เบอร์ลิน (Berlin) เป็นเมืองหลวงของเยอรมนีและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมอันหลากหลาย และศิลปะที่เฟื่องฟู เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ระดับโลกหลายแห่ง รวมถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น กำแพงเบอร์ลิน สัญลักษณ์อันทรงพลังของอิสรภาพ ความหวัง และการรวมเป็นหนึ่งของประเทศเยอรมนี
ในบทความนี้จะพาผู้อ่านใช้เวลาผจญภัย 2 วันเพื่อไขมนต์เสน่ห์ของเมืองหลวงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มาพร้อมที่เที่ยว ที่พัก อาหารน่าทาน การเดินทางแบบครบครัน รวมถึงสิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางมาเปิดประสบการณ์เบอร์ลินด้วยตัวเอง
เที่ยวเบอร์ลิน: วันที่ 1
(ที่เที่ยวยอดนิยม)
เที่ยวเบอร์ลิน: ชมอาคารรัฐสภาเยอรมัน (Reichstag)
แน่นอนว่าเมื่อมาเยือนเมืองหลวงของเยอรมนีต้องไม่พลาดที่จะไปชมอาคารไรชส์ทาค (Reichstag) เป็นอาคารประวัติศาสตร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่นั่งของรัฐสภาเยอรมันหรือที่เรียกว่า Bundestag อาคารแห่งนี้เดิมสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 แต่ได้รับความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาได้รับการบูรณะและปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ในปี 1990 ซึ่งรวมถึงการเพิ่มโดมกระจกที่โดดเด่นออกแบบโดยสถาปนิก Norman Foster โดมนี้เป็นนวัตกรรมใหม่มีโครงสร้างกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา รวมไปถึงมีทางลาดวนเป็นเกลียวสามารถนำผู้เข้าชมไปสู่จุดสูงสุด โดมยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความโปร่งใสและการเปิดกว้างในระบอบประชาธิปไตยของเยอรมัน
โดมกระจกในอาคารรัฐสภาเยอรมันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี และต้องลงทะเบียนล่วงหน้าที่เว็บไซต์ทางการ แนะนำให้จองล่วงหน้า 1-3 เดือนเพราะเต็มเร็วมาก ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าสามารถลงทะเบียนด้วยตัวเองที่สำนักงานบริการข้อมูลติดกับอาคารทางทิศใต้ของ Scheidemannstraße ถ้ายังมีคิวว่างอยู่จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าชมโดม และต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้าชม และวิธีที่ 3 คือเข้าร่วมทัวร์ไกด์ที่รวมการเข้าชมโดมกระจก วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่แน่นอนว่าได้ทั้งความรู้และได้เข้าชมภายในด้วย
การเข้าชมโดมกระจกมีอยู่ 3 แบบ คือ 1. การบรรยายที่จัดขึ้นในแกลเลอรีของผู้เข้าชมซึ่งมองเห็นห้องเต็มตามด้วยการเยี่ยมชมโดม (45 นาที) 2. ไกด์นำเที่ยวตามด้วยการเยี่ยมชมโดม (90 นาที) และ 3. การเยี่ยมชมโดมด้วยตัวเอง (1-2 ชั่วโมง) มาพร้อมเครื่องออดิโอไกด์สำหรับรับฟังคำบรรยายเพิ่มเติม ทั้ง 3 แบบนักท่องเที่ยวสามารถเลือกการเข้าชมได้ตามความสะดวก
เวลาเปิด: ทุกวัน 08:00-24:00 น. (เข้าชมโดมรอบสุดท้ายเวลา 21:45 น.) การเดินทาง: นั่ง U-Bahn มาลงที่สถานี U5 Bundestag และเดินอีก 6 นาที หรือนั่ง S-Bahn/ U-Bahn มาลงที่สถานี S+U-Bahn Brandenburger Tor และเดินอีก 6 นาที หรือนั่งรถบัสสาย 100 มาลงที่ป้าย Reichstag/Bundestag
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าถ้าไม่สามารถจองตั๋วล่วงหน้าหรือด้วยตัวเองเพื่อเข้าชมชมโดมกระจกได้ สามารถใช้วิธีเข้าร่วมทัวร์เพื่อชมด้านใน ทัวร์แนะนำคือ Berlin: Plenary Chamber, Dome & Government District Tour มาพร้อมไกด์ภาษาอังกฤษและเยอรมันสำหรับนำชมรัฐสภาและเขตรัฐบาลของเบอร์ลิน รวมการเข้าชมโดมกระจกด้านใน ทัวร์ใช้เวลาประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง ราคา 16 ยูโร จองตั๋วเข้าร่วมทัวร์ชมรัฐสภาและเขตรัฐบาลของเบอร์ลินล่วงหน้าตอนนี้เลย
เที่ยวเบอร์ลิน: ประตูบรันเดินบวร์ค (Brandenburg Gate)
ประตูบรันเดินบวร์คเป็นอนุสาวรีย์สไตล์นีโอคลาสสิกและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ที่ปลายถนน Unter den Linden ไม่ไกลจากอาคารรัฐสภาเยอรมัน สามารถเดินมาได้ใน 5 นาที พอเดินมาถึงแล้วก็จะเห็นประตูนี้ตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงข้ามกับเส้นทางไปยังอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะ (Victory Column) ด้านในประตูเป็นลานกว้างและรายล้อมด้วยร้านอาหารและโรงแรม
ตามประวัติย่อประตูบรันเดินบวร์คเดิมใช้เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นระหว่างการแบ่งแยกเบอร์ลินและสงครามเย็นเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับกำแพงเบอร์ลิน หลังจากการพังทลายของกำแพงในปี 1989 ประตูบรันเดินบวร์คก็กลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของการรวมชาติและเสรีภาพ และยังทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีและเป็นสถานที่ชุมนุมยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือนในเวลาเดียวกัน ประตูบรันเดินบวร์คยังสวยงามด้วยแสงไฟประดับในตอนกลางคืน ถ้าใครมีเวลาเหลือลองมาเดินเล่นที่นี่ในช่วงพลบค่ำได้เช่นกัน
เที่ยวเบอร์ลิน: อนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ (Holocaust Memorial)
จากประตูบรันเดินบวร์คนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามถนน Ebertstraße อีก 5 นาทีไปยังอนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ หรือที่รู้จักกันในชื่ออนุสรณ์สถานอุทิศให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Memorial to the Murdered Jewish of Europe) อนุสรณ์นี้สร้างเสร็จในปี 2005 ประกอบด้วยแผ่นคอนกรีต 2,711 แผ่นหรือแผ่นศิลาจารึกที่มีความสูงต่าง ๆ กัน จัดเรียงเป็นลายตารางบนพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันดำมืด
นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพื้นที่อนุสรณ์ไปตามเส้นทางเดินในแผ่นคอนกรีต แต่ละแผ่นคอนกรีตยังสะท้อนถึงชาวยิวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่รู้เลยว่าคนที่เดินผ่านไปมาเป็นใคร และถ้าเดินไปเรื่อย ๆ แผ่นคอนกรีตจะเริ่มสูงขึ้นจนกระทั่งมองไม่เห็นแผ่นอื่น ๆ ซึ่งแสดงถึงจำนวนชาวยิวที่ถูกสังหารอย่างไม่มีวันสิ้นสุด การเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ควรใช้ความเงียบสงบและเคารพในสถานที่
เที่ยวเบอร์ลิน: อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะ (Victory Column)
อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะ หรือ Siegessäule ในภาษาเยอรมัน ตั้งโดดเด่นอยู่บนเกาะกลางสวนสาธารณะสีเขียวของเมือง (Tiergarten) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของปรัสเซียในสงครามกับเดนมาร์ก ออสเตรีย และฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นว่าด้านบนเสามีรูปปั้นทองคำที่เรียกว่า “โกลเด้น วิกตอเรีย” หรือ “เทพีแห่งชัยชนะ” ซึงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นสัญลักษณ์ของทิศทางการรณรงค์ทางทหารของปรัสเซียน
ด้านในอนุสรณ์สถานเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม รวมถึงสามารถเดินขึ้นหอคอยผ่านบันไดวนไปชมทัศนียภาพแบบพาโนราที่สวยงามของกรุงเบอร์ลินและบริเวณโดยรอบ โดยในส่วนแรกเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของอนุสรณ์สถานแห่งนี้ เมื่อสิ้นสุดนิทรรศการจะเป็นในส่วนของทางเดินบันไดเดินขึ้นไปยังส่วนที่สองมีระเบียงเปิดโล่งขั้นด้วยเสารอบล้อมอนุสรณ์สถาน ก่อนที่ส่วนถัดไปจะเป็นบันไดวนแบบยาว มีจุดนั่งพักประมาณ 2-3 จุด
เมื่อเดินถึงชั้นบนสุดจะเป็นระเบียงเปิดโล่งที่ความสูง 69 เมตร สามารถมองเห็นประตูบรันเดินบวร์ค อาคารรัฐสภาเยอรมัน สวนสาธารณะปอดสีเขียวของเมือง และเส้นขอบฟ้าของกรุงเบอร์ลิน ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าตั๋วเข้าชมที่ถูกกว่าหอส่งสัญญาณโทรทัศน์เบอร์ลินหลายเท่าตัว เหมาะสำหรับใครที่อยากชมวิวสวย ๆ ในราคาถูก และยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มเติมอีกด้วย
เวลาเปิด: วันจันทร์-ศุกร์ 09:30-18:30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 09:30-19:00 น. (เดือนเมษายน-ตุลาคม) วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 09:30-18:30 น. (เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม) ราคาตั๋วเข้าชม 4 ยูโร (รับจ่ายด้วยเงินสด) การเดินทาง: เดินจากอนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ผ่านสวนสาธารณะ Tiergarten ใช้เวลาประมาณ 23 นาที และเดินลงประตูติดกับทางม้าลายผ่านทางเดินอุโมงค์ใต้ดินไปยังอนุสรณ์สถาน ถ้าไม่สะดวกเดินสามารถนั่งรถบัสสาย 100 มาลงที่ป้าย Schloss Bellevue หรือ Großer Stern
เที่ยวเบอร์ลิน: กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)
จากอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะสามารถนั่งรถบัสกลับไปที่ป้าย Reichstag/Bundestag (ด้านหน้าอาคารรัฐสภาเยอรมัน) และเดินอีก 20 นาทีตามถนน Wilhelmstraße จะเจอกับประตูทางเข้าของกำแพงเบอร์ลินตั้งอยู่ขวามือ ถ้าใครไม่สะดวกเดินใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะจะเร็วกว่า พอเดินผ่านประตูมาจะเจอกำแพงเบอร์ลินตั้งอยู่ขวามือ ในขณะที่ฝั่งซ้ายมือมองเห็นอาคารนิทรรศการและอนุสรณ์ (Topography of Terror) ทั้งสองแห่งเปิดให้เข้าฟรี
กำแพงเบอร์ลินเป็นกำแพงคอนกรีตที่แบ่งเมืองเบอร์ลินตั้งแต่ปี 1961-1989 ถูกสร้างโดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมันภายใต้การควบคุมของสหภาพโซเวียต (เยอรมนีตะวันออก) เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเบอร์ลินตะวันออกหลบหนีไปยังเบอร์ลินตะวันตกภายใต้การควบคุมของพันธมิตร (ที่มีเสรีภาพทางการเมืองและความเจริญทางเศรษฐกิจมากกว่าฝั่งตะวันออก) ตัวกำแพงยังเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีตะวันตก มีความยาวถึง 155 กม. ประกอบด้วยกำแพงคอนกรีต หอสังเกตการณ์ สุนัขเฝ้ายาม รั้วลวดหนาม ระบบเตือนภัย และอื่น ๆ เท่าที่จะจินตนาการได้เพื่อขัดขวางความพยายามของคนที่จะฝ่าฝืนข้ามพรมแดน
กำแพงตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ทางกายภาพและทางอุดมการณ์ของสงครามเย็น และยังแบ่งแยกครอบครัว เพื่อน และเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปึกแผ่น ถ้าจะให้เห็นภาพลองจินตนาการว่าครอบครัวของเราถูกแบ่งด้วยกำแพงเบอร์ลินและไม่สามารถเดินทางไปหากันได้เป็นเวลากว่า 28 ปี แม้จะพยายามขอวีซ่าข้ามพรมแดนแต่วีซ่าก็ไม่ได้รับการอนุมัติ
หลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 1989 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของการรวมประเทศอีกครั้งและการสิ้นสุดของยุคสงครามเย็น การทำลายกำแพงกลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังของอิสรภาพ ความหวัง และการรวมเป็นหนึ่งของประเทศเยอรมนี ทุกวันนี้เศษกำแพงที่ยังหลงเหลืออยู่สามารถพบเห็นได้ทั่วเบอร์ลิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงอดีตที่แตกแยกของเมืองและชัยชนะแห่งเอกภาพ นักท่องเที่ยวยังสามารถแวะไปชม East Side Gallery ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของแพงเบอร์ลิน มีพื้นที่บางส่วนของผนังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุด
เที่ยวเบอร์ลิน: เช็คพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Charlie)
ไม่ไกลจากกำแพงเบอร์ลินเดินตามถนน Zimmerstraße ไปประมาณ 6 นาทีจะเป็นที่ตั้งของเช็คพอยท์ชาร์ลี ในอดีตเคยเป็นจุดผ่านแดนที่มีชื่อเสียงที่สุดระหว่างเบอร์ลินตะวันออกและเบอร์ลินตะวันตกในช่วงสงครามเย็น เมื่อไปยืนที่หน้าทางเข้าจะเห็นด่านตรวจชาร์ลีประกอบด้วยป้อมยามไม้ขนาดเล็กและแผงกั้นที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่และยานพาหนะผ่านระหว่างสองฝั่งได้ เป็นหนึ่งในไม่กี่จุดที่ชาวต่างชาติ นักการทูต และเจ้าหน้าที่ทหารสามารถข้ามพรมแดนได้ ด่านนี้ได้ชื่อมาจากตัวอักษร “C” ในสัทอักษรของนาโตซึ่งเป็นตัวแทนของ “ชาร์ลี”
ปัจจุบันเช็คพอยท์ชาร์ลีไม่เปิดใช้งานอีกต่อไป แต่ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของยุคสงครามเย็นและการต่อสู้เพื่ออิสรภาพและเอกภาพ ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความแตกแยกที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นและความพยายามที่จะเอาชนะมัน นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมเช็คพอยท์ชาร์ลี รวมถึงสำรวจพิพิธภัณฑ์กำแพง-เช็คพอยท์ชาร์ลี ซึ่งมีนิทรรศการเกี่ยวกับความพยายามในการหลบหนี หน่วยสืบราชการลับในสงครามเย็น และเรื่องราวของบุคคลที่อาศัยและทำงานที่พอยท์ชาร์ลี รวมถึงการจัดแสดงโบราณวัตถุดั้งเดิม เช่น ป้ายชายแดน ยานพาหนะทางทหาร และเอกสารต่าง ๆ พิพิธภัณฑ์มีค่าเข้าชม 17.50 ยูโร เปิดทุกวัน เวลา 08:00-20:00 น. ใครที่สนใจควรเผื่อเวลาชมไว้ประมาณ 1 ชม.
เที่ยวเบอร์ลิน: จัตุรัสตลาดเจนดาร์เมนมาร์ค (Gendarmenmarkt)
จากเช็คพอยท์ชาร์ลีสามารถเดินตามถนน Friedrichstraße และ Charlottenstraße ไปประมาณ 10 นาทีจะเจอกับจัตุรัสตลาดเจนดาร์เมนมาร์ค ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงามตระการตาและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ถือเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง
เมื่อไปยืนอยู่ใจกลางจัตุรัสสามารถมองเห็นอาคารที่โดดเด่นสามหลัง ได้แก่ อาสนวิหารฝรั่งเศส (Französischer Dom) อาสนวิหารเยอรมัน (Deutscher Dom) และหอแสดงคอนเสิร์ต (Konzerthaus Berlin) สถาปัตยกรรมชิ้นเอกเหล่านี้สร้างบรรยากาศที่กลมกลืนและสง่างามด้วยส่วนหน้าอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกและหอคอยทรงโดม นอกจากอาคารทางประวัติศาสตร์แล้วจัตุรัสยังยังเป็นสถานที่จัดงานและตลาดต่าง ๆ ตลอดทั้งปีอีกด้วย
เที่ยวเบอร์ลิน: หอศิลป์กลางแจ้ง (East Side Gallery)
ก่อนหน้านี้กล่าวไปว่ายังมีที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่สามารถชมส่วนที่หลงเหลืออยู่ของแพงเบอร์ลินนั้นก็คือ East Side Gallery ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 30 นาที กำแพงนี้เป็นส่วนที่ยาวที่สุดของกำแพงเบอร์ลินที่เหลืออยู่ มีความยาวประมาณ 1.3 กม.
บนกำแพงถูกรังสรรค์ด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเพื่อเฉลิมฉลองอิสรภาพและความสามัคคีในหัวข้อที่หลากหลาย รวมถึงถ้อยแถลงทางการเมือง ข้อความแห่งความหวัง และการสะท้อนถึงการแบ่งแยกและการรวมเบอร์ลินอีกครั้ง ตลอดจนภาพวาดที่เป็นไอคอนิก “My God, Help Me to Survive This Deadly Love” ที่แสดงการจูบอันเร่าร้อนระหว่างอดีตผู้นำโซเวียตและผู้นำชาวเยอรมันตะวันออก สะท้อนถึงการแบ่งแยกและการรวมชาติของเยอรมนีในภายหลัง ใครที่สนใจแวะมาที่นี่ควรเผื่อเวลาไว้เดินชมประมาณ 1 ชั่วโมง ด้านในของกำแพงยังมีร้านอาหารริมแม่น้ำ มีการแสดงดนตรีสด รวมไปถึงมีพื้นที่สำหรับนั่งผักผ่อนนับว่ามีบรรยากาศดีทีเดียว
การเดินทาง: นั่งรถบัสสาย 300 มาลงที่ป้าย East Side Gallery จะเจอกับกำแพงเลย
เที่ยวเบอร์ลิน: วันที่ 2
(พระราชวังและพิพิธภัณฑ์)
เที่ยวเบอร์ลิน: พระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์ค (Charlottenburg Palace)
วันที่ 2 เราเริ่มต้นสำรวจเบอร์ลินไปยังที่เที่ยวที่อยู่นอกเมืองก่อนนั้นคือพระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์ค ตั้งอยู่ห่างจากที่พักในย่าน Charlottenburg-Wilmersdorf ประมาณ 24 นาที แต่ถ้าใครที่มาจากใจกลางเมืองใช้เวลาประมาณ 40 นาที ชาร์ล็อทเทินบวร์คเป็นพระราชวังอันงดงามและใหญ่ที่สุดในเบอร์ลิน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกและโรโกโกที่โดดเด่นในปลายศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นที่พักฤดูร้อนของภรรยาพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 3 แห่งบรันเดินบวร์ค ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพระราชวังได้มีการขยายและบูรณะใหม่ทำให้เกิดเป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในปัจจุบัน
อาคารในพระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์คแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พระราชวังเก่าและพระราชวังใหม่ สำหรับพระราชวังเก่าสร้างขึ้นในปี 1700 พร้อมหอคอยยอดแหลม ด้านในมีการตกแต่งโถงต่าง ๆ ซึ่งการจัดวางเป็นไปตามของดั้งเดิม มีการจัดแสดงคอลเลกชันงานศิลปะชิ้นเอกที่โดดเด่น ตู้เครื่องลายคราม โบสถ์ในวัง และห้องนอนของพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของอพาร์ทเมนต์ขบวนพาเหรดสไตล์บาโรกอันงดงาม
ในขณะที่พระราชวังใหม่หรือที่เรียกว่าปีกใหม่ของชาร์ล็อทเทินบวร์คถูกสร้างราวศตวรรษที่ 18 ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของพระราชวังที่มีอยู่เดิม และเพิ่มห้องนั่งเล่นรวมถึงห้องรับรองสำหรับราชวงศ์ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรก ครอบคลุมถึงพื้นที่ห้องโถงสีเขียวพาสเทลที่ตกแต่งด้วยทองคำ (Golden Gallery) ห้องจัดแสดงคอลเลกชันเครื่องลายครามอันวิจิตรงดงาม และห้องต้อนรับอย่างเป็นทางการสำหรับราชวงศ์ปรัสเซียน (Audience Chamber)
ความสวยงามของพระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์คไม่ได้สะท้อนผ่านพระราชวังทั้ง 2 ส่วนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสวนหลวงที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังพระราชวังที่มีอายุกว่า 300 ปี และได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ด้านในมีพื้นที่ขนาดใหญ่และแบ่งออกเป็นหลายส่วน ครอบคลุมถึงสวนจัดแสดงดอกไม้หลากสีตามฤดูกาลหลายชนิด เดินผ่านสวนนี้ไปจะเป็นพื้นที่น้ำพุและน้ำตก ในขณะที่ฝั่งทิศตะวันออกของสวนมีศาลาสำหรับพักผ่อน เช่นเดียวกับทางเดินริมน้ำเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศอันเงียบสงบและทิวทัศน์ที่สวยงาม
เนื่องจากพระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์คมีขนาดใหญ่มากควรเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือรอบเช้าหรือรอบหลังบ่ายสามโมงเย็น แนะนำให้เข้าชมทั้งพระราชวังเก่าและใหม่และค่อยมาเดินชมสวนตอนท้าย ที่สวนมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก และยังมีบรรยากาศดี เดินเล่นได้เพลิน ๆ
เวลาเปิด: วันอังคาร-อาทิตย์ 10:00-17:30 น. (เดือนเมษายน-ตุลาคม) : วันอังคาร-อาทิตย์ 10:00-1:30 น. (เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม) ราคาตั๋วเข้าชมพระราชวังเก่า 14 ยูโร พระราชวังใหม่ 12 ยูโร ตั๋วรวม 19 ยูโร ตั๋วรอบสุดท้ายจำหน่ายถึง 30 นาทีก่อนเวลาปิด การเดินทาง: นั่งรถบัสสาย 309 หรือ M45 ไปลงที่ป้าย Schloss Charlottenburg
เที่ยวเบอร์ลิน: เกาะพิพิธภัณฑ์ (Museum Island)
ชมพระราชวังชาร์ล็อทเทินบวร์คและสวนดอกไม้เสร็จแล้วเราเดินทางต่อไปยังใจกลางเมืองเพื่อชมพิพิธภัณฑ์เพอร์กามอนที่ได้จองตั๋วไว้ พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ในเกาะพิพิธภัณฑ์ซึ่งรวมพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกไว้ 5 แห่ง คือ Pergamon Museum, Neues Museum, Altes Museum, The Alte Nationalgalerie และ The Bode Museum พิพิธภัณฑ์เหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กันนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเข้าชมได้ตามความสนใจ
ใครที่วางแผนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งในเกาะพิพิธภัณฑ์แนะนำให้ใช้บัตร Berlin WelcomeCard: Museum Island & Public Transport รวมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรีเป็นเวลา 72 ชั่วโมง โซน AB หรือ ABC พร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับที่เที่ยวอื่น ๆ บัตรราคา 53 ยูโร ซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งในเกาะพิพิธภัณฑ์รวมการเดินทางฟรีล่วงหน้าตอนนี้เลย
เที่ยวเบอร์ลิน: พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน (Pergamon Museum)
พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอนตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ Neues Museum เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่โดดเด่นและมีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในเบอร์ลิน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งชื่อตาม Pergamon Altar ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทรรศการที่มีชื่อเสียงที่สุด ด้านในจัดแสดงวัตถุโบราณและสถาปัตยกรรมชิ้นเอกจากอารยธรรมต่าง ๆ ไว้หลายอย่าง โดยมีไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยก็คือแท่นบูชาเพอร์กามอน ซึ่งเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช แท่นบูชาเป็นตัวอย่างที่ไม่ธรรมดาของสถาปัตยกรรมและประติมากรรมแบบเฮลเลนิสติก มีภาพนูนต่ำนูนสูงที่ซับซ้อนซึ่งบรรยายถึงการต่อสู้ในตำนานและฉากจากเทพนิยายกรีก
นิทรรศการที่โดดเด่นอีกชิ้นในพิพิธภัณฑ์คือประตูอิชตาร์และขบวนเสด็จแห่งบาบิโลน ซึ่งทำหน้าที่เป็นทางเข้าสู่เมืองบาบิโลนโบราณที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสำเร็จทางศิลปะของอารยธรรมบาบิโลน พิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงประตูโบราณของตลาดแห่งมิเลทัส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่ในเมืองโบราณมิเลทัส ประเทศตุรกีในปัจจุบัน ประตูนี้ประดับด้วยภาพนูนต่ำนูนสูงที่สลับซับซ้อนซึ่งแสดงฉากต่าง ๆ จากชีวิตประจำวัน รวมถึงพ่อค้า บุคคลในตำนาน และลวดลายตกแต่งต่าง ๆ ผู้เข้าชมสามารถเดินผ่านประตูที่สร้างขึ้นใหม่และชื่นชมภาพนูนต่ำนูนสูงผ่านรายละเอียดจากเครื่องออดิโอไกด์
นอกจากการจัดแสดงโครงสร้างโบราณขนาดใหญ่สุดอลังการแล้ว พิพิธภัณฑ์เพอร์กามอนยังเก็บสะสมงานศิลปะโบราณและศิลปวัตถุมากมายจากตะวันออก รวมถึงศิลปะกรีกโบราณ โรมัน และอิสลาม นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้ทั้งความรู้และได้มีโอกาสเห็นงานศิลปะชิ้นใหญ่จากอารยธรรมต่าง ๆ แบบตื่นตาตื่นใจทีเดียว
เวลาเปิด: วันอังคาร-อาทิตย์ 10:00-18:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 12 ยูโร ควรจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเพราะเต็มเร็วมาก และเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง
เที่ยวเบอร์ลิน: มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral)
ใกล้กับพิพิธภัณฑ์เพอร์กามอนเดินผ่านสวนสาธารณะ Lustgarten ไป 3 นาทีจะเจอกับมหาวิหารเบอร์ลินตั้งเด่นสง่าอยู่ริมแม่น้ำสปรี (Spree) มหาวิหารนี้เป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมในเบอร์ลิน สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 และเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์และนีโอบาโรกที่น่าทึ่ง
มหาวิหารเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ด้านในตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกที่สวยงาม มาพร้อมงานไม้อันประณีต และผสมผสานกับหน้าต่างกระจกสีอันงดงาม ถ้าไปนั่งในวิหารจะรับรู้ได้ถึงความเงียบสงบ
ในขณะที่อีกส่วนของมหาวิหารมีทางเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังโดมด้านบนความสูง 100 เมตร สามารถมองเห็นมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเบอร์ลินแบบสุดลูกหูลูกตา ไล่จากซ้ายไปขวาตั้งแต่หอส่งสัญญาณโทรทัศน์เบอร์ลิน เกาะพิพิธภัณฑ์ และสวนสาธารณะ Lustgarten เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่คุ้มค่าตั๋วเข้าชม และยังได้เห็นวิวสวย ๆ ไม่แพ้อนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะที่เราไปชมในวันแรกเลย
เวลาเปิด: วันจันทร์-ศุกร์ 10:00-18:00 น. วันเสาร์ เวลา 10:00-17:00 น. วันอาทิตย์ เวลา 12:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 10 ยูโร ควรจองตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเพราะเต็มเร็วมาก และเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
เที่ยวเบอร์ลิน: จัตุรัสอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ (Alexanderplatz)
เราเดินเที่ยวและชมวิวกรุงเบอร์ลินเต็มอิ่มแล้ว ต่อไปจะแวะไปที่จัตุรัสอเล็กซานเดอร์พลัทซ์กันบ้าง จัตุรัสนี้มีชื่อเสียงและมีบรรยากาศที่พลุกพล่านและยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมด้วย ที่เที่ยวน่าสนใจในจัตุรัสอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ คือ หอส่งสัญญาณโทรทัศน์เบอร์ลิน (Berliner Fernsehturm) ความสูง 368 เมตร และนาฬิกาบอกเวลาโลก (World Time Clock) ทรงกระบอกพร้อมแถบโลหะหมุนได้ นอกจากที่เที่ยวเหล่านี้จัตุรัสยังรวมร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ไว้มากมาย โดยรวมแล้วเป็นจัตุรัสมีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง แบบเดินเล่นซื้อของหาอาหารทานได้เพลิน ๆ
หอคอยโทรทัศน์เบอร์ลิน (Berliner Fernsehturm)
สำหรับใครที่อยากเห็นวิวสวยๆ ของกรุงเบอร์ลินแบบไม่มีตึกมาบดบังทัศนียภาพต้องที่นี่เลยหอคอยโทรทัศน์เบอร์ลิน เพราะด้วยความสูงกว่า 368 เมตรจะทำให้เราเห็นวิวมุมกว้างของเส้นขอบฟ้าของกรุงเบอร์ลินแบบสุดลูกหูลูกตา และที่สำคัญเขาเปิดยาวจนถึงห้าทุ่มแล้ว เรียกได้ว่าชมวิวได้ทั้งเช้าและเย็น ใครที่สนใจอย่าลืมเตรียมค่าตั๋วเข้าชมไว้ 24.50 ยูโร
เที่ยวเบอร์ลิน: ล่องเรือชมเบอร์ลินสายประวัติศาสตร์ (Historic City Cruise)
นอกจากเดินเที่ยวชมเมืองและเข้าชมที่เที่ยวต่าง ๆ ในเบอร์ลินแล้ว ยังมีกิจกรรมล่องเรือทางสายน้ำที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง เรือที่ใช้เป็นเรือแบบเปิดโล่งมีชั้นด่านฟ้าสำหรับนั่งชมวิวอย่างชัดเจน มาพร้อมไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ ที่ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เมื่อเรือแล่นผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ตามแม่น้ำสปรี รวมถึงมหาวิหารเบอร์ลิน เกาะพิพิธภัณฑ์ ทำเนียบรัฐบาลเยอรมัน สภาวัฒนธรรมโลก ก่อนจะวนกลับมาจอดยังท่าเรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทัวร์ล่องเรือราคา 19.90 ยูโร
อาหารน่าทานในเบอร์ลิน
มาเบอร์ลินก็ต้องมาลองอาหารเยอรมันให้รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร รายการด้านล่างคืออาหารเยอรมันดั้งเดิมที่ควรลองทาน
- Currywurst: ไส้กรอกเยอรมันทานเล่นยอดนิยม เสิร์ฟพร้อมซอสแกงกะหรี่รสเผ็ดและมันฝรั่งทอดหรือขนมปังโรล พอลองทานแล้วให้รสชาติเผ็ดเล็กน้อยและรสเปรี้ยวจากซอสมะเขือเทศ
- Döner kebab: เคบับตุรกีดั้งเดิมสำหรับทานเล่นที่ขึ้นชื่อในเบอร์ลิน ข้างในเป็นเนื้อปรุงรสมาพร้อมผัก มะเขือเทศ หัวหอม และซอสที่เลือกได้ ทานแล้วอร่อยเข้ากันดีกับซอสซอสโยเกิร์ตกระเทียม เมนูนี้พบได้ตามย่านท่องเที่ยว รวมถึงย่าน Kreuzberg ที่มีชื่อเสียงของเมนูนี้
- Schnitzel: อาหารเยอรมันแบบดั้งเดิมที่ขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนู เป็นเนื้อชุบเกล็ดขนมปังและทอด เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งและกะหล่ำปลีดอง ว่ากันว่าถ้าอยากลองทานเมนูนี้ต้องไปที่ร้านอาหารเก่าของเบอร์ลิน (Zur Letzten Instanz) จากปี 1621 ตั้งอยู่ในย่าน Mitte ส่วนเราไปลองที่ร้าน Bavaria Berlin ใกล้กับอนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์แล้วอร่อยเหมือนกัน ชอบที่เขามาพร้อมกะหล่ำปลีดองช่วยเพิ่มรสชาติ
- Eisbein: เป็นอาหารเยอรมันแบบดั้งเดิมที่ทานแล้วชอบมาก ใช้ขาหมูเคี่ยวจนนุ่มด้วยส่วนผสมของสมุนไพรและเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลีดองและมันฝรั่ง แล้วขาหมูคือชิ้นใหญ่มากทานอยู่นานกว่าจะหมด เราไปลองที่ร้าน Bavaria Berlin มาเหมือนกันรสชาติอร่อย
- Pretzels: อาหารว่างยอดนิยมเป็นขนมปังอบบิดเป็นเกลียว ด้านนอกมีสีน้ำตาลทองส่วนด้านในนุ่มและเคี้ยวได้ และยังมีแบบที่โรยเกลือ ใส่น้ำตาลอบเชย และแบบสอดไส้ด้วยช็อกโกแลต ถั่ว หรือผลไม้ เราลองแบบที่โรยเกลือทานคู่กับกาแฟแล้วรองทองก่อนอาหารมื้อหลักได้ดี เมนูนี้มีขายตามคาเฟ่และร้านขนมปัง
- Berliner Weiße: เบียร์เบอร์ลินแบบดั้งเดิมที่ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นผลไม้และรสเปรี้ยว มักเสิร์ฟพร้อมกับราสเบอร์รี่หรือน้ำเชื่อมวูดรัฟฟ์เพื่อเพิ่มความหวาน
- Fritz-kola: แบรนด์น้ำอัดลมยอดนิยมที่มีต้นกำเนิดในฮัมบูร์ก แต่มีขายทั่วไปในเบอร์ลินและทั่วเยอรมนี ลองดื่มแล้วรสชาติเข้มข้นและหวานน้อยกว่าถ้าเทียบกับโคล่ายี่ห้ออื่น ถ้าใครไม่ชอบหวานจะมีแบบปราศจากน้ำตาล แบบผสมรสผลไม้ต่าง ๆ และแบบที่ผสมใบเยอร์บามาเต
- Street food: นอกจากอาหารเยอรมันดั้งเดิมแล้วยังมีอาหารริมทางให้ได้ทานด้วย เช่น อาหารเกาหลี อาหารเวียดนาม ฯลฯ เราชอบทานราเม็งก็เลยลองไปทานที่ร้าน Cocolo Ramen เป็นร้านเล็ก ๆ พอลองทานแล้วราเม็งที่นี่อร่อยใช้ได้เลย แล้วก็มีไปทานไก่ทอดเกาหลีที่ร้าน Angry Chicken เซตปีกไก่ให้เยอะมาก แบบอร่อยอิ่มท้องในราคา 12 ยูโร
ย่านที่พักในเบอร์ลิน
เบอร์ลินมีตัวเลือกที่พักตามอยู่ย่านต่าง ๆ ทั่วเมือง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ตามความสะดวกในการเดินทาง
ที่พักน่าสนใจในเบอร์ลิน
Abba Berlin Hotel: โรงแรม 4 ดาวโลเคชั่นดีเยี่ยมตั้งอยู่ในย่าน Charlottenburg-Wilmersdorf ใกล้ร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงสวนสาธารณะไทยพาร์ค ห้องพักกว้างและสะอาด มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ พนักงานให้บริการดีและเป็นมิตร ถ้าเดินทางมาด้วยรถยนต์มีที่จอดรถของโรงแรมบริการ รวมถึงที่จอดรถเอกชนห่างออกไปเพียง 10 นาที ทั้งยังเดินทางสะดวกด้วยรถไฟ S-Bahn เข้าเมืองใน 20 นาที โดยรวมเป็นโรงแรมที่พึงพอใจและคิดถูกที่มาพักในย่านนี้ → ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
ค้นหาและเปรียบเทียบที่พักในเบอร์ลิน
การเดินทางในเบอร์ลิน
เบอร์ลินเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนดีเยี่ยม ซึ่งรวมถึงรถประจำทาง รถไฟ รถราง และรถไฟใต้ดิน เป็นตัวเลือกช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเมืองได้อย่างครอบคลุม โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลาประมาณ 04:30-01:30 น. ในวันธรรมดา และจนถึงเวลา 04:00 น. ในวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีรถบัสและรถไฟกลางคืนที่ให้บริการหลังเวลาปกติอีกด้วย
ค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะในเบอร์ลิน
เบอร์ลินมีระบบค่าโดยสารตามโซน คือ AB, BC และ ABC
- โซน AB: รวมพื้นที่ใจกลางเมืองเบอร์ลินจนถึงวงแหวน S-Bahn
- โซน BC: เป็นส่วนที่อยู่นอกวงแหวน S-Bahn จนถึงเขตเมือง
- โซน ABC: รวมถึงพื้นที่โดยรอบของเบอร์ลิน สนามบิน BER และสถานีรถไฟ Potsdam Central
ตั๋วเดินทางระบบขนส่งสาธารณะในเบอร์ลิน
นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเดินทางตามโซน AB, BC หรือเครือข่าย ABC ได้ตามความสะดวก ถ้าเดินทางภายในเขตเมืองของเบอร์ลินเท่านั้นสามารถใช้ตั๋ว AB ในขณะที่เดินทางจากสนามบินรวมถึงพักในเขตสถานีรถไฟ Potsdam Central แนะนำให้ใช้ตั๋ว ABC ราคาตั๋วแบ่งตามประเภทและเวลาการใช้งาน ดังรายการ
- Single Ticket (Einzelfahrschein): ตั๋วเที่ยวเดียวใช้เดินทางได้ 2 ชม. ราคา 3.20 ยูโร (AB), 3.80 ยูโร (BC) และ 4 ยูโร (ABC)
- Short Trip Ticket (Kurzstrecke): ตั๋วเดินทางระยะสั้นราคา 2.20 ยูโร ใช้ได้กับ S-Bahn หรือรถไฟใต้ดิน 3 ป้าย อนุญาตให้เปลี่ยนรถไฟได้ หรือรถเมล์และรถราง 6 ป้าย โดยที่ไม่เปลี่ยนรถ
- 24-Hour Single Ticket: ตั๋วสำหรับผู้โดยสาร 1 คน ใช้เดินทางได้ 24 ชม. ราคา 9.50 ยูโร (AB), 9.90 ยูโร (BC) และ 10.70 ยูโร (ABC)
- 24-Hour Group Ticket: ตั๋วสำหรับผู้โดยสารกลุ่มเล็กสูงสุด 5 คน ใช้เดินทางได้ 24 ชม. ราคา 29 ยูโร (AB), 30 ยูโร (BC) และ 31 ยูโร (ABC)
- 7-Day Single Ticket: ตั๋วสำหรับผู้โดยสาร 1 คน ใช้เดินทางได้ 7 วัน ราคา 39 ยูโร (AB), 40 ยูโร (BC) และ 46 ยูโร (ABC)
สามารถซื้อตั๋วได้จากเครื่องขายตั๋วบนชานชาลาของ S-Bahn และสถานีรถไฟใต้ดิน ที่ป้ายรถเมล์หลัก บนรถเมล์กับคนขับ เครื่องขายตั๋วในรถราง ในสถานีขนาดใหญ่ของ S-Bahn เคาน์เตอร์ขายตั๋ว BVG ซื้อผ่านแอป BVG หรือจากเว็บไซต์และแอป DB นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้วิธีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส เช่น บัตรเครดิตหรือแอปชำระเงินผ่านมือถือบนรถโดยสารได้อีกด้วย ก่อนเริ่มต้นการเดินทางอย่าลืมตรวจตั๋ว โดยประทับตราที่กล่องสีเหลืองหรือสีแดงที่อยู่บน S-Bahn และชานชาลารถไฟใต้ดิน รวมถึงภายในรถบัสหรือรถราง
บัตรท่องเที่ยวยอดนิยมในเบอร์ลิน (Berlin Welcome Card)
Berlin Welcome Card เป็นบัตรผ่านสำหรับนักท่องเที่ยวยอดนิยมที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดถึง 50% สำหรับเข้าชมที่เที่ยวยอดนิยมในเบอร์ลิน เช่น สวนสัตว์เบอร์ลิน หอส่งสัญญาณโทรทัศน์เบอร์ลิน และพิพิธภัณฑ์เพอร์กามอน ฯลฯ ใช้เข้าร่วมทัวร์ และยังรวมการเดินทางในเบอร์ลินด้วยรถบบขนส่งสาธารณะฟรี สำหรับโซน AB และABC มาพร้อมแผนที่เมืองและคู่มือการเดินทาง ช่วยนักให้ท่องเที่ยวประหยัดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อตั๋วเดินทางให้ยุ่งยาก ราคาบัตรแบ่งตามประเภทและเวลาใช้งาน ดังรายการ
- Berlin WelcomeCard 48h: ราคา 25 ยูโร (AB) และ 30 ยูโร (ABC)
- Berlin WelcomeCard 72h: ราคา 35 ยูโร (AB) และ 40 ยูโร (ABC)
- Berlin WelcomeCard 4 Days: ราคา 43 ยูโร (AB) และ 47 ยูโร (ABC)
- Berlin WelcomeCard 5 Days: ราคา 48 ยูโร (AB) และ 52 ยูโร (ABC)
- Berlin WelcomeCard 5 Days: ราคา 53 ยูโร (AB) และ 56 ยูโร (ABC)
- Berlin WelcomeCard Museum Island 72h: ราคา 53 ยูโร (AB) และ 56 ยูโร (ABC)
การเดินทางไปเบอร์ลินจากอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากเบอร์ลินประมาณ 662 กม. นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังเบอร์ลินด้วยตัวเลือกระบบขนส่งสาธารณะและรถยนต์
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวเบอร์ลิน
เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวเบอร์ลิน 2 วัน 3 คืน สำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 700-770 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 27,200-30,000 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าที่จอดรถ 3 วัน รวม 75 ยูโร ค่าที่พัก 3 คืน รวม 370 ยูโร ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 90-120 ยูโร
โฮสเทล: 80-90 ยูโร
การเดินทาง: 9.90 ยูโร
ซื้อตั๋วเดินทางในเบอร์ลิน
กิจกรรมและตั๋ว: 50-60 ยูโร
รถเช่า: 50-100 ยูโร
อาหาร: 15-30 ยูโร/มื้อ
เครื่องดื่ม: 10-15 ยูโร
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡