ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองมาลากา (Malaga) ของประเทศสเปนเป็นครั้งแรก และก็ตกหลุมรักเสน่ห์ของเมืองนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น จนครั้งนี้ได้มีโอกาสมาเยือนกรานาดา (Granada) เมืองทางตะวันออกของแคว้นอันดาลูเซียที่ตั้งอยู่ห่างจากมาลากาเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที และก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้ตกหลุมรักเมืองกรานาดาตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยือน เพราะด้วยประประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมถึงการผสมผสานของอารยธรรมต่างๆ ตลอดหลายศตวรรษของชาวมัวร์ ชาวโรมัน และชาววิซิกอธ ก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมโบราณและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว การเดินทางไปเยือนกรานาดาจึงไม่เพียงแค่ได้เข้าชมอาลัมบรา (Alhambra) พระราชวังและป้อมปราการอันโดดที่เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกเท่านั้น แต่กรานาดายังรวมเสน่ห์และที่เที่ยวไว้อีกมากมาย และเชื่อได้เลยว่ากรานาดายังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของสเปนที่นักท่องเที่ยวต่างใฝ่ฝันที่จะเดินทางไปสัมผัสความงดงามด้วยตัวเอง
เที่ยวกรานาดาทำอะไรได้บ้าง
ชมอาลัมบรา (Alhambra)

อาลัมบราเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของกรานาดาที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด ที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นพระราชวังและป้อมปราการอันงดงามที่ดึงดูดใจผู้เข้าชมหลายล้านคนต่อปี แต่ยังมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงาม รวมไปถึงการตกแต่งที่ประณีต การได้เข้าชมที่นี่ด้วยตัวเองจึงเป็นการไปเยือนหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และตามรอยซีรีย์ “Memories of the Alhambra” รวมถึงเป็นการเปิดประสบการณ์เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์และชมสถาปัตยกรรมอิสลามที่สำคัญที่สุดในโลกแบบใกล้ชิดอีกด้วย

ตามประวัติอาลัมบราสร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 โดยกษัตริย์มุสลิมชาวมัวร์ พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 1 อิบน์ นัสร์แห่งราชวงศ์นาสริด ซึ่งเป็นราชวงศ์ของชาวมุสลิมราชวงศ์สุดท้ายในสเปน ชื่อของอาลัมบรามาจากคำในภาษาอาหรับซึ่งแปลว่าปราสาทสีแดง เช่นเดียวกับโครงสร้างของป้อมปราการที่สร้างด้วยหิน ดิน และอิฐสีแดง แม้ว่าส่วนอื่น ๆ ของอาคารจะใช้ปูนขาวเป็นส่วนผสม แต่ก็ยังเห็นเป็นสีแดง ๆ เช่นกัน และนั้นก็ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

อาลัมบราตั้งอยู่บนยอดเขาอัลซาบิกาบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำดาร์โรไปทางทิศตะวันตกของเมืองกรานาดา และด้านหน้าของย่านประวัติศาสตร์ Albaicin และป้อมปราการอัลคาซาบา Alcazaba ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มาพร้อมพร้อมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองกรานาดา
ด้านในอาลัมบราประกอบด้วยอาคารและลานภายในหลายแห่ง รวมถึงพระราชวังนาสริด (Nasrid Palace) ป้อมปราการอัลคาซาบา (Alcazaba) สวนและน้ำพุ (Generalife) และพระราชวังของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 (Palace of Charles V) ทั้งหมดนี้นักท่องเที่ยวสามารถใช้ตั๋วใบเดียวในการเข้าชม และแนะนำให้จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า เนื่องจากมีจำนวนผู้เข้าชมที่หนาแน่นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนแถวต่อคิวซื้อตั๋วยาวมาก (ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง)
ตั๋วเข้าชมอาลัมบรา
Alhambra & Nasrid Palaces Fast-Track Ticket รวมการเข้าชม Alcazaba, Nasrid Palaces, Generalife, Palace of Charles V, the Mosque Baths, Space of the Month และนิทรรศการชั่วคราว (ไม่รวมเครื่องเสียงออดิออไกด์) → จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับเข้าชมอาลัมบรา เมื่อได้ตั๋วออนไลน์มาแล้วสามารถใช้คิวอาร์โค้ดสแกนได้ที่ประตูทางเข้า Gate of Justice (Puerta de la Justicia) ใกล้กับพระราชวัง Nasrid Palaces
เวลาเปิด: ทุกวัน เวลา 08:30-18:00 น. (ระหว่างวันที่ 15 ตุลาคมถึง 31 มีนาคม) เวลา 08:30-20:00 น. (ระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 14 ตุลาคม)
ควรเผื่อเวลาการเข้าชมไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 08:30-10:00 น. และ 15:00-18:00 น. วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จำนวนนักท่องเที่ยวจะเยอะกว่าวันธรรมดา อย่าลืมบัตรนำบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทางฉบับจริงมาเพื่อแสดงตัวก่อนเข้าชมอาลัมบรา และตรงต่อเวลาในการเข้าชมพระราชวัง Nasrid Palaces ส่วนสถานที่อื่น ๆ สามารถเข้าชมได้ตามเวลาเปิดปกติ
การเดินทางมายังอาลัมบรา
ระบบขนส่งสารณะ: นั่งรถบัสสีแดง (Alhambra Bus) สาย C30 หรือ C32 จากป้าย Isabel Católica Square (กดเพื่อดูแผนที่) ไปลงที่ป้าย Alhambra – Generalife 2 การเดินทางใช้เวลารวม 16 นาที ส่วนรถบัสสาย 32 จะวิ่งยาวไปถึงป้าย Albaicín ค่าตั๋วเดินทางเที่ยวเดียว 1.4 ยูโร ซื้อตั๋วได้โดยตรงบนรถบัส รถบัสเหล่านี้วิ่งทุก ๆ 5-15 นาที ตั้งแต่ 07:00-23:00 น.
การเดิน: เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ชอบเดิน ระหว่างทางยังได้เห็นอาคารที่สวยงามและสัมผัสบรรยากาศของเมืองแบบใกล้ชิด โดยมี 2 ตัวเลือก คือ ตัวเลือกที่ 1: ใช้จุดเริ่มต้นจากถนน Plaza Nueva ไปตามถนน Cuesta de Gomérez ผ่านถนนที่มีชื่อเสียง P.º de los Tristes และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Cta. del Rey Chico จากนั้นเดินต่อจนกว่าจะเจอกับทางเข้าหลัก Pavilion การเดินใช้เวลาประมาณ 20 นาที ตัวเลือกที่ 2: เริ่มต้นที่ถนน Plaza Nueva และเดินไปตามถนน Cuesta de Gomérez จากนั้นต่อไปบนถนน Cuesta de Gomérez จนกว่าจะถึงทางเข้าหลัก Pavilion
ป้อมปราการอัลคาซาบา (Alcazaba)
อัลคาซาบาเป็นป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดภายในอาลัมบรา สร้างขึ้นโดยผู้ปกครองชาวมัวร์แห่งกรานาดาในศตวรรษที่ 13 และทำหน้าที่เป็นป้อมปราการทางทหารและวังที่อยู่อาศัยของราชวงศ์นาสริด จุดเด่นของอัลคาซาบาคือมีหอสังเกตการณ์ (Torre de la Vela) ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพมุมกว้างอันงดงามของเมืองกรานาดาและภูเขาโดยรอบ ส่วนด้านในของอัลคาซาบานั้นถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและหอคอย รวมไปถึงมีสนามหญ้าและจุดสำหรับนั่งพักผ่อนหลายแห่ง นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเพื่อสำรวจสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง



พระราชวังนาสริด (Nasrid Palace)
พระราชวังนาสริดเป็นส่วนที่มีความโดดเด่นมากที่สุดของอาลัมบรา สร้างขึ้นโดยราชวงศ์นาสริดซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมสุดท้ายที่ปกครองสเปนในช่วงศตวรรษที่ 14 พระราชวังแห่งนี้ยังถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมอิสลามที่สวยงามที่สุดในโลก รวมทั้งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรานาดาอีกด้วย

จุดเริ่มต้นของทัวร์พระราชวังจะอยู่ที่ห้อง Mexuar room ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชวัง ได้รับการตกตกแต่งที่หรูหรา เช่นเดียวกับงานแกะสลักปูนปั้นอันประณีต ผสมผสานกับงานกระเบื้องหลากสีสันและผนังไม้ได้อย่างลงตัว เมื่อเดินผ่านห้องนี้ไปนักท่องเที่ยวจะพบกับความสวยงามของห้องอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยลานภายในและสวนหลายแห่ง รวมถึงห้องไฮไลท์ Court of the Myrtles ซึ่งเป็นลานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีสระน้ำยาวอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยพุ่มต้นไมร์เทิลสูงซึ่งเป็นที่มาของชื่อลาน

ส่วนด้านนอกชานล้อมรอบด้วยซุ้มประตูที่มีเสาปูนปั้นและซุ้มโค้งแกะสลัก และยังมีทางเข้าโค้งสองชั้นที่ตกแต่งอย่างสวยงามซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Puerta del Yeso” ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นจุดถ่ายภาพที่พบมากสุดในอินเทอร์เนตเมื่อค้นคำว่าพระราชวังนาสริดเลยก็ว่าได้

ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของห้อง “Court of the Myrtles” ก็คือได้รับการออกแบบที่สมมาตรตามหลักการทางเรขาคณิตที่ใช้ในงานศิลปะและสถาปัตยกรรมอิสลาม การสะท้อนของลานภายในสระช่วยเพิ่มความงดงามให้กับพื้นที่และสร้างภาพลวงตาของความสมมาตรที่มากยิ่งขึ้นนั้นเอง

อีกหนึ่งไฮไลท์ในพระราชวังนาสริดก็คือลานกว้างที่รู้จักกันในชื่อ “Palace of the Lions” ซึ่งมีรูปปั้นสิงโตหินอ่อนสีขาวจำนวน 12 ตัวเรียงกันรอบแอ่งน้ำตรงกลาง พื้นที่ทั้งหมดถูกล้อมรอบด้วยแกลเลอรีที่มีเสาเรียงเป็นแนวยาวพร้อมซุ้มประตูโค้ง ผสมผสานกับงานปูนปั้นที่ประณีตและกระเบื้องหลากสีสันได้อย่างงดงามตระการตา
ตามประวัติ Palace of the Lions เคยเป็นที่ประทับหลักของสุลต่านนาสริด และยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจทางการเมือง พระราชวังวังแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยการประดับตกแต่งที่หรูหราและมีรายละเอียดตามแบบสถาปัตยกรรมอิสลามที่วิจิตรงดงาม และนั้นก็นับคุ้มค่ามาก ๆ ที่จะเข้ามาชมสัมผัสกับความโอ้อ่าอลังการภายในสถานที่เหล่านี้ด้วยตัวเอง
พระราชวังของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 (Palace of Charles V)
พระราชวังของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 เป็นพระราชวังยุคเรอเนซองส์ ตั้งอยู่ในอาลัมบราใกล้กับพระราชวังนาสริด สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยจักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Charles V) โดยวังนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี และยังเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมยุคเรอเนซองส์อันน่าทึ่งเลยก็ว่าได้

ความโดดเด่นของพระราชวังของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 คือมีมีลานทรงกลมล้อมรอบด้วยเสา 2 ชั้น และมีหอคอยทรงกระบอกตรงกลางและหอคอยรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มุมสี่ ภายในพระราชวังยังโดดเด่นด้วยบันไดเวียนซึ่งนำไปสู่ชั้นบน และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งกรานาดา ด้านในมีจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์จากอาลัมบรา รวมถึงงานศิลปะตั้งแต่ยุคกลางจนถึงศตวรรษที่ 20
ตามประวัติพระราชวังของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 สร้างไม่เสร็จในช่วงที่จักรพรรดิยังมีชีวิตอยู่ และทรุดโทรมลงในหลายศตวรรษต่อมา ต่อมาได้รับการบูรณะในศตวรรษที่ 20 และปัจจุบันถือเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในสเปน
พระราชวังยังมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครกับสถาปัตยกรรมแบบแขกมัวร์ของอาคารอื่น ๆ การได้แวะมาเยือนที่แห่งนี้ด้วยตัวเองจึงเปรียบเสมือนได้มองย้อนกลับไปในยุคเรอเนซองส์ของสเปนอีกครั้ง ทั้งยังมีจุดที่ถ่ายภาพที่สวยงามหลายแห่งทั้งด้านในและระเบียงชั้นบนของพระราชวัง
สวนฤดูร้อนแห่งอาลัมบรา (Generalife)
นอกจากพระราชวังภายในอาลัมบราที่มีความสวยงามตระการตาแล้ว สถานที่อีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชมก็คือ “Generalife” ซึ่งเป็นสวนและน้ำพุที่ได้รับการออกแบบให้เป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับผู้ปกครองนาสริด ด้านในมีการออกแบบและตกแต่งสวนแบบสมมาตร และประดับด้วยต้นไม้ต่าง ๆ มาพร้อมจุดนั่งพักผ่อน นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินชมสวนเหล่านี้เพื่อสัมผัสกับความงดงามและบรรยากาศที่เงียบสงบ และยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ตระการตาของเมืองกรานาดาได้อีกด้วย
อาสนวิหารแห่งกรานาดา (Cathedral of Granada)
จากอาลัมบรานักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อไปยังย่านใจกลางเมื่อเพื่อชมสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนายอดนิยมของเมืองนั้นก็คืออาสนวิหารแห่งกรานาดา หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Cathedral of the Incarnation” สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ในสไตล์เรอเนซองส์และเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์ของสเปน
ความน่าสนใจของอาสนวิหารแห่งกรานาดาแน่นอนว่ามีส่วนหน้าอาคารที่ใหญ่โตโอ่อ่าพร้อมหอคอยสูง 2 หลังที่ตั้งตระหง่านเหนือเส้นขอบฟ้าของเมือง การตกแต่งภายในของอาสนวิหารก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยทางเดินตรงกลางและโบสถ์ด้านข้างที่มีประดับด้วยงานศิลปะ ประติมากรรม และการแกะสลักที่สลับซับซ้อน อาสนวิหารยังรวมภาพวาดอันทรงคุณค่าจำนวนมากที่สรรค์สร้างโดยศิลปินชาวสเปน
อาสนวิหารแห่งกรานาดาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 10:00-18:00 น. ค่าตั๋วเข้าชม 5 ยูโร (รวมเครื่องเสียงออดิโอไกด์)
โบสถ์สไตล์กอทิก (The Royal Chapel)
ใกล้กับอาสนวิหารแห่งกรานาดานักท่องเที่ยวจะพบกับ Royal Chapel ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์กอทิกที่สวยงาม สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์เฟอร์ดินานด์และพระราชินีอิซาเบลล่าเพื่อเป็นที่เก็บอัฐิของพวกเขาหลังจากการสิ้นพระชนม์ โบสถ์หลวงแห่งนี้นับถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรมกอทิกในสเปน และยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะทางศาสนาและศิลปวัตถุที่ทรงคุณค่าไว้มากมาย และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรานาอีกด้วย

สำรวจบ้านสีขาวในย่านประวัติศาสตร์ (Albaicín)
นอกจากอาลัมบราและอาสนวิหารแห่งกรานาที่เป็นสถานที่เที่ยวหลักของเมืองแล้ว กรานาดายังมีย่านท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ “Albaicín” ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ของชาวมุสลิม ตั้งอยู่บนไหล่เขาตรงข้ามอาลัมบรา และเป็นที่รู้จักจากถนนแคบ ๆ บ้านแบบดั้งเดิมที่มีผนังสีขาวและหลังคากระเบื้องสีแดง รวมถึงทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองและภูเขาเซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada) สถานที่แห่งนี้นับเป็นหนึ่งในย่านยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีในสเปน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก

เมื่อมาเยือนย่านอัลไบย์ซินหนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด คือ “Mirador de San Nicolás” ซึ่งเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของอาลัมบราและพื้นที่มุมกว้างของเมือง ลานด้านหน้าของจุดชมวิวยังเป็นจุดรวมตัวยอดนิยมที่จะพานักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรีข้างถนน รวมถึงมีจุดจำหน่ายงานฝีมือจากช่างฝีมือในท้องถิ่นอีกด้วย
นอกจากจุดชมวิวยอดนิยมแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ รวมถึงโบสถ์ซานซัลวาดอร์ ห้องอาบน้ำสไตล์อาหรับ (El Bañuelo) และพิพิธภัณฑ์ Casa-Museo de Zafra ซึ่งจัดแสดงเครื่องเรือนและศิลปะการตกแต่งสไตล์อันดาลูเซียแบบดั้งเดิม
สำหรับใครที่อยากเดินสำรวจย่านประวัติศาสตร์ Albaicín และย่าน Sacromonte พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในเชิงลึกของสถานที่เหล่านี้ไปพร้อม ๆ กัน สามารถเข้าร่วมทัวร์เดินเที่ยวพร้อมไกด์ท้องถิ่นภายในเวลา 2.5 ชั่วโมง → จองตั๋วเข้าร่วมทัวร์เดินเที่ยวย่าน Albaicín และ Sacromonte ล่วงหน้าตอนนี้เลย
เดินเล่นตลาดเก่าแก่ในกรานาดา (Alcaiceria market)
อัลไคเซอเรียเป็นตลาดเก่าแก่ในกรานาดา เดิมสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นตลาดผ้าไหมและถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง แต่ตลาดถูกไฟไหม้ในศตวรรษที่ 19 ทำให้มีการสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 20 และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งของเมือง
ความน่าสนใจของตลาดอัลไคเซอเรียไม่เพียงแต่มีบรรยากาศที่คึกคัก แต่ยังรวมร้านค้าและแผงลอยขนาดเล็กจากพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นในตลาดแห่งนี้ผ่านถนนและตรอกซอกซอยแคบ ๆ ที่คดเคี้ยว และยังมีโอกาสได้ลองชิมอาหารและขนมสเปนแบบดั้งเดิม รวมถึงขนมอบและลูกกวาดอันดาลูเซียอันโด่งดังที่ขายในตลาดแห่งนี้อีกด้วย
กิจกรรมและที่เที่ยวน่าสนใจเพิ่มเติมในกรานาดา
นอกจากที่เที่ยวยอดนิยมที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ถ้ามีเวลาเหลือสามารถแวะไปทำกิจกรรมหรือเข้าชมที่เที่ยวเพิ่มเติมได้ตามลิสต์ด้านล่าง
โรงอาบน้ำเก่าแก่ (El Bañuelo)
ตั้งอยู่ในย่าน Albaicín ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของโรงอาบน้ำอาหรับยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในเมือง โดยมีงานแกะสลักที่ประณีต กระเบื้องหลากสีสัน รวมถึงงานปูนปลาสเตอร์ที่วิจิตรงดงาม และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมทุกวัน จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อเข้าชมโรงอาบน้ำอาหรับ
ดูการแสดงฟลาเมงโก (Flamenco)
เป็นรูปแบบการเต้นรำ ดนตรี และเพลงแบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดในแคว้นอันดาลูเซีย โดยใช้สไตล์ที่เร่าร้อนและเข้มข้น บวกกับการใช้เท้าที่ซับซ้อน ย่านที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมการแสดงนี้ได้ คือ “Sacromonte” ซึ่งเป็นที่รู้จักจากถ้ำยิปซีแบบดั้งเดิม และมีรูปแบบการแสดงที่หลากหลายตั้งแต่การรับชมแบบใกล้ชิดไปจนถึงการแสดงขนาดใหญ่ในโรงละครและห้องแสดงคอนเสิร์ต จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อชมการแสดงฟลาเมงโก
ชมพิพิธภัณฑ์ถ้ำ (Museo Cuevas del Sacromonte)
ตั้งอยู่ในย่าน Sacromonte เน้นการจัดแสดงสิ่งของที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและชีวิตประจำวัน รวมถึงขนบธรรมเนียม และประเพณีดั้งเดิมของผู้คนที่อาศัยอยู่ในถ้ำนี้มาหลายชั่วอายุคน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ของกรานาดาและแคว้นอันดาลูเซียของสเปน จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ถ้ำ
เดินป่าในเซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada)
เทือกเขาเซียร์ราเนวาดาตั้งอยู่ใกล้กับกรานาดา เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและผู้รักธรรมชาติ โดยมีกิจกรรมให้เลือกทำตลอดทั้งปี หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมช่วงหน้าร้อนคือการเดินป่าบนเส้นทาง “Los Cahorros de Monachil” ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร เพื่อไปสัมผัสกับความสวยงามในอุทยานแห่งชาติแบบใกล้ชิด ระหว่างทางยังจะพบกับน้ำตก แอ่งน้ำธรรมชาติ การก่อตัวของหิน และพืชพรรณที่หนาแน่น นับว่าเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่สามารถทำได้ภายในเวลา 3-4 ชั่วโมง จองตั๋วล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมทัวร์เดินป่าในเซียร์ราเนวาดา
เที่ยวมาลากา (Málaga)

มาลากาเป็นเมืองน่าเที่ยวที่มีความน่าสนใจอีกหนึ่งแห่งของสเปน ตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย บนชายฝั่งคอสตาเดลโซลของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห่างจากกรานาดาเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที แน่นอนว่ามาลากาขึ้นชื่อในเรื่องชายหาดที่สวยงามและสภาพอากาศที่อบอุ่น มาลากายังรวมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทางประวัติศาสตร์ไว้หลายแห่ง เช่น ป้อมปราการอัลคาซาบา โรงละครโรมัน มหาวิหารมาลากา และพิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ ซึ่งอุทิศให้กับชีวิตและผลงานของศิลปินชื่อดัง “ปิกัสโซ” ผู้มีบ้านเกิดในมาลากา
นักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวที่นี่ด้วยตัวเองไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสความงดงามของสถานที่เหล่านี้ แต่ยังได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารขึ้นชื่อ “กัซปาโช” (Gazpacho) ซุปเย็นที่ทำจากมะเขือเทศและพริก รวมถึงอาหารทะเลสดรสชาติอร่อย และไวน์หวานของมาลากาอีกด้วย
อย่าลืมแวะไปอ่าน: เที่ยวมาลากาด้วยตัวเอง ที่ไม่ได้ครอบคลุมแค่สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองมาลากาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกิจกรรมน่าสนใจ ตลอดจนที่พัก การเดินทาง อาหารน่าทาน และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางมาเที่ยวมาลากาด้วยตัวเอง
อาหารน่าทานในกรานาดา

กรานาดามีชื่อเสียงในด้านอาหารเลิศรส ซึ่งผสมผสานระหว่างรสชาติแบบดั้งเดิมของสเปนและแอฟริกาเหนือ และยังได้รับอิทธิพลการทำอาหารจากมรดกของชาวมัวร์ โดยใช้วัตถุดิบที่หลากหลายในท้องถิ่น รายการด้านล่างคืออาหารน่าลองในกรานาดา
- Tapas: เป็นประเพณีการเสิร์ฟอาหารจานเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “ทาปาส” พร้อมเครื่องดื่มฟรีในบาร์และร้านอาหารทั่วเมือง ทาปาสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกรานาดา ได้แก่ มันฝรั่งรสเผ็ด (Patatas bravas) ไข่เจียวสเปน (Tortilla Española) และปลากะตักหมัก (Boquerones en vinagre) รวมถึงอาหารพื้นเมือง เช่น ปลาทอด แฮมที่มีรสชาติเค็มและเผ็ด (Jamón serrano) และ Migas ซึ่งเป็นอาหารที่ทำจากเกล็ดขนมปัง กระเทียม และน้ำมันมะกอก นิยมทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารกลางวัน
- Gazpacho: ซุปเย็นยอดนิยมในกรานาดาและแคว้นอันดาลูเซีย ทำจากผักสด เกล็ดขนมปัง และน้ำมันมะกอก และมักเสิร์ฟในช่วงฤดูร้อน
- Tortilla del Sacromonte: อาหารดั้งเดิมจากเมืองกรานาดา ทำจากเครื่องในและเนื้อสัตว์ เช่น แพะ แกะ และวัว มักเสิร์ฟในกระทะขนาดใหญ่และหั่นเป็นชิ้นทานง่าย
- Piononos: ขนมอบพื้นเมืองมีต้นกำเนิดในเทศบาลซานตาเฟของกรานา ทำจากแป้งพัฟและสอดไส้ด้วยครีมหวานและโรยด้วยอบเชย
- Salmorejo: คล้ายกับซุปเย็นกัซปาโช แต่ต่างกันที่ส่วนผสมและเนื้อสัมผัสที่มีความเหนียวข้น มักเสิร์ฟพร้อมไข่ต้มหั่นเต๋า แฮมเซอร์ราโนและขนมปังกรอบ
- Albóndigas: ลูกชิ้นวัวและหมูดั้งเดิมจากกรานาดา มักเสิร์ฟร้อน ๆ กับข้าวหรือมันฝรั่ง
- Habas con Jamón: ทำจากถั่วปากอ้าสดและแฮมเซอร์ราโน นิยมทานเป็นของว่าง
- Tortas de aceite: บิสกิตบางกรอบทำจากแป้ง น้ำมันมะกอก น้ำตาล โป๊ยกั๊ก และเมล็ดงา และมักเสิร์ฟเป็นว่างยอดนิยมพร้อมกับกาแฟหรือชา
- Churros con Chocolate: แท่งแป้งทอดเสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลตเข้มข้น เป็นตัวเลือกอาหารเช้าหรือของหวานยอดนิยมในกรานาดา
ย่านที่พักในกรานาดา
กรานาดามีย่านที่พักให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่โฮลเทลราคาประหยัดไปจนถึงโรงแรมหรู รายการด้านล่างคือย่านที่พักน่าสนใจในกรานาดา
ย่านประวัติศาสตร์ (Albaicin): นับว่าเป็นย่านงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรานาดา ตั้งอยู่บนเนินเขาที่หันหน้าไปทางอาลัมบราและให้ทัศนียภาพที่งดงามของเมือง ย่านนี้ยังโดดเด่นด้วยบ้านทาสีขาวและมีถนนและตรอกแคบ ๆ ที่จะพาผู้เข้าพักไปสัมผัสกับความดั้งเดิมของเมือง
ย่านใจกลางเมือง (Centro): ได้รับความนิยมไม่แพ้ย่านประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ระหว่างอาลัมบราและย่านประวัติศาสตร์ เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านค้า และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น Royal Chapel และ Plaza Nueva เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักใกล้แหล่งท่องเที่ยวหลักและเข้าถึงสะดวกด้วยระบบขนส่งมวลชน
ย่านอดีตชาวยิวของกรานาดา (Realejo): ตั้งอยู่บนเนินของอาลัมบรา โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ โดยมีถนนแคบ ๆ บ้านเก่าแก่ บาร์และร้านอาหารทันสมัย นับว่าเป็นย่านที่พักยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมของเมืองและบรรยากาศอันครึกครื้นของสถานบันเทิงท้องถิ่นในยามค่ำคืน
ย่านวัฒนธรรมฟลาเมงโก (Sacromonte): ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือย่านประวัติศาสตร์ และเป็นที่รู้จักจากที่อยู่อาศัยในถ้ำและการแสดงฟลาเมงโก และยังขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักใกล้อาลัมบราและสัมผัสกับดนตรีและการเต้นรำท้องถิ่น
ค้นหาและเปรียบเทียบที่พักในกรานาดา
การเดินทางในกรานาดา
กรานาดามีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง โดยแบ่งออกเป็นโดยสารประจำทางกลางวัน รถโดยสารประจำทางกลางคืน และรถราง รวมไปถึงรถไฟ ซึ่งมีสถานีหลัก คือ “Granada Railway Station”
รถโดยสารประจำทาง: เป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดในการเดินทาง ดำเนินการโดยบริษัทรถโดยสารท้องถิ่นเรียกว่า “Transportes Rober” ให้บริการเครือข่ายรถประจำทางมากกว่า 30 สาย นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียวได้จากคนขับบนรถหรือใช้บัตรโดยสารแบบเติมเงิน (Tarjeta Ciudadana) ซึ่งหาซื้อได้ตามจุดขายต่าง ๆ ทั่วเมือง ค่าโดยสารเริ่มต้น 1.4 ยูโร
รถโดยสารประจำทางกลางคืน: ดำเนินการโดยบริษัทเดียวกันกับรถโดยสารประจำทางกลางวัน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 23:30-06:00 น. ครอบคลุมเส้นทางที่จำกัด นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียวได้จากคนขับบนรถหรือใช้บัตรโดยสารแบบเติมเงิน ค่าโดยสารเริ่มต้น 1.4 ยูโร
รถบัสท่องเที่ยว: นอกเหนือจากบริการรถบัสธรรมดาแล้ว กรานาดายังมีรถบัสท่องเที่ยวที่เรียกว่า “Granada City Tour” ให้บริการทัวร์แบบ Hop-On Hop-Off ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของเมือง และเป็นวิธียอดนิยมในการชมภาพรวมไฮไลท์ต่าง ๆ ของเมือง นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วได้บนรถบัสหรือจองตั๋วรถบัสท่องเที่ยวออนไลน์ล่วงหน้าตอนนี้เลย
รถราง: มีระบบรถไฟฟ้ารางเบาที่ทันสมัยเรียกว่า “Metro de Granada” เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 2017 และมีเพียงสายเดียวที่ให้บริการเชื่อมต่อจากใจกลางเมืองไปยังชานเมือง ระยะทางรวมประมาณ 16 กิโลเมตร โดยระหว่างวันรถรางจะวิ่งทุก ๆ 10-15 นาที และทุก ๆ 20-30 นาทีในตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียวได้ที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ในสถานี หรือใช้บัตรโดยสารแบบเติมเงิน
การเดิน: กรานาดาเป็นเมืองที่เดินเที่ยวสะดวก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งยังตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ การเดินจึงเป็นวิธีที่ดีในการสำรวจเมืองและสัมผัสบรรยากาศโดยรอบอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญช่วยประหยัดค่าเดินทางอีกด้วย
จักรยานให้เช่า: กรานาดาเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการปั่นจักรยาน มีถนนเก่าแก่ สวนสาธารณะ และจุดชมวิวที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถพบร้านเช่าจักรยานได้ทั่วเมือง
แท็กซี่: เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกและเชื่อถือได้ในการเดินทางรอบเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาพร้อมสัมภาระขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการรถแท็กซี่มิเตอร์ที่มีใบอนุญาตตามจุดต่าง ๆ ในสนามบินและทั่วเมือง แท็กซี่ในกรานาดารับจ่ายเงินสดและบัตรเครดิต แต่ควรมีเงินสดติดตัวไว้บ้าง และอย่าลืมรับใบเสร็จค่าโดยสารหลังจ่ายเงิน
การเดินทางไปกรานาดาจากเมืองใกล้เคียง
กรานาดาตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสเปน และเชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ ในภูมิภาคใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะหรือรถยนต์ที่ช่วยให้เข้าถึงเมืองต่าง ๆ ในสเปนได้สะดวกและรวดเร็ว
เดินทางด้วยเครื่องบิน: เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด มีเที่ยวบินหลายสายในยุโรปรวมถึง Vueling ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดให้บริการเที่ยวบินตรงไปยังท่าอากาศยานกรานาดา (GRX) เมื่อถึงสนามบินกรานาดาแล้วสามารถเดินทางต่อเข้าเมืองด้วยรถบัส Autocares José González ได้ภายในเวลา 22 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 3 ยูโร ซื้อตั๋วโดยตรงกับคนขับบนรถบัส ค้นหาข้อเสนอเที่ยวบินไปกรานาดาราคาดีที่สุดตอนนี้เลย
เดินทางด้วยรถไฟ: เป็นวิธีที่สะดวกสบายและให้ทัศนียภาพที่สวยงามของบ้านเรือนระหว่างการเดินทาง มีรถไฟความเร็วสูงของ AVE ให้บริการจากเมืองมาดริด บาร์เซโลนา มาลากา เซบีย่า และบาเลนเซีย ไปยังสถานีรถไฟกรานาดา ค้นหาข้อเสนอตั๋วรถไฟไปกรานาดาราคาดีที่สุดตอนนี้เลย
เดินทางด้วยรถบัส: ค่าโดยสารมักถูกกว่ารถไฟ และมีตารางเวลาให้เลือกที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงกรานาดาด้วยรถประจำทางไปและกลับจากเมืองต่าง ๆ เช่น มาลากา เซบีย่า กอร์โดบา อัลเมเรีย และบาเลนเซีย รถบัสจะไปจอดที่สถานีขนส่งกรานา (Estación de Autobuses) ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร จากที่นั้นสามารถต่อรถบัสสาย 33 ไปยังใจกลางเมืองได้ภายในเวลา 11 นาที
เดินทางด้วยรถยนต์: เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอื่น หรือต้องการท่องเที่ยวหลาย ๆ เมืองแบบขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง นักท่องเที่ยวยังสามารถเช่ารถยนต์ได้จากบริษัทหรือตัวแทนต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ทั่วเมือง และอาจต้องพิจารณาเช่ารถยนต์ขนาดเล็ก เนื่องจากถนนในกรานาดาค่อนข้างแคบและลาดชัน ค้นหารถยนต์เช่าไปเที่ยวกรานาดาราคาดีที่สุดตอนนี้เลย
เที่ยวกรานาดาช่วงไหนดี
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมกรานาดาคือระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดีและอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส ตั๋วเครื่องบินและที่พักส่วนใหญ่มักมีราคาถูกกว่าในช่วงฤดูท่องเที่ยว อีกทั้งมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่หนาแน่นมากนัก
ส่วนในช่วงฤดูร้อนระหว่างมิถุนายนถึงสิงหาคม มักมีสภาพอากาศที่ร้อนจัดและแห้ง ในขณะที่ฤดูหนาวระหว่างธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวในกรานาดา มีอุณหภูมิที่เย็นกว่าและมีหิมะตกเป็นครั้งคราว เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศหนาวหรือบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส รวมถึงเยี่ยมชมเทือกเขา Sierra Nevada เพื่อเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวกรานาดา
- ปลั๊กไฟ: ประเทศสเปนใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ ความถี่มาตรฐาน 50 เฮิรตซ์ ใช้เต้าเสียบปลั๊กไฟประเภท C และ F นักเดินทางที่มาจากประเทศนอกยุโรปควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟรอบโลกสำรองมาด้วย 1-2 ชิ้น
- ภูมิอากาศ: กรานาดามีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนโดยมีฤดูร้อนและฤดูหนาวที่อบอุ่น ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิอาจสูงถึง 30 องศาเซลเซียส ใครที่ไปเที่ยวกรานาดาช่วงนี้ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- ภาษา: กรานาดาใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากในเมืองนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และก็เป็นเรื่องดีเช่นกันที่จะเรียนรู้ประโยคพื้นฐานในภาษาสเปนไว้เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกเวลาไปไหนมาไหนและมีปฏิสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่น
- สกุลเงิน: ใช้สกุลเงินยูโร (€) นักท่องเที่ยวสามารถแลกเงินที่ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม หรือสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราได้สะดวก
- การแต่งกาย: กรานาดาเป็นเมืองที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ดังนั้นควรแต่งกายให้เหมาะสม โดยเฉพาะสถานที่สำคัญทางศาสนา ควรสวมเสื้อผ้าที่ปิดไหล่และขา
- พักกลางวัน: เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใจสำหรับผู้มาเยือนจากฝั่งเอเชียพอสมควร เนื่องจากร้านค้าและธุรกิจหลายแห่งในกรานาดาจะปิดทำการเพื่อพักกลางวันในช่วงเวลาบ่ายเป็นเวลาสองถึงสามชั่วโมง ถ้าต้องการซื้อของหรือจำเป็นในช่วงเวลาดังกล่าวควรวางแผนล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ตรงกับช่วงเวลาเหล่านี้
- อาลัมบรา: เป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมของกรานาดาที่ตั๋วมักจะขายหมดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ไม่แนะนำให้ไปยืนต่อแถวเพื่อซื้อตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ เพราะอาจจะต้องรอนานถึงหนึ่งชั่วโมง ควรจองตั๋วล่วงหน้าออนไลน์เพื่อความรวดเร็วและหลีกเลี่ยงตั๋วหมดในวันที่ต้องการเข้าชม → จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับเข้าชมอาลัมบรา
แผนที่เดินเที่ยวกรานาดาด้วยตัวเอง
กดดูและบันทึกแผนที่เดินเที่ยวกรานาดาเพื่อช่วยวางแผนการเดินทางของคุณ
วางแผนเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
ยังคงมองหาประเทศน่าเที่ยวในยุโรปอีกหรือไม่? ถ้าใช่แน่นอนเลยว่าในยุโรปมีเมืองน่าเที่ยวอีกมากมายที่รอให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเอง รวมถึงเมืองเหล่านี้ด้วย
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam): เมืองหลวงแห่งจักรยานโลกของประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นที่รู้จักจากลำคลองที่สวยงาม สถาปัตยกรรมเก่าแก่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ระดับโลกที่รวบรวมผลงานของจิตกรชื่อดังไว้มากมาย
เวนิส (Venice): ราชินีแห่งสายน้ำของอิตาลี เหมาะสำหรับการเดินชมความน่ารักของเมืองผ่านลำคลองที่คดและสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์ เช่น มหาวิหารซานมาร์โคและสะพานริอัลโต ไปจนถึงอัญมณีที่ซ่อนเร้นและการล่องเรือกอนโดลา
ปราก (Prague): เมืองหลวงแห่งยอดแหลมนับพันของเช็กเกีย มีที่เที่ยวยอดนิยมที่รุ่งโรจน์ด้วยสถาปัตยกรรมสมัยกอทิก เรเนสซองส์ และบาโรก เมืองเก่าและเมืองใหม่ทั้งสองยังขั้นกลางด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำวัลตาวาเชื่อมต่อถึงกันโดยสะพานชาร์ลส์
บูดาเปสต์ (Budapest): เมืองหลวงแห่งสปาและปราสาทของฮังการี สวยจนและโรแมนติกจนได้รับรับฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” บ้านเรือนทั้งสองฝั่งนั้นยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันน่าสนใจ
เวียนนา (Vienna): เมืองหลวงของออสเตรียที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป และยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน มีที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่งรวมถึงพระราชวังฮอฟบวร์ก พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา มหาวิหารเซนต์สตีเฟน และตลาดแนชมาร์ก เวียนนายังเป็นที่รู้จักในด้านอาหารชั้นเลิศและร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ปารีส (Paris): เมืองหลวงแห่งแฟชั่นชื่อดังของฝรั่งเศส มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัว ครอบคลุมถึงหอไอเฟล วิหารน็อทร์-ดาม และพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่จัดแสดงภาพวาดโมนาลิซาของเลโอนาร์โดดาวินชี นับว่าเป็นมหานครแห่งความโรแมนติกที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต
ลักเซมเบิร์ก (Luxemburg): ประเทศเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร ลักเซมเบิร์กยังเป็นเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก มีชื่อเสียงในด้านเมืองเก่า ป้อมปราการ และอาคารประวัติศาสตร์ที่งดงามราวภาพวาด ตลอดจนธรรมชาติอันเขียวขจีและการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
แหล่งข้อมูลวางแผนการท่องเที่ยว
เว็บไซต์เหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำเพื่อวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว และคุณอาจพบว่ามีประโยชน์ในการวางแผนวันหยุดครั้งต่อไป →









﹏