ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในกิจกรรมฤดูหนาวยอดนิยมที่จะปลุกความกล้าในตัวคุณ คือ การพาตัวเองไปเล่นสกีท้าทายความหนาว เหมือนกับเราที่ได้มีโอกาสไปเล่นสกีในฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก บนพื้นที่เล่นสกีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งสุดของโลก (Les 3 Vallées) แต่ก่อนที่จะไปออกทริปสกีนั้นต้องมีการเตรียมตัวกันก่อน แน่นอนว่าในบทความฉบับนี้จะไม่ได้แชร์แค่ การเตรียมตัวก่อนไปเล่นสกีในฝรั่งเศส เช่น เสื้อผ้าและอุปกรณ์สกีเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงข้อมูลสกีรีสอร์ท การเดินทางในฝรั่งเศส การเรียนสกีเพื่อเพิ่มทักษะและความมั่นใจ บัตรผ่านสกี รวมถึงเรื่องน่ารู้ที่จะทำให้คุณพร้อมสำหรับทริปสกีอันแสนสนุกในฝรั่งเศส
ไปเล่นสกีในยุโรปที่ไหนดี?
ก่อนจะวางแผนไปเล่นสกีแน่นอนว่าสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ คงหนีไม่พ้นสถานที่ที่จะไปเล่นสกี สำหรับในทวีปยุโรปนั้นมีพื้นที่เล่นสกีชั้นนำหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Val d’Isere (ฝรั่งเศส) St. Anton (ออสเตรีย) Zermatt (สวิสเซอร์แลนด์) Cortina d’Ampezzo (อิตาลี) Verbier (สวิสเซอร์แลนด์) หรือแม้แต่ Les 3 Vallées (ฝรั่งเศส) สถานที่เหล่านี้นอกจากจะเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ทชั้นนำของโลกแล้ว ยังมีพื้นที่กว้างขวางเหมาะสำหรับนักเล่นสกีและสโนว์บอร์ดทุกระดับ และที่สำคัญมาพร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์อีกด้วย
ฝรั่งเศสจุดหมายยอดนิยมของการเล่นสกี
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจในการเล่นสกีเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส ซึ่งมีพื้นที่เล่นสกีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งสุดของโลก และมีสกีรีสอร์ทให้เลือกพักหลายประเภท ตั้งแต่รีสอร์ทที่เหมาะสำหรับครอบครัวไปจนถึงรีสอร์ตหรูหรา รีสอร์ทหลายแห่งยังตั้งอยู่ใกล้สนามบินหรือสถานีรถไฟ ทำให้ง่ายต่อการเดินทางจากเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรป ที่สำคัญเลยพื้นที่เล่นสกีของฝรั่งเศสตั้งอยู่ในที่สูงทำให้มีหิมะตกจำนวนมากตลอดฤดูกาล เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาวหรืออยากชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสไปในตัว
เลือกสกีรีสอร์ทแบบไหนดี?
อันดับต่อมาเมื่อเลือกประเทศที่ต้องการไปเล่นสกีได้แล้วก็มาถึงสกีรีสอร์ทที่เราจะไปพักกันบ้าง มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นระดับการเล่นสกี ถ้าเป็นมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือเพิ่งเริ่มหัดเรียน ควรเลือกรีสอร์ทที่มีเส้นทางลาดชันไม่มากนักและมีพื้นที่ลานสกีขนาดใหญ่ทำให้ง่ายต่อการฝึกซ้อม แต่ถ้าเป็นนักเล่นสกีขั้นสูงก็อาจจะมองหาหารีสอร์ทที่มีเส้นทางแบบท้ายทายรวมไปถึงพื้นที่เล่นสกีนอกเส้นทางที่กำหนดไว้
ปัจจัยต่อมาคือไปกันเป็นแบบไหน ไปกับคู่รัก ไปกับกลุ่มเพื่อน หรือไปกันแบบครอบครัว จะได้หาขนาดของรีสอร์ทที่สามารถรองรับจำนวนคนได้พอดี หรือถ้าไปแบบครอบครัวที่มีเด็กด้วย อาจจะมองหารีสอร์ทแบบครอบครัว ตลอดจนมีโรงเรียนสอนเล่นสกีและลานสกีที่เหมาะสำหรับเด็ก
การเดินทางไปยังรีสอร์ทก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึง บางพื้นที่การเดินทางด้วยรถยนต์อาจสะดวกกว่าการใช้ระบบขนส่งมวลชน แต่แน่นอนว่าต้องมีการหยุดแวะพักเพื่อเติมน้ำมันและทานอาหารระหว่างทาง ซึ่งอาจจะใช้เวลานานกว่าระดับหนึ่ง รวมถึงอาจมีค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะขับรถเองหรือรีสอร์ทที่เลือกไปพักเดินทางง่ายกว่าด้วยรถไฟหรือรถบัสก็อาจจะเลือกแบบนี้แทน และควรจองตั๋วล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือนเพื่อให้ได้ราคาถูก
นอกจากจำนวนผู้เดินทางแล้วสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างก็คืองบประมาณ รีสอร์ทแต่ละแห่งมีราคาที่แตกต่างกันออกไป บางแห่งอาจมาพร้อมแพ็คเกจบัตรผ่านสกี หรือรวมรถรับส่งจากสนามบินไปยังรีสอร์ท ทั้งหมดนี้อาจมีราคารวมถูกกว่าไปซื้อแยกต่างหาก เช่นเดียวกับงบประมาณในการเช่าอุปกรณ์สกี ชุดสกี (ถ้ายังไม่มี) ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถทำได้นอกเหนือจากการเล่นสกี
จากอัมสเตอร์ดัมและปารีสเข้าถึงสกีรีสอร์ทในฝรั่งเศสสะดวกด้วยรถไฟของ Eurostar, Intercity Brussels และ TGV พิเศษ! รถไฟความเร็วสูง Eurostar ยังให้บริการขบวนตรงไปยังสกีรีสอร์ทในเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศส ครอบคลุมสถานี Chambéry, Albertville, Moûtiers, Aime-La-Plagne, Landry และ Bourg-Saint-Maurice → จองตั๋วรถไฟไปเล่นสกีในฝรั่งเศสราคาดีที่สุดตอนนี้เลย
สกีรีสอร์ทชั้นนำในฝรั่งเศส
“จองที่พักล่วงหน้าได้เปรียบ (เงินในกระเป๋า)”
ประโยคนี้เราใช้บอกตัวเองบ่อย ๆ เวลาวางแผนไปเที่ยว เพราะเคยชะล่าใจไปจองสองถึงสามอาทิตย์ก่อนวันเดินทางและกลายเป็นว่าเสียเปรียบเงินในกระเป๋าตัวเองมากเลย การไปเล่นสกีก็เช่นกันเป็นทริปที่ค่าใช้จ่ายสูงมากทีเดียว ถ้าไปจองใกล้ช่วงเดินทางราคาอาจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและที่สำคัญที่พักเหล่านั้นอาจถูกจองเต็มไปแล้วก็ได้ วิธีที่ช่วยให้ได้ที่พักราคาประหยัดแนะนำให้จองข้ามฤดูกาล 3-6 เดือน และเปรียบเทียบราคาและรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ
เวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางไปเล่นสกีในฝรั่งเศส
โดยทั่วไปแล้วฤดูเล่นสกีของฝรั่งเศสจะเริ่มในปลายเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคมและยาวไปจนถึงเดือนเมษายน โดยแบ่งออกเป็นสามช่วง คือ
นักท่องเที่ยวชาวดัตช์นิยมไปเล่นสกีที่ฝรั่งเศส และมักจะไปพร้อมกับครอบครัวและเด็ก ๆ ในช่วงวันหยุดโรงเรียน (Spring break) ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับโรงเรียนในฝรั่งเศสจะหยุดใกล้เคียงกัน ถ้าวางแผนไปเล่นสกีช่วงนี้ควรเผื่อเวลาเดินทางไว้ล่วงหน้า 1-2 วัน
ประกันการเดินทางและสกีสำคัญมาก
สกีและสโนว์บอร์ดเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงมากเพราะถ้าล้มหรือบาดเจ็บขึ้นมาอาจมีค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น การไม่มีประกันสุขภาพรวมไปถึงประกันการเดินทางอาจเสี่ยงต่อค่ารักษาพยาบาลราคาแพงในต่างแดน โดยทั่วไปเป็นถ้านักนักท่องเที่ยวที่มาจากเนเธอร์แลนด์จะมีประกันสุขภาพพื้นฐานที่ทุกคนต้องสมัครอยู่แล้ว ส่วนประกันการเดินทางรอบโลกสามารถสมัครเพิ่มได้ตามความสมัครใจเพื่อคุ้มครองการเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดน
เช่นเดียวกับประกันการเล่นสกีที่ออกแบบมาเพื่อให้คุ้มครองการบาดเจ็บและอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ดโดยเฉพาะ ประกันตัวนี้อาจจะไม่รวมอยู่ในประกันการเดินทาง ควรติดต่อบริษัทประกันสุขภาพหรือศึกษานโยบายความคุ้มครองให้เข้าใจ และถ้าพบว่าไม่มีควรสมัครเพิ่มเติมให้เรียบร้อย และที่สำคัญอย่าลืมพกบัตรประกันสุขภาพยุโรปสำหรับการติดต่อกรณีฉุกเฉินด้วย
ไปถึงที่พักล่วงหน้า
ฤดูกาลเล่นสกีมักเต็มไปด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาแน่น การวางแผนเดินทางล่วงหน้าช่วยเลี่ยงสภาพการจราจรที่แออัดได้ดี และที่สำคัญยังมีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้าเมื่อไปถึงที่พักแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น แพลนไปเล่นสกีหนึ่งอาทิตย์ที่เลส์เมนูแยร์ (Les Menuires) ในฝรั่งเศส เริ่มต้นออกเดินทางในวันศุกร์ตอนบ่าย และพักค้างคืนที่เมืองดีฌงจะได้ไม่เหนื่อยขับรถยาวถึง 12 ชั่วโมง และออกเดินทางต่อไปถึงเลส์เมนูแยร์ตอนบ่ายวันเสาร์ มีเวลาเตรียมตัวเตรียมตัวล่วงหน้า เช่น เช็คอินเข้าที่พักเก็บของ เช่าอุปกรณ์สกีให้พร้อม ซื้อบัตรผ่านสกี รวมถึงสำรวจเส้นทางและสถานที่ต่าง ๆ ในรีสอร์ท วิธีนี้ช่วยให้มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอและพร้อมสำหรับการเล่นสกีในวันรุ่งขึ้น
จากนั้นใช้เวลาเล่นสกีห้าวัน หรือเรียนสกีห้าวัน และเผื่อวันสุดท้ายไว้สำรวจหรือเที่ยวในรีสอร์ทรวมถึงทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการสกี ก่อนจะเดินทางกลับบ้านวันเสาร์มีเวลาพักผ่อนในวันอาทิตย์และพร้อมสำหรับการกลับไปทำงานในจันทร์
Le Hameau de la Sapinière: สกีรีสอร์ทยอดนิยมในเลส์เมนูแยร์ ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางสกีเพียง 3 นาที สามารถเข้าถึงใจกลางหมู่บ้านได้สะดวก บ้านพักมีขนาดกว้างขวางรองรับผู้เข้าพักได้ 4-11 คน มาพร้อมห้องนอนเตียงคู่และเตียงเดี่ยว รวมถึงห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น เตาผิง ห้องครัว พื้นที่ทานอาหาร และระเบียงชมวิวมองเห็นลิฟต์สกีและภูเขา → ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
เตรียมชุดสกีให้พร้อม
จากที่พัก การเดินทาง และประกันสกีกันไปแล้วต่อมาจะเป็นในส่วนของชุดสกีกันบ้าง มีเพลงท่อนหนึ่งในภาษาดัตช์เขียนว่า “No such thing als ‘slecht weer’, alleen slechte kleding” ร้องโดย “Sef” ถ้าแปลเป็นไทยง่าย ๆ ก็คือ “ไม่มีสภาพอากาศที่เลวร้ายหรอกนะ มีแต่เสื้อผ้าที่ไม่ดีเท่านั้นแหละ” ประโยคนี้ฟังแล้วอาจจะไม่เป็นความจริงทั้งหมด แต่ถ้ามาย้อนคิดดี ๆ ก็อาจไม่ไกลเกินความเป็นจริง เพราะถ้าเรามีเสื้อผ้าที่ช่วยความอบอุ่นให้กับร่างกาย ต่อให้สภาพอากาศร้ายแรงแค่ไหนเราก็ไม่หวั่น การเล่นสกีก็เช่นกัน ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบกว่า 5 องศา ประกอบกับมีหิมะตก วิธีที่จะช่วยให้เล่นสกีได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่หนาวจนถอดใจไปก่อนก็คงเป็นชุดสกีดี ๆ นี่แหละ
การเลือกชุดสกีมีปัจจัยหลายอย่างที่ควรคำนึงถึง เช่นเดียวกับการสวมชุดสกีที่ต้องใส่เป็นชั้น ๆ และอาจมากถึงสามชั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความอบอุ่น โดยชั้นแรกรองฐานก่อนด้วยเสื้อที่ง่ายต่อการซับเหงื่อออกจากร่างกาย จากนั้นชั้นที่สองเป็นเสื้อที่ช่วยสร้างความอบอุ่นและควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ตามด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสกีแบบกันน้ำและกันลม เราจะมาแยกเป็นลิสต์ดังรายการด้านล่าง
ชุดสกีที่ควรเตรียม
แจ็คเก็ตสกี (Ski jacket): ควรเลือกแบบกันน้ำ กันลม และกันหิมะได้ดี รวมไปถึงมีช่องซิปใส่บัตรเล่นสกีที่แขนเสื้อด้านนอก ช่องใส่แว่นตาสกี และช่องใส่ของด้านในเพื่อเก็บบัตรสำคัญและขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญควรมีช่องระบายอากาศจากเสื้อ แบรนด์ที่ซื้อไปใช้งานคุณภาพคุ้มราคามาจากร้านดีแคทลอน ราคาประมาณ 160 ยูโร
กางเกงหรือเอี๊ยมสำหรับเล่นสกี (Ski pants or bibs): ควรเลือกแบบกันน้ำ กันลม และกันหิมะได้ดีเช่นกัน ซึ่งปกติที่ขากางเกงจะมีชั้นด้านในสำหรับหุ้มรองเท้าสกีเพื่อกันหิมะ ด้านหน้ามีช่องซิปใส่ของ ตรงเอวกางเกงมีที่ติดแบบปรับเปลี่ยนความแน่นได้ ถ้ารู้สึกว่าพอดีแล้วก็ไม่ต้องใช้สายเอี๊ยมก็ได้ แบรนด์ที่ซื้อไปใช้งานและคุณภาพคุ้มราคามาจากร้านดีแคทลอนเหมือนกัน ราคาประมาณ 50 ยูโร
เสื้อและกางเกงรองฐานด้านใน (Top and bottom base layers): ชั้นแรกเอาไว้ซับเหงื่อออกจากร่างกาย ส่วนชั้นที่สองทำให้ร่างกายอบอุ่น
เสื้อชั้นกลาง (Middle layer): เอาไว้คลุมทับชั้นฐาน (อยู่ใต้แจ็คเก็ต) เพิ่มความอบอุ่นตอนที่มีหิมะตกหรืออากาศเย็นจัด
ถุงเท้าสกี (Ski sock): เลือกแบบที่ไม่หนาจนเกินไปและยาวเหนือรองเท้าสกี แนะนำให้ซื้อหลาย ๆ คู่ ครบตามจำนวนวันที่ไปเล่นสกี ถ้าไม่อย่างนั้นใส่ซ้ำกันจะมีกลิ่นอับ
รองเท้าบูทลุยหิมะ (Snow boots): เอาไว้ใส่เดินบนหิมะหรือเดินป่าตอนที่มีหิมะตกหรืออากาศเย็นจัด ปกติมีให้เลือกหลายแบบตั้งแต่แบบยาวถึงข้อเท้าจนถึงกลางน่องและสูงระดับเข่า บางรุ่นอาจมีสนับแข้งเพื่อป้องกันหิมะ รวมถึงตัวปิดแบบปรับได้เพื่อความกระชับพอดี และซับในที่ถอดทำความสะอาดได้
ถุงมือเล่นสกีและถุงมือคลุมสี่นิ้ว (Ski gloves or mittens): ทั้งสองแบบใส่เล่นสกีได้เหมือนกัน แต่แบบถุงมือที่แยกนิ้วทั้งห้าจะมีความคล่องตัวมากกว่าตอนจับอุปกรณ์สกี ใช้ไม้ค้ำสกี หรือใช้โทรศัพท์ ส่วนแบบถุงมือคลุมสี่นิ้วและแยกนิ้วโป้งออกมาจะให้ความอบอุ่นมากกว่า เหมาะสำหรับสภาพอากาศหนาวเย็นจัด อย่างไรก็ตามทั้งสองแบบควรเลือกที่มีฉนวนกันความร้อน กันน้ำ และพอดีกับมือ แนะนำให้ลองสัก 2-3 แบบเพื่อดูว่ารุ่นไหนที่ชอบมากกว่ากัน
แว่นตา (Goggles): ช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวี ลม ฝุ่น หิมะ และเศษอื่น ๆ มาพร้อมเลนส์ที่ย้อมสีเพื่อลดแสงสะท้อนและช่วยการมองได้ดีในวันที่มีแสงแดดจ้าหรือเมฆมาก บางรุ่นอาจช่วยระบายอากาศเพื่อป้องกันการเกิดฝ้าและฉนวนเพื่อให้ใบหน้าและดวงตาอบอุ่น ก่อนซื้อลองควรหลาย ๆ แบบคู่กับหมวกกันน็อคเพื่อดูว่ากรอบแว่นตายืดหยุ่นรับกับใบหน้าไหมและมีสายรัดที่กระชับพอดีไหม
ผ้าอุ่นคอและหน้ากาก (Neck warmer and mask): ควรเลือกแบบผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อป้องกันเหงื่อและการเกิดฝ้าที่แว่นตา หรือเลือกแบบที่มีเชือกรูดหรือยางยืดเพื่อความกระชับพอดี ถ้าใครที่รู้สึกว่าไม่หนาวหรือเสื้อแจ็คเก็ตปิดส่วนคอแล้วไม่ต้องใช้ก็ได้
ชุดสกีจากลิสต์ข้างต้นปกติจะไม่มีให้เช่าที่ร้านเช่าสกี ยกเว้นอุปกรณ์เล่นสกีรวมถึงหมวกกันน็อคไปหาเช่าทีหลังได้ ถ้าเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นสกีลองถามจากคนใกล้ชิดก่อนว่ามีชุดสกีไหม อาจจะยืมไปใช้เป็นครั้งคราวได้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามีงบประมาณที่เพียงพอหรือมีแพลนที่จะไปเล่นสกีบ่อย ๆ ลองพิจารณาซื้อเป็นของตัวเอง เพราะเก็บไปใช้ได้หลายครั้ง
เตรียมพร้อมอุปกรณ์เล่นสกีด้วยเช่นกัน
มือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นสกีควรเช่าอุปกรณ์แทนที่จะซื้อเป็นของตัวเองตั้งแต่ครั้งแรกเลย เพราะว่ามีข้อดีคือได้ลองอุปกรณ์ก่อนและพอเล่นไปเรื่อย ๆ จะรู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน แบบไหนที่ถนัดมากกว่ากัน เมื่อความสามารถถึงระดับชำนาญการแล้วค่อยซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะกับความต้องการของตัวเอง
อุปกรณ์เล่นสกีที่หาเช่าได้
สกี (Skis): เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับการเล่นสกี มีให้เลือกหลายขนาด รูปร่าง และสไตล์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับดับความสามารถของผู้เล่นและสภาพพื้นที่ลานสกี โดยความยาวของสกีสามารถพิจารณาได้จากส่วนสูง น้ำหนักและความสามารถในการเล่นสกี ตัวอย่างเช่น สูง 174 ซม. เป็นมือใหม่ ความยาวสกีอยู่ที่ประมาณ 157-164 ซม.
รองเท้าสกี (Ski boots): ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้พอดีตัวจับยึดสกี โดยความยาวพื้นรองเท้าสกีจะวัดขนาดเป็นมิลลิเมตร (BSL) ทางร้านเช่าจะมีเครื่องมือพิเศษหรือไม้บรรทัดเพื่อวัดความยาวของพื้นรองเท้าบู๊ตจากส้นเท้าถึงปลายเท้าเพื่อหาค่าเลขสามหลัก ควรลองหลาย ๆ แบบพร้อมถุงเท้าสกี เพราะต้องปรับสายรัดให้แน่นพอดีกับเท้า
ตัวจับยึดสกี (Ski bindings): ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวสกีและปลอดภัยสำหรับผู้เล่น ขนาดของจับยึดสกีสามารถพิจารณาได้จากน้ำหนัก ส่วนสูง และทักษะของนักเล่นสกี ทางร้านเช่าจะมีการตั้งค่า DIN ให้เหมาะกับผู้เล่นรวมถึงสภาพพื้นที่ที่นำไปใช้งาน
ไม้ค้ำสกี (Ski poles): ช่วยเพิ่มความสมดุลในการเลี้ยวและควบคุมความเร็วขณะเล่นสกี โดยมีความยาวที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสูงของนักเล่นสกี ตัวอย่างเช่น สูง 174 ซม. ความยาวไม้ค้ำสกีอยู่ที่ประมาณ 125 ซม. หรือถ้าให้เห็นภาพง่าย ๆ คือ ตอนจับไม้ค้ำสกีในท่าที่สบายแล้วข้อศอกควรทำมุม 90 องศา
หมวกกันน็อค (Helmet): สำคัญมากเพราะช่วยเพิ่มความปลอดภัยตอนเล่นสกีและเพิ่มความอบอุ่นให้กับศีรษะและใบหู ควรเลือกหมวกกันน็อคที่กระชับพอดี มีสายรัดคางเพื่อให้เข้าที่อย่างแน่นหนา และตรงตามมาตรฐานความปลอดภัย
อย่าลืมบัตรผ่านสกี (Ski Pass)
สกีพาสเปรียบเสมือนตั๋วหรือผ่านที่อนุญาตให้ใช้ลิฟต์ไปยังลานสกีบริเวณต่าง ๆ แบ่งออกเป็นหลายแบบด้วยกัน คือ บัตรผ่านแบบครึ่งวัน บัตรผ่านหนึ่งวัน บัตรผ่านหลายวัน บัตรผ่านตามฤดูกาล และบัตรผ่านกลางคืน
ราคาบัตรผ่านสกีมักแตกต่างออกไปแต่ละรีสอร์ท และระยะเวลาของบัตร รวมถึงอายุของผู้ใช้งาน ปกติเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบสามารถใช้บริการลิฟต์ได้ฟรี ส่วนผู้ที่อายุตั้งแต่ 5 ขวบขึ้นไปต้องจ่ายตามเรทราคาที่กำหนดไว้ เช่น
- บัตรผ่าน 1 วัน 70-75 ยูโร (ผู้ใหญ่อายุ 13-64 ปี)
- บัตรผ่าน 1 วัน 55-60 ยูโร (เด็กอายุ 5-12 ปี)
- บัตรผ่าน 6 วัน 310-360 ยูโร (ผู้ใหญ่อายุ 13-64 ปี)
- บัตรผ่าน 6 วัน 250-290 ยูโร (เด็กอายุ 5-12 ปี)
นอกจากนี้ยังมีส่วนลดสำหรับผู้สูงอายุอายุ 65-74 ปี และเยาวชนอายุ 13-18 ปี โดยทั่วไปแล้วบัตรผ่านรายวันจะมีราคาแพงที่สุด ในขณะที่บัตรผ่านหลายวันและบัตรตามฤดูกาลจะมีส่วนลดต่อวัน สกีรีสอร์ทบางแห่งอาจเสนอส่วนลดสำหรับผู้ที่ซื้อบัตรผ่านล่วงหน้า และก็เป็นความคิดที่ดีที่จะซื้อไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยประหยัดเวลาและไม่ต้องต่อคิวที่สำนักงานขายตั๋ว และควรพิจารณาให้รอบครอบก่อนซื้อเพราะว่าไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นและไม่สามารถขอคืนเงินได้
ฟิตร่างกายก่อนไปเล่นสกี
การเล่นสกีเป็นต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องไปเล่นสกีหลายชั่วโมงหรือหลายวันติดต่อกัน การฟิตร่างกายให้พร้อมก่อนออกเดินทางจึงเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน สควอท และการแกว่งขาและสะโพกเป็นวงกลม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของขาได้ดี ทำให้มีประสิทธิภาพในการเล่นสกีและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
การออกกำลังกายเป็นประจำยังช่วยเพิ่มความทนทานของหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เล่นสกีได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อย และที่สำคัญอย่าลืมวอร์มอัพร่างกายก่อนเล่นสกี เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อเกิดความยืดหยุ่น และลดความเสี่ยงของกล้ามเนื้อตึง เคล็ดขัดยอก และการบาดเจ็บอื่น ๆ
เรียนสกีเพื่อพัฒนาทักษะและความมั่นใจ
ถ้ายังเป็นมือใหม่หรือยังไม่เคยเล่นสกีมาก่อน ลองพิจารณาเรียนสกีเพื่อช่วยพัฒนาทักษะและความมั่นใจเมื่อไปออกสนามจริง ค่าเรียนสกีอาจแตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ที่ตั้งของสกีรีสอร์ท ประเภทของบทเรียน และระยะเวลาของบทเรียน การเรียนแบบตัวต่อตัวมักมีราคาแพงกว่าการเรียนแบบกลุ่ม เช่นเดียวกับการเรียนแบบเต็มวันมักมีราคาแพงกว่าการเรียนแบบครึ่งวัน โดยทั่วไปการเรียนสกีแบบกลุ่มอาจมีราคาตั้งแต่ 50-150 ยูโรต่อวัน ในขณะที่การเรียนแบบตัวต่อตัวมีราคาตั้งแต่ 200-600 ยูโรต่อวัน ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นและลดถ้าถ้าเรียนในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะหรือนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
ก่อนตัดสินใจเรียนสกีอย่าลืมพิจารณาหลาย ๆ อย่างรวมกันก่อน เช่น คุณภาพของโรงเรียนที่เปิดสอน คุณสมบัติของผู้สอน ชั้นเรียนแบบกลุ่มกับแบบส่วนตัว ถ้ามีงบประมาณที่เพียงพออาจจะเลือกแบบส่วนตัว หรือถ้าเรียนแบบกลุ่มก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า และยังได้พบปะกับนักเล่นสกีคนอื่น ๆ ที่มีความสามารถใกล้เคียงกันอีกด้วย
ระยะเวลาของบทเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง ช่วงเช้าเริ่มประมาณเวลา 09:00-12:00 น. ส่วนช่วงบ่ายเริ่มเรียนเวลา 14:30-17:00 น. การเรียนทั้งสองรอบใช้พลังค่อนข้างเยอะ ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวที่จะเรียนทั้งวันอาจเลือกเรียนแค่ครึ่งวันก็ได้
เนื้อหาในบทเรียนสกีระดับเริ่มต้นมักครอบคลุมถึงทักษะพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การทรงตัว การเลี้ยว การหยุด และการควบคุมความเร็ว ครูสอนจะช่วยแนะนำและพัฒนาทักษะการเล่นสกีอย่างถูกวิธีและช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เรียน สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้เรียนต้องใช้เวลาและฝึกฝนเพื่อให้เชี่ยวชาญด้วยทักษะพื้นฐานและก้าวหน้าไปสู่เทคนิคขั้นสูงอย่างมั่นใจ
มือใหม่สามารถไปฝึกเรียนสกีในร่มเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนไปออกสนามจริง เหมือนกับเราที่เคยไปเรียนสกีครั้งแรกในชีวิต ที่ SnowWorld เนเธอร์แลนด์ ได้ทั้งความรู้เกี่ยวกับทักษะพื้นฐานการเล่นสกีและความสนุกไปในตัว ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปมีลานสกีในร่มให้ลองไปเล่นก่อน และถึงแม้ว่าไปลองแล้วอาจจะยังไม่มีแพลนไปเล่นสกีในอนาคตแต่ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ท้าทายและสนุกระหว่างวัน
รู้จักพิสต์สกี (Pistes)
พิสต์สกีคือเส้นทางสกีที่ทำเครื่องหมายไว้เพื่อบ่งบอกระดับความยากง่ายตามสี เช่น
- สีเขียว: เป็นทางลาดที่ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นหัดเล่นสกี
- สีน้ำเงิน: มีความลาดชันเล็กน้อยและท้าทายกว่าเส้นทางสีเขียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และต้องการพัฒนาทักษะของตนเอง
- สีแดง: เป็นลานสกีระดับสูงที่มีความลาดชันและท้าทายกว่าลานสกีสีน้ำเงิน เหมาะสำหรับนักเล่นสกีและสโนว์บอร์ดที่มากประสบการณ์หรือกำลังมองหาความท้าทาย
- สีดำ: เป็นเส้นทางนอกเส้นทางสกีปกติและมีความลาดชันมากที่สุด เหมาะสำหรับนักเล่นสกีระดับสูงที่เชี่ยวชาญแล้ว
คนที่มีชั่วโมงบินสูง ๆ ส่วนใหญ่นิยมเล่นสกีบนเส้นทางสีน้ำเงินหรือสีแดงเพราะว่าท้าทายมากกว่า และสามารถไปแบบเร็ว ๆ ได้ ส่วนคนที่เพิ่งหัดเรียนส่วนใหญ่จะใช้เวลาที่เส้นทางสีเขียว และสามารถพัฒนาไปยังเส้นทางสีน้ำเงินได้ภายในอาทิตย์ (ถ้าเล่นทุกวัน) ที่สำคัญถ้ายังไม่ชินกับเส้นทางเพื่อความปลอดภัยแนะนำว่าไม่ควรเสี่ยงลอง หรือเล่นสกีโดยไม่มีครูฝึกหรือเพื่อนไปด้วย เพราะอันตรายมากถ้าเกิดล้มผิดพลาดขึ้นมา เอาเป็นว่าค่อยเป็นค่อยไป และรู้ระดับความสามารถของตัวเองเพื่อความปลอดภัยจะดีที่สุด
มือใหม่นั่งลิฟต์สกี
มือใหม่ตอนเรียนสกีครูสอนอาจจะพาไปยังเส้นทางสีฟ้าซึ่งต้องนั่งลิฟต์ไปยังสถานีบนเนินเขา การนั่งลิฟต์สกีครั้งแรกจึงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก และก็อาจจะช่วยลดความตื่นเต้นได้เหมือนกันถ้าเรารู้จักประเภทของลิฟต์สกีกันไว้ก่อน
ลิฟต์เก้าอี้ (Chairlift): หรือที่เรียกว่ากระเช้าลอยฟ้า เป็นชุดเก้าอี้ที่ติดกับสายเคเบิลซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ รองรับจำนวนคนได้ประมาณ 4-5 คนต่อหนึ่งตัว คนที่จะใช้งานต้องยืนรอที่หน้าประตู (อย่าลืมรวมไม่ค้ำสกีและถือไว้ที่มือข้างเดียวเพื่อความสะดวก) พอประตูเปิดก็สกีไปตามรางเลื่อนและหยุดรอให้เก้าอี้ลิฟต์วนมาทางด้านหลัง พอลิฟต์มาถึงแล้วก็นั่งลงและดึงแผงกั้นข้างบนลงมาไว้ข้างหน้าเพื่อความปลอดภัย พอใกล้ถึงสถานีจุดหมายให้เตรียมตัวรอไว้ก่อนโดยยกแผงกั้นข้างหน้าขึ้น และรอให้เก้าอี้ลิฟต์เข้าสู่สถานีจนกระทั่งสกีของเราสัมผัสกับพื้นหิมะ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นและสกีออกจากเก้าอี้ ถ้าเป็นมือใหม่อาจจะมีล้มบ้าง แต่ถ้าลองไปสองถึงสามรอบจะจับทางได้
ลิฟต์กอนโดลา (Gondola lift): เป็นห้องโดยสารแบบปิดซึ่งห้อยจากสายเคเบิลเพื่อขนส่งนักสกีขึ้นไปบนภูเขา ลิฟต์แบบนี้สามารถจุคนได้ตั้งแต่ 4-20 คน (ขึ้นอยู่กับขนาด) และสะดวกกว่าลิฟต์เก้าอี้ เพราะไม่ต้องใส่สกี และมีประตูเปิดปิดช่วยป้องกันอากาศหนาว ผู้ที่ไม่เล่นสกีก็สามารถใช้งานได้เพื่อไปชมวิวบนยอดเขา
กระเช้าไฟฟ้า (Funicular): ใช้รถสองคันเชื่อมต่อกันด้วยสายเคเบิลและดึงขึ้นไปบนภูเขา เมื่อคันหนึ่งขึ้นอีกคันก็จะลงด้วยความเร็วเท่ากันทำให้เกิดความสมดุล และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ระหว่าง 20-100 คน ขึ้นอยู่กับขนาดและความยาวของสายเคเบิล
ลิฟต์ตัวทีบาร์ (T-bar lift): พบได้ทั่วไปในสกีรีสอร์ท ใช้แถบรูปตัวทีกลับหัวต่อกับสายเคเบิลและสามารถบรรทุกนักสกีได้ถึง 2 คน วิธีการใช้งานเพียงนั่งบาร์จากนั้นสายเคเบิลจะดึงขึ้นไปบนเนินเขา ลิฟต์ประเภทนี้อาจใช้งานยากสำหรับผู้ที่เริ่มต้นหรือนักเล่นสกีที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน เนื่องจากต้องใช้การทรงตัวและการประสานงานกับคู่หูที่นั่งไปด้วยกัน
เชือกลาก (Rope tow): วิธีการใช้งานเพียงจับเชือกจากนั้นจะดึงนักสกีขึ้นไปยังเนินเขา ลิฟต์ประเภทนี้อาจต้องใช้แรงท่อนบนในการเกาะเชือกและรักษาสมดุลขณะดึงขึ้นเนิน
พรมวิเศษ (Magic carpet): เป็นลิฟต์แบบสายพานขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ทำงานโดยนักเล่นสกีไปยืนอยู่บนสายพานจากนั้นจะถูกพาขึ้นไปบนเนินเขา การเคลื่อนที่ไปแบบช้า ๆ ถ้ามีคนที่ล้มพนักงานบนสถานีสามารถหยุดลิฟต์นี้ได้ทันที เหมาะสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่เริ่มต้นเรียนสกี และจะได้ใช้งานบ่อยอย่างแน่นอน
ลิฟต์ยกจานหรือลิฟต์ปุ่ม (Poma lift): ใช้แผ่นโลหะทรงกลมหรือปุ่มติดกับเสาแนวตั้งคงที่เพื่อดึงนักสกีขึ้นไปบนเนินเขา วิธีการใช้งานเพียงวางปุ่มไว้ระหว่างขาและจับแฮนด์บาร์ขนาดเล็กที่ติดกับเสาเพื่อการทรงตัว เมื่อปุ่มเลื่อนขึ้นเนินก็จะดึงนักเล่นสกีไปด้วย ลิฟต์แบบนี้อาจใช้งานยากสำหรับผู้เริ่มต้นหรือนักเล่นสกีที่ไม่มีประสบการณ์ เนื่องจากต้องใช้ความสมดุลและการประสานงานที่ดีในการรักษาตำแหน่งขณะดึงขึ้นเนิน และอาจมีแรงดึงขาที่ค่อนข้างแรง ควรใช้งานอย่างระมัดระวัง
อย่าลืมศึกษากฎระเบียบของลานสกีรวมไปถึงเวลาเปิดปิดลิฟต์สกี ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสกีรีสอร์ทและช่วงเวลาของปี ส่วนใหญ่จะเปิดเวลา 08:30 น. หรือ 09:00 น. และปิดระหว่างเวลา 16:00-17:00 น. บางครั้งอาจปิดให้บริการหรือปิดเร็วก่อนกำหนดในวันที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยหรือมีหิมะตกหนัก
ก่อนไปเล่นสกีอย่าลืมเติมพลังให้พร้อม
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการเล่นสกีใช้พลังค่อนข้างเยอะ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายอย่าลืมทานอาหารเช้าให้เพียงพอ นอกจากอาหารเช้าแล้วอาหารเที่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อย่าลืมพกขวดน้ำหรือขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อนำไปทานระหว่างช่วงพักเบรก เพราะแม้ว่าบนเนินเขาบางแห่งจะมีคาเฟ่และร้านอาหารขนาดเล็กไว้บริการนักท่องเที่ยว แต่แน่นอนว่าราคาอาหารและเครื่องดื่มค่อนข้างแพง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากดื่มกาแฟแก้วหนึ่งอาจต้องจ่ายเกือบสิบยูโรเลยทีเดียว การเตรียมเสบียงไปด้วยจึงช่วยประหยัดค่าขนมไปได้เยอะเลย
กันแดดก็สำคัญเช่นกัน
ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเล่นสกี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศสูงและหิมะที่สะท้อนแสงของดวงอาทิตย์สามารถทำให้ผิวของเราเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกแดดเผาและทำลายผิวหนังได้ ดังนั้นอย่าลืมทานกันแดดก่อนออกไปเล่นสกีและนำไปทาเพิ่มทุก ๆ 1.5-2 ชั่วโมง และควรเลือกแบบที่มี SPF 30 ขึ้นไป อย่างของเราใช้อยู่ 2 ตัวสลับกัน คือ Canmake Mermaid Skin Gel UV และ La Roche Posay Anthelios UV ทั้งสองแบบมีเอสพีเอฟ 50+ เนื้อครีมทาง่ายซึมเร็วและไม่มัน ไปเล่นสกีทั้งวันกลับมาแล้วหน้าไม่ไหม้ เป็นครีมกันแดดลูกรักสองตัวที่ใช้ได้ทุกโอกาสจริง ๆ
นอกจากกันแดดแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพราะผิวต้องเจอกับสภาพอากาศที่หนาวตลอดวัน อาจทำให้ผิวแห้งและลอกได้ CeraVe Moisturising Lotion เป็นแบรนด์ที่ลองใช้แล้วติดใจเลย และยังใช้มาจนถึงทุกวันนี้ เหมาะสำหรับคนผิวแห้งถึงแห้งมาก เนื้อครีมทาง่าย ขวดใหญ่ราคาไม่แพง ซื้อมาแล้วใช้ได้นานหลายเดือนเลย พอทาก่อนออกไปเล่นสกีแล้วช่วยไม่ให้ผิวแห้งได้ดีมาก หลังกลับมาที่พักก็ทาอีกรอบก่อนนอน โบกเช้าโบกเย็นให้หน้าชุ่มชื่นไม่มีเบื่อ
มีรถบัสรับส่งฟรีในสกีรีสอร์ท
สกีรีสอร์ทหลายแห่งในฝรั่งเศสมีบริการรถชัทเทิลบัสรับส่งฟรีไปยังที่พัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักสกีและนักเล่นสโนว์บอร์ดระหว่างเมืองและลานสกี ซึ่งรถชัทเทิลบัสอาจมีหลายสายขึ้นอยู่กับเส้นทางในสกีรีสอร์ท และให้บริการตามรอบและเวลาที่กำหนด ผู้เดินสามารถตรวจสอบเวลาเดินรถได้ตามป้ายจุดจอดรถหรือเว็บไซต์ทางการ
แวะไปเข้าร่วมกิจกรรมฤดูหนาว
แน่นอนว่าใครที่เล่นสกีติดต่อกันมาหลายวันอาจจะรู้สึกเต็มอิ่มและกำลังมองหากิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ตามสกีรีสอร์ททั่วไปมักมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเลือกทำตามความสนใจ ครอบคลุมถึงสเก็ตน้ำแข็ง (Ice skating) รองเท้าเดินลุยหิมะ (Snowshoeing) แคร่ลากเลื่อนหิมะ (Sledding or tubing) เดินป่าในฤดูหนาว (Winter hiking) ขี่สโนว์โมบิล (Snowmobiling) เล่นร่มร่อน (Paragliding) รวมถึงการนั่งลิฟต์สกีไปชมวิวจากยอดเขาต่าง ๆ
ถ้ายังไม่จุใจอย่าลืมแวะไปเข้าร่วมเทศกาลฤดูหนาวพร้อมด้วยประติมากรรมน้ำแข็ง เดินตลาดนัดวันหยุด ชมคอนเสิร์ตดนตรี การแข่งขันสกี หรือแม้กระทั่งพาตัวเองไปผ่อนคลายในสปาอุ่น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นตัวเลือกหลากหลายที่ช่วยให้สกีทริปของเรามีสีสันและสนุกมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว
อย่าลืมความสนุก
แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดเตรียมและรู้ไว้ก่อนไปเล่นสกีในฝรั่งเศส แต่สิ่งสำคัญที่สุดเลยอย่าลืมความสนุกของทริปนี้ ใช้เวลาฝึกฝนเรียนสกีและอย่ายอมแพ้ แม้จะล้มหรือช้าไปบ้างแต่ท้ายสุดเราจะเห็นการพัฒนาของตัวเองที่เพิ่มขึ้นและแตกต่างจากวันแรกที่ลงมือทำ และนั้นก็เป็นอีกก้าวของความสนุกและมีแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นในการพัฒนาฝีมือตัวเองและกลับไปเล่นสกีในปีต่อ ๆ ไป
อัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านสกีรีสอร์ทเลส์เมนูแยร์ของฝรั่งเศสประมาณ 1,030 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังที่นั้นสะดวกด้วยระบบขนส่งมวลชนหรือรถยนต์ ดังรายละเอียด
เดินทางด้วยรถยนต์
การเดินทางไปเลส์เมนูแยร์จากอัมสเตอร์ดัมด้วยรถยนต์ใช้เวลาค่อนข้างนาน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะแวะพักค้างคืนในเมืองดีฌง Comfort Hotel Dijon Sud: เป็นตัวเลือกโรงแรมที่ดีสำหรับพักค้างคืนในราคาประหยัด ห้องพักสะอาดและกว้างขวาง มาพร้อมอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัล และมีที่จอดรถฟรี → ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
เดินทางด้วยรถไฟ
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำได้สะดวก โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือ เดินทางจากอัมสเตอร์ไปยังปารีส จากนั้นเปลี่ยนขบวนไปขึ้นรถไฟของ TGV ไปยัง Chambéry และต่อรถไฟ Regional ไปยังสถานีเมืองมูติเยร์ ก่อนจะต่อรถบัสหรือรถแท็กซี่ไปยังหมู่บ้านสกีรีสอร์ทเลส์เมนูแยร์ การเดินทางทั้งหมดใช้เวลารวม 12-15 ชั่วโมง ดังรายละเอียด
เดินทางด้วยเครื่องบิน
- จากปารีส (Paris): ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านสกีรีสอร์ทเลส์เมนูแยร์ประมาณ 673 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก มีรถไฟ TGV ให้บริการจากสถานี Paris Gare de Lyon ไปยังสถานี Moutiers-Salins-Brides-les-Bains การเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 26 นาที โดยไม่เปลี่ยนขบวน เมื่อถึงสถานีมูติเยร์แล้วสามารถเดินทางต่อเข้าเมืองด้วยรถบัส รถแท็กซี่ หรือรถเช่าภายในเวลา 45 นาที จองตั๋วรถไฟราคาดีที่สุดไปเลส์เมนูแยร์จากปารีสตอนนี้เลย
- จากชาโมนิกซ์ (Chamonix): ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านสกีรีสอร์ทเลส์เมนูแยร์ประมาณ 120 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถยนต์เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 12 นาที นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปเลส์เมนูแยร์ด้วยรถบัส เช่น Swiss Tours, Blablabus และ FlixBus จากชาโมนิกซ์ไปยังสนามบินเจนีวา การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 18 นาที จากนั้นต่อรถรับส่งของ BensBus Airport Ski จากสนามบินเจนีวาไปยังเลส์เมนูแยร์ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที
- จากเจนีวา (Geneva): ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านสกีรีสอร์ทเลส์เมนูแยร์ประมาณ 142 กิโลเมตร มีรถรับส่งของ BensBus Airport Ski จากสนามบินเจนีวาไปยังเลส์เมนูแยร์ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡