เกนต์ (Ghent) เป็นหนึ่งในเมืองน่าเที่ยวของเบลเยียม และยังมีบรรยากาศที่คล้ายกับเมืองบูรจส์ (Bruges) ตั้งอยู่ห่างกันเพียง 52 กิโลเมตร เมืองเกนต์มีประวัติศาสตร์อันยาวนานย้อนกลับไปในยุคกลาง และเป็นที่รู้จักจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตลอดจนสถานที่สำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น มหาวิหารเซนต์บาโว อาคารหน้าจั่วทรงสูงที่งดงามราวกับภาพวาดบนถนนกราสไลและโคเรนไลริมแม่น้ำเลอิ รวมไปถึงปราสาทจากศตวรรษที่ 12 ซึ่งทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองได้เป็นอย่างดี
การเดินทางไปเยือนเกนต์จึงไม่เพียงแค่เป็นการเปิดประสบการณ์สู่เมืองอนุสรณ์สถานยุคกลางเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้กลิ่นอายของวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และแน่นอนว่าในบทความนี้จะไม่ครอบคลุมแค่สถานที่เที่ยวในเมืองเกนต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกิจกรรมน่าสนใจ ตลอดจนที่พัก การเดินทาง อาหารน่าทาน และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางมาเที่ยวเกนต์ด้วยตัวเอง
ทำอะไรได้บ้างที่เกนต์
เที่ยวเกนต์: ขึ้นหอระฆังแห่งเกนต์ (Belfry of Ghent)
แน่นอนว่าเมื่อมาเยือนเกนต์แล้วกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการขึ้นหอระฆังแห่งเกนต์ไปชมทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่สวยงามของเมืองและบริเวณโดยรอบ ซึ่งหอคอยแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองมาอย่างยาวนานเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในสามหอคอยยุคกลางในเบลเยียมที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก โดยมีหอคอยอีกสองแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กัน คือ มหาวิหารเซนต์บาโวและโบสถ์เซนต์นิโคลัส
หอระฆังแห่งเกนต์สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 มีความสูงประมาณ 91 เมตร มีระฆังทั้งหมด 53 ใบ รวมถึงระฆัง “Roeland” อันโด่งดัง ในอดีตหอระฆังทำหน้าที่เป็นหอสังเกตการณ์และเตือนภัย ปัจจุบันกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของเมืองเกนต์ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นบันไดจำนวน 366 ขั้นไปบนหอคอยเพื่อดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเกนต์
ภายในหอคอยยังมีการจัดแสดงนิทรรศการตามชั้นต่าง ๆ และพิพิธภัณฑ์ที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหอคอยและเมืองเกนต์ได้อย่างน่าสนใจ โดยแบ่งออกเป็นห้องใต้ดินแสดงรูปปั้นหินที่เป็นตัวแทนของยามผู้พิทักษ์ที่เคยทำหน้าที่ในหอคอยจนถึงปี ค.ศ. 1869 ส่วนที่สองนักท่องเที่ยวจะได้พบกับห้องโถงผ้าที่สะท้อนถึงความเฟื้องฟูของอุตสาหกรรมสิ่งทอของเมืองเกนต์ในอดีต
ส่วนที่สามจะนำนักท่องเที่ยวไปพบกับมังกรทองแดงปิดทองที่เพิ่มเข้ามาบนยอดหอคอยในปี ค.ศ.1377 มังกรนี้ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์และยังเป็นสัญลักษณ์ของหอระฆัง ส่วนที่สี่จัดแสดงชุดระฆังที่มีโทนเสียงต่าง ๆ ส่วนชั้นบนสุดนักท่องเที่ยวจะได้ชมคาริล รวมไปถึงเครื่องจักรที่มีกลไกพิเศษเพื่อทำให้ระฆังบนหอคอยทำงาน
หอระฆังแห่งเกนต์เปิดทุกวันเวลา 10:00-18:00 น. ยกเว้นวันที่ 1 มกราคม และ 25 ธันวาคม ราคาตั๋วเข้าชม 10 ยูโร ตั๋วรอบสุดท้ายจำหน่ายถึงเวลา 17:30 น. เส้นทางเดินขึ้นหอคอยค่อนข้างกว้างและมีจุดแวะพักเพื่อชมนิทรรศการต่าง ๆ ทำให้ไม่รู้เหนื่อย ทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าทีเดียวที่จะไปเยือนหอระฆังแห่งนี้ด้วยตัวเอง
เที่ยวเกนต์: ชมมหาวิหารเซนต์บาโว (Saint Bavo’s Cathedral)
มหาวิหารเซนต์บาโว หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Sint-Baafskathedraal” เป็นมหาวิหารสไตล์กอทิกที่สวยงามของเมืองเกนต์ และยังเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริชที่เก่าแก่ที่สุดในใจกลางเมืองเกนต์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหอระฆังแห่งเกนต์ มหาวิหารแห่งนี้อุทิศให้กับนักบุญเซนต์จอห์น โดยมีอายุเก่าแก่ย้อนไปศตวรรษที่ 14 แต่บางส่วนของอาสนวิหารสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9
ด้านในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามฟรี ส่วนชั้นใต้ดินยังมีการจัดแสดงผลงานชิ้นเอกของศิลปะยุคกลาง “Ghent Altarpiece” ที่ถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่สำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 15 (มีค่าเข้าชมเพิ่มเติม 12.5 ยูโร) มหาวิหารเซนต์บาโวเปิดทุกวัน วันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 08:30-17:30 น. วันอาทิตย์ เวลา 13:00-17:30 น.
เที่ยวเกนต์: สำรวจปราสาทกราเวนสตีน (Gravensteen)
ปราสาทแห่งเคานต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Gravensteen” เป็นปราสาทยอดนิยมของเมืองเกนต์จากศตวรรษที่ 12 ในอดีตทำหน้าที่เป็นที่พักอาศัยของเคานต์แห่งแฟลนเดอร์สและที่นั่งของรัฐบาลในช่วงเวลานั้น และยังเป็นตัวอย่างที่สำคัญของสถาปัตยกรรมยุคกลางที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม รอบล้อมด้วยกำแพงสูงและคูน้ำที่ได้การอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมห้องต่าง ๆ ภายใน รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาทผ่านการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ ซึ่งเป็นเสียงพากย์ปนอารมณ์ขันของนักแสดงตลกชาวเฟลมิชผ่านจุดสำคัญถึง 18 จุด ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์และการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นระหว่างอัศวินเป็นฉากหลัง
บางช่วงอาจมีข้อมูลที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจไปบ้าง เช่น ห้องขังและอุปกรณ์ทรมานนักโทษ รวมไปถึงคุกใต้ดินที่ไม่มีประตูทางออก แต่นั้นก็เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาในหลากหลายแง่มุม อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของเคานต์ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันโอ้อ่าภายในป้อมปราการและเทคนิคการป้องกันขั้นสูงในสมัยนั้นที่นำเสนอให้ผู้ชมเข้าใจได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ปราสาทแห่งเคานต์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น. ยกเว้นวันที่ 24, 25 และ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม ราคาตั๋วเข้าชม 12 ยูโร ตั๋วรอบสุดท้ายจำหน่ายถึงเวลา 16:40 น. สามารถรับเครื่องเสียงออดิโอได้ที่ร้านขายของที่ระลึกในปราสาท และควรเผื่อเวลาการเข้าชมไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
เที่ยวเกนต์: เดินชมอาคารยุคกลางริมแม่น้ำเลอิ
ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นภาพถ่ายแม่น้ำเลอิในเมืองเกนต์โดยมีฉากหลังเป็นอาคารหน้าจั่วทรงสูงที่ตั้งเรียงแถวงดงามราวกับภาพวาดมาก่อน แน่นอนว่าจะที่แห่งนี้คืออาคารยุคกลางที่ตั้งอยู่บนถนนกราสไล (Graslei) และโคเรนไล (Korenlei) ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางท่าเรือสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 11 และ 12 ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเกนต์และมักถูกมองว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในเมืองอีกด้วย
อาคารยุคกลางที่ตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเลอิส่วนใหญ่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และ 15 เคยทำหน้าที่เป็นโกดังเก็บธัญพืชก่อนที่จะขายในตลาดเมืองเกนต์ (Korenmarkt) ซึ่งช่วงเวลานั้นเกนต์ได้รับสิทธิพิเศษในการนำเข้าธัญพืชทั้งหมดเพื่อส่งไปยังเทศมณฑลแฟลนเดอร์ส ปัจจุบันอาคารหลายหลังถูกดัดแปลงมาเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ โดยได้รับการอนุรักษ์ส่วนหน้าไว้และและปรับปรุงด้านในให้มีความแข็งแรงคงทน
ถนนกราสไลและโคเรนไลถูกเชื่อมต่อด้วยสะพาน “Grasbrug” ที่ไม่เพียงนำผู้คนไปยังตลาดโคเรน แต่ยังให้ทัศนียภาพที่งดงามของอาคารริมสองฝั่งแม่น้ำ รวมถึงเป็นที่ตั้งของท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยว
ถ้าไปยืนบนสะพาน Grasbrug จะพบว่าบรรยากาศฝั่งถนนโคเรนไลค่อนข้างเงียบกว่า และยังเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมโดยมีฉากหลังเป็นโบสถ์เซนต์นิโคลัสและหอระฆังแห่งเกนต์ ส่วนถนนกราสไลให้บรรยากาศที่คึกคักของเมือง มีจุดถ่ายภาพยอดนิยมสามารถมองเห็นสะพานเซนต์ไมเคิลและโบสถ์เซนต์ไมเคิลเป็นฉากหลัง ภาพบรรยากาศทั้งหมดนี้นับว่าคุ้มค่าทีเดียวที่จะใช้เวลาเดินเล่นริมแม่น้ำเลอิเพื่อชมความสวยงามทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน
เที่ยวเกนต์: ทัวร์ล่องเรือในแม่น้ำเลอิ (Ghent Boat Tour)
การล่องเรือในแม่น้ำเลอิเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะพาผู้เข้าร่วมทัวร์ไปเรียนรู้และสำรวจสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองกับไกด์ท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือสำคัญในอดีต หอคอยที่สำคัญสามแห่งของเมือง โบสถ์เซนต์นิโคลัส ปราสาทแห่งเคาน์ ตลอดจนตลาดปลาเก่าและตลาดในร่มจากศตวรรษที่ 15 โดยทัวร์เป็นภาษาอังกฤษ ดัตช์ และฝรั่งเศส ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เปิดให้บริการทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว ฤดูร้อนระหว่างเวลา 10:00-18:00 น. เรือออกทุก ๆ 20 นาที ส่วนในฤดูหนาว เวลา 10:45-15:45 น. จุดขึ้นเรือตั้งอยู่ริมถนนโคเรนไล จองตั๋วล่วงหน้าเข้าร่วมทัวร์ล่องเรือในเมืองเกนต์ตอนนี้เลย
เที่ยวเกนต์: เยี่ยมชมโบสถ์เซนต์นิโคลัส (Saint Nicholas’ Church)
โบสถ์เซนต์นิโคลัสเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดในเมืองเกนต์ ตั้งอยู่ทางด้านหลังหอระฆังแห่งเกนต์ และยังเป็นโบสถ์ที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอทิกที่เป็นเอกลักษณ์และมีการตกแต่งภายในที่สวยงาม
โบสถ์นี้อุทิศให้กับนักบุญเซนต์นิโคลัส ในอดีตทำหน้าที่เป็นหอสังเกตการณ์และหอระฆังประจำเมืองก่อนที่หอระฆังแห่งเกนต์จะถูกสร้างขึ้น จึงได้ย้ายหน้าที่ไปไว้ที่นั้นแทน ปัจจุบันโบสถ์เซนต์นิโคลัสเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี ด้านในมีการจัดแสดงงานศิลปะหลายชิ้น รวมถึงประติมากรรมและภาพวาดจำนวนมาก
เที่ยวเกนต์: เดินเล่นบนสะพานเซนต์ไมเคิล (St Michael’s Bridge)
สะพานเซนต์ไมเคิลเป็นสถานที่แห่งความโรแมนติกในเมืองเกนต์ที่ถูกถ่ายภาพบ่อยครั้งจากนักท่องเที่ยว และยังใช้ข้ามแม่น้ำเลอิและเชื่อมต่อย่านเซนต์ไมเคิล และ “Patershol” แน่นอนว่าจุดดึงดูดใจของสะพานแห่งนี้คือทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองแบบรอบด้าน ด้านหน้าสามารถมองเห็นถนนนยอดนิยมกราสไลและโคเรนไลโดยมีฉากหลังเป็นปราสาทแห่งเคานต์จากระยะไกล ส่วนซ้ายมือมองเห็นโบสถ์เซนต์ไมเคิล เช่นเดียวกับขวามือคือที่ตั้งของหอหอยสามแห่ง ส่วนด้านหลังคือที่ตั้งศูนย์ประชุมของมหาวิทยาลัยเกนต์ ภาพบรรยากาศเหล่านี้งดงามและโรแมนติกทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน
นอกจากความโรแมนติกที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสจากสะพานแห่งนี้แล้ว ประวัติความเป็นมาของสะพานเซนต์ไมเคิลนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยมีความเก่าแก่ย้อนไปจนถึงศตวรรษที่ 13 เมื่อครั้งยังเป็นสะพานไม้ แต่ถูกทำลายบ่อยครั้งเนื่องจากน้ำท่วมหรือสงคราม ทำให้สะพานหินถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ก่อนจะยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ตัวสะพานไม่เพียงแต่มีส่วนโค้งตรงกลางที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังขนาบข้างด้วยส่วนโค้งขนาดเล็กอีกสองส่วนเพื่อเปิดเป็นทางเดินลอดใต้สะพาน ที่ด้านบนสุดของซุ้มประตูกลางบนสะพานยังมีการประดับด้วยรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของนักบุญเซนต์ไมเคิล โดยมีมังกรดิ้นอยู่ที่เท้า ซึ่งมาจากเรื่องราวในพระคัมภีร์ทางศาสนา
เที่ยวเกนต์: ชมโบสถ์เซนต์ไมเคิล (Saint Michael’s Church)
ถัดจากสะพานเซนต์ไมเคิลเป็นที่ตั้งของโบสถ์เซนต์ไมเคิล ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารทางศาสนาที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในเมืองเกนต์ โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และเป็นที่รู้จักในด้านสถาปัตยกรรมกอทิกที่สวยงาม
ลักษณะเด่นที่สุดของโบสถ์คือหอคอยสูง รวมถึงการตกแต่งภายในโบสถ์ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยมีทางเดินตรงกลางและทางเดินรอบข้างสองทาง ประดับหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม รวมไปถึงแท่นบูชาและผลงานศิลปะมากมาย โบสถ์เซนต์ไมเคิลเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและมีไกด์นำเที่ยว เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและสถาปัตยกรรม ตลอดจนได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโบสถ์และเมืองไปในตัว
เที่ยวเกนต์: ชมศาลาว่าการเมืองเกนต์ (Ghent City Hall)
ศาลาว่าการเมืองเกนต์เป็นที่ตั้งของรัฐบาลและทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและการปกครองในเกนต์ โดยตั้งอยู่ที่ใจกลางจัตุรัส “Korenmarkt” ทางด้านหลังของหอระฆังแห่งเกนต์ ความน่าสนใจของอาคารแห่งนี้คือตัวอย่างของสถาปัตยกรรมสไตล์เฟลมิชบาโรก และยังโดดเด่นด้วยส่วนหน้าอันหรูหราซึ่งประดับประดาด้วยประติมากรรม และบันไดกลางขนาดใหญ่ที่นำไปสู่ทางเข้าหลัก
ศาลาว่าการเมืองเกนต์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามด้านในและมีไกด์นำเที่ยว ครอบคลุมถึงห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรม ใช้สำหรับพิธีและงานต่าง ๆ รวมถึงงานแต่งงานและงานเลี้ยงรับรอง ผู้เข้าชมยังสามารถชมห้องประชุมสภาซึ่งเป็นที่ประชุมสภาเมืองและสำนักงานของนายกเทศมนตรีได้อีกด้วย
เที่ยวเกนต์: แวะไปพิพิธภัณฑ์บ้านอาลีจน์ (Huis van Alijn Museum)
“House of Alijn” เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในอาคารสมัยศตวรรษที่ 15 และอุทิศให้กับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชีวิตประจำวันในเมืองเกนต์ ตั้งอยู่ห่างจากศาลาว่าการเมืองเกนต์เพียง 7 นาที
ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือการนำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับอดีตของเมืองผ่านคอลเล็กชันโบราณวัตถุ รวมถึงสิ่งของในชีวิตประจำวัน เครื่องแต่งกาย และภาพถ่าย โดยแบ่งออกเป็นห้องตามธีมต่าง ๆ รวมถึงห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน โดยห้องเหล่านี้ได้รับการจัดแต่งให้ดูเหมือนในอดีตด้วยเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของดั้งเดิมจากช่วงเวลานั้น
พิพิธภัณฑ์ยังมีคอลเล็กชันภาพถ่ายซึ่งบันทึกชีวิตประจำวันของชาวเมืองเกนต์ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ผู้เข้าชมสามารถดูว่าผู้คนใช้ชีวิตและทำงานอย่างไร รวมถึงเรียนรู้วิวัฒนาการของเมืองในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นอย่างไร โดยรวมแล้วพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับเหมาะทีเดียวสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในชีวิตประจำวันในเกนต์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) เวลา 09:00-17:00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10:00-18:00 น. ตั๋วเข้าชมราคา 8 ยูโร
เที่ยวเกนต์: เดินเล่นที่ย่านเก่าแก่ของเกนต์ (Patershol)
“Patershol” เป็นย่านเพื่อนบ้านเก่าแก่ของเมืองเกนต์ที่มีบรรยากาศน่าเดินเล่น ลักษณะเด่นของที่นี่คือเป็นถนนสายเล็ก ๆ ที่นำเราไปยังที่เที่ยวสำคัญ เช่น พิพิธภัณฑ์บ้านอาลีจน์ โดยมีบ้านเรือนของผู้คนในท้องถิ่นขนาบข้างสองทางเดิน ในย่านนี้นักท่องเที่ยวยังจะพบกับร้านอาหารหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่นานาชาติ ยุโรป เอเชีย ไปจนถึงอาหารเฟลมิชแบบดั้งเดิม รวมถึงมีร้านกาแฟและผับสำหรับดื่มเบียร์แบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียง คือ “kroakemandels” (เบียร์ที่เสิร์ฟพร้อมถั่วทอดเค็มแบบดั้งเดิม) การได้แวะไปเดินเล่นที่นี่นับว่าได้เห็นเกนต์ในมุมที่แตกต่างจากย่านท่องเที่ยวอื่น ๆ มากพอสมควรเลยทีเดียว
เที่ยวเกนต์: แวะไปเดินเล่นต่อที่จัตุรัสตลาดวันศุกร์ (Vrijdagmarkt)
จัตุรัสตลาดวันศุกร์ตั้งอยู่ใจกลางประวัติของเมือง และเป็นที่รู้จักจากตลาดเปิดในวันศุกร์ที่รวมแผงขายผักผลไม้สด ดอกไม้ และสินค้าอื่น ๆ จากพ่อค้นแม่ค้าในท้องถิ่น จัตุรัสแห่งนี้ยังรายล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่ รวมถึงโบสถ์เซนต์นิโคลัสและศาลาว่าการสมัยศตวรรษที่ 18 และยังเป็นอีกจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักแวะมาซื้อสินค้าในตลาดและสัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักของเมืองอีกด้วย
นอกจากสินค้าที่มีให้เลือกซื้อหลากหลายแล้วใจกลางจัตุรัสยังโดดเด่นด้วยรูปปั้นของ “Jacob van Artevelde” ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษของเมือง เช่นเดียวกับที่ด้านข้างตลาดมีอาคารอันโอ่อ่าชื่อว่า “Bond Moyson” จากต้นศตวรรษที่ 20 โดยใช้เป็นที่ตั้งขององค์กรประกันสังคมที่สำคัญในแฟลนเดอร์ส และมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพและสวัสดิการของประชาชนในภูมิภาคนี้
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไปตามถนนสายเล็ก ๆ รอบๆ จัตุรัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของผับดื่มเบียร์ท้องถิ่นที่มีบรรยากาศสบาย ๆ เช่น “Dulle Griet” ตลอดจนร้านหนังสือโบราณ ร้านกาแฟ และร้านกิ๊ฟช็อปดั้งเดิม
เที่ยวเกนต์: ปืนใหญ่จากนิทานพื้นบ้าน (Dulle Griet)
“Dulle Griet” เป็นประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของเมืองเกนต์ ตั้งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์บ้านอาลีจน์ประมาณ 3 นาที เราเดินมาเจอโดยบังเอิญระหว่างทางไปจัตุรัสตลาดวันศุกร์ พอไปค้นประวัติมาแล้วพบว่าที่นี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1985 จากนิทานพื้นบ้านที่เป็นตัวแทนของสตรีผู้เข้มแข็งที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์และมีอารมณ์เกรี้ยวกราด ตามตำนวนเล่าว่าครั้งหนึ่งเธอเคยยกเหยือกเบียร์และดาบหนักขึ้น และท้าผู้ชายในเมืองเกนต์ให้ดื่มเหล้า ประติมากรรมจึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องบรรณาการให้กับความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณของเธอ
เที่ยวเกนต์: ชมโบสถ์ยาโคบ (Sint-Jacobskerk)
ไม่ไกลจากจัตุรัสตลาดวันศุกร์เพียง 3 นาที มีสถานที่เที่ยวทางศาสนาน่าสนใจอีกหนึ่งแห่งก็คือโบสถ์ยาโคบ ความโดดเด่นของโบสถ์แห่งนี้จนต้องแวะมาเยือนคือเป็นโบสถ์ไม้จากศตวรรษที่ 11 อุทิศให้กับนักบุญเจมส์ หนึ่งศตวรรษต่อมามีการสร้างโบสถ์แบบโรมาเนสก์ขึ้นที่นี่ และยังได้ได้รับการขยายและบูรณะหลายครั้ง
ลักษณะเด่นของโบสถ์ยาโคบ คือ ยอดแหลมสูง 96 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในเกนต์และสามารถมองเห็นได้จากหลายส่วนของเมือง ภายในโบสถ์ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยทางเดินขนาดใหญ่และห้องสวดมนต์หลายหลัง รวมไปถึงห้องจัดแสดงผลงานศิลปะ ประติมากรรม ภาพวาด และหน้าต่างกระจกสี โบสถ์แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามด้านในฟรี และยังมีทัวร์พร้อมไกด์ท้องถิ่นสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติม
เที่ยวเกนต์: เดินตลาดเมืองเกนต์ (Korenmarkt)
“Korenmarkt” เป็นตลาดในเมืองเกนต์ที่มีบรรยากาศคึกคัก โดยรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง เช่น โบสถ์เซนต์นิโคลัสและศาลาว่าการสมัยศตวรรษที่ 18 ใจกลางตลาดยังถูกคั้นกลางด้วยเส้นทางรถรางและเปิดเป็นทางเดินเท้า ขนาบข้างด้วยร้านอาหาร คาเฟ่กลางแจ้ง ตลอดจนผับขนาดเล็กสำหรับลิ้มรสเบียร์ท้องถิ่น โดยเฉพาะในถนน “Klein Turkije” เป็นแหล่งรวมบาร์และผับชั้นดี เช่นเดียวกับถนน “Donkersteeg” เป็นแหล่งรวมคนรักแฟชั่นเครื่องหนังและนักชิมช็อกโกแลตแฮนด์เมด
ส่วนใครที่ชอปการชอปปิงสมัยใหม่อย่าลืมแวะไปที่ถนนสายชอปปิงชื่อดัง “Veldstraat” ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของโบสถ์เซนต์นิโคลัส ส่วนซ้ายมือคือเส้นทางไปยังถนนกราสไลและโคเรนไลริมแม่น้ำเลอิ ส่วนทางตอนเหนือคือ “Patershol” ย่านเก่าแก่ของเมืองที่เราไปเดินมาก่อนหน้านี้
การได้มาเดินเล่นที่ตลาดเมืองเกนต์นับว่าได้เห็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของเมืองดีทีเดียว โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ที่เต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายซื้อของและแวะทานอาหารในย่านนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นก็คือเมืองเกนต์มีวัยรุ่นคนหนุ่มสาวเยอะมาก และเยอะเป็นพิเศษช่วงใกล้พลบค่ำ ตามคาเฟ่ต่าง ๆ ก็เต็มไปด้วยวัยรุ่นในวัยเรียน พอมาค้นข้อมูลดูแล้วถึงได้รู้ว่าที่นี่มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกตั้งอยู่ นั้นเลยทำให้ที่นี่ถึงมีบรรยากาศที่คึกคักอยู่ตลอดเวลา
เที่ยวเมืองบรูจส์ (Bruges)
บรูจส์เป็นเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และยังได้รับฉายาว่า “เวนิสเหนือ” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเบลเยียม ห่างจากเมืองเกนต์เพียง 52 กิโลเมตร ความน่าสนใจของเมืองบรูจส์คือมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเคยเป็นเมืองท่าและมีความสำคัญทางศิลปะในยุคจิตรกรรมเนเธอร์แลนด์ตอนต้น ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินสำรวจเมืองไปตามที่เที่ยวสำคัญของเมืองบรูจส์ เช่น จัตุรัสใจกลางเมืองบรูจส์ อย่าลืมขึ้นหอระฆังแห่งบรูจส์เพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองและบริเวณโดยรอบ จากนั้นแวะไปเดินเล่นต่อเบิร์กสแควร์เพื่อชมศาลาว่าการจากศตวรรษที่ 13 ตามด้วยท่าเรือนักท่องเที่ยว “Rozenhoedkaai” ที่มีกิจกรรมล่องเรือให้เลือกทำ หรือจะเข้าชมโบสถ์หรือพิพิธภัณฑ์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
ทั้งหมดหมดนี้นับว่าเหมาะทีเดียวสำหรับการเที่ยวแบบเดย์ทริปจากกรุงบรัสเซลส์หรือเมืองเกนต์ที่มีบรรยากาศใกล้เคียงกัน รวมไปถึงจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟ ถ้ามีเวลามากกว่าหนึ่งวันสามารถพักค้างคืนเพื่อชมสถานที่เที่ยวในเมืองบรูจส์แบบเต็มอิ่ม ที่นั้นตอนกลางคืนยังมีความสวยงามเป็นพิเศษด้วยไฟประดับ นั่นยิ่งเพิ่มความโรแมนติกไปอีกแบบ
อาหารน่าทานในเกนต์
Gentse stoverij
สตูว์เนื้อวัวหรือเนื้อม้าแบบดั้งเดิมของเบลเยียม ผสมด้วยหัวหอม แครอท และขึ้นฉ่ายฝรั่ง ปรุงรสด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ รวมทั้งโหระพาและใบกระวาน และเคี่ยวด้วยเบียร์จนได้น้ำซุปเนื้อนุ่ม นิยมเสิร์ฟพร้อมฝรั่งทอดหรือมันบด พอทานแล้วเข้ากันดี๊ดี ให้รสชาติเหมือนทานแกงมัสมั่นบ้านเรา มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว ชอบมาก!
Cuberdon
ลูกอมรูปกรวยขนาดเล็กดั้งเดิมของเบลเยียมที่รู้จักกันในชื่อ “neus” หรือ “nose” ซึ่งแปลว่าจมูกในภาษาดัตช์ มีเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวนุ่มและมีรสฝาดเล็กน้อย มักทำจากน้ำตาลผสมด้วยน้ำเชื่อมกลูโคสและกัมอารบิก ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่โดดเด่น พอลองทานแล้วชอบมาก รสชาติหวานมีกลิ่นหอมเหมือนกำลังกินหมากฝรั่ง แบบกินได้เรื่อย ๆ (แอบเสียดายที่ไม่ได้ซื้อมาเยอะ) ขนมคิวเบอร์ดอนมีขายตามร้านขนมและรถเข็นในย่านท่องเที่ยว ราคา 6 ชิ้น 5 ยูโร ถ้าถุงใหญ่เลย 15 ชิ้น 10 ยูโร
Vegetarian options
เกนต์มีอาหารมังสวิรัติให้เลือกทานหลากหลาย เช่นเดียวกับร้าน Barouche Kortemunt ในย่านตลาดเมืองเกนต์ มีเมนูขนมปังที่ทำจากแป้งซาวโดว์พร้อมตัวเลือกส่วนผสมเนื้อและผักที่ต้องการได้ และยังมีเมนูอาหารมังสวิรัติทางเลือกอีกด้วย ทานแล้วอร่อยลงตัว โดยเฉพาะซอสทับทิม อร่อยแบบสุขภาพดี
Waffle
แน่นอนว่าเมื่อมาเที่ยวที่เกนต์แล้วต้องไม่พลาดที่จะลองทานขนมวาฟเฟิล เนื่องจากเป็นขนมขึ้นชื่อของที่นี่ วาฟเฟิลเป็นแป้งแบบกรอบเสิร์ฟพร้อมน้ำตาลไอซิ่งและวิปครีม หรือจะเลือกทอปปิงแบบผลไม้หรือไอศกรีมก็ได้ตามชอบ ร้านที่ไปลองแล้วอร่อย คือ In Choc Gent ตั้งอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าปราสาทเคานต์
Gentse Waterzooi
สตูว์ครีมดั้งเดิมจากเมืองเกนต์ ทำจากปลาและผัก เช่น แครอท หัวหอม กระเทียมหอม และมันฝรั่ง น้ำซุปมักทำจากส่วนผสมของน้ำสต๊อกปลา ครีม และไวน์ขาว และปรุงรสด้วยสมุนไพร รวมถึงโหระพาและใบกระวาน นิยมพร้อมขนมปังหรือมันฝรั่ง และถือเป็นอาหารอันโอชะในเมืองเกนต์ที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด
Take Five Espresso
แม้ว่ากาแฟจะไม่ได้เป็นเครื่องดื่มขึ้นชื่อของเมืองเกนต์ แต่เราจะสังเกตเห็นว่ามีคาเฟ่ฮิป ๆ ตั้งอยู่ตามหัวมุมต่าง ๆ อยู่มากมาย คาเฟ่ที่เราไปลองดื่มกาแฟแล้วรสชาติอร่อยลงตัว คือ Take Five Espresso ตั้งอยู่ในย่านชอปปิงของเมือง ที่นี่ยังมีเมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพให้เลือกทานอีกด้วย และอีกร้านหนึ่งก็คือ GIRI ตั้งอยู่ใกล้กับทางไป Design Museum Gent เป็นบาร์ขนาดเล็กที่รวมเครื่องดื่มกับอาหารมื้อสายและอาหารกลางวันไว้ด้วยกันแบบลงตัว
ย่านที่พักในเกนต์
เกนต์เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีที่พักให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่โฮลเทลราคาประหยัด เกสต์เฮ้าส์ ไปจนถึงโรงแรมหรู นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักได้ตามย่านต่าง ๆ เหล่านี้
- City Center: ย่านใจกลางเมืองเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเกนต์ เนื่องจากสะดวกเรื่องการเดินทางและยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น วิหารเซนต์บาโว หอระฆังแห่งเกนต์ รวมถึงถนนยอดนิยมอย่างกราสไลและโคเร
- Patershol: ย่านเพื่อนบ้านที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่ทางเหนือของใจกลางเมือง และยังเป็นรู้จักจากถนนสวยเล็ก ๆ ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบเฟลมิชแบบดั้งเดิม บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและบาร์มากมาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศคึกคักและสัมผัสกับสถานบันเทิงยามค่ำคืนในท้องถิ่น
- St. Michiels: ย่านที่อยู่อาศัยตั้งอยู่ทางใต้ของใจกลางเมือง ความน่าสนใจของย่านนี้คือความเงียบสงบ และยังขึ้นชื่อเรื่องจัตุรัสและสวนสาธารณะที่ร่มรื่น เหมาะสำหรับคนที่ชอบการพักผ่อนและสัมผัสกับบรรยากาศของคนในท้องถิ่นมากขึ้น
- Dampoort: ย่านที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง และเชื่อมกับใจกลางเมืองได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาที่พักราคาประหยัด และยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ “Dampoort” อีกด้วย
- Sint-Amandsberg: ย่านชานเมืองที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ และเชื่อมต่อใจกลางเมืองสะดวกด้วยรถประจำทางหรือรถราง เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาที่พักในย่านชานเมือง
ที่พักแนะนำในเกนต์
B&B Hotel Gent Centrum: ที่พักโลเคชั่นดีเยี่ยมตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งชอปปิง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และบาร์ในบริเวณใกล้เคียง ห้องพักสะอาด ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น มาพร้อมระเบียงและวิวที่สามารถมองเห็นหอระฆังเมืองเกนต์ และมหาวิหารเซนต์บาโว และที่สำคัญพนักงานเป็นมิตร ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Hostel Uppelink: โฮลเทลราคาประหยัดมาพร้อมโลเคชั่นดีเยี่ยม ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเลอิและตลาดเมืองเกนต์ อาคารมาจากศตวรรษที่ 13 และได้รับการตกแต่งที่คงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ห้องพักสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำและสะพานเซนต์ไมเคิล พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างขวาง ตลอดจนมีห้องสุขาและห้องอาบน้ำจำนวนมาก ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Ghent Marriott Hotel: ที่พักโลเคชั่นเยี่ยมยอด ตั้งอยู่บนถนนโคเรนไลริมแม่น้ำเลอิ ง่ายต่อการเดินไปร้านอาหารและที่เที่ยวต่าง ๆ ห้องพักมีขนาดใหญ่มาพร้อมหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ พร้อมการบริการที่ครบครัน ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
การเดินทางในเกนต์
เกนต์นอกจากจะเป็นเมืองที่หาที่พักง่ายแล้ว ยังเป็นเมืองขนาดกะทัดรัดที่ง่ายต่อการเดินทาง โดยมีตัวเลือกหลายวิธีที่จะพานักท่องเที่ยวไปสำรวจเมือง เช่น
การเดินทางไปเกนต์จากอัมสเตอร์ดัม
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากเกนต์ประมาณ 238 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังเกนต์ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและการเดินทางด้วยรถยนต์
การเดินทางไปเกนต์จากเมืองใกล้เคียง
- จากบรัสเซลส์ (Brussels): มีรถไฟให้บริการจากสถานี Brussels-Midi/Zuid ไปยังรถไฟ Ghent-Sint-Pieters การเดินทางใช้เวลาประมาณ 30 นาที นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปเกนต์ด้วยรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่ง Brussels North หรือ Brussels South ไปยังสถานีขนส่งเกนต์ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- จากแอนต์เวิร์ป (Antwerp): มีรถไฟให้บริการจากสถานี Antwerp Central ไปยังสถานี Ghent-Sint-Pieters การเดินทางใช้เวลาประมาณ 30 นาที ส่วนการเดินทางด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 45 นาที
- จากบรูจส์ (Bruges): มีรถไฟให้บริการจากสถานี Bruges ไปยังสถานี Ghent-Sint-Pieters การเดินทางใช้เวลาประมาณ 20 นาที ส่วนการเดินทางด้วยรถบัสใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เที่ยวเกนต์กี่วันดี
เกนต์เป็นเมืองที่มีขนาดกะทัดรัดและมีเสน่ห์น่าหลงใหล จนเว็บไซต์ของสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเกนต์ใช้สโลแกนว่า “Ghent, More than a one night stay” ระยะเวลาเที่ยวในเกนต์นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพิจารณาได้ตามจำนวนที่เที่ยวและกิจกรรมที่สนใจ
- เที่ยวเกนต์ 1 วัน: เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อย สามารถใช้เวลาไปกับที่เที่ยวสำคัญได้หลายแห่ง เช่น วิหารเซนต์บาโว หอระฆังแห่งเกนต์ รวมถึงถนนยอดนิยมอย่างกราสไลและโคเร ตลอดจนปราสาทแห่งเคานต์ และปิดท้ายด้วยการลิ้มลองอาหารที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เช่น Gentse stoverij, Gentse Waterzooi, Waffle และ Cuberdon อย่างเช่นในบทความนี้เป็นการเที่ยวแบบเดย์ทริปที่ได้เห็นที่เที่ยวสำคัญทั้งหมดเลย ใครที่สนใจสามารถนำไปปรับใช้กับแผนทางเดินทางของตัวเองได้เลยค่า
- เที่ยวเกนต์ 2 วัน: เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และอยากใช้เวลาเดินเที่ยวในเกนต์แบบสบาย ๆ ได้เข้าชมที่เที่ยวสำคัญรวมถึงพิพิธภัณฑ์ยอดนิยมต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญยังมีเวลาเดินเที่ยวตอนกลางคืนเพื่อสัมผัสกับบรยากาศโรแมนติกของเมืองอีกด้วย
- เที่ยวเกนต์ 3 วัน: ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาและต้องการสัมผัสความสวยงามของเมืองเกนต์อย่างเต็มอิ่ม และที่สำคัญยังสามารถใช้เวลาแบบเดย์ทริปเพื่อไปเที่ยวยังเมืองใกล้เคียง เช่น เมืองบรูจส์หรือแอนต์เวิร์ป ตลอดจนพื้นที่โดยรอบได้อีกด้วย
เที่ยวเกนต์ช่วงไหนดี
เกนต์สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีและยังมีกิจกรรมและงานอีเว้นท์ให้เลือกทำหลากหลาย
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวเกนต์
- ภาษา: เกนต์ตั้งอยู่ในภูมิภาคเฟลมิชของเบลเยียม มีภาษาราชการคือภาษาดัตช์ แต่คนส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และผู้คนก็ยังพูดภาษาฝรั่งเศสด้วย
- สกุลเงิน: ใช้สกุลเงินยูโร (EUR) มีตู้เอทีเอ็มให้บริการทั่วเมือง ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่รับจ่ายด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ส่วนร้านเล็ก ๆ และแผงขายของริมถนนมักรับจ่ายด้วยเงินสด
- เวลาทำการ: ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ในเกนต์มักเปิดให้บริการจนถึงเวลา 18:00 น. อาจมีบางแห่งที่ปิดเร็วในวันเสาร์ เช่นเดียวกับร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดจนถึงเวลา 22:00 น. สามารถหาร้านอาหารยามค่ำคืนได้ง่ายในย่านท่องเที่ยว แต่หลังเวลา 20:00 น. บรรยากาศของเมืองจะเงียบเหงาต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง
- ความปลอดภัย: เกนต์เป็นเมืองที่ปลอดภัยต่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามควรระวังกับสิ่งของมีค่าอยู่เสมอ
- ที่พัก: คนที่เดินทางมาเกนต์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ ถ้าไม่อยากเดินเข้าเมืองไกลควรเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟ หรือสามารถใช้บริการรถรางสาย 1 เพื่อเดินทางไปยังกลางเมืองได้สะดวก
- การเดินเที่ยว: เกนต์เป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อการเดิน สามารถตั้งต้นได้ที่ท่าเรือริมแม่เลอิหรือหอระฆังแห่งเกนต์ ที่เกนต์ยังมีสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวตั้งอยู่ที่อาคารด้านหน้าปราสาทแห่งเคานต์ นักท่องเที่ยวสามารถขอรับแผนที่เดินเที่ยวชมเมืองได้ฟรี และถ้าหากพักค้างคืน 1-3 วัน เพื่อความประหยัดสามารถเลือกใช้บัตร CityCard Ghent เพื่อเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและเข้าชมที่เที่ยวและพิพิธภัณฑ์ในเกนต์ได้ฟรีอีกด้วย
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แผนที่เดินเที่ยวเกนต์ด้วยตัวเอง
กดดูและบันทึกแผนที่เดินเที่ยวเกนต์เพื่อช่วยวางแผนการเดินทาง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡