พื้นที่นันทนาการป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อาลีซาน” ตั้งอยู่ในเทือกเขาใจกลางไต้หวัน ห่างจากเมืองเจียอี้ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 75 กิโลเมตร มีชื่อเสียงในเรื่องของเส้นทางชมธรรมชาติสุดโรแมนติก โดยรวมป่าไม้เขียวชอุ่มและต้นไม้โบราณอายุเฉลี่ยมากกว่า 1,000 ปี ไว้มากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามและความสงบของธรรมชาติอย่างเต็มที่
อาลีซานยังประกอบไปด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย เรียกได้ว่าสวยครบจบในที่เดียว ทั้งวิวอันตราการของพระอาทิตย์ขึ้นและตก ทะเลหมอก ต้นไม้ยักษ์อันน่าทึ่ง และทางรถไฟสายป่าอาลีซาน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ความงดงามทั้งหมดนี้ทำให้ใครหลายคนยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดในไต้หวัน
เมื่อวางแผนมาเที่ยวอาลีซานแน่นอนว่ามีหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง ในบทความนี้จะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับอาลีซาน โดยรวมแผนเที่ยวไว้ 2 วัน นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกำลังดี เพราะไม่ต้องเร่งทำเวลาจนเกินไป ทั้งนี้นอกจากที่เที่ยวและเส้นทางเดินป่าที่จะพาไปชมความสวยของอาลีซานด้วยตัวเองแล้ว ยังรวมถึงการเดินทางไปยังอาลีซาน ตามที่หลายคนกำลังค้นหากันอีกด้วย
เที่ยวอาลีซานเดือนไหนดี
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมอาลีซานคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงเมษายน) และฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคมถึงพฤศจิกายน) ซึ่งอาลีซานมีชื่อเสียงในเรื่องดอกซากุระบาน ช่วยวาดภาพโทนสีชมพูและสีขาว เมื่อบวกกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีสีสันแห่งความโรแมนติก จะเดินเที่ยวถ่ายรูปก็ได้ หรือปล่อยใจไปกับธรรมชาติที่เงียบสงบก็ดี
เส้นทางชมดอกซากุระในอาลีซาน → Meiyuan, Alishan Police Station, Hiking Entrance of Zhushan Trail, Zhaoping Station, Zhaoping Park, Giant Tree Cluster Trail, Three-generation Tree และ Cherry Blossom Trail เส้นทางเหล่านี้มีระยะทางรวมประมาณ 3.2 กม. และสามารถชมดอกซากุระได้นานาชนิด
นอกจากนี้ยังมีเทศกาล Alishan Cherry Blossom Festival ประจำปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ถึง 10 เมษายน ซึ่งเป็นเทศกาลดอกไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของไต้หวัน และดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมาก โดยมีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม การแสดง และแผงขายอาหารเพื่อเฉลิมฉลองการบานสะพรั่งของดอกซากุระอีกด้วย ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่วางแผนเยี่ยมชมอาลีซานในช่วงนี้ แนะนำให้ → จองโรงแรมในอาลีซานล่วงหน้า
ส่วนฤดูใบไม้ร่วงป่าของอาลีซานจะเปลี่ยนเป็นพรมสีแดง สีส้ม และสีเหลืองที่มีชีวิตชีวา ใบเมเปิ้ลช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าดึงดูดใจ ซึ่งตัดกันอย่างน่าทึ่งกับต้นไม้ยักษ์ที่เขียวชอุ่มตลอดปี เหมาะสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีและสัมผัสอุณหภูมิที่เย็นสบาย
วิธีเดินทางไปอาลีซาน (Taipei → Chiayi → Alishan)
อาลีซานเป็นหนึ่งในที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยที่สุดของไต้หวัน แบบตีคู่มากับ → อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ เลยก็ว่าได้ วิธีเดินทางไปอาลีซานสามารถเริ่มต้นได้ที่สถานีไทเป โดยเลือกระหว่างรถไฟความเร็วสูง (THSR) หรือรถไฟธรรมดา (TRA) ไปลงที่เจียอี้ ตัวเลือกนี้จะใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม. รวดเร็วทันใจ ในขณะที่การเดินทางด้วย TRA ใช้เวลา 3-4 ชม. จะมาพร้อมวิวธรรมชาติระหว่างทาง
เมื่อไปถึงเจียอี้แล้ว มีทางเลือก 2 อย่าง คือ นั่งรถบัสสายตรง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2.5 ชม. รถจะวิ่งผ่านภูมิประเทศแบบภูเขาอันเขียวชอุ่ม ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกและค่าใช้จ่ายไม่แพง สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสประสบการณ์รถไฟสายประวัติศาสตร์อาลีซาน จะมีรถไฟโบราณที่วิ่งจากเจียอี้ขึ้นไปบนภูเขา นำเสนอทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าไม้ การเดินทางในส่วนนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
Taipei → Chiayi
- THSR: รอบเช้าที่เร็วที่สุดคือเวลา 06:30-07:43 น. (1.13 ชม.) ราคา 1,080 TWD (ที่นั่งมาตรฐาน) 1,045 TWD (แบบไม่ระบุที่นั่ง) รถไฟออกบ่อยตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 06:26-22:16 น. อย่าลืม → ซื้อบัตรเดินทางรถไฟ THSR พร้อมรับส่วนลด 15% ล่วงหน้า
- TRA: Tze-Chiang Ltd. Express (3000) 161 → เวลา 06:03-09:13 น. (3.10 ชม. 598 TWD) ซื้อตั๋วได้ที่เว็บทางการของการรถไฟใต้หวัน
Chiayi → Alishan
- THSR: Bus 7329 → Alishan ให้บริการ 3 เที่ยวต่อวัน คือ 09:30, 10:10 และ 11:00 น. (2 ชม.) ราคา: 278 TWD ถ้าใช้บัตร EasyCard ลดเหลือ 122 TWD จุดขึ้นรถบัส: ป้ายเบอร์ 7 ตอนขึ้นรถคนขับจะให้คูปองสีเหลือง อย่าลืมเก็บไว้เพื่อนำมาเป็นส่วนลดค่าเข้าอุทยานแห่งชาติอาลีซานจาก 300 TWD ลดเหลือ 150 TWD ต่อคน
- TRA: Bus 7322 → Alishan ให้บริการ 4 เที่ยวต่อวัน คือ 05:55, 07:55, 09:55 และ 13:55 น. (13 ชม.) ราคา: 251 TWD
- Alishan Forest Railway: ให้บริการ 1 เที่ยวต่อวัน (Alishan Express No. 5) เวลา 10:00-14:56 น. เวลา: 2.5 ชั่วโมง ราคา: 600 TWD (ซื้อด้วยตนเองหรือทางออนไลน์)
ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติอาลีซาน
การเยี่ยมชมพื้นที่นันทนาการป่าสงวนแห่งชาติอาลีซานมีค่าธรรมเนียม ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงรักษาและอนุรักษ์พื้นที่ โดยแบ่งเป็นค่าเข้าเต็มจำนวน 300 TWD สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 150 TWD สำหรับพลเมืองท้องถิ่น ส่วนคนที่เดินทางมาด้วยรถบัสสามารถใช้คูปองสีเหลืองจากคนขับเป็นส่วนลดเหลือ 150 TWD ต่อคน
การเดินทางในอุทยานแห่งชาติอาลีซาน
พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติอาลีซานมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นวิธียอดนิยมที่นักท่องเที่ยวใช้กัน คือ นั่งรถไฟสายป่าอาลีซานไปยังเส้นทางเดินเที่ยวในเขตพื้นที่นันทนาการ ซึ่งรถไฟจะวิ่งจากสถานี Alishan ไปยัง 4 สถานี คือ Zhaoping (จุดเริ่มต้นเดินป่ายอดนิยม), Shenmu (สถานีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์), Zhushan (สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น) และ Duigaoyue การเดินทางใช้เวลาประมาณ 7-40 นาที ราคาตั๋ว 100-150 TWD รถไฟจะวิ่งในช่วงเวลาที่ต่างกัน (แต่ยังอยู่ในช่วงเวลาระหว่าง 09:00-16:30 น.) ยกเว้นรถไฟที่ไปสถานีซูจานจะให้บริการเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น สามารถซื้อตั๋วได้ที่สถานีอาลีซาน
นอกจากรถไฟสายป่าอาลีซานที่วิ่งไปยังเส้นทางสายย่อยแล้ว จะมีรถชัตเตอร์บัสไว้บริการเช่นกัน (รถบัสไฟฟ้า) ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 60 TWD รถบัสจะออกเดินทางจากด้านหน้าสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ผ่านป้ายที่อยู่ใกล้ที่เที่ยวสำคัญในอาลีซาน เช่น สวนเจ่าผิง เส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้ยักษ์ รวมถึงจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่สถานีซูจาน
เส้นทางรถไฟสายป่าอาลีซาน (Alishan Forest Railway)
รถไฟสายป่าอาลีซาน ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน มีทั้งหมด 2 สาย คือ รถไฟสายหลัก (Main Line) และรถไฟสายย่อย (Branch Line) ซึ่งรถไฟสายหลักจะวิ่งในพื้นที่ภูเขาตอนกลางของไต้หวัน จากสถานี Chiayi ไปสิ้นสุดที่สถานีอาลีซาน และ Shitzilu (Via Fenqihu) ส่วนรถไฟสายย่อยจะวิ่งในพื้นที่นันทนาการป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน (เมื่อไปถึงอาลีซานแล้ว) หรือเรียกง่าย ๆ คือ เป็นรถไฟที่ใช้สำหรับรับส่งนักท่องเที่ยวไปยังเส้นทางเดินป่าในอาลีซานนั้นเอง
อย่าลืมจองที่พักล่วงหน้า
ไม่ว่าจะมาเยือนอาลีซานในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง ก็ควรจองตั๋วเดินทางและที่พักล่วงหน้า เนื่องจากมีความต้องการสูง อีกอย่างโรงแรมในอาลีซานมีประมาณ 10 แห่ง ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ค่าที่พักต่อคืนอาจพุ่งสูงถึง 5,000-6,000 TWD เลยทีเดียว
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเยือนอาลีซาน
ทำอะไรได้บ้างที่อาลีซาน
กิจกรรมหลักในการเที่ยวอาลีซานก็คือนั่งรถไฟสายป่าอาลีซาน สำรวจเส้นทางเดินป่า ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางต้นไม้ยักษ์อันน่าทึ่ง เส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อายุหลายพันปี และสวนเจ่าผิงที่ขึ้นชื่อเรื่องดอกซากุระบาน นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวซูจานที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า อย่าลืมลองชิมอาหารท้องถิ่น เช่น ชาภูเขาอาลีซาน ข้าวหลอดไม้ไผ่ ไส้กรอกเลิศรส และอาหารพื้นเมือง
สามารถใช้แผนเที่ยว 2 วันในอาลีซานเป็นแนวทางได้ หรือ → กดที่ลิงก์นี้เพื่อดูแผนที่ ซึ่งรวมที่เที่ยวในอาลีซาน เส้นทางเดินป่า และวิธีเดินทางไปอาลีซานแบบครบถ้วน
วิธีใช้แผนที่ปักหมุด→ กดที่ลูกศรสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อดูแผนที่แบบเต็มหน้าจอ จากนั้นจะเห็นแผนที่ปักหมุดและเส้นทางเที่ยวทั้งหมดที่ทำเครื่องหมายไว้ ให้เลือกสถานที่เพื่อดูรายละเอียด หรือกดที่ปุ่มนำทางไปยังจุดหมาย ถ้าชอบแผนที่นี้สามารถกดที่รูปดาวเพื่อบันทึกลงในรายการโปรดสำหรับการเข้าถึงในอนาคต
วันที่ 1 → สำรวจเขตทัศนียภาพแห่งชาติอาลีซาน
เที่ยวอาลีซาน: เดินทางมาถึงอาลีซาน
อาลีซานมีสถานีรถบัสชื่อว่า “Alishan Bus Station” ตั้งอยู่บริเวณนอกเขตป่าอาลีซาน ใกล้กับสำนักงานจำหน่ายตั๋วเข้าชมป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน รถบัสทุกคันที่มาจากไทเป เจียอี้ ไถจง และทะเลสาบสุริยันจันทรา จะจอดที่นี่หรือเริ่มออกเดินทางจากที่นี่ ด้านในสถานียังมี 7-11 และเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถบัสกลับไปเจียอี้ (เปิดให้จองวันเดียวกันตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป) รวมไปถึงมีห้องน้ำและตู้ล็อกเกอร์ใกล้กับร้าน 7-11 อีกด้วย
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีรถบัสอาลีซานแล้ว สามารถรับกระเป๋าและเดินผ่านไปทางด้านหลังสถานี จะเจอกับสำนักงานจำหน่ายตั๋ว ให้ใช้ช่องซ้ายมือสุดเพื่อจ่ายค่าเข้าเข้าชมอุทยาน 300 บาท ถ้ามีคูปองสีเหลืองจากคนขับรถบัสสามารถใช้เป็นส่วนลดเหลือ 150 บาท เจ้าหน้าที่จะเก็บคูปองสีเหลืองไป
พอจ่ายเงินแล้วก็เดินผ่านทางเข้าเพื่อขึ้นบันไดและข้ามสะพานไปลงอีกฝั่ง ซึ่งจะเป็นทางเดินไปยังพื้นที่หลักของอาลีซาน มองเห็นจุดจอดรถชัตเตอร์บัสรับส่งนักท่องเที่ยวไปยังเส้นทางเดินป่า จากจุดนี้จะมีทางเดินลงเนินเขาต่อไปยังโรงแรม แนะนำให้จองโรงแรมใกล้ ๆ สถานีรถไฟอาลีซาน เพราะค่อนข้างเดินไกลอยู่เหมือนกัน ถ้ามาด้วยกระเป๋าเดินทางก็ลากกันสนุกเลย
เที่ยวอาลีซาน: เช็คอินและเอากระเป๋าไปเก็บ
เดินจากทางเข้าประมาณ 20 นาที ก็ถึงโรงแรมที่เราจองไว้ จากนั้นก็ทำการเช็คอินและเอากระเป๋าไปเก็บเพื่อที่จะได้เที่ยวแบบสบายตัว เท่าที่สังเกตจะเห็นว่าโรงแรมในอาลีซานส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในจุดเดียวกัน คือ ทางด้านหลังสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอาลีซาน (ติดกับเส้นทางรถยนต์) ยกเว้นโรงแรมอีกสองสามแห่งที่อยู่ใกล้กับสถานีเจ่าผิง
พอเก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็เดินตามถนนและเลี้ยวซ้ายขึ้นบันไดมาก็จะเจอกับสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอาลีซาน ตรงนี้เป็นพื้นที่หลักของอาลีซานเลยก็ว่าได้ เพราะรวมทุกอย่างไว้หมดเลย ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ที่จอดรถ แล้วก็จุดจอดรถชัตเตอร์บัสที่จะวิ่งเข้าไปยังที่เที่ยวต่าง ๆ ในอาลีซาน
ถ้ามาครั้งแรกแนะนำให้เดินไปที่สำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอาลีซานก่อน ด้านในมีเจ้าหน้าที่หลายคนคอยให้บริการ (สามารถพูดภาษาอังกฤษได้) รวมไปถึงมีแผนที่เดินเที่ยวด้วยตัวเอง ตารางเวลารถชัตเตอร์บัส ตารางเวลารถไฟอาลีซาน และตารางเวลารถบัสที่จะกลับไปเจียอี้ เรียกได้ว่ามีข้อมูลครบถ้วนเลย อีกอย่างเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลดีมาก แบบเวลาไปเที่ยวไหนเราก็ชอบเดินไปตรงนี้ก่อน บางทีก็จะมีแผนที่ฟรีให้ด้วย เก็บไว้ดูไม่ต้องกลัวหลง
เที่ยวอาลีซาน: ซื้อตั๋วรถไฟสายป่าอาลีซาน
พอได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่แล้วก็เดินต่อไปยังสถานีรถไฟอาลีซาน ผ่านบันไดหินที่อยู่ติดกับร้านอาหารสองถึงสามแห่ง ตรงบันไดมีต้นดอกซากุระหลายต้น เหมาะสำหรับการเก็บภาพสวย ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงที่เราไปกลางเดือนมีนาคม ดอกซากุระกำลังบานพอดี พอบวกกับช่วงหมอกลงแล้วทำให้ภาพบรรยากาศดูโรแมนติกแบบสุด ๆ ไปเลย
จากบันไดหินเดินไปอีกนิดเดียวก็จะเจอกับสถานีรถไฟอาลีซาน เป็นสถานีไม้สองชั้น ด้านในมีเคาน์เตอร์ขายตั๋ว แล้วก็ข้อมูลแสดงตารางเวลารถไฟ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วรถไฟไปสถานีเจ่าผิงได้จากตรงนี้ (ที่ไปสถานีนี้เพราะเจ้าหน้าที่แนะนำว่าเป็นจุดเริ่มต้นเดินป่าที่ดี จะเป็นเส้นทางเดินลงเนินเขา เหนื่อยน้อยกว่า ก่อนจะไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์พอดี แล้วก็นั่งรถไฟกลับมาที่นี่ได้) ราคาตั๋วรถไฟไปสถานีเจ่าผิง 100 บาท จ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้
สำหรับใครที่อยากไปชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าแนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้เลย ตั๋วเปิดขายตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น. ที่สถานีอาลีซาน ราคาตั๋ว 150 TWD ส่วนเวลารถไฟออกจากสถานีของวันถัดไปจะมีการประกาศเวลา 16:30 น. ที่สถานีหรือเว็บไซต์ทางการ เราก็เลยแพลนกันว่าซื้อตั๋วไว้ก่อน พอเดินเที่ยวในป่าเสร็จแล้วค่อยกลับมาดูตารางรถไฟอีกที
เที่ยวอาลีซาน: นั่งรถไฟไปที่สถานีเจ่าผิง
หลังจากได้ตั๋วรถไฟมาแล้วก็ไปยืนรอตรงช่องที่เขียนว่า “Zhaoping Line Ticket Gate” จะมีเจ้าหน้าที่มาเช็คตั๋ว (หนีบตั๋ว) และคืนให้เรา จากนั้นก็ไปยืนรอที่ชาญชลาได้เลย รถไฟจะมาถึงก่อนเวลาออกเดินทางประมาณ 5-10 นาที อ้อ ลืมบอกไปว่าตั๋วที่ซื้อมาจะไม่มีการจองที่นั่งนะคะ เราสามารถเลือกได้ตามสบายเลย ถ้าไปก่อนก็อาจจะได้เลือกที่นั่งด้านหน้า แต่ถ้าไปช้าก็อาจจะได้ที่นั่งท้าย ๆ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ต่างกันเท่าไร เพราะเป็นแบบฝั่งซ้ายและขวาหันหน้าเข้าหากัน
จากสถานีอาลีซานรถไฟจะวิ่งขึ้นเนินเขาผ่านป่าสูงใหญ่ ก่อนจะไปสิ้นสุดที่สถานีเจ่าผิง การเดินทางใช้เวลาเพียง 7 นาที รวดเร็วทันใจ จากตรงนี้จะยังไม่ถึงเส้นทางเดินป่า ต้องเดินไปอีกนิดหนึ่ง อีกอย่างตอนลงจากรถไฟอากาศหนาวมาก อุณหภูมิ 9 องศา หนาวจับใจ ที่สำคัญมีหมอกลงด้วย ทำให้มองอะไรไม่ค่อยเห็น แต่ก็เป็นภาพบรรยากาศที่แปลกตาไปอีกแบบ
จากสถานีเจ่าผิงพอเดินออกจากสถานีให้เลี้ยวขวาแล้วเดินไปตามเส้นทางที่เขียนว่า “Sister Ponds” ระยะทาง 380 เมตร เป็นทางเดินติดกับเส้นทางรถไฟ ผ่านโรงแรม Alishan Gou Hotel จากนั้นจะเจอกับทางแยก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าในอาลีซาน ให้เดินเลี้ยวซ้ายตามป้ายที่เขียนไว้อีก 210 เมตรไปยังทะเลสาบสองพี่น้อง
ระหว่างทางต้องบอกว่าบรรยากาศดีมาก ทางเดินง่าย มีป้ายบอกชัดเจน มองเห็นต้นไม้สูงใหญ่แบบต้องแหงนหน้ามองจนปวดคอ เอาจริง ๆ ความรู้สึกตอนที่หาข้อมูลก็ว่าตื่นเต้นแล้ว แต่พอได้มายืนอยู่ตรงนี้จริงๆ กลับตื่นเต้นมากกว่าเดิมอีก อารมณ์แบบตื้นตันมีความสุข เพราะเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดในไต้หวัน
เที่ยวอาลีซาน: ชมทะเลสาบสองพี่น้อง
ทะเลสาบสองพี่น้องเป็นหนึ่งในไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนอาลีซาน มีอยู่ด้วยกันสองแห่ง คือ ทะเลสาบพี่สาว “Elder sister pond” และทะเลสาบน้องสาว “Younger sister pond” ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ใกล้กัน เชื่อมด้วยเส้นทางเดินที่ได้รับการดูแลอย่างดี โดยทะเลสาบพี่สาวจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีศาลาไม้ตั้งอยู่ใจกลาง สามารถเข้าถึงได้โดยใช้สะพานไม้เล็ก ๆ ส่วนทะเลสาบน้องสาวจะมีขนาดเล็กกว่า รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงตระหง่าน
ทะเลสาบสองพี่น้องเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังเชื่อมโยงถึงตำนานลึกลับที่กล่าวว่ามีสองสาวพี่น้องชาวพื้นเมือง “Tsou” ตกหลุมรักชายคนเดียวกัน ทั้งสองตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อรักษาสายสัมพันธ์พี่น้อง ด้วยการกระโดลงไปในสระน้ำคนละแห่ง จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทะเลสาบสองพี่น้อง” ฟังแล้วก็น่าเศร้า
ถ้าเดินมาจากสถานีเจ่าผิงนักท่องเที่ยวจะเห็นทะเลสาบน้องสาวก่อน มีทางเดินปูด้วยหินล้อมรอบ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเดินไปยังด้านหน้าทะเลสาบพี่สาว ส่วนขวามือจะมีทางเดินปูด้วยไม้ไปยังด้านหลังทะเลสาบพี่สาว ถ้ามีเวลาแนะนำให้เดินทั้งสองด้าน เพราะสวยมาก โดยเฉพาะเส้นทางด้านหลังที่เป็นบันไดไม้ ถ่ายรูปออกมาคือสวยเวอร์วังอลังการ มองเห็นศาลาที่สะท้อนเงากับท้องฟ้าลงในน้ำอย่างลงตัว
ความน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างของทะเลสาบสองพี่น้องก็คือจะมีหมอกปรากฏขึ้นเป็นช่วง ๆ สร้างบรรยากาศลึกลับและโรแมนติกในเวลาเดียวกัน ในภาพจะมีทั้งช่วงก่อนที่หมอกจะลง หมอกลงแล้ว และหมอกจางหายไปแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาห่างกันไม่กี่นาทีเอง พอไปยืนถ่ายรูปออกมาแล้วชอบมาก อนุญาตให้ใช้คำว่า “สวย” ได้เปลืองแบบสุด ๆ ไปเลย
นอกจากทะเลสาบที่สวยจนต้องยอมแพ้แล้ว ยังมีมุมน่าสนใจอีก 2 แห่ง ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ คือ ต้นไม้สามพี่น้อง “The three brothers” และต้นไม้แห่งรักชั่วนิรันดร์ “Love forever” ซึ่งต้นไม้สามพี่น้องจะตั้งอยู่ทางซ้ายมือของทะเลสาบ เป็นต้นสนไซเปรสสามต้นเติบโตรวมกันเป็นกระจุก โดยเกาะอยู่บนหัวของต้นไซเปรสเก่าที่ถูกโค่น แสดงให้เห็นรากฐานที่มั่นคง
ส่วนต้นไม้แห่งรักชั่วนิรันดร์ จะตั้งอยู่ระหว่างทางไปวัดโซวเจิ้น เป็นยอดของต้นไซเปรสเก่าแก่สองต้นที่พัฒนามาเป็นสัญลักษณ์รูปหัวใจ แม้กิ่งก้านจะผุพังและร่วงหล่นแต่ก็แปรสภาพเป็นโคลนเพื่อสร้างสารอาหารให้ต้นไม้หยั่งยืนต่อไป เปรียบได้กับความรักชั่วนิรันดร์ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยการดูแลเอาใจใส่และทะนุถนอมของคนสองคน
เที่ยวอาลีซาน: เยือนสวนแมกโนเลีย (Magnolia Garden)
สวนแมกโนเลียตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบสองพี่น้อง 260 เมตร ผ่านเส้นทางเดินลงบันไดปูนไปยังวัดโซวเจิ้น เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายรูปสวย ในสวนจะมีทางเดินบันไดสำหรับเดินชมต้นแมกโนเลีย ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ดู่หลาน” เพราะมีกลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้ และเรียกอีกอย่างว่า “แมกโนเลีย” เพราะดอกไม้ของมันมีรูปร่างคล้ายดอกบัว
แมกโนเลียในสวนที่นักท่องเที่ยวเห็นจะมีหลายชนิด ทั้งแมกโนเลียสีม่วง แมกโนเลียญี่ปุ่น (ดอกสีขาว) และพันธุ์อื่น ๆ ที่สามารถพบเห็นได้ตลอดทั้งปี ถ้ามาถูกช่วงจะเห็นดอกแมกโนเลียบานสะพรั่ง ถ้าไม่ใช่ช่วงของมันอาจจะไม่มีดอกให้เห็น แต่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่แวะมาชมได้ เพราะเป็นเส้นทางต่อไปวัดโซวเจิ้นนั้นเอง
เที่ยวอาลีซาน: แวะพักที่วัดโซวเจิ้น (Shouzhen Temple)
ชมดอกแมกโนเลียเสร็จแล้วก็ต่อไปอีกนิดหนึ่งจะเจอกับจุดแวะพักที่น่าสนใจนั้นก็คือวัดโซวเจิน ตั้งอยู่ในพื้นที่บริการนักท่องเที่ยวเซียงหลิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Xianglin Service Area”
วัดโชเจิ้น (พระราชวังซู่เจิ้น) เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอาลีซาน ใช้สำหรับเป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติทางศาสนาในท้องถิ่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญจำนวนมากในแต่ละปี ด้านนอกวัดสวยมาก สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม เน้นการตกแต่งด้วยสีสันที่สดใสและการแกะสลักอย่างประณีต ส่วนด้านในมีห้องโถงหลักเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเทพเจ้าหลายองค์ ได้รับการตกแต่งด้วยงานไม้และจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงฉากในตำนานต่าง ๆ
ด้านหน้าวัดวัดโชเจิ้นจะเป็นพื้นที่บริการนักท่องเที่ยวเซียงหลิน ซึ่งรวมแผงขายอาหารและของที่ระลึกมากมาย ประมาณ 10-15 เจ้า เกือบทุกร้านมีป้ายบอกชื่อสินค้าเป็นภาษาจีน ในส่วนของราคาโอเคกำลังดี พอพูดถึงอาหาร เมนูที่เห็นกันส่วนใหญ่จะขายของกินทั่วไป เช่น มันเทศนึ่ง ข้าวโพดนึ่ง ลูกชิ้นต้ม ไข่ต้ม (คล้ายต้มพะโล้บ้านเรา) ไส้กรอกย่าง ซุปหน่อไม้ และข้าวหลาม แล้วก็ชาและกาแฟ ส่วนที่เหลือจะขายของที่ระลึกต่าง ๆ
แน่นอนว่าถ้ามาเที่ยวอาลีซานก็ต้องลองดื่มชาของที่นี่ เพราะเป็นของขึ้นชื่อ ที่สำคัญปลูกโดยเกษตรกรท้องถิ่น ถือเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นไปในตัว ชาที่แนะนำให้ลอง คือ ชาดำอาลีซานผสมน้ำส้มโอทับทิมและน้ำผึ้ง แก้วละ 80 TWD พอลองแล้วต้องบอกว่าอร่อยสมคำล่ำลือ รสชาติไม่ขมแต่หอมละมุนนุ่มลิ้นจนต้องซื้อกลับบ้าน จำง่าย ๆ ด้วยซองสีแดงมีรูปรถไฟสายป่าอาลีซาน เมนูเครื่องดื่มอีกหนึ่งอย่างที่ควรลองคือน้ำเยลลี่อ้ายหยู่ปิง (Aiyu Jelly) เป็นเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมของไต้หวันที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในแถบภูเขา เช่น อาลีซานและเฟิ่นฉี่หู
ในส่วนของอาหาร จริง ๆ เขามีเมนูขึ้นชื่อของอาลีซานด้วยเนาะ เป็นเมนูที่มีต้นตำรับมาจากชาวพื้นเมืองโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ผัดผักใบเขียว เนื้อย่างสไตล์ซัว ซุปถั่ว และกุ้งแม่น้ำทอดกรอบ แต่เหมือนที่นี่จะขายแต่ซุปหน่อไม้และข้าวกล่องเบนโตะ (ถ้าตามร้านอาหารใกล้สถานีรถไฟอาลีซานจะมีขายหมดเลย)
เราก็เลยตัดสินใจลองไส้กรอกกัน เพราะกินง่ายดี พอทานไปคำแรกอร่อยเลยจนต้องมีไม้ที่สอง เขาจะมีแบบที่ห่อกับข้าวเหนียวด้วย อันนี้ก็อร่อย ชิ้นละ 70-150 TWD ด้วยความที่อยากรู้ว่าเป็นไส้กรอกอะไร ก็เลยถามคุณป้าเจ้าของร้าน ป้าบอกว่าเป็นไส้กรอกหมูป่าสูตรพื้นเมืองของคนที่นี่ ก็เป็นอะไรที่แปลกและอร่อยดี สรุปค่าอาหารที่เราจ่ายไปสองคน 410 TWD อิ่มท้อง ที่สำคัญกระเป๋าไม่ฉีก มีแรงเดินเที่ยวต่อ
ก่อนจะเดินไปยังจุดต่อไปขอเพิ่มอีกหนึ่งว่าใกล้กับพื้นที่บริการนักท่องเที่ยวเซียงหลินจะมีจุดจอดรถชัตเตอร์บัสที่วิ่งมาจากอาลีซานด้วย ตรงนี้จะเป็นจุดที่อยู่ใกล้ที่สุดกับสถานีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ (รถจะไม่ไปถึงสถานีรถไฟ) นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางเดินป่า “Giant Tree Cluster Trail” เพื่อชมต้นไม้ยักษ์ขนาดมหึมาหลายต้น แต่ก่อนที่จะไปที่นั้นแนะนำให้เดินไปชม “King Cherry” ก่อน
เที่ยวอาลีซาน: ข้ามสะพานเซียงหลิน (Xianglin Arch Bridge)
ก่อนจะถึงสวนซากุระที่เราเกริ่นไปก่อนหน้านี้ ถ้าอยากได้ภาพสวย ๆ เหมือนเดินอยู่ในสวนญี่ปุ่น (ว่ากันว่าคล้ายกับทิวทัศน์จากเมืองเกียวโต) ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาเดินบนสะพานโค้งเซียงหลิน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของอาลีซาน
ตอนแรกที่ไปไม่คาดหวังว่ามันจะดีขนาดนี้ เพราะหมอกลงหนามาก แต่พอถ่ายภาพออกมาคือสวยจนต้องกดชัตเตอร์อีกรัว ๆ อย่าลืมขึ้นไปบนจุดชมวิวด้วยนะคะ มองลงมาจะเห็นฉากหลังเป็นต้นไม้สีเขียวชอุ่ม ถ้าวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสจะเห็นวัดวัดโชเจิ้นด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพโรแมนติกทั้งตอนกลางวันและกลางคืนเลย
เที่ยวอาลีซาน: ชมสวนดอกซากุระ (King Cherry)
สวนดอกซากุระเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องมาเยือนในอาลีซาน ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเจ่าผิงและสะพานเซียงหลิน ตอนแรกที่ไม่เดินมาตรงนี้ก่อนเพราะว่าถ้าจะไปที่ทะเลสาบสองพี่น้องต่อต้องเดินขึ้นเนินเขา อาจจะเหนื่อยหน่อย เลยตัดสินใจไปที่สระน้ำสองพี่น้องก่อนแล้วค่อยมาที่นี่ แล้วก็เป็นเส้นทางที่ดี เพราะเดินง่ายตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเลย
พอเดินมาถึงจะเห็นสวนสวนดอกซากุระที่มีทั้งต้นใหญ่และต้นเล็กประปรายกันไป ซึ่งต้นที่ใหญ่ที่สุดรู้จักกันในชื่อ “ราชาซากุระ” มีอายุมากกว่า 80 ปี ด้วยความที่มีขนาดใหญ่มากเลยต้องล้อมรั้วไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้ามาเด็ดดอกซากุระ ในภาพจะเป็นช่วงหมอกลงอีกเช่นเคย มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตัดแต่งกิ่งซากุระ ถ้าใครอยากเห็นราชาดอกซากุระบานสะพรั่งสวย ๆ แบบนี้ แนะนำให้มาช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนเมษายน โดยช่วงที่บานสะพรั่งมากที่สุดคือเดือนมีนาคม
เที่ยวอาลีซาน: เส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ (Xianglin Sacred Tree)
เมื่อชมราชาซากุระเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวมี 2 ตัวเลือก คือ เดินชมเส้นทางต้นไม้ยักษ์หรือเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับคนที่จะใช้วิธีเดินกลับไปยังสถานีรถไฟอาลีซานแนะนำให้ชมเส้นทางต้นไม้ยักษ์ก่อนแล้วค่อยเดินตามเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเดินกลับต่อจากเส้นทางสวนดอกซากุระที่ไปมาก่อนหน้านี้
ส่วนคนที่จะขึ้นรถไฟจากสถานีเซินมู่แนะนำให้เดินจากเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นเส้นทางลงเนินเขาไปยังเส้นทางต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเซินมู่พอดี ไม่อย่างนั้นก็ต้องเดินย้อนขึ้นเขากลับมาอีก ส่วนเราจะใช้วิธีเดินกลับไปยังสถานีรถไฟอาลีซานเนาะ (เพราะเที่ยวเพลินจนพลาดรถไฟขบวนสุดท้ายจากสถานีเซินมู่) ยังไงก็เผื่อเวลากันดีๆ น๊า
เส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอีกหนึ่งใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของอาลีซานที่ต้องไปเยือน ตั้งอยู่ห่างจากสวนดอกซากุระประมาณ 15 นาที เส้นทางนี้รวมไฮไลท์สิ่งน่าชมไว้หลายอย่าง โดยเฉพาะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เซียงหลิน ที่มีอายุกว่า 2,300 ปี สูง 45 เมตร กว้าง 12.3 เมตร น่าทึ่งมากจริง ๆ ซึ่งต้นไม้ที่นักท่องเที่ยวเห็นอยู่นี้จะเป็นรุ่นที่สอง เนื่องจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกเสื่อมโทรมและตายลง จึงได้มีการตั้งชื่อต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เซียงหลิน ทำให้กลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองของอาลีซานที่สืบสานประเพณีนี้มาอย่างยาวนาน
ใกล้ ๆ กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เซียงหลินจะเป็นทางเดินไปยังอนุสาวรีย์วิญญาณต้นไม้ จากปี 1935 เพื่อรำลึกและปลอบประโลมวิญญาณของต้นไม้ที่ถูกตัด รวมถึงมีอนุสรณ์สถานของดร.คาวาอิ ชิทาโร่ ที่สร้างขึ้นในปี 1932 เพื่อเป็นเกียรติแก่การมีส่วนสนับสนุนต่อทางรถไฟสายป่าอาลีซาน
เที่ยวอาลีซาน: ต้นไม้สามรุ่น (Three Generations Tree)
ไฮไลท์น่าชมอีกหนึ่งอย่างบนเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็คือต้นไม้สามรุ่นและต้นไม้งวงช้าง โดยต้นไม้สามรุ่นจะเป็นกลุ่มของต้นต้นสนไซเปรสแดงไต้หวันที่เหี่ยวเฉาและยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งต้นไม้รุ่นแรกมีอายุประมาณ 1,500 ปี เคยยืนสูงและแข็งแรง ก่อนที่ฐานจะผุพังและให้สารอาหารและพื้นที่แก่รุ่นที่สองในการหยั่งราก
ส่วนต้นไม้รุ่นที่สองนั้นโตมาจากซากของต้นแรก เมื่อเวลาผ่านไป ต้นไม้ต้นนี้ก็ตายไปเช่นกัน แต่ได้ทิ้งลำต้นที่แข็งแรงไว้ให้รุ่นที่สามได้งอกออกมา กลายเป็นต้นไม้ที่มีชีวิตในปัจจุบัน และยังคงเจริญเติบโตต่อไป เป็นสัญลักษณ์ของความยืดหยุ่นและวัฏจักรชีวิตที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในขณะที่ต้นไม้งวงช้างจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับต้นไม้สามรุ่น มองดูแล้วคล้ายกับงวงช้างนั้นเอง
สำหรับใครที่อยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับป่าสงวนอาลีซานรวมถึงเส้นทางรถไฟสายป่าอาลีซาน ลองแวะไปชมพิพิธภัณฑ์อาลีซาน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เซียงหลิน เป็นพิพิธภัณฑ์ทำจากไม้ขนาดเล็กระทัดรัด ด้านในมีนิทรรศการหลายอย่าง รวมถึงการจัดแสดงลำต้นของต้นไม้ที่บ่งบอกอายุไขผ่านขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่มากอีกด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:30-16:30 น.
เที่ยวอาลีซาน: เส้นทางต้นไม้ยักษ์ (Giant Tree Trail)
เส้นทางต้นไม้ยักษ์เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องมาให้ได้ ตั้งอยู่ถัดจากเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ความน่าสนใจของเส้นทางนี้คือเป็นทางเดินไม้สองแห่งที่เชื่อมถึงกันผ่านดงต้นไม้ยักษ์ มีความยาวรวมประมาณ 1,000 เมตร ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะพบกับต้นสนแดงไต้หวันขนาดใหญ่ 36 ต้น ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งตลอดเส้นทาง
ไฮไลท์ของเส้นทางต้นไม้ยักษ์ก็คือต้นไม้ยักษ์หมายเลข 28 ตั้งอยู่บนเส้นทาง “Giant Tree Plank Trail” ใกล้กับสถานีรถไฟเซินมู่ จำง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเดินลงมาจุดสุดเส้นทางแล้วจะเจอกับสะพานเซินยี่ ให้เดินข้ามสะพานนี้ไปอีกประมาณ 1-2 นาที จะเจอกับต้นไม้ยักษ์หมายเลข 28 ตั้งเด่นสง่าเป็นตัวแทนของความยั่งยืนของป่าไม้ในอาลีซาน
ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างน่าชมก็คือน้ำตกเซินยี่ (Shenyi Waterfall) เป็นหนึ่งใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของอาลีซานเช่นกัน ได้รับการตั้งชื่อตามสะพานเซินยี่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำและมีต้นไม้ยักษ์รายล้อมอยู่โดยรอบ สร้างทัศนียภาพที่งดงามของป่าและน้ำ พอมายืนอยู่บนสะพานจะมองเห็นรถไฟสายป่าอาลีซานได้อย่างพอดิบพอดี ส่วนขวามือจะเป็นวิวของน้ำตกจากด้านบน ถ้าเดินลงไปที่สถานีจะมองเห็นน้ำตกใกล้ ๆ สวยรับกับความเขียวขจีของป่าไม้
เที่ยวอาลีซาน: สถานีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ (Shenmu Station)
ไฮไลท์น่าชมแห่งสุดท้ายของการเที่ยวอาลีซานวันแรกก็คือสถานีเซินมู่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สถานีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นสถานีที่จะนำนักท่องเที่ยวกลับไปยังสถานีอาลีซาน บรรยากาศที่สถานีต้องบอกว่าสวยและคึกคักทีเดียวเพราะใกล้เวลาที่รถไฟขบวนสุดท้ายจะออก ถ้าใครอยากได้ภาพสวย ๆ กับรถไฟอาลีซานจากสถานีนี้ให้เดินข้ามทางรถไฟไปอีกฝั่ง พอถ่ายรูปออกมาจะเห็นรถไฟเป็นฉากหลังรับกับต้นไม้ยักษ์ได้สวยลงตัวพอดี ซึ่งมุมนี้เป็นมุมมหาชนที่เราจะเห็นกันบ่อย ๆ ในอินเทอร์เน็ต
ด้านหน้าสถานีสามารถมองเห็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งเดิมทีเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกในอาลีซาน และเคยเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณที่นี่ แต่เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยหลังจากเกิดภัยพิบัติและความเสียหายหลายครั้ง ต้นไม้จึงถูกโค่นในปี 1998 และกลับคืนสู่ธรรมชาติ เหลือให้เห็นถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ นับเป็นภาพที่ดูงดงามและน่าเศร้าถึงวัฏจักรของสรรพสัตว์ในโลกในเวลาเดียวกัน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางกลับไปยังสถานีอาลีซานสามารถซื้อตั๋วได้จากสถานีนี้ รถไฟขบวนสุดท้ายจะออกเวลา 16:30 น. ราคาตั๋ว 100 บาท
ส่วนคนที่จะเดินกลับไปยังสถานีรถไฟอาลีซานสามารถเดินต่อตามเส้นทางต้นไม้ยักษ์กลับไปยังเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็เดินต่ออีกประมาณ 30 นาที ก็จะถึงสถานีอาลีซาน เส้นทางเดินง่าย บางช่วงข้ามสะพานไม้ มีจุดชมวิว แล้วก็มุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมากเช่นกัน
ที่สำคัญอย่าลืมแวะไปดูประกาศเวลารถไฟไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สถานีอาลีซานด้วยน๊า ไม่งั้นก็ดูผ่านเว็บไซต์ทางการได้ สะดวกทั้งสองแบบ
วันที่ 2 → ชมพระอาทิตย์ขึ้น + แวะเที่ยวเฟิ่นฉี่หู
เที่ยวอาลีซาน: นั่งรถไฟไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สถานีซูจาน
วันที่สองของการเที่ยวอาลีซานแน่นอนว่าเราตื่นเช้าตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาขึ้นรถไฟจากสถานีอาลีซานไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สถานีซูจาน การเดินทางใช้เวลาประมาณ 24 นาที ผ่านดงป่าไม้ขนาดใหญ่และขึ้นเขาไปสิ้นสุดที่สถานีซูจาน ซึ่งตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของอาลีซาน พอมาถึงสถานีซูจานจะเจอกับทางเดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น อย่าลืมดูเวลารถไฟกลับจากสถานีไว้เผื่อด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่ทันรถไฟต้องเดินกลับใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
จุดชมวิวซูจานได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในอาลีซาน เนื่องจากสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และชมท้องฟ้าตอนกลางคืนได้เช่นกัน ถ้าไปยืนที่จุดชมวิวจะมองเห็นภูเขา ตุ้ยเกาเยว่ และวานซุยในเวลาเดียวกัน
วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใสจะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่สาดแสงสีเหลืองยามเช้าอย่างงดงาม แต่ถ้าวันไหนที่หมอกลงอาจจะต้องเผื่อใจไว้นิดหนึ่งเพราะมองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย แต่กลับเป็นสายหมอกหนาทึบที่มองเห็นแค่เพียงยอดภูเขาแบบหลาง ๆ แทน สงสัยต้องกลับมาซ้ำรอบที่สองแล้วเนาะ เอาเป็นว่าความรู้สึกโดยรวมของการมาเที่ยวอาลีซานในครั้งนี้สวยจนต้องเชียร์ให้มาเยือนด้วยตัวเอง
เที่ยวอาลีซาน: เช็คเอาท์ + จองตั๋วรถบัสกลับเจียอี้
หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้วนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟกลับมาที่สถานีอาลีซาน ถ้าต้องการเดินทางกลับเจียอี้แนะนำให้ไปจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าไว้ก่อนที่เคาน์เตอร์ใน 7-11 ตรงสถานีรถบัสที่นั่งมาตอนขามา เคาน์เตอร์เปิดเวลา 08:00 น. จากนั้นก็มาเก็บกระเป๋าและเช็คเอาท์เพื่อไปหาอาหารเช้าทาน และกลับไปรอขึ้นรถบัสที่สถานีได้เลย
ส่วนใครที่ไม่ได้จองตั๋วไว้ตรงสถานีจะมีแถวยืนรอ 2 แถว คือ คนที่สำรองที่นั่งและไม่ได้สำรองที่นั่ง ให้ยืนรอแถวที่ไม่ได้สำรองที่นั่ง แนะนำให้ไปตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะคนขับรถจะเรียกให้คนที่มีตั๋วขึ้นรถก่อน จากนั้นค่อยเป็นคิวของคนที่ไม่มีตั๋ว ถ้าที่นั่งเต็มก็ต้องรอรถรอบต่อไป เราใช้วิธีนี้เพราะจะแวะไปเที่ยวต่อที่เฟิ่นฉี่หู ไม่สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ ต้องไปซื้อกับคนขับรถแทน
ส่วนคนที่จะตรงไปเจียอี้เลยไม่แนะนำวิธีนี้ ให้จองตั๋วไว้ก่อนจะดีที่สุด โดยเฉพาะฤดูเทศกาลดอกซากุระ นักท่องเที่ยวเยอะมาก ย้ำว่ามากจริง ๆ
Alishan → TRA Chiayi → THSR Chiayi
มีรถบัส 2 สาย ไป TRA Chiayi คือ 7322C และ 7322D (แวะเฟิ่นฉี่หู) รถวิ่งเวลา 09:10, 11:40, 12:40, 13:40, 14:10, 14:40, 15:10, 15:40 และ 16:10 น. ค่ารถบัส 240 TWD ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางกลับไปสถานีรถไฟความเร็วสูงเจียอี้ สามารถนั่งรถบัส 7329 หรือ 7329A (แวะเฟิ่นฉี่หู) รถวิ่งเวลา 10:10, 13:30, 14:40 และ 16:40 น. ค่ารถ 278 TWD สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าในวันเดียวกันกับวันที่เดินทางได้ที่สถานีอาลีซาน หรือจ่ายด้วยเงินสดกับคนขับ หรือใช้ EasyCard หรือ iPass ก็ได้
เดินทางจากอาลีซานไปเฟิ่นฉี่หู (Alishan → Fenqihu)
สำหรับคนที่ต้องการแวะเที่ยวเฟิ่นฉี่หู สามารถนั่งรถบัสจากอาลีซานไปที่นี่ได้ (รถบัสสาย 7329A หรือ 7322D) ค่าโดยสาร 86 TWD ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ถ้าขึ้นรถบัสรอบแรกก็ไปถึงเฟิ่นฉี่หูช่วง 10 โมงเช้าพอดี (เราใช้วิธีนี้โอเคมาก) รถบัสจะจอดที่ป้าย Taichung City Chung-Ho Elementary School ใกล้กับสถานีดับเพลิง (ปกติจะไปจอดที่ Fencihu Terminal Station แต่ถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยว หรือวันเสาร์อาทิตย์ รถบัสอาจจะจอดแตกต่างกัน แนะนำให้ถามคนขับเพื่อความแน่ใจ) จากตรงนี้ก็เดินอีก 5-10 นาทีไปยังถนนสายโบราณเฟิ่นฉี่หู และใช้เวลาเดินเที่ยวรอบหมู่บ้านประมาณ 2-3 ชม.
ถ้าไม่ใช้บริการรถบัส จะมีรถไฟสายป่าอาลีซานที่วิ่งจากสถานีอาลีซานถึงสถานีเจียอี้เลย รอบเวลา 11:50-15:45 น. (Via Fenqihu เวลา 13:29 น.) การเดินทางใช้เวลา 4 ชั่วโมง 35 นาที
แวะเที่ยวเฟิ่นฉี่หูครึ่งวัน (Fenqihu)
สถานีเฟิ่นฉี่หูเป็นจุดแวะสำคัญของเส้นทางรถไฟสายป่าอาลีซาน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเจียอี้และอาลีซาน ที่ระดับความสูงประมาณ 1,400 เมตร หมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกตา ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของไต้หวัน และยังคงรักษาเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของรถไฟโบราณไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าไปเยือน
เมื่อมาถึงสถานีเฟิ่นฉี่หู นักท่องเที่ยวจะได้รับการต้อนรับด้วยบรรยากาศชวนคิดถึงของทางรถไฟสายเก่าและป่าอันเขียวขจี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเฟิ่นฉี่หูคือถนนสายเก่าโบราณ ซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านค้าแบบดั้งเดิมและแผงขายอาหารท้องถิ่น
อาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเฟิ่นฉี่หูคือกล่องเบนโตะ กล่องอาหารกลางวันบนรถไฟแสนอร่อย ซึ่งแต่เดิมเตรียมไว้สำหรับพนักงานรถไฟ การผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างข้าว หมูตุ๋น และผักดอง เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลอง
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวด้านอาหารแล้ว เฟิ่นฉี่หูยังมีกิจกรรมกลางแจ้งและจุดชมวิวอันหลากหลาย รวมไปถึงเส้นทางเดินป่า (Fenqihu Forest Trail) ยอดนิยมที่จะพาผู้มาเยือนผ่านป่าทึบ เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบของพื้นที่สีเขียว ชมต้นไม้ยักษ์และต้นไผ่ และความหลากหลายทางชีวภาพ เส้นทางเหล่านี้ไม่เพียงแค่ให้ความโรแมนติกชวนฝัน แต่ยังเดินง่าย เหมาะสำหรับนักเดินป่าทุกระดับ นับว่าเป็นวิธีที่สะดวกในการสำรวจธรรมชาติของเฟิ่นฉี่หูในเวลา 1-2 ชม.
เดินทางกลับจากเฟิ่นฉี่หูไปเจียอี้ (Fenqihu → Chiayi)
ขากลับจากเฟิ่นฉี่หูไปเจียอี้ จะมี 2 วิธี คือ ขึ้นรถบัสสาย 7322D ไปลงที่สถานี TRA Chiayi แล้วต่อ BRT Express ไป THSR Chiayi หรือนั่งรถบัสสาย 7329A ไปลงที่ THSR Chiayi เลย
อีกหนึ่งวิธีก็คือนั่งรถไฟอาลีซานโบราณ (Alishan Express) เส้นทางหลัก Shizilu-Chiayi จากสถานีเฟิ่นฉี่หูไปลงที่ TRA Chiayi (2.20 ชั่วโมง) แล้วต่อ BRT Express ไป THSR Chiayi (30 นาที) เราใช้วิธีนี้สนุกมากเลย โดยขึ้นรถไฟหมายเลข 2 รอบเวลา 14:30-16:51 น. (ก่อนที่รถไฟจะมาก็มีเวลาเดินเที่ยวเฟิ่นฉี่หูเกือบ 4 ชม.)
รถไฟจะวิ่งผ่านอุโมงค์และเส้นทางธรรมชาติบนภูเขาที่สวยมาก บางช่วงจะวิ่งผ่านพื้นที่หมู่บ้านของคนท้องถิ่นด้วย แบบตั้งอยู่ติดกับสถานีเลย จากนั้นอีกประมาณ 3-4 สถานีท้าย ๆ รถไฟจะวิ่งลงเขาผ่านเมืองเจียอี้ ก่อนจะไปสิ้นสุดที่สถานี TRA Chiayi นั้นเอง ค่ารถไฟอาลีซานโบราณ 384 TWD สามารถจองตั๋วได้ที่เว็บทางการ Alishan Express
จากสถานี TRA Chiayi → THSR Chiayi
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีรถไฟท้องถิ่นไต้หวัน สามารถใช้บริการ BRT Express หรือรถชัตเตอร์บัสที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสารฟรีระหว่างสถานีรถไฟความเร็วสูง THSR Chiayi และสถานีรถไฟธรรมดา TRA Chiay การเดินทางใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
จุดขึ้นรถ BRT Express จาก THSR Chiayi จะอยู่ทางด้านหน้าสถานี มีป้ายเขียนว่า BRT ส่วนที่ TRA Chiayi จะอยู่ทางด้านหลังสถานี สามารถขึ้นลิฟต์ไปยังทางเชื่อมแล้วเดินข้ามไปอีกฝั่ง จากนั้นใช้ประตูทางออกที่ 1 (รถจะมาจอดที่ประตูหมายเลข 2) ตอนขึ้นรถอย่าลืมบอกคนขับว่าจะไปสถานีรถไฟความเร็วสูง คนขับจะให้ตั๋วฟรีมาสแกนที่เครื่องอ่านการ์ด ก่อนลงรถก็คืนการ์ดให้คนขับ
การเดินทางกลับไทเปจากเมืองเจียอี้ (THSR Chiayi → Taipei)
หลังจากเดินทางมาถึงสถานี THSR Chiayi สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับไทเปได้ในเวลา 1 ชม. 25 นาที รถไฟให้บริการจนถึงเวลา 22:32 น. ขบวนสุดท้าย คือ รอบเวลา 22:32-23:59 น. แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์มาก่อน โดยใช้ THSR Pass แบบเที่ยวเดียว เพื่อรับส่วนลด 20% เหลือ 860 TWD จากราคาปกติ 1,080 TWD หรือใช้ THSR Pass แบบยืดหยุ่น 2, 3 หรือ 5 วัน เพื่อโดยสารรถไฟ THSR ไม่จำกัดตามวันที่กำหนด
ถ้าไม่ได้จองตั๋วมาก่อนจะมีตั๋วแบบ Non-reserved Cars Only ตู้ที่ 10-12 ไปซื้อที่เคาน์เตอร์ได้เลย ราคา 1,045 TWD ซึ่งถูกกว่าตั๋วราคาปกตินิดหนึ่ง ตั๋วนี้คล้ายกับตู้ที่นั่งมาตรฐานเพียงแต่เราจะไม่ได้จองที่นั่งมาก่อน แบบไปลุ้นที่หน้างานเอา แต่ส่วนใหญ่ตู้เหล่านี้จะไม่ค่อยเต็ม รอบที่เราไปก็ยังมีที่นั่งว่างเหลือเต็ม เลยโชคดีได้นั่งจนถึงไทเป
เที่ยวอาลีซาน ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวอุทยานแห่งชาติอาลีซาน 2 วัน 1 คืน สำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 7,974 TWD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 9,075 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าเช่ารถ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 500-2,500 TWD
โฮสเทล: 500-2,000 TWD
การเดินทาง: 860-2,500 TWD
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 100-450 TWD
รถเช่า: 1,000-1,500 TWD
อาหาร: 50-300 TWD/มื้อ
เครื่องดื่ม: 60-250 TWD/วัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡