ต้องบอกเลยว่าไทเปเป็นเมืองหลวงยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไปเที่ยวกัน เพราะไม่ใช่แค่เมืองสวยน่าเที่ยวอย่างเดียว แต่ยังรวมที่เที่ยวทางธรรมชาติและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ที่สำคัญเรื่องกิน เรื่องชอป และการเดินทางสบายหายห่วง จะไปคนเดียว ไปกับกลุ่มเพื่อน ไปกับคนรัก หรือไปกับครอบครัวก็เป็นทริปที่ลงตัว
เอาเป็นว่าใครที่กำลังวางแผนเที่ยวไทเปอยู่ จะต้องชอบแผนเที่ยวไทเป 4 วันที่เรานำมาแชร์กันอยู่ไม่น้อย โดยรวมรีวิวตั้งแต่การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปไทเป ตลอดจนวิธีเดินทางจากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเป มาพร้อมที่เที่ยวมากกว่า 15 แห่ง ที่ครบรสทั้งแหล่งเที่ยวและแหล่งกิน และยังรวมวิธีเดินทางไปที่เที่ยวยอดนิยมในไต้หวัน แต่ละสถานที่ก็มีเรื่องน่ารู้ก่อนไปเยือนอีกด้วย ส่วนท้ายสุดเราจะบอกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริป และต้องกระซิบเลยว่าไม่แพงเลย
สำหรับการเที่ยวไทเปในทริปนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริปไต้หวัน 7 วัน ที่เราจะไม่ได้เที่ยวแค่ในไทเปอย่างเดียว แต่จะพาไปที่เที่ยวยอดนิยมในไต้หวันด้วย เช่น พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน (2 วัน) รวมเที่ยวเฟิ่นฉี่หู และนั่งรถไฟสายป่าอาลีซาน ครอบคลุมการเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะแบบเดย์ทริปอีกด้วย ใครที่สนใจอย่าลืมแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ → แผนเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง 7 วัน
สิ่งที่ต้องทำก่อนเดินทางไปไทเป
ตั๋วที่สามารถซื้อล่วงหน้าไว้ก่อนได้
ที่พักน่าสนใจในไทเป
ไทเปมีที่พักหลายระดับให้เลือก ตั้งอยู่ตามย่านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเขตซิ่นอี้ (Xinyi) ใกล้ตึกไทเป 101 เขตจงเจิ้ง (Zhongzheng) ย่านประวัติศาสตร์ใกล้สถานีไทเป เขตจงซาน (Zhongshan) แหล่งรวมร้านชอปปิงและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม รวมไปถึงซีเหมินเติง (Ximending) ย่านตลาดกลางคืนชื่อดังใกล้สถานีซีเหมินเติง
ถ้ากำลังมองหาที่พักราคาประหยัดและเดินทางสะดวกแนะนำให้พักในย่านจงซาน ซีเหมินเติง หรือสถานีไทเป เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน จะได้ไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกล อีกอย่างก็หาของกินง่าย ถ้าจะไปที่เที่ยวยอดนิยมในไทเปก็ต่อรถสะดวก
ที่พักน่าสนใจในเขตจงซาน → Stay Inn Taipei ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟ Shuanglian เพียง 5 นาที ห้องพักใหญ่มาก ยังแอบตกใจตอนไปถึง เพราะหรูกว่าที่คิดไว้ แล้วก็สะอาดด้วย มาพร้อมหน้าต่างและวิวเมือง ในห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ ทั้งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตู้เย็น กาต้มน้ำ ตู้เสื้อผ้า และโซฟา
ที่ชอบมากก็คือห้องน้ำกว้าง น้ำในฝักบัวไหลแรงดี ที่สำคัญคือมีชักโครกไฟฟ้าอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิได้ ถือว่าคุ้มเงินแล้ว ส่วนด้านล่างโรงแรมจะมี 7-11 แล้วก็คาเฟ่ที่กาแฟและแซนวิชมื้อเช้าอร่อยมาก ค่าที่พักจ่ายไป 2,372 TWD ตกคืนละประมาณ 790 บาท หารกัน 2 คนยิ่งถูกไปอีก นับว่าเป็นที่พักราคาประหยัดและเดินทางสะดวกที่น่าเก็บไว้พิจารณา
วิธีเดินทางในไต้หวันด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงเมืองใหญ่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยรถไฟความเร็วสูง (THSR) ซึ่งเชื่อมต่อเมืองสำคัญตามแนวชายฝั่งตะวันตกตั้งแต่ไทเปถึงเกาสงโดยใช้เวลาเพียง 90 นาที ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง 40-1,530 TWD (ที่นั่งมาตรฐาน)
ในขณะที่เครือข่ายรถไฟธรรมดา (TRA) จะครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ รวมถึงพื้นที่ชนบทและแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ แม้จะใช้เวลาที่นานกว่ารถไฟความเร็วสูง แต่มีรถไฟความเร็วพิเศษไว้บริการ เช่น Taroko Express, Tze-Chiang Ltd. Express (3000) และ Puyuma ทำให้เป็นตัวเลือกการเดินทางที่ค่อนข้างประหยัดกว่ารถไฟความเร็วสูง ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง 400-600 TWD ส่วนค่าโดยสารรถไฟธรรมดาจะอยู่ระหว่าง 20-100 TWD
ไต้หวันยังมีระบบระบบขนส่งมวลชน (MRT) ในไทเปและเกาสง ที่เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองอย่างรวดเร็ว และสามารถชำระค่าโดยสารโดยใช้ EasyCard หรือ iPASS ได้ด้วย โดยอัตราค่าโดยสารมาตรฐานจะอยู่ระหว่าง 20-65 TWD
นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางที่มีราคาถูก ประมาณ 15-30 TWD (เที่ยวเดียว) และสามารถเข้าถึงจุดต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงเช่นกัน
แผนเที่ยวไทเปด้วยตัวเอง 4 วัน
เที่ยวไทเป (Day 3)
เที่ยวไทเป (Day 4)
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง → วันที่ 1
(เดินทางเข้าเมืองไทเป + วัดหลงซาน + ตลาดกลางคืนซีเหมินเติง)
วันที่ 1 ของการเที่ยวไทเป เราจะเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปไทเป ด้วยสายการบินแอร์เอเชียเวลา 07:45 น. การเดินทางใช้เวลา 3 ชม. 35 นาที ไปถึงสนามบินเถาหยวนเวลา 12:20 น. ค่าตั๋วเครื่องบินประมาณ 8,8XX บาท (ไปกลับ) จองล่วงหน้า 3 เดือน ถ้าจองช่วงโปรโมชันราคาอาจจะถูกกว่านี้ โดยรวมถือว่าเป็นตัวเลือกราคาประหยัดที่ดี สำหรับใครที่อยากเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นมาอีกลองบินไปกับอีวา เคยนั่งจากอัมสเตอร์ดัมกลับไทยบ่อย ๆ มีเที่ยวบินตรง ได้น้ำหนักกระเป๋าเยอะ บริการดี แล้วก็ไม่ค่อยดีเลย์
เที่ยวบินของแอร์เอเชียจากกรุงเทพฯ จะมาลงที่สนามบินเถาหยวน เทอร์มินอล 1 จากนั้นเดินตามป้ายไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองจะเจอกับแถวรอตรวจกระเป๋าก่อน ถ้าช่วงไหนที่ไฟล์ทลงเยอะ ๆ แถวอาจจะยาวหน่อย แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้รอนานมาก แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ก่อนเดินทางเข้าเมืองประมาณ 1-2 ชั่วโมง อย่าลืมปรับเวลาด้วยน๊า เพราะไทเปเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง
ตรงแถวรอเข้าด่านจะมีป้ายของต้องห้ามที่ต้องสำแดงด้วย ถ้าเป็นพวกผลไม้ไม่ให้นำเข้า มีค่าปรับ 3,000 TWD แต่ถ้าเป็นของต้องห้ามค่าปรับ 30,000 TWD เจ้าที่วางถาดสำหรับใส่ของให้เรียบร้อย เราก็แค่วางของลงในถาดเท่านั้น แต่ถ้าไม่มีของต้องห้ามก็วางแค่กระเป๋าเดินทางแล้วก็เดินเข้าช่องตรวจได้เลย
พอผ่านช่องตรวจกระเป๋าแล้วก็จะเป็นด่านตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนที่กรอกใบ ตม. มาเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ช่อง Non-Citizens ยื่นพาสปอร์ตแล้วก็บอร์ดดิ้งผ่านของสายการบินที่เราเดินทางมาด้วยได้เลย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะมีข้อมูลในระบบแล้ว
เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้วก็ไปรอรับกระเป๋า (ตรงนี้มีเคาน์เตอร์รับแลกเงินของเจ้าสีชมพูด้วย) ถ้าแลกมาจากไทยแล้วก็ผ่านไปได้เลย พอเดินออกมานิดหนึ่งจะเจอกับเคาน์เตอร์ขายซิมการ์ดเยอะมาก แนะนำให้ซื้อของชองวา สัญญาณดี ราคาไม่แพง ถ้าซื้อออนไลน์มาก่อนก็เอาไปแลกที่เคาน์เตอร์ Klook ได้เช่นกัน (ดูรูปภาพประกอบ) แต่ถ้าไม่ได้ซื้อมาก็ซื้อจากตรงนี้ได้ ใช้หนังสือเดินทางประกอบและเซ็นสัญญาการใช้งาน เจ้าหน้าที่จะช่วยเปิดใช้งานซิมให้ จ่ายเงินเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ จากนั้นก็ไปลุ้นรางวัล อยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ขายซิม
สำหรับการร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลง่ายมาก เพียงเดินไปต่อแถวให้เจ้าหน้าที่สแกนตั๋วแล้วก็ร่วมสนุกได้เลย เราเลือกรางวัลเป็น EasyCard ปรากฏว่าไม่ได้ เพื่อนที่ไปด้วยกัน 3 คน เลือกเป็นอีซี่การ์ดเหมือนกันก็ไม่มีใครได้เลย ใครที่กำลังจะลงทะเบียนเร็ว ๆ นี้ ลองเลือกเป็นเวาเชอร์ที่พักเผื่อจะโชคดี เพราะเห็นรีวิวหลายคนก็ได้ที่พักเยอะเหมือนกัน อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ลองเสี่ยงดวงกันได้
ลุ้นรางวัลแล้วก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ Klook เพื่อซื้อบัตร EasyCard สำหรับใช้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเข้าเมือง (ถ้าซื้อออนไลน์มาล่วงหน้าให้ยื่นเวาเชอร์เพื่อรับบัตรจริงได้ที่นี่เช่นกัน) ราคาบัตร 150 TWD อาจจะไม่มีหลายลายให้เลือก ถ้าอยากได้หลายสวย ๆ อาจต้องไปรอซื้อในร้านสะดวกซื้อแทน เมื่อได้บัตรมาแล้วก็เดินตามป้ายที่เขียนว่า “Metro” ไปเรื่อย ๆ จะเจอกับสถานีรถไฟใต้ดินเถาหยวน
จากนั้นนำบัตร EasyCard ไปเติมเงินที่ตู้สีฟ้า (ที่อยู่ติดกับตู้สีม่วง) เพราะว่าตอนที่ซื้อมาจะไม่มีเงินในนั้น วิธีเติมเงินเพียงวางบัตร EasyCard ลงบนจุดอ่านการ์ด จากนั้นเลือกเติมเงินและชำระเงิน (เครื่องรับเฉพาะธนบัตรเท่านั้น และไม่มีทอน) และรอจนกว่าระบบจะอ่านข้อมูลเสร็จก็รับบัตรเพื่อไปสแกนที่ประตูทางเข้า
วิธีเดินทางจากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเป
วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางจากสนามบินเถาหยวนไปไทเปคือการนั่งรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีข้อดีคือสะดวกและไม่ต้องเปลี่ยนรถให้ยุ่งยาก โดยจะมี 2 ประเภท คือ รถไฟใต้ดินขบวนเร็ว สายสีม่วง (Express) และขบวนธรรมดา สายสีฟ้า (Commuter) ทั้งสองสายค่าโดยสารเท่ากัน 150 TWD แต่จะต่างกันที่เวลาเดินทางเท่านั้น ซึ่งสายสีม่วงจะเร็วกว่าเพราะไม่ต้องจอดทุกสถานี (46 นาที) ในขณะที่สายสีฟ้าจะช้ากว่าเพราะจอดทุกสถานี (1 ชั่วโมง 2 นาที) รถไฟให้บริการเวลา 05:58-00:39 น. ความถี่เฉลี่ยรอบละ 15 นาที
ค่าโดยสารรถไฟใต้ดินจากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเปสามารถจ่ายได้ 3 วิธี คือ ใช้บัตร EasyCard ซื้อเหรียญเดินทาง หรือจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต สะดวกทั้ง 3 วิธี
บัตร EasyCard:
- ซื้อบัตรที่เคาน์เตอร์ Klook หรือที่ตู้อัตโนมัติสีฟ้า
- เติมเงินในบัตรและใช้บัตร EasyCard เพื่อขึ้นรถไฟ
เหรียญเดินทาง (Tokens):
- ซื้อเหรียญที่ตู้อัตโนมัติสีม่วง
- สแกนเหรียญที่ประตูทางเข้าช่องที่เขียนว่า “Single-Journey Ticket”
บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต:
- วางบัตรบนแถบอ่านการ์ดที่ประตูทางเข้า
- รองรับอุปกรณ์ที่ใช้แอปพลิเคชันการชำระเงินผ่านมือถือ เช่น Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay
เมื่อสแกนบัตรหรือเหรียญเดินทางที่ประตูทางเข้าแล้ว ให้เดินเลี้ยวขวาลงบันไดเลื่อน เพื่อไปรอขึ้นรถที่ชาญชลาหมายเลข 2 (ฝั่งซ้ายมือ) ซึ่งเป็นเส้นทางไปยัง Taipei Main Station
ในขณะที่ฝั่งขวามือจะเป็นชาญชลาหมายเลข 1 เส้นทาง Zhongli สำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปต่อรถไฟความเร็วสูงไปเมืองไถจงที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน (THSR Taoyuan)
รถไฟใต้ดินออกตรงเวลา ในรถไฟมีที่นั่งและจุดวางกระเป๋าเดินทาง ถ้าคนเยอะที่นั่งเต็มก็ต้องยืน ระหว่างทางก็ดูวิวบ้านเมืองเพลิน ๆ โดยรวมแล้วสะดวกสบายและรวดเร็ว
นอกจากการรถไฟใต้ดินเถาหยวน ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกในการเดินทางไปยังไทเปคือการขึ้นรถบัสสาย 1819 จากสนามบินเถาหยวนตรงไปยังใจกลางเมืองไทเป รถบัสจะให้บริการจากจากเทอมินอล 1 และ 2 และไปสิ้นสุดที่สถานี Taipei Station (East 3) รวมทั้งหมด 7 ป้าย การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชม. รถบัสให้บริการเวลา 00:10-23:30 น. ความถี่ทุก ๆ 20-30 นาที ค่าตั๋ว 140 TWD (EasyCard หรือ iPass)
จากสถานีไทเปต่อไปย่านที่พัก
หลังเดินทางมาถึงสถานีไทเปนักท่องเที่ยวสามารถต่อรถไฟใต้ดินสายต่าง ๆ ไปยังที่พักสะดวก ไม่ว่าจะเป็นย่านจงซาน ซีเหมินเติง หรือสถานีไทเป โดยใช้บัตร EasyCard ที่ซื้อมา
- ไปย่านจงซาน → ให้ต่อรถไฟใต้ดินสายสีแดง (Tamsui-Xinyi Line) อีก 1-2 สถานี ไปลงที่สถานี Songshan หรือ Shuanglian (20 TWD / 2-5 นาที)
- ไปย่านเหมินเติง → ให้ต่อรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน (Bannan Line) อีก 1 สถานี ไปลงที่สถานี Ximen และใช้ทางออกหมายเลข 6 ที่อยู่ด้านหน้าถนนสายรุ้ง (20 TWD / 2 นาที)
- ไปย่านสถานีไทเป → ใช้ประตูทางออกที่อยู่ใกล้กับที่พักแล้วนั่งรถบัสหรือเดินไป
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: วัดหลงซาน (Lungshan Temple)
เก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ต่อมาเราก็จะเริ่มเที่ยวไทเปกัน โดยที่เที่ยวในวันแรกเราจะเริ่มกันที่วัดหลงซาน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในไต้หวัน สร้างขึ้นในปี 1738 โดยผู้ตั้งถิ่นฐานจากฝูเจี้ยนในสมัยราชวงศ์ชิง เพื่อถวายสักการะแด่เจ้าแม่กวนอิม และยังทำหน้าที่เป็นสถานที่สักการะบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าหลายองค์
วัดหลงซานขึ้นชื่อในเรื่องการมากราบไหว้ขอพรด้านต่าง ๆ ทั้งการเรียน การงาน การเดินทาง และความรัก เพราะเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าหลายองค์จากศาสนาพุทธ เต๋า ขงจื้อ รวมถึงเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้ากวนอู และเทพเย่ว์เหล่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผู้เฒ่าจันทรา” ที่มีชื่อเสียงเรื่องการขอพรความรัก เราจึงเห็นชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่แวะเวียนมาสักการะและขอพรจากวัดหลงซานอยู่เป็นประจำ
ประตูทางเข้าวัดหลงซานเรียกว่า “ประตูมังกร” ตั้งอยู่ฝั่งขวามือ ขณะที่ฝั่งซ้ายมือเป็นประตูทางออกเรียกว่า “ประตูเสือ” ตั้งอยู่ใกล้กับจุดซื้อเครื่องรางวัดหลงซาน เมื่อเดินผ่านประตูมังกรเข้ามาจะพบกับพื้นที่ด้านในวัด ที่ไม่เพียงแต่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตระการตา แต่บรรยากาศยังทำให้รับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญแม้จะมีผู้ที่แวะเวียนมาสักการะเป็นประจำ แต่ก็ยังมีความเป็นระเบียบและไม่วุ่นวาย
ด้านในวัดหลงซานมีขนาดใหญ่พอสมควรและแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน เมื่อเริ่มเดินจากทางซ้ายมือจะพบกับพื้นที่โต๊ะบูชา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปของศาสนาพุทธ ส่วนทางขวามือเป็นส่วนกลางของวัด เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งเป็นเทพเจ้าหลักของวัดหลงซาน
พระโพธิสัตว์กวนอิมประทับนั่งบนบัลลังก์ดอกบัวในห้องโถงที่ตกแต่งอย่างประณีตด้วยงานแกะสลักและเสามังกร ทางด้านซ้ายและขวาเราจะเห็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์เหวินซู่ และพระโพธิสัตว์ปูเซียนพร้อมด้วยผู้พิทักษ์เว่ยโถวและเจียหลาน นักท่องเที่ยวสามารถเดินวนไปตามระเบียงเพื่อขอพรหรือชมความสวยงามจากด้านนอกได้
เมื่อเดินผ่านส่วนกลางของวัดหลงซาน จะพบกับประตูทางเข้าที่นำไปยังพื้นที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานแท่นบูชาที่อุทิศให้กับเทพองค์ต่าง ๆ เช่น เช่น Mazu (เทพีแห่งท้องทะเล) Wenchang Dijun (เทพเจ้าแห่งวรรณกรรม) และ Zhusheng Niangniang (เทพีแห่งการกำเนิดและความอุดมสมบูรณ์) และเทพเย่ว์เหล่าสำหรับขอพรเรื่องความรัก
การขอพรที่นี่เริ่มจากขวามือวนไปทางซ้ายสุด แล้วนำธูปกลับมาปักที่กระถางด้านหน้าโต๊ะบูชา (ปัจจุบันไม่ใช้ธูปแล้วเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม)
หลังจากสักการะและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดหลงซานแล้ว ก่อนถึงประตูทางออกจะมีจุดขายเครื่องรางต่างๆ สำหรับนำกลับไปบูชา เครื่องรางมีหลายแบบพร้อมป้ายคำอธิบายภาษาจีนและภาษาไทย และยังสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมตามหมวดหมู่ได้ ราคาเครื่องรางเริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพัน
ใครที่ซื้อเครื่องรางอย่าลืมนำไปวนสามรอบตามเข็มนาฬิกาที่กระถางด้านหน้าโต๊ะบูชาเพื่อเป็น “การเปิดใช้งาน” ตามความเชื่อทางศาสนาของวัดหลงซาน
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ถนนสายรุ้ง (Rainbow Road)
ถนนสายรุ้งเป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตในย่านซีเหมินเติง ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดินซีเหมินเติง ฝั่งทางออกหมายเลข 6 เดินออกมาก็จะเจอเลย ถนนนี้ยาวไม่มากนัก แต่กลับดึงดูดความน่าสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่จะพลุ่กพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างก็มารอถ่ายภาพ มาเดินตลาดกลางคืน ทั้งยังมีการเต้นโคฟเวอร์และการแสดงดนตรีสดบนถนนสายนี้อีกด้วย
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ตลาดกลางคืนซีเหมินเติง (Ximending Night Market)
ชมถนนสายรุ้งแล้วอย่าลืมมาเดินตลาดซีเหมินเติงกันต่อ ตลาดนี้เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของไทเป มีขนาดใหญ่มากและมีตรอกซอยหลายแห่ง ทุกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารน่าแวะ ตอนกลางคืนคนเยอะมาก มีการแสดงเปิดหมวกด้วย บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนที่มาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อของ นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ชอปปิง และลิ้มลองอาหารท้องถิ่น
อาหารน่าทานเมื่อมาเยือนตลาดซีเหมินเติงมีอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นที่ไม่ควรพลาดก็คือ “บะหมี่อาจง” (Ay-Chung Flour-Rice Noodle) เป็นร้านเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1975 ขึ้นชื่อเรื่องบะหมี่แป้งข้าวเจ้าที่เหนียวนุ่มและน้ำซุปที่เข้มข้น ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินซีเหมินเติง ถ้าเดินจากประตูทางออกที่ 6 ตรงไปจนสุดถนนก็จะเจอร้านตั้งอยู่ซ้ายมือเลย
ร้านนี้ต้องบอกว่าคนต่อคิวเยอะมาก มีบะหมี่ให้เลือก 2 แบบ คือ ขนาดเล็ก 60 TWD และขนาดใหญ่ 75 TWD พนักงานทำเร็วมาก แบบตักเส้น ใส่น้ำซุป พร้อมเสิร์ฟในถ้วยกระดาษ เรารอไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ทาน รสชาติคล้ายกระเพาะปลา อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม แต่ถ้าอยากปรุงเพิ่มจะมีน้ำส้มสายชู กระเทียม แล้วก็พริก อีกอย่างร้านไม่มีที่นั่งนะคะ ต้องยืนทาน ถ้าทานช่วงอากาศเย็นอุ่นท้องกำลังดี
นอกจากนี้ยังมีอาหารน่าทานหลายอย่างในตลาดซีเหมินเติง เราลิสต์มาให้เผื่อไปตามกันต่อ:
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง → วันที่ 2
(Yehliu + Jiufen)
เชื่อเลยว่าแผนเที่ยวไทเปของใครหลายคน ต้องมีที่เที่ยวอย่างเย่หลิวและจิ่วเฟิ่นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองแห่งไม่ใช่แค่สวยจนน่าเยือนไปด้วยตัวเอง แต่ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากไทเปประมาณ 40 กม. และมีรถบัสสายตรงเดินทางไปถึงที่นั้นเลย ดังนั้นแผนการเที่ยววันที่ 2 เราจะพาไปเที่ยวเย่หลิ่วและจิ่วเฟิ่นด้วยกัน
วิธียอดนิยมในการเที่ยวเย่หลิวและถนนโบราณจิ่วเฟิ่นก็คือไปแบบเดย์ทริป โดยเริ่มต้นที่เย่หลิ่วก่อน ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. จากนั้นเดินทางต่อไปยังถนนโบราณจิ่วเฟิ่น พอไปถึงก็ตกบ่ายพอดี มีเวลาเดินเล่น 3-4 ชั่วโมงจนค่ำ ได้เห็นแสดงไฟประดับที่สวยตามร้านน้ำชา แล้วค่อยเดินทางกลับไทเปตอนเย็น มีเวลาไปเดินตลาดกลางคืนในไทเปต่อ วิธีนี้นับว่าเป็นแผนที่ลงตัว เพราะได้เห็นที่เที่ยวทั้งสองแห่งในเวลาที่ไม่เร่งรีบ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง
เที่ยวอุทยานธรณีเย่หลิ่ว (Yehliu Geopark)
อุทยานธรณีเย่หลิวเป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มีความยาวประมาณ 1,700 เมตร ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของไต้หวัน เป็นดินแดนมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่มีชื่อเสียงจากหินรูปร่างแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นหินเศียรราชินี หินเจ้าหญิงขี้เล่น และหินเห็ด ฯลฯ ซึ่งถูกกัดเซาะมาเป็นเวลานับพันปี จากคลื่นทะเลและลม อีกทั้งยังรวมไปถึงการเคลื่อนตัวของธรณีวิทยา จนทำให้เกิดอุทยานธรณีเย่หลิวแบบที่เราเห็นอยู่นั้นเอง
วิธีเดินทางไปเย่หลิว (Taipei → Yehliu)
วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดไปยังเย่หลิวคือการนั่งรถบัสสายตรง 1815 จากไทเป รถจะวิ่งจากใจกลางเมืองผ่านเขตซีจื้อของเมืองนิวไทเป รวมถึงเขตชีตูและอันเล่อของเมืองจีหลง รวมทั้งหมด 59 ป้าย โดยจะจอดที่เย่หลิวป้ายที่ 42
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 90 นาที รถบัสวิ่งเวลา 07:00-23:10 น. ความถี่ทุก ๆ 10-20 นาที (ชั่วโมงเร่งด่วน) และ 20-30 นาที (ชั่วโมงปกติ) ค่าตั๋ว 99 TWD (EasyCard หรือ iPass)
จุดขึ้นรถบัส 1518 จะอยู่ที่ Kuo-kuang Motor Transport Taipei Main Station ฝั่งทางออกหมายเลข M2 (กดเพื่อดูแผนที่) เมื่อเดินออกจากสถานีก็จะเจอกับป้ายจอดรถเลย
หลังเดินทางมาถึงเย่หลิวรถจะจอดที่ป้ายบนถนนฝั่งตรงข้ามกับทางเข้า ให้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง จากนั้นเดินตามถนนตรงไปอีก 12 นาที ผ่านท่าเรือประมงเย่หลิวและวัดเย่หลิวเป่าอานก็จะเจอกับทางเข้าอุทยานธรณีเย่หลิวอยู่ทางซ้ายมือ
ซื้อตั๋วเข้าชมเย่หลิว
อุทยานธรณีเย่หลิวมีค่าเข้าชม 120 TWD สามารถซื้อได้ที่สำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว จ่ายได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด นักท่องเที่ยวยังสามารถ → ซื้อตั๋วเข้าชมเย่หลิวได้ล่วงหน้า แล้วนำเวาเชอร์มาสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับตั๋วฉบับจริงได้ที่นี่ สะดวกเหมือนกัน พอได้ตั๋วแล้วก็เดินวนไปทางด้านหลังสำนักงานบริการข้อมูลเพื่อแกนตั๋วที่ประตูทางเข้า แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาทีก็จะเจอกับเขตอุทยานธรณีเย่หลิวที่ยื่นออกไปในทะเล เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08:00-17:00 น.
เที่ยวเย่หลิวทำอะไรได้บ้าง
กิจกรรมหลักในการเที่ยวเย่หลิวก็คือการเดินชมหินที่มีรูปร่างแปลกตา โดยเฉพาะ “Queen’s Head” ซึ่งเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ มีลักษณะคล้ายกับเศียรของราชินี (ถ้าใครอยากถ่ายรูปกับหินนี้แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้า เพราะคิวต่อแถวยาวมาก) รวมไปถึงหินที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น หินรูปหัวใจ หินไอศกรีม หินทรงกระบอกที่ดูเหมือนเทียน หินรูปร่างคล้ายรองเท้า แล้วก็หินรูปร่างคล้ายเห็ด ฯลฯ
นอกจากการเดินชมหินรูปร่างแปลกตาแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าสำหรับชมทิวทัศน์ที่สวยงามของแหลมทะเลอีกด้วย จุดเริ่มต้นจะอยู่ใกล้กับร้านขายหนังสือ เส้นทางเดินง่ายแต่อาจจะแคบนิดหนึ่ง ถ้าเดินไปเรื่อยๆ จะเจอกับประภาคารเดินเรือ มีจุดชมนก และจะไปสิ้นสุดที่จุดชมวิวปลายเส้นทาง มองเห็นทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เมื่อชมอุทยานธรณีเย่หลิวเสร็จแล้วสามารถใช้ประตูทางออกด้านขวามือที่จะนำเรากลับไปยังสำนักงานบริการข้อมูล ระหว่างทางจะเจอกับร้านค้าหลายแห่ง ขายทั้งอาหารเครื่องดื่มและของที่ระลึก ถ้าหิวหรืออยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็แวะไปเดินดูกันได้
เที่ยวถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street)
หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไต้หวัน ตั้งอยู่บนภูเขาสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องตรอกซอกซอยแคบ ๆ ของเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยร้านน้ำชา แผงขายอาหารริมทาง และร้านขายของที่ระลึก ใกล้กับใจกลางเมืองเก่ายังมีโรงละครจากปี ค.ศ. 1900 รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำ ซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองในฐานะศูนย์กลางการทำเหมืองแร่ในช่วงยุคตื่นทองของญี่ปุ่นอีกด้วย
วิธีเดินทางไปจิ่วเฟิ่น จากเย่หลิ่ว (Yehliu → Jiufen )
วิธีเดินทางไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) จากเย่หลิ่วที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถบัสสาย 790 (เส้นทาง Jinshan → Keelung) ไปลงที่จีหลง ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection (30 TWD / 59 นาที) และต่อรถบัสสาย 788 ไปยังถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (30 TWD / 53 นาที)
จุดขึ้นรถบัส 790 จะอยู่ที่ป้ายเย่หลิว (กดเพื่อดูแผนที่) ตรงถนนฝั่งตรงข้ามทางเดินไปยังอุทยานธรณีเย่หลิว นอกจากรถบัสสาย 790 แล้ว ยังมีรถบัสสาย 862 ที่วิ่งจากเย่หลิวมาที่ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection เช่นกัน โดยจะวิ่งมาจอดฝั่งเดียวกับถนนนี้โดยไม่ต้องข้ามถนนเลย
ส่วนจุดขึ้นรถบัส 788 จะอยู่ที่ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection (กดเพื่อดูแผนที่) ถ้ามาจากสถานีรถไฟ TRA จีหลง สามารถเดินตามถนน Zhongyi ไป 4 นาทีจะเจอกับป้ายรถเมล์นี้ สำหรับใครที่มาจากเย่หลิวด้วยรถบัส 790 สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปก็จะเจอกับป้ายรถเมล์นี้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางจากไทเปไปจิ่วเฟิ่นเลย มีรถบัสสาย 1062 ตรงจากใจกลางเมืองไทเปไปยังจิ่วเฟิ่น (94 TWD/ 1 ชม.) หรือนั่งรถไฟ TRA ไปลงที่จีหลงก่อน (76 TWD/ 1.10-1.30 ชม.) จากนั้นต่อรถบัสสาย 788, 825, 827, 856, 965 และ 1062 ไปลงที่จิ่วเฟิ่น (15 TWD/ 15 นาที)
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: ทำอะไรได้บ้าง
ถนนโบราณจิ่วเฟิ่นมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเลือกทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินสำรวจตรอกซอกซอยอันมีเสน่ห์ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เหมาะสำหรับการลิ้มลองอาหารริมทางชื่อดังของจิ่วเฟิ่น เช่น บัวลอยเผือก ลูกชิ้นสูตรโบราณ เต้าหู้เหม็น ไอศกรีมถั่วตัด และไส้กรอกย่าง อย่าลืมแวะไปจิบชายามบ่ายอย่างผ่อนคลายที่ร้านน้ำชาแบบดั้งเดิม ร้านที่มีชื่อเสียง คือ ร้านน้ำชา A-Mei Teahouse และ Jiufen Teahouse ทั้งสองร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน
อิ่มท้องแล้วถ้าอยากชมวิวสวย ๆ ก็มีให้ดูที่ Jiufen Cats Viewpoint เป็นแหล่งรวมน้องแมวจิ่วเฟิ่นที่มาพร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาโดยรอบและมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าอยู่เที่ยวจนถึงตอนเย็นยังจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ยามค่ำคืนของถนนโบราณจิ่วเฟิ่นที่ประดับประดาด้วยโคมไฟ สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นสถานที่ราวกับในเทพนิยาย
ถ้ามีเวลาเหลือลองแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำจิ่วเฟิ่น เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทำเหมืองทองคำในพื้นที่ผ่านนิทรรศการและสิ่งประดิษฐ์หลายแขนง รวมไปถึงสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ถนนโบราณซือเฟิ่นและน้ำตกซือเฟิ่น ที่เรียกกันว่า “ไนแอการาน้อยแห่งไต้หวัน”
วิธีเดินทางกลับจากจิ่วเฟิ่น (Jiufen →)
เมื่อเที่ยวจิ่วเฟิ่นเสร็จแล้ว มีวิธีเดินทางกลับไทเปหรือซีเหมินเติงได้ 3 รูปแบบ คือ นั่งรถบัสสายตรงไปที่ใจกลางเมืองเลย หรือนั่งรถบัสไปลงที่สถานีรุ่ยฟางและต่อรถไฟ TRA ไปลงไทเป หรือใช้บริการรถแท็กซี่ไปลงที่สถานีรุ่ยฟางและต่อรถไฟ TRA ไปลงไทเป ดังรายละเอียด
- จากจิ่วเฟิ่นไปไทเป → นั่งรถบัส 1062
- จากจิ่วเฟิ่นไปซีเหมินเติง → นั่งรถบัส 965
- จากจิ่วเฟิ่นไปรุ่ยฟาง → นั่งรถบัส 788, 965, 1062 → TRA รุ่ยฟาง → แล้วต่อ TRA กลับไทเป
- จากจิ่วเฟิ่นไปรุ่ยฟาง → นั่งรถแท็กซี่ (220 TWD) → TRA รุ่ยฟาง → แล้วต่อ TRA กลับไทเป
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง → วันที่ 3
(เที่ยวในไทเป)
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market)
วันที่ 3 ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเดินตลาดปลาไทเป หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Addiction Aquatic Development” (AAD) ซึ่งรอบแรกที่มาไทเปเราพลาดไป รอบนี้จึงไม่พลาดแน่นอน
ตลาดปลาไทเปตั้งอยู่ในเขตจงซาน เป็นทั้งตลาดอาหารทะเลและศูนย์รวมร้านอาหารที่ทันสมัย โดยผสมผสานระหว่างตลาดปลาแบบดั้งเดิมกับร้านอาหารหรูหรา มอบประสบการณ์อาหารทะเลสดใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนรักอาหารทะเลที่ต้องการเพลิดเพลินกับปลาสด ซูชิ และอาหารเลิศรสอื่น ๆ ในบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและทันสมัย
ตลาดปลามีขนาดไม่ใหญ่มาก แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซน เมื่อเดินมาจากทางเข้าจะเป็นส่วนของอาหารทะเลสดหลากหลายชนิด เช่น ปลา หอย ปู และอื่น ๆ ซึ่งสามารถซื้อกลับบ้านหรือให้ปรุงอาหารที่ตลาดก็ได้
หากเดินผ่านโซนอาหารทะเลสดไปจะพบกับบาร์ซูชิและซาซิมิหลายแห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับซูชิและซาซิมิสด ๆ ที่ปรุงโดยเชฟฝีมือดี ถ้ามาแต่เช้าบาร์อาจจะยังไม่เปิด โดยบาร์ซูชิและซาซิมิจะเปิดประมาณ 10:30 โมงเช้า แต่มีพ่อครัวจัดเตรียมอาหารอยู่ ใครที่อยากทานซูชิสด ๆ จากเชฟอาจจะต้องรอหน่อย นอกจากบาร์ซูชิแล้วยังมีอาหารทะเลย่างและสุกี้ยากี้ให้ปรุงอาหารทะเลตามความชอบอีกด้วย ซึ่งจะเปิดประมาณ 11:00 น.
ถัดจากบาร์ซูชิจะเป็นพื้นที่แผงขายอาหารและข้าวกล่อง มีอาหารทะเล ของว่าง และเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้ออาหารทะเลสด ๆ หรือปรุงเสร็จแล้วกลับไปทานที่บ้านหรือทานระหว่างเดินทาง
ในขณะที่โซนสุดท้ายจะเป็นส่วนของร้านขายของชำเฉพาะทาง มีสินค้านำเข้า และวัตถุดิบคุณภาพสูง รวมไปถึงผักและผลไม้ และผลิตภัณฑ์ของฝากต่าง ๆ ที่สามารถหาอาหารและวัตถุดิบคุณภาพดีจากทั่วโลกได้
ราคาอาหารที่ตลาดปลาไม่แพงมาก โดยบาร์อาหารทะเลมีเมนูตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพัน และสามารถเลือกเป็นเซตได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนข้าวกล่องราคาก็โอเค อาจจะแพงกว่าร้านสะดวกซื้อนิดหน่อย แต่หน้าตาก็ดูน่าทานเชียว โดยรวมแล้วต้องบอกว่าบรรยากาศดี ราคาสมเหตุสมผลกับความสดใหม่ของวัตถุดิบ ใครที่ชอบอาหารทะเลอย่าลืมแวะไปด้วยตัวเอง
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: อนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)
จากตลาดปลาเราจะเดินทางไปที่อนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองไทเป ตั้งอยู่ในเขตจงเจิ้ง และสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค อนุสาวรีย์นี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่งดงามและสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศดีน่าเดินเล่น
จุดเด่นของอนุสาวรีย์เจียงไคเช็คคืออาคารหลักของอนุสรณ์สถาน ซึ่งมีโครงสร้างสีน้ำเงินและสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 15,000 ตารางเมตร และสูง 70 เมตร การออกแบบของอนุสรณ์สถานได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมจีนดั้งเดิม โดยมีหลังคาทรงแปดเหลี่ยมที่โดดเด่น ภายในอาคารหลักมีรูปปั้นหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ของเจียงไคเช็คในท่านั่ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงห้องโถงหลักได้โดยการขึ้นบันได 89 ขั้น ผ่านประตูทองแดงที่งดงาม
ชั้นล่างของอนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค มีห้องสมุดที่นำเสนอประวัติของเจียงไคเช็ค รวมถึงการแสดงของสะสมต่าง ๆ เช่น รถยนต์ หนังสือ และของสะสมอื่น ๆ นิทรรศการส่วนใหญ่จัดขึ้นเป็นภาษาจีน แต่ก็มีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสะดวกในการเข้าใจ นอกจากนี้ใกล้กับพื้นที่จัดนิทรรศการนี้ยังมีที่ทำการไปรษณีย์ ถ้าชื่นชอบการสะสมแสตมป์หรือกำลังรวบรวมตราปั๊มฟรีในไต้หวัน ลองแวะไปที่นี่เพื่อขอตราปั๊มและซื้อแสตมป์ที่น่าสนใจได้
เรื่องน่ารู้: ภายในอนุสาวรีย์เจียงไคเช็คมีพิธีเปลี่ยนเวรยามทุกชั่วโมง ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 09:00-17:00 น. รวมทั้งหมด 9 ครั้งต่อวัน โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
จากระเบียงของอนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค จะสามารถมองเห็นจัตุรัสลิเบอร์ตี้ ซึ่งเป็นลานกว้างที่มีสวนสาธารณะและสระน้ำขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเดินเล่นและถ่ายภาพ จัตุรัสนี้ถูกโอบล้อมด้วยอาคาร 2 หลัง ได้แก่ โรงละครแห่งชาติและหอแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของอนุสรณ์สถานตามลำดับ
โรงละครแห่งชาติและหอแสดงคอนเสิร์ตใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงและงานวัฒนธรรมต่าง ๆ และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ผ่านทัวร์ไกด์ ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับทั้งสองแห่ง รวมถึงลานบันไดหลัก การเข้าชมทัวร์ใช้เวลาประมาณ 60-70 นาที ค่าตั๋วอยู่ที่ 150 TWD
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ตึกไทเป 101 (Taipei 101)
ตึกไทเป 101 เป็นแลนด์มาร์คที่ยิ่งใหญ่ของไทเป ตั้งอยู่ในเขตซินยี่ อาคารแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นตึกระฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของไต้หวัน แต่ยังมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยมีความสูง 508 เมตร และมีทั้งหมด 101 ชั้น ได้รับการออกแบบโดยใช้วิวัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้สามารถทนต่อพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของตึกไทเป 101 คือหอสังเกตการณ์ ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพ 360 องศาที่สวยงามของเมืองไทเปและบริเวณโดยรอบได้ โดยจุดชมวิวในร่มบนชั้น 89 มอบทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเมืองไทเปและพื้นที่โดยรอบ
ส่วนจุดชมวิวกลางแจ้งบนชั้น 91 มอบประสบการณ์กลางแจ้งที่น่าตื่นเต้นหากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ในวันที่อากาศแจ่มใส วิวทิวทัศน์จะสวยงามตระการตาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ของเมือง ภูเขา หรือแม้แต่แนวชายฝั่งที่อยู่ไกลออกไป
การเยี่ยมชมจุดชมวิวนี้ก็สะดวกเช่นกัน เพียงซื้อบัตรเข้าจุดชมวิวบนตึกไทเป 101 ล่วงหน้า จากนั้นขึ้นไปยังชั้นที่ 5 เพื่อแสดงตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ ชั้นนี้จะมีลิฟต์ความเร็วสูงซึ่งสามารถพาผู้โดยสารไปยังชั้น 89 ได้ภายในเวลาเพียง 37 วินาที ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้มาเยือน
การเยี่ยมชมหอสังเกตการณ์ถ้าอยากเห็นวิวสวยที่สุด ควรมาในช่วงที่อากาศแจ่มใส ไม่มีฝนตก ถ้ามาในช่วงที่อากาศไม่เอื้ออำนวยพนักงานจะแจ้งว่าอาจจะเห็นวิวไม่ค่อยดี เราสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าชมหรือไม่ ทั้งนี้ช่วงเช้าคนจะน้อยกว่าช่วงบ่าย ส่วนช่วงเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดินจะสวยเป็นพิเศษ อีกอย่างหอสังเกตการณ์ในร่มมีหน้าต่างบานใหญ่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์แบบพาโนรามา
เรื่องน่ารู้: จุดถ่ายภาพสวยๆ คู่กับตึกเป 101 มีอยู่หลายแห่ง เช่น ที่ชั้นล่างสุดตรงบันไดใกล้กับร้านเสี่ยวหลงเปา ถ่ายมุมเสยหน้าขึ้นเห็นตึกไทเป 101 เป็นฉากหลังพอดี ตรงสะพานลอย Xinyi sky bridge เดินเชื่อมไปห้าง Breeze Nan Shan ก็สวย จะเห็นตึกไทเปจากฝั่งถนนซ่งจือพอดี (มุมเดียวกับในภาพ) นอกจากที่นี่ก็ยังมีเขาเซี่ยงซาน สวนสาธารณะฮุ่ยอัน (Huian Park) หมู่บ้านทหารโบราณ (Sisinan Village Museum) และทางเดินติดกับร้านอาหารญี่ปุ่น Takemura Izakaya
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ทานเสี่ยวหลงเปา (Din Tai Fung)
แน่นอนว่ามาเที่ยวตึกไทเป 101 นอกจากจะไปชมวิวสวย ๆ แล้ว ก็ต้องมาทานเสี่ยวหลงเปาชื่อดังที่ร้าน “Din Tai Fung” ร้านนี้ตั้งอยู่ชั้นล่างสุดติดกับทางเข้าฝั่งบันไดเลื่อน มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเกี๊ยวน้ำซุปแสนอร่อย และเมนูติ่มซำอื่น ๆ โดยก่อตั้งขึ้นที่ไทเปในปี 1958 และได้ขยายสาขาไปทั่วโลก แต่ที่สาขาหลักและตึกไทเป 101 ยังคงเป็นร้านที่ได้รับความนิยม การันตีความอร่อยได้จากคิวที่ยาวมาก
เสี่ยวหลงเปาของร้านติ่นไท่ฟงมีความพิเศษที่แป้งบางนุ่ม น้ำซุปในเกี๊ยวหอมกลมกล่อมและไส้ที่ปรุงรสมาอย่างดี ที่สำคัญคือทำสดใหม่อยู่ตลอดเวลา (สามารถดูได้จากตู้กระจกที่จะเห็นพนักงานทำอย่างขยันขันแข็ง) เสี่ยวหลงเปาที่ต้องลองคือแบบออริจินัล (เกี๊ยวหมูนึ่ง) ราคา 250 TWD 10 ชิ้น แล้วก็ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม ราคา 100 TWD 2 ชิ้น
ตอนที่พนักงานมารับเมนูจะแจ้งเวลาที่ต้องรออาหารด้วย ถ้าเป็นเมนูข้าวผัดหรือผัดผักอาจจะใช้เวลารอไม่นาน แต่ถ้าเป็นเสี่ยวหลงเบาและซาลาเปาใช้เวลารอนานประมาณ 20 นาที ระหว่างรอก็สั่งยำสาหร่ายมารองแบบกรุบ ๆ (100 TWD) พร้อมซุปเสฉวนรสชาติเผ็ดและเปรี้ยว (110 TWD) เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่สมบูรณ์แบบเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกี๊ยว
สำหรับใครที่ไม่อยากรอนานแนะนำให้มาจองคิวตั้งแต่เช้า หรือเลือกเวลาที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เช่น ช่วงบ่าย ๆ ถ้าเป็นช่วงเที่ยงคนเยอะมาก นอกจากนี้ยังสามารถดูเมนูและสั่งอาหารล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันของร้านได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาไปอีก
ตอนอาหารมาเสิร์ฟทานแล้วก็อร่อยสมคำล่ำลือ ชอบที่แป้งนุ่ม น้ำซุปอร่อย ทานแล้วกลมกล่อมลงตัว ที่ชอบอีกอย่างคือในร้านมีหุ่นยนต์นำทางแล้วก็เสิร์ฟอาหารด้วย แบบช่วยประหยัดแรงงานคน ค่าอาหารรวมทั้งหมด 858 TWD หารกัน 4 คนก็ไม่แพง สามารถจ่ายบัตรเครดิตได้ โดยรวมแล้วอร่อยคุ้มราคาที่จ่ายไป
ถ้ามีเวลาเหลือหลังจากทานเสี่ยวหลงเปาแล้วลองแวะไปเดินเล่นในห้างต่อ ห้างนี้ต้องบอกว่าหรูมาก มีสินค้าแบรนด์เนมและบูติกระดับไฮเอนด์มากมายตั้งอยู่ตามชั้นต่าง ๆ ถ้าไม่ชอบการชอปปิงแค่เดินชมบรรยากาศก็เพลินแล้ว เพราะแต่ละร้านก็ตกแต่งสวย แบบมีอะไรให้ดูเยอะเลย
ตรงชั้นที่ 2 จะมีสะพานลอยเดินเชื่อมไปยังห้างที่อยู่ใกล้ ๆ กัน มีร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าให้เดินชม อารมณ์คล้าย ๆ สยามบ้านเรา โดยรวมแล้วการเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าของตึกไทเป 101 เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้การขึ้นไปชมวิวบนหอคอย หรือทานเสี่ยวหลงเปา และสามารถใช้เวลาสนุกได้หลายชั่วโมงเลย
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: จุดชมวิวเขาเซี่ยงซาน (Xiangshan Elephant Mountain)
เขาเซี่ยงซาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เขาช้าง” เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของไทเป ที่เหมาะสำหรับการเดินชมวิวและตึกไทเป 101 ได้อย่างสวยงาม จริง ๆ ทริปนี้เราไม่ได้ไปเขาเซี่ยงซานกัน เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจสักเท่าไร แต่มาจากทริปที่แล้วที่ไปมา เลยอยากจะใส่ไว้เพิ่มเติม แนะนำให้ไปหลังจากมาที่ตึกไทเปแล้ว เพราะอยู่ใกล้กันมาก นั่งรถไฟใต้ดินไปอีกหนึ่งสถานีสะดวกมาก
วิธีเดินทางไปเขาเซี่ยงซานที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดงไปลงที่สถานีเซี่ยงซาน จากนั้นใช้ทางออกที่ 2 ผ่านสวนเซี่ยงซานประมาณ 10 นาที จะพบกับเส้นทางเดินป่าที่เป็นบันไดหินไปยังเนินเขาเซี่ยงซาน (กดเพื่อดูแผนที่) ระยะทางประมาณ 540 เมตร ใช้เวลาเดิน 30 นาที เมื่อไปถึงยอดเขาเซี่ยงซานจะมีจุดชมวิวหลายแห่งที่เหมาะสำหรับการชมวิวของตึกไทเป 101 รวมระยะทางของเส้นทางเดินป่า 1.5 กม. ใช้เวลาเดิน 1.4-2 ชม.
จุดที่ถ่ายภาพสวยบนเขาเซี่ยงซานจะอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหินเหล่านี้สามารถปีนขึ้นไปนั่งข้างบนได้ แต่ต้องระวังนิดหนึ่งเพราะค่อนข้างสูงทีเดียว ถ้าไปช่วงค่ำคนอาจจะเยอะ แต่ส่วนใหญ่หลายคนอาจจะไม่ได้นั่งนาน ๆ แบบต่อคิวขยับไปเรื่อย ๆ จนถึงก้อนหินด้านหน้าสุด มีมุมถ่ายภาพตึกไทเป 101 ชัดเจน ตอนกลางคืนพอทั้งเมืองสว่างด้วยแสงไฟเป็นภาพที่สวยเอาเรื่องเลย มองแล้วหายเหนื่อยที่เดินมาบนเขานี้
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: วัดหงหลูตี้หนานซานฝูเต๋อ (Hongludi Nanshan Fude Temple)
วัดหงหลูตี้หนานซานฝูเต๋อ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัดหงหลูตี้ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่คนไต้หวันนิยมไปไหว้พระขอพรกัน วัดนี้เราไปกันแบบไม่ได้คาดหมาย เพราะเพื่อนรีเควสมาว่าอยากไปไหว้พระขอพร เมื่อไปถึงแล้วรู้สึกว่าดีงามมาก ไม่ใช่แค่วัดสวยอย่างเดียว แต่แรงศรัทธาจากมวลมหาชนทั้งชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยวยังเยอะมาก ที่สำคัญมีจุดชมวิวที่มองเห็นไทเปได้อย่างสวยงามอีกด้วย
วัดหงหลูตี้ตั้งอยู่ในเขตเน่ยหูของไทเป บนภูเขาหนานซื่อเจียว ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 300 เมตร วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับฟูเต๋อเจิ้งเซิน เทพเจ้าแห่งโลก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ประทานความคุ้มครอง ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภ ทำให้วัดได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการขอพรด้านความมั่งคั่ง โดยเปิดตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับการเยี่ยมชมและสักการะ
จุดเด่นของวัดหงหลูตี้คือรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งขนาดใหญ่สูง 2 เมตร ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา โดยมีมังกรสีเขียวสองตัวอยู่บริเวณด้านข้างของรูปปั้น เมื่อเดินเข้าไปด้านในวัดจะพบกับสถาปัตยกรรมไต้หวันแบบดั้งเดิม พร้อมงานแกะสลักไม้อันวิจิตรบรรจง มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใส โดยเน้นสีแดงและสีเหลืองเป็นหลัก การออกแบบสะท้อนถึงสุนทรียศาสตร์ของวัดจีนแบบดั้งเดิม
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมหรือสักการะได้ตามจุดต่าง ๆ ในวัด เช่น โดมแผ่นโคมแดง สะพานเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งห้าทิศทาง และหอสวดมนต์ ส่วนด้านนอกจะมีสระบัว และรูปปั้นเทพเจ้าแบบการ์ตูน 3 องค์
วิธีการขอพรสามารถซื้อแผ่นอธิษฐานได้ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นเขียนชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดบนการ์ด แล้วนำไปสวดมนต์พร้อมระบุเรื่องที่ต้องการขอ จากนั้นนำการ์ดไปวนรอบกระถางธูป 3 รอบตามเข็มนาฬิกา แล้วนำไปแขวนที่ศาลาขนาดเล็ก
ไหว้พระขอพรที่วัดหงหลูตี้แล้ว อย่าลืมเดินขึ้นบันไดหินเพื่อไปชมความสวยงามของวัดไท่ซุย ซึ่งเป็นพื้นที่ห้องโถงหลักที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ด้านในวัดมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยผสมผสานโครงสร้างไม้อันตระการตาและการแกะสลักหินเข้าด้วยกัน
วัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้องโถงไท่ซุย สำหรับการขอพรเกี่ยวกับความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ห้องโถงกวงหมิง เป็นสถานที่สักการะสำหรับการขอพรเกี่ยวกับความสว่างและปัญญา และห้องโถงฮวาถัว เป็นสถานที่สักการะเทพเจ้าฮวาถัว ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์และสุขภาพ
ที่วัดยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองไทเป รวมถึงภูเขาและธรรมชาติที่รอบล้อมเมือง โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงอาทิตย์ส่องสว่างลงมากระทบกับเมือง สร้างบรรยากาศที่สวยงามและน่าประทับใจ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวัดนี้จึงเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมทั้งตอนกลางวันและกลางคืน
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ตลาดกลางคืนซื่อหลิน (Shilin Night Market)
หลังจากไหว้พระขอพรที่วัดหงหลูตี้หนานซานฝูเต๋อแล้ว ก็มาเดินตลาดกลางคืนซื่อหลินกันต่อ ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของไทเป ตั้งอยู่ในเขตซื่อหลิน ตลาดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารริมทางที่หลากหลาย และยังมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นราคาย่อมเยา และของที่ระลึก ตลอดมีจนศูนย์อาหารที่สามารถเลือกชิมอาหารได้ง่ายขึ้น และบูธเกมต่าง ๆ สำหรับลุ้นรับรางวัลเพื่อความสนุก
ด้านในตลาดซื่อหลินมีร้านค้าและแผงขายอาหารมากถึง 500 ร้าน ตั้งอยู่ตรอกซอยซอยต่าง ๆ อาหารน่าลองในตลาดมีหลายอย่าง เช่น ไก่ชุปแป้งทอดชิ้นใหญ่ ไข่เจียวหอยนางรม เต้าหู้เหม็น ชาไข่มุก น้ำเยลลี่อ้ายหยู่ปิง เนื้อสัตว์และผักเสียบไม้ย่าง ขนมไข่นกกระทาไต้หวัน ไส้กรอกย่างชิ้นใหญ่ เห็ดย่างเจ้าดังที่มีคิวต่อแถวยาวมาก รวมไปถึงขนมปังคล้ายซาลาเปาไส้หมูสับอบในโอ่งร้อน ๆ และอีกมากมาย ที่สามารถเลือกได้ตามความชอบเลย
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมจะเป็นช่วงตอนเย็น ตลาดจะเริ่มคึกคักประมาณเวลา 5 โมงเย็น และจะยาวไปจนถึงช่วงดึก ประมาณเวลาตี 1 หรือช้ากว่านั้น วันธรรมดาคนจะน้อยกว่าวันเสาร์อาทิตย์ แต่วันเสาร์อาทิตย์ร้านค้าจะเปิดเยอะกว่า ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายในการเยี่ยมมหรือชิมอาหาร
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง → วันที่ 4
(ที่เที่ยวธรรมชาติ + พิพิธภัณฑ์)
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Springs)
บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งธรรมชาติบำบัดยอดนิยมของของไทเป ตั้งอยู่ในย่านซินเป่ยโถวห่างจากตัวเมืองเพียง 45 นาที ความน่าสนใจของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้คือซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาขนาดเล็กที่คนท้องถิ่นต่างขนานนามว่า “ทะเลสาบผี” ซึ่งเกิดจากการสะสมความร้อนใต้พิภพและคลายความร้อนออกมาเป็นไอหมอกสู่ผิวน้ำอยู่ตลอดเวลา สร้างความงดงามตระการตาจนน่าไปเยือนด้วยตัวเอง
บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ โดยเฉพาะแร่โฮคุทไลต์ ที่เป็นสมบัติล้ำค่าของไต้หวัน เนื่องจากใช้เวลาหลายร้อยปีในการตกผลึก เรื่องราวเหล่านี้นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ได้ในพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว ที่จะพาผู้เข้าชมไปเยือนอ่างอาบน้ำเก่าที่เคยรุ่งเรืองในอดีตอีกด้วย
นอกจากแหล่งธรรมชาติบำบัดที่สวยงามแล้ว ในย่านซินเป่ยโถวยังรวมที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ไปจนถึงโรงแรมแช่ออนเซ็นหลายแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้สวนเป่ยโถว ช่วยมอบประสบการณ์การพักผ่อนอันน่ารื่นรมย์และเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบของย่านสีเขียวเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
วิธีเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Taipei → Beitou)
การเดินทางไปเป่ยโถวสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถบัส วิธีที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดิน
หลังเดินทางมาถึงสถานี Xinbeitou จะยังไม่ถึงน้ำพุร้อนเป่ยโถวเลย ต้องเดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีจะเจอกับบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Thermal Valley) ที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาขนาดเล็ก แต่ก่อนที่จะไปถึงที่นั้นจะต้องเดินผ่านสวนเป่ยโถวและพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวก่อน
สำหรับบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Thermal Valley) เป็นพื้นที่เปิดโล่ง เปิดให้เข้าชมฟรี เวลา 09:00-17:00 น. ในวันอังคารวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) การเดินชมใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
ส่วนพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Spring Museum) ก็มีขนาดเล็กเช่นกัน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น เปิดให้เข้าชมฟรี เวลา 10:00-18:00 น. วันอังคารวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ใช้เวลาเดินชมประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชม.
เที่ยวน้ำพุร้อนเป่ยโถวทำอะไรได้บ้าง
เมื่อมาเที่ยวเป่ยโถวก็ต้องไปเดินชมสถานที่ห้ามพลาดนั้นก็คือ บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวและพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก สามารถเดินไปได้ประมาณ 5-10 นาที
พิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โรงอาบน้ำร้อนเป่ยโถว” ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์ญี่ปุ่นที่สวยงาม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อุทิศให้กับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอุตสาหกรรมน้ำพุร้อนเป่ยโถว ซึ่งมีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1896 ด้านในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่บ่อน้ำพุร้อน ประเพณีการอาบน้ำแบบดั้งเดิม และธรณีวิทยาของบ่อน้ำพุร้อน นับว่าเป็นสถานที่น่าไปเยือนเมื่อมาเที่ยวน้ำพุร้อนเป่ยโถว
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวจะเริ่มจากชั้นที่ 2 ก่อน มีด้วยกันทั้งหมด 4 โซน คือ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์บ่อน้ำพุร้อนและโรงอาบน้ำเป่ยโถว ถัดไปจะเป็นล็อบบี้ตรงกลางซึ่งปูด้วยเสื่อทาทามิตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม ตามด้วยระเบียงชมวิวที่มองเห็นห้องสมุดสาธารณะเป่ยโถว อีกฝั่งของล็อบบี้จะเป็นส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ และห้องมัลติมีเดียสำหรับชมภาพยนตร์แนะนำพิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถว ความยาวประมาณ 14 นาที
ส่วนชั้นที่ 1 จะเป็นพื้นที่โรงอาบน้ำเก่าที่เคยใช้งานในสมัยก่อน รวมไปถึงพื้นที่การจัดแสดงนิทรรศการที่กล่าวถึงบ้านเกิดของแร่โฮคุทไลต์ ซึ่งเป็นของสะสมอันล้ำค่าของพิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเลยก็ว่าได้ ทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าคุ้มทีเดียว แม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก แต่ก็นำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวออกมาได้อย่างน่าสนใจ ที่สำคัญมีกิจกรรมให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมอย่างหลากหลาย ทำให้รู้สึกสนุกตลอดการเข้าชม
ชมพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวเสร็จแล้วก็เดินไปชมบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวกันต่อ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ด้านในสุดบนถนนจงซาน ถ้าเดินมาจากพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว ทางเข้าจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีป้ายบอกอย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินต่อไปอีก 2-3 นาทีจะถึงจุดชมวิวบ่อน้ำพุร้อน แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นอย่าลืมสัมผัสความร้อนของบ่อน้ำได้ที่อ่างจุ่มมือที่ตั้งอยู่ด้านหน้า อุณภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียล อุ่นกำลังดี
เมื่อเดินไปถึงจุดชมวิวบ่อน้ำพุร้อนนักท่องเที่ยวจะเห็นหุบเขาที่มีพื้นที่ถึง 3,500 ตารางเมตร เกิดจากความร้อนใต้พิภพของกลุ่มภูเขาไฟต้าตุนที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อมีอยู่มากก็เกิดการสะสมพลังงานจากแร่ธาตุที่มีอยู่ใต้น้ำและดันขึ้นสู่ผิวน้ำ จนในที่สุดก็คลายความร้อนเกิดเป็นควันไอน้ำอย่างที่เราเห็นกัน
บรรยากาศต้องบอกว่าดูลึกลับและโรแมนติกชวนฝันเหมือนอย่างที่คนท้องถิ่นให้ฉายาว่าทะเลสาบผีจริง ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งความสวยงามตระการตาของสถานที่แห่งนี้ จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “สถานที่ท่องเที่ยว 12 แห่งที่ยิ่งใหญ่ของไต้หวัน” รวมถึงอุทยานแห่งชาติทาโรเกะ และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความสวยงามของบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวได้ตามสะดวก ซึ่งจะมีเส้นทางเป็นรูปวงกลมผ่านระเบียงไม้ที่วนไปรอบบ่อน้ำ ระหว่างทางจะเจอกับน้ำตกขนาดเล็กหนึ่งแห่ง จากนั้นจะเป็นเส้นทางเดินขึ้นบันไดไปทางด้านหลังบ่อน้ำ มองเห็นตึกสูงหนึ่งแห่งเป็นฉากหลัง และเดินวนมาจนครบจะเจอกับมุมถ่ายภาพที่สวยงามของน้ำพุร้อน มีป้ายบอกข้อมูลติดอยู่ตรงระเบียง
ถ้าเดินชมเสร็จแล้วมีเวลาเหลืออย่าลืมแวะไปที่ร้านกาแฟใกล้กับบ่อน้ำพุด้วยนะคะ ด้านในตกแต่งน่ารักเชียว แถมยังขายของที่ระลึกน่าสนใจอีกจำนวนมากด้วย โดยแล้วบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวที่ได้ชมกันสวยงามสมคำล่ำลือจริง ๆ โดยเฉพาะความตระการตาของไอหมอกที่พุ่งพวยออกมาจากบ่ออยู่ตลอดเวลา นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรสร้างให้กับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากบ่อน้ำพุร้อนและพิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถวแล้ว ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน เช่น วัดเก่าแก่จากปี 1905 (Puji Temple) พิพิธภัณฑ์เป่ยโถว (Beitou Museum) สวนพลัมเก่าแก่จากปี 1930 (Plum Garden) สระน้ำพุร้อนกลางแจ้ง (Beitou Public Hotspring) และสถานีประวัติศาสตร์ซินเป่ยโถว (Xinbeitou Historic Station)
ที่เที่ยวเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะพานักท่องเที่ยวไปเรียนรู้เกี่ยวกับย่านเป่ยโถวมากขึ้น แต่ยังเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวเพื่อชมวิวและซึมซับบรรยากาศที่สดชื่นของย่านนี้อีกด้วย
โรงแรมแช่ออนเซ็นในเป่ยโถว
สำหรับใครที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็น แนะนำให้เลือกพักในย่านเป่ยโถว มีโรงแรมหลายระดับที่มาพร้อมบริการห้องอาบน้ำออนเซ็นอีกด้วย
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน (Yangmingshan National Park)
อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน เป็นหนึ่งในที่เที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจของไทเป ตั้งอยู่ทางตอนเหนือห่างจากย่านซินเป่ยโถวประมาณ 8.3 กม. มีชื่อเสียงเกี่ยวกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภูเขากำมะถัน บ่อน้ำพุร้อน สวนดอกไฮเดรนเยีย ทุ่งหญ้าอันเขียวขจี และเส้นทางเดินป่าที่เดินได้ไม่ยาก ทั้งหมดนี้นับว่าเหมาะสำหรับสายธรรมชาติเลยทีเดียว
เราไปเยือนหยางหมิงซานตอนที่มาไทเปเป็นครั้งแรก แล้วก็ชอบมาก ๆ เลยอยากจะเพิ่มไว้ในบทความนี้เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้ไทเป ถ้าจะไปที่นี่แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 3-4 ชม. หรือครึ่งวันกำลังดี เพราะมีหลายจุดที่ใช้เวลาเดินพอสมควร ทั้งนี้สามารถเลือกได้ว่าจะไปจุดไหนบ้าง ไม่ต้องไปทั้งหมดถ้าไม่มีเวลาพอ
เที่ยวอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานทำอะไรได้บ้าง
กิจกรรมหลักในการเที่ยวหยางหมิงซานคือนั่งรถบัสไปลงตามป้ายต่าง ๆ แล้วเดินเที่ยวตามเส้นทางเดินป่า หรือแวะชมจุดที่น่าสนใจประมาณ 4-5 จุด คือ โหยวหยวน (Youyuan), เออร์ซิปิง (Erziping), เสี่ยวโหยวเฉิง (Xiaoyoukeng), หลิงสุ่ยเคิง (Lengshuikeng) และชิงเทียนกัง (Qingtiangang)
เรื่องน่ารู้: ถ้ามีเวลาไม่เยอะแล้วอยากมาเที่ยวอาลีซานแนะนำให้แวะ 2-3 จุด คือ → ป้ายโหยวหยวน ชมสวนดอกไฮเดรนเยีย → ป้ายเสี่ยวโหยวเฉิง ชมภูเขากำมะถัน → และป้ายชิงเทียนกัง เดินชมทุ่งหญ้าเขียวขจีขนาดใหญ่ ทั้งสาม 3 แห่งสวย มีจุดถ่ายภาพเยอะ แล้วก็ได้เดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ
วิธีเดินทางไปหยางหมิงซาน
วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดไปยังหยางหมิงซานคือนั่งรถบัสสาย 260 ตรงจากใจกลางเมืองไทเปไปยังหยางหมิงซาน รถบัส 260 จะให้บริการจากสถานี Taipei Main Station (Zhengzhou) รวมทั้งหมด 56 ป้าย และไปสิ้นสุดที่ Yangmingshan Bus Terminal ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวงหยางหมิงซานเพียงไม่กี่เมตร การเดินทางใช้เวลาประมาณ 56 นาที ค่าตั๋ว 30 TWD รถบัสวิ่งเวลา 05:40-22:30 น. ความถี่ทุก ๆ 10-15 นาที (ชั่วโมงเร่งด่วน) และ 15-20 นาที (ชั่วโมงปกติ)
นอกจากรถบัส 260 ที่วิ่งตรงจากไทเปเลย นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการรถไฟใต้ดินและต่อรถบัสไปยังหยางหมิงซานได้ด้วย ซึ่งรถบัสจะให้บริการจากสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งในไทเป
- MRT Jiantan Station → Bus R5 → Yangmingshan (35 TWD/ 55 นาที)
- MRT Shilin Station → Bus R5 → Yangmingshan (35 TWD/ 54 นาที)
- MRT Shipai Station → Bus S8 → Yangmingshan (40 TWD/ 56 นาที)
- MRT Beitou Station → Bus R9 → Yangmingshan (45 TWD/ 58 นาที)
เมื่อไปถึงหยางหมิงซานแล้วนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสสาย 108 ที่วิ่งรอบอุทยาน ไปยังสถานีต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้จุดเที่ยวและเส้นทางเดินป่าที่น่าสนใจ รถบัสให้บริการทั้งหมด 20 ป้าย ระหว่างเวลา 07:00-17:30 น. ค่าตั๋ว 15 TWD (เที่ยวเดียว)
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ลิ้มลองชานมไต้หวันเจ้าแรกของโลก (Chun-Shui-Tang)
จากน้ำพุร้อนเป่ยโถว เรากลับเข้าเมืองเพื่อแวะไปทานชานมไข่มุกไต้หวันเจ้าแรกของโลกที่ร้าน “Chun Shui Tang” สาขาสถานีไทเป ซึ่งมีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1983
เมนูที่ต้องลองคือชานมไข่มุกต้นตำรับ มี 2 ขนาดให้เลือก คือ แบบเย็นและแบบร้อน สำหรับแบบเย็นราคาจะอยู่ 190 TWD (แก้วใหญ่) และ 100 TWD (แก้วเล็ก) ส่วนแบบร้อนราคาจะอยู่ที่ 220 TWD (แก้วใหญ่) และ 115 TWD (แก้วเล็ก)
เราสั่งแบบเย็นแก้วใหญ่ไป ทางร้านจะมาเสิร์ฟในแก้วใสมีหู พอดื่มแล้วต้องบอกว่าอร่อยมาก รสชาติเข้มข้น ที่สำคัญหวานน้อยจากน้ำตาลอ้อย พอบวกกับไข่มุกที่เคี้ยวหนึบหนับแล้วอร่อยลงตัวดี ที่ชอบอีกอย่างคือทางร้านใส่น้ำแข็งมาให้น้อย ทำให้คงรสชาติดั้งเดิมที่เข้มข้น
มาร้านนี้แล้วจะดื่มแค่ชานมไข่มุกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะทางร้านยังมีเมนูขึ้นชื่อหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นสูตรต้นตำรับที่ต้องลองด้วยตัวเอง ซุปที่ว่านี้มีรสชาติเผ็ดพอประมาณ เสิร์ฟพร้อมเส้นก๋วยเตี๋ยวที่นุ่มเด้งและเอ็นเนื้อนุ่มละมุนลิ้น พอบวกกับน้ำซุปที่เข้มข้นและรสชาติกลมกล่อม ต้องบอกว่าคุ้มราคาที่จ่ายไปถ้วยละ 250 TWD
โดยรวมแล้วแม้ราคาอาจจะแพงกว่าการดื่มชานมไข่มุกและทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นตามร้านอาหารทั่วไป แต่ในเรื่องของรสชาติก็ต้องยอมรับว่าเขายังคงความอร่อยและชูความเป็นต้นตำรับได้ดีเลย
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan Museum)
เที่ยวในเมืองไทเปและสถานที่ทางธรรมชาติกันแล้ว ถ้ากำลังมองหาพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ ลองแวะมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1908
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านคอลเลกชันประวัติศาสตร์ธรรมชาติ มานุษยวิทยา และธรณีวิทยาที่มากมาย โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของไต้หวัน ตลอดจนการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ ทำให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวันแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ อาคารประวัติศาสตร์ และอาคารของธนาคารเก่าแก่ของไต้หวัน (Land Bank) ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งสองแห่งสามารถเข้าชมได้โดยใช้ตั๋วใบเดียวกัน และใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง
ภายในอาคารประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ชั้น นำเสนอเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาของไต้หวัน รวมถึงวัฒนธรรมพื้นเมืองของไต้หวันและประวัติศาสตร์มนุษย์ที่หลากหลาย มีสิ่งประดิษฐ์ เสื้อผ้าแบบดั้งเดิม และสิ่งของทางวัฒนธรรมจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ตลอดจนนิทรรศการชั่วคราวที่เกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมไปจนถึงการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ชั้นล่างสุดมีพื้นที่สนามเด็กเล่นและกิจกรรมโต้ตอบที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ
ส่วนอาคารของธนาคาร Land Bank จะมุ่งเน้นการจัดแสดงที่เกี่ยวกับสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็นหลัก มีคอลเลกชันซากดึกดำบรรพ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติรวมอยู่ด้วย แต่ก็ยังรักษาประวัติศาสตร์การธนาคารดั้งเดิมในไต้หวันไว้ได้อย่างน่าสนใจ ครอบคลุมการจัดแสดงคลังธนาคารและกระบวนการบูรณะอาคาร
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซาน (Huashan 1914 Creative Park)
ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซานเป็นที่เที่ยวทางวัฒนธรรมน่าสนใจของไทเป ตั้งอยู่ในเขตจงเจิ้ง เดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นโรงงานผลิตไวน์ในยุคญี่ปุ่น ต่อมาได้ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยผสมผสานระหว่างนิทรรศการศิลปะ สตูดิโอการออกแบบ เวิร์กช็อปงานฝีมือ พื้นที่จัดแสดง ตลอดจนร้านอาหารและร้านกาแฟน่านั่ง เมื่อบวกกับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ทำให้เป็นสถานที่น่าไปเดินเล่นด้วยตัวเอง
สิ่งที่ชอบในศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซานก็คือการแบ่งโซนที่ชัดเจน เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับพื้นที่โรงหนังและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งอยู่ทางขวามือ ในขณะที่พื้นที่ตรงกลางตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ จะเป็นที่ตั้งของร้านค้าและสตูดิโอที่จำหน่ายสินค้างานฝีมือและแฮนด์เมด สินค้าส่วนใหญ่น่ารักมาก มีการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร สามารถซื้อไปใช้งานได้จริง ราคาก็ถือว่าไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานของผู้ผลิต
ส่วนโซนสุดท้ายทางขวามือจะเป็นพื้นที่ร้านกาแฟและร้านอาหารหลายแห่ง ที่มีตั้งแต่ของทานเล่นไปจนถึงอาหารมื้อหลัก โดยรวมแล้วถ้าใครกำลังมองหากิจกรรมแบบผ่อนคลายที่สามารถใช้เวลาได้ประมาณ 1-2 ชม. ลองแวะมาเดินเล่นที่นี่กันได้
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: กระเช้าเมาคง (Maokong Gondola)
ใช้เวลาเดินเล่นที่ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซานพอประมาณ ถ้าอยากหากิจกรรมยามว่างทำต่อลองแวะไปนั่งกระเช้าเมาคงใกล้สวนสัตว์ไทเป กระเช้านี้มอบประสบการณ์การชมวิวที่สวยงามของเนินเขาอันเขียวขจีและไร่ชาเมาคง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัฒนธรรมการดื่มชาและทิวทัศน์ที่สวยงาม
กระเช้าลอยฟ้าเมาคงมี 4 สถานี คือ สถานีสวนสัตว์ไทเป → สถานีสวนสัตว์ไทเปใต้ → สถานีวัดจื่อหนาน → สถานีเมาคง ระยะทางรวม 4.03 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17-37 นาที นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าไปยังจุดสูงสุด หรือหยุดแวะพักตามสถานีต่าง ๆ แล้วเดินชมวิวตามเนินเขาไปยังสถานีชั้นบนสุดก็ได้เช่นกัน
เมื่อไปถึงสถานีเมาคงมีเส้นทางสำหรับเดินชมไร่ชาชื่อว่า “Camphor Tree Trail” เส้นทางเดินง่าย ระหว่างทางยังสามารถแวะพักดื่มน้ำชาและขนมต่างๆ ได้ตามร้านน้ำชา ที่มีอยู่ประมาณ 5-6 แห่ง แต่ละร้านก็มีพื้นที่สำหรับนั่งชมวิวที่สวยงามอีกด้วย
เรื่องน่ารู้: ถ้าชอบไอศกรีมชาเขียวลองแวะไปที่ร้าน “Maokong Tea House” อยู่ใกล้กับสถานีเมาคง เมนูที่ต้องลอง คือ Tie Guan Yin Ice-cream โคนละ 90 TWD เสิร์ฟพร้อมท็อปปิงน้องแมว ทานแล้วให้รสชาติชาเขียวที่เข้มข้นไม่หวานลงตัว
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: เดินเล่นย่านจงซาน (Zhongshan)
กลับจากกระเช้าเมาคง ถ้าอยากได้ฟิวส์เดินเล่นชอปปิงยามค่ำคืนลองไปแวะไปที่ย่านจงซาน ย่านนี้มีบรรยากาศที่คึกคักและเต็มไปด้วยความชิคของร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ร้านหนังสือ ไปจนถึงสินค้าที่เป็นของทำมือ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่น่ารัก ๆ ที่ให้บริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มต่าง ๆ อีกด้วย
เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง: ตลาดกลางคืนหนิงเซี่ย (Ningxia Night Market)
เดินเล่นชอปปิงที่ย่านจงซานแล้ว ถ้าอยากหาอาหารไต้หวันยามค่ำคืนทานลองแวะมาที่ตลาดหนิงเซี่ย ตลาดนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีจงซาน และมีชื่อเสียงในเรื่องอาหารที่หลากหลาย ถ้าไปแล้วจะเห็นสองข้างทางเต็มเป็นแผงขายอาหารทั้งหมด ไม่มีเสื้อผ้า หรืออย่างอื่นมาปน ทำให้เป็นตลาดที่เหมาะสำหรับสายกินได้เป็นอย่างดี
แม้ตลาดจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ถ้าเทียบกับตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในไทเป แต่ในเรื่องอาหารนั้นต้องบอกว่าสามารถหาทานได้เกือบทุกรูปแบบเลย ทั้งเครื่องดื่ม ซุปร้อน ๆ ผลไม้สด เมนูปิ้งย่างก็มี ขนมไต้หวันที่ว่าดัง ๆ ก็สามารถหาทานได้จากที่นี่ จะซื้อแล้วเดินทานหรือนั่งทานตามร้านที่ขายก็ได้ ในส่วนของราคาก็ไม่แพงเลย เอาเป็นว่าถ้ามาเดินตลาดนี้แล้วจะไม่ท้องว่างกลับไปอย่างแน่นอน
แผนที่เที่ยวไทเปด้วยตัวเอง
วิธีใช้แผนที่ปักหมุด→ กดที่ลูกศรสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อดูแผนที่แบบเต็มหน้าจอ จากนั้นจะเห็นแผนที่ปักหมุดและเส้นทางเที่ยวทั้งหมดที่ทำเครื่องหมายไว้ ให้เลือกสถานที่เพื่อดูรายละเอียด หรือกดที่ปุ่มนำทางไปยังจุดหมาย ถ้าชอบแผนที่นี้สามารถกดที่รูปดาวเพื่อบันทึกลงในรายการโปรดสำหรับการเข้าถึงในอนาคต
เที่ยวไทเป ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวไทเป 4 วัน สำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 19,366 TWD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 21,764 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าเช่ารถ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 500-2,500 TWD
โฮสเทล: 500-2,000 TWD
การเดินทาง: 20-150 TWD
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 100-450 TWD
รถเช่า: 1,000-1,500 TWD
อาหาร: 50-300 TWD/มื้อ
เครื่องดื่ม: 60-250 TWD/วัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡