Vršič Pass (ภาษาสโลวีเนีย: Prelaz Vršič) เป็นเส้นทางผ่านภูเขาสูงที่สุดในสโลวีเนียที่ระดับความสูง 1,661 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตัดผ่านเทือกเขาจูเลียนแอลป์ (Julian Alps) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสโลวีเนีย ตั้งอยู่ใกล้กับพรมแดนของออสเตรียและอิตาลี โดยเชื่อมต่อเมืองแห่งสกีรีสอร์ท “ครานสกากอรา” (Kranjska Gora) และชุมชนที่เงียบสงบอย่าง “เทรนตา” (Trenta) เข้าด้วยกัน
ตลอดเส้นทางขับรถเที่ยว Vršič Pass เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาและหุบเขาโดยรอบ รวมไปถึงมีจุดแวะพักชมความสวยงามของธรรมชาติและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของถนนสายนี้อีกด้วย บทความนี้จะพาไปสำรวจเส้นทางขับรถเที่ยว Vršič Pass ด้วยกัน พร้อมคำแนะนำการขับรถเที่ยวใน Vršič Pass ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวสโลวีเนีย
การเดินทางไป Vršič Pass สโลวีเนีย
Vršič Pass ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทริคลาฟทางตะวันตกเฉียงใต้ของสโลวีเนีย การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นวิธีที่ทำได้สะดวกและรวดเร็ว
- จากเมืองเบลด 50 กม. เดินทาง 1 ชม.
- จากทะลสาบโบฮินจ์ 77 กม. เดินทาง 1.25 ชม.
- จากเมืองลูบลิยานา 96 กม. เดินทาง 1.23 ชม.
การเดินทางด้วยรถยนต์ในประเทศสโลวีเนียต้องมีสติ๊กเกอร์ค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ (E-Vignette) ราคาแบ่งตามประเภทรถยนต์ รถยนต์ทั่วไปที่มีน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 3.5 ตัน (2A) ราคา 15 ยูโร (1 สัปดาห์) 30 ยูโร (1 เดือน) และ 110 ยูโร (1 ปี)
สามารถซื้อสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางได้ที่เว็บไซต์ Evinjeta.dars.si/en หรือตามสถานีเติมน้ำมันขนาดใหญ่ ที่ทำการไปรษณีย์ แผงขายหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ในสโลวีเนีย และที่สำนักงานสาขาของสมาคมยานยนต์แห่งสโลวีเนีย (AMZS)
ขับรถเที่ยว Vršič Pass สโลวีเนีย ควรมาช่วงไหนดี?
Vršič Pass เป็นเส้นทางลาดยางที่เหมาะสำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบ้านเคลื่อนที่ รวมไปถึงรถโดยสารประจำทาง ในบางครั้งเราก็มักจะเห็นผู้คนวิ่งขึ้นเขาผ่านไปมา ที่นี่เปิดให้ใช้งานประมาณ 7 เดือนต่อปีเท่านั้น
ขับรถเที่ยว Vršič Pass สโลวีเนีย เริ่มจากตรงไหน?
ถนน Vršič Pass มีความยาวทั้งหมด 43.4 กิโลเมตร รวม 50 โค้งด้วยกัน แบ่งออกเป็นฝั่งครานสกากอรา 24 โค้ง และฝั่งเทรนตา 26 โค้ง เราสามารถขับรถเที่ยว Vršič Pass ได้ 2 ทาง คือเริ่มจากหมู่บ้านสกีรีสอร์ทครานสกากอราไปสิ้นสุดที่หุบเขาเทรนตา หรือขับจากเทรนตาไปสิ้นสุดที่ครานสกากอรา ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนก็มีวิวที่สวยงามเช่นกัน จากประสบการณ์ตรงเราใช้เส้นทางเริ่มต้นที่ครานสกากอราเพราะว่าขับมาจากลูบลิยานาและก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากเลย
เส้นทางเริ่มต้น Vršič Pass จากครานสกากอราอยู่ที่ถนนหมายเลข 206 บริเวณทางแยกระหว่างถนน Borovška cesta และ Kranjska Gora (กดดูแผนที่ประกอบ) พอเห็นทางแยกก็ขับตรงมาได้เลย
ขับรถเที่ยว Vršič Pass สโลวีเนีย ไฮไลท์และสิ่งที่ต้องดู
ปกติแล้วการขับรถขึ้นภูเขาอาจจะไม่มีสิ่งที่ให้เห็นมากนอกจากวิวสองข้างทาง แต่ Vršič Pass อาจจะแปลกตาไปจากเส้นทางขับรถเที่ยวทั่วไปเพราะมีจุดแวะพักหลายแห่งที่เราสามารถลงจากรถไปชมที่เที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการใช้เวลาไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่แทนที่จะนั่งอยู่ในรถอย่างเดียว และนี่ก็ทำให้การขับรถเที่ยวบนถนนสายนี้ไม่น่าเบื่อเลย
อย่าลืมแวะไปอ่านวางแผนขับรถเที่ยวสโลวีเนีย 5 วัน รวมถึงการวางแผนขับรถเที่ยวในยุโรป 2 อาทิตย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเราได้แชร์ประสบการณ์และรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวในประเทศเหล่านี้ไว้อย่างละเอียด
แวะไปเดินเล่นที่ทะเลสาบจัสนา (Lake Jasna)
จากจุดเริ่มต้นที่หมู่บ้านครานสกากอราขับรถตามป้ายมาประมาณ 3 นาทีจะเจอกับจุดแวะพักแรก คือ ทะเลสาบจัสนา (ภาษาสโลวีเนีย: Jezero Jasna) อยู่ที่ระดับความสูง 830 เมตร ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ล้อมรอบด้วยภูเขาที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติทริคลาฟ
ทะลสาบยังโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยชื่อที่แปลว่าน้ำใสและสีของน้ำก็ใสบริสุทธิ์ราวกับคริสตัลเลยทีเดียว เหมาะสำหรับการเดินเล่นรอบทะเลสาบสูดอากาศบริสุทธิ์ ว่ายน้ำคลายความร้อน นั่งพักปิกนิก หรือเดินป่าในเส้นทางใกล้เคียง
ด้านหน้าทะลสาบมีรูปปั้นชามัวร์เขาทองอันโด่งดัง (Zlatorog) เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของผู้พิทักษ์หุบเขาทริคลาฟและสันเขารอบทะเลสาบจัสนาที่มาจากตำนานกล่าวขานในอดีต ว่ากันว่าเขาทองของชามัวร์เป็นสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในภูเขา เลือดของมันสามารถสร้างดอกไม้ที่มีพลังพิเศษในการรักษาเยียวยา
ปัจจุบันมีรูปปั้นชามัวร์เขาทองตั้งอยู่ในพื้นสองแห่งหนึ่ง คือ ข้างทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj) ที่มีเขาเล็กกว่า และด้านหน้าทะเลสาบจัสนาที่เรากำลังยืนอยู่ตอนนี้
ชมโบสถ์รัสเซีย (Russian Chapel)
ใช้เวลาดื่มด่ำไปกับความงดงามของทะเลสาบพอสมควรเราก็ขับรถต่อไปอีกประมาณ 9 นาทีจะพบกับจุดแวะพักที่สอง คือ โบสถ์รัสเซีย (ภาษาสโลวีเนีย: Ruska kapelica na Vršiču) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ช่วงทางโค้งที่ 8 มีที่จอดรถฟรีใกล้โบสถ์จากนั้นเดินข้ามถนนขึ้นบันไดไปจะเจอโบสถ์รัสเซียเลย
โบสถ์รัสเซียสร้างขึ้นโดยเชลยศึกชาวรัสเซียที่รอดชีวิตเพื่ออุทิศให้กับนักบุญวลาดิเมียร์ รวมถึงเป็นเกียรติและรำลึกถึงผู้เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างถนน Vršič Pass เมื่อ พ.ศ. 2458 ที่ถูกหิมะถล่มจนคร่าชีวิตเชลยศึกไปกว่า 400 คนและผู้คุม 10 คน ซึ่งในความเป็นจริงอาจมีมากกว่านี้เพราะไม่มีการระบุถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่นอน
ด้านในโบสถ์เป็นแบบเรียบ ประกอบด้วยแท่นบูชาและกรอบรูปภาพผู้รอดชีวิต ด้านนอกโบสถ์มองเห็นสะพานข้ามธารน้ำขนาดเล็กให้บรรยากาศที่เงียบสงบ
แวะจุดชมวิว Prisank สูง 2,547 เมตร
จากโบสถ์รัสเซียขับรถวนขึ้นเขาต่อมาจนถึงช่วงทางโค้งที่ 16 จะเจอกับจุดชมวิว Prisank ซึ่งเป็นยอดเขาที่มีความสูงถึง 2,547 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บริเวณนี้เป็นลานกว้างของสีเขียวของทุ่งหญ้าขนาดเล็กมีที่จอดรถฟรีและม้านั่งพักผ่อน
ถ้าเดินจากจุดจอดรถผ่านป่าสีเขียวไปประมาณ 5 นาที จะมองเห็นหน้าผาที่มีช่องลอดผ่านภูเขา (Prednje okno) ความสูงประมาณ 80 เมตร และกว้าง 40 เมตร เป็นหน้าต่างธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์จูเลียน จากภาพเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมสังเกตว่ายังมีหิมะปกคลุมยอดเขา ถ้าสังเกตดี ๆ ยังสามารถมองเห็นหน้าผาหินที่มีใบหน้าคล้ายหญิงสาวที่เรียกกันว่า “Pagan Girl Ajda” ว่ากันว่าเธอคือนางไม้ที่กลายมาเป็นหิน!
ขับไปถึง Vršič Pass ที่สูงที่สุด 1,611 เมตร
การขับรถของเรายังคงดำเนินต่อไปจนในที่สุดก็ไต่ระดับมาจนถึงช่วงทางโค้งที่ 26 ซึ่งเป็นไฮไลท์ของ Vršič Pass ที่สูงที่สุด 1,611 เมตรนั่นเอง ตรงนี้มีที่จอดรถฟรีเลียบถนน ลงจากรถได้ก็แวะไปถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระลึก แล้วเดินต่อไปยังจุดชมวิวที่มีร้านค้าขนาดเล็กตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน
ซ้ายมือของจุดชมวิวมองเห็นยอดเขาโทลมิน (Tolmin) ตรงกลางคือเส้นทางขับรถลงไปยังหุบเขาเทรนตาที่เราจะขับต่อไป ส่วนขวามือคือเส้นทางเดินป่ายอดนิยม Mala Mojstrovka 2,332 เมตร ที่ยังคงมีหิมะปกคลุมบางส่วน
ตรงซ้ายมือยังมีทางแยกเดินขึ้นเขาไปยัง Postman’s Lodge on the Vršič Pass ด้วยนะคะ ใช้เวลาเดินไปประมาณ 5 นาทีจะเจอกระท่อมบนยอดภูเขาความสูง 1,620 เมตร เป็นสถานที่แวะพักสำหรับทานอาหารและเครื่องดื่ม ใกล้กับกระท่อมจะมองเห็นหน้าผาหินที่มีใบหน้าคล้ายหญิงสาวที่เรียกกันว่า “Pagan Girl Ajda”
ชมธารน้ำโซชา (Great Soča Gorge)
จากจุดสูงสุดของเส้นทาง Vršič Pass เราจะไม่หยุดกันแค่นี้และยังคงเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางลงเขามาจนถึงช่วงทางโค้ง 49 จะเป็นที่ตั้งของธารน้ำโซชาที่มีชื่อเสียงของประเทศสโลวีเนีย อยู่บริเวณด้านล่างหมู่บ้าน Soča ริมถนน Vršič–Bovec ประมาณ 11 กม. ก่อนถึง Bovec ด้านหน้าทางเข้ามีที่จอดรถฟรี
หุบเขาโซชามีเส้นทางน้ำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทริคลาฟ บริเวณที่เรายืนอยู่จะสังเกตเห็นว่าเส้นทางน้ำถูกบีบในช่องเขาที่มีความยาว 750 เมตร และลึกถึง 15 เมตร กลายเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตที่สวยงาม
ความลึกของธารน้ำจะเพิ่มขึ้นตามกระแสน้ำและปริมาณน้ำฝนซึ่งอาจสูงถึง 10 เมตร ฤดูแล้งน้ำจะสูงประมาณ 3 เมตร ส่วนฤดูฝนน้ำอาจจะท่วมถึงยอดหรือล้นจากลำธาร บางช่วงเรายังจะเห็นการกัดเซาะพื้นหินอย่างแรงจนทำให้เกิดน้ำวน
เราสามารถเดินข้ามสะพานเพื่อชมความสวยงามของธารน้ำโซชา ถัดจากสะพานคือเส้นทางเดินป่าที่มีชื่อเสียง (Soča Trail) อาจต้องใช้เวลาเดินอย่างต่ำถึง 4 ชั่วโมง ส่วนซ้ายมือคือเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามริมน้ำมองเห็นธารน้ำโซชาแบบใกล้ชิด ช่วงไหนที่ไม่มีฝนตกหรือน้ำลดยังสามารถเดินลงไปตามโขดหินเพื่อสัมผัสกระแสน้ำที่เงียบสงบ หรือว่ายน้ำท้าทายความเย็นได้อีกด้วย
เดินป่าไปชมน้ำตกคอซจัก (Kozjak Waterfall)
จากธารน้ำ Great Soča Gorge ขับมาต่อจนถึงทางแยก Bovec และ Ravni Laz จะสิ้นสุดเส้นทางขับรถ Vršič Pass ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าแวะพักแต่ละจุดนานแค่ไหน จากตรงนี้เราจะขับกันไปต่อเพื่อไปชมที่เที่ยวถัดไปนั้นก็คือน้ำตกคอซจัก โดยใช้ทางเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 203 เป็นพื้นที่เขต Bovec
น้ำตกคอซจักซ่อนตัวอยู่ในหน้าผาสูง 15 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมในช่องเขาของลำธารคอซจักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชุมชนโคบาริด (Kobarid) น้ำตกตั้งอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 20 นาที มีค่าจอดรถ 2.50 ยูโร
จากที่จอดรถเดินผ่านเส้นทางที่จัดไว้ซึ่งทอดยาวไปตามแม่น้ำโซชาที่สวยงามและเลี้ยวขึ้นเนินไปตามลำธารคอซจัก จะพบกับทางเข้าสำนักงานขายตั๋วในราคา 5 ยูโร ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินต่อไปยังน้ำตกผ่านเส้นทางที่จัดไว้ บางช่วงจะเป็นโขดหินแต่ยังเดินได้สะดวก จนในที่สุดก็มาถึงน้ำตกคอซจักที่สวยงาม มองเห็นได้จากสะพานไม้ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา
ชมน้ำตกแล้วก็เดินกลับมาผ่านเส้นทางเดิมมองเห็นแม่น้ำโซชา และมีสะพาน Brv čez Sočo ข้ามแม่น้ำเพื่อไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของ Soča สายน้ำนั้นใสบริสุทธิ์ดุจราวคริสตัลเลยทีเดียว ช่วงหน้าร้อนนักท่องเที่ยวมักมาว่ายน้ำกัน แต่อาจจะต้องเลือกมุมดีๆ เพราะบางช่วงกระแสน้ำค่อนข้างแรง ใกล้กับแม่น้ำโซชายังมีจุดชมวิว มองเห็นแม่น้ำโซชาที่มีฉากหลังเป็นภูมิเขารายล้อมด้วยทัศนียภาพที่งดงาม
แวะไปดูสะพานนโปเลียน (Napoleon’s Bridge)
ปิดท้ายการขับรถเที่ยว Vršič Pass ด้วยการแวะไปชมสะพาน Napoleon’s Bridge ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากน้ำตกประมาณ 10 นาที เดินไปได้จากที่จอดรถ ตรงนี้เราจะมองเห็นแม่น้ำโซชาซึ่งไหลยาวมาจากเส้นทางน้ำที่เราเดินไปชมน้ำตกก่อนหน้านี้
สะพานนโปเลียนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางสถาปัตยกรรมย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ. 1750 สะพานนี้ถูกทหารออสเตรียรื้อไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และถูกแทนที่ด้วยสะพานไม้ ตามด้วยสะพานเหล็ก ในช่วงศตวรรษที่ 18 กองทัพของนโปเลียนได้เดินขบวนที่ปลายสะพานจึงเป็นที่มาของชื่อสะพานแห่งนี้ รอบ ๆ สะพานจะมองทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำโซชา
ขับรถกลับไปยังที่พักในทะเลสาบเบลด
จากสะพานนโปเลียนก็เป็นอันสิ้นสุดทริปขับรถเที่ยว Vršič Pass เราขับรถกันต่อกลับไปยังที่พักในทะเลสาบเบลดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางค่อนข้างชันทีเดียวเพราะต้องผ่านป่าบนภูเขาก่อน (แต่ก็ขับได้ปลอดภัย) บางแห่งเป็นถนนตัดผ่านหมู่บ้านกลางหุบเขา ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ทะเลโบฮินจ์ถึงจะเป็นเส้นทางหลวงที่ขับสะดวกกว่า ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก ธรรมชาติของที่นี่คือยืนหนึ่งจริง ๆ ใครที่กำลังเลอยู่ว่ามาเที่ยวสโลวีเนียแล้วควรมาที่นี่ด้วยไหม เราชูป้ายไฟเชียร์ให้มาสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเอง
เรื่องน่ารู้ก่อนขับรถเที่ยว Vršič Pass สโลวีเนีย
- เตรียมน้ำและขนมไปเผื่อนั่งปิกนิกชมวิว
- ออกแต่เช้าประมาณเวลา 07:00-10:00 น. ช่วยหลีกเลี่ยงจำนวนรถยนต์ที่อาจเยอะในตอนสาย แต่ถ้าต้องการเดินป่าด้วยแนะนำให้ไปถึงที่จอดรถประมาณเวลา 09:00 น.
- ใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาทีโดยไม่หยุดพัก และอาจจะใช้เวลานานถึง 2-3 ชั่วโมงถ้าแวะพักทุกจุด ตัวเลือกที่ดีคือเผื่อเวลาไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อชมธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม
- มีที่ที่จอดรถใกล้กับทะเลสาบจัสนาและร้านกาแฟขนาดเล็ก รวมถึงที่จอดรถที่จุดสูงสุดของ Vršič Pass และร้านกาแฟขนาดเล็ก พร้อมเส้นทางเดินป่า
- เส้นทางขับรถขับไม่ยาก ใช้ความเร็วประมาณ 10 กม. ต่อชั่วโมง โค้งบางช่วงเป็นแบบหักศอกอาจจะไม่เหมาะกับรถบ้าน (พ่วง) โดยเฉพาะโค้งที่ 49 เป็นเส้นทางลงภูเขาต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ตรงทางโค้งถนนเป็นแบบหินกรวดและมีบล็อกหินสี่เหลี่ยมกั้นข้างถนนเพื่อความปลอดภัย และมีป้ายสีน้ำเงินบอกจำนวนโค้งและระดับความสูงตลอดเส้นทาง
- Vršič Pass มีเส้นทางเดินป่าไปยังยอดเขาหลายแห่ง เช่น Mala Mojstrovka (2332 ม.), Velika Mojstrovka (2366 ม.), Planja (2453 ม.), Prisojnik (Prisank) (2547 ม.), Razor (2601 ม.), Šitna glava (2087 ม.), Slemenova spica (1911 ม.), Sovna glava (1750 ม.) และ Suhi vrh (2109 ม.) เส้นทางบางแห่งอาจต้องไปกับทัวร์ที่มีความชำนาญการ
- ระหว่างทางมีที่พักบนภูเขาหลายแห่งเช่นกัน คือ Erjavčeva koča (1525 ม.), Tičarjev dom (1620 ม.), Koča na Gozdu (1226 ม.) และ Poštarski dom na Vršič (1688 ม.)
- นอกจากการขับรถใน Vršič Pass แล้วยังมีรถบัสของ Nomago ที่วิ่งระหว่างเส้นทาง Bovec-Vršič-Kranjska Gora ตารางเวลาจะเปลี่ยนไปในแต่ละปี หากต้องการเที่ยวด้วยรถบัสควรตรวจสอบเวลาเดินรถให้แน่ใจได้ที่ Nomago.si หรือการเดินทางโดยรถบัสผ่าน VRŠIČ PASS
สรุปขับรถเที่ยว Vršič Pass สโลวีเนีย
ถนน Vršič Pass มีความยาวทั้งหมด 43.4 กม. กิโลเมตร เป็นเส้นทางคดเคี้ยวที่ลัดเลาะไปตามยอดเขาที่เราจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม ระหว่างทางจุดมีแวะพักชมวิวที่สวยงามให้ได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตลอดจนชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์สะท้อนที่มาของถนนสายนี้ ก่อนจะทอดยาวลงสู่หุบเขา Soča พาไปสัมผัสแอ่งน้ำสีเขียวมรกตอันงดงาม ในตอนท้ายเราจะพบว่าได้ขับรถผ่านมาทั้งหมด 50 โค้งด้วยกัน แบ่งออกเป็นฝั่งครานสกากอรา 24 โค้ง และฝั่งเทรนตา 26 โค้ง และนั้นก็เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ารอให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
แผนที่ขับรถเที่ยว Vršič Pass สโลวีเนีย
กดดูและบันทึกแผนที่ขับรถเที่ยวสโลวีเนียเพื่อช่วยวางแผนการเดินทาง
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡