ทะเลสาบโบฮินจ์ (ภาษาสโลวีเนีย: Bohinjsko jezero) เป็นทะเลสาบถาวรที่ใหญ่ที่สุดในสโลวีเนีย เปรียบเสมือนอัญมณีสีเขียวซ่อนเร้นความงดงามอยู่ภายในหุบเขาโบฮินจ์ของเทือกเขาจูเลียนแอลป์ (Julian Alps) และยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทริคลาฟ (Triglav National Park) ที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์
ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ถวิลหาธรรมชาติ มีกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย ตั้งแต่ชมความงดงามของทะเลสาบใสบริสุทธิ์ไปจนถึงขึ้นกระเช้าลอยฟ้าท้าทายความสูงที่จะมอบประสบการณ์อันไม่รู้ลืมให้กับคุณ และนี่คือวางแผนเที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์และกิจกรรมน่าสนใจให้คุณได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เงียบสงบอย่างเต็มที่ และที่สำคัญเที่ยวได้ง่ายแบบไปเช้าเย็นกลับเพราะตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบเบลด (Lake Bled) เพียง 35 นาที
อย่าลืมแวะไปอ่านวางแผนขับรถเที่ยวทางไกลในยุโรป 2 อาทิตย์ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สโลวีเนีย ฮังการี สโลวาเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ที่เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเที่ยวประเทศเหล่านี้ไว้อย่างสมบูรณ์
เวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj)
ทะเลสาบโบฮินจ์สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน) จำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 19 องศาเซลเซียล เหมาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำ เช่น ล่องเรือพาโรนามา เล่นกระดานโต้คลื่น พายเรือคายัค หรือเดินป่าชมธารน้ำตก
ช่วงฤดูร้อนมักมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาแน่น อาจต้องวางแผนล่วงหน้า 3-6 เดือนเพื่อให้ตั๋วเครื่องบินและที่พักในราคาถูก ในขณะที่ฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นลานสเก็ตน้ำแข็งชั้นดี เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฤดูหนาว
การเดินทางมายังทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj)
ทะเลสาบโบฮินจ์ตั้งอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติทริคลาฟทางตะวันตกเฉียงใต้ของสโลวีเนีย การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นวิธีที่ทำได้สะดวกและรวดเร็ว
- จากเมืองลูบลิยานา 83 กม. เดินทาง 1 ชั่วโมง 18 นาที
- จากเมืองเบลด 30 กม. เดินทาง 35 นาที
- จากเมืองเวนิส 327 กม. เดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที
เมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ในประเทศสโลวีเนียต้องมีสติ๊กเกอร์ค่าทางด่วนมอเตอร์เวย์ (E-Vignette) ราคาแบ่งตามประเภทรถยนต์ รถยนต์ทั่วไปที่มีน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 3.5 ตัน (2A) ราคา 15 ยูโร (1 สัปดาห์) 30 ยูโร (1 เดือน) และ 110 ยูโร (1 ปี)
สามารถซื้อสติ๊กเกอร์ค่าผ่านทางได้ที่เว็บไซต์ Evinjeta.dars.si/en หรือตามสถานีเติมน้ำมันขนาดใหญ่ ที่ทำการไปรษณีย์ แผงขายหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ในสโลวีเนีย และที่สำนักงานสาขาของสมาคมยานยนต์แห่งสโลวีเนีย (AMZS)
อ่านต่อ | Ljubljana: เที่ยวเมืองหลวงลูบลิยานาแบบเดย์ทริป
เช่ารถยนต์ขับเที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์
ถ้าไม่มีรถยนต์แนะนำให้เช่ารถยนต์ผ่านทาง Rentalcars มีรถให้เลือกหลายแบบมาพร้อมราคาเปรียบเทียบที่สมเหตุสมผล และที่สำคัญเลือกสถานที่รับรถได้ตามความสะดวก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขับรถเที่ยวในประเทศสโลวีเนีย
ที่จอดรถในทะเลสาบโบฮินจ์
เมื่อเดินทางมาถึงทะเลสาบโบฮินจ์คุณสามารถหาที่จอดรถได้สะดวก โดยสังเกตจากป้าย P หรือ P+R ซึ่งเป็นสถานที่อนุญาตให้จอดรถอย่างถูกต้อง ที่จอดรถใกล้ทะเลสาบและเดินเที่ยวง่ายตั้งอยู่ที่ P2 – Ribčev Laz – za hotelom jezero (กดเพื่อดูแผนที่ตั้ง) ราคา 1.50 ยูโรต่อชั่วโมง เปิดระหว่างเวลา 06:00 – 20:00 น. เมื่อซื้อตั๋วแล้วอย่าลืมนำมาวางให้เห็นชัดเจนที่หน้ากระจกรถพร้อมแผ่นจับเวลาที่จอดรถสีฟ้า
เดินทางมายังทะเลสาบโบฮินจ์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
- รถไฟ: จากเบลด (20 นาที/1.90 ยูโร) ลูบลิยานา (2 ชั่วโมง 18 นาที/7.20 ยูโร) มาลงที่สถานีรถไฟ Bohinjska Bistrica อยู่ห่างจากทะเลสาบโบฮินจ์ประมาณ 6.5 กม. จากนั้นนั่งรถบัส (8 นาที/1.80 ยูโร) หรือรถแท็กซี่ต่อไปยังทะเลสาบ ซื้อตั๋วเดินทางและตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ Potniski.sz.si/en
- รถบัส: จากเบลด (37 นาที/3.60 ยูโร) จากลูบลิยานา (1 ชั่วโมง 57 นาที/8.31 ยูโร) มาลงที่ป้ายรถบัส Bohinjsko jezero/lake จากนั้นเดินอีก 3 นาทีจะเจอกับทะเลสาบโบฮินจ์ ซื้อตั๋วเดินทางและตรวจสอบเวลาเดินรถได้ที่ Ap-ljubljana.si/en
แผนที่เที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj) สโลวีเนีย
กดดูและบันทึกแผนที่ขับรถเที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์เพื่อช่วยวางแผนการเดินทางของคุณ
ทำอะไรได้บ้างในทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj)
ทะเลสาบโบฮินจ์มีบรรยากาศที่เงียบสงบและมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่าทะเลสาบเบลด แต่ในเรื่องของกิจกรรมกลางแจ้งและสถานที่เที่ยวนั้นมีให้เลือกทำหลากหลายไม่แพ้ทะเลสาบเบลดเลยทีเดียว
เดินเล่นรอบทะเลสาบโบฮินจ์
โบฮินจ์เป็นทะเลสาบถาวรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสโลวีเนีย มีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำแข็งที่กัดเซาะพื้นดินแล้วละลายไหลจากแม่น้ำ Savica รวมกับน้ำใต้ผิวทะเลสาบเกิดเป็นถังเก็บขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร มีความยาวกว่า 4.2 กม. และกว้างสูงสุด 1 กม.

กิจกรรมที่จะทำให้เห็นความสวยงามของทะเลสาบคงหนีไม่พ้นการเดินเล่นไปรอบ ๆ เพื่อสัมผัสกับความเงียบสงบที่ธรรมชาติมอบให้ มองเห็นสายน้ำอันอบอุ่นชวนสัมผัสหรือลงไปแหวกว่ายเหมือนกับปลาหลายสายพันธุ์ที่จับจองผืนน้ำสีเขียวดุจมรกตราวกับเจ้าของไม่แบ่งใคร ถ้ายังไม่ฉ่ำใจมีเส้นทางรอบทะเลสาบความยาวรวม 11.35 กม. ให้คุณได้ใช้เวลาประมาณ 2-5 ชั่วโมง เพื่อขยับร่างกายผ่านป่าสีเขียวและดื่มด่ำกับธารน้ำและจุดชมวิวเป็นรางวัลตอบแทน
ชมโบสถ์เซนต์จอห์นเดอะแบปทิสต์
ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวมรกตในทะเลสาบโบฮินจ์เราจะพบกับฉากหลังที่โดดเด่น คือ โบสถ์เซนต์จอห์นเดอะแบปทิสต์ (Church of St. John the Baptist) อายุว่า 700 ปี ตั้งอยู่ใกล้สะพานข้ามทะเลสาบโบฮินจ์ (The Bridge)

ที่นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมยุคกลางของสโลวีเนียที่โดดเด่น และมีจิตรกรรมฝาผนังที่ดีที่สุดเก่าแก่จากศตวรรษที่ 13 ด้านในยังแสดงภาพที่แสดงถึงเรื่องราวของนักบุญสามคน รวมไปถึงหอระฆังสไตล์บาโรกจากศตวรรษที่ 18 ที่ให้วิวที่สวยงามของทะเลสาบ มีค่าเข้าชม 3 ยูโร หรือรวมโบสถ์และหอระฆัง 5 ยูโร
ถ่ายภาพรูปปั้นชามัวร์เขาทอง
ไม่ไกลจากโบสถ์เซนต์จอห์นเราจะพบกับรูปปั้นชามัวร์เขาทองอันโด่งดัง (Zlatorog) เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของผู้พิทักษ์หุบเขาทริคลาฟและสันเขารอบทะเลสาบโบฮินจ์ที่มาจากตำนานกล่าวขานในอดีต ว่ากันว่าเขาทองของชามัวร์เป็นสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในภูเขา เลือดของมันสามารถสร้างดอกไม้ที่มีพลังพิเศษในการรักษาเยียวยา

ตามตำนานเล่าว่าพรานหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่งและพยายามที่จะเอาชนะใจเธอ วันหนึ่งพ่อค้ามั่งคั่งปรากฎตัวและมอบเครื่องประดับทองคำให้เธอและขอเต้นรำกับเธอ แต่ทว่าเมื่อเขาพยายามเข้าใกล้เธอบ้างหญิงสาวกลับไม่สนใจ เขากลับบ้านไปด้วยความหมดหวังก่อนที่จะออกตามล่าชามัวร์เขาทองเมื่อนำสิ่งมีค่านี้มาซื้อใจเธอ
วันหนึ่งเขาพบชามัวร์เขาทองและยิงจนชามัวร์ได้รับบาดเจ็บ เลือดของมันตกลงสู่พื้นหิมะและกลายมาเป็นดอกไม้พิเศษ ด้วยพลังของการรักษาเยียวยาเมื่อกัดกินเข้าไปชาวมัวร์หายจากการบาดเจ็บและได้รับพลังชีวิตมหาศาล มันวิ่งเข้าหานักล่าหนุ่มด้วยความโกรธ แสงสีทองจากเขาของมันทำให้นักล่าสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะและนั้นก็ทำให้เขาตกลงจากภูเขาเสียชีวิต ถูกลำธารโซชากลืนร่างจนไม่สามารถย้อนกลับได้ ชามัวร์ยังแผดเผาความโกรธและแผงฤทธิ์อาละวาดไปทั่วหุบเขากัดกินพื้นดินสีเขียวและทิ้งหลุมไว้มากมายจนกลายมาเป็นธารน้ำที่สร้างหุบเขาทริคลาฟ
ปัจจุบันมีรูปปั้นชามัวร์เขาทองตั้งอยู่ในพื้นสองแห่งหนึ่ง คือ ด้านหน้าทะเลสาบจัสนา (Lake Jasna) บริเวณเชิงถนน Vršič Pass ซึ่งเป็นเส้นทางขับรถที่สูงที่สุดในสโลวีเนีย และข้างทะเลสาบโบฮินจ์ที่เรากำลังยืนอยู่ตอนนี้

อ่านต่อ | Vršič Pass: เส้นทางขับรถในสโลวีเนียที่สวยมาก
นั่งเรือพาโนรามาในทะเลสาบโบฮินจ์
สุขใดเล่าจะเท่าได้ล่องเรือในในทะเลสาบโบฮินจ์ เหมาะทีเดียวสำหรับการพาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางสายน้ำที่นิ่งสงบและยังได้ชื่อว่ามีความใสสะอาดเพราะได้รับการอนุรักษ์และดูแลเป็นอย่างดี มีเรือพาโนรามา (Panoramic boat) ให้บริการในทะเลสาบโบฮินจ์ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Zlarog มีขนาดใหญ่จุผู้โดยสารได้ประมาณ 77 คน และ Triglavska roža มีขนาดเล็กกว่าจุผู้โดยสารได้ประมาณ 52 คน

การนั่งเรือพาโรนาโมจะไปกับไกด์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทะเลสาบโบฮินจ์รวมไปถึงการพัฒนาผืนน้ำแห่งนี้ให้คงความสวยงามตามธรรมชาติ เรือแล่นแบบทิศทางเดียวใช้เวลาประมาณ 30 นาที เมื่อถึงอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบสามารถเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง หรือเดินเลียบชายฝั่งทะเลสาบที่มีเส้นทางสั้นลง
จุดขึ้นเรือพาโรนาโมมีอยู่สองแห่ง คือ Ribčev Laz (ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานและโบสถ์ St. John the Baptist) และบริเวณ Ukanc ตั้งอยู่ด้านหน้า Camp Bohinj ราคาตั๋ว 9 ยูโร ซื้อตั๋วได้ที่จุดขึ้นเรือหรือเว็บไซต์ทางการ Bohinj.si/en/panoramic-boat
ว่ายน้ำในทะเลสาบโบฮินจ์
ช่วงหน้าร้อนน้ำในทะเลสาบโบฮินจ์มีอุณหภูมิสูงถึง 24 องศาเซลเซียล เหมาะทีเดียวสำหรับการว่ายน้ำคลายร้อน ส่วนในช่วงหน้าหนาวน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งให้บรรยากาศที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่วันไหนมีฝนตกน้ำอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 3 เมตร ถ้าอยากว่ายน้ำที่นี่ต้องเลือกมาในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝน
ชมน้ำตกซาวิก้า (Savica Waterfall)
น้ำตกซาวิก้าซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาทริคลาฟไม่ไกลจากทะเลสาบโบฮินจ์ไปทางตะวันตกประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมของประเทศสโลวีเนียที่จะพาไปชมความงดงามของสายน้ำที่เป็นเจ้าของความสูง 78 เมตร
การเดินทางมายังน้ำตกซาวิก้าทำได้หลายวิธี วิธีที่สะดวกคือขับรถยนต์มาจากทะเลสาบโบฮินจ์โดยใช้เส้นทางหมายเลข 904-Ukanc ไปตามป้ายสีน้ำตาลที่เขียนว่า ‘Slap Savica’ ใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที ในที่สุดจะเจอลานจอดรถของ Koča pri Savici มีค่าจอดรถ 5 ยูโร (4 ชั่วโมง) ถ้าไม่สะดวกขับรถเดินมาจากทะเลสาบโบฮินจ์ก็ได้แต่อาจจะนานหน่อย หรือนั่งรถรับส่งฟรี (Shuttles) ให้บริการช่วงหน้าร้อนเส้นทาง Bohinjska Bistrica – Savica Waterfall ตามรอบเวลาที่กำหนด

หน้าที่จอดรถมีที่พักสองแห่ง คือ Planinski dom Savica และ Koca pre Savici จากที่พักเหล่านี้เดินตามป้าย ‘Slap Savica’ ไปอีกประมาณ 5 นาทีจะเจอสำนักงานขายตั๋ว มีค่าเข้าชมน้ำตกซาวิก้า 3 ยูโร เปิดให้เข้าชมวันอังคารถึงวันศุกร์ เวลา 10:00 – 18:00 น. วันหยุดสุดสัปดาห์ เวลา 08:00 – 19:00 น. (พฤษภาคม มิถุนายน และกันยายน) เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น. (กรกฎาคมและสิงหาคม)
เมื่อซื้อตั๋วแล้วข้ามสะพานหินเหนือลำธารแล้วขึ้นบันได 550 ขั้นไปตามเส้นทางธรรมชาติขนาดเล็ก ระหว่างทางมีจุดแวะพักชมวิว มองเห็นภูเขาและทะลสาบโบฮินจ์จากระยะไกล ใช้เวลาดื่มด่ำไปกับธรรมชาติสองฝั่งทางเดินพอเป็นน้ำจิ้มจนได้ทีประมาณ 20-30 นาที ในที่สุดเราก็พอตัวเองมายืนด้านหน้าศาลาไม้ที่มองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของน้ำตกซาวิก้า

สิ่งแรกที่มองเห็นแบบโดดเด่นเลยก็คือลักษณะรูปทรงตัวอักษร A ของสายน้ำขนาดเล็กและใหญ่ที่มาจากกระแสน้ำในชั้นใต้ดินก่อนจะแยกเป็น 2 สาย สายที่สูงที่สุด 87 เมตร ส่วนอีกสายสูง 25 เมตร ทั้งสองสายตกรวมกันไปในทะเลสาบสีเขียวมรกตก่อนจะไหลต่อเนื่องลงสู่ทะเลสาบโบฮินจ์
ปริมาณน้ำที่เราเห็นในน้ำตกซาวิก้าแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู ในภาพเป็นช่วงเดือนพฤษภาคมมีน้ำให้เห็นเยอะทีเดียว ส่วนฤดูฝนน้ำอาจจะเพิ่มขึ้นเยอะกว่านี้ โดยรวมแล้วน้ำตกน้ำตกซาวิก้ามีความสวยงาม ประกอบกับเส้นทางที่เดินง่าย สามารถใช้เวลาที่นี่แบบเดินไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาที่แนะนำคือตอนเช้าและตอนบ่ายหลังเวลา 15:00 น. ระหว่างเวลา 12:00-14:00 น. คนจะเยอะเป็นพิเศษ
เดินป่าต่อไปยังทะเลสาบ Seven Lakes Valley
อันที่จริงจากที่จอดรถหน้าทางเข้าน้ำตกซาวิก้ามีเส้นทางแยกสำหรับเดินป่าไปยังทะลสาบ Seven Lakes Valley ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมในโบฮินจ์ เหมาะสำหรับสายชอบเดินและมีเวลาประมาณครึ่งวัน ใช้เวลาเดินประมาณ 2-4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับว่าเดินช้าเร็วแค่ไหน) เผื่อเวลาไว้ตอนเดินกลับด้วยนะคะ เส้นทางเดินง่าย (ดูเส้นทางในแผนที่ประกอบ) มีจุดแวะพักชมวิวหลายแห่ง และท้ายที่สุดเราจะพบกับทะเลสาบที่สวยงามเป็นรางวัลตอบแทนคุ้มค่าความเหนื่อย
เดินป่าไปยังช่องเขา Mostnica Gorge และน้ำตก Voje
นอกจากเส้นทางเดินป่าไปยัง Seven Lakes Valley แล้ว ยังมีเส้นทางเดินป่าอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับความนิยมในโบฮินจ์ นั้นก็คือ Mostnica Gorge มีความคล้ายคลึงกับหุบเขาวินท์การ์จอร์จ (Vintgar Gorge) ที่เที่ยวใกล้ทะเลสาบเบลดแต่ใช้เวลาเดินนานกว่าและมีคนพลุ่กพล่านน้อยกว่า
จุดเริ่มต้นการเดินป่าอยู่ที่ Stara Fuzina ตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบโบฮินจ์ ประมาณ 5 นาที มีที่จอดรถหน้าทางเข้าราคา 3 ยูโรต่อชั่วโมง จากหน้าทางเข้าใช้เส้นทางเดินผ่านช่องเขาไปตามป้ายบอกทางจนพบกระท่อมหลังเล็กเพื่อจ่ายค่าเข้าชมอย่างเป็นทางการ 3 ยูโร จากนั้นเดินลัดเลาะไปตามหุบเขาผ่านโขดหินมองเห็นธารน้ำใสดุจคริสตัล ที่นี่ยังเต็มไปด้วยพืชพรรณ สัตว์ป่า และภูมิทัศน์ที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงอาจจะได้ยินเสียงกระดิ่งของฝูงวัวดังไปทั่วบริเวณ
การเดินผ่านหุบเขาในเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และเดินต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งไปยังน้ำตก Voje ทั้งหมดนี้จะคุ้มค่ากับการเดินมากหากเป็นสายรักธรรมชาติ และควรเผื่อเวลารวมการเดินไปกลับ 4-5 ชั่วโมง
ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยอดเขาโวเกล (Mount Vogel)
คุณชอบท้าทายความสูงหรือไม่? ยอดเขาโวเกลเป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดอย่างเด่นขาดเมื่อมาเที่ยวที่ทะเลสาบโบฮินจ์ มีความสูง 1,922 เมตร ด้านบนมีวิวตระการมองเห็นทะเลสาบโบฮินจ์อย่างน่ามหัศจรรย์ เราสามารถขึ้นไปด้านบนได้ด้วยกระเช้าไฟฟ้าที่สูงถึง 1537 เมตร จุดขึ้นกระเช้าอยู่ที่ Vogel Ski Resort ซึ่งเป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในสโลวีเนีย ด้านหน้ารีสอร์ทมีที่จอดรถฟรี

กระเช้าไฟฟ้าเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00-18:00 น. วิ่งทุกครึ่งชั่วโมง ตั๋วไปกลับราคา 28 ยูโร รวมค่าขึ้นลิฟต์สกีฟรี (Orlove Glave) ซื้อตั๋วได้ที่สถานีขึ้นกระเช้าและตรวจสอบราคาและตารางเวลาปัจจุบันได้ที่เว็บไซต์ทางการ Vogel.si
จากสถานีขึ้นกระเช้าไฟฟ้าจะพาเราไต่ระดับความสูงขึ้นไป ระหว่างทางมองเห็นวิวหลักล้านของทะเลสาบโบฮินจ์และเทือกเขาจูเลียนแอลป์ที่ล้อมรอบเมืองทะเลสาบโบฮินจ์อย่างลงตัว การเดินทางใช้เวลาเพียง 5 นาที กระเช้าจะพามาจอดที่สถานีความสูง 1,535 เมตร จากตรงนี้สามารถเดินเล่นไปตามเส้นทางที่จัดไว้เพื่อพักผ่อนหรือชมวิวตามสะดวก ส่วนใครที่อยากเดินป่าก็สามารถใช้เวลา 2-4 ชั่วโมงไปตามเส้นทางเดินป่าบนยอดเขาโวเกลได้เช่นกัน
เที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj) กี่วันดี?
เอาจริง ๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติสามารถใช้เวลาเที่ยวที่ทะเลสาบโบฮินจ์เป็นอาทิตย์ได้เลย เพราะมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกทำหลากหลาย จากประสบการณ์ตรงการเที่ยว 2 วันในทะเลสาบโบฮินจ์กำลังดี วันแรกเริ่มต้นใช้เวลาที่ทะเลสาบ เข้าชมโบสถ์ นั่งเรือพาโรนามา เดินเล่นรอบ ๆ ทะเลสาบ จากนั้นแวะไปชมน้ำตกซาวิก้าและจบลงที่การนั่งกระเช้าไปยอดเขาโวเกล ส่วนวันที่สองใช้เวลาไปกับการเดินป่าชมธรรมชาติและธารน้ำตกที่สวยงาม
แต่ถ้าใครมีเวลาเที่ยวแบบเดย์ทริปก็สามารถทำได้เช่นกันตามแผนที่เราแนะนำไปข้างต้น อาจจะเลือกตัดการเดินป่าออกไปเพราะใช้เวลาเกือบครึ่งวัน ส่วนใครที่มีเวลาครึ่งวันอาจจะน้อยไปแต่ถ้าจะทำก็ทำได้เช่นกัน โดยเลือกใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ริมทะเลสาบ เช่น นั่งเรือพาโรนามาและชมวิวรอบ ๆ ทะเลสาบแทน
เที่ยวทะเลสาบโบฮินจ์ (Lake Bohinj) พักที่ไหนดี?
Farmhouse Soklic: อพาร์ตเมนต์มาพร้อมสวนดอกไม้ที่มีบรรยากาศร่มรื่น ตั้งอยู่ใกล้ป้ายรถโดยสารประจำทาง สามารถเดินทางไปทะเลสาบโบฮินจ์สะดวก ห้องพักตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ลงตัว เจ้าของใจดี มีนมสดจากฟาร์มให้ทานทุกเช้า ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Hotel Majerca: โรงแรมตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบโบฮินจ์เพียง 10 นาที ห้องพักสวยงามตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นอบอุ่น มีระเบียงมองเห็นวิวทะเลสาบและภูเขา มีพื้นที่นั่งเล่น มาพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงอาหารเช้าแบบคอนติเนนตัลหรือตามสั่ง และมีที่จอดรถฟรี ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
Sunrose 7 – Heritage Boutique Hotel: โรงแรมบูติกสไตล์สแกนดิเนเวียตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบโบฮินจ์เพียง 10 นาที และใกล้สถานีรถไฟ Bohinjska Bistrica การตกแต่งภายในสวยงามมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมวิวภูเขา เมือง หรือสถานที่สำคัญ มีพื้นที่สปาส่วนตัวและสระว่ายน้ำ และมีที่จอดรถฟรี ตรวจสอบราคาและห้องว่างตอนนี้เลย
เที่ยวทะเลสาบเบลดหรือทะเลสาบโบฮินจ์?
ว่ากันว่าเบลดเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนโบฮินจ์เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักเดินทาง เราไปเที่ยวมาทั้งสองที่ซึ่งให้ความงดงามไม่แพ้กัน และอยากแนะนำให้เพิ่มที่เที่ยวสองแห่งนี้ไว้ในแผนการเที่ยวประเทสสโลวีเนียของคุณด้วย

ทะเลสาบเบลดให้ความโรแมนติกเหมือนภาพวาดที่มีอยู่จริง โบสถ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะและปราสาทบนเขาสะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานทางศาสนาและวัฒนธรรม ในขณะที่เรือเพลตนาอาชีพเก่าแก่จากรุ่นสู่รุ่นเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างทะเลสาบและผู้คนต่างถิ่นเข้าด้วยกัน เราไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเดินไกลและยังมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เลือกทำหลากหลาย
ส่วนทะเลสาบโบฮินจ์ให้ความเงียบสงบของผืนน้ำใสบริสุทธิ์ดุจราวคริสตัล สายน้ำเชื่อมโยงด้วยเทือกเขาจูเลียนแอลป์ เมื่อเราไปยืนอยู่ท่ามกลางทะเลสาบอันกว้างใหญ่ราวกับถูกธรรมชาติธรรมชาติที่แข็งแกร่งและอ่อนโยนโอบล้อมในเวลาเดียวกัน มันคือสวรรค์ของผู้ที่ถวิลหาธรรมชาติแบบน้อยแต่มากอย่างลงตัว
“และแน่นอนว่านี้คือสโลวีเนียจุดหมายปลายทางโปรดของเรา”
วางแผนเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
- Amsterdam | วางแผนเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
- Istanbul | วางแผนเที่ยวอิสตันบูล 5 วัน 4 คืน
- Prague | วางแผนเที่ยวปรากเมืองหลวงเช็กเกีย
- Budapest | วางแผนเที่ยวบูดาเปสต์ 2 วัน
- Venice | วางแผนเที่ยวเวนิสราชินีแห่งสายน้ำ
- Vienna | เดินเที่ยวเวียนนาออสเตรีย 1 วัน
- Paris | เที่ยวปารีสฝรั่งเศสหน้าร้อนแบบเดย์ทริป
แหล่งข้อมูลวางแผนเที่ยว
Thank you
การเปิดเผย: บทความนี้มีลิงก์แอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าว เราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยสำหรับนำไปพัฒนาบล็อก 🧡