ฮาร์เลม (Haarlem) เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกห่างจากอัมสเตอร์ดัมประมาณ 20 กม. และยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์อีกด้วย ความน่าสนใจของเมืองฮาร์เลมแน่นอนว่านอกจากจะอยู่ใกล้อัมสเตอร์ดัมสามารถเที่ยวได้ง่ายแบบครึ่งวันหรือแบบเดย์ทริปแล้ว ฮาร์เลมยังมีการผสมผสานระหว่างเรื่องราวประวัติศาสตร์ดัตช์และชีวิตในเมืองสมัยใหม่ไว้ได้อย่างลงตัว โดยรวมที่เที่ยวน่าสนใจไว้หลายแห่ง เช่น จัตุรัสตลาดกลาง (Grote Markt) มหาวิหารเซนต์บาโว (Church of St. Bavo) พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์เทย์เลอร์ส (Teylers Museum) และพิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ (Frans Hals Museum) เป็นต้น
ทำอะไรได้บ้างที่ฮาร์เลม (Haarlem)
เดินเล่นที่จัตุรัสตลาดกลาง (Grote Markt)
จัตุรัสตลาดกลางเป็นหัวใจหลักของเมืองฮาร์เลมมานานหลายศตวรรษ และยังเป็นที่เที่ยวอันดับแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องเจออย่างแน่นอน เพราะว่าอยู่บนเส้นทางหลักเข้าถึงง่ายจากสถานีรถไฟเพียง 15 นาที
จุดเด่นของจัตุรัสตลาดกลางไม่เพียงแค่มีบรรยากาศที่คึกคักเท่านั้น แต่ยังรายล้อมด้วยอาคารเก่าแก่หลายแห่ง ครอบคลุมถึงศาลาว่าการเมืองฮาร์เลม (Stadhuis) ที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 มหาวิหารเซนต์บาโว (Church of St. Bavo) หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาดัตช์ว่า “Grote Kerk” หรือโบสถ์ใหญ่ของเมือง รวมถึงพิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ (Frans Hals Museum) ที่ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ยุคทองของดัตช์ ตลอดจนอดีตห้องโถงเนื้อ (Vleeshal Haarlem) และพิพิธภัณฑ์โบราณคดีฮาร์เลม (Archeological Museum Haarlem) ทั้งหมดนี้เราจะมาขยายรายละเอียดตามลำดับในหัวข้อถัดไป
นอกจากจัตุรัสตลาดกลางจะเป็นแหล่งรวมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองฮาร์เลมแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของตลาดนัดประจำสัปดาห์อีกด้วย ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08:30-17:00 น. ภายในตลาดรวมแผงขายสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยสินค้าหลากหลายชนิด ที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถหาขนมดัตช์ทานได้จากตลาดแห่งนี้อีกด้วย
มหาวิหารเซนต์บาโว (Church of St. Bavo)
มหาวิหารเซนต์บาโวหรือที่เรียกกันในภาษาดัตช์ว่า “De Grote of St. Bavokerk” เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ และยังเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองฮาร์เลมอีกด้วย โดยมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 และเป็นที่รู้จักจากสถาปัตยกรรมแบบกอทิกและการตกแต่งภายในที่สวยงาม รวมถึงเป็นที่ตั้งของออร์แกน Müller อันเลื่องชื่อที่สร้างโดย Christian Müller จากศตวรรษที่ 18 อีกด้วย
ด้านนอกมหาวิหารเซนต์บาโวนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นยอดแหลมความสูง 78 เมตร ตระหง่านเหนือเส้นขอบฟ้าของเมืองฮาร์เลม เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะพบกับการตกแต่งที่สวยงามของเพดานโค้งสูง สลับกับหน้าต่างกระจกสีอันวิจิตรบรรจง ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือประติมากรรมและภาพวาดที่เพิ่มความสวยงามขึ้นไปอีก
นอกจากการตกแต่งที่โดดเด่นแล้วมหาวิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝังศพของบุคคลสำคัญจากประวัติศาสตร์ดัตช์หลายคน รวมถึง Frans Hals, Pieter Teyler และ Pieter Jansz Saenredam นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าชมมหาวิหารเซนต์บาโวได้ตลอดทั้งปี เปิดวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10:00-17:00 น. อย่าลืมเตรียมค่าเข้าชมไว้ด้วย 4 ยูโร ประตูทางเข้าหลักตั้งอยู่ด้านหน้ารูปปั้น Laurens Janszoon Coster ผู้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์ที่มีบ้านเกิดในเมืองฮาร์เลม
พิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ (Frans Hals Museum)
Frans Hals Museum (เดิมคือพิพิธภัณฑ์ฮาร์เลม) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1862 หรือที่เรียกว่า “พิพิธภัณฑ์ยุคทอง” เพื่ออุทิศให้กับจิตรกรชาวดัตช์ในยุคทอง “Frans Hals” รวมถึงจิตรกรชาวดัตช์และชาวเฟลมิชจากศตวรรษที่ 16 และ 17 โดยรวมการจัดแสดงคอลเล็กชันภาพวาดมากกว่า 3,000 ภาพ รวมถึงผลงานกว่า 1,100 ชิ้นของฟรันส์ฮัลส์เอง คอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์ยังรวมถึงผลงานของจิตรกรชาวดัตช์คนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงจากยุคทอง เช่น โยฮันเนส เวอร์เมียร์ (Johannes Vermeer) ปีเตอร์ เดอ โฮค (Pieter de Hooch) และยัน สเตน (Jan Steen) อีกด้วย
นอกจากคอลเล็กชันถาวรแล้ว พิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ยังจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวหลากหลายตลอดทั้งปี โดยรวมงานของศิลปินร่วมสมัย ตลอดจนชิ้นส่วนประวัติศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ และของสะสมส่วนตัว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จากอาคารสองแห่ง คือ Groot Heiligland 62 ซึ่งรวบรวมและจัดแสดงผลจากยุคทอง และ Grote Markt 16 (ใกล้กับมหาวิหารเซนต์บาโว) ที่จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ทั้งสองแห่งใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที และสามารถเข้าชมได้ด้วยตั๋วใบเดียวกัน
เปิด: วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 11:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 16 ยูโร หรือใช้บัตร Museumkaart เข้าชมฟรี
ศาลาว่าการเมืองฮาร์เลม (Haarlem Stadhuis)
จากพิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ถ้ามองไปทางขวามือนักท่องเที่ยวจะพบกับศาลาว่าการเมืองฮาร์เลมที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 ซึ่งตั้งอยู่กับศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว (VVV Haarlem) ศาลาว่าการหลังนี้นอกจากจะใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองของสภาเมืองแล้ว ยังมีส่วนหน้าของอาคารที่ความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอทิก รวมถึงประดับหอคอยด้วยนาฬิกา เช่นเดียวกับการตกแต่งภายในที่โอ่อ่าหรูหราเช่นกัน ศาลาว่าการเมืองฮาร์เลมยังถูกใช้สำหรับงานแต่งงานของพลเมืองอีกด้วย ใครที่มาเที่ยวฮาร์เลมช่วงฤดูใบไม้ผลิทุกวันศุกร์อาจจะเห็นเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจูงมือกันเข้าวิวาห์จากบันไดหลัก
อดีตห้องโถงเนื้อ (Vleeshal Haarlem)
ติดกับมหาวิหารเซนต์บาโวหลายคนอาจจะมองเห็นอาคารที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ที่แห่งนี้เรียกว่า Vleeshal สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1603 ในสไตล์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเพื่อใช้เป็นห้องโถงสำหรับขายเนื้อสดในอดีต ภายในสามารถรองรับจำนวนพ่อค้าเนื้อได้มากถึง 40 คน และเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจากสภาเทศบาลเมืองฮาร์เลมให้ขายเนื้อตั้งแต่ปี ค.ศ. 1604 จนถึงศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงแกลเลอรีของพิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ ส่วนห้องใต้ดินถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ Archeologisch Museum Haarlem ทั้งสองแห่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้านในตลอดทั้งปี
ประวัติของห้องโถงขายเนื้อแห่งนี้มีความน่าสนใจไม่แพ้การออกแบบที่สวยงามจนอยากจะหยิบยกให้ผู้อ่านได้เรียนรู้กัน กล่าวคือในอดีตปกติการขายเนื้อสดในเมืองฮาร์เลมจะตั้งแผงกันอยู่บนถนน Spekstraat และ Warmoesstraat แต่ด้วยความที่จุดขายเหล่านี้มีขนาดเล็ก และยังทำให้เนื้อสดเน่าเสียเร็วเมื่อยืนขายด้านนอก อาคารหลายแห่งบนจัตุรัสตลาดกลางจึงถูกซื้อเพื่อใช้สร้างเป็นห้องโถงเนื้อใหม่
สถาปนิกเมืองนามว่า Lieven de Key ได้รับมอบหมายจากสภาเทศบาลเมืองให้ออกแบบอาคาร เขาจึงได้ออกแบบมาสองอาคาร ซึ่งสภาเทศบาลเมืองได้เลือกหลังที่สวยที่สุดและแพงที่สุด นั้นก็คือ Vleeshal ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอาคารหลังนี้ถูกใช้เป็นห้องโถงเนื้อมาจนถึงปี ค.ศ.1840 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหอจดหมายเหตุแห่งชาติ (Rijksarchief) และห้องสมุดสาธารณะเมืองฮาร์เลม และในที่สุดก็ขยับมาเป็นพื้นที่แกลเลอรีของพิพิธภัณฑ์ฟรันส์ฮัลส์ และพิพิธภัณฑ์ Archeologisch Museum Haarlem นั้นเอง
พิพิธภัณฑ์โบราณคดีฮาร์เลม (Archeological Museum Haarlem)
ทางด้านซ้ายมือของห้องโถงเนื้อเป็นประตูทางเข้าไปยังห้องใต้ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณคดีฮาร์เลม ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดบนพื้นที่ชายฝั่งทะเล (อายุเกือบ 6,000 ปี) วัตถุโบราณที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองฮาร์เลม รวมไปถึงโครงกระดูกคอร์เนลิสจากยุคกลาง และแหล่งเรียนรู้จำลองสำหรับเด็กในการขุดหาโบราณวัตถุด้วยตัวเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แม้จะมีขนาดเล็กแต่โดยรวมแล้วนับว่าเป็นประตูบานใหญ่ที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว และที่สำคัญเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรี ทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 13:00-17:00 น.
กังหันลมอาเดรียน (Windmill De Adriaan)
กังหันลมอาเดรียนเป็นหนึ่งในสถานที่โดดเด่นที่สุดของเมืองฮาร์เลม ตั้งอยู่บนแม่น้ำสปาร์เนอร์ (Spaarne) สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยการเดินจากจัตุรัสตลาดกลางเพียง 10 นาที
ความน่าสนใจของที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาคารทางประวัติศาสตร์จากศตวรรษที่ 18 เท่านั้น แต่ด้านในยังมีการจัดแสดงนิทรรศการสำคัญในส่วนต่าง ๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์กังหันลมให้ได้เรียนรู้กันอีกด้วย โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ครอบคลุมถึงพื้นที่รับชมวิดีโอเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกันหันลมอาเดรียน นิทรรศการถาวรเกี่ยวกับกังหันลมดัตช์ผ่านแบบจำลองกังหันลมขนาดเล็ก การจัดแสดงกังหันลมอาเดรียนขนาดเท่าคนจริง ผู้เข้าชมยังสามารถทดลองบดเมล็ดพืชด้วยตัวเองได้ด้วยเครื่องบดมือ
เมื่อเดินไปถึงชั้นสี่จะออกสู่ระเบียงด้านนอกขนาดใหญ่ สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองฮาร์เลมและแม่น้ำสปาร์เนอร์ รวมถึงเป็นชั้นที่ใช้เก็บแป้งสาลีด้วย ในขณะที่ชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ของโรงโม่หินสำหรับการโม่แป้งโดยใช้พลังงานลมจากใบพัดกังหันลม ทั้งหมดนี้นับว่าซ่อนความรู้ไว้ในสถานที่ขนาดเล็กได้อย่างน่าสนใจ และก็เหมาะเลยทีเดียวที่จะแวะไปเข้าชมภายในเวลา 30-45 นาที กังหันลมอาเดรียนเปิดทุกวัน เวลา 13:00-17:00 น. อย่าลืมเตรียมค่าเข้าชมไว้ด้วย 7.50 ยูโร
พิพิธภัณฑ์เทย์เลอร์ส (Teylers Museum)
บนแม่น้ำสปาร์เนอร์นอกจากจะเป็นที่ตั้งของกังหันลมอาเดรียนแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เทย์เลอร์สที่มีชื่อของเมืองฮาร์เลมอีกด้วย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคอลเล็กชันงานศิลปะและวิทยาศาสตร์ของ Pieter Teyler van der Hulst (ปี ค.ศ. 1702-1778) ผู้ผลิตผ้าไหมและนายธนาคารผู้มั่งคั่งของเมืองฮาร์เลมที่หลงใหลในงานศิลปะและวิทยาศาสตร์
จากเกิดจากแนวคิดที่ว่าความรู้สามารถเสริมสร้างมนุษยชาติได้ เขาจึงได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับมูลนิธิ ก่อนที่ผู้รับมอบอำนาจได้ทำตามเจตจำนงของเขา จนในที่สุดก็เกิดเป็นพิพิธภัณฑ์เลอร์สในชื่อเดียวกัน และที่สำคัญยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในเนเธอร์แลนด์ที่รวมเอาวัตถุทางศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน โดยรวมภาพวาด ฟอสซิล แร่ธาตุ เครื่องมือ และหนังสือเก่าไว้มากมาย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์เทย์เลอร์สยังโดดเด่นด้วยการตกแต่งภายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องโถงรูปไข่ขนาดใหญ่ประดับด้วยมงกุฎ ซึ่งยังคงรูปแบบเดิมไว้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดให้เข้าชม ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดเมื่อมาเยือนเมืองฮาร์เลม
เปิด: วันอังคาร-อาทิตย์ 10:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 15 ยูโร หรือใช้ Museumkaart เข้าชมฟรี
ล่องเรือในคลองเมืองฮาร์เลม (Sightseeing Canal Cruise)
นอกจากการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองผ่านงานศิลปะแล้ว ยังมีกิจกรรมยอดนิยมอีกหนึ่งอย่างนั้นก็คือการล่องเรือในคลองฮาร์เลม ที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อสำรวจแม่น้ำสปาร์เนอร์และทางน้ำอันเก่าแก่ของเมือง และยังได้มีโอกาสเห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสถานที่สำคัญจากมุมที่ต่างออกไปอีกด้วย
การล่องเรือใช้เวลาประมาณ 50 นาที เป็นเรือขนาดใหญ่แบบเปิดกระจกและหลังคาได้ มาพร้อมไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน จุดขึ้นเรืออยู่ที่ท่าเรือ Smidtje Canal Cruises ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำสปาร์เนอร์ (Gravestenenbrug) จากจุดเริ่มต้นเรือจะพาผู้เข้าร่วมไปตามลำคลองในย่านเมืองเก่าผ่านสถานที่เที่ยวสำคัญ เช่น Molen de Adriaan, Teylers hofje, Frans Hals Museum และ Jopenkerk ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกและน่าไปลองด้วยตัวเองมาก ๆ เลย
มหาวิหารโดม (KoepelKathedraal)
ฮาร์เลมมีโบสถ์เซนต์บาโวอยู่สองแห่ง คือ มหาวิหารเซนต์บาโวอันเก่าแก่ (The Church of Saint Bavo) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสตลาดกลางที่ไปชมมาก่อนหน้านี้ และมหาวิหารโดม (KoepelKathedraal) เรียกอีกอย่างว่า Cathedral Basilica Sint Bavo ตั้งอยู่ที่ถนน Leidsevaart 146 ซึ่งเป็นที่เที่ยวน่าสนใจอีกหนึ่งแห่งของเมืองฮาร์เลม
อาสนวิหารโดมตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฮาร์เลมประมาณ 15 นาที สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (รายละเอียดการเดินทางที่หัวข้อถัดไป) หรือเดินจากจัตุรัสตลาดกลางเพียง 15 นาที ความน่าสนใจของมหาวิหารโดมไม่เพียงแค่ผสมผสานการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค นีโอโรมาเนสก์ ยูเกนดสติล แต่ยังได้รับอิทธิพลจากรูปแบบสถาปัตยกรรมมัวร์ทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึงสะท้อนงานศิลปะร่วมสมัยใหม่ผ่านหน้าต่างกระจกสี แผงกระจกในพิธีศีลจุ่ม และแก้วโมเสค
อาสนวิหารโดมยังมีห้องใต้ดินที่ดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กไว้ได้อย่างน่าสนใจ โดยจะพาผู้เข้าชมไปค้นพบเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมหาวิหาร มีการเก็บรวมรวบและจัดแสดงสมบัติทางศิลปะไว้หลายอย่าง เช่น ภาพวาด ประติมากรรม เครื่องเงินทางพิธีกรรม ไปรษณียบัตรเกี่ยวกับมหาวิหารหลายร้อยใบ รวมไปถึงนิทรรศการขนาดใหญ่เกี่ยวกับการบูรณะมหาวิหาร พิพิธภัณฑ์ยังมีเครื่องเสียงออดิโอทัวร์ขนาดเล็กสำหรับคำบรรยายเพิ่มเติมในภาษาต่าง ๆ ไว้บริการฟรีอีกด้วย
เปิด: วันจันทร์ถึงอาทิตย์ เวลา 13:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 4 ยูโร (7.50 ยูโร รวมขึ้นหอคอย) จองตั๋วออนไลน์ก่อนเข้าชมได้ที่ KoepelKathedraal Ticket
การเดินทางไปยังมหาวิหารโดม KoepelKathedraal จากสถานีรถไฟฮาร์เลม: นั่งรถบัสสาย 50, 340, 346 หรือ 356 มาลงที่ป้าย Stadsschouwburg จากนั้นเดินตามถนนริมลำคลอง Leidsevaart ไปประมาณ 5 นาทีจะพบกับมหาวิหารโดมตั้งอยู่ทางขวามือ จากจัตุรัสตลาดกลาง: นั่งรถบัสสาย 3 มาลงที่ป้าย Stadsschouwburg จากนั้นเดินตามถนนริมลำคลอง Leidsevaart ไปประมาณ 5 นาทีจะพบกับมหาวิหารโดมตั้งอยู่ทางขวามือ หรือเดินจากจัตุรัสตลาดกลางใช้เวลาประมาณ 16 นาที
ขึ้นหอคอยมหาวิหารโดมไปชมทิวทัศน์เมืองฮาร์เลม
แน่นอนว่าไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนอาสนวิหารโดมก็คือ การปีนขึ้นบันไดเวียนไปชมทิวทัศน์ที่ความสวยงามบนหอคอยที่มีความสูงเกือบ 60 เมตรจากตัวเมือง ด้านบนนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวของใจกลางเมืองฮาร์เลม และโดมทองแดง Jugendstil รวมไปถึงเนินทรายและชายทะเลซันต์โฟร์ต (Zandvoort) ที่ดูเหมือนอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใสยังสามารถมองเห็นเมืองอัมสเตอร์ดัม อัลค์มาร์ และไลเด้นได้อีกด้วย
นอกจากวิวที่สวยงามแล้วด้านบนหอคอยยังประกอบด้วยระฆังหอคอยสองทิศทาง คือ ระฆังแห่งหอคอยทางทิศเหนือ และระฆังแห่งหอคอยทางทิศใต้ ซึ่งระฆังแห่งหอคอยทางทิศเหนือเรียกอีกอย่างว่า Women’s Tower ประกอบด้วยระฆังที่หนักที่สุดสามอัม อันที่หนักที่สุดคือ Salvator มีน้ำหนักมากถึง 2,500 กิโลกรัม สำหรับระฆังแห่งหอคอยทางทิศใต้เรียกอีกอย่างว่า Men’s Tower มาพร้อมระฆังสามอันซึ่งครั้งหนึ่งเคยมาจากโบสถ์สปาร์เนอร์ (Spaarnekerk) น่าเสียดายที่นาฬิกาเก่านั่นถูกนำไปยังประเทศเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างไรก็ตามระฆังบนคอยหอยจะส่งเสียงทุกครึ่งชั่วโมง
บนคอหอยนักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นหน้าปัดของนาฬิกาเรือนใหญ่ เข็มชั่วโมงมีความยาวมากกว่า 190 เซนติเมตร และเข็มนาทีมีความยาวมากถึง 150 เซนติเมตร ทั้งสองใช้กลไกการขับเคลื่อนด้วยแรงเฟืองบนหน้าปัด นาฬิกาเรือนดังกล่าวยังถูกขับเคลื่อนด้วยตุ้มน้ำหนัก
บ้านลานสนามหญ้าเก่าแก่ (Hofjes in Haarlem)
ฮาร์เลมเป็นที่รู้จักจากฮอฟเจสที่สวยงามและเก่าแก่หลายแห่ง ซึ่งเป็นลานที่ล้อมรอบด้วยบ้านหลังเล็ก ๆ แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ยากไร้และผู้สูงอายุ ปัจจุบันฮอฟเจสเหล่านี้ยังคงใช้เป็นที่พักอาศัยราคาย่อมเยา ในขณะที่บางแห่งถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์หรือเปิดให้สาธารณชนเข้าชมฟรี โดยทั่วไปเปิดในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ระหว่างเวลา 10:00-17:00 น. ลิสต์ด้านล่างคือฮอฟเจสที่สามารถแวะไปชมได้
- Hofje van Bakenes: ก่อตั้งขึ้นในปี 1395 และเป็นหนึ่งในฮอฟเจสที่เก่าแก่ที่สุดในฮาร์เลม ด้านในมีสวนดอกไม้ที่สวยงามและบ้านเก่าแก่หลายหลัง และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
- Hofje van Oorschot: สร้างขึ้นในปี 1720 ด้านในมีสวนหย่อมและบ้านหลายหลังที่มีสถาปัตยกรรมดัตช์แบบดั้งเดิม และยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงสำหรับผู้หญิงสูงอายุ ฮอฟเจสนี้อาจไม่เปิดให้เข้าชมด้านในแต่สามารถมองเห็นสวนได้จากประตูด้านนอก
- Hofje van Staats: สร้างขึ้นในปี 1618 มีลานภายในมาพร้อมน้ำพุและสวนดอกไม้ ที่นี่ยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงสำหรับผู้หญิงสูงอายุ และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
- Hofje In den Groenen Tuin: สร้างขึ้นในปี 1616 และเป็นที่รู้จักจากสวนดอกไม้และพืชพรรณสวยงาม และยังเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมในวันธรรมดา
โรงเบียร์โยเพน (Jopenkerk Haarlem)
ฮาร์เลมมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเรื่องของเบียร์ ย้อนหลังไปถึงยุคกลางเมื่อเมืองนี้เป็นศูนย์กลางการผลิตเบียร์ที่สำคัญ ในความเป็นจริงการกล่าวถึงเบียร์ครั้งแรกในฮาร์เลมมีขึ้นในปี ค.ศ.1407 ซึ่งในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 อุตสาหกรรมเบียร์ของฮาร์เลมมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ก่อนจะลดลงในศตวรรษที่ 18 และ 19 เนื่องจากโรงเบียร์หลายแห่งถูกบังคับให้ปิดเนื่องจากรสชาติที่เปลี่ยนไปและสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
ปัจจุบันความสนใจในประวัติศาสตร์เบียร์ของฮาร์เลมกลับมาอีกครั้ง โดยมีโรงเบียร์คราฟต์เปิดใหม่หลายแห่งในเมือง ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Jopen Bier ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1994 และเป็นที่รู้จักจากเบียร์ดัตช์แบบดั้งเดิม เช่น Jopen Koyt ซึ่งใช้สูตรอายุกว่า 700 ปี
Jopen Brewery เป็นโรงเบียร์และร้านอาหารที่ไม่เหมือนใคร ตั้งอยู่ในอาคารโบสถ์เก่าแก่จากปี ค.ศ.1907 และยังเป็นที่รู้จักจากคราฟต์เบียร์ ซึ่งผลิตในโรงกลั่นเบียร์ของตัวเองที่เจ้าของทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ นักท่องเที่ยวยังสามารถเยี่ยมชมโรงเบียร์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตเบียร์และลองชิมเบียร์บางส่วนได้อีกด้วย
นอกจากการผลิตเบียร์แบบดั้งเดิมแล้ว โยเพนยังถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารและคาเฟ่สมัยใหม่โดยเน้นวัตถุดิบในท้องถิ่นและตามฤดูกาล เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-23:00 น. (วันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10:00-01:00 น.)
ย่านถนนคนเดินชอปปิงยอดนิยม (The Golden Streets)
อีกหนึ่งเสน่ห์ที่พลาดไม่ได้ของเมืองฮาร์เลมนั้นก็คือการเดินเล่นไปตามถนนโกลเด้น (de Gouden Straatjes) ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิงยอดนิยมของเมือง ในย่านนี้นักท่องเที่ยวจะพบกับร้านค้าจากผู้ประกอบการอิสระ สตูดิโองานฝีมือ รวมไปถึงร้านอาหารมากมาย ถนนชอปปิงที่มีชื่อเสียงในเมืองฮาร์เลมมีหลายแห่ง ได้แก่ Zijlstraat, Koningstraat, Gierstraat, Schagchelstraat, Kleine Houtstraat, Anegang และ Warmoesstraat ถนนชอปปิงเหล่านี้อยู่ใกล้กันสามารถเดินเล่นได้สะดวก ใครที่มีเวลาหรืออยากชอปปิงลองแวะไปเดินเล่นเพลิน ๆ กันได้
เดินเล่นรอบเมืองฮาร์เลม
นอกจากสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองฮาร์เลมแล้ว ตามถนนสายต่าง ๆ ยังเป็นที่ตั้งของบ้านเรือนผู้คนในท้องถิ่นอีกด้วย ในแต่ละย่านก็มีความน่ารักเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะการสวนดอกไม้ขนาดเล็กที่หน้าบ้าน รวมไปถึงจักรยานที่มักจะพบอยู่ทุกหัวมุม ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงภาพบรรยากาศอันผ่อนคลายที่เราจะเห็นตลอดการเดินเที่ยวรอบเมือง นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจที่ทำให้เห็นการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองฮาร์เลมที่ต่างออกไปจากมุมอื่น ๆ เลยทีเดียว
ลำคลองเมืองฮาร์เลม
ใครที่ชื่นชอบแม่น้ำลำคลองถ้ามาเที่ยวเมืองฮาร์เลมแล้วรับรองได้เลยว่าคงถูกใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ตามเส้นทางการเดินเที่ยวนักท่องเที่ยวจะพบกับลำคลองสายเล็กขนาบด้วยบ้านเรือนของผู้คนอยู่หลายแห่ง ในลำคลองยังมีเรือจอดอยู่หลายลำ บ้างก็ถูกใช้งานในวันที่อากาศดี อีกอย่างหนึ่งลำคลองที่นี่ทอดยาวไปจนถึงอัมสเตอร์ดัมเลย นับว่าเป็นอีกมุมที่เหมาะสำหรับเก็บภาพความประทับใจและชมความน่ารักของลำคลองฮาร์เลมในเวลาเดียวกัน
เที่ยวสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ จากฮาร์เลม (Haarlem)
สวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟเป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ที่ชานเมืองลิซเซ่ (Lisse) ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ห่างจากเมืองฮาร์เลมประมาณ 19 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่เลือกพักที่นี่สามารถเดินทางไปเที่ยวสวนดอกทิวลิปสะดวก และยังสามารถเที่ยวควบคู่กับในเมืองฮาร์เลมแบบเดย์ทริปได้อีกด้วย โดยมีตั๋วแบบ Combi ราคา 31 ยูโร สำหรับเข้าชมสวนดอกทิวลิปและรวมการเดินทางไปกลับด้วยรถบัส Keukenhof Express สาย 850 (สำหรับวันวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และสาย 50 (สำหรับวันธรรมดา) จากสถานีรถไฟเมืองฮาร์เลม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ไปลงที่ป้าย Meer en Duin ในเมืองลิซเซ่ จากนั้นเดินอีก 12 นาทีไปยังทางเข้าสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ รถบัสสาย 850 ออก 2 เที่ยวต่อหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่รถบัสสาย 50 ออก 4 เที่ยวต่อหนึ่งชั่วโมง ตั๋วเฉพาะการเดินทางอย่างเดียว 12 ยูโร
การเดินทางไปยังเมืองฮาร์เลม
ฮาร์เลมตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมไปทางตะวันตกเพียง 20 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะหรือรถยนต์ ดังรายละเอียด
เพื่อช่วยประหยัดค่าเดินทางไปยังฮาร์เลม นักท่องเที่ยวสามารถใช้บัตร Amsterdam & Region Travel Ticket สำหรับเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้ไม่จำกัดเที่ยว ครอบคลุมถึงรถไฟ NS รถไฟใต้ดิน รถราง และรถบัสทุกสายที่ดำเนินการโดย GVB, Connexxion, AllGo และ EBS รวมถึงรถบัสกลางคืน บัตรนี้ยังใช้เดินทางจากฮาร์เลมไปยังสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม) ด้วยรถบัสสาย 50 ได้อีกด้วย ซื้อบัตร Amsterdam & Region Travel Ticket ล่วงหน้าตอนนี้เลย
แผนที่เดินเที่ยวฮาร์เลมด้วยตัวเอง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡