เรื่องน่ารู้ก่อนมาเที่ยวเวนิส (Venice) ค้นพบเคล็ดลับและคำแนะนำสำหรับการเที่ยวในเวนิส ประเทศอิตาลี ตั้งแต่ที่พักราคาประหยัดไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เพื่อช่วยวางแผนการเดินทางที่สมบูรณ์แบบไปยังเมืองแห่งลำคลองที่ต้องมาสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต
1. คนเยอะตลอดแม้ว่าจะเป็นฤดูนอกการท่องเที่ยว
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวเวนิสคือฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน และกันยายนถึงตุลาคม สภาพอากาศอบอุ่นกำลังดี จำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น แต่ถึงกระนั้นก็ยังไว้วางใจไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวแต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็เยอะตลอดทั้งปี เพราะเวนิสเป็นหนึ่งในเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะเดินทางมาสัมผัสความงดงามให้ได้ด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต
2. ระวังน้ำท่วมในเวนิส
นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวจะหนาแน่นตลอดทั้งปีแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือน้ำท่วมในเวนิสที่เรียกว่า “Acqua Alta” เมื่อระดับในทะเลเอเดรียติกสูงขึ้นมากกว่า 80 เซนติเมตร จัตุรัสซานมาร์โคจะถูกน้ำท่วมเป็นที่แรก เมืองมักจะรับมือกับปัญหานี้ด้วยการเปิดไซเรนแจ้งเตือนก่อนที่จะมีการวางทางเดินยกระดับน้ำหลายแห่งในพื้นที่น้ำท่วมหลักเพื่อให้นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่สามารถเดินได้โดยไม่เปียก คนท้องถิ่นมักจะออกจากบ้านด้วยรองเท้าบูทเวลลิงตัน ร้านค้าก็มักเปิดจำหน่ายรองเท้าบูทนี้เมื่อมีสถานการณ์น้ำท่วม
อย่างไรก็ตามน้ำท่วมนี้มักจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคมเท่านั้น น้ำจะขังอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงจากนั้นจะลดระดับต่ำลงจนกลับมาเป็นปกติ นักท่องเที่ยวสามารถใช้แอป hi!tide Venice สำหรับตรวจสอบกระแสน้ำขึ้นลงในเวนิสอย่างเป็นทางการ ส่วนใครที่อยากเห็นร่องรอยจากเห็นการณ์น้ำท่วมหนักในอดีตของเวนิสสามารถแวะไปดูได้ที่ร้านหนังสือประวัติศาสตร์
3. พักที่เมนแลนด์ช่วยประหยัดค่าที่พัก
เมืองเมสเตร (Mestre) คือพื้นที่แผ่นดินใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างเวนิสโดยมีสะพาน Liberty Bridge เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะของทั้งสองเมืองเข้ากัน ที่นี่ยังเป็นตัวเลือกที่พักราคาถูกเหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด ที่สำคัญสามารถเดินทางเข้าเมืองด้วยรถราง รถไฟ และรถประจำทางได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที
4. เลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟ
แม้ว่าตัวเลือกที่พักในเมืองเมสเตรจะมีราคาประหยัดกว่าการพักในเมืองเวนิส แต่แน่นอนว่าถ้าขยับเข้ามานิดหนึ่งเรายังสามารถหาที่พักในราคาไม่แพงในเมืองเวนิสได้เช่นกัน และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟ เพราะลองจินตนาการว่าเรามาด้วยกระเป๋าเดินทางที่หนักมากและต้องลากกระเป๋าเดินทางเดินต่อไปยังใจกลางเมือง กว่าจะถึงที่พักนอกจากจะเหนื่อยและปวดขาแล้วยังอาจจะเจอกับนักล่วงกระเป๋าหรือสแกมระหว่างทางอีก
การเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟจึงช่วยประหยัดเวลาและสามารถเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บง่าย ส่วนใครที่มาแบบเดย์ทริปในสถานีรถไฟมีตู้บริการฝากกระเป๋า 1 ใบ ราคาเริ่มต้น 6 ยูโร เราจะได้ไม่ต้องหิ้วสัมภาระหนัก ๆ ติดตัวไปตลอดทั้งวัน
5. วิธีเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองเวนิส
สนามบินหลักของเวนิสคือสนามบินมาร์โคโปโล (VCE) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง 12 กม. การเดินทางเข้าเมืองสามารถทำได้ 5 วิธี วิธีที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการรถบัสแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรส (ATVO) หรือรถโดยสารประจำทางสาย 5 (ACTV)
รถบัสแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรส (ATVO)
รถโดยสารประจำทางสาย 5 (ACTV)
นอกจากตั๋วเดินทางด้วยรถบัสประจำทางสาย 5 (ACTV) จากสนามบินเข้าเมืองเวนิสแล้ว ยังมีตั๋วแบบเหมาจ่ายที่รวมการเดินทางในเวนิสด้วยระบบขนส่งสาธารณะพื้นฐานด้วย Waterbuses, Buses, Tram และ People Mover แบบจำกัดเวลา 90 นาที และราย 1-3 วันอีกด้วย ดังลิสต์ด้านล่าง ซึ่งข้อดีของตั๋วเหล่านี้คือเมื่อรถรับส่งจากสนามบินมาถึงเมืองเวนิสแล้วเราสามารถใช้เดินทางต่อเข้าใจกลางเมืองเวนิสได้เลยโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วแยกการเดินทาง
- ACTV Ticket 90 นาที + Airport Transfer Bus (เที่ยวเดียว) 18 ยูโร (เหมาะสำหรับคนที่พักห่างจากป้าย Venice Piazzale Roma เพราะสามารถนำไปขึ้นเรือโดยสารสาย 1 หรือ 2 ต่อไปยังที่พักได้เลย)
- ACTV 1 day Transport + Airport Transfer Bus return ticket VENEZIA PASS 38 ยูโร
- ACTV 1 day Transport + Airport Transfer Bus one way VENEZIA PASS 32 ยูโร
- ACTV 2 day Transport + Airport Transfer Bus (one way) 42 ยูโร
- ACTV 3 day Transport + Airport Transfer Bus (one way) 52 ยูโร
การเดินทางเข้าเมืองเวนิสด้วยเรือโดยสาร
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางจากสนามบินมาร์โคโปโลเข้าเมืองเวนิสยังสามารถเลือกใช้บริการระบบขนส่งอื่น ๆ เช่น เรือโดยสาร (Alilaguna) แท็กซี่น้ำ (Water Taxi) และแท็กซี่น้ำร่วม (Shared Water Taxi) ที่จะไปยังเวนิสได้สะดวกเช่นกัน
การเดินทางเข้าเมืองเวนิสด้วยรถไฟ
ตัวเลือกนี้อาจจะไม่แนะนำเพราะต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีรถไฟเมสเตรก่อน (Venezia Mestre Railway Station) แต่ก็สามารถทำได้ตามความสะดวกของแต่ละบุคคลเช่นกัน ดังนี้
- จากสนามบินมาร์โคโปโล: นั่งรถโดยสารประจำทางสาย 15 (ACTV) หรือรถบัสด่วน (ATVO) ไปยังสถานีรถไฟเมสเตร ค่าโดยสาร 10 ยูโร (เที่ยวเดียว) ไปกลับ 18 ยูโร ใช้เวลาเดินทาง 20-30 นาที รถวิ่งทุก 15-30 นาที ซื้อตั๋วรถบัสด่วน (ATVO) ล่วงหน้า
- จากสถานีรถไฟรถไฟเมสเตร: นั่งรถไฟ Trenitalia ไปยังสถานีรถไฟ Venezia Santa Lucia ค่าโดยสาร 1.50 ยูโร ใช้เวลา 10 นาที รถไฟวิ่งทุก 10 นาที
- รวมการเดินทางทั้งหมดใช้เวลา 40 นาที ค่าโดยสาร 11.50 ยูโร
6. มีบัตรโดยสารรายวันในเวนิส
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการเดินทางในเวนิสด้วยระบบขนส่งสาธารณะพื้นฐาน (ACTV) ครอบคลุมถึง Waterbuses, Buses, Tram และ People Mover นักท่องเที่ยวสามารถใช้ตั๋วเที่ยวเดียวหรือบัตรโดยสารรายวันเพื่อเดินทางได้เลย ซึ่งมีให้เลือกดังต่อไปนี้
- ตั๋วเที่ยวเดียว/รอบเดียว (ใช้ได้ 75 นาที) ราคา 9.50 ยูโร
- 24 ชั่วโมง ราคา 25 ยูโร
- 48 ชั่วโมง ราคา 35 ยูโร
- 72 ชั่วโมง ราคา 45 ยูโร
- 7 วัน ชั่วโมง ราคา 65 ยูโร
7. ที่เที่ยวในเวนิสเข้าชมแล้วคุ้ม
เวนิสมีที่เที่ยวหลายแห่ง ที่เที่ยวจากประสบการณ์ตรงที่ไปเข้าชมมาแล้วคุ้มค่าตั๋วมาก ๆ คือ มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica) พระราชวังดอจ (Doge’s Palace) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะกอร์แรร์ (Museo Correr)
มหาวิหารซานมาร์โค (St. Mark’s Basilica)
ข้างในสวยมากเป็นโบสถ์ที่ส่องประกายระยิบระยับด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองจากช่วงต้นศตวรรษที่ 13 ทำจากแผ่นทองคำเปลว เงิน และอัญมณีล้ำค่า แสดงถึงเรื่องราวจากพระคัมภีร์และตำนานของเซนต์มาร์ก ทางเดินในโบสถ์ยังประดับด้วยหินอ่อนหลากสี ที่นี่ไม่เพียงแต่ใช้เป็นสถานที่เก็บพระธาตุของนักบุญมาร์คเท่านั้น แต่ยังมีแท่นบูชาทองคำอันงดงาม (Pala d’Oro) ที่สร้างโดยช่างทองยุคกลาง
ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เมื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์ซานมาร์โคก็คือม้าดั้งเดิมของซานมาร์โค (Horses of Saint Mark) (และจะได้เห็นแน่นอนเพราะว่าต้องเดินผ่านไปยังระเบียงชมวิว) ม้าที่ว่านี้เป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์มีทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน ทุกตัวยืนและยกเท้าหน้าหนึ่งข้างแสดงถึงความทรงพลังและมีประวัติอันยาวนานอย่างน่าทึ่งผ่านการเดินทางไกลมาแล้วถึงสามประเทศด้วยกัน
พระราชวังดอจ (Doge’s Palace)
เคยใช้เป็นที่สำนักของดอจแห่งเวนิส ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาและผู้นำของสาธารณรัฐเวนิสระหว่างปี ค.ศ. 726-1797 ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1923 จะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้บุคคลทั่วไป ที่นี่จึงเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของอำนาจทางการเมืองในสมัยสาธารณรัฐเวนิสที่จะพาทุกคนร่วมเดินทางเข้าไปชมบรรยากาศภายในด้วยกัน
รวมถึงไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือสะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) ที่สามารถมองเห็นภายในได้ด้วยการซื้อตั๋วเข้าชมเท่านั้น ซื้อตั๋วล่วงหน้าสำหรับเข้าชมพระราชวังดอจ จากประสบการณ์ตรงนำตั๋วที่ได้รับจากอีเมล์ไปให้เจ้าหน้าที่หน้าประตูทางเข้าสแกนคิวอาร์โค้ดได้เลย ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เข้ามาด้านในพระราชวังดอจแล้ว
พิพิธภัณฑ์ศิลปะกอร์แรร์ (Museo Correr)
ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์ศิลปะกอร์แรร์คือรวบรวมคอลเล็กชันงานศิลปะเก่าแก่ ภาพวาด และวัตถุที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิส รวมถึงรูปปั้นประติมากรรมหินอ่อนของนักปฏิมากรอันโตนิโอคาโนวาชื่อดัง
พิพิธภัณฑ์ยังผนวกเข้ากับพระราชวังเดิมซึ่งเคยเป็นที่ประทับของของกษัตริย์และจักรพรรดิในสมัยศตวรรษที่ 19 รวมถึงสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์โจเซฟที่ 1 และสมเด็จพระจักพรรดินีเอลิซาเบธ “ซีซี” เมื่อครั้งเสด็จเยือนเวนิส ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองเวนิสเท่านั้นแต่ยังได้มีโอกาสเข้าชมห้องประทับต่าง ๆ ที่จัดตกแต่งไว้อย่างดงามตระการตา และนั้นก็คุ้มค่าที่จะลองแวะเข้าไปเยี่ยมชมสักครั้ง
8. จองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อน
ด้วยความที่เวนิสมีจำนวนหนาแน่นตลอดทั้งปีเราจึงมักจะเห็นแถวยืนต่อคิวซื้อตั๋วเข้าไปชมที่เที่ยวด้านในที่ยาวมาก ๆ จากประสบการณ์ตรงรอมาเกือบสามสิบนาที (แต่ถ้าใครมีเวลาสะดวกที่จะรอก็ได้นะคะ) เราเลยไม่เอาแบบนี้อีกแล้วจองตั๋วก่อนไปเที่ยวสถานที่อื่นไว้ก่อน แล้วก็ดีที่ตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะตอนไปพระราชวังดอจก็เห็นแถวยาวเหมือนกัน แต่ดีที่มีมาตั๋วแล้วสามารถเอาไปให้เจ้าหน้าที่สแกนคิวอาร์โคได้เลย ใช้เวลาไม่ถึงไม่ถึงห้านาทีก็เข้าไปด้านในแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากรอนานจองตั๋วมาก่อนจะดีที่สุด
9. อย่าลืมแวะไปเที่ยวเกาะใกล้เวนิส
ที่เที่ยวในวนิสสามารถใช้เวลา 1-2 วันก็เข้าชมแบบทั่วถึง อาจจะแบ่งเป็นที่เที่ยวด้านนอก 1 วัน เข้าชมพิพิธภัณฑ์ครึ่งวัน จากนั้นก็ออกไปเที่ยวเกาะรอบนอกเวนิส ซึ่งมีเกาะสามแห่งที่มีชื่อเสียง คือ San Giorgio Maggiore, Murano และ Burano ทั้งสามแห่งใช้เวลานั่งเรือประมาณ 5-40 นาที
เกาะซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่ (San Giorgio Maggiore)
ซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่เป็นเกาะที่ใกล้ที่สุด ตั้งอยู่ปลายคลองแกรนด์คาแนล สามารถมองเห็นได้จากพระราชวังดอจแห่งเวนิส ที่นี่โดดเด่นด้วยมหาวิหารและอารามซานจิออร์จิโอ ด้านมีหอระฆังที่สามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพที่งดงามของเมืองเวนิสได้อีกด้วย ค่าเดินขึ้นหอระฆัง 8 ยูโร ถ้าขึ้นลิฟต์ 10 ยูโร
การเดินทางไปยังซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่สามารถนั่งเรือโดยสารของ ACTV สาย 2 จากท่าเรือ San Zaccaria (ใกล้กับพระราชวังดอจ) ไปลงที่ท่าเรือ San Giorgio ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 นาที
เกาะมูราโน่ (Murano)
มูราโน่เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในทะเลสาบและเป็นที่รู้จักทั่วโลกในด้านอุตสาหกรรมแก้ว ถนนเรียงรายไปด้วยโรงแก้วและช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่หล่อหลอมวัสดุนี้ และสร้างประติมากรรมและเครื่องใช้ทุกชนิด ทุกสี และทุกขนาด มูราโนยังมีโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่ ได้แก่ บาซิลิกาซานตามาเรียและซานโดนาโต
การเดินทางไปยังมูราโน่สามารถนั่งเรือโดยสารวาโปเรตโต้ (Vaporetto) สาย 4.1 หรือ 4.2 จากท่าเรือ Fondamente Nove B ไปลงที่ท่าเรือเกาะ Murano Faro B ใช้วลาเดินทาง 12 นาที ตั๋วเที่ยวเดียวใช้งานได้ 75 นาที ราคา 9.50 ยูโร เรือข้ามฟากวิ่งทุกๆ 15 นาที
เกาะบูราโน่ (Burano)
เปรียบเสมือนสวรรค์ของคนที่ชอบถ่ายรูปเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ห่างจากเวนิสประมาณ 9 กิโลเมตร ขึ้นชื่อเกี่ยวกับหมู่บ้านชาวประมงที่มีสีสันสดใส บ้านที่มีสีสันที่สุดของเกาะชื่อว่า “Casa Bepi” ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสะพาน Love viewing bridge บนเกาะยังมีพิพิธภัณฑ์ผ้าลูกไม้ขนาดเล็ก (Lace Museum) ที่จัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งของทำมือให้ได้ชมกันอีกด้วย
การเดินทางจากเวนิสไปยังเกาะบูราโน่ใช้เวลาประมาณ 40 – 45 นาที วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่งเรือโดยสารวาโปเรตโต้ (Vaporetto) สาย 12 จากท่าเรือ Fondamenta Nova A (F.te Nova) ไปลงที่ท่าเรือ Murano C ใช้วลาเดินทาง 40-50 นาที ตั๋วเที่ยวเดียวใช้งานได้ 75 นาที ราคา 9.50 ยูโร เรือข้ามฟากวิ่งทุกๆ 20-30 นาที
10. สะพานแห่งลมหายใจเข้าชมข้างในได้
“Bridge of Sighs” เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมืองเวนิส ตั้งอยู่ติดกับพระราชวังดอจและอาคารที่กำหนดให้เป็นเรือนจำใหม่ ถ้ามองจากด้านนอกเราจะเห็นตัวสะพานมีทางเดินสองทางและปิดล้อมด้วยกำแพงอย่างหนาแน่น ส่วนด้านในนั้นสามารถมองเห็นภาพบรรยากาศด้านนอกเพียงน้อยนิดผ่านหน้าต่างฝั่งละสองบาน ซึ่งนักโทษที่ผ่านการพิจารณาคดีจะเดินผ่านสะพานนี้ไปยังห้องขังที่พวกเขาจะต้องรับโทษ เสียงถอนหายใจเปรียบเสมือนอิสระครั้งสุดท้ายเมื่อมองหน้าต่างบานเล็กไปเห็นการใช้ชีวิตของผู้คนภายนอก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมด้านในสะพานนี้ได้ผ่านตั๋วเข้าชมพระราชวังดอจ
11. เรือกอนโดลาราคาแพง
แน่นอนว่ากิจกรรมที่หลายคนต่างพูดถึงเมื่อมาเยือนเวนิสคือการนั่งเรือกอนโดลาไปสัมผัสภาพบรรยากาศที่สวยงามของเวนิสจากสายน้ำ เรือกอนโดมักมีสามแบบด้วยกัน คือ เรือกอนโดลาข้ามฟากที่มีราคาถูก เรือกอนโดลาแบบแชร์กับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ มักมีราคาถูกในระดับหนึ่ง และเรือกอนโดลาแบบส่วนบุคคลหรือนักท่องเที่ยวที่มาแบบกลุ่มเพื่อน มักมีราคาแพงที่สุดตั้งแต่ 80 ยูโรขึ้นไป แต่ถ้าหารค่าเรือกันหลายคนจะได้ราคาที่ถูกลง
เรือกอนโดลาส่วนใหญ่ให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00-21:00 น. ตอนกลางคืนจะสวยงามเป็นพิเศษด้วยแสงไฟจากบ้านเรือน อย่าลืมเตรียมเงินสดมาด้วยนะคะ เพราะค่าเรือจะรับจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น
12. นั่งเรือกอนโดลาจากตรงไหนดี?
เรือกอนโดลาตั้งอยู่เกือบทุกที่ริมฝั่งแกรนด์คาแนล จุดที่พบเยอะที่สุดคือใกล้กับสะพานริอัลโตและท่าเรือใกล้กับจัตุรัสซานมาร์โค ในซอกซอยเล็ก ๆ ยังพบจุดขึ้นเรือกอนโดลาเช่นกัน
- ท่าเรือใกล้กับจัตุรัสซานมาร์โคจะเป็นพื้นที่ทะเลทำให้มีคลื่นเล็กน้อยจากเรือโดยสารอื่น ๆ
- ท่าเรือใกล้สะพานริอัลโตเป็นลำคลองแบบปิดไม่มีคลื่นเหมาะสำหรับการนั่งเรือกอนโดลา ถ้าเป็นไปได้ลองเดินออกมาจากสะพานริอัลโตสักนิดเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรทางน้ำที่ติดขัด
- ตัวเลือกสุดท้ายคือนั่งเรือกอนโดลาจากซอยเล็ก ๆ ที่ห่างจากย่านท่องเที่ยว
13. ลิงก์สำหรับจองตั๋วนั่งเรือกอนโดลาในลำคลองเวนิส
เมื่อเลือกเรือกอนโดลาตามแบบที่ต้องการแล้วสามารถซื้อตั๋วที่หน้างานและจ่ายเงินพร้อมลงเรือได้เลย วิธีนี้ดีที่ได้เห็นเรือก่อนใช้บริการและสามารถสอบถามเส้นทางการเดินเรือกับคนขับได้เลย อีกวิธีหนึ่งที่สะดวกคือการจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าตามลิงก์ด้านล่าง ช่วยประหยัดเวลาโดยไม่ต้องไปยืนรอซื้อตั๋ว สามารถนำตั๋วไปใช้งานได้จริง และที่สำคัญมีตั๋วราคาถูกกว่าไปจองหน้าที่งานซะอีก
- Grand Canal by Gondola with Commentary (31 ยูโร/ 50 นาที)
- Grand Canal Gondola with App Commentary (51.33 ยูโร/ 30 นาที) พิเศษ 38.50 ยูโร
- Venice: Shared Gondola Ride Across the Grand Canal (36 ยูโร/ 30 นาที)
- Venice: Shared Gondola Ride through the Lagoon City (38 ยูโร/ 30 นาที)
14. เรือโดยสารหมายเลข 1 ดียังไง?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้ามาเวนิสแล้วอยากนั่งเรือลำเดียวแล้วได้เห็นที่เที่ยวยอดนิยมในเวนิสเกือบทุกแห่งต้องนั่งเรือสายอะไร? คำตอบคือสาย 1 เรือโดยสาร VAPORETTO ซึ่งจะเริ่มต้นจากสถานี Piazzale Roma แล่นในลำคลองแกรนด์คาแนล ผ่านใจกลางเมืองลำคลองรูปตัวเอสไปยังสถานที่เที่ยวสำคัญ เช่น สะพานริอัลโต พิพิธภัณฑ์ รวมถึงจัตุรัสซานมาร์โค เราจะได้เห็นบ้านเรือน ลำคลอง และสภาพแวดล้อมของเวนิสผ่านสายน้ำอย่างเต็มอิ่ม เส้นทางเรือสาย 1 ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณ 45 นาที
15. นั่งเรือโดยสารข้ามฟากแทน (Traghetto)
หากมีงบประมาณที่จำกัดมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะได้สัมผัสประสบการณ์อันใกล้เคียงกับการนั่งเรือกอนโดลานั้นก็คือใช้บริการเรือโดยสารข้ามฟากแทน (Traghetto) ซึ่งจริง ๆ ก็คือเรือกอนโดลานั้นแหละแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าและสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 10 คนเลยทีเดียว คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมักนั่งเรือนี้ข้ามแกรนด์คาแนลในระยะทางสั้น ๆ และที่สำคัญมีราคาถูกกว่าหลายเท่าตัว
ลักษณะของเรือโดยสารข้ามฟากมีความเรียบง่ายไม่ได้รับการตกแต่งใด ๆ ก่อนขึ้นเรือสามารถจ่ายเงินให้กับคนขับที่ท่าเรือ ค่าโดยสาร 2 ยูโร คนพายเรือจะมีสองคนยืนอยู่ที่หัวเรือและท้ายเรือ จากนั้นเรือจะพาข้ามไปยังลำคลองอีกฝั่งใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 นาที (หรืออาจจะเร็วกว่านี้)
ท่าขึ้นเรือ Traghetto มักตั้งอยู่ตามจุดสำคัญรอบ ๆ แกรนด์คาแนล ที่พบบ่อย คือ Santa Sofia (Rialto Market), Riva del Carbon (Riva del Vin), San Tomà (Sant’Angelo), Santa Maria del Giglio (San Gregorio) และ Punta della Dogana (Calle Vallaresso) เป็นต้น
เรือข้ามฟากส่วนใหญ่ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08:30-19:00 น วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09:00- 18:00 น ใครที่กลัวว่าจะหาท่าเรือไม่เจอสามารถกดดูที่ตั้งท่าเรือได้ตามลิงก์ด้านบน หรือมองหาป้ายที่มีคำว่า “Traghetto” ซึ่งตั้งอยู่ตามถนนสายต่าง ๆ ทั่วเวนิส
16. เลือกใส่รองเท้าที่เดินสะดวก (ต้องเดินเยอะแน่นอน)
เวนิสเป็นเมืองที่มีตรอกซอยซอยเยอะมาก บางแห่งก็ลานชันเพราะเป็นสะพาน การเดินเที่ยวทั้งวันโดยไม่ใส่รองเท้าที่เดินสะดวกอาจจะทำให้ปวดขาและหมดสนุกไปเลยก็ได้ ก่อนออกเที่ยวในเวนิสอย่าลืมเลือกรองเท้าที่เดินสะดวก เช่น รองเท้าผ้าใบ ถ้าอยากถ่ายรูปสวย ๆ แนะนำให้เตรียมรองเท้ามาด้วยหนึ่งคู่ แล้วค่อยเปลี่ยนใส่ตอนถ่ายรูปแทนที่จะทนปวดเท้าตลอดทั้งวัน
17. เตรียมอุปกรณ์เหล่านี้มาด้วย
- ปลั๊กแปลงไฟ: ประเทศอิตาลีใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ ความถี่มาตรฐาน 50 เฮิร์ทซ์ ใช้เต้าเสียบปลั๊กไฟประเภท C, F และ L นักเดินทางที่มาจากประเทศนอกยุโรป ควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟรอบโลกสำรองมาด้วย 1-2 ชิ้น
- ที่อุดหู: คนที่เลือกพักในตัวเมืองเวนิสโดยเฉพาะย่านสถานที่เที่ยวสำคัญในตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงดังรบกวนการนอน และเพื่อป้องกันการนอนไม่หลับควรเตรียมที่อุดหูมาเผื่อด้วย
- สเปรย์กันยุง: เวนิสนอกจากจะมีชื่อเสียงเกี่ยวกับลำคลองแล้วยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องยุงด้วย ที่พักบางแห่งอาจจะไม่มีมุงลวดกันยุง เพื่อความมั่นใจควรเตรียมสเปรย์กันยุงไปเผื่อด้วย
18. วันเดียวก็เที่ยวเวนิสได้
เวนิสเป็นเมืองที่ต้องมาเดินเที่ยวและสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเอง เวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวเวนิสคือสัก 2-3 วันกำลังดี วันแรกเดินด้านนอก วันที่สองชมด้านใน วันที่สามแวะไปเกาะอื่นกำลังพอดี แต่ถ้ามีเวลาจำกัดเพียงหนึ่งวันก็สามารถทำได้เช่นกัน ได้เห็นสถานที่สำคัญรวมถึงเข้าชมที่เที่ยวด้านในด้วย ในตอนท้ายแถมมีเวลาเหลือเดินเลาะตามลำคลองอีก ลองแวะเข้าไปอ่าน
19. เดินออกมาจากย่านท่องเที่ยวหาอาหารราคาถูกกว่า
การเที่ยวบางทีเราก็มีงบประมาณที่จำกัด อันไหนจ่ายได้ก็จ่าย แต่ถ้าอันไหนที่แพงไปไม่สมเหตุสมผลก็ควรหลีกเลี่ยง เช่น ถ้าอยากทานอาหารลองเดินออกมาจากย่านท่องเที่ยวจะพบกับพื้นที่ด้านหลังมหาวิหารซันมาร์โกบนถนน Calle Larga S. Marco รวมร้านอาหารหลายประเภทในราคาที่ไม่แพง หรือลองแวะไปที่ตลาดสดของคนท้องถิ่นอย่าง Mercato di Rialto (Rialto Market) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานริอัลโต ที่นั่นมีอาหารสดขายรวมไปถึงผลไม้ในราคาคนท้องถิ่นอีกด้วย
20. น้ำเปล่าดื่มได้ เอาอาหารเที่ยงมาทานเอง
หลายคนอาจจะกังวลเรื่องน้ำเปล่าในเวนิส แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะเพราะว่าน้ำเปล่าในเวนิสดื่มได้ จะมีน้ำพุสามารถเตรียมกระป๋องน้ำไปกรอกได้เลยช่วยประหยัดค่าซื้อน้ำ นอกจากน้ำดื่มแล้วถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นลองเตรียมอาหารเที่ยวมาทานเองระหว่างวัน เช่น แซนวิช ข้าวกล่อง ซึ่งเราทำบ่อยเพราะติดนิสัยมาจากคนดัตช์เวลาไปเที่ยวจะเอาอาหารเที่ยงไปด้วย ที่สำคัญเราได้กินอาหารที่ชอบและยังเที่ยวสนุกตามงบประมาณที่ตั้งไว้
21. ระวังสัมภาระและการล่วงกระเป๋า
เวนิสเป็นเมืองที่เที่ยวได้ปลอดภัยแต่ก็เช่นกับเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ต้องดูแลและระมัดระวังทรัพย์สินของเราในพื้นที่ธารณะ เพราะมีคำเตือนการล่วงกระเป๋าบ่อยครั้งในพื้นที่พลุ่กพล่าน และถ้าเป็นไปได้ควรฝากกระเป๋าไว้ที่ตู้เก็บของในสถานีรถไฟจะได้เดินเที่ยวแบบอุ่นใจ
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡