหง่าน และน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมาผ่านธารน้ำที่ใสดุจคริสตัล ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแห่งนี้ด้วยตัวเอง
เที่ยวทาโรโกะ: ทำอะไรได้บ้าง
ด้วยความที่อุทยานแห่งชาติทาโรโกะมีพื้นที่ใหญ่มาก นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาชมธรรมชาติที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้และพืชพรรณอันอุดมสมบูรณ์ มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลายระดับ อีกทั้งยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วยวัด ศาลเจ้า และสถานที่ประวัติศาสตร์ต่าง ๆ กระจัดกระจายทั่วอุทยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ศาลเจ้าฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์” ที่ตั้งอยู่บนหน้าผา มองเห็นน้ำตก เพื่อระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในระหว่างการก่อสร้างถนนสายกลางข้ามเกาะไต้หวัน
นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติทาโรโกะยังเป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหาร และพื้นที่ตั้งแคมป์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การล่องแก่ง การปั่นจักรยาน การดูนก และการปีนเขา ทั้งหมดนี้ทำให้อุทยานแห่งชาติทาโรโกะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนรักธรรมชาติ และนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมไต้หวันในที่เดียว
เที่ยวทาโรโกะ: แบบเดย์ทริปจากไทเป
การเดินทางไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะในครั้งนี้ แน่นอนว่าเราจะไปเที่ยวกันแบบเดย์ทริปจากไทเป และใช้วิธีเช่ารถขับเที่ยวด้วยตัวเอง ใครที่กำลังมองหาตัวเลือกนี้อยู่สามารถเลื่อนลงไปอ่านรายละเอียดแบบจัดเต็มได้ที่หัวข้อ “วิธีเช่ารถขับเที่ยวทาโรโกะ” ส่วนการเดินทางจากไทเปนั้นเรามาด้วยรถไฟ Taroko Express ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 6 นาที (440 TWD) และเข้าถึงทาโรโกะจากสถานีรถไฟ TRA ฮัวเหลียน ด้วยรถยนต์ ในเวลาประมาณ 30 นาที
ถ้าไม่ใช้วิธีขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงอุทยานแห่งชาติทาโรโกะได้ด้วยรถบัสสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถบัสสาย 310 (TRA Hualien Station – Tianxiang) และรถบัสสาย 302 (TRA Xincheng Station – Tianxiang) ทั้งหมดนี้เราได้ขยายรายละเอียดไว้ในหัวข้อ “วิธีเดินทางจากสถานีฮัวเหลียนไปทาโรโกะ” เช่นกัน
ส่วนใครที่อยากเที่ยวแบบมีไกด์ให้ความรู้ไปด้วย จะมีทัวร์แบบเดย์ทริปให้บริการจาก → ไทเป → ซีเหมินเติง → หรือที่เมืองฮัวเหลียน วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวเป็นกลุ่ม และยังเดินทางสะดวก เพราะรวมรถรับส่งมาให้เรียบร้อย
เอาเป็นว่าในบทความนี้เรารวมข้อมูลทุกอย่างมาให้แล้ว ทั้งวิธีเดินทางไปและกลับทาโรโกะ สถานที่เที่ยวน่าสนใจในทาโรโกะ พร้อมเรื่องน่ารู้ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวทาโรโกะ ครอบคลุมแผนที่เที่ยวด้วยตัวเอง ถ้าอ่านบทความนี้แล้วสามารถเที่ยวทาโรโกะด้วยตัวเองได้แบบง่าย ๆ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามมาเที่ยวทาโรโกะไปพร้อมๆ กันเลย
ที่เที่ยวน่าสนใจในทาโรโกะ
เที่ยวทาโรโกะ: เส้นทางหุบเขาลึกลับ “ซากาดัง” (Shakadang Trail)
เส้นทางซากาดัง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Mysterious Valley Trail” เป็นหนึ่งในไฮไลท์ห้ามพลาดของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 10 นาที เส้นทางแห่งนี้มีจุดเด่น คือ ทางเดินเรียบที่ตัดผ่านหน้าผาหินทอดยาวไปตามแม่น้ำซากาดังที่ใสดุจคริสตัล ระหว่างทางผู้เยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณและสัตว์นานาพรรณ นับว่าเป็นเส้นทางที่เดินง่ายที่สุด
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงเส้นทางซากาดังได้ผ่านบันไดวนทางซ้ายมือที่ตั้งอยู่บนสะพานซากาดัง (สีแดง) สังเกตง่าย ๆ ด้วยป้ายหินอ่อนสีขาวที่สลักคำว่า “Shakadang Trail” และรูปปั้นสิงโตสีขาวที่เรียงอยู่บนขอบสะพาน
เมื่อมาถึงแล้วให้จอดรถไว้ยังพื้นที่ทางซ้ายมือใกล้กับอุโมงค์ซากาดัง (ด้านหน้ามีห้องน้ำสาธารณะไว้บริการ) และเดินตามบันไดวนลงมาจนถึงด้านล่างจะเจอจุดเริ่มต้นของเส้นทางซากาดัง มีป้ายอธิบายข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเส้นทางชากาดังอย่างครอบคลุม
เส้นทางนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นในยุคอาณานิคมเพื่อเพื่อเปลี่ยนเส้นทางน้ำไปยังสถานีผลิตไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่ความสูง 60 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีระยะทางรวมประมาณ 4.1 กม. (ไปกลับ 8.2 กม.) ผ่านจุดแวะพัก 2 แห่ง คือ กระท่อม 5 หลัง (Wujianwu) ห่างจากจุดเริ่มต้น 1.5 กม. ใช้เวลาเดิน 2 ชั่วโมงทั้งไปและกลับ และกระท่อม 3 หลัง (Sanjianwu) ตั้งอยู่ห่างจากจุดแวะพักแรก 2.6 กม. ใช้เวลาเดิน 1 ชั่วโมง สำหรับใครที่อยากเดินไปทั้งสองจุดแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 4-4.5 ชั่วโมง
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของเส้นทางซากาดังที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกันก็คือแม่น้ำซากาดังที่ใสดั่งคริสตัล แม่น้ำนี้ทอดยาวตามเส้นทางที่ตัดผ่านหน้าผาหินก่อนจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำหลี่หวู่ และไหลออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
ถ้ามองไปที่ก้นแม่น้ำจะปกคลุมไปด้วยหินขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหินอ่อนและหินกรวด และด้วยความที่แม่น้ำค่อนข้างสั้น ทำให้น้ำไหลเชี่ยว และมีทรายเพียงเล็กน้อย น้ำในลำธารจึงยังคงใสได้ไม่ว่าจะในเวลาปกติหรือหลังพายุไต้ฝุ่นและฝนตกหนัก ส่วนหินที่พังทลายลงจากหน้าผา เวลาน้ำพัดมาจะไม่ได้กลิ้งไปไกล ทำให้ส่วนใหญ่ยังคงรูปทรงเดิมไว้
เอกลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของเส้นทางซากาดังก็คือระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะความเขียวขจีของต้นไม้ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไรจะพบกับธรรมชาติต้นไม้ที่เขียวมากเท่านั้น ป่าไม้เหล่านี้ยังเป็นพื้นที่พักพิงของสัตว์หลายชนิด ระหว่างทางต้องบอกเลยว่าเงียบสงบจริง ๆ บางครั้งก็ได้ยินเสียงนกร้อง และด้วยความที่เป็นเส้นทางเรียบเดินง่าย ก็เลยยิ่งรู้สึกสนุกเพิ่มไปอีก ดังนั้นการได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไปพร้อมกลิ่นความสดใหม่ของธรรมชาติ มันสามารถดูดกลืนความเครียดจากการทำงานแทบหายไปได้หมดเลย
เรื่องน่ารู้: จากจุดเริ่มต้นนักท่องเที่ยวสามารถแวะพักได้ที่กระท่อม 5 หลัง ซึ่งเป็นแผงขายขนมและน้ำดื่มขนาดเล็ก อย่าลืมลองไส้กรอกย่าง อร่อยจนต้องมีไม้ที่สอง อีกอย่างจุดนี้ไม่มีห้องน้ำไว้บริการดังนั้นอย่าลืมแวะเข้าก่อนที่ด้านหน้าลานจอดรถ
เที่ยวทาโรโกะ: เส้นทางศาลเจ้าฉางชุน (Changchun Shrine Trail)
ศาลเจ้าฉางชุน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ศาลเจ้าฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์” เป็นอนุสาวรีย์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารผ่านศึก 226 นายที่เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างทางหลวงสายเซ็นทรัลครอสไอส์แลนด์ ศาลเจ้าอันโดดเด่นแห่งนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาที่สามารถมองเห็นน้ำตกได้อย่างสวยงาม และยังรายล้อมอยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจีและยอดเขาสูงตระหง่าน ทำให้กลายมาเป็นจุดชมวิวทางประวัติศาสตร์ในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
แน่นอนว่าเมื่อมาถึงฉางชุนแล้วก็ต้องเดินไปชมศาลเจ้าแบบใกล้ ๆ ผ่านเส้นทางที่มีความยาวประมาณ 1.3 กม. ใช้เวลาเดิน 30-50 นาที เส้นทางนี้มีจุดเริ่มต้นที่อุโมงค์ทางขวามือบนสะพานฉางชุน เมื่อเดินผ่านทางเข้ามาจะพบกับถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ ให้เดินต่อไปจนพ้นอุโมงค์จะเจอกับทางเดินกลางแจ้งที่นำเราไปยังศาลเจ้าฉางชุน ด้านหน้ามีบันไดโค้งขนาดเล็ก มองเห็นน้ำตกชั่วนิรันดร์ที่ไหลตลอดทั้งปี
แวะชมศาลเจ้าฉางชุนและน้ำตกแล้วถ้ามีอีกประมาณ 20-30 นาที แนะนำให้เดินต่อเพื่อไปชมหอคอยทาโรโกะและหอระฆัง เส้นทางนี้ต้องเดินผ่านถ้ำโดยใช้บันไดที่อยู่ทางด้านหลังศาลเจ้าฉางชุน มีระยะทางประมาณ 580 เมตร เมื่อไปยืนบนหอคอยทาโรโกะจะเห็นวัดจางกวงจากระยะไกล วัดนี้ตั้งอยู่บนหุบเขาขวดน้ำเต้า (เพราะมีรูปร่างคล้ายขวดน้ำเต้า) นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงวัดจางกวงได้ผ่านสะพานแขวนสีเขียว พอชมวัดเสร็จแล้วสามารถเดินตามถนนลงมายังประตูทางเข้าวัดที่อยู่ติดกับสะพานฉางชุนอีกฝั่ง และเดินตามสะพานเพื่อกลับไปยังที่จอดรถ รวมระยะทางทั้งหมด 2.03 กม.
เส้นทางศาลเจ้าฉางชุนค่อนข้างชัน ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงในวันที่ฝนตก และควรทานอาหารและดื่มน้ำให้เรียบร้อยเพราะค่อนข้างเดินไกล (ไม่อย่างนั้นก็เตรียมขนมและน้ำไปด้วย)
เรื่องน่ารู้: รถบัส 302 และ 310 จะมาจอดที่ป้ายศาลเจ้าฉางชุนในเส้นทางกลับไปสถานีฮัวเหลียน (จากเทียนเซียง) เพราะเป็นเส้นทางวันเวย์ เช่นเดียวกันถ้าขับรถยนต์แนะนำให้มาชมตอนขากลับ เพราะถ้าเลี้ยวซ้ายมาจากอุโมงค์ทางหลวง (จากเส้นทางซากาดัง) ต้องเสียเวลาขับวนไปเส้นทางเดิมอีก
เที่ยวทาโรโกะ: พื้นที่นันทนาการบูลัววาน (Buluowan Recreation Area)
พื้นที่นันทนาการบูลัววานอยู่ห่างจากเส้นทางศาลเจ้าฉางชุนประมาณ 13 นาที เป็นหนึ่งในจุดแวะพักที่น่าสนใจของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ โดยตั้งอยู่บนภูเขาสูง 370 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต้องขับรถผ่านเส้นทางซิกแซกขึ้นมาประมาณ 7 นาที
พอมาถึงแล้วจะเจอกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ลานชั้นล่างและชั้นบน ซึ่งชั้นล่างจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว มีศูนย์วัฒนธรรมขนาดเล็กที่จัดแสดงภาพยนต์และนิทรรศการเกี่ยวกับชนเผ่าพื้นเมือง ถัดไปจะมีร้านอาหารพร้อมระเบียงชมวิว ในขณะที่ลานด้านหน้าจะเป็นส่วนของพื้นที่ปิกนิก ส่วนลานชั้นบนจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมหมู่บ้านไม้ทาโรโกะ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะนอนค้างคืนเพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง
พื้นที่นันทนาการบูลัววานไม่เพียงแค่ขึ้นชื่อในเรื่องของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังขึ้นชื่อเกี่ยวกับดอกลิลลี่ป่า (Formosan Wild Lily) ซึ่งจะผลิบานสะพรั่ง ในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี ในฤดูอื่น ๆ ก็ยังมีดอกไม้หลายชนิดอื่นให้ได้ชมกัน เช่น ฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยสีสันสดใสของดอกสมุนไพรเซนต์จอห์นสาโท ตามมาด้วยฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นเวลาของดอกลิลลี่แมงมุมสีทอง ส่วนฤดูหนาวจะถึงคราวของดอกไฟร์ทรอนสีแดงสดนั่นเอง
สะพานแขวนบูลัววาน (Buluowan Suspension Bridge)
ไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนบูลัววานก็คือสะพานแขวนบูลัววาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สะพานชานเยว่” (Shanyue) ทอดยาวข้ามแม่น้ำหลี่หวู่กว่า 1,596 เมตร มีความกว้าง 2.5 เมตร สูงจากแม่น้ำ 162 เมตร เรียกได้ว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดและสูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะเลยทีเดียว
เมื่อไปยืนอยู่บนสะพานแขวนสามารถรับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นและหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน เพราะพื้นบางส่วนสามารถมองเห็นแม่น้ำหลี่หวู่ที่อยู่เบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้เคยทำให้ตำรวจญี่ปุ่นบางคนที่เคยประจำการอยู่ในทาโรโกะถึงกับกลัวความสูง และมองว่าเป็น “สะพานอันตราย” ถึงขั้นยื่นใบลาออกเพราะไม่อยากเดินข้ามสะพานแห่งนี้ จนเป็นที่มาของฉายาว่า “สะพานลาออก” สำหรับใครที่กลัวความสูงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจดจำเพราะได้เอาชนะความกลัวของตัวเอง
ถ้าเดินตามสะพานแขวนไปเรื่อย ๆ แล้วมองออกไปด้านนอกจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาทั้งสองด้าน ด้านทิศตะวันออก (ขวามือ) คือพื้นที่ธรรมชาติซีปัน มองเห็นอุโมงค์บนทางหลวงหมายเลข 8 ในขณะที่ทิศตะวันตก (ฝั่งซ้ายมือ) มองเห็นหุบเขาสูงตระหง่านของถ้ำนกนางแอ่น (ที่เราจะพาไปชมเป็นจุดถัดไป) และสะพานแขวนสีเขียวที่ชื่อ “Zhuilu Suspension Bridge”
พอเดินไปจนสุดสะพานจะมีจุดชมวิว “Brawan Lookout” ที่มองกลับมาแล้วเห็นสะพานแขวนแบบมุมกว้างอย่างลงตัว (น่าเสียดายตอนที่เราไปเขาปิดประตูทางเข้าไว้) แต่เดินอยู่ด้านล่างก็มองเห็นสะพานแขวนและวิวที่สวยไม่แพ้กัน
เวลาเปิด: ทุกวัน 08:30-16:30 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 16:00 น.)
เส้นทางเดินป่าไอดาส (Idas Trail)
นอกจากสะพานแขวนแล้ว ยังมีเส้นทางไอดาส (ทางแยกขวามือ) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเดินไปยังสะพานแขวน ให้ได้เดินป่ากันในเวลาประมาณ 20 นาทีด้วย เส้นทางนี้เดิมมีชื่อว่า “Buluowan- Swallow Grotto Trail” มีความยาวประมาณ 400 เมตร เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างเดินง่าย เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องหัวเข่า
ช่วงแรกจะเป็นทางลงบันไดพร้อมราวจับ จากนั้นจะเป็นพื้นปูนและยังมีราวจับอยู่ บรรยากาศตอนเดินต้องบอกว่าเงียบสงบมาก ๆ ผ่านพื้นที่ป่าอันเขียวขจี บางครั้งก็ได้ยินเสียงนกร้อง พอเดินลงไปจนสุดจะเจอกับถนนทางขวาที่ขับมาจากอุโมงค์ซีปัน จากตรงนี้สามารถเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินตรงไปทางซ้ายผ่านอุโมงค์บูลัววานอีกประมาณ 15-20 นาที (700 เมตร) จะเจอกับเส้นทางถ้ำนกนางแอ่น
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มาด้วยรถบัส เพราะไม่ต้องเดินย้อนกลับไปยังที่จอดรถ แต่ด้วยความที่เรา “หาทำ” ก็เดินกันลงมาแล้วก็เดินย้อนกลับไปแทบขาลากกันเลยทีเดียว สรุปแล้วใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 40 นาที ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
เรื่องน่ารู้: ก่อนถึงทางแยกซ้ายมือขึ้นไปพื้นที่นันทนาการบูลัววาน (ด้านหน้าอุโมงค์ Xipan Tunnel) จะมีจุดให้ยืมหมวกกันน็อคฟรี สำหรับนำไปใส่เดินเที่ยวเส้นทางถ้ำนกนางแอ่น พอใช้เสร็จแล้วก็นำมาคืนได้ที่จุดเดิม
เที่ยวทาโรโกะ: เส้นทางถ้ำนกนางแอ่น (Yanzikou Trail)
จากพื้นที่นันทนาการบูลัววานก็ขับรถไปต่อกันที่เส้นทางถ้ำนกนางแอ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์น่าชมของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ เส้นทางนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Swallow Grotto” ทอดยาวไปตามหน้าผาหินอ่อนทาโรโกะ และได้รับการตั้งชื่อตามนกนางแอ่นที่ทำรังอยู่ในรอยแยกริมหน้าผา ทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามของหุบเขาและผนังหินที่สูงชันได้อย่างลงตัว
จุดจอดรถสำหรับเดินไปชมเส้นทางถ้ำนกนางแอ่นอยู่ที่ไหล่ทางริมสวนสาธารณะจินเหิง (Jinheng Park) บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ขนาดเล็กอีกด้วย เมื่อจอดรถแล้วสามารถเดินตามเส้นทางพื้นไม้ที่มีระเบียงไปยังถ้ำนกนางแอ่น ระหว่างทางจะเห็นแม่น้ำหลี่หวู่และก้อนหินขนาดใหญ่และเล็กสลับกันไป ช่วงที่เราไปเป็นฤดูดอกไม้บาน จึงไม่ค่อยมีน้ำในแม่น้ำเท่าไร แต่ก็นับว่าเป็นฤดูที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการเที่ยวในอุทยานแห่งนี้
ถัดจากแม่น้ำหลี่หวู่จะเป็นช่องเขาที่มีหน้าผาสูงชัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ตรงหน้าผาถ้าสังเกตดี ๆ จะมีรูขนาดใหญ่หลายแห่ง พออ่านข้อมูลตามป้ายแล้วก็ได้เรียนรู้ว่าเป็นช่องที่น้ำบาดาลจากใต้ดินในกำแพงหินจะไหลออกมาตามรอยแตกในหิน จนเกิดเป็นรูแบบที่เราเห็นในรูปภาพนั้นเอง
เดินตามเส้นทางริมแม่น้ำมาไม่นานก็มาถึงถ้ำนกนางแอ่น ซึ่งเป็นโพรงขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเส้นทางจราจรและส่วนที่ให้นักท่องเที่ยวเดินได้ บรรยากาศบางส่วนค่อนข้างมืด แต่ก็ยังมีแสงสว่างจากช่องผนังหินที่ทำให้เดินเที่ยวได้แบบไม่ต้องใช้ไฟฉาย การเดินเที่ยวถ้ำนกนางแอ่นแนะนำให้สวมหมวกกันน็อคไว้ตลอดเวลา เนื่องจากมีป้ายเตือน และอาจมีก้อนหินจากโพรงด้านบนร่วงลงมาได้ เอาเป็นว่าปลอดภัยไว้ก่อนจะดีที่สุดเนาะ
จากถ้ำนกนางแอ่นถ้าเดินต่อไปอีกนิดหนึ่งจะเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสะพานแขวนบูลัวลานที่เราไปชมมากก่อนหน้านี้ แล้วก็เห็นสะพาน Zhuilu Suspension Bridge ปกติสะพานนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินข้ามไปอีกฝั่ง หรือยืนถ่ายรูปบนนั้นได้ แต่ช่วงที่เราไปปิดไว้พอดีก็เลยได้ชมจากด้านนอกแทน
เรื่องน่ารู้: ถ้าไม่สะดวกขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง → แนะนำให้เช่ารถส่วนตัวพร้อมพนักงานขับรถ ซึ่งให้บริการรับส่งถึงโรงแรมที่พักในตัวเมืองฮัวเหลียน มาพร้อมแผนการเที่ยวแบบครึ่งวันและเต็มวันที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบ
สวนสาธารณะจินเหิง (Jinheng Park + Café)
ชมเส้นทางถ้ำนกนางแอ่นแล้วเราเดินกลับมายังที่จอดรถ ตรงนี้อย่างที่บอกว่ามีสวนสาธารณะจินเหิงตั้งอยู่ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหัวหน้าวิศวกรอาวุโสที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินถล่มเมื่อปี 1957 ถ้าเดินเข้าไปในสวนจะเห็นรูปปั้นครึ่งตัวของเขาด้วย แล้วก็จะมีจุดสำหรับชมช่องเขาหินอ่อนทาโรโกะที่ว่ากันว่าเหมือนกับใบหน้าของหัวหน้าเผ่า เอาจริง ๆ พอไปยืนมองแล้วก็ต้องบอกว่าถึงกับใช้จินตนาการสูงเหมือนกัน ส่วนพื้นที่ด้านหน้าจะเป็นคาเฟ่ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับแวะพักทานอาหาร
เรื่องน่ารู้: พูดถึงคาเฟ่ในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะจะมีประมาณ 3-4 ที่ คือ จุดแวะพักในเส้นทางซากาดัง ซึ่งเป็นแผงขายอาหารและเครื่องดื่มขนาดเล็กซะมากกว่า แล้วก็พื้นที่นันทนาการบูลัววาน ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องดื่มและเมนูง่าย ๆ ต่อมาก็คือที่นี่ แล้วก็จะมีอีกทีตรงพื้นที่นันทนาการเทียนเซียงเลย ดังนั้นอย่าลืมเตรียมน้ำดื่มและของกินมาเผื่อด้วยจะได้ไม่หิวระหว่างทาง
หน้าผาฟูจิ (Fuji Cliff)
ไม่ไกลจากสวนจินเหิงถ้าเดินตามไหล่ทางไปอีกฝั่งจะเจอกับสะพานจินเหิง ตรงนี้มีมุมถ่ายภาพสวยของหน้าผาหินอ่อนที่สลับกับแม่น้ำหลี่หวู่ มองเห็นเส้นทางถ้ำนกนางแอ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้าเดินข้ามสะพานตามอุโมงค์ไปนิดหนึ่งจะเจอกับหน้าผาฟูจิ เกิดจากแม่น้ำที่ตัดผ่านขอบของภูเขาทำให้เกิดหน้าผาสูงชันทั้งสองด้านที่ห่างกันเพียง 20 เมตร พอไปยืนมองแล้วเหมือนเราตัวเล็กนิดเดียว เพราะหน้าผาเหล่านี้สูงถึง 600 เมตร ธรรมชาติต่างก็สรรสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้จริง ๆ
เที่ยวทาโรโกะ: อุโมงค์เก้าโค้ง (Tunnel of Nine Turns)
อุโมงค์เก้าโค้งแน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ตั้งอยู่ห่างจากเส้นทางถ้ำนกนางแอ่นประมาณ 8 นาที อุโมงค์แห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “จิ่วฉู่ตง” เคยเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงสายเก่า (Central Cross-Island Highway) ก่อนจะถูกดัดแปลงมาเป็นเส้นทางเดินเที่ยว ที่จะพาผู้เยี่ยมชมไปสัมผัสถึงความสวยงามของหุบเขาลึกอย่างไม่ต้องสงสัย
อุโมงค์เก้าโค้งมีความยาวประมาณ 1,220 เมตร เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดของทางหลวงสายเก่า ส่วนเส้นทางอุโมงค์เก้าโค้งมีความยาวประมาณ 700 เมตร และซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขาสูง ต้องเดินผ่านเส้นทางคดเคี้ยวไปมาเก้ารอบตามรูปร่างหุบเขาทาโรโกะ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 1 ชม.
แต่ละโค้งสามารถมองเห็นหน้าผาสูงตระหง่าน มีแม่น้ำหลี่หวู่ไหลผ่านตามลำธาร สีของน้ำใสราวกับคริสตัล บางจุดยังสามารถมองเห็นน้ำตกขนาดเล็ก และรอยเลื่อนจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกอีกด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าอุโมงค์เก้าโค้งเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเที่ยวที่สวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะเลยก็ว่าได้
เรื่องน่ารู้: ไม่มีที่จอดรถตรงอุโมงค์เก้าโค้ง ทางอุทยานจะอนุญาตให้จอดได้เฉพาะรับส่งผู้โดยสารเท่านั้น ดังนั้นคนที่ขับรถมาจะมีที่จอดรถอยู่ 3 แห่ง คือ Heliu (2.3 กม.) Lushui (3 กม.) และ (4.9 กม.) สามารถใช้บริการรถบัส 310, 302, 1126, 1133 หรือ 1141 จากป้านเทียนเซียงมาลงที่อุโมงค์เก้าโค้งได้ อย่าลืมเผื่อเวลารอรถบัสไว้ด้วย เพราะถ้าพลาดแล้วอาจต้องรอเป็นชั่วโมงเลย
เที่ยวทาโรโกะ: พื้นที่นันทนาการเทียนเซียง (Tianxiang Recreation Area)
เราขับรถเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะกันมาเกินครึ่งทางแล้วเนาะ ต่อไปก็จะขับไปต่อยังพื้นที่นันทนาการเทียนเซียง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หมู่บ้านเทียนเซียง” ห่างจากอุโมงค์เก้าโค้งประมาณ 8 นาที หมู่บ้านนี้เป็นโอเอซิสอันเงียบขนาดเล็กที่มีคนท้องถิ่นอาศัยอยู่ ถูกรายล้อมไปด้วยยอดเขาสูงตระหง่านและป่าเขียวขจี และยังทำหน้าที่เป็นประตูสู่เส้นทางเดินป่าและจุดชมวิวที่สวยงามมากมาย
นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในหมู่บ้านเซียงเทียนได้หลายแห่ง เช่น วัดเซียงเต๋อและเจดีย์เทียนเฟิง ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่บนยอดเขา สามารถเข้าถึงได้ผ่านสะพานแขวนสีแดง บนสะพานยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำสองสายที่มาจบกัน คือ Tatscili และ Dasha เกิดเป็นแม่น้ำหลี่หวู่ ซึ่งแม่น้ำทั้งสองสายมีต้นกำเนิดจากภูเขาสูงกว่า 3,440 เมตร ทำให้กระแสน้ำที่มาบรรจบกันค่อนข้างเชี่ยวและแรง กลายเป็นแม่น้ำแห่งชีวิตในทาโรโกะ ที่หล่อเลี้ยงป่าไม้และผู้คนมาอย่างยาวนาน
นอกจากที่เที่ยวทางวัฒนธรรมแล้วหมู่บ้านเซียงเทียนยังมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 เป็นของตัวเองอีกด้วย ซึ่งก็มาตั้งอยู่ไกลในป่าลึกเลยทีเดียว ถ้าแวะเข้าไปซื้อของจะเห็นน้องลิงนั่งอยู่หน้าร้าน ไม่รู้ว่าน้องมาได้ยังไง เห็นมีอยู่ตัวเดียว แต่ก็เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ไม่น้อย นอกจาก 7-11 ก็ยังมีร้านอาหารอีก 3-4 แห่ง ตั้งอยู่บนถนนฝั่งเดียวกับป้ายรถเมล์เทียนเซียง
เรื่องน่ารู้: สำหรับใครที่ชอบการขับรถเที่ยวและอยากเห็นเส้นทางชมธรรมชาติสวย ๆ แบบนี้ ลองแวะไปอ่าน → Vršič Pass เส้นทางขับรถผ่านเทือกเขาจูเลียนแอลป์ ที่สวยที่สุดของประเทศสโลวีเนีย
เที่ยวทาโรโกะ: เส้นทางเดินป่าไป่หยาง (Baiyang Trail)
สำหรับใครที่ชอบการเดินป่าและยังไม่จุใจกับที่เที่ยวที่เราพาไปชมก่อนหน้านี้ สามารถแวะมาต่อกันได้ที่เส้นทางเดินป่าไป่หยาง ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเซียงเทียนประมาณ 2 นาที เส้นทางนี้ต้องบอกเลยว่าสวยไม่แพ้เส้นทางซากาดังเลยทีเดียว โดยมีระยะทางรวมประมาณ 2.1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 2-3 ชั่วโมง ที่สำคัญเดินง่าย เพราะเป็นทางเรียบ รถเข็นก็เข้าถึงได้เช่นกัน
เมื่อมาถึงแนะนำให้จอดรถไว้ที่ Baiyang Trail Parking แล้วเดินย้อนกลับมาตามถนนจะเจอกับอุโมงค์ทางเข้า มีป้ายบอกหาไม่ยาก ด้านในอุโมงค์ค่อนข้างมืด อย่าลืมเตรียมไฟฉายมาด้วย ถ้าไม่มีสามารถใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์ช่วยได้ อีกอย่างถ้าจะเดินไปถึงถ้ำม่านน้ำ แนะนำให้เตรียมเสื้อกันฝนมาด้วยเช่นกัน เพราะจะมีน้ำพุ่งออกมาจากหลังคาอุโมงค์ ถ้าไม่มีเสื้อกันฝนรับรองว่าต้องเปียกแน่ ๆ
จากอุโมงค์ทางเข้าเดินทะลุมาอีกฝั่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าไป่หยาง เส้นทางนี้มีอุโมงค์ทั้งหมด 8 แห่ง ทอดยาวไปตามแม่น้ำ Wahei’er และแม่น้ำ Taci Jili โดยมีช่องเขาและป่าไม้เขียวชอุ่มเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง เส้นทางไป่หยางยังมีจุดแวะพักทั้งหมด 4 แห่ง คือ จุดชมวิวไป่หยาง สะพานแขวนและน้ำตกไป่หยาง รวมไปถึงถ้ำม่านน้ำ ทั้งหมดนี้ถ้ามีเวลาพอแนะนำให้ไปเยือนทุกจุด
จุดชมวิวไป่หยาง (Observation platform)
จุดชมวิวไป่หยางเป็นที่แรกที่เราจะเดินไป มีระยะทางประมาณ 0.95 กม. จากอุโมงค์ทางเข้า บรรยากาศระหว่างทางต้องบอกว่าเงียบสงบมาก ๆ ทั้งสองด้านโอบล้อมด้วยภูเขาสูง คั่นกลางด้วยแม่น้ำ Wahei’er พอเดินไปถึงจุดชมวิวจะมีแพลตฟอร์มไม้สำหรับชมแม่น้ำ Wahei’er ที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำ Taci Jili เอาจริง ๆ มันแอบมองไม่ค่อยเห็น เพราะต้นไม้บังหมด 555+ แต่พอได้ไปยืนบนนั้นแล้วกลับถูกความเขียวขจีของป่าไม้กลืนกินไปชั่วขณะแทน
สะพานแขวนและน้ำตกไป่หยาง (Baiyang Waterfall Trail)
แวะพักที่จุดชมวิวไป่หยางพอประมาณแล้ว นักท่องเที่ยวสามาถเดินอีก 0.95 กม. เพื่อไปชมน้ำตกไป่หยาง ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเส้นทางนี้ พอมาถึงจะเห็นสะพานแขวนตั้งอยู่ด้านหน้า ต้องเดินผ่านสะพานแขวนเข้าไปยังจุดชมน้ำตก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไม้ที่มองกลับมาจะเห็นสะพานปูนที่มีแม่น้ำ Wahei’er และก้อนหินขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง
น้ำตกไป่หยางเรียกอีกอย่างว่า “น้ำตกหน้าผา” ตามภาษาท้องถิ่น และยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของน้ำตกที่ไหลมาตามหน้าผา น้ำที่เราเห็นน้ำอาจจะไม่เยอะเท่าไร เนื่องจากไม่ใช่ฤดูฝน แต่บรรยากาศโดยรวมก็ถือว่าคุ้มกับการเดินมาจุดนี้
ถ้ำม่านน้ำ (Shuilian Cave)
ที่เที่ยวน่าสนใจสุดท้ายของเส้นทางไป่หยางก็คือถ้ำม่านน้ำ ต้องเดินจากน้ำตกไป่หยางผ่านอุโมงค์ 2-3 แห่ง ประมาณ 0.2 กม. ด้านในถ้ำจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือหินงอกหินย้อยระยิบระยับจากน้ำที่หยดลงมาจากเพดานเป็นเวลาหลายพันปี สร้างความงดงามตระการตาเลยทีเดียว เอกลักษณ์อีกหนึ่งอย่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือน้ำที่พุ่งออกมาจากหลังคาอุโมงค์ เกิดเป็นฉากพิเศษคล้ายม่านน้ำ ถ้ำแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า “ถ้ำม่านน้ำ” นั้นเอง
เรื่องน่ารู้: รถบัส 302 และ 310 จะให้บริการถึงแค่ป้ายหมู่บ้านเทียนเซียงเท่านั้น ถ้าต้องการมาที่เส้นทางเดินป่าไป่หยาง ต้องเดินขึ้นเขาตามทางหลวงหมายเลข 8 ไปประมาณ 15-20 นาที จะเจอกับทางเข้าอยู่ทางซ้ายมือ
ค้นหาและเปรียบเทียบที่พักในเมืองฮัวเหลียน
วิธีเดินทางไปทาโรโกะ (→ Taroko)
วิธีเดินทางจากไทเปไปเมืองฮัวเหลียนที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟด่วนทาโรโกะ (Taroko Express 402) เส้นทาง Shulin-Zhiben รอบเวลา → 06:13-08:19 น. ไปลงที่สถานีรถไฟฮัวเหลียน (Hualien Station) โดยใช้เวลา 2 ชม. 6 นาที
- เวลาให้บริการ: 06:01-22:00 น.
- ค่าตั๋ว: 440 TWD (ที่นั่งมาตรฐาน)
- รถไฟออกจากไทเป → ชาญชลาหมายเลข 4
นอกจากรถไฟด่วนทาโรโกะแล้วยังมีรถไฟอีก 2 สายที่เดินทางไปเมืองฮัวเหลียนเหมือนกัน คือ Puyuma Express 406 (Shulin-Taitung) → 06:40-08:57 น. (2 ชม. 17 นาที/ 440 TWD) และ Tze-Chiang Ltd. Express (3000) 408 (Shulin-Taitung) → 07:30-09:40 น. (2 ชม. 10 นาที/ 440 TWD) ทั้งสองสายแม้จะใช้เวลาไม่เร็วเท่ากับรถไฟด่วนทาโรโกะ แต่ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มีความสะดวกสบายไม่แพ้กัน
วิธีเดินทางไปทาโรโกะ จากฮัวเหลียน (Hualien → Taroko)
รถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวเส้นทางทาโรโกะ (310)
*** อัพเดตล่าสุด (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2024) ***
เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงมีการปิดอุทยานแห่งชาติทาโรโกะเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้รถบัสสาย 310 จากที่เคยไปถึงสถานีเทียนเซียงจะให้บริการถึงแค่สถานี Taroko Visitor Center เท่านั้น (ไม่เข้าบริเวณอุทยาน) โดยจะมีการปรับตารางเวลาเดินรถใหม่ คือ
- เที่ยวแรกจาก Hualien Station: 07:50 น.
- เที่ยวสุดท้ายจาก Hualien Station: 15:00 น.
- เที่ยวแรกจาก Visitor Center: 09:00 น.
- เที่ยวสุดท้ายจาก Visitor Center: 16:00 น.
Taroko Route Bus 310 เป็นบริการรถรับส่งนักท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทาโรโกะเป็นหลัก ดำเนินการโดยบริษัท Ubus ให้บริการจากสถานีขนส่งฮัวเหลียน (Hualien Station) ไปยังสถานีเทียนเซียง (Tianxiang Station) ผ่านจุดจอดสำคัญ เช่น ชายหาดชีซิงถัน ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวทาโรโกะ เส้นทางหุบเขาลึกลับซากาดัง ศาลเจ้าฉางชุน สะพานแขวนบูลัววาน เส้นทางถ้ำนกนางแอ่น อุโมงค์เก้าโค้ง และหมู่บ้านเทียนเซียง รวมทั้งหมด 20 สถานี ช่วยให้นักเดินทางสามารถเข้าถึงที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว
- เวลาให้บริการ: 06:30-16:30 น.
- จากสถานีฮัวเหลียน → 06:30-13:40 น.
- จากสถานีเทียนเซียง → 08:40-16:30 น.
- ความถี่: 50 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
ค่าโดยสารรถบัส 310 คิดตามระยะทาง เที่ยวเดียวราคา 140 TWD เพื่อความประหยัดนักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตรโดยสารรายวัน ราคา 250 TWD เพื่อขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัดเที่ยวในวันเดียวกัน หรือใช้บัตรโดยสารแบบ 2 วัน ราคา 400 TWD สำหรับขึ้นรถบัสได้ไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถหาซื้อตั๋วรถบัส 310 ได้ที่เคาน์เตอร์บริการของบริษัท Ubus ที่สถานีขนส่งฮัวเหลียน หรือที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11/FamilyMart ใดก็ได้ หรือชำระค่าโดยสารผ่านบัตร EasyCard, iPass หรือ iCash ที่มาพร้อมส่วนลด หรือใช้เงินสดเพื่อจ่ายค่าโดยสารกับคนขับรถบัส โดยต้องมีเงินสดพอดีกับค่าตั๋ว (คนขับรถจะไม่ทอนเงินให้)
หมายเหตุ: เวลาเดินรถบัส 310 ข้างต้นเป็นเวลาโดยประมาณที่รถบัสจะมาถึงแต่ละสถานี ในบางครั้งรถอาจมาถึงล่าช้ากว่ากำหนดเนื่องจากการจราจรหรือเหตุผลอื่น ๆ ดังนั้นก่อนออกเดินทางทุกครั้งแนะนำให้สอบถามคนขับรถถึงเวลาที่แน่นอน รวมไปถึงเช็คตารางเวลาเดินรถแบบเรียลไทม์ได้ที่ Bus 310 Timetable
วิธีเดินทางไปทาโรโกะ จากซินเฉิง (Xincheng → Taroko)
อีกหนึ่งวิธีที่สะดวกในการเดินทางจากไทเปไปยังทาโรโกะก็คือนั่งรถไฟ TRA ไปลงที่สถานีซินเฉิง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 44 นาที ซึ่งรอบเช้าที่สุดคือเวลา 06:28-09:12 น. → Fast Local Train 4006 ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง 259-403 TWD รถไฟให้บริการตั้งแต่เวลา 06:28-21:05 น.
รถบัสทาโรโกะ (302)
*** อัพเดตล่าสุด (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2024) ***
เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงมีการปิดอุทยานแห่งชาติทาโรโกะเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้รถบัสสาย 302 จากที่เคยไปถึงสถานีเทียนเซียงจะให้บริการถึงแค่สถานี Taroko Visitor Center เท่านั้น (ไม่เข้าบริเวณอุทยาน) โดยจะมีการปรับตารางเวลาเดินรถใหม่ คือ
- เที่ยวแรกจาก Xincheng: 08:30 น.
- เที่ยวสุดท้ายจาก Xincheng: 14:30 น.
- เที่ยวแรกจาก Visitor Center: 08:40 น.
- เที่ยวสุดท้ายจาก Visitor Center: 14:40 น.
Taroko Bus 302 เป็นรถบัสที่ดำเนินการบริษัทรถบัสทาโรโกะ วิ่งในเขตฮัวเหลียนตอนเหนือ จากสถานีรถไฟท้องถิ่นซินเฉิง (TRA Xincheng Station) ไปที่สถานีเทียนเซียง (Tianxiang) ผ่านจุดจอดสำคัญ เช่น ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวทาโรโกะ เส้นทางหุบเขาลึกลับซากาดัง ศาลเจ้าฉางชุน เส้นทางถ้ำนกนางแอ่น อุโมงค์เก้าโค้ง และหมู่บ้านเทียนเซียง รวมทั้งหมด 14 สถานี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินจากสถานีรถไฟ TRA ซินเฉิง
- เวลาให้บริการ: 08:30-16:25 น.
- จากสถานีซินเฉิง → 08:30-14:30 น.
- จากสถานีเทียนเซียง → 09:35-16:25 น.
- ความถี่: 50 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
ค่าโดยสารรถบัส 302 คิดตามระยะทาง เที่ยวเดียวราคา 69 TWD สามารถจ่ายเป็นเงินสด หรือใช้บัตร EasyCard, iPass หรือ iCash นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้ตั๋ว 1 วัน ราคา 150 TWD เพื่อเดินทางได้ไม่จำกัด (สามารถซื้อได้ที่คนขับรถบัสโดยตรง) ซึ่งตั๋วนี้สามารถใช้ได้เฉพาะรถบัส 302 เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับรถบัสสายอื่น เนื่องจากเป็นคนละบริษัท อย่าลืมตรวจสอบตารางเวลารถเรียลไทม์ได้ที่ Bus 302 Timetable
เรื่องน่ารู้: รถบัสทาโรโกะ 302 จะไม่จอดที่ป้ายบูลัววาน (สะพานแขวนบูลัววาน) ถ้าจะไปที่นี่แนะนำให้ใช้บริการรถบัส 310 หรือ 1133 แทน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการรถบัส 302 จากสถานีเทียนเซียง เพื่อไปขึ้นรถไฟ TRA กลับไทเป ได้ที่สถานีซินเฉิง โดยไม่ต้องย้อนกลับไปที่สถานีฮัวเหลียน
วิธีเดินทางไปทาโรโกะ ด้วยรถบัสฮัวเหลียน
นอกจากรถบัส 310 และ 302 แล้ว ยังมีรถบัสรถบัสโดยสารสาธารณะฮัวเหลียน สาย 1129, 1133 (Ubus) และ 1141 ที่จะพานักท่องเที่ยวไปยังอุทยานแห่งชาติทาโรโกะเช่นกัน โดยวิ่งจากสถานีหัวเหลียนไปยังจุดหมายที่แตกต่างกัน
ค่าโดยสารรถบัสสาย 1129, 1133 และ 1141 คิดตามระยะทาง สามารถจ่ายเป็นเงินสดกับคนขับรสบัส โดยต้องมีเงินพอดีกับค่าตั๋ว (คนขับรถจะไม่ทอนเงินให้) หรือใช้บัตร EasyCard, iPass หรือ iCash รวมไปถึงหาซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์บริการของบริษัทรถบัส Ubus หรือบริษัทรถบัสฮัวเหลียน ที่ตั้งอยู่ในสถานีขนส่งฮัวเหลียน
เรื่องน่ารู้: รถบัสสาย 1129, 1133 และ 1141 จะไม่จอดที่ป้ายชายหาดชีซิงถัน ถ้าต้องการไปที่นี่แนะนำให้ใช้บริการรถบัส 310 แทน
วิธีเดินทางไปทาโรโกะ ด้วยการเช่ารถยนต์ขับเที่ยวด้วยตัวเอง
อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่าทริปการเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะในครั้งนี้เราใช้วิธีการขับรถเที่ยวกัน เพราะอยากไปชมหลายจุดโดยที่ไม่ต้องเร่งให้กลับมาขึ้นรถบัสตามเวลา และนั้นก็เป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะถนนในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะค่อนข้างขับง่ายและปลอดภัย และที่สำคัญราคาเช่ารถรายวันไม่แพงเลย
- ค่าเช่ารถ: 1,200 TWD (รวมค่ามัดจำ 500 TWD)
- ระยะเวลาเช่ารถ: 10 ชั่วโมง (09:00-19:00 น.)
- วิธีจ่ายเงิน: บัตรเครดิตหรือเงินสด
ร้านเช่ารถในเมืองฮัวเหลียนที่เราเลือกชื่อว่า “Hualien Car – Easy Car Line” ตั้งอยู่บนถนน Guolian 1st ทางด้านหลังสถานีขนส่งฮัวเหลียน ที่เลือกร้านนี้เพราะว่ามีรีวิวที่น่าเชื่อถือ และสามารถจองออนไลน์ไว้ก่อนได้ (แนะนำให้จองล่วงหน้าประมาณ 2-3 อาทิตย์)
วิธีเช่ารถขับเที่ยวทาโรโกะ
- ระบุวันที่ใช้งาน
- ระยะเวลาที่ต้องการเช่า
- ประเภทรถยนต์ที่ต้องการ
- และจำนวนผู้โดยสาร
ซึ่งในเว็บไซต์ของร้านจะมีแพ็คเกจต่าง ๆ ให้เลือกครบเลย จากนั้นทางร้านก็จะเช็คข้อมูลให้ และแจ้งราคากลับมาสำหรับการเช่ารถ 10 ชั่วโมง จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ พอจ่ายเงินแล้วทางร้านก็คอนเฟิร์มให้มารับรถที่ร้านตามเวลานัดหมายได้เลย (ทางร้านสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้)
วิธีรับรถขับเที่ยวทาโรโกะ
พอเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ TRA ฮัวเหลียนแล้ว ให้เดินออกจากสถานี (ฝั่งเดียวกับแฟมิลี่มาร์ท) จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 3 นาทีไปยังร้านเช่ารถ พอไปถึงก็แจ้งพนักงานว่าจองรถเช่าไว้ตามชื่อนี้ พนักงานจะขอหนังสือเดินทางแล้วก็ใบขับขี่สากลไปถ่ายเอกสาร จากนั้นจะให้เรากรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มและใบสัญญาเช่ารถ (เป็นภาษาจีน สามารถใช้กูเกิ้ลช่วยแปลได้)
ในใบสัญญาเช่ารถก็จะมีข้อมูลหลายส่วนที่เราต้องกรอก เช่น ชื่อผู้เช่า (เราไป 2 คนก็กรอกทั้งหมด) หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขใบขับขี่สากล แล้วก็หมายเลขบัตรเครดิต ในสัญญายังระบุเวลาที่ต้องการเช่ารถ เลขไมล์รถยนต์ (สามารถขับได้ไม่เกิน 400 กม. สำหรับการเช่ารายวัน ถ้าเกินจากนี้ก็ต้องจ่าย 5 TWD ต่อ กม.) แล้วก็มีน้ำมันมาให้เต็มถัง
จากนั้นพนักงานก็จะพาเดินไปเช็ครถ เป็นยี่ห้อ Toyota yaris พาเดินดูรอบรถ ถ่ายวิดีโอและรูปภาพไว้เป็นหลักฐานว่ามีรอยตรงไหนอยู่แล้วบ้าง พอเรียบร้อยเข้าใจตรงกันก็เซ็นรับกุญแจ แล้วก็ออกเดินทางไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะกัน
ตอนคืนรถก็ขับกลับไปจอดที่เดิม (ถ้าคืนไม่ตรงเวลาจะมีค่าปรับเพิ่มเติม) อย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังเหมือนเดิม เราจ่ายไป 196 TWD ประมาณ 200 กว่าบาท พนักงานก็จะมาเช็ครถ ถ้าไม่มีอะไรเสียหายก็เซ็นรับรถ คืนกุญแจ ส่วนเงินมัดจำทางร้านจะคืนให้ผ่านบัตรเครดิต เพราะว่าเราจ่ายผ่านบัตรเครดิต เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยสำหรับการเช่ารถขับเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะด้วยตัวเอง
วิธีเดินทางกลับไทเปจากทาโรโกะ (Taroko → Taipei)
หลังจากคืนรถเช่าเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ TRA ฮัวเหลียน เพื่อเดินทางกลับไทเปด้วยรถไฟ Tze-Chiang Ltd. Express (3000) ขบวน 441 รอบเวลา 19:20-21:32 น. ราคาตั๋ว 440 TWD เท่ากับรถไฟทาโรโกะที่นั่งมาตอนเช้า ถ้าไม่ได้จองออนไลน์มาก่อนสามารถไปซื้อกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ในสถานีรถไฟได้เช่นกัน รถไฟให้บริการจนถึงเวลา 22:00 น. ซึ่งขบวนสุดท้ายจะเป็นรถไฟ Taroko Express 447 รอบเวลา 22:00-00:32 น.
รถไฟ Tze-Chiang มาถึงตรงเวลา ด้านในต้องบอกว่ามีที่นั่งสะดวกสบายไม่แพ้รถไฟทาโรโกะ เป็นที่นั่งแบบ 2 แถว มีทางเดินตรงกลาง ด้านบนมีที่เก็บกระเป๋าเดินทาง แต่ละที่นั่งมีโต๊ะถาดพับ ที่วางแก้ว พื้นที่วางขากว้าง คนสูง 180 ก็นั่งได้สบายเลย ส่วนท้ายขบวนจะมีห้องน้ำไว้บริการเช่นกัน
ใช้เวลาเดินทางจากฮัวเหลียนประมาณ 2 ชม. 12 นาที เราก็มาถึงไทเปกันอย่างปลอดภัย ก็นับว่าเป็นทริปการเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะแบบเดย์ทริปที่คุ้มมาก ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ กลับมาถึงไทเปอีกทีก็ค่ำเลย โดยรวมแล้วแม้ว่าเหนื่อยแต่ก็สนุกที่ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ที่สำคัญการเช่ารถขับเที่ยวทาโรโกะด้วยตัวเองก็เป็นตัวเลือกที่สะดวกและปลอดภัย
เที่ยวทาโรโกะ ช่วงไหนดี
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นและดอกไม้บานสะพรั่ง อุณหภูมิอยู่ในช่วง 15-25 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการเดินป่า ถ่ายภาพธรรมชาติ และชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
ในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) อากาศค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิอาจต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะบนยอดเขา บางพื้นที่อาจมีหิมะตก ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามและไม่เหมือนใคร จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอากาศหนาว แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสภาพอากาศในฤดูนี้
ส่วนในฤดูร้อน (มิถุนายนถึงสิงหาคม) อากาศร้อนชื้น อุณหภูมิอยู่ในช่วง 25-35 องศาเซลเซียส ธรรมชาติจะเขียวขจี บางครั้งอาจมีฝนตก ทำให้มีน้ำในแม่น้ำและน้ำตกเพิ่มขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินล่องแก่งและกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติทาโรโกะในฤดูนี้ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูพายุไต้ฝุ่น ซึ่งอาจเกิดฝนตกหนักและดินถล่มได้
เที่ยวทาโรโกะ ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะแบบเดย์ทริปสำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 3,884 TWD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,411 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าเช่ารถ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 500-2,500 TWD
โฮสเทล: 500-2,000 TWD
การเดินทาง: 440-880 TWD
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 100-450 TWD
รถเช่า: 1,000-1,500 TWD
อาหาร: 50-300 TWD/มื้อ
เครื่องดื่ม: 60-250 TWD/วัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แผนที่เที่ยวทาโรโกะด้วยตัวเอง
วิธีใช้แผนที่ปักหมุด→ กดที่ลูกศรสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อดูแผนที่แบบเต็มหน้าจอ จากนั้นจะเห็นแผนที่ปักหมุดและเส้นทางเที่ยวทั้งหมดที่ทำเครื่องหมายไว้ ให้เลือกสถานที่เพื่อดูรายละเอียด หรือกดที่ปุ่มนำทางไปยังจุดหมาย ถ้าชอบแผนที่นี้สามารถกดที่รูปดาวเพื่อบันทึกลงในรายการโปรดสำหรับการเข้าถึงในอนาคต
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡