ดิแนนท์ (Dinant) เที่ยวเมืองเล็กน่ารักในหุบเขาริมแม่น้ำมิวส์ ประเทศเบลเยียม

ดิแนนท์ (Dinant) เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาสูงชันระหว่างหน้าผาหินและแม่น้ำมิวส์ ในจังหวัดนามูร์ (Namur) ประเทศเบลเยียม ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 90 กิโลเมตร และห่างจากชายแดนฝรั่งเศสไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงาม ตัวเมืองเก่าโดดเด่นสง่าด้วยหน้าผาอันสูงชันและโบสถ์เก่าจากศตวรรษที่ 13 ขั้นกลางด้วยริมแม่น้ำมิวส์ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญในยุโรปโดยไหลผ่านประเทศเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ก่อนระบายลงสู่ทะเลเหนือ ดิแนนท์ยังเป็นบ้านเกิดของ Adolphe Sax นักดนตรีชาวเบลเยี่ยมและนักประดิษฐ์ผู้สร้างแซกโซโฟนในช่วงต้นทศวรรษที่ 1840 นั้นทำให้ผู้มาเยือนที่นี่เห็นภาพของเครื่องดนตรีแซกโซโฟนตั้งเรียงรายอยู่มากมายในตัวเมือง

การเดินทางไปยังเมืองดิแนนท์

• เดินทางด้วยรถยนต์ จากกรุงอัมสเตอร์ดัมถึงเมืองดิแนนท์ ใช้ประมาณ 3 ชั่วโมง
• เดินทางด้วยรถไฟ จากสถานี Amsterdam Centraal หยุดพัก/เปลี่ยนขบวนที่สถานีรถไฟบรัสเซลส์ไปยังเมืองนามูร์ จากนั้นนั่งรถไฟจากเมืองนามูร์มายังเมืองดิแนนท์ ใช้เวลารวมประมาณ 4 ชั่วโมง 20 นาที

ทำอะไรได้บ้างที่เมืองดิแนนท์?

• ชมมหาวิหารกอทิกเมืองดิแนนท์ (Collégiale Notre-Dame)
• เดินขึ้นป้อมปราการและชมปราสาทบนยอดเขา (Citadel of Dinant)
• เดินเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำมิวส์ชมเครื่องดนตรีแซกโซโฟน
• ลิ้มลองบิสกิตที่แข็งที่สุดของโลก (Couque de Dinant)
• เดินป่าชมธรรมชาติที่อุทยาน Nature Park of Furfooz

ทริปนี้เราออกเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมด้วยรถยนต์ ขับผ่านกรุงบรัสเซลส์ไปยังเมืองดิแนนท์ ใช้เวลารวมประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงที่นี่ ก่อนจะหาที่จอดรถในตัวเมืองเก่าและเริ่มออกเดินเที่ยวกัน สถานที่เที่ยวแรกที่ไปชมเลยก็คือ สะพานข้ามแม่มิวส์ ที่นั้นประดับด้วยแซกโซโฟนหลายตัวพร้อมธงชาติจากหลากหลายประเทศ เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองดิแนนท์ที่โดดเด่นมาแต่ไกล

มหาวิหารกอทิกเมืองดิแนนท์ (Collégiale Notre-Dame)

หลังจากเดินเที่ยวรอบตัวเมืองเก่าแล้วเราก็มายังสถานที่ถัดไป นั้นก็คือ Collégiale Notre-Da เป็นมหาวิหารสไตล์กอทิกสมัยศตวรรษที่ 13 ตั้งเด่นสง่าอยู่ด้านหน้าสะพานข้ามแม่น้ำมิวส์ ที่นี่ถูกสร้างแทนที่โบสถ์เดิมซึ่งถูกทำลายด้วยหินที่ตกลงมาจากหน้าผาในปี  ค.ศ. 1227 มหาวิหารยังอยู่ติดกับทางเข้าป้อมปราการและปราสาทบนยอดเขา (Citadel of Dinant) โดยมีหอระฆังด้านบนเป็นส่วนที่โดดเด่นของมหาวิหาร

ป้อมปราการและปราสาทบนยอดเขา (Citadel of Dinant) ดิแนนท์

Citadel of Dinant เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 11 บนยอดหินที่โผล่ขึ้นมาสูง 100 เมตร สามารถมองเห็นแม่น้ำมิวส์และเมืองดิแนนท์ได้จากด้านบน ในสมัยก่อนป้อมปราการแห่งนี้มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้น การต่อสู้อย่างหนักระหว่างกองทัพฝรั่งเศสและเยอรมันในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2457 จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้ชาวเบลเยียมและฝรั่งเศสเสียชีวิตจำนวน 647 คน และป้อมปราการถูกทำลายและยึดครอง

ปัจจุบันปราสาท Dinant OF Citadel เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมทัศนียภาพที่งดงามด้านบน สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวด้านหน้ามหาวิหารเมืองดิแนนท์ มีสองตัวเลือก คือ เดินขึ้นบันได 408 ขั้น หรือนั่งกระเช้าไฟฟ้า ด้านบนปราสาทยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงเรื่องราวและประวัติความเป็นมาในอดีต รวมถึงคลังอาวุธ สถานที่กักขังทางทหารขนาดเล็ก โรงครัวและห้องนอน รวมถึงเรื่องราวการต่อสู้ที่เป็นเครื่องเตือนใจให้กับคนรุ่นหลัง

เราเลือกซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทและนั่งกระเช้าขากลับ ส่วนขาขึ้นใช้วิธีการเดินขึ้นไปแทน ระหว่างทางสามารถมองเห็นวิวเมืองดิแนนท์ที่สวยงาม ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีก็มาถึงยอดเขา วิวด้านบนสวยมากค่ะ มองเห็นเมืองดิแนนท์และยอดหอระฆังโบสถ์ที่โดดเด่นมาก

นอกจากวิวที่สวยงามแล้วด้านในป้อมปราการยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงเรื่องราวการต่อสู้ในอดีตระหว่างกองทัพฝรั่งเศสและกองทัพเยอรมัน รวมถึงสถานที่กักขังนักโทษซึ่งเกิดขึ้นจริงในอดีต

เนื่องจากด้านบนปราสาทเป็นสถานที่ไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็เดินชมด้านในจนทั่ว ก่อนที่จะออกมานั่งพักชมวิวด้านนอกและนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงไปด้านล่าง

ข้อมูลเข้าชม Citadel of Dinant

• ซื้อตั๋วได้ที่: Reine Astrid, 3-5 à B-5500 Dinant
• ราคาตั๋ว 10 ยูโร (เข้าชมปราสาทและขึ้นกระเช้าไฟฟ้า) 17 ยูโร (เข้าชมปราสาท ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าและล่องเรือแม่น้ำมิวส์)

ลิ้มลองบิสกิตที่แข็งที่สุดของโลก (Couque de Dinant) ดิแนนท์

กิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวเมืองดินแนนท์ก็คือ การลิ้มลอง Couque ซึ่งเป็นบิสกิตที่แข็งที่สุดในโลก ทำจากแป้งสาลี ผสมน้ำผึ้งและน้ำตาล จากนั้นนำประทับกับแม่พิมพ์ไม้แกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ และนำไปอบด้วยอุณหภูมิสูงจนทำให้น้ำผึ้งคาราเมลแข็งตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อบิสกิตเย็นตัวลงจะแข็งตัวเหมือนกับคาราเมล

ร้านที่เราแวะไปซื้อก็คือ Fabrique de couques – Pâtisserie Jacobs ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานใจกลางเมือง คนขายแนะนำว่าห้ามใช้ฟันกัดเด็ดขาด เพราะฟันอาจหักได้ ให้ใช้มือบิดและค่อย ๆ ให้บิสกิตละลายในปาก พอลองชิมคำแรกแล้วหอมน้ำผึ้งและไม่ค่อยหวาน แต่พอบิสกิตเริ่มละลายเราจะสัมผัสได้ถึงคำหวานจากน้ำผึ้ง เป็นขนมที่กินได้เรื่อย ๆ กว่าจะทานหมดหนึ่งแผ่นใช้เวลาอยู่หลายวันเลยทีเดียว

เดินป่าชมธรรมชาติที่อุทยาน Nature Park of Furfooz ดิแนนท์

นอกจากเดินเล่นรอบเมืองเก่าและชิมบิสกิตแล้วเรายังสามารถไปเดินป่าชมธรรมชาติที่อุทยาน Nature Park of Furfooz ได้อีกด้วย ที่นี่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีด้วยรถยนต์ ด้านในเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ มีเส้นทางเดินป่าประมาณ 4 กิโลเมตร ด้านในเราจะเห็นสภาพแวดล้อมที่เขียวขจี จุดชมวิวมองเห็นถนนและแม่น้ำด้านล่าง รวมถึงถ้ำที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาหลายพันปี เพราะขุดพบหลักฐานทางโบราณดีแล้วก็ภาพแกะสลักภายในถ้ำและโพรงหิน

ระหว่างทางยังมีคาเฟ่ขนาดเล็กชื่อว่า Café La Flobette เป็นจุดแวะพักมีที่นั่งด้านหน้าสำหรับทานอาหารและชมวิว ในลำคลองเรายังจะเห็นคนพายเรือ เล่นน้ำ รวมไปถึงมีแคมป์ปิ้งขนาดเล็กตั้งอยู่ในอุทยานแห่งนี้ด้วย

สรุปการเที่ยวเมืองดิแนนท์

โดยรวมแล้วทริปการเที่ยวเมืองดิแนนท์เราให้คะแนน 8/10 เลย เพราะเป็นเมืองเล็กน่ารักโดดเด่นด้วยวิวจากยอดเขาผสมผสานกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แถมยังมีกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่แวะไปผ่อนคลายในช่วงวันหยุดได้ด้วย ถือว่าคุ้มค่าการเดินทางสามชั่วโมง ใครที่กำลังวางแผนมาที่นี่แนะนำให้มาแบบครึ่งวันหรือเดย์ทริปกำลังดี

วางแผนเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง

• Amsterdam | วางแผนเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
• Budapest | วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ 2 วัน
• Prague | วางแผนเที่ยวปรากเมืองหลวงเช็กเกีย
• Venice | วางแผนเที่ยวเวนิสราชินีแห่งสายน้ำ
• Istanbul | วางแผนเที่ยวอิสตันบูล 5 วัน 4 คืน
• Slovenia | วางแผนขับรถเที่ยวสโลวีเนีย 5 วัน
• Vienna | เดินเที่ยวเวียนนาออสเตรีย 1 วัน