ระบบการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากและมีความแตกต่างจากระบบการศึกษาในหลายประเทศ โดยถูกวางแผนเป็นเส้นทางสำหรับเด็ก ๆ ชาวดัตช์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้มีระยะเวลาที่เหมาะสมในการเรียนรู้และก้าวไปสู่การศึกษาระดับสูงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบดังกล่าวทำให้นักเรียนดัตช์มีตัวเลือกทางการศึกษาที่ตรงตามความสามารถ โดยไม่ถูกบังคับหรือเลือกเรียนสายวิชานั้น ๆ เพียงเพราะการแข่งขันสูง สำหรับผู้ที่กำลังจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์พร้อมกับเด็ก ๆ หรือผู้ที่สนใจเกี่ยวกับ ระบบการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ และอาจมีข้อสงสัยว่าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์จัดการเรียนการสอนอย่างไร เรามาเรียนรู้ระบบการศึกษาของที่นี่ไปพร้อม ๆ กัน
ประเภทของโรงเรียนในประเทศเนเธอร์แลนด์
โรงเรียนในประเทศเนเธอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
- โรงเรียนรัฐบาล (Openbaar) ไม่เกี่ยวกับกับศาสนาและดำเนินการโดยรัฐบาล
- โรงเรียนพิเศษ (Bijzondere) ดำเนินการอย่างอิสระและเน้นการศึกษาที่เฉพาะเจาะจง เช่น โรงเรียนทางศาสนา และโรงเรียนเอกชน เป็นต้น
สำหรับโรงเรียนรัฐบาลมีมาตรฐานที่ดี มีสถานศึกษาอยู่ใกล้บ้าน เด็ก ๆ สามารถปั่นจักรยานไปเรียนเองได้ ส่วนโรงเรียนเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าแต่ก็มีคุณภาพที่ได้มาตรฐานเช่นกัน นักเรียนในโรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่เป็นเด็กชาวต่างชาติที่พ่อแม่มาทำงานในประเทศเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามชาวดัตช์นิยมส่งลูกหลานไปเรียนที่โรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านโดยไม่ได้เน้นเกี่ยวกับชื่อเสียงมากนัก เนื่องจากระบบการศึกษาที่นี่มีมาตรฐานที่เท่าเทียมกัน
เด็กอายุระหว่าง 5-18 ปีต้องไปโรงเรียนตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ นั้นหมายความว่าผู้ปกครองมีหน้าที่ตามกฎหมายในการลงทะเบียนบุตรหลานของตนที่โรงเรียน
ระดับการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์
ระดับการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน ได้แก่
ก่อนวัยเรียน (De peuterspeelzaal)
ชั้นประถมศึกษา (basisonderwijs)
ชั้นมัธยมศึกษา (voortgezet onderwijs)
และระดับอุดมศึกษา (MBO และ HBO)
ก่อนวัยเรียน (De peuterspeelzaal)
เด็กปฐมวัย (de peuter) ที่มีอายุระหว่าง 2.5-4 ขวบ สามารถไปเข้าโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก (De peuterspeelzaal) หรือศูนย์รับเลี้ยงเด็กเนอสเซอรี่ (kinderdagverblijf) เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาก่อนได้ ประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 2-3 ชั่วโมง ที่นั้นเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านการเล่นกับกลุ่มเด็กในวัยใกล้เคียงกัน รวมไปถึงการอ่าน การวาดภาพ การประดิษฐ์ การฟัง การร้องเพลง และการเคลื่อนไหว ซึ่งการศึกษาก่อนวัยเรียนไม่ได้บังคับแต่ก็มีความสำคัญสำหรับเด็ก ๆ ให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากการเล่น หากอยากให้ลูก ๆ ของท่านเข้าโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก สามารถค้นหาโรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน โดยพิมพ์คำว่า De peuterspeelzaal ทางเว็บไซต์ Google หรือเข้าไปยังเว็บไซต์เทศบาลเมืองที่ท่านอาศัยอยู่ และทำการลงทะเบียนกับโรงเรียนนั้น ๆ
ระดับชั้นประถมศึกษา (basisonderwijs)
การศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 5 ขวบ
ตามกฎหมายของเนเธอร์แลนด์เด็กทุกคนในเนเธอร์แลนด์ควรเข้าเรียนในระดับ ‘การศึกษาภาคบังคับ’ (เรียกเป็นทางการในภาษาดัตช์ว่า ‘leerplichtig’) มีทั้งหมด 8 ระดับด้วยกัน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘groepen’ โดยเริ่มตั้งแต่ Groep 1 (อายุ 4 ขวบ) ถึง Groep 8 (อายุ 12 ขวบ) เด็ก ๆ จะไม่ถูกบังคับให้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาจนกว่าจะถึงเกณฑ์ Groep 2 หรืออายุ 5 ขวบ แต่โดยส่วนมากจะเริ่มต้นเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่อายุ 4 ขวบ การศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 8 ปี จนกระทั่งเด็กอายุ 12 ขวบ พวกเขาเรียนเกี่ยวกับทักษะและความรู้พื้นฐานทางการอ่าน การเขียน และคณิตศาสตร์ เด็กจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเมื่อพวกเขาอายุประมาณ 9 ขวบ (Groep 7)
ใช้ระบบติดตามความก้าวหน้าและวัดผลสำเร็จทางการเรียน
ในช่วงปีสุดท้ายของระดับชั้นประถมศึกษา Groep 8 (อายุ 12 ขวบ) นักเรียนจะได้รับคำแนะนำและข้อเสนอแนะจากโรงเรียนเกี่ยวกับประเภทของหลักสูตรที่นักเรียนควรศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษา โดยขึ้นอยู่กับระบบที่ใช้ติดตามความก้าวหน้าและวัดผลสำเร็จทางการเรียนของเด็ก ๆ เรียกว่า Student Tracking System (LVS – leerlingvolgsysteem) มีการทดสอบความถนัดเพื่อใช้เป็นตัวกำหนดประเภทของการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาว่าแบบใดเหมาะกับนักเรียนที่สุด โดยเรียกว่า ‘CITO-toets’ ซึ่ง Cito เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ดำเนินงานจัดทำแบบทดสอบความถนัดเพื่อเป็นทางเลือกระดับชั้นมัธยมศึกษา
ทางโรงเรียนจะแนะนำผู้ปกครองเกี่ยวกับระดับการศึกษาในชั้นมัธยมที่เหมาะสมสำหรับบุตรหลานของท่าน และนักเรียนเริ่มเข้าเรียนในระดับนั้น ๆ
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า ถ้าหากผู้ปกครองคิดว่าบุตรหลานของตนเองสามารถเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาในระดับที่สูงกว่าคำแนะนำของโรงเรียนจะทำอย่างไร?
คำตอบคือต้องคุยกับทางโรงเรียน และให้เหตุผลที่เหมาะสมว่าเพราะเหตุใดถึงอยากให้บุตรหลานของท่านศึกษาในระดับที่สูงกว่าทางโรงเรียนแนะนำ ในทางทฤษฎีสามารถทำได้ แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก เนื่องจากโรงเรียนประเมินแล้วว่าเด็กมีความสามารถในระดับใด และควรศึกษาต่อในระดับใด หากบังคับให้เด็กศึกษาต่อในระดับที่เกินความสามารถ อาจทำให้เกิดความกดดัน หรือมีโอกาสสูงที่จะไม่ผ่านการทดสอบในระดับนั้น ๆ
ชั้นมัธยมศึกษา (voortgezet onderwijs)
หลังจากได้รับคำแนะนำจากโรงเรียนชั้นประถมศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรที่นักเรียนควรเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาแล้ว นักเรียนจะเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาเป็นเวลา 4, 5 หรือ 6 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของการศึกษา ในช่วง 2 ปีแรก สำหรับสายอาชีวศึกษา (VMBO) หรือ 3 ปี สำหรับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป (HAVO) และเตรียมอุดมศึกษา (VWO) นักเรียนจะเรียนเกี่ยวกับหลักสูตรพื้นฐาน (basisvorming) ปีแรกเรียกกว่าการเปลี่ยนระดับ (brugklas) เพื่อให้นักเรียนได้มีเวลาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่และการเรียนที่แตกต่างจากชั้นประถมศึกษา และจะมีการตัดสินใจระดับการศึกษาที่แน่นอนหลังการเรียนหนึ่งปี (สำหรับนักเรียนที่มีความก่ำกึ่งว่าควรศึกษาต่อระดับใด) จากนั้นพวกเขาจะเลือกภาคอาชีวศึกษาหรือกลุ่มวิชาโปรไฟล์ (profiel) ซึ่งนำไปสู่การฝึกอบรมวิชาชีพเฉพาะทางหรือการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ระดับชั้นมัธยมศึกษา (voortgezet onderwijs)
ระดับชั้นมัธยมศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ดังนี้
การศึกษาเชิงปฏิบัติ (praktijkonderwijs)
การศึกษาสายอาชีวศึกษา (VMBO)
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป (HAVO)
การศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษา (VWO)
การศึกษาเชิงปฏิบัติ (praktijkonderwijs)
การศึกษาเชิงปฏิบัติเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตามปกติ ประกอบด้วยการฝึกวิชาชีพเป็นหลัก มีไว้สำหรับนักเรียนที่อาจไม่ได้รับประกาศนียบัตรสายอาชีวศึกษา (VMBO) เพื่อเตรียมความพร้อมของนักเรียนให้เข้าร่วมในตลาดแรงงานในระดับภูมิภาค ใช้เวลาในการศึกษา 4 ปี อายุระหว่าง 12-16 ปี มีโรงเรียนกว่า 175 แห่งทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ร่วมกันฝึกอบรมนักเรียนประมาณ 29,000 คนให้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรขั้นพื้นฐานนี้ให้มากที่สุด
นักเรียนที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับนี้ต้องมีเกณฑ์ IQ อยู่ระหว่าง 55 ถึง 75/80 นักเรียนมีความล่าช้าในการเรียนรู้ตั้งแต่สามปีขึ้นไปอย่างน้อยสองในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น เลขคณิตเชิงลึก ความเข้าใจในการอ่าน การอ่านทางเทคนิคและการสะกดคำ ซึ่งเรื่องหนึ่งจะต้องเป็นการอ่านเพื่อความเข้าใจหรือเลขคณิตเชิงลึก และมีใบรับรองการรับเข้าเรียน Certificate of Admissibility for Practical Education (TLV Pro) พวกเขาจะได้เรียนรู้ตามเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาหรือเธอมีความสามารถ เมื่อจบการศึกษาเชิงปฏิบัติแล้วสามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการฝึกอบรมเพิ่มเติม หรือย้ายไปศึกษาต่อในระดับอาชีวศึกษา (MBO)
การศึกษาสายอาชีวศึกษา (VMBO)
การศึกษารูปแบบ VMBO เป็นการศึกษามุงเน้นสายอาชีพและความรู้ในเชิงปฏิบัติ ร่วมกับการฝึกอบรมอาชีพกับการศึกษาเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับภาษา คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ มีทั้งหมด 4 ระดับด้วยกัน คือ
- การเรียนรู้เชิงทฤษฎี (theoretische leerweg, VMBO-T)
- การเรียนรู้แบบผสมผสาน (gemengde leerweg)
- การจัดการที่มุ่งเน้นอย่างมืออาชีพ (kaderberoepsgerichte leerweg)
- อาชีวศึกษาขั้นพื้นฐาน (basisberoepsgerichte leerweg)
การศึกษาสายอาชีวศึกษา (VMBO) ใช้เวลาในการเรียน 4 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 12-16 ปี และสำเร็จการศึกษานี้เมื่อพวกเขาอายุ 16 ปี VMBO เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีระดับความสามารถที่แตกต่าง และเป็นตัวเลือกในการเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป (HAVO) ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของนักเรียนในระดับนี้ว่าดีเพียงใด
หลักสูตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (High School)
นักเรียนที่ศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไปและระดับเตรียมอุดมศึกษาช่วงสามปีแรกเรียกว่ารูปแบบพื้นฐาน (basisvorming) ทุกคนต้องเรียนวิชาเดียวกัน คือ ภาษา คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ ในช่วงสองปีสุดท้ายของระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป และสามปีสุดท้ายของระดับเตรียมอุดมศึกษา เรียกว่า ‘ระยะที่สอง’ ซึ่งเป็นการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนต้องเลือกเรียนกลุ่มวิชาเฉพาะที่เรียกว่า ‘โปรไฟล์’ มีตารางเวลาที่แตกต่าง มุ่งเน้นการศึกษาที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้นักเรียนมีความเชี่ยวชาญ เมื่อเทียบกันแล้วการศึกษาในระดับเตรียมอุดมศึกษาจะยากกว่า และใช้เวลาศึกษาสามปีแทนที่จะเป็นสองปี
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (High School)
มีการจัดการเรียนการสอน 2 โปรแกรม คือ
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป (HAVO) ใช้เวลาศึกษา 5 ปี
- ระดับเตรียมอุดมศึกษา (VWO) ใช้เวลาศึกษา 6 ปี
ทั้งสองรูปแบบนี้นำไปสู่การศึกษาขั้นสูง คือ
- มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ Universities of Applied Sciences (HBO)
- มหาวิทยาลัยการวิจัย Research Universities (WO)
การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป (HAVO)
การศึกษารูปแบบ HAVO เป็นการศึกษาที่เตรียมความพร้อมเพื่อศึกษาต่อในระดับสูงในมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (HBO)
- นักเรียนลงทะเบียนตามความสามารถของพวกเขา
- ใช้ระยะเวลาศึกษา 5 ปี และสำเร็จการศึกษาระดับนี้เมื่อนักเรียนอายุ 17 ปี
การศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษา (VWO)
การศึกษารูปแบบ VWO เป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่ความรู้เชิงทฤษฎีเพื่อเตรียมเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยการวิจัย (WO) นักเรียนที่ศึกษา VWO ถูกแบ่งออกเป็นสองระดับคือ Atheneum และ Gymnasium โดย Gymnasium เป็นระดับที่ยากกว่าและต้องเรียนภาษากรีกและภาษาละติน ทั้งสองระดับได้รับใบประกาศนียบัตรเตรียมอุดมศึกษา สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสายการแพทย์ต้องเรียนระดับ Gymnasium ซึ่งเป็นวิชาที่จำเป็นในการศึกษาในสายการแพทย์
- ใช้ระยะเวลาศึกษา 6 ปี และสำเร็จการศึกษาระดับนี้เมื่อนักเรียนอายุประมาณ 18 ปี
- การเรียนระดับเตรียมอุดมศึกษาถือว่าเป็นเส้นทางการศึกษาที่เข้มงวดที่สุด
หนึ่งในโปร์ไฟล์ที่นักเรียนชั้นมัธยมปลายเลือกศึกษาในช่วงปลายปีที่สาม
- Culture and Society (C&S) เน้นการศึกษาเกี่ยวกับศิลปะและภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน รัสเซีย อาหรับ และตุรกี เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจด้านศิลปะและการฝึกอบรมทางวัฒนธรรม
- Economy and Society (E&M) เน้นการศึกษาเกี่ยวกับสังคมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ และประวัติศาสตร์ มุ่งเน้นไปที่สถิติและการสุ่มเลือก เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจด้านการจัดการและการบริหารธุรกิจ
- Nature and Health (N&G) เน้นการศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยาและวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มุ่งเน้นไปที่พีชคณิต เรขาคณิต และแคลคูลัส ซึ่งจำเป็นสำหรับนักเรียนที่มีความสนใจเข้ารับการฝึกอบรมทางการแพทย์
- Nature and Technology (N&T) เน้นการศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มุ่งเน้นไปที่พีชคณิตเรขาคณิต และแคลคูลัส ซึ่งจำเป็นสำหรับการเข้าร่วมการฝึกอบรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แต่ละโปรไฟล์ถูกออกแบบมาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ Universities of Applied Sciences (HBO) และมหาวิยาลัยการวิจัย Research Universities (WO) ดังนั้นนักเรียนจำเป็นที่จะต้องมีโปรไฟล์ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นสำหรับการสอบ
การสอบเพื่อสำเร็จการศึกษา
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไปและระดับเตรียมอุดมศึกษาจะมีการสอบเพื่อสำเร็จการศึกษา ซึ่งทางโรงเรียนเป็นผู้จัดสอบ
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไปต้องสอบ 7 วิชา
- ระดับเตรียมอุดมศึกษาต้องสอบ 8 วิชา
เกรดในระบบการศึกษาของประเทศเนเธอร์แลนด์
ในประเทศเนเธอร์แลนด์เกรดในระบบการศึกษาประกอบด้วย 1-10 ซึ่งใช้ทั้งในระดับการศึกษาชั้นมัธยมและระดับอุดมศึกษา และมีไว้เพื่อแสดงถึงความสามารถในการจัดการกับตารางเรียนที่เข้มงวดมากขึ้น และรายวิชาที่แตกต่างกันของนักเรียนในแต่ละระดับชั้น แต่ไม่ได้ผลความสำเร็จทางการศึกษา โดยเกรด 10 คือคะแนนสูงสุด เกรด 6 คือคะแนนขั้นต่ำที่ผ่าน เกรด 9 ไม่ค่อยได้รับมากนัก เกรด 10 ถือว่าหายากมาก และเกรด 1-3 นั้นแทบจะไม่เคยใช้เลย
การให้เกรด 10 เป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากสร้างการเปรียบเทียบหรือสร้างความเด่นให้กับนักเรียนบางกลุ่ม นักเรียนที่ได้คะแนนน้อยอาจสูญเสียกำลังใจในการเรียน การให้เกรดจึงไม่ได้มีความสำคัญมากนักเท่ากับการสอบในระดับต่าง ๆ
การศึกษาต่อและระดับอุดมศึกษา
การศึกษาต่อและระดับอุดมศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์มี 3 รูปแบบด้วยกัน คือ
- MBO (อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย)
- HBO (มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์)
- WO (มหาวิทยาลัยวิจัย)
MBO (อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย)
หลักสูตร MBO เป็นหลักสูตรที่เน้นทางด้านอาชีวศึกษา นักเรียนหลายคนที่สำเร็จการศึกษาสายอาชีวศึกษา (VMBO) ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาแล้วสามารถศึกษาต่อหลักสูตร MBO ระหว่างเวลา 1-4 ปี ขึ้นอยู่กับระดับ เช่น หลักสูตร MBO2, MBO3 และ MBO4 เมื่อจบแล้วก็เข้าสู่ตลาดแรงงานได้ ส่วนนักเรียนที่จบหลักสูตร MBO4 ก็สามารถไปศึกษาต่อในระดับ HBO ได้เช่นกัน
HBO (มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์)
นักเรียนที่ได้รับประกาศนียบัตร MBO, HAVO หรือ VWO สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (HBO) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่วิชาชีพเฉพาะ ประกอบด้วยระดับปริญญาตรี 4 ปี นักศึกษาที่ได้รับปริญญาตรี HBO สามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาโท (WO) แต่โดยส่วนมากต้องเรียนตามหลักสูตรที่เรียกว่าพรีมาสเตอร์ก่อนเป็นเวลา 1 ปี
WO (มหาวิทยาลัยวิจัย)
นักเรียนที่ได้รับประกาศนียบัตร VWO มีคุณสมบัติในการเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยวิจัย (WO) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การวิจัยเป็นหลัก ประกอบด้วยระดับปริญญาตรี (3 ปี) และปริญญาโท (1 หรือ 2 ปี) มีการเปิดสอนทั้งหลักสูตรภาษาดัตช์และภาษาอังกฤษ ซึ่งโดยส่วนมากในระดับปริญญาโทที่เนเธอร์แลนด์จะมีการเปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ
นักเรียนดัตช์ได้รับความเท่าเทียมทางการศึกษา
นักเรียนดัตช์ได้รับความเท่าเทียมทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระดับอาชีวศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไป และเตรียมอุดมศึกษา นักเรียนที่ถูกจัดวางในระดับอาชีวศึกษาสามารถไต่ระดับไปสู่การศึกษาระดับสูงได้ หากพวกเขาเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง และไม่ได้หมายความว่านักเรียนที่ถูกจัดวางในระดับการศึกษาที่สูง เช่น ระดับเตรียมอุดมศึกษาจะก้าวผ่านการทดสอบในปีสุดท้ายไปได้ หากพวกเขาไม่ตั้งใจเรียน หรือไม่มีความพยายามในการศึกษาจนทำให้ได้คะแนนต่ำ หรือไม่มีความรับผิดชอบในการจัดการกับการศึกษาที่เข้มงวดก็อาจถูกส่งลงมาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วไปเป็นได้
วันหยุดของนักเรียน
โรงเรียนดัตช์มีเข้มงวดมากเกี่ยวกับวันหยุดพักผ่อน ในแต่ละปีการศึกษาจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ (OCW) เกี่ยวกับวันหยุดโรงเรียนในฤดูกาลต่าง ๆ ซึ่งกระจายไปตามภูมิภาคในเนเธอร์แลนด์ เพื่อลดความแออัดในช่วงปิดเทอม นักเรียนดัตช์จะได้รับวันหยุดภาคบังคับ 3 ประเภทด้วยกัน ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบสำหรับการกำหนดวันหยุดของโรงเรียน คือ วันหยุดคริสต์มาส 2 สัปดาห์ วันหยุดพักร้อน 6 สัปดาห์ และวันหยุดเดือนพฤษภาคม 1 สัปดาห์ ผู้ปกครองสามารถเช็ควันหยุดโรงเรียนล่วงหน้าได้มากถึง 5 ปีการศึกษาตามลิงก์ข้างต้น
หากต้องการขอลาหยุดหรือพาลูก ๆ ไปทำกิจกรรมในโอกาสต่าง ๆ ที่ยังคงเป็นเวลาเรียนปกติของเด็ก ๆ ต้องยื่นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร ยกเว้นผู้ปกครองที่ต้องทำงานในช่วงวันปิดเทอมของเด็ก ๆ พวกเขาได้รับอนุญาตให้บุตรหลานลาเรียนได้สูงสุด 10 วัน รวมไปถึงสถานการณ์อื่น เช่น วันเกิด วันพิเศษของครอบครัว การเจ็บป่วย และอื่น ๆ
นักเรียนดัตช์เรียนฟรีไหม?
ที่เนเธอร์แลนด์รัฐบาลสนับสนุนค่าเล่าเรียนฟรีสำหรับเด็กจนถึงอายุ 18 ปี นักเรียนไม่ต้องจ่ายค่าเทอม (Lesgeld) หรือซื้อหนังสือเรียนด้วยตัวเอง (Kosten voor boeken) แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าถ่ายเอกสาร การใช้อินเทอร์เนต เงินสบทบผู้ปกครอง (ouderbijdrage) ที่โรงเรียนประถมหรือมัธยมขอให้ผู้ปกครองออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าทัศนศึกษา ค่าจัดงานเทศกาล จะเป็นจำนวนเงินเท่าไรขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนและไม่ได้บังคับว่าต้องจ่าย
สำหรับค่าเล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้น เช่น การศึกษาในสถาบันและมหาวิทยาลัยของรัฐ นักศึกษาจะต้องจ่ายค่าธรรมค่าเล่าเรียนรายปี ซึ่งมีค่าธรรมเนียมสองแบบที่แตกต่างกัน คือ ค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย และค่าธรรมเนียมสถาบัน ค่าธรรมเนียมใดที่คุณจ่ายขึ้นอยู่กับสัญชาติของคุณ มหาวิทยาลัยที่เข้าเรียน รวมถึงประเภทปริญญา (ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญญาเอก)
ค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษา EU/EEA ในมหาวิทยาลัยของรัฐ
หากเป็นนักศึกษาที่มีสัญชาติดัตช์ หรือมาจากสหภาพยุโรป (EEA) สวิตเซอร์แลนด์ และซูรินาม จะจ่ายค่าเล่าเรียนตามกฎหมายในมหาวิทยาลัยของรัฐในเนเธอร์แลนด์ ค่าเทอมเหล่านั้นมักจะอยู่ที่ระหว่าง 900-3,200 ยูโรต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่เข้าเรียนและประเภทปริญญาด้วย
ค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษานอกสหภาพยุโรป EU/EEA ในมหาวิทยาลัยของรัฐ
สำหรับนักศึกษานอกสหภาพยุโรป หรือประเทศสมาชิก EEA สวิตเซอร์แลนด์หรือซูรินาม หรือหลังจากได้รับปริญญาตรีดัตช์แล้ว คุณลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรปริญญาตรีที่สอง หรือหลังจากได้รับปริญญาตรีหรือปริญญาโทของดัตช์แล้ว คุณลงทะเบียนในโปรแกรมระดับที่สอง เว้นแต่โปรแกรมที่สองของคุณอยู่ในด้านการศึกษาหรือการดูแลสุขภาพ จะต้องจ่ายค่าเรียนของสถาบัน
- ระดับปริญญาตรีประมาณ 6,000 – 15,000 ยูโรต่อปีการศึกษา
- ระดับปริญญาโทประมาณ 8,000 – 20,000 ยูโรต่อปีการศึกษา
ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมสถาบันมีการเปลี่ยนแปลงและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ต้องการเข้าศึกษาต่อ
ค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน
หากคุณลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนของเนเธอร์แลนด์ ต้องใช้งบประมาณที่มากขึ้น สำหรับการศึกษาบางหลักสูตรอาจต้องจ่ายมากถึง 30,000 ยูโรต่อปี เช่น หลักสูตรทางการแพทย์และธุรกิจ เป็นต้น
หากไม่สามารถจ่ายค่าเรียนได้จะทำอย่างไร?
สำหรับนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาหากผู้ปกครองไม่สามารถจ่ายค่าเรียนได้ สามารถขอรับเงินสวัสดิการและเงินสงเคราะห์ในเนเธอร์แลนด์ เช่น เงินสงเคราะห์บุตร (Kinderbijslag) รวมไปถึงเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Kindgebonden budget) ส่วนนักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาและต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาสามารถขอกู้เงินกองทุนเพื่อการศึกษาจากหน่วยงานด้านการศึกษา (DUO) โดยมีระยะเวลาการชำระคืน 15-35 ปี (ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในการชำระ) ซึ่งนับจากสองปีเป็นระยะเริ่มต้นในการชำระหนี้แบบรายเดือนพร้อมดอกเบี้ย หรือสามารถชำระก่อนกำหนดหรือปิดบัญชีครั้งเดียวเลยก็ได้เช่นกัน
เมื่อเด็กอายุ 18 ปีและเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา เช่น ในระดับ VMBO, MAVO, HAVO หรือ VWO และมีคุณสมบัติในการรับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านการศึกษา (DUO) ซึ่งเงินเหล่านั้นเป็นเบี้ยเลี้ยงสำหรับนักศึกษาชาวดัตช์เพื่อจ่ายค่าหนังสือ ค่าสมัครสมาชิกบัตรโดยสารประจำทาง ค่าฝึกอบรม และค่าเล่าเรียนที่เป็นไปได้
การศึกษาในระดับ MBO, HBO หรือระดับมหาวิทยาลัยพวกเขามีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจาก DUO เช่นกัน รวมถึงบัตรเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะฟรี ในความเป็นจริงแล้วเงินเหล่านั้นไม่ได้รับมาแบบฟรี ๆ แต่เป็นข้อกำหนดว่าพวกเขาต้องสำเร็จการศึกษาภายในสิบปี ถึงจะไม่ต้องจ่ายเงินคืน แต่ถ้าหากไม่สำเร็จการศึกษา เป็นไปได้ว่าเงินเหล่านั้นพวกเขาต้องจ่ายคืนทั้งหมด นอกจากนี้พวกเขายังมีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือค่าประกันสุขภาพ (Zorgtoeslag) จากกรมสรรพากรดัตช์หากมีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
สรุประบบการศึกษาในเนเธอร์แลนด์
ระบบการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ ดังข้อมูลข้างต้นเป็นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลจากประสบการณ์ตรงของนักเรียนดัตช์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกเล่าไปยังผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือกำลังวางแผนที่จะศึกษาต่อในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึงตัวเลขต่าง ๆ ผู้เขียนได้มีการอัพเดตให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ หากผู้อ่านต้องการแสดงความคิดเห็นหรือชี้แนะในส่วนใด สามารถส่งข้อความกันเข้ามาได้ ผู้เขียนยินดีน้อมรับคำติชมเพื่อนำไปพัฒนาบทความให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และขอขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามเรื่องราวการใช้ชีวิตในเนเธอร์แลนด์มาโดยตลอด
ผู้เขียนหวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบการศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ครอบคลุม และเห็นภาพรวมของระบบการศึกษาดัตช์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเกิดจากความร่วมมือทั้งสถาบันครอบครัวและสถาบันการศึกษาช่วยพัฒนาเด็ก ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้เด็กเกิดความเชื่อมั่นและก้าวไปสู่การศึกษาระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่าทำไมประเทศเนเธอร์แลนด์ถึงได้ชื่อว่ามีประสิทธิภาพทางด้านการศึกษาเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
- ระดับการสอบภาษาดัตช์ในเนเธอร์แลนด์
- รวมข้อมูลการใช้ชีวิตในเนเธอร์แลนด์
- การทำงานและอัตราภาษีเงินได้ในเนเธอร์แลนด์
Source:
- Gemeente Amsterdam, 2023. All there is to know about my child’s school.
- Iamexpat, 2023. The structure of the Dutch school system.
- Government, 2023. Secondary vocational education (MBO) and higher education.
- Wikipedia, 2023. Education in the Netherlands.