เชื่อเลยว่าแผนเที่ยวไต้หวันของใครหลายคน ต้องมีที่เที่ยวอย่างเย่หลิวและจิ่วเฟิ่นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองแห่งไม่ใช่แค่สวยจนน่าเยือนไปด้วยตัวเอง แต่ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากไทเปประมาณ 40 กม. และมีรถบัสสายตรงเดินทางไปถึงที่นั้นเลย
วิธียอดนิยมในการเที่ยวเย่หลิวและถนนโบราณจิ่วเฟิ่นก็คือไปแบบเดย์ทริป ที่เราจะมารีวิวกันในบทความนี้ โดยเริ่มต้นที่เย่หลิ่วก่อน ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. จากนั้นเดินทางต่อไปยังถนนโบราณจิ่วเฟิ่น พอไปถึงก็ตกบ่ายพอดี มีเวลาเดินเล่น 3-4 ชั่วโมงจนค่ำ ได้เห็นแสดงไฟประดับที่สวยตามร้านน้ำชา แล้วค่อยเดินทางกลับไทเปตอนเย็น มีเวลาไปเดินตลาดกลางคืนในไทเปต่อ วิธีนี้นับว่าเป็นแผนที่ลงตัว เพราะได้เห็นที่เที่ยวทั้งสองแห่งในเวลาที่ไม่เร่งรีบ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง
ส่วนใครที่วางแผนมาจิ่วเฟิ่นตั้งแต่เช้าก็นับว่าเป็นวิธีที่ดีเช่นกัน เพราะจะได้เดินเที่ยวถนนโบราณอย่างเต็มอิ่ม ที่สำคัญคนอาจจะยังไม่เยอะเท่ากับตอนบ่าย พอตกบ่ายก็ยังสามารถไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงน่าสนใจได้อีก เช่น น้ำตกซือเฟิ่นและถนนโบราณซือเฟิ่น ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองจีหลง
สำหรับใครที่อยากเที่ยวทั้งสามเมืองในวันเดียวกัน คือ เย่หลิ่ว จิ่วเฟิ่น และซือเฟิ่น (รวมถนนโบราณซือเฟิ่น) ถ้าเดินทางด้วยระบบสาธารณะอาจจะต้องแพลนเวลากันดี ๆ เพราะต้องเดินทางกันหลายต่อ
แต่ถ้าไม่อยากวุ่นวายกับการต่อรถหลายเที่ยว → แนะนำให้ไปกับทัวร์นี้ มาพร้อมไกด์ที่ให้ความรู้เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน ที่สำคัญรวมการเดินทางด้วยรถบัส นับเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับคนที่ชอบการท่องเที่ยวกับทัวร์
และถ้าชอบการท่องเที่ยวในไต้หวันอย่าลืมแวะไปอ่าน → แผนเที่ยวไทเปด้วยตัวเอง
เที่ยวเย่หลิว (Yehliu Geopark)
อุทยานธรณีเย่หลิวเป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มีความยาวประมาณ 1,700 เมตร ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของไต้หวัน เป็นดินแดนมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่น่าไปเยือนด้วยตัวเอง โดยมีชื่อเสียงจากหินรูปร่างแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นหินเศียรราชินี หินเจ้าหญิงขี้เล่น และหินเห็ด ฯลฯ ซึ่งถูกกัดเซาะมาเป็นเวลานับพันปี จากคลื่นทะเลและลม อีกทั้งยังรวมไปถึงการเคลื่อนตัวของธรณีวิทยา จนทำให้เกิดอุทยานธรณีเย่หลิวแบบที่เราเห็นอยู่นั้นเอง
วิธีเดินทางไปเย่หลิว จากไทเป (Taipei → Yehliu)
วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดไปยังเย่หลิวคือการนั่งรถบัสสายตรง 1815 จากไทเป รถจะวิ่งจากใจกลางเมืองผ่านเขตซีจื้อของเมืองนิวไทเป รวมถึงเขตชีตูและอันเล่อของเมืองจีหลง รวมทั้งหมด 59 ป้าย โดยจะจอดที่เย่หลิวป้ายที่ 42 การเดินทางใช้เวลาประมาณ 90 นาที
- เวลาให้บริการ: 07:00-23:10 น.
- วันธรรมดา → 07:00-23:10 น.
- วันเสาร์อาทิตย์ → 07:10-23:10 น.
- ความถี่: ทุก ๆ 10-20 นาที (ชั่วโมงเร่งด่วน) และ 20-30 นาที (ชั่วโมงปกติ)
- ค่าตั๋ว: 99 TWD (EasyCard หรือ iPass)
- ตรวจสอบตารางเวลารถบัส 1815
จุดขึ้นรถบัส 1518 จะอยู่ที่ Kuo-kuang Motor Transport Taipei Main Station ฝั่งทางออกหมายเลข M2 (กดเพื่อดูแผนที่) เมื่อเดินออกจากสถานีก็จะเจอกับป้ายจอดรถเลย หลังเดินทางมาถึงเย่หลิวให้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง จากนั้นเดินตามถนนตรงไปอีก 12 นาที ผ่านท่าเรือประมงเย่หลิวและวัดเย่หลิวเป่าอานก็จะเจอกับทางเข้าอุทยานธรณีเย่หลิวอยู่ทางซ้ายมือ
เที่ยวเย่หลิว: ซื้อตั๋วเข้าชม
อุทยานธรณีเย่หลิวมีค่าเข้าชม 120 TWD สามารถซื้อได้ที่สำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว จ่ายได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด นักท่องเที่ยวยังสามารถ → ซื้อตั๋วเข้าชมเย่หลิวได้ล่วงหน้า แล้วนำเวาเชอร์มาสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับตั๋วฉบับจริงได้ที่นี่ สะดวกเหมือนกัน พอได้ตั๋วแล้วก็เดินวนไปทางด้านหลังสำนักงานบริการข้อมูลเพื่อแกนตั๋วที่ประตูทางเข้า แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาทีก็จะเจอกับเขตอุทยานธรณีเย่หลิวที่ยื่นออกไปในทะเล เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08:00-17:00 น.
เที่ยวเย่หลิว: ทำอะไรได้บ้าง
กิจกรรมหลักในการเที่ยวเย่หลิวก็คือการเดินชมหินที่มีรูปร่างแปลกตา โดยเฉพาะ “Queen’s Head” ซึ่งเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ มีลักษณะคล้ายกับเศียรของราชินี (ถ้าใครอยากถ่ายรูปกับหินนี้แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้า เพราะคิวต่อแถวยาวมาก) รวมไปถึงหินที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น หินรูปหัวใจ หินไอศกรีม หินทรงกระบอกที่ดูเหมือนเทียน หินรูปร่างคล้ายรองเท้า แล้วก็หินรูปร่างคล้ายเห็ด ฯลฯ
นอกจากการเดินชมหินรูปร่างแปลกตาแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าสำหรับชมทิวทัศน์ที่สวยงามของแหลมทะเลอีกด้วย จุดเริ่มต้นจะอยู่ใกล้กับร้านขายหนังสือ เส้นทางเดินง่ายแต่อาจจะแคบนิดหนึ่ง ถ้าเดินไปเรื่อยๆ จะเจอกับประภาคารเดินเรือ มีจุดชมนก และจะไปสิ้นสุดที่จุดชมวิวปลายเส้นทาง มองเห็นทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เที่ยวเย่หลิว: เดินชมหินที่มีรูปร่างแปลกตา
แน่นอนว่าเมื่อมาเที่ยวเย่หลิวก็ต้องมาชมหินที่มีรูปร่างแปลกตา ซึ่งกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ มากถึง 16 แห่งทั่วอุทยาน ถ้าจะพูดกันให้เห็นภาพก็คืออุทยานเย่หลิวจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ พื้นที่ใกล้ทางเข้า มีจุดชมวิว แล้วก็ลานสำหรับชมหิน จากนั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนที่ 2 เป็นที่ตั้งของหินเศียรราชินี เข้าถึงได้ด้วยทางเชื่อมบันไดไม้ และมีทางเดินพื้นปูนไปยังร้านหนังสือ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนที่ 3 ครอบคลุมเส้นทางเดินป่านั้นเอง
เรามาเริ่มที่ส่วนแรกกันก่อนที่เป็นจุดชมวิว ตรงนี้สามารถมองเห็นอุทยานมุมกว้างได้อย่างสวยงามเลย โดยฝั่งซ้ายมือจะเป็นลานหินที่มีพื้นผิวคล้ายกับรังผึ้ง เกิดจากกัดเซาะของคลื่นทะเลเป็นเวลานานหลายปี พอมองแล้วก็แอบคล้ายรังผึ้งจริง ๆ ส่วนฝั่งซ้ายมือจะมองเห็นพื้นอุทยานส่วนที่สองยาวไปจนถึงประภาคารเดินเรือเลย ตรงนี้จะเห็นหินที่คล้ายกับขิงรวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มเป็นก้อน
พอชมวิวเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่จะเดินไปดูหินรูปร่างแปลกตาแบบใกล้ ๆ กันบ้าง โดยใช้ทางเชื่อมพื้นปูนกับแหลมชายฝั่งทะเล เมื่อมาถึงก็จะเจอกับหินที่มีขนาดสูงใหญ่ และสวยมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นหินรูปหัวใจ หินเจ้าหญิงขี้เล่น แล้วก็หินรูปเห็ด ทั้งสามแบบนี้จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ สังเกตได้จากคิวต่อแถวที่ยาวมาก
อีกอย่างขอเสริมไว้นิดหนึ่งตอนที่ถ่ายรูปกันอย่าเอาตัวไปพิงหรือเอามือไปจับน้องหินน๊า เพราะอาจทำให้เสียหายได้ (ตอนที่ไปมีนักท่องเที่ยวหลายคนไม่ฟัง แม้เจ้าหน้าที่จะเป่านกหวีดเตือนก็ยังทำกัน)
หินรูปร่างแปลกตาที่เราเห็นในเย่หลิวนั้นส่วนใหญ่เป็นหินตะกอนจากยุคไมโอซีน คาดว่ามีอายุประมาณ 10-25 ล้านปีก่อน เกิดจากการผุกร่อนของหิน รวมถึงการกัดเซาะของคลื่นทะเลและลม รวมไปถึงการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดรูปร่างที่ไม่เหมือนใคร
เที่ยวเย่หลิว: ชมหินเศียรราชินี
หินเศียรราชินีเป็นไฮไลท์ห้ามพลาดของอุทยานธรณีเย่หลิว ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนที่สอง ใช้เวลาเดินมาประมาณ 5 นาที บริเวณนี้จะคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีนักท่องเที่ยวมายืนรอต่อแถวยาวเพื่อถ่ายรูปกัน ใช้เวลารอประมาณ 15-20 นาที (ถ้ามาในวันที่มีแสดงแดดจ้าแนะนำเอาร่มมาเผื่อด้วย) พอถึงคิวแล้วก็มีเวลาถ่ายรูปกันประมาณ 1-2 นาที เพราะเกรงใจคนข้างหลัง
นอกจากหินเศียรราชินีก็ยังมีหินอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่นี้ เช่น หินรูปรองเท้านางฟ้า หินรูปร่างคล้ายมังกร หินแมวน้ำช้าง ฯลฯ สามารถเดินไปชมกันได้ แต่ระวังกันนิดหนึ่ง เพราะบางจุดเจ้าหน้าที่ทำเส้นกั้นไว้ห้ามเดินเลยไป อาจเป็นอันตรายหรือพลัดตกลงไปในทะเลได้
จากจุดถ่ายภาพหินเศียรราชินีถ้าเดินไปอีกนิดหนึ่งจะเจอกับสะพานที่มีมุมถ่ายภาพสวย พอเดินผ่านสะพานนี้ไปจะเป็นที่ตั้งของร้านขายหนังสือขนาดเล็ก ด้านหน้ามีม้านั่งพักผ่อนแล้วก็จุดขายไส้กรอกและเครื่องดื่ม ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเดินเข้าไปในถ้ำ
สำหรับใครที่ชอบการเดินป่า อย่างที่บอกไปว่าหลังร้านหนังสือจะมีเส้นทางเดินชมทิวทัศน์ที่สวยงามของแหลมเย่หลิว เส้นทางเดินง่าย ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที
เมื่อชมอุทยานธรณีเย่หลิวเสร็จแล้วสามารถใช้ประตูทางออกด้านขวามือที่จะนำเรากลับไปยังสำนักงานบริการข้อมูล ระหว่างทางจะเจอกับร้านค้าหลายแห่ง ขายทั้งอาหารเครื่องดื่มและของที่ระลึก ถ้าหิวหรืออยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็แวะไปเดินดูกันได้
วิธีเดินทางไปจิ่วเฟิ่น จากเย่หลิ่ว (Yehliu → Jiufen )
หลังจากเที่ยวเย่หลิวเสร็จแล้วเราจะเดินทางไปเที่ยวที่จิ่วเฟิ่นกันต่อ ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 33 กม. วิธีเดินทางไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) จากเย่หลิ่วที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถบัสสาย 790 (เส้นทาง Jinshan → Keelung) ไปลงที่จีหลง ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection (30 TWD / 59 นาที) และต่อรถบัสสาย 788 ไปยังถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (30 TWD / 53 นาที)
จุดขึ้นรถบัส 790 จะอยู่ที่ป้ายเย่หลิว (กดเพื่อดูแผนที่) ตรงถนนฝั่งตรงข้ามทางเดินไปยังอุทยานธรณีเย่หลิว นอกจากรถบัสสาย 790 แล้ว ยังมีรถบัสสาย 862 ที่วิ่งจากเย่หลิวมาที่ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection เช่นกัน โดยจะวิ่งมาจอดฝั่งเดียวกับถนนนี้โดยไม่ต้องข้ามถนนเลย
ส่วนจุดขึ้นรถบัส 788 จะอยู่ที่ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection (กดเพื่อดูแผนที่) ถ้ามาจากสถานีรถไฟ TRA จีหลง สามารถเดินตามถนน Zhongyi ไป 4 นาทีจะเจอกับป้ายรถเมล์นี้ สำหรับใครที่มาจากเย่หลิวด้วยรถบัส 790 สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปก็จะเจอกับป้ายรถเมล์นี้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางจากไทเปไปจิ่วเฟิ่นเลย มีรถบัสสาย 1062 ตรงจากใจกลางเมืองไทเปไปยังจิ่วเฟิ่น (94 TWD/ 1 ชม.) หรือนั่งรถไฟ TRA ไปลงที่จีหลงก่อน (76 TWD/ 1.10-1.30 ชม.) จากนั้นต่อรถบัสสาย 788, 825, 827, 856, 965 และ 1062 ไปลงที่จิ่วเฟิ่น (15 TWD/ 15 นาที)
เที่ยวจิ่วเฟิ่น (Jiufen)
หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไต้หวัน ตั้งอยู่บนภูเขาสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องตรอกซอกซอยแคบ ๆ ของเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยร้านน้ำชา แผงขายอาหารริมทาง และร้านขายของที่ระลึก ใกล้กับใจกลางเมืองเก่ายังมีโรงละครจากปี ค.ศ. 1900 รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำ ซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองในฐานะศูนย์กลางการทำเหมืองแร่ในช่วงยุคตื่นทองของญี่ปุ่นอีกด้วย
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: ทำอะไรได้บ้าง
ถนนโบราณจิ่วเฟิ่นมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเลือกทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินสำรวจตรอกซอกซอยอันมีเสน่ห์ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เหมาะสำหรับการลิ้มลองอาหารริมทางชื่อดังของจิ่วเฟิ่น เช่น บัวลอยเผือก ลูกชิ้นสูตรโบราณ เต้าหู้เหม็น ไอศกรีมถั่วตัด และไส้กรอกย่าง อย่าลืมแวะไปจิบชายามบ่ายอย่างผ่อนคลายที่ร้านน้ำชาแบบดั้งเดิม ร้านที่มีชื่อเสียง คือ ร้านน้ำชา A-Mei Teahouse และ Jiufen Teahouse ทั้งสองร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน
อิ่มท้องแล้วถ้าอยากชมวิวสวย ๆ ก็มีให้ดูที่ Jiufen Cats Viewpoint เป็นแหล่งรวมน้องแมวจิ่วเฟิ่นที่มาพร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาโดยรอบและมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าอยู่เที่ยวจนถึงตอนเย็นยังจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ยามค่ำคืนของถนนโบราณจิ่วเฟิ่นที่ประดับประดาด้วยโคมไฟ สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นสถานที่ราวกับในเทพนิยาย
ถ้ามีเวลาเหลือลองแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำจิ่วเฟิ่น เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทำเหมืองทองคำในพื้นที่ผ่านนิทรรศการและสิ่งประดิษฐ์หลายแขนง รวมไปถึงสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ถนนโบราณซือเฟิ่นและน้ำตกซือเฟิ่น ที่เรียกกันว่า “ไนแอการาน้อยแห่งไต้หวัน”
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: เดินสำรวจตรอกซอกซอยอันมีเสน่ห์
แน่นอนว่าเมื่อมาเที่ยวจิ่วเฟิ่นก็ต้องมาเดินสำรวจถนนโบราณที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งรถบัสสาย 788 จะนำเราจากจีหลงมาจอดที่ป้ายถนนโบราณ จากนั้นเดินอีก 1-2 นาทีก็จะเจอกับถนนนี้เลย
พอได้มายืนอยู่แล้วต้องบอกว่าเป็นถนนที่คึกคักเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากมายมหาศาล แต่สองฝั่งทางเดินยังเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย แต่ละร้านก็ขายอาหารและขนมและน่าลองทั้งทั้งนั้น ที่สำคัญมีป้ายบอกชื่ออาหารเป็นภาษาไทยอีกด้วย
เอาจริง ๆ ถนนโบราณไม่ได้ยาวมากนัก แต่ด้วยความที่คนเยอะก็ทำให้เดินได้ช้า ถ้ามาแต่เช้าคนอาจจะน้อยกว่านี้ แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตของไต้หวัน ช่วงแรก ๆ จะเป็นร้านขายอาหารและของกินเล่นเป็นส่วนใหญ่ พอผ่านโค้งแรกมาแล้วจะเห็นร้านขายของฝากมากขึ้น พอเข้าโค้งที่สองก็จะเป็นใจกลางเมืองเก่า เต็มไปด้วยร้านน้ำชาและที่พัก
จากตรงนี้ถ้าเดินขึ้นบันไดตามเนินเขาไปอีกจะเจอกับร้านขายบัวลอยเผือกที่มีวิวสวย ตั้งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวน้องแมวจิ่วเฟิ่น แต่ถ้าเดินตรงไปข้างล่างจะเจอกับร้านน้ำชา A-Mei Teahouse นั้นเอง
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: ลิ้มลองอาหารริมทางชื่อดัง
หมู่โบราณจิ่วเฟิ่นมีอาหารริมทางน่าลองหลายอย่าง เรามาเริ่มที่อย่างแรกกันเลย คือ เต้าหู้เหม็น เอาจริงๆ มันไม่ได้เหม็นมาก อยู่ในระดับที่รับได้ ส่วนรสชาติออกกลางๆ ไม่ได้กลมกล่อมเหมือนเต้าหู้ทอดบ้านเรา แต่ก็แปลกดีที่ได้ลอง ถ้าจำไม่ผิดชุดละประมาณ 15-30 TWD
ขนมน่าลองต่อมาบัวลอยเผือก อาจจะเพราะชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วก็เลยรู้สึกว่าทานแล้วอร่อย และชอบมาก ๆ ตอนที่กัดแล้วแป้งเหนียวนุ่ม พอทานผสมกับบัวลอยรสชาติอื่นแล้วก็น้ำแข็งมันลงตัวดี ถ้าใครไม่ชอบใส่น้ำแข็งเขาจะมีแบบที่ใส่แต่น้ำเชื่อมแทนด้วยน๊า ร้านที่เราไปแล้วชอบคือร้าน A-Gan-Yi Taro Ball ถ้วยละ 55 TWD ทางร้านจะมีที่นั่งมองเห็นวิวทะเลสวยด้วย
อาหารริมทางน่าลองต่อมาคือไส้กรอกย่าง ไม้ละ 45 TWD อันนี้อร่อยกลมกล่อม คล้ายกับไส้กรอกอาลีซานเลย ทานแล้วชอบกะจะซื้อไม้สองต่อ แต่นึกขึ้นได้เดี๋ยวจุกซะก่อน เลยไปต่อที่อาหารมื้อบ่ายเลยดีกว่าคือข้าวหมูตุ๋น สั่งมาคนละถ้วย แล้วก็บะหมี่จงอาง ทั้งสองอย่างอร่อยหมดเลย โดยเฉพาะหมู่ตุ๋นนุ่มเข้ากับซอสที่เข้มข้น (แอบคล้ายเนื้อหมูพะโล้บ้านเรานะ) ส่วนบะหมี่ด้วยความที่มีส่วนผสมของปลาหมึก เราเลยจะได้กลิ่นปลาหมึกเป็นส่วนใหญ่ แต่โดยรวมถือว่าคุ้มราคาถ้วยละ 75 TWD
ทานมื้อบ่ายแบบหนัก ๆ ไปแล้วก็เลยเปลี่ยนมาทานของหวานกันบ้าง นั้นก็คือชีสนมทอด ไม้ละ 40 TWD ถ้า 3 ไม้ ก็ 100 TWD ไปเลย สรุปเอาไม้เดียวพอ แบบเน้นชีสเข้มข้น ใครที่เป็นสายชีสต้องมาลองเลยเด้อ
จากสายชีสไปแล้วเหมือนยังไม่อิ่ม จัดซุปลูกชิ้นโบราณไปอีกหนึ่งถ้วย ประมาณ 70 TWD ลูกชิ้นเขาเน้นคำโต ๆ ให้มา 6-7 ก้อน ทานเพลินเพราะรสชาติลงตัวพอดี เผลอแป๊บเดียวหมดถ้วยละ แล้วก็ปิดท้ายจริง ๆ (เพราะจุกแล้ว) ด้วยไอศกรีมถั่วตัด อร่อยมันสมคำล่ำลือ
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: แวะไปจิบชายามบ่าย
อย่างที่บอกไปว่าในจิ่วเฟิ่นขึ้นชื่อเรื่องร้านน้ำชาโบราณ ตั้งกระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองจะเป็นที่ตั้งของร้านน้ำชา A-Mei Teahouse แล้วก็ Jiufen Teahouse ทั้งสองร้านบรรยากาศดี แต่ของอาเหมยคนจะเยอะกว่า โดยเฉพาะจุดถ่ายภาพด้านนอก ถ้าไปตอนเย็น ๆ อาจจะต้องรอคิวนิดหนึ่ง
ส่วนด้านในร้านมีเซตน้ำชาให้เลือกมากกว่า 10 ชนิด จะทานแบบร้อนหรือเย็นก็ได้ เสิร์ฟพร้อมกับของว่าง 3-4 อย่าง (แบบจับคู่กัน) ราคาขึ้นอยู่ชนิดของใบชา แต่โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 500-600 TWD นอกเซตน้ำชาแล้วก็ยังขายของที่ระลึกและอุปกรณ์ชงชาอีกด้วย เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาร้านจิบน้ำชายามบ่าย ก็สามารถแวะไปชิมชาและชมวิวสวย ๆ ไปพร้อมกันได้
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: ชมทิวทัศน์อันน่าทึ่ง
จากร้านน้ำชาอาเหมยถ้าเดินขึ้นบันไดมาแล้วเลี้ยวขวาจะเจอกับร้านน้ำชาจิ่วเฟิน พอเดินต่อไปอีกนิดหนึ่งแล้วเลี้ยวขวาจะเจอกับจุดชวิว Jiufen Cats Viewpoint ที่เราเกริ่นไปตั้งแต่ตอนแรก
ที่ได้ชื่อว่าจุดชมวิวน้องแมว เพราะมักจะเห็นน้องแมวหลายตัวมานอนหลับอยู่ตรงนี้ แล้วก็เลือกสถานที่ได้ดีจริง ๆ เพราะนอกจากบรรยากาศจะดีแล้ว วิวยังสวยอีกด้วย มองออกไปเห็นถนนที่เรานั่งรถบัสมาก่อนหน้านี้ มีฉากหลังเป็นบ้านเรือนบนเนินเขา สลับกับภูเขาหลายลูกที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นภาพสุดประทับสำหรับการเที่ยวจิ่วเฟิ่นในครั้งนี้จริง ๆ
ชมวิวเสร็จแล้วถ้าเดินเล่นต่อไปอีกจะเข้าสู่พื้นที่โรงแรมในจิ่วเฟิ่น แล้วก็พิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำจิ่วเฟิ่น ถ้ามีเวลาก็แวะไปชมกันได้ ก่อนที่เราจะปิดท้าย (เพราะเที่ยวกันมาจนค่ำ) ไปด้วยชานมไข่มุกแบรนด์ดังของไต้หวัน เพราะตั้งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวพอดี สรุปแล้วเป็นทริปที่ทั้งอิ่มอร่อยและสนุก ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวไต้หวันอยู่ อย่าลืมใส่หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่นไว้ในลิสต์ด้วยน๊า
วิธีเดินทางกลับจากจิ่วเฟิ่น (Jiufen →)
เมื่อเที่ยวจิ่วเฟิ่นเสร็จแล้ว มีวิธีเดินทางกลับไทเปหรือซีเหมินเติงได้ 3 รูปแบบ คือ นั่งรถบัสสายตรงไปที่ใจกลางเมืองเลย หรือนั่งรถบัสไปลงที่สถานีรุ่ยฟางและต่อรถไฟ TRA ไปลงไทเป หรือใช้บริการรถแท็กซี่ไปลงที่สถานีรุ่ยฟางและต่อรถไฟ TRA ไปลงไทเป ดังรายละเอียด
- จากจิ่วเฟิ่นไปไทเป → นั่งรถบัส 1062
- จากจิ่วเฟิ่นไปซีเหมินเติง → นั่งรถบัส 965
- จากจิ่วเฟิ่นไปรุ่ยฟาง → นั่งรถบัส 788, 965, 1062 → TRA รุ่ยฟาง → แล้วต่อ TRA กลับไทเป
- จากจิ่วเฟิ่นไปรุ่ยฟาง → นั่งรถแท็กซี่ (220 TWD) → TRA รุ่ยฟาง → แล้วต่อ TRA กลับไทเป
แผนที่เที่ยวจิ่วเฟิ่น-เย่หลิ่วด้วยตัวเอง
วิธีใช้แผนที่ปักหมุด→ กดที่ลูกศรสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อดูแผนที่แบบเต็มหน้าจอ จากนั้นจะเห็นแผนที่ปักหมุดและเส้นทางเที่ยวทั้งหมดที่ทำเครื่องหมายไว้ ให้เลือกสถานที่เพื่อดูรายละเอียด หรือกดที่ปุ่มนำทางไปยังจุดหมาย ถ้าชอบแผนที่นี้สามารถกดที่รูปดาวเพื่อบันทึกลงในรายการโปรดสำหรับการเข้าถึงในอนาคต
เที่ยวจิ่วเฟิ่น + เย่หลิว ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวจิ่วเฟิ่นและเย่หลิ่วแบบเดย์ทริปสำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 2,859 TWD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,159 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าเช่ารถ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 500-2,500 TWD
โฮสเทล: 500-2,000 TWD
การเดินทาง: 20-150 TWD
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 100-450 TWD
รถเช่า: 1,000-1,500 TWD
อาหาร: 50-300 TWD/มื้อ
เครื่องดื่ม: 60-250 TWD/วัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡