กำลังวางแผนขับรถในเนเธอร์แลนด์? ถ้าใช้! คุณอาจจะกำลังอยากรู้ว่า การจราจรและค่าปรับในเนเธอร์แลนด์ มีอะไรบ้าง นั้นยังไม่รวมไปถึงใบขับขี่ทางการ คุณมีใบขับขี่ดัตช์หรือไม่? หรือกำลังใช้ใบขับขี่สากลเพื่อขับรถในเนเธอร์แลนด์? มีอะไรที่ต้องวางแผนสำหรับการทำใบขับขี่ในเนเธอร์แลนด์ บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ข้อมูลเหล่านั้นพร้อม ๆ กัน สำหรับการขับรถบนท้องถนนดัตช์อย่างปลอดภัยทั้งตัวคุณเองและส่วนรวม
เรื่องน่ารู้สำหรับการขับรถในเนเธอร์แลนด์
ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ดัตช์
ค่าสอบใบขับขี่ดัตช์แพงมาก
ใช้เลนขวาในการขับรถ
จำกัดความเร็วบนท้องถนน
การโดยสารรถยนต์ที่มีเด็กรวมอยู่ด้วยต้องใช้คาร์ซีท
มีปั๊มน้ำมันบริการทั่วประเทศ
ที่เนเธอร์แลนด์ไม่มีค่าทางด่วน
การทำใบขับขี่ในเนเธอร์แลนด์
ใบขับขี่ดัตช์ (ภาษาดัตช์: Rijbewijs) ใช้เป็นหลักฐานอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ที่ต้องการขับรถในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามยานพาหนะที่ใช้งาน ผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่ดัตช์ต้องเรียนขับรถและทำข้อสอบภาคทฤษฎีก่อน หลังจากนั้นเมื่อมีความพร้อมอย่างเต็มที่สามารถเข้ารับการสอบภาคปฏิบัติกับสำนักงานกลางด้านใบขับขี่ (CBR) เมื่อสอบผ่านสามารถยื่นขอรับใบขับขี่ได้ที่สำนักงานเขตเทศบาลตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน หากใบขับขี่หมดอายุสามารถขอต่อใบขับขี่ใบใหม่ได้จากสำนักงานเขตเทศบาลโดยที่ไม่ต้องสอบใบขับขี่ใหม่
ข้อมูลในใบขับขี่ดัตช์มักครอบคลุมถึงภาพถ่ายของผู้ถือบัตร ชื่อเต็ม วันเกิดและสถานที่ วันที่ขอทำใบขับขี่ วันที่ใบขับขี่หมดอายุ เทศบาลที่ยื่นขอใบอนุญาตขับขี่ รวมถึงประเภทของยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตให้ขับได้
ใบขับขี่ดัตช์สามารถใช้ได้ทั่วสหภาพยุโรป รวมถึงในประเทศในสวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ตุรกี ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ผู้ที่มีใบขับขี่ดัตช์ไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่สากลสำหรับประเทศเหล่านี้ ส่วนผู้ที่มีใบขับขี่สากลจากประเทศนอกสหภาพยุโรปควรตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการขับขี่ในประเทศที่ต้องการเดินทาง
ใบขับขี่ดัตช์แบ่งประเภทตามหมวด A-E ประเภท B ได้รับความนิยมในประเทศเนเธอร์แลนด์
- ใบขับขี่ A (สำหรับรถจักรยานยนต์) ต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ใบขับขี่ A1 สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูงสุด 11kW อายุขั้นต่ำ 18 ปี ใบขับขี่ A2 สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูงสุด 35 kW อายุขั้นต่ำ 20 ปี
- ใบขับขี่ AM (สำหรับรถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก รถสกูตเตอร์ และรถยนต์สี่ล้อขนาดเล็ก) ต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อายุขั้นต่ำ 16 ปี
- ใบขับขี่ B (สำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักสูงสุด 3,500 กก.) ต้องทั้งสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อายุขั้นต่ำ 18 ปี ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ 2toDrive สามารถเริ่มเรียนขับรถได้เมื่ออายุ 16.5 ปี และเริ่มสอบภาคปฏิบัติได้ตั้งแต่อายุ 17 ปี เมื่อได้ใบขับขี่มาแล้วต้องขับไปพร้อมกับผู้ปกครองหรือโค้ชจนกว่าอายุจะถึง 18 ปี หลังจากนั้นถึงจะสามารถขับรถคนเดียวได้
- ใบขับขี่ C (สำหรับรถบ้านเคลื่อนที่หรือรถบรรทุก) ต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ B และอายุขั้นต่ำคือ 21 ปี
- ใบขับขี่ C1 (สำหรับรถบ้านเคลื่อนที่หรือรถบรรทุกเบาที่มีน้ำหนักระหว่าง 3,500 ถึง 7,500 กก.) ต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ B และอายุขั้นต่ำคือ 18 ปี
- ใบขับขี่ D (สำหรับรถโดยสารประจำทางที่ขนส่งผู้โดยสารอย่างเป็นทางการเกิน 8 คน) ต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ B และมีอายุขั้นต่ำคือ 24 ปี
- ใบขับขี่ D1 (สำหรับรถบัสขนาดเล็กที่มีความยาวสูงสุด 8 เมตร และมีพื้นที่รองรับผู้โดยสารสูงสุด 16 คน) ต้องสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ B และมีอายุขั้นต่ำคือ 21 ปี
- ใบขับขี่ E (สำหรับการขับขี่ยานพาหนะ B, C และ D พร้อมรถพ่วง) จำเป็นต้องมีการสอบภาคปฏิบัติสำหรับสิ่งนี้ และมีอายุขั้นต่ำขึ้นอยู่กับประเภทของยานพาหนะ
เรียนรู้เพิ่มเติมประเภทของใบขับขี่ดัตช์ได้ที่ ANWB: Rijbewijzen
- ค้นหาโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับมาตรฐาน (ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนขับรถ อัตราความสำเร็จของโรงเรียนนั้น ๆ ว่ามีมากน้อยเพียงใด)
- เรียนขับรถกับโรงเรียนสอนขับรถ
- สอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกับ CBR
- เมื่อสอบผ่านขอรับใบอนุญาตขับรถกับสำนักงานเขตเทศบาล
- หากใบขับขี่ใกล้หมดอายุขอต่อใบขับขี่ใหม่กับสำนักงานเขตเทศบาลหรือ RDW (ออนไลน์)
ผู้ที่ต้องเข้าสอบภาคทฤษฎีต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือใบอนุญาตพำนักอาศัยติดตัวไปด้วยในวันสอบ รวมถึงหมายเลขการจองเพื่อเข้าสอบที่ได้รับมาในจดหมายหรืออีเมล์ ทาง CBR จะเช็คข้อมูลในฐานข้อมูลบันทึกส่วนบุคคลของเทศบาล (BRP) ว่าตรงกันหรือไม่ หากข้อมูลตรงกันคุณจะได้รับอนุญาตให้เข้าสอบ และสามารถนำเฉพาะบัตรประจำตัวเข้าห้องสอบได้เท่านั้น ผู้ที่ต้องเข้าสอบภาคทฤษฎีควรเดินทางไปถึงศูนย์สอบก่อนเวลาสอบจริง 15 นาที ข้อสอบภาคทฤษฎีมีราคาคงที่ 37 ยูโร (ตัวเลขปี 2022)
ข้อสอบภาคทฤษฏี (het theorie-examen) แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่และครอบคลุมหัวข้อย่อย 9 ส่วน (กดเพื่อดูลิงก์ภายนอก) ผู้เข้าสอบต้องทำข้อสอบกับคอมพิวเตอร์หน้าจอสัมผัสที่สามารถลากหรือแตะคำตอบที่ถูกต้องด้วยนิ้ว ให้เวลาในการทำ 30 นาที
- ส่วนที่ 1 การรับรู้อันตราย (Gevaarherkenning) มีคำถาม 25 ข้อ เพื่อประเมินการรับรู้ถึงอันตรายและสิ่งที่ต้องทำในสถานการณ์เหล่านั้น ผู้เข้าสอบมีเวลาเฉลี่ยประมาณข้อละ 8 วินาทีเพื่อทำให้เสร็จ ต้องตอบให้ถูก 13 ข้อขึ้นไป
- ส่วนที่ 2 ความรู้ (Kennis) มีคำถาม 12 ข้อ ต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถรับรู้และตั้งชื่อข้อเท็จจริงหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ผู้เข้าสอบมีเวลาเฉลี่ยประมาณ 8 นาที ต้องตอบให้ถูก 10 ข้อขึ้นไป
- ส่วนที่ 3 ข้อมูลเชิงลึก (Inzicht) มีคำถาม 28 ข้อ ต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถใช้กฎเกณฑ์และตัดสินใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้อง ผู้เข้าสอบมีเวลาประมาณ 16 นาทีในการตอบคำถาม ต้องตอบให้ถูก 25 ข้อขึ้นไป
ข้อสอบภาคทฤษฏีแบ่งออกเป็นหลายภาษา เช่น ภาษาดัตช์ ภาษาอังกฤษ (อาจมีคำศัพท์ภาษาดัตช์ปะปนมาด้วย) มีค่าใช้จ่าย 42.50 ยูโร (ตัวเลขปี 2022) ในบางพาร์ท เช่น กฎจราจรและองค์ประกอบความเข้าใจการจราจร สำหรับผู้เข้าสอบที่มีภาวะ Dyslexia สามารถทำข้อสอบที่ต้องใช้เวลามากขึ้นเป็นภาษาดัตช์หรือภาษาอังกฤษ พวกเขาจะได้รับเวลาเพิ่ม 15 นาทีในการทำข้อสอบ
สำหรับผู้ที่ต้องการสอบเป็นภาษาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาดัตช์หรือภาษาอังกฤษสามารถจัดหาล่ามด้วยตัวเองเพื่อดูแลในระหว่างการทำข้อสอบ และต้องทำอย่างน้อย 14 วันก่อนวันสอบจริง สิ่งนี้รวมไปถึงล่ามภาษามือ ผู้เข้าสอบมีเวลาในการทำข้อสอบ 45 นาที มีค่าใช้จ่าย 95 ยูโร (ตัวเลขปี 2022)
เมื่อสอบเสร็จทั้งสามส่วนจะได้รับผลสอบทันที ผลสอบมีสองแบบคือผ่าน (Gelaagd) และไม่ผ่าน (Helaas gezakt) ทาง CBR จะส่งผลการสอบให้ทางอีเมล์ภายใน 15 นาที ผู้เข้าสอบจะได้รู้ว่ามีส่วนไหนบ้างที่ทำคะแนนได้ดีและส่วนไหนที่ทำคะแนนได้น้อยเพื่อนำไปพัฒนาต่อสำหรับการขับรถจริงหลังจากนี้ ส่วนผู้ที่สอบไม่ผ่านข้อมูลที่ได้รับมาจะเป็นประโยชน์สำหรับการเตรียมตัวสอบใหม่ ผลสอบภาคทฤษฎีมีอายุ 1.5 ปี
- ฝึกทำข้อสอบภาคทฤษฎีออนไลน์ที่เกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ บนท้องถนน ป้ายจราจร กฎจราจรและความหมายของสัญญาณจราจร รวมไปถึงข้อมูลใบขับขี่ได้ในเว็บไซต์ เช่น RDW, CBR, ANWB, Rijksoverheid, Examencentrum และ Theoriecursus หรือเรียนภาคทฤษฎีกับโรงเรียนสอนขับรถ (ส่วนใหญ่จะมีสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ)
- การลงมือทำจะช่วยให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น นำสิ่งที่ได้เรียนจากภาคทฤษฎีมาประยุกต์ใช้กับตอนเรียนขับรถ หรือสังเกตสถานการณ์รอบตัวที่เกิดขึ้นบนท้องถนน จดจำสัญญาณไฟจราจรและกฎจราจรจร รวมไปถึงป้ายบอกทิศทาง การให้ทางผู้ขับขี่คนอื่น ๆ อย่างถูกต้อง ฯลฯ
- CBR ได้แนะนำหนังเรียนภาคทฤษฎีไว้หลายเล่ม เช่น VekaBest Auto theorieboek, Lens Verkeersleermiddelen, Verjo และ Smit Rijschoolservice ลองศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือเหล่านี้ตามงบประมาณที่มี
- ดูวิดีโอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบภาคทฤษฎี เช่น Theorie examen auto, Theorie Toppers,
Rijhetwijst, Zo gaat het bij het theorie-examen van het CBR, Verkeersborden, Voorrang op gelijkwaardige kruispunten และ Theorie-examen Stilstaan en parkeren
การสอบภาคปฏิบัติ (het praktijkexamen auto) มีค่าใช้จ่าย 122.50 ยูโร (ตัวเลขปี 2022) ใช้เวลาทั้งหมด 55 นาที ประกอบไปด้วยการอธิบายรายละเอียดจาก CBR ก่อนสอบ จากนั้นผู้เข้าสอบจะได้รับการทดสอบสายตาในที่จอดรถด้วยการอ่านป้ายทะเบียนรถที่จอดอยู่ห่างออกไปประมาณ 25 เมตร และตอบคำถามสองถึงสามข้อเกี่ยวกับ เช่น การตรวจสอบน้ำมันหรือไฟบนแผงหน้าปัด
จากนั้นผู้เข้าสอบจะได้รับการทดสอบชั่วคราว (Tussentijdse toets) ซึ่งคล้ายการกับสอบขับรถจริงเพื่อให้คุ้นชินกับรถหรือสนามสอบ (มีค่าใช้จ่าย 122.50 ยูโร ตัวเลขปี 2022) คนที่เข้ารับการทดสอบชั่วคราวมาแล้วจะไม่ต้องสอบในส่วนนี้ สามารถข้ามไปสอบขับรถจริงได้เลย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 35 นาที มีหัวข้อที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 ส่วนด้วยกัน เช่น การควบคุมรถ พฤติกรรมในการสังเกตและให้ความสำคัญระหว่างขับรถ การขับรถในถนนทางตรงหรือทางโค้งหรือทางแยก การแซงหรือเปลี่ยนเลน เป็นต้น
หลังสอบภาคปฏิบัติแล้วจะได้รับผลสอบทันที หากสอบผ่านหลังจากนั้นวันถัดไปคุณสามารถยื่นขอรับใบขับขี่ได้ที่สำนักงานเขตเทศบาลตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน (มีค่าใช้จ่าย 41.60 ตัวเลขปี 2022 ถ้าต้องการยื่นแบบด่วนมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 34.10 ยูโร) แต่ถ้าหากสอบไม่ผ่านผู้คุมสอบจะให้แบบฟอร์มพร้อมกับสิ่งที่ต้องพัฒนาเพื่อให้พร้อมสำหรับการสอบใหม่
สำหรับคนที่ใบขับขี่กำลังใกล้จะหมดอายุ สามารถขอยื่นต่อใบขับขี่ใหม่ได้ที่สำนักงานเขตเทศบาล บางเทศบาลสามารถต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของ RDW (สำหรับบัตรที่ออกหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2549) ดังนั้นคุณไม่ต้องไปที่เทศบาลโดยตรง แต่ถ้าไม่ได้ต้องไปดำเนินการกับเทศบาลโดยตรง (สำหรับบัตรที่ออกก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2549)
ขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์
- เตรียมรูปถ่ายสำหรับต่ออายุใบขับขี่โดยช่างภาพหรือบูธถ่ายภาพที่ได้รับการรับรองจาก RDW (กดเพื่อดูลิงก์ภายนอก) จากนั้นลงลายเซ็นในกระดาษ ช่างภาพจะส่งรูปถ่ายและลายเซ็นของเราไปให้ RDW เพื่อเช็คข้อมูล จากนั้น RDW จะแจ้งผลว่าใบสมัครต่อใบขับขี่ใหม่ของเราได้รับการอนุมัติหรือไม่ ถ้าใช่เราสามารถต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ได้
- ไปที่เว็บไซต์ rdw.nl/Rijbewijsverlengen จากนั้นลงชื่อเข้าใช้งานด้วยบัญชี DigiD
- ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องและกดปุ่มที่มีคำว่าต่ออายุใบขับขี่ (Rijbewijs verlengen)
- ชำระค่าต่ออายุใบขับขี่ 41.60 ยูโร ผ่าน iDEAL
- รอรับอีเมล์การสมัครภายใน 2 วันทำการ
- นัดหมายออนไลน์เพื่อไปรับใบขับขี่ที่สำนักงานเขตเทศบาล (นำใบขับขี่ปัจจุบันติดตัวไปด้วย)
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าผู้ที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่เนเธอร์แลนด์สามารถใช้ใบขับขี่สากลขับรถในเนเธอร์แลนด์ได้สูงสุด 185 วันจากนั้นต้องทำใบขับขี่ดัตช์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถใช้ใบขับขี่สากลขับรถในเนเธอร์แลนด์ได้สูงสุด 90 วัน
ส่วนการแลกเปลี่ยนใบขับขี่ต่างประเทศเป็นใบขับขี่ดัตช์สามารถทำได้หากอยู่ในเกณฑ์ที่ RDW กำหนดไว้ เช่น มีใบอนุญาตพำนักอาศัยในเนเธอร์แลนด์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงมาจากประเทศสหภาพยุโรปหรือ EFTA เช่น นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศในลิสต์ที่กำหนด (แลกเปลี่ยนได้ตามประเภทของรถยนต์และใบขับขี่บางประเภทเท่านั้น) คือ ประเทศอันดอร์รา จังหวัดอัลเบอร์ตาและควิเบกของแคนาดา ยิบรอลตาร์ เกาะเกิร์นซีย์ อิสราเอล ญี่ปุ่น เจอร์ซีย์ ไอล์ออฟแมน โมนาโก ไอร์แลนด์เหนือ สิงคโปร์ ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร
การแลกเปลี่ยนใบขับขี่ต่างประเทศเป็นใบขับขี่ดัตช์สามารถทำได้ที่สำนักงานเขตเทศบาล และต้องยื่นเอกสารประกอบ เช่น ใบขับขี่ต่างประเทศที่ยังไม่หมดอายุ รูปถ่ายสำหรับใบขับขี่ ในบางกรณีอาจต้องใช้ใบรับรองสุขภาพ (Verklaring van geschiktheid) สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ RDW: How can I exchange a foreign driving licence
กฎภาษี 30%
คนที่ย้ายมาอยู่เนเธอร์แลนด์เพื่อทำงาน เช่น ผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะสูง (Highly skilled migrant) อาจจะต้องเสียภาษี 30% ของกรมสรรพากร และถ้าอยู่ภายใต้กฎภาษี 30% สามารถแลกเปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ดัตช์ (โดยไม่ขึ้นอยู่กับว่ามาจากประเทศไหน) รายละเอียดในส่วนนี้สามารถขอความช่วยเหลือจากบริษัทหรือนายจ้าง
กฎจราจรในเนเธอร์แลนด์
การจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนนในเนเธอร์แลนด์ได้รับการดูแลโดยศูนย์จราจรเนเธอร์แลนด์ (VCNL: Verkeerscentrum Nederland) ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรและใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง หากฝ่าฝืนกฎมีโทษปรับตามกฎหมายและอาจเสี่ยงต่อการโดนยึดใบขับขี่
ป้ายจราจรในเนเธอร์แลนด์ (ภาษาดัตช์: Verkeersborden) ส่วนใหญ่ยังคงเป็นภาษาดัตช์และมีพื้นหลังสีฟ้ามาตรฐาน มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันเพื่อบ่งบอกความหมายให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องภายใต้กฎจราจรและกฎสัญญาณจราจร 1990 (RVV 1990; Reglement verkeersregels en verkeerstekens 1990)
ป้ายจราจรในเนเธอร์แลนด์แบ่งออกตามหมวดหมู่เพื่อให้เข้าใจง่าย เริ่มตั้งแต่หมวดหมู่ A-L ซึ่งใช้แนะนำการเดินทาง บอกสัญญาความเร็วบนท้องถนน แจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน รวมไปถึงควบคุมการจราจรที่ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตาม
- A - Snelheid ป้ายบอกสัญญาณความเร็ว
- B - Voorrangsborden เครื่องหมายลำดับความสำคัญ
- C - Geslotenverklaring ป้ายประกาศ
- D - Rijrichting ป้ายบอกทิศทางบังคับ
- E - Parkeren ป้ายจอดหรือหยุดรถ
- F - Geboden en Verboden สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ
- G - Gebieden ป้ายกฎจราจร
- H - Bebouwde kom ป้ายพื้นที่ที่สร้างขึ้น
- J - Waarschuwingen ป้ายเตือน
- K - Bewegwijzering ป้ายบอกทิศทางอย่างชัดเจน
- L - Informatie ป้ายบอกข้อมูล
นอกจากป้ายจราจรข้างต้นแล้วยังมีป้ายจราจรที่แบ่งตามหมวดหมู่พยัญชนะสองหลัก ลิสต์ด้านล่างคือป้ายจราจรเพิ่มเติมที่เรามักจะพบเห็นบ่อยในเนเธอร์แลนด์
- BB - Bebakening ป้ายสัญญาณจราจร
- BF - Bewegwijzering voor (brom) fietsers ป้ายสำหรับผู้ใช้จักรยาน
- BW - Parkeerbewegwijzering ข้อมูลที่จอดรถและบอกเส้นทาง
- OB - Onderborden ป้ายอันเดอร์บอร์ด
- OB - Onderborden ป้ายอันเดอร์บอร์ดเบ็ดเตล็ด
- OV - Verkeersborden overage ป้ายจราจรอื่น ๆ
- VR - Verkeerregelborden ป้ายควบคุมจราจร
- ES - Electric matrix signaling ป้ายอิเล็กทริกเมทริกซ์
- VB - Bewegwijzering voor voetgangers ป้ายสำหรับคนเดินเท้า
การละเมิดกฎจราจรในเนเธอร์แลนด์
การลงโทษผู้ที่ละเมิดกฎจราจรในเนเธอร์แลนด์ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- การปรับ (Mulder) ภายใต้พระราชบัญญัติกฎจราจรบังคับใช้กฎหมายปกครอง (Wet Mulder)ใช้สำหรับการละเมิดกฎจราจรเล็กน้อย เช่น การขับเร็วและการขับรถฝ่าไฟแดง ผู้ที่ละเมิดกฎจะได้รับใบสั่งจากสำนักงานรวบรวมตุลาการกลาง (CJIB) และต้องจ่ายค่าปรับ ผู้ที่โดนใบสั่งปรับจะไม่ได้รับการลงบันทึกอาญาดังนั้นจะไม่มีประวัติอาชญากรรม อย่างไรก็ตามถ้าผู้ที่เป็นเจ้าของรถไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดเองยังต้องรับค่าปรับจากคนขับจริงด้วยตัวเอง หากไม่เห็นด้วยกับใบสั่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อสำนักงานอัยการ (OM) ภายในหกสัปดาห์นับจากวันที่ส่งใบสั่ง หรือขอดูรูปถ่ายจากกล้อง โดยการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ ระบบจะส่งข้อมูลให้ทางไปรษณีย์ภายใน 10 วันทำการ
- ดำเนินคดีสาธารณะ (OM- strafbeschikking) ใช้สำหรับการละเมิดกฎจราจรที่ร้ายแรง เช่น ความผิดเกี่ยวกับการขับรถเร็วและการขับรถโดยมึนเมาซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายอาญาพนักงานอัยการสามารถกำหนดบทลงโทษสำหรับการละเมิดกฎจราจรทางอาญาทั่วไปจำนวนหนึ่งโดยใช้คำสั่งลงโทษของ OM เช่น ค่าปรับจาก CJIB พนักงานอัยการไม่สามารถกำหนดโทษจำคุกได้ซึ่งยังคงเป็นหน้าที่ของผู้พิพากษา ผู้ที่ละเมิดกฎจราจรร้ายแรงจะมีการบันทึกคำสั่งทางอาญาและมีประวัติอาชญากรรม หากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาสามารถคัดค้านได้โดยยื่นคำคัดค้านต่อกรมอัยการ ศาลอาญาจะประเมินคดีอาญาใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
การจ่ายค่าปรับจราจรในเนเธอร์แลนด์
ผู้ที่ละเมิดกฎจราจรในเนเธอร์แลนด์จะได้รับใบสั่งจาก CJIB พร้อมระบุวันหมดอายุ และต้องชำระเงินก่อนแปดสัปดาห์หลังวันที่ได้รับค่าปรับ สามารถจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ใน Digital Counter CJIB ด้วยการใช้บัญชี DigiD ลงชื่อเข้าใช้งาน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีค่าปรับ 50% และได้รับจดหมายแจ้งเตือนเพื่อให้จ่ายค่าปรับ หลังจากนั้นค่าปรับจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% หากยังไม่ปฏิบัติตามจะมีการใช้มาตรการบังคับทุกรูปแบบจนถึงการยึดใบขับขี่ในที่สุด
ค่าปรับจราจรครอบคลุมประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
ค่าปรับที่กล่าวไปทางต้นไม่เพียงแค่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายในเนเธอร์แลนด์เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ได้ตกลงทำงานร่วมกันในการเรียกเก็บเงินค่าปรับและคำเนินคดี หากผู้ละเมิดกฎไม่ได้เป็นพลเมืองของประเทศนั้น ๆ แต่ฝ่าฝืนกฎจราจรในประเทศดังกล่าว ใบสั่งจะถูกส่งไปตามที่อยู่ในทะเบียนบ้านและต้องจ่ายค่าปรับตามขั้นตอน
บทบัญญัติลงโทษสำหรับผู้ที่เมาแล้วขับในเนเธอร์แลนด์
ในกรณีที่เมาแล้วขับทำให้เกิดอุบัติจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ต้องโทษไม่เพียงแต่ต้องจ่ายปรับมหาศาล แต่ยังคงถูกดำเนินคดีทางอาญาและอาจถูกเพิกถอนใบขับขี่เป็นเวลานานหรือไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถอีกต่อไป บริษัทประกันอาจเรียกค่าเสียหายทั้งหมดที่จ่ายไปคืนไม่เพียงแต่กับผู้ขับขี่ที่มึนเมาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ถือกรมธรรม์หรือผู้ถือป้ายทะเบียน การให้บุคคลอื่นยืมรถไปขับจึงมีความเสี่ยงสำคัญหากเกิดเหตุไม่คาดคิดในอนาคต
ผู้ที่เมาแล้วขับตำรวจจะยึดใบขับขี่และรายงานเรื่องนี้ไปยัง CBR เพื่อตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากเกินไป CBR จะกำหนดบทลงโทษ เช่น วิชาบังคับความเสี่ยงของแอลกอฮอล์ในการจราจร (LEMA และ EEA) และการทำให้ใบขับขี่เป็นโมฆะ
ในบางครั้งมีการสอบสวนการดื่มแอลกอฮอล์สำหรับผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากเกินไป ผู้กระทำผิดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถจนกว่า CBR จะให้คำตัดสินใจ จากนั้นพวกเขาถึงจะได้รับใบขับขี่คืน ถ้าไม่อย่างนั้นใบขับขี่จะถูกยกเลิกและไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถอีกต่อไป ในอีกกรณีหนึ่งหากมีการปฏิเสธที่จะเรียนหลักสูตรภาคบังคับอย่างถูกต้องใบขับขี่จะถือเป็นโมฆะ
วิชาบังคับความเสี่ยงของแอลกอฮอล์ในการจราจรมีอยู่สองแบบ คือ
- LEMA (Light Educational Alcohol Measure) สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดระหว่าง 0.5-0.8 มก.% มีค่าใช้จ่าย 683 ยูโร (ผู้ขับขี่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง)
- EEA (Educational Measure Alcohol) สำหรับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์แล้วและมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดระหว่าง 1.0-1.8 มก.% รวมถึงผู้ขับมือใหม่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดระหว่าง 0.8-1.3 มก.% มีค่าใช้จ่าย 1,075 ยูโร (ผู้ขับขี่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง)
ผู้ที่ปฏิบัติตามหลักสูตร LEMA หรือ EEA ทาง CBR จะคืนใบขับขี่ให้และสามารถขับรถได้อีกครั้ง แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากเกินไปต้องเข้าร่วมการสอบสวนการดื่มแอลกอฮอล์และจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 1.3 มก.% และผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์แล้วและมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 1.8 มก.% จะได้รับการสอบสวนการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหมาะสมที่จะขับรถหรือไม่ ในส่วนนี้มีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 1,247 ยูโร (ผู้ขับขี่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง)
การสอบสวนสามารถทำได้หลายแบบ เช่น การวิจัยทางจิตเวช การตรวจร่างกาย การตรวจเลือดและการตรวจปัสสาวะ ซึ่ง CBR จะพิจารณาจากผลตรวจเหล่านั้นและการตรวจของจิตแพทย์ หากผลพิจารณาแล้วว่าคุณเหมาะสมที่จะขับรถ คุณสามารถขับรถต่อไปได้และจะได้รับใบขับขี่คืน และยังต้องปฏิบัติตามหลักสูตร LEMA หรือ EEA แต่ถ้าหากคุณไม่เหมาะที่จะขับรถต่อไปใบขับขี่จะใช้งานไม่ได้และคุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถอีกต่อไป
หากคุณต้องการใบขับขี่คืนต้องหยุดดื่มสุราเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี จากนั้นสามารถขอใบประสุขภาพที่สมบูรณ์ (Gezondheidsverklaring invullen) ทาง CBR จะพิจารณาว่าคุณเหมาะสมที่จะขับรถหรือไม่ ถ้าใช่คุณสามารถขอใบขับขี่ใหม่ได้จากสำนักงานเขตเทศบาล ซึ่งใบขับขี่ที่ได้อาจจะมีอายุสั้นกว่าใบขับขี่ปกติ CBR เช่น 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการประเมินอย่างสม่ำเสมอว่าคุณสามารถขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนนหรือไม่
ผู้ที่ถูกจับฐานเมาแล้วขับรถสองครั้งในห้าปีใบขับขี่จะเป็นโมฆะ สิ่งนี้เรียกว่าระเบียบการทำผิดซ้ำ (Recidiveregeling) คนขับจะไม่ได้รับใบขับขี่คืนรวมถึงถูกปรับและห้ามมิให้ขับรถโดยผู้พิพากษา CBR จะมีการสอบสวนการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อพิจารณาว่ามีความเหมาะสมในการขับขี่อีกหรือไม่ ถ้าไม่ใบขับขี่จะถูกยกเลิก คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถอีกต่อไป ส่วนผู้ที่ได้รับการพิจารณาแล้วว่ามีความเหมาะสมในการขับรถจะได้รับอนุญาตให้ขับรถได้อีกครั้งและต้องสอบใบขับขี่ใหม่ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และก่อนที่จะทำข้อสอบได้ต้องเรียนหลักสูตร LEMA หรือ EEA ก่อน
ผู้ที่ถูกจับฐานเมาและขับรถภายใต้อิทธิพลของยาเสพติดสองครั้งภายในห้าปีจะทำให้ใบขับขี่ใช้งานไม่ได้โดยอัตโนมัติและจะไม่สามารถขับรถได้อีกต่อไป สิ่งนี้เป็นไปตามกฎหมายควบคุมการกระทำผิดเกี่ยวกับสุราและยาเสพติด (Recidiveregeling alcohol en drugs) ซึ่งความผิดนี้จะถูกลงบันทึกและมีประวัติอาชญากรรม ผู้กระทำผิดไม่สามารถยื่นอุทธรณ์หรือคัดค้านได้
หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
รถยนต์ทุกคันที่จดทะเบียนในประเทศเนเธอร์แลนด์จำเป็นต้องมีการประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยทางเลือกรถยนต์อื่น ๆ ในกรณีที่เกิดไฟไหม้ การโจรกรรมหรือการก่อกวน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและมีผู้บาดเจ็บควรติดต่อตำรวจและเรียกรถพยาบาลหากจำเป็นที่หมายเลข 112 จากนั้นควรหยุดรถทันที
หากรถขวางถนนให้ใช้สัญญาณไฟอันตรายและติดป้ายเตือนสามเหลี่ยมสีแดงห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร เพื่อเตือนการจราจรที่กำลังจะมาถึงให้กับผู้ขับขี่คนอื่น ๆ จากนั้นขอข้อมูลที่จำเป็นทั้งสองฝ่ายเช่น ชื่อและที่อยู่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทั้งหมด เลขทะเบียนรถและรายละเอียดบริษัทประกันภัยเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
P+R ที่จอดรถราคาถูกในเนเธอร์แลนด์
อย่างที่รู้กันว่าที่จอดรถในเนเธอร์แลนด์นั้นมีราคาแพงและยิ่งขับรถเข้าไปจอดในใจกลางเมืองราคาก็จะแพงขึ้นไปไปอีกโดยคิดเป็นรายชั่วโมงหรือเหมาจ่ายแบบรายวัน ผู้ที่จอดรถในใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมอาจจะต้องจ่ายถึง 3-6 ยูโรต่อชั่วโมง ส่วนตัวเมืองใหญ่อื่น ๆ ค่าที่จะจอดรถจะต่ำกว่าอยู่ที่ประมาณ 1-3 ยูโรต่อชั่วโมง รายวันเฉลี่ยสูงสุด 6-18 ยูโร อย่างไรก็ตามมีที่จอดรถที่ชื่อว่า P+R ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าที่จอดรถทั่วไปและใช้งานสะดวก ช่วยให้ผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์ไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่จอดรถใจกลางเมืองให้ยุ่งยากอีกต่อไป
P+R ย่อมาจากคำว่า Park and Ride เป็นวิธีจอดรถราคาประหยัดในเนเธอร์แลนด์และเดินทางเข้าเมืองต่อด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ครอบคลุมถึงรถไฟ รถราง รถไฟใต้ดิน หรือรถจักรยาน สามารถจอดรถได้นานถึง 24 ชั่วโมง (หรือมากกว่านั้น) เหมาะสำหรับสำหรับผู้ที่ขับรถเที่ยวในเนเธอร์แลนด์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาที่จอดรถในตัวเมือง ที่จอดรถ P+R มักตั้งอยู่ตามชานเมืองใกล้ทางด่วนหรือสถานีระบบขนส่งสาธารณะ และมีประตูทางเข้าออกที่ใช้งานสะดวก
ผู้ที่ต้องการส่วนลดค่าที่จอดรถมีเงื่อนไขว่าต้องเดินทางเข้าเมืองต่อด้วยระบบขนส่งสาธารณะโดยใช้บัตร OV-Chipkaart หรือตั๋วเดินทางไปกลับ P+R ที่หาซื้อได้ตามตู้ในที่จอดรถ ช่องทางออนไลน์หรือกับคนขับรถ (ขึ้นอยู่กับพื้นที่บริการ) โดยต้องซื้อตั๋ว P+R ภายในเวลาที่กำหนดหลังจากที่นำรถไปจอดแล้ว (ปกติมักอยู่ที่ 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง) หลังจากนั้นเมื่อเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบไปกลับเรียบร้อย ต้องนำตั๋ว P+R มาชำระเงินที่ตู้ในที่จอดรถภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากเช็คเอาท์ออกจากขบวนรถ
ถ้าต้องการจอดรถอย่างเดียวต้องจ่าย P+R ราคาปกติ หรือเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะขาไปหรือกลับอย่างเดียวต้องจ่ายราคาปกติเช่นกัน ที่เป็นแบบนี้เพราะรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้คนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นและช่วยลดความแออัดของจำนวนรถในตัวเมือง
วางแผนการเดินทางในเนเธอร์แลนด์
การวางแผนก่อนอออกเดินทางทุกครั้งเป็นเรื่องที่สำคัญ สมาคมนักเดินทางในเนเธอร์แลนด์ (ANWB: Royal Dutch Touring Club) ได้จัดทำเครื่องมือออนไลน์ Routeplanner สำหรับวางแผนการเดินทางในเนเธอร์แลนด์ ผู้ขับขี่สามารถใช้เครื่องมือดังกล่าวเพื่อตรวจสอบเส้นทางรวมไปถึงประเภทของการเดินทางได้สะดวก
นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ANWB On the Road (ANWB Weg) เพื่อเช็คข้อมูลการจราจรบนท้องถนน รวมไปถึงค้นหาที่จอดรถราคาถูกหรือฟรี และค้นหาสถานีชาร์จหรือสถานีเติมน้ำมันที่รวมราคาน้ำมันในปัจจุบัน สำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ผู้โดยสารสามารถวางแผนการเดินทางได้ที่เว็บไซต์ 9292 หรือ NS
การขับรถในเนเธอร์แลนด์มีกฎจราจรและค่าปรับที่ความเข้มงวดมาก นั้นยังไม่ถึงค่าทำใบขับขี่แพง ผู้ขับขี่บนท้องถนนจึงปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าไม่อย่างนั้นหากละเมิดกฎขึ้นมาไม่เพียงแต่ต้องจ่ายค่าปรับมหาศาลและอาจเสี่ยงต่อการโดนยึดใบขับขี่ด้วย