กำลังมองหาประเทศน่าเที่ยวในเอเชียที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงอยู่ไหม? แน่นอนว่าไต้หวันเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์การเที่ยวสายประหยัดได้ดี โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและประวัติศาสตร์ รวมไปถึงสถานที่ยอดฮิตที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพสวย ๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญเรื่องกิน เรื่องชอป และการเดินทางสบายหายห่วง จะไปคนเดียว ไปกับกลุ่มเพื่อน ไปกับคนรัก หรือไปกับครอบครัวก็เป็นทริปที่ลงตัว
สำหรับแผนไต้หวันด้วยตัวเอง 7 วัน ที่เรานำมาแชร์กันในบทความนี้ จะครอบคลุมการเที่ยวในไทเป 4 วัน รวมการเที่ยวถนนโบราณจิ่วเฟิ่นและอุทยานธรณีเย่หลิ่วแบบเดย์ทริป ในขณะที่ 3 วันที่เหลือจะเป็นการเที่ยวทาโรโกะแบบเดย์ทริป และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน (2 วัน) รวมเที่ยวเฟิ่นฉี่หู และนั่งรถไฟสายป่าอาลีซาน
อย่าลืมแวะไปอ่าน → เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์
สิ่งที่ต้องทำก่อนเดินทางไปไต้หวัน
ตั๋วที่สามารถซื้อล่วงหน้าไว้ก่อนได้
ที่พักน่าสนใจในไทเป
ถ้ากำลังมองหาที่พักราคาประหยัดและเดินทางสะดวกแนะนำให้พักในย่านจงซาน ซีเหมินเติง หรือสถานีไทเป เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน จะได้ไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกล อีกอย่างก็หาของกินง่าย ถ้าจะไปที่เที่ยวยอดนิยมในไทเปก็ต่อรถสะดวก
ที่พักน่าสนใจในเขตจงซาน → Stay Inn Taipei ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟ Shuanglian เพียง 5 นาที ห้องพักใหญ่มาก ยังแอบตกใจตอนไปถึง เพราะหรูกว่าที่คิดไว้ แล้วก็สะอาดด้วย มาพร้อมหน้าต่างและวิวเมือง ในห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ ทั้งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตู้เย็น กาต้มน้ำ ตู้เสื้อผ้า และโซฟา
ที่ชอบมากก็คือห้องน้ำกว้าง น้ำในฝักบัวไหลแรงดี ที่สำคัญคือมีชักโครกไฟฟ้าอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิได้ ถือว่าคุ้มเงินแล้ว ส่วนด้านล่างโรงแรมจะมี 7-11 แล้วก็คาเฟ่ที่กาแฟและแซนวิชมื้อเช้าอร่อยมาก ค่าที่พักจ่ายไป 2,372 TWD ตกคืนละประมาณ 790 บาท หารกัน 2 คนยิ่งถูกไปอีก นับว่าเป็นที่พักราคาประหยัดและเดินทางสะดวกที่น่าเก็บไว้พิจารณา
วิธีเดินทางในไต้หวันด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงเมืองใหญ่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยรถไฟความเร็วสูง (THSR) ซึ่งเชื่อมต่อเมืองสำคัญตามแนวชายฝั่งตะวันตกตั้งแต่ไทเปถึงเกาสงโดยใช้เวลาเพียง 90 นาที ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง 40-1,530 TWD (ที่นั่งมาตรฐาน)
ในขณะที่เครือข่ายรถไฟธรรมดา (TRA) จะครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ รวมถึงพื้นที่ชนบทและแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ แม้จะใช้เวลาที่นานกว่ารถไฟความเร็วสูง แต่มีรถไฟความเร็วพิเศษไว้บริการ เช่น Taroko Express, Tze-Chiang Ltd. Express (3000) และ Puyuma ทำให้เป็นตัวเลือกการเดินทางที่ค่อนข้างประหยัดกว่ารถไฟความเร็วสูง ค่าโดยสารอยู่ระหว่าง 400-600 TWD ส่วนค่าโดยสารรถไฟธรรมดาจะอยู่ระหว่าง 20-100 TWD
ไต้หวันยังมีระบบระบบขนส่งมวลชน (MRT) ในไทเปและเกาสง ที่เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองอย่างรวดเร็ว และสามารถชำระค่าโดยสารโดยใช้ EasyCard หรือ iPASS ได้ด้วย โดยอัตราค่าโดยสารมาตรฐานจะอยู่ระหว่าง 20-65 TWD
นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางที่มีราคาถูก ประมาณ 15-30 TWD (เที่ยวเดียว) และสามารถเข้าถึงจุดต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงเช่นกัน
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง 7 วัน
เที่ยวไทเป (Day 3)
เที่ยวไทเป (Day 4)
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → วันที่ 1
วันแรกของการเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง จะเริ่มตั้งแต่การออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินเถาหยวนในไทเป ใช้เวลาประมาณ 3.55 ชม. เมื่อมาถึงแล้วก่อนที่จะเดินทางเข้าเมืองมีสิ่งที่ต้องทำ 5 อย่างด้วยกัน คือ
- รับกระเป๋าเดินทาง: ตามสายพานที่กำหนดไว้บนป้ายบอกเที่ยวบิน
- ตรวจกระเป๋าและสำแดงของต้องห้าม: ที่จุดตรวจศุลกากร
- ด่านตรวจคนเข้าเมือง: ยื่นพาสปอร์ตและบอร์ดดิ้งพาสเพื่อตรวจสอบและประทับตราเข้าเมือง
- ซื้อซิมการ์ดไต้หวัน: แนะนำซิมการ์ดของชองวา เพราะสัญญาณแรงดี ร้านขายซิมการ์ดจะตั้งอยู่ในโถงผู้โดยสารขาเข้าหลังออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว ถ้าซื้อออนไลน์ล่วงหน้ามาก่อนให้ไปรับบัตรได้ที่เคาน์เตอร์ Klook
- ซื้อบัตร EasyCard และเติมเงินในบัตร: ใช้สำหรับเดินทางด้วย MRT เข้าเมือง สามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ Klook หรือที่ตู้อัตโนมัติหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน แล้วนำไปเติมเงินที่ตู้อัตโนมัติสีฟ้า
สิ่งที่ต้องทำข้างต้นใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถ้ามาถึงตอนเที่ยวบินลงเยอะ ๆ อาจจะใช้เวลานานกว่านี้ ยังไงแนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 2 ชม. อย่าลืมปรับเวลาด้วยน๊า เพราะที่ไต้หวันเร็วกว่าไทย 1 ชม. สำหรับรายละเอียดทั้งหมดสามารถแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ → แผนเที่ยวไทเปด้วยตัวเอง 4 วัน
วิธีเดินทางจากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเป
วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินทางจากสนามบินเถาหยวนไปไทเปคือการนั่งรถไฟใต้ดินขบวนเร็ว สายสีม่วง (Express) การเดินทางใช้เวลา 46 นาที ค่าโดยสาร 150 TWD รถไฟให้บริการเวลา 05:58-00:39 น. ความถี่เฉลี่ยทุก ๆ 15 นาที
ค่าโดยสารรถไฟใต้ดินจากสนามบินเถาหยวนเข้าเมืองไทเปสามารถจ่ายได้ 3 วิธี คือ ใช้บัตร EasyCard ซื้อเหรียญเดินทาง หรือจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต สะดวกทั้ง 3 วิธี
เมื่อสแกนบัตรหรือเหรียญเดินทางที่ประตูทางเข้าแล้ว ให้เดินเลี้ยวขวาลงบันไดเลื่อน เพื่อไปรอขึ้นรถที่ชาญชลาหมายเลข 2 (ฝั่งซ้ายมือ) ซึ่งเป็นเส้นทางไปยัง Taipei Main Station
รถไฟใต้ดินออกตรงเวลา ในรถไฟมีที่นั่งและจุดวางกระเป๋าเดินทาง ถ้าคนเยอะที่นั่งเต็มก็ต้องยืน ระหว่างทางก็ดูวิวบ้านเมืองเพลิน ๆ โดยรวมแล้วสะดวกสบายและรวดเร็ว
นอกจากการรถไฟใต้ดินเถาหยวน ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกในการเดินทางไปยังไทเปคือการขึ้นรถบัสสาย 1819 จากสนามบินเถาหยวนตรงไปยังใจกลางเมืองไทเป รถบัสจะให้บริการจากจากเทอมินอล 1 และ 2 และไปสิ้นสุดที่สถานี Taipei Station (East 3) รวมทั้งหมด 7 ป้าย การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชม. รถบัสให้บริการเวลา 00:10-23:30 น. ความถี่ทุก ๆ 20-30 นาที ค่าตั๋ว 140 TWD (EasyCard หรือ iPass)
จากสถานีไทเปต่อไปย่านที่พัก
หลังเดินทางมาถึงสถานีไทเปนักท่องเที่ยวสามารถต่อรถไฟใต้ดินสายต่าง ๆ ไปยังที่พักสะดวก ไม่ว่าจะเป็นย่านจงซาน ซีเหมินเติง หรือสถานีไทเป โดยใช้บัตร EasyCard ที่ซื้อมา
- ไปย่านจงซาน → ให้ต่อรถไฟใต้ดินสายสีแดง (Tamsui-Xinyi Line) อีก 1-2 สถานี ไปลงที่สถานี Songshan หรือ Shuanglian (20 TWD / 2-5 นาที)
- ไปย่านเหมินเติง → ให้ต่อรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน (Bannan Line) อีก 1 สถานี ไปลงที่สถานี Ximen และใช้ทางออกหมายเลข 6 ที่อยู่ด้านหน้าถนนสายรุ้ง (20 TWD / 2 นาที)
- ไปย่านสถานีไทเป → ใช้ประตูทางออกที่อยู่ใกล้กับที่พักแล้วนั่งรถบัสหรือเดินไป
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: วัดหลงซาน (Lungshan Temple)
เก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย เราก็จะมาเริ่มกันด้วยที่เที่ยวแห่งแรกนั้นก็คือวัดหลงซาน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในไต้หวัน สร้างขึ้นเพื่อถวายสักการะแด่เจ้าแม่กวนอิม และยังทำหน้าที่เป็นสถานที่สักการะบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าหลายองค์ วัดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการมากราบไหว้ขอพรด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการขอพรความรักกับเทพเย่ว์เหล่า หรือ “ผู้เฒ่าจันทรา”
การขอพรมักเริ่มจากขวามือวนไปทางซ้ายสุด แล้วนำธูปกลับมาปักที่กระถางด้านหน้าโต๊ะบูชา (ปัจจุบันไม่ใช้ธูปแล้วเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม) นอกจากความศักดิ์สิทธิ์แล้ววัดยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตระการตา เน้นการตกแต่งด้วยสีทอง สีแดง และสีส้มเป็นหลัก สวยทั้งตอนกลางวันและคืน เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของไทเปที่ห้ามพลาดเลย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ถนนสายรุ้ง (Rainbow Road)
จากวัดหลงซานก็ไปต่อกันที่ถนนสายรุ้ง ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตในย่านซีเหมินเติง ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดินซีเหมินเติง ฝั่งทางออกหมายเลข 6 เดินออกมาก็จะเจอเลย ถนนนี้ยาวไม่มากนัก แต่กลับดึงดูดความน่าสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่จะพลุ่กพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างก็มารอถ่ายภาพ มาเดินตลาดกลางคืน ทั้งยังมีการเต้นโคฟเวอร์และการแสดงดนตรีสดบนถนนสายนี้อีกด้วย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ตลาดกลางคืนซีเหมินเติง (Ximending Night Market)
ชมถนนสายรุ้งแล้วอย่าลืมมาเดินตลาดซีเหมินเติงกันต่อ ตลาดนี้เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของไทเป มีขนาดใหญ่มากและมีตรอกซอยหลายแห่ง ทุกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารน่าแวะ ตอนกลางคืนคนเยอะมาก มีการแสดงเปิดหมวกด้วย บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนที่มาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อของ นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ชอปปิง และลิ้มลองอาหารท้องถิ่น
อาหารน่าทานเมื่อมาเยือนตลาดซีเหมินเติงมีอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นที่ไม่ควรพลาดก็คือ “บะหมี่อาจง” (Ay-Chung Flour-Rice Noodle) เป็นร้านเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1975 ขึ้นชื่อเรื่องบะหมี่แป้งข้าวเจ้าที่เหนียวนุ่มและน้ำซุปที่เข้มข้น ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินซีเหมินเติง ถ้าเดินจากประตูทางออกที่ 6 ตรงไปจนสุดถนนก็จะเจอร้านตั้งอยู่ซ้ายมือเลย
ร้านนี้ต้องบอกว่าคนต่อคิวเยอะมาก มีบะหมี่ให้เลือก 2 แบบ คือ ขนาดเล็ก 60 TWD และขนาดใหญ่ 75 TWD พนักงานทำเร็วมาก แบบตักเส้น ใส่น้ำซุป พร้อมเสิร์ฟในถ้วยกระดาษ เรารอไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ทาน รสชาติคล้ายกระเพาะปลา อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม แต่ถ้าอยากปรุงเพิ่มจะมีน้ำส้มสายชู กระเทียม แล้วก็พริก อีกอย่างร้านไม่มีที่นั่งนะคะ ต้องยืนทาน ถ้าทานช่วงอากาศเย็นอุ่นท้องกำลังดี
นอกจากนี้ยังมีอาหารน่าทานหลายอย่างในตลาดซีเหมินเติง เราลิสต์มาให้เผื่อไปตามกันต่อ:
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → วันที่ 2
(Yehliu + Jiufen)
เชื่อเลยว่าแผนเที่ยวไต้หวันของใครหลายคน ต้องมีที่เที่ยวอย่างเย่หลิวและจิ่วเฟิ่นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะทั้งสองแห่งไม่ใช่แค่สวยจนน่าเยือนไปด้วยตัวเอง แต่ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากไทเปประมาณ 40 กม. และมีรถบัสสายตรงเดินทางไปถึงที่นั้นเลย ดังนั้นแผนการเที่ยววันที่ 2 เราจะพาไปเที่ยวเย่หลิ่วและจิ่วเฟิ่นด้วยกัน
วิธียอดนิยมในการเที่ยวเย่หลิวและถนนโบราณจิ่วเฟิ่นก็คือไปแบบเดย์ทริป โดยเริ่มต้นที่เย่หลิ่วก่อน ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. จากนั้นเดินทางต่อไปยังถนนโบราณจิ่วเฟิ่น พอไปถึงก็ตกบ่ายพอดี มีเวลาเดินเล่น 3-4 ชั่วโมงจนค่ำ ได้เห็นแสดงไฟประดับที่สวยตามร้านน้ำชา แล้วค่อยเดินทางกลับไทเปตอนเย็น มีเวลาไปเดินตลาดกลางคืนในไทเปต่อ วิธีนี้นับว่าเป็นแผนที่ลงตัว เพราะได้เห็นที่เที่ยวทั้งสองแห่งในเวลาที่ไม่เร่งรีบ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง
เที่ยวอุทยานธรณีเย่หลิ่ว (Yehliu Geopark)
อุทยานธรณีเย่หลิวเป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มีความยาวประมาณ 1,700 เมตร ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของไต้หวัน เป็นดินแดนมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่มีชื่อเสียงจากหินรูปร่างแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นหินเศียรราชินี หินเจ้าหญิงขี้เล่น และหินเห็ด ฯลฯ ซึ่งถูกกัดเซาะมาเป็นเวลานับพันปี จากคลื่นทะเลและลม อีกทั้งยังรวมไปถึงการเคลื่อนตัวของธรณีวิทยา จนทำให้เกิดอุทยานธรณีเย่หลิวแบบที่เราเห็นอยู่นั้นเอง
วิธีเดินทางไปเย่หลิว (Taipei → Yehliu)
วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดไปยังเย่หลิวคือการนั่งรถบัสสายตรง 1815 จากไทเป รถจะวิ่งจากใจกลางเมืองผ่านเขตซีจื้อของเมืองนิวไทเป รวมถึงเขตชีตูและอันเล่อของเมืองจีหลง รวมทั้งหมด 59 ป้าย โดยจะจอดที่เย่หลิวป้ายที่ 42
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 90 นาที รถบัสวิ่งเวลา 07:00-23:10 น. ความถี่ทุก ๆ 10-20 นาที (ชั่วโมงเร่งด่วน) และ 20-30 นาที (ชั่วโมงปกติ) ค่าตั๋ว 99 TWD (EasyCard หรือ iPass)
จุดขึ้นรถบัส 1518 จะอยู่ที่ Kuo-kuang Motor Transport Taipei Main Station ฝั่งทางออกหมายเลข M2 (กดเพื่อดูแผนที่) เมื่อเดินออกจากสถานีก็จะเจอกับป้ายจอดรถเลย
หลังเดินทางมาถึงเย่หลิวรถจะจอดที่ป้ายบนถนนฝั่งตรงข้ามกับทางเข้า ให้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง จากนั้นเดินตามถนนตรงไปอีก 12 นาที ผ่านท่าเรือประมงเย่หลิวและวัดเย่หลิวเป่าอานก็จะเจอกับทางเข้าอุทยานธรณีเย่หลิวอยู่ทางซ้ายมือ
ซื้อตั๋วเข้าชมเย่หลิว
อุทยานธรณีเย่หลิวมีค่าเข้าชม 120 TWD สามารถซื้อได้ที่สำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยว จ่ายได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด นักท่องเที่ยวยังสามารถ → ซื้อตั๋วเข้าชมเย่หลิวได้ล่วงหน้า แล้วนำเวาเชอร์มาสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อรับตั๋วฉบับจริงได้ที่นี่ สะดวกเหมือนกัน พอได้ตั๋วแล้วก็เดินวนไปทางด้านหลังสำนักงานบริการข้อมูลเพื่อแกนตั๋วที่ประตูทางเข้า แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาทีก็จะเจอกับเขตอุทยานธรณีเย่หลิวที่ยื่นออกไปในทะเล เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08:00-17:00 น.
เที่ยวเย่หลิวทำอะไรได้บ้าง
กิจกรรมหลักในการเที่ยวเย่หลิวก็คือการเดินชมหินที่มีรูปร่างแปลกตา โดยเฉพาะ “Queen’s Head” ซึ่งเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ มีลักษณะคล้ายกับเศียรของราชินี (ถ้าใครอยากถ่ายรูปกับหินนี้แนะนำให้ไปตั้งแต่เช้า เพราะคิวต่อแถวยาวมาก) รวมไปถึงหินที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น หินรูปหัวใจ หินไอศกรีม หินทรงกระบอกที่ดูเหมือนเทียน หินรูปร่างคล้ายรองเท้า แล้วก็หินรูปร่างคล้ายเห็ด ฯลฯ
นอกจากการเดินชมหินรูปร่างแปลกตาแล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าสำหรับชมทิวทัศน์ที่สวยงามของแหลมทะเลอีกด้วย จุดเริ่มต้นจะอยู่ใกล้กับร้านขายหนังสือ เส้นทางเดินง่ายแต่อาจจะแคบนิดหนึ่ง ถ้าเดินไปเรื่อยๆ จะเจอกับประภาคารเดินเรือ มีจุดชมนก และจะไปสิ้นสุดที่จุดชมวิวปลายเส้นทาง มองเห็นทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เมื่อชมอุทยานธรณีเย่หลิวเสร็จแล้วสามารถใช้ประตูทางออกด้านขวามือที่จะนำเรากลับไปยังสำนักงานบริการข้อมูล ระหว่างทางจะเจอกับร้านค้าหลายแห่ง ขายทั้งอาหารเครื่องดื่มและของที่ระลึก ถ้าหิวหรืออยากได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็แวะไปเดินดูกันได้
เที่ยวถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street)
หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen Old Street) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไต้หวัน ตั้งอยู่บนภูเขาสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องตรอกซอกซอยแคบ ๆ ของเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยร้านน้ำชา แผงขายอาหารริมทาง และร้านขายของที่ระลึก ใกล้กับใจกลางเมืองเก่ายังมีโรงละครจากปี ค.ศ. 1900 รวมไปถึงมีพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำ ซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองในฐานะศูนย์กลางการทำเหมืองแร่ในช่วงยุคตื่นทองของญี่ปุ่นอีกด้วย
วิธีเดินทางไปจิ่วเฟิ่น จากเย่หลิ่ว (Yehliu → Jiufen )
วิธีเดินทางไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) จากเย่หลิ่วที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถบัสสาย 790 (เส้นทาง Jinshan → Keelung) ไปลงที่จีหลง ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection (30 TWD / 59 นาที) และต่อรถบัสสาย 788 ไปยังถนนโบราณจิ่วเฟิ่น (30 TWD / 53 นาที)
จุดขึ้นรถบัส 790 จะอยู่ที่ป้ายเย่หลิว (กดเพื่อดูแผนที่) ตรงถนนฝั่งตรงข้ามทางเดินไปยังอุทยานธรณีเย่หลิว นอกจากรถบัสสาย 790 แล้ว ยังมีรถบัสสาย 862 ที่วิ่งจากเย่หลิวมาที่ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection เช่นกัน โดยจะวิ่งมาจอดฝั่งเดียวกับถนนนี้โดยไม่ต้องข้ามถนนเลย
ส่วนจุดขึ้นรถบัส 788 จะอยู่ที่ป้าย Zhong 1st & Xiao 1st Intersection (กดเพื่อดูแผนที่) ถ้ามาจากสถานีรถไฟ TRA จีหลง สามารถเดินตามถนน Zhongyi ไป 4 นาทีจะเจอกับป้ายรถเมล์นี้ สำหรับใครที่มาจากเย่หลิวด้วยรถบัส 790 สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปก็จะเจอกับป้ายรถเมล์นี้เช่นกัน
นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางจากไทเปไปจิ่วเฟิ่นเลย มีรถบัสสาย 1062 ตรงจากใจกลางเมืองไทเปไปยังจิ่วเฟิ่น (94 TWD/ 1 ชม.) หรือนั่งรถไฟ TRA ไปลงที่จีหลงก่อน (76 TWD/ 1.10-1.30 ชม.) จากนั้นต่อรถบัสสาย 788, 825, 827, 856, 965 และ 1062 ไปลงที่จิ่วเฟิ่น (15 TWD/ 15 นาที)
เที่ยวจิ่วเฟิ่น: ทำอะไรได้บ้าง
ถนนโบราณจิ่วเฟิ่นมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเลือกทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินสำรวจตรอกซอกซอยอันมีเสน่ห์ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เหมาะสำหรับการลิ้มลองอาหารริมทางชื่อดังของจิ่วเฟิ่น เช่น บัวลอยเผือก ลูกชิ้นสูตรโบราณ เต้าหู้เหม็น ไอศกรีมถั่วตัด และไส้กรอกย่าง อย่าลืมแวะไปจิบชายามบ่ายอย่างผ่อนคลายที่ร้านน้ำชาแบบดั้งเดิม ร้านที่มีชื่อเสียง คือ ร้านน้ำชา A-Mei Teahouse และ Jiufen Teahouse ทั้งสองร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน
อิ่มท้องแล้วถ้าอยากชมวิวสวย ๆ ก็มีให้ดูที่ Jiufen Cats Viewpoint เป็นแหล่งรวมน้องแมวจิ่วเฟิ่นที่มาพร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาโดยรอบและมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าอยู่เที่ยวจนถึงตอนเย็นยังจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ยามค่ำคืนของถนนโบราณจิ่วเฟิ่นที่ประดับประดาด้วยโคมไฟ สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นสถานที่ราวกับในเทพนิยาย
ถ้ามีเวลาเหลือลองแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เหมืองทองคำจิ่วเฟิ่น เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทำเหมืองทองคำในพื้นที่ผ่านนิทรรศการและสิ่งประดิษฐ์หลายแขนง รวมไปถึงสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ถนนโบราณซือเฟิ่นและน้ำตกซือเฟิ่น ที่เรียกกันว่า “ไนแอการาน้อยแห่งไต้หวัน”
วิธีเดินทางกลับจากจิ่วเฟิ่น (Jiufen →)
เมื่อเที่ยวจิ่วเฟิ่นเสร็จแล้ว มีวิธีเดินทางกลับไทเปหรือซีเหมินเติงได้ 3 รูปแบบ คือ นั่งรถบัสสายตรงไปที่ใจกลางเมืองเลย หรือนั่งรถบัสไปลงที่สถานีรุ่ยฟางและต่อรถไฟ TRA ไปลงไทเป หรือใช้บริการรถแท็กซี่ไปลงที่สถานีรุ่ยฟางและต่อรถไฟ TRA ไปลงไทเป ดังรายละเอียด
- จากจิ่วเฟิ่นไปไทเป → นั่งรถบัส 1062
- จากจิ่วเฟิ่นไปซีเหมินเติง → นั่งรถบัส 965
- จากจิ่วเฟิ่นไปรุ่ยฟาง → นั่งรถบัส 788, 965, 1062 → TRA รุ่ยฟาง → แล้วต่อ TRA กลับไทเป
- จากจิ่วเฟิ่นไปรุ่ยฟาง → นั่งรถแท็กซี่ (220 TWD) → TRA รุ่ยฟาง → แล้วต่อ TRA กลับไทเป
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → เที่ยวไทเปวันที่ 3
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market)
วันที่ 3 ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเดินตลาดปลาไทเป หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Addiction Aquatic Development” (AAD) ตั้งอยู่ในเขตจงซาน ซึ่งเป็นทั้งตลาดอาหารทะเลและศูนย์รวมร้านอาหารที่ทันสมัย ด้านในมีขนาดไม่ใหญ่มาก แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซน เมื่อเดินมาจากทางเข้าจะเป็นส่วนของอาหารทะเลสดหลากหลายชนิด สามารถซื้อกลับบ้านหรือให้ปรุงอาหารที่ตลาดก็ได้
ถ้าเดินผ่านโซนอาหารทะเลสดไปจะพบกับบาร์ซูชิและซาซิมิหลายแห่ง ให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับซูชิและซาซิมิสด ๆ ที่ปรุงโดยเชฟฝีมือดี โดยบาร์ซูชิและซาซิมิจะเปิดประมาณ 10:30 โมงเช้า ส่วนร้านอาหารทะเลย่างและสุกี้ยากี้จะเปิดประมาณ 11:00 น. ถัดจากบาร์ซูชิจะเป็นพื้นที่แผงขายอาหารและข้าวกล่อง ส่วนโซนสุดท้ายจะเป็นร้านขายของชำเฉพาะทาง
ราคาอาหารที่ตลาดปลาไม่แพงมาก โดยบาร์อาหารทะเลมีเมนูตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพัน และสามารถเลือกเป็นเซตได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนข้าวกล่องราคาก็ที่โอเค อาจจะแพงกว่าร้านสะดวกซื้อนิดหน่อย แต่หน้าตาก็ดูน่าทานเชียว โดยรวมแล้วต้องบอกว่าบรรยากาศดี ราคาสมเหตุสมผลกับความสดใหม่ของวัตถุดิบ ใครที่ชอบอาหารทะเลอย่าลืมแวะไปด้วยตัวเอง
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: อนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)
จากตลาดปลาเราจะเดินทางไปที่อนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองไทเป ตั้งอยู่ในเขตจงเจิ้ง สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็ค โดยมีจุดเด่นคืออาคารหลักของอนุสรณ์สถาน ซึ่งมีโครงสร้างสีน้ำเงินและสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์ ภายในมีรูปปั้นหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ของเจียงไคเช็คในท่านั่ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงห้องโถงหลักได้โดยการขึ้นบันได 89 ขั้น ผ่านประตูทองแดงที่งดงาม
ชั้นล่างของอนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค มีห้องสมุดที่นำเสนอประวัติของเจียงไคเช็ค รวมถึงการแสดงของสะสมต่าง ๆ เช่น รถยนต์ หนังสือ และของสะสมอื่น ๆ นิทรรศการส่วนใหญ่จัดขึ้นเป็นภาษาจีน แต่ก็มีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสะดวกในการเข้าใจ นอกจากนี้ใกล้กับพื้นที่จัดนิทรรศการนี้ยังมีที่ทำการไปรษณีย์ ถ้าชื่นชอบการสะสมแสตมป์หรือกำลังรวบรวมตราปั๊มฟรีในไต้หวัน ลองแวะไปที่นี่เพื่อขอตราปั๊มและซื้อแสตมป์ที่น่าสนใจได้
เรื่องน่ารู้: ภายในอนุสาวรีย์เจียงไคเช็คมีพิธีเปลี่ยนเวรยามทุกชั่วโมง ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 09:00-17:00 น. รวมทั้งหมด 9 ครั้งต่อวัน โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
จากระเบียงของอนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค จะสามารถมองเห็นจัตุรัสลิเบอร์ตี้ ซึ่งเป็นลานกว้างที่มีสวนสาธารณะและสระน้ำขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเดินเล่นและถ่ายภาพ จัตุรัสนี้ถูกโอบล้อมด้วยอาคาร 2 หลัง ได้แก่ โรงละครแห่งชาติและหอแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของอนุสรณ์สถานตามลำดับ
โรงละครแห่งชาติและหอแสดงคอนเสิร์ตใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงและงานวัฒนธรรมต่าง ๆ และยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ผ่านทัวร์ไกด์ ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับทั้งสองแห่ง รวมถึงลานบันไดหลัก การเข้าชมทัวร์ใช้เวลาประมาณ 60-70 นาที ค่าตั๋วอยู่ที่ 150 TWD
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ตึกไทเป 101 (Taipei 101)
ตึกไทเป 101 เป็นแลนด์มาร์คที่ยิ่งใหญ่ของไทเป ตั้งอยู่ในเขตซินยี่ อาคารแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นตึกระฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของไต้หวัน แต่ยังมีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยมีความสูง 508 เมตร และมีทั้งหมด 101 ชั้น ได้รับการออกแบบโดยใช้วิวัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้สามารถทนต่อพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของตึกไทเป 101 คือหอสังเกตการณ์ ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพ 360 องศาที่สวยงามของเมืองไทเปและบริเวณโดยรอบได้ โดยจุดชมวิวในร่มบนชั้น 89 มอบทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเมืองไทเปและพื้นที่โดยรอบ
ส่วนจุดชมวิวกลางแจ้งบนชั้น 91 มอบประสบการณ์กลางแจ้งที่น่าตื่นเต้นหากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ในวันที่อากาศแจ่มใส วิวทิวทัศน์จะสวยงามตระการตาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ของเมือง ภูเขา หรือแม้แต่แนวชายฝั่งที่อยู่ไกลออกไป
การเยี่ยมชมจุดชมวิวนี้ก็สะดวกเช่นกัน เพียงซื้อบัตรเข้าจุดชมวิวบนตึกไทเป 101 ล่วงหน้า จากนั้นขึ้นไปยังชั้นที่ 5 เพื่อแสดงตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ ชั้นนี้จะมีลิฟต์ความเร็วสูงซึ่งสามารถพาผู้โดยสารไปยังชั้น 89 ได้ภายในเวลาเพียง 37 วินาที ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้มาเยือน
การเยี่ยมชมหอสังเกตการณ์ถ้าอยากเห็นวิวสวยที่สุด ควรมาในช่วงที่อากาศแจ่มใส ไม่มีฝนตก ถ้ามาในช่วงที่อากาศไม่เอื้ออำนวยพนักงานจะแจ้งว่าอาจจะเห็นวิวไม่ค่อยดี เราสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าชมหรือไม่ ทั้งนี้ช่วงเช้าคนจะน้อยกว่าช่วงบ่าย ส่วนช่วงเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดินจะสวยเป็นพิเศษ อีกอย่างหอสังเกตการณ์ในร่มมีหน้าต่างบานใหญ่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์แบบพาโนรามา
เรื่องน่ารู้: จุดถ่ายภาพสวยๆ คู่กับตึกเป 101 มีอยู่หลายแห่ง เช่น ที่ชั้นล่างสุดตรงบันไดใกล้กับร้านเสี่ยวหลงเปา ถ่ายมุมเสยหน้าขึ้นเห็นตึกไทเป 101 เป็นฉากหลังพอดี ตรงสะพานลอย Xinyi sky bridge เดินเชื่อมไปห้าง Breeze Nan Shan ก็สวย จะเห็นตึกไทเปจากฝั่งถนนซ่งจือพอดี (มุมเดียวกับในภาพ) นอกจากที่นี่ก็ยังมีเขาเซี่ยงซาน สวนสาธารณะฮุ่ยอัน (Huian Park) หมู่บ้านทหารโบราณ (Sisinan Village Museum) และทางเดินติดกับร้านอาหารญี่ปุ่น Takemura Izakaya
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ทานเสี่ยวหลงเปา (Din Tai Fung)
แน่นอนว่ามาเที่ยวตึกไทเป 101 นอกจากจะไปชมวิวสวย ๆ แล้ว ก็ต้องมาทานเสี่ยวหลงเปาชื่อดังที่ร้าน “Din Tai Fung” ร้านนี้ตั้งอยู่ชั้นล่างสุดติดกับทางเข้าฝั่งบันไดเลื่อน มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเกี๊ยวน้ำซุปแสนอร่อย และเมนูติ่มซำอื่น ๆ โดยก่อตั้งขึ้นที่ไทเปในปี 1958 และได้ขยายสาขาไปทั่วโลก แต่ที่สาขาหลักและตึกไทเป 101 ยังคงเป็นร้านที่ได้รับความนิยม การันตีความอร่อยได้จากคิวที่ยาวมาก
เสี่ยวหลงเปาของร้านติ่นไท่ฟงมีความพิเศษที่แป้งบางนุ่ม น้ำซุปในเกี๊ยวหอมกลมกล่อมและไส้ที่ปรุงรสมาอย่างดี ที่สำคัญคือทำสดใหม่อยู่ตลอดเวลา (สามารถดูได้จากตู้กระจกที่จะเห็นพนักงานทำอย่างขยันขันแข็ง) เสี่ยวหลงเปาที่ต้องลองคือแบบออริจินัล (เกี๊ยวหมูนึ่ง) ราคา 250 TWD 10 ชิ้น แล้วก็ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม ราคา 100 TWD 2 ชิ้น
ตอนที่พนักงานมารับเมนูจะแจ้งเวลาที่ต้องรออาหารด้วย ถ้าเป็นเมนูข้าวผัดหรือผัดผักอาจจะใช้เวลารอไม่นาน แต่ถ้าเป็นเสี่ยวหลงเบาและซาลาเปาใช้เวลารอนานประมาณ 20 นาที ระหว่างรอก็สั่งยำสาหร่ายมารองแบบกรุบ ๆ (100 TWD) พร้อมซุปเสฉวนรสชาติเผ็ดและเปรี้ยว (110 TWD) เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่สมบูรณ์แบบเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกี๊ยว
สำหรับใครที่ไม่อยากรอนานแนะนำให้มาจองคิวตั้งแต่เช้า หรือเลือกเวลาที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เช่น ช่วงบ่าย ๆ ถ้าเป็นช่วงเที่ยงคนเยอะมาก นอกจากนี้ยังสามารถดูเมนูและสั่งอาหารล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันของร้านได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาไปอีก
ตอนอาหารมาเสิร์ฟทานแล้วก็อร่อยสมคำล่ำลือ ชอบที่แป้งนุ่ม น้ำซุปอร่อย ทานแล้วกลมกล่อมลงตัว ที่ชอบอีกอย่างคือในร้านมีหุ่นยนต์นำทางแล้วก็เสิร์ฟอาหารด้วย แบบช่วยประหยัดแรงงานคน ค่าอาหารรวมทั้งหมด 858 TWD หารกัน 4 คนก็ไม่แพง สามารถจ่ายบัตรเครดิตได้ โดยรวมแล้วอร่อยคุ้มราคาที่จ่ายไป
ถ้ามีเวลาเหลือหลังจากทานเสี่ยวหลงเปาแล้วลองแวะไปเดินเล่นในห้างต่อ ห้างนี้ต้องบอกว่าหรูมาก มีสินค้าแบรนด์เนมและบูติกระดับไฮเอนด์มากมายตั้งอยู่ตามชั้นต่าง ๆ ถ้าไม่ชอบการชอปปิงแค่เดินชมบรรยากาศก็เพลินแล้ว เพราะแต่ละร้านก็ตกแต่งสวย แบบมีอะไรให้ดูเยอะเลย
ตรงชั้นที่ 2 จะมีสะพานลอยเดินเชื่อมไปยังห้างที่อยู่ใกล้ ๆ กัน มีร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าให้เดินชม อารมณ์คล้าย ๆ สยามบ้านเรา โดยรวมแล้วการเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าของตึกไทเป 101 เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้การขึ้นไปชมวิวบนหอคอย หรือทานเสี่ยวหลงเปา และสามารถใช้เวลาสนุกได้หลายชั่วโมงเลย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: จุดชมวิวเขาเซี่ยงซาน (Xiangshan Elephant Mountain)
เขาเซี่ยงซาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เขาช้าง” เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมของไทเป ที่เหมาะสำหรับการเดินชมวิวและตึกไทเป 101 ได้อย่างสวยงาม จริง ๆ ทริปนี้เราไม่ได้ไปเขาเซี่ยงซานกัน เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจสักเท่าไร แต่มาจากทริปที่แล้วที่ไปมา เลยอยากจะใส่ไว้เพิ่มเติม แนะนำให้ไปหลังจากมาที่ตึกไทเปแล้ว เพราะอยู่ใกล้กันมาก นั่งรถไฟใต้ดินไปอีกหนึ่งสถานีสะดวกมาก
วิธีเดินทางไปเขาเซี่ยงซานที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดงไปลงที่สถานีเซี่ยงซาน จากนั้นใช้ทางออกที่ 2 ผ่านสวนเซี่ยงซานประมาณ 10 นาที จะพบกับเส้นทางเดินป่าที่เป็นบันไดหินไปยังเนินเขาเซี่ยงซาน (กดเพื่อดูแผนที่) ระยะทางประมาณ 540 เมตร ใช้เวลาเดิน 30 นาที เมื่อไปถึงยอดเขาเซี่ยงซานจะมีจุดชมวิวหลายแห่งที่เหมาะสำหรับการชมวิวของตึกไทเป 101 รวมระยะทางของเส้นทางเดินป่า 1.5 กม. ใช้เวลาเดิน 1.4-2 ชม.
จุดที่ถ่ายภาพสวยบนเขาเซี่ยงซานจะอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหินเหล่านี้สามารถปีนขึ้นไปนั่งข้างบนได้ แต่ต้องระวังนิดหนึ่งเพราะค่อนข้างสูงทีเดียว ถ้าไปช่วงค่ำคนอาจจะเยอะ แต่ส่วนใหญ่หลายคนอาจจะไม่ได้นั่งนาน ๆ แบบต่อคิวขยับไปเรื่อย ๆ จนถึงก้อนหินด้านหน้าสุด มีมุมถ่ายภาพตึกไทเป 101 ชัดเจน ตอนกลางคืนพอทั้งเมืองสว่างด้วยแสงไฟเป็นภาพที่สวยเอาเรื่องเลย มองแล้วหายเหนื่อยที่เดินมาบนเขานี้
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: วัดหงหลูตี้หนานซานฝูเต๋อ (Hongludi Nanshan Fude Temple)
วัดหงหลูตี้หนานซานฝูเต๋อ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัดหงหลูตี้ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่คนไต้หวันนิยมไปไหว้พระขอพรกัน วัดนี้เราไปกันแบบไม่ได้คาดหมาย เพราะเพื่อนรีเควสมาว่าอยากไปไหว้พระขอพร เมื่อไปถึงแล้วรู้สึกว่าดีงามมาก ไม่ใช่แค่วัดสวยอย่างเดียว แต่แรงศรัทธาจากมวลมหาชนทั้งชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยวยังเยอะมาก ที่สำคัญมีจุดชมวิวที่มองเห็นไทเปได้อย่างสวยงามอีกด้วย
วัดหงหลูตี้ตั้งอยู่ในเขตเน่ยหูของไทเป บนภูเขาหนานซื่อเจียว ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 300 เมตร วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับฟูเต๋อเจิ้งเซิน เทพเจ้าแห่งโลก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ประทานความคุ้มครอง ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภ ทำให้วัดได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการขอพรด้านความมั่งคั่ง โดยเปิดตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับการเยี่ยมชมและสักการะ
นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ที่วัดยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองไทเป รวมถึงภูเขาและธรรมชาติที่รอบล้อมเมือง โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงอาทิตย์ส่องสว่างลงมากระทบกับเมือง สร้างบรรยากาศที่สวยงามและน่าประทับใจ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวัดนี้จึงเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมทั้งตอนกลางวันและกลางคืน
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ตลาดกลางคืนซื่อหลิน (Shilin Night Market)
หลังจากไหว้พระขอพรที่วัดหงหลูตี้หนานซานฝูเต๋อแล้ว ก็มาเดินตลาดกลางคืนซื่อหลินกันต่อ ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของไทเป ตั้งอยู่ในเขตซื่อหลิน ตลาดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารริมทางที่หลากหลาย และยังมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับแฟชั่นราคาย่อมเยา และของที่ระลึก ตลอดมีจนศูนย์อาหารที่สามารถเลือกชิมอาหารได้ง่ายขึ้น และบูธเกมต่าง ๆ สำหรับลุ้นรับรางวัลเพื่อความสนุก
ด้านในตลาดซื่อหลินมีร้านค้าและแผงขายอาหารมากถึง 500 ร้าน ตั้งอยู่ตรอกซอยซอยต่าง ๆ อาหารน่าลองในตลาดมีหลายอย่าง เช่น ไก่ชุปแป้งทอดชิ้นใหญ่ ไข่เจียวหอยนางรม เต้าหู้เหม็น ชาไข่มุก น้ำเยลลี่อ้ายหยู่ปิง เนื้อสัตว์และผักเสียบไม้ย่าง ขนมไข่นกกระทาไต้หวัน ไส้กรอกย่างชิ้นใหญ่ เห็ดย่างเจ้าดังที่มีคิวต่อแถวยาวมาก รวมไปถึงขนมปังคล้ายซาลาเปาไส้หมูสับอบในโอ่งร้อน ๆ และอีกมากมาย ที่สามารถเลือกได้ตามความชอบเลย
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมจะเป็นช่วงตอนเย็น ตลาดจะเริ่มคึกคักประมาณเวลา 5 โมงเย็น และจะยาวไปจนถึงช่วงดึก ประมาณเวลาตี 1 หรือช้ากว่านั้น วันธรรมดาคนจะน้อยกว่าวันเสาร์อาทิตย์ แต่วันเสาร์อาทิตย์ร้านค้าจะเปิดเยอะกว่า ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายในการเยี่ยมมหรือชิมอาหาร
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → เที่ยวไทเปวันที่ 4
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Springs)
บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งธรรมชาติบำบัดยอดนิยมของของไทเป ตั้งอยู่ในย่านซินเป่ยโถวห่างจากตัวเมืองเพียง 45 นาที ความน่าสนใจของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้คือซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาขนาดเล็กที่คนท้องถิ่นต่างขนานนามว่า “ทะเลสาบผี” ซึ่งเกิดจากการสะสมความร้อนใต้พิภพและคลายความร้อนออกมาเป็นไอหมอกสู่ผิวน้ำอยู่ตลอดเวลา สร้างความงดงามตระการตาจนน่าไปเยือนด้วยตัวเอง
บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ โดยเฉพาะแร่โฮคุทไลต์ ที่เป็นสมบัติล้ำค่าของไต้หวัน เนื่องจากใช้เวลาหลายร้อยปีในการตกผลึก เรื่องราวเหล่านี้นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ได้ในพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว ที่จะพาผู้เข้าชมไปเยือนอ่างอาบน้ำเก่าที่เคยรุ่งเรืองในอดีตอีกด้วย
นอกจากแหล่งธรรมชาติบำบัดที่สวยงามแล้ว ในย่านซินเป่ยโถวยังรวมที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ไปจนถึงโรงแรมแช่ออนเซ็นหลายแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้สวนเป่ยโถว ช่วยมอบประสบการณ์การพักผ่อนอันน่ารื่นรมย์และเพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบของย่านสีเขียวเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
วิธีเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Taipei → Beitou)
การเดินทางไปเป่ยโถวสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถบัส วิธีที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดิน
หลังเดินทางมาถึงสถานี Xinbeitou จะยังไม่ถึงน้ำพุร้อนเป่ยโถวเลย ต้องเดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีจะเจอกับบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Thermal Valley) ที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาขนาดเล็ก แต่ก่อนที่จะไปถึงที่นั้นจะต้องเดินผ่านสวนเป่ยโถวและพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถวก่อน
สำหรับบ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Thermal Valley) เป็นพื้นที่เปิดโล่ง เปิดให้เข้าชมฟรี เวลา 09:00-17:00 น. ในวันอังคารวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) การเดินชมใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
ส่วนพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Spring Museum) ก็มีขนาดเล็กเช่นกัน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น เปิดให้เข้าชมฟรี เวลา 10:00-18:00 น. วันอังคารวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ใช้เวลาเดินชมประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชม.
นอกจากบ่อน้ำพุร้อนและพิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนเป่ยโถวแล้ว ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน เช่น วัดเก่าแก่จากปี 1905 (Puji Temple) พิพิธภัณฑ์เป่ยโถว (Beitou Museum) สวนพลัมเก่าแก่จากปี 1930 (Plum Garden) สระน้ำพุร้อนกลางแจ้ง (Beitou Public Hotspring) และสถานีประวัติศาสตร์ซินเป่ยโถว (Xinbeitou Historic Station)
ที่เที่ยวเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะพานักท่องเที่ยวไปเรียนรู้เกี่ยวกับย่านเป่ยโถวมากขึ้น แต่ยังเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวเพื่อชมวิวและซึมซับบรรยากาศที่สดชื่นของย่านนี้อีกด้วย
โรงแรมแช่ออนเซ็นในเป่ยโถว
สำหรับใครที่ชื่นชอบการแช่ออนเซ็น แนะนำให้เลือกพักในย่านเป่ยโถว มีโรงแรมหลายระดับที่มาพร้อมบริการห้องอาบน้ำออนเซ็นอีกด้วย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน (Yangmingshan National Park)
อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน เป็นหนึ่งในที่เที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจของไทเป ตั้งอยู่ทางตอนเหนือห่างจากย่านซินเป่ยโถวประมาณ 8.3 กม. มีชื่อเสียงเกี่ยวกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภูเขากำมะถัน บ่อน้ำพุร้อน สวนดอกไฮเดรนเยีย ทุ่งหญ้าอันเขียวขจี และเส้นทางเดินป่าที่เดินได้ไม่ยาก ทั้งหมดนี้นับว่าเหมาะสำหรับสายธรรมชาติเลยทีเดียว
เราไปเยือนหยางหมิงซานตอนที่มาไทเปเป็นครั้งแรก แล้วก็ชอบมาก ๆ เลยอยากจะเพิ่มไว้ในบทความนี้เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้ไทเป ถ้าจะไปที่นี่แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ประมาณ 3-4 ชม. หรือครึ่งวันกำลังดี เพราะมีหลายจุดที่ใช้เวลาเดินพอสมควร ทั้งนี้สามารถเลือกได้ว่าจะไปจุดไหนบ้าง ไม่ต้องไปทั้งหมดถ้าไม่มีเวลาพอ
เที่ยวอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานทำอะไรได้บ้าง
กิจกรรมหลักในการเที่ยวหยางหมิงซานคือนั่งรถบัสไปลงตามป้ายต่าง ๆ แล้วเดินเที่ยวตามเส้นทางเดินป่า หรือแวะชมจุดที่น่าสนใจประมาณ 4-5 จุด คือ โหยวหยวน (Youyuan), เออร์ซิปิง (Erziping), เสี่ยวโหยวเฉิง (Xiaoyoukeng), หลิงสุ่ยเคิง (Lengshuikeng) และชิงเทียนกัง (Qingtiangang)
เรื่องน่ารู้: ถ้ามีเวลาไม่เยอะแล้วอยากมาเที่ยวอาลีซานแนะนำให้แวะ 2-3 จุด คือ → ป้ายโหยวหยวน ชมสวนดอกไฮเดรนเยีย → ป้ายเสี่ยวโหยวเฉิง ชมภูเขากำมะถัน → และป้ายชิงเทียนกัง เดินชมทุ่งหญ้าเขียวขจีขนาดใหญ่ ทั้งสาม 3 แห่งสวย มีจุดถ่ายภาพเยอะ แล้วก็ได้เดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ
วิธีเดินทางไปหยางหมิงซาน
วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดไปยังหยางหมิงซานคือนั่งรถบัสสาย 260 ตรงจากใจกลางเมืองไทเปไปยังหยางหมิงซาน รถบัส 260 จะให้บริการจากสถานี Taipei Main Station (Zhengzhou) รวมทั้งหมด 56 ป้าย และไปสิ้นสุดที่ Yangmingshan Bus Terminal ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวงหยางหมิงซานเพียงไม่กี่เมตร การเดินทางใช้เวลาประมาณ 56 นาที ค่าตั๋ว 30 TWD รถบัสวิ่งเวลา 05:40-22:30 น. ความถี่ทุก ๆ 10-15 นาที (ชั่วโมงเร่งด่วน) และ 15-20 นาที (ชั่วโมงปกติ)
นอกจากรถบัส 260 ที่วิ่งตรงจากไทเปเลย นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการรถไฟใต้ดินและต่อรถบัสไปยังหยางหมิงซานได้ด้วย ซึ่งรถบัสจะให้บริการจากสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่งในไทเป
- MRT Jiantan Station → Bus R5 → Yangmingshan (35 TWD/ 55 นาที)
- MRT Shilin Station → Bus R5 → Yangmingshan (35 TWD/ 54 นาที)
- MRT Shipai Station → Bus S8 → Yangmingshan (40 TWD/ 56 นาที)
- MRT Beitou Station → Bus R9 → Yangmingshan (45 TWD/ 58 นาที)
เมื่อไปถึงหยางหมิงซานแล้วนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสสาย 108 ที่วิ่งรอบอุทยาน ไปยังสถานีต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้จุดเที่ยวและเส้นทางเดินป่าที่น่าสนใจ รถบัสให้บริการทั้งหมด 20 ป้าย ระหว่างเวลา 07:00-17:30 น. ค่าตั๋ว 15 TWD (เที่ยวเดียว)
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ลิ้มลองชานมไต้หวันเจ้าแรกของโลก (Chun-Shui-Tang)
จากน้ำพุร้อนเป่ยโถว เรากลับเข้าเมืองเพื่อแวะไปทานชานมไข่มุกไต้หวันเจ้าแรกของโลกที่ร้าน “Chun Shui Tang” สาขาสถานีไทเป ซึ่งมีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1983
เมนูที่ต้องลองคือชานมไข่มุกต้นตำรับ มี 2 ขนาดให้เลือก คือ แบบเย็นและแบบร้อน สำหรับแบบเย็นราคาจะอยู่ 190 TWD (แก้วใหญ่) และ 100 TWD (แก้วเล็ก) ส่วนแบบร้อนราคาจะอยู่ที่ 220 TWD (แก้วใหญ่) และ 115 TWD (แก้วเล็ก)
เราสั่งแบบเย็นแก้วใหญ่ไป ทางร้านจะมาเสิร์ฟในแก้วใสมีหู พอดื่มแล้วต้องบอกว่าอร่อยมาก รสชาติเข้มข้น ที่สำคัญหวานน้อยจากน้ำตาลอ้อย พอบวกกับไข่มุกที่เคี้ยวหนึบหนับแล้วอร่อยลงตัวดี ที่ชอบอีกอย่างคือทางร้านใส่น้ำแข็งมาให้น้อย ทำให้คงรสชาติดั้งเดิมที่เข้มข้น
มาร้านนี้แล้วจะดื่มแค่ชานมไข่มุกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะทางร้านยังมีเมนูขึ้นชื่อหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นสูตรต้นตำรับที่ต้องลองด้วยตัวเอง ซุปที่ว่านี้มีรสชาติเผ็ดพอประมาณ เสิร์ฟพร้อมเส้นก๋วยเตี๋ยวที่นุ่มเด้งและเอ็นเนื้อนุ่มละมุนลิ้น พอบวกกับน้ำซุปที่เข้มข้นและรสชาติกลมกล่อม ต้องบอกว่าคุ้มราคาที่จ่ายไปถ้วยละ 250 TWD
โดยรวมแล้วแม้ราคาอาจจะแพงกว่าการดื่มชานมไข่มุกและทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นตามร้านอาหารทั่วไป แต่ในเรื่องของรสชาติก็ต้องยอมรับว่าเขายังคงความอร่อยและชูความเป็นต้นตำรับได้ดีเลย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan Museum)
เที่ยวในเมืองไทเปและสถานที่ทางธรรมชาติกันแล้ว ถ้ากำลังมองหาพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ ลองแวะมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นในปี 1908
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านคอลเลกชันประวัติศาสตร์ธรรมชาติ มานุษยวิทยา และธรณีวิทยาที่มากมาย โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของไต้หวัน ตลอดจนการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ ทำให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวันแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ อาคารประวัติศาสตร์ และอาคารของธนาคารเก่าแก่ของไต้หวัน (Land Bank) ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งสองแห่งสามารถเข้าชมได้โดยใช้ตั๋วใบเดียวกัน และใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซาน (Huashan 1914 Creative Park)
ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซานเป็นที่เที่ยวทางวัฒนธรรมน่าสนใจของไทเป ตั้งอยู่ในเขตจงเจิ้ง เดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นโรงงานผลิตไวน์ในยุคญี่ปุ่น ต่อมาได้ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยผสมผสานระหว่างนิทรรศการศิลปะ สตูดิโอการออกแบบ เวิร์กช็อปงานฝีมือ พื้นที่จัดแสดง ตลอดจนร้านอาหารและร้านกาแฟน่านั่ง เมื่อบวกกับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ทำให้เป็นสถานที่น่าไปเดินเล่นด้วยตัวเอง
สิ่งที่ชอบในศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซานก็คือการแบ่งโซนที่ชัดเจน เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับพื้นที่โรงหนังและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งอยู่ทางขวามือ ในขณะที่พื้นที่ตรงกลางตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ จะเป็นที่ตั้งของร้านค้าและสตูดิโอที่จำหน่ายสินค้างานฝีมือและแฮนด์เมด สินค้าส่วนใหญ่น่ารักมาก มีการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร สามารถซื้อไปใช้งานได้จริง ราคาก็ถือว่าไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานของผู้ผลิต
ส่วนโซนสุดท้ายทางขวามือจะเป็นพื้นที่ร้านกาแฟและร้านอาหารหลายแห่ง ที่มีตั้งแต่ของทานเล่นไปจนถึงอาหารมื้อหลัก โดยรวมแล้วถ้าใครกำลังมองหากิจกรรมแบบผ่อนคลายที่สามารถใช้เวลาได้ประมาณ 1-2 ชม. ลองแวะมาเดินเล่นที่นี่กันได้
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: กระเช้าเมาคง (Maokong Gondola)
ใช้เวลาเดินเล่นที่ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซานพอประมาณ ถ้าอยากหากิจกรรมยามว่างทำต่อลองแวะไปนั่งกระเช้าเมาคงใกล้สวนสัตว์ไทเป กระเช้านี้มอบประสบการณ์การชมวิวที่สวยงามของเนินเขาอันเขียวขจีและไร่ชาเมาคง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัฒนธรรมการดื่มชาและทิวทัศน์ที่สวยงาม
กระเช้าลอยฟ้าเมาคงมี 4 สถานี คือ สถานีสวนสัตว์ไทเป → สถานีสวนสัตว์ไทเปใต้ → สถานีวัดจื่อหนาน → สถานีเมาคง ระยะทางรวม 4.03 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17-37 นาที นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าไปยังจุดสูงสุด หรือหยุดแวะพักตามสถานีต่าง ๆ แล้วเดินชมวิวตามเนินเขาไปยังสถานีชั้นบนสุดก็ได้เช่นกัน
เมื่อไปถึงสถานีเมาคงมีเส้นทางสำหรับเดินชมไร่ชาชื่อว่า “Camphor Tree Trail” เส้นทางเดินง่าย ระหว่างทางยังสามารถแวะพักดื่มน้ำชาและขนมต่างๆ ได้ตามร้านน้ำชา ที่มีอยู่ประมาณ 5-6 แห่ง แต่ละร้านก็มีพื้นที่สำหรับนั่งชมวิวที่สวยงามอีกด้วย
เรื่องน่ารู้: ถ้าชอบไอศกรีมชาเขียวลองแวะไปที่ร้าน “Maokong Tea House” อยู่ใกล้กับสถานีเมาคง เมนูที่ต้องลอง คือ Tie Guan Yin Ice-cream โคนละ 90 TWD เสิร์ฟพร้อมท็อปปิงน้องแมว ทานแล้วให้รสชาติชาเขียวที่เข้มข้นไม่หวานลงตัว
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: เดินเล่นย่านจงซาน (Zhongshan)
กลับจากกระเช้าเมาคง ถ้าอยากได้ฟิวส์เดินเล่นชอปปิงยามค่ำคืนลองไปแวะไปที่ย่านจงซาน ย่านนี้มีบรรยากาศที่คึกคักและเต็มไปด้วยความชิคของร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ ร้านหนังสือ ไปจนถึงสินค้าที่เป็นของทำมือ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่น่ารัก ๆ ที่ให้บริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มต่าง ๆ อีกด้วย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง: ตลาดกลางคืนหนิงเซี่ย (Ningxia Night Market)
เดินเล่นชอปปิงที่ย่านจงซานแล้ว ถ้าอยากหาอาหารไต้หวันยามค่ำคืนทานลองแวะมาที่ตลาดหนิงเซี่ย ตลาดนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีจงซาน และมีชื่อเสียงในเรื่องอาหารที่หลากหลาย ถ้าไปแล้วจะเห็นสองข้างทางเต็มเป็นแผงขายอาหารทั้งหมด ไม่มีเสื้อผ้า หรืออย่างอื่นมาปน ทำให้เป็นตลาดที่เหมาะสำหรับสายกินได้เป็นอย่างดี
แม้ตลาดจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ถ้าเทียบกับตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในไทเป แต่ในเรื่องอาหารนั้นต้องบอกว่าสามารถหาทานได้เกือบทุกรูปแบบเลย ทั้งเครื่องดื่ม ซุปร้อน ๆ ผลไม้สด เมนูปิ้งย่างก็มี ขนมไต้หวันที่ว่าดัง ๆ ก็สามารถหาทานได้จากที่นี่ จะซื้อแล้วเดินทานหรือนั่งทานตามร้านที่ขายก็ได้ ในส่วนของราคาก็ไม่แพงเลย เอาเป็นว่าถ้ามาเดินตลาดนี้แล้วจะไม่ท้องว่างกลับไปอย่างแน่นอน
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → วันที่ 5
อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park)
หลังจากเที่ยวในไทเปมา 4 วันแล้ว วันที่ 5 เราจะเดินทางออกนอกเมืองเพื่อไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ที่ตั้งอยู่ในเมืองฮัวเหลียน อุทยานนี้เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีชื่อเสียงของประเทศไต้หวัน โดยมีจุดเด่นคือหุบเขาหินอ่อน (Taroko Gorge) ที่ถูกแม่น้ำหลี่หวู่กัดเซาะมานานนับล้านปี ทำให้เกิดหน้าผาหินสูงตระหง่านและน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมาผ่านธารน้ำใสสะอาดดุจคริสตัล ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสความยิ่งใหญ่นี้ด้วยตัวเอง
ภายในทาโรโกะมีจุดที่น่าสนใจอยู่ประมาณ 7-8 แห่ง ที่สามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริป คือ
- เส้นทางหุบเขาลึกลับซากาดัง (Shakadang Trail)
- ศาลเจ้าฉางชุน (Changchun Shrine Trail)
- สะพานแขวนบูลัววาน (Buluowan Suspension Bridge)
- เส้นทางถ้ำนกนางแอ่น (Yanzikou Trail)
- หน้าผาฟูจิ (Fuji Cliff)
- อุโมงค์เก้าโค้ง (Tunnel of Nine Turns)
- หมู่บ้านเทียนเซียง (Tianxiang Recreation Area)
- และเส้นทางเดินป่าไป่หยาง (Baiyang Trail)
โดยใช้บริการรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยวทาโรโกะ (Taroko Route 310) ไปลงตามป้ายต่าง ๆ เพื่อเดินป่าหรือชมที่เที่ยวที่น่าสนใจ ถ้าชอบการขับรถเที่ยวแนะนำให้ เช่ารถขับเที่ยวด้วยตัวเอง ราคาประมาณ 1,200 TWD (10 ชม.) ส่วนใครที่อยากเที่ยวทาโรโกะแบบเต็มอิ่มแนะนำให้ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน โดยหาที่พักราคาประหยัด ใกล้สถานีรถไฟฮัวเหลียน ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากเที่ยวสถานที่อื่น ๆ ในเมืองฮัวเหลียนแบบครอบคลุม
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมทาโรโกะ คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นและดอกไม้บานสะพรั่ง อุณหภูมิอยู่ในช่วง 15-25 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการเดินป่า ถ่ายภาพธรรมชาติ และชมทิวทัศน์ที่สวยงาม
วิธีเดินทางไปทาโรโกะที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟทาโรโกะ (Taroko Express 402) เส้นทาง Shulin-Zhiben รอบเวลา 06:13-08:19 น. จาก TRA Taipei Station → TRA Hualien Station รถไฟจะออกจากชาญชลาหมายเลข 4 การเดินทางใช้เวลา 2 ชั่วโมง 6 นาที ค่าโดยสารที่นั่งมาตรฐาน 440 TWD สามารถจองตั๋วได้ที่เว็บไซต์ทางการของการรถไฟใต้หวัน (TRA)
เมื่อเสร็จจากการเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ สามารถนั่งรถไฟ Taroko Express, Puyuma Express หรือ Tze-Chiang Ltd. Express กลับจากฮัวเหลียนไปยังไทเป ควรตรวจสอบตารางเวลารถไฟและจองตั๋วล่วงหน้าเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางกลับ ถ้าไม่ได้จองออนไลน์มาก่อนสามารถไปซื้อกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ในสถานีรถไฟได้เช่นกัน รถไฟให้บริการจนถึงเวลา 22:00 น.
อย่าลืมแวะไปอ่าน → รีวิวเที่ยวทาโรโกะแบบเดย์ทริปจากไทเป วิธีเดินทางไปทาโรโกะด้วยรถไฟและรถบัส รวมถึงแผนที่เที่ยวทาโรโกะด้วยตัวเอง เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์
เรื่องน่ารู้: สำหรับใครที่ชอบการขับรถเที่ยวและอยากเห็นเส้นทางชมธรรมชาติสวย ๆ แบบนี้ ลองแวะไปอ่าน → Vršič Pass เส้นทางขับรถผ่านเทือกเขาจูเลียนแอลป์ ที่สวยที่สุดของประเทศสโลวีเนีย
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → วันที่ 6-7
พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน (Alishan)
พื้นที่นันทนาการป่าสงวนแห่งชาติอาลีซาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อาลีซาน” ตั้งอยู่ในเทือกเขาใจกลางไต้หวัน ห่างจากเมืองเจียอี้ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 75 กม. มีชื่อเสียงในเรื่องของเส้นทางชมธรรมชาติสุดโรแมนติก โดยรวมป่าไม้เขียวชอุ่มและต้นไม้โบราณอายุเฉลี่ยมากกว่า 1,000 ปี ไว้มากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามและความสงบของธรรมชาติอย่างเต็มที่
กิจกรรมหลักในการเที่ยวอาลีซานก็คือ นั่งรถไฟสายป่าอาลีซาน ไปยังสถานีต่าง ๆ เพื่อสำรวจเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม ซึ่งสถานีที่ได้รับความนิยมเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินป่าก็คือสถานีเจ่าผิง ตั้งอยู่ใกล้กับสวนเจ่าผิง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ และทะเลสาบสองพี่น้อง
จากสถานีเจ่าผิงนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเส้นบันไดไม้ เพื่อเพลิดเพลินไปกับความงามอันเงียบสงบของสระน้ำ อย่าลืมแวะไปชมต้นดอกซากุระที่ใหญ่ที่สุดในอาลีซาน ตั้งอยู่ใกล้กับสะพาน Xianglin Arch Bridge ที่มีมุมถ่ายภาพสวยราวกับในนิยาย ยิ่งไปช่วงที่หมอกลงยิ่งเพิ่มความโรแมนติกแบบสุด ๆ ไปเลย
ไม่ไกลจากต้นดอกซากุระจะเป็น “เส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์” ที่จะพานักท่องเที่ยวไปชมต้นไม้ยักษ์โบราณที่เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 3,000 ปี (แม้ว่าต้นเดิมจะเสียหาย) แต่สถานที่นี้ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ นอกจากเส้นทางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ยังมีเส้นทาง “ต้นไม้สามชั่วอายุคน” ที่เติบโตมารวมกันสามรุ่น เป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาวและความแข็งแกร่ง
กิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวก็คือ การนั่งรถไฟสายซูจานไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า มองเห็นฉากหลังเป็นภูเขากว้างแบบสุดลูกหูกตา บรรยายกาศต้องบอกว่าสวยเกินคุ้ม ที่สำคัญอย่าลืมลองอาหารพื้นเมือง เช่น ข้าวเหนียวห่อไส้กรอกและซุปหน่อไม้ อร่อนจนต้องเพิ่มชิ้นที่สอง ส่วนชาท้องถิ่นของอาลีซานก็อร่อย หวานหอมละมุนจนต้องซื้อกลับบ้าน
โดยรวมแล้วการเที่ยวอาลีซานต้องบอกสวยเกินต้านทาน คุ้มการเดินทาง เอาใจคนรักธรรมชาติไปเลย อีกอย่างแนะนำให้เที่ยวแบบ 2 วัน กำลังดี เพราะแบบเดย์ทริปอาจจะเร่งทำเวลาไปหน่อย ทั้งนี้สามารถใช้แผนเที่ยว 2 วันในอาลีซาน เป็นแนวทางได้ หรือ → กดที่ลิงก์นี้เพื่อดูแผนที่ ซึ่งรวมที่เที่ยวในอาลีซาน เส้นทางเดินป่า และวิธีเดินทางไปอาลีซานแบบครบถ้วน
เรื่องน่ารู้ก่อนไปเยือนอาลีซาน
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง → วันที่ 7
เฟิ่นฉี่หู (Fenqihu)
สถานีเฟิ่นฉี่หูเป็นจุดแวะสำคัญของเส้นทางรถไฟสายป่าอาลีซาน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเจียอี้และอาลีซาน ที่ระดับความสูงประมาณ 1,400 เมตร หมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่แปลกตา ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของไต้หวัน และยังคงรักษาเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของรถไฟโบราณไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าไปเยือน
เมื่อมาถึงสถานีเฟิ่นฉี่หู นักท่องเที่ยวจะได้รับการต้อนรับด้วยบรรยากาศชวนคิดถึงของทางรถไฟสายเก่าและป่าอันเขียวขจี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเฟิ่นฉี่หูคือถนนสายเก่าโบราณ ซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านค้าแบบดั้งเดิมและแผงขายอาหารท้องถิ่น
อาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเฟิ่นฉี่หูคือกล่องเบนโตะ กล่องอาหารกลางวันบนรถไฟแสนอร่อย ซึ่งแต่เดิมเตรียมไว้สำหรับพนักงานรถไฟ การผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างข้าว หมูตุ๋น และผักดอง เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลอง
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวด้านอาหารแล้ว เฟิ่นฉี่หูยังมีเส้นทางเดินป่ายอดนิยม (Fenqihu Forest Trail) ที่จะพาผู้มาเยือนผ่านป่าทึบ เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบของพื้นที่สีเขียว ชมต้นไม้ยักษ์และต้นไผ่ และความหลากหลายทางชีวภาพ เส้นทางเหล่านี้ไม่เพียงแค่ให้ความโรแมนติกชวนฝัน แต่ยังเดินง่าย เหมาะสำหรับนักเดินป่าทุกระดับ นับว่าเป็นวิธีที่สะดวกในการสำรวจธรรมชาติของเฟิ่นฉี่หูในเวลา 1-2 ชม.
วิธีเดินทางจากอาลีซานไปเฟิ่นฉี่หู (Alishan → Fenqihu)
สำหรับคนที่ต้องการแวะเที่ยวเฟิ่นฉี่หู สามารถนั่งรถบัสรถบัสสายตรงคือ รถบัสสาย 7329A หรือ 7322D จากอาลีซานไปเฟิ่นฉี่หูได้เลย การเดินทางใช้เวลาประมาณ 50 นาที ค่าโดยสาร 86 TWD ถ้าขึ้นรถบัสรอบแรกก็ไปถึงเฟิ่นฉี่หูช่วง 10 โมงเช้าพอดี (เราใช้วิธีนี้โอเคมาก)
รถบัสจะจอดที่ป้าย Taichung City Chung-Ho Elementary School ใกล้กับสถานีดับเพลิง (ปกติจะไปจอดที่ Fencihu Terminal Station แต่ถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยว หรือวันเสาร์อาทิตย์ รถบัสอาจจะจอดแตกต่างกัน แนะนำให้ถามคนขับเพื่อความแน่ใจ) จากตรงนี้ก็เดินอีก 5-10 นาทีไปยังถนนสายโบราณเฟิ่นฉี่หู และใช้เวลาเดินเที่ยวรอบหมู่บ้านประมาณ 2-3 ชั่วโมง
วิธีเดินทางกลับจากเฟิ่นฉี่หูไปเจียอี้ (Fenqihu → Chiayi)
ขากลับจากเฟิ่นฉี่หูไปเจียอี้ จะมี 2 วิธี คือ ขึ้นรถบัสสาย 7322D ไปลงที่สถานี TRA Chiayi แล้วต่อ BRT Express → THSR Chiayi หรือนั่งรถบัสสาย 7329A ไปลงที่ THSR Chiayi เลย
อีกหนึ่งวิธีก็คือนั่งรถไฟอาลีซานโบราณ (Alishan Express) เส้นทางหลัก Shizilu-Chiayi จาก Fenqihu Station → TRA Chiayi (2.20 ชั่วโมง) แล้วต่อ BRT Express → THSR Chiayi (30 นาที) เราใช้วิธีนี้สนุกมากเลย
รถไฟจะวิ่งผ่านอุโมงค์และเส้นทางธรรมชาติบนภูเขาที่สวยมาก บางช่วงจะวิ่งผ่านพื้นที่หมู่บ้านของคนท้องถิ่นด้วย แบบตั้งอยู่ติดกับสถานีเลย แต่ละสถานีก็มีแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางเดินป่า จากนั้นอีกประมาณ 3-4 สถานีท้าย ๆ รถไฟจะวิ่งลงเขาผ่านเมืองเจียอี้ ก่อนจะไปสิ้นสุดที่สถานี TRA Chiayi นั้นเอง ค่ารถไฟอาลีซานโบราณ 384 TWD
แผนที่เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง
วิธีใช้แผนที่ปักหมุด→ กดที่ลูกศรสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อดูแผนที่แบบเต็มหน้าจอ จากนั้นจะเห็นแผนที่ปักหมุดและเส้นทางเที่ยวทั้งหมดที่ทำเครื่องหมายไว้ ให้เลือกสถานที่เพื่อดูรายละเอียด หรือกดที่ปุ่มนำทางไปยังจุดหมาย ถ้าชอบแผนที่นี้สามารถกดที่รูปดาวเพื่อบันทึกลงในรายการโปรดสำหรับการเข้าถึงในอนาคต
เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง ใช้งบเท่าไร
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวไต้หวัน 7 วัน สำหรับ 2 คน อยู่ที่ประมาณ 54,124 TWD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 61,637 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก การเดินทาง อาหาร กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าเช่ารถ ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ที่นี่
budget
โรงแรม: 500-2,500 TWD
โฮสเทล: 500-2,000 TWD
การเดินทาง: 860-2,500 TWD
ซื้อตั๋วเดินทาง
กิจกรรมและตั๋ว: 100-450 TWD
รถเช่า: 1,000-1,500 TWD
อาหาร: 50-300 TWD/มื้อ
เครื่องดื่ม: 60-250 TWD/วัน
เที่ยวอย่างอุ่นใจไปกับบัตรเดบิต Wise สำหรับใช้จ่ายทั่วโลก สามารถใช้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนจริงโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ใช้ชำระค่าอาหาร จองที่พักหรือตั๋วเครื่องบิน รวมถึงในร้านค้าออนไลน์ทั่วโลกกว่า 50+ สกุลเงิน ทั้งยังรองรับการชำระผ่าน MasterCard, Apple Pay และ Google Pay โดยไม่ต้องกังวลในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ใช้มานานกว่า 4 ปีไม่ผิดหวัง → สมัครรับบัตรเดบิต Wise ไว้ใช้ประโยชน์ด้วยตัวเองตอนนี้เลย
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡