ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่มีความสวยงามไม่แพ้กับฤดูอื่น ๆ บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงหนาว และมีฝนตกโดยส่วนมาก ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีและผลิใบ เพื่อเตรียมรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมของชาวดัตช์ในช่วงฤดูใบไม่ร่วง คือการเดินป่าชมธรรมชาติ ในประเทศเนเธอร์แลนด์มีอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนกับครอบครัว พาเด็ก ๆ ไปเดินเล่น ชมนก ขี่ม้า และปั่นจักรยาน ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปเดินเที่ยวป่า เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลิอย่างจริงจัง ที่อุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug National Park ในจังหวัดอูเทร็คท์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขต Leusden และ Rhenen ภารกิจในวันนี้ไม่ใช่แค่เดินป่าชมธรรมชาติอย่างเดียว แต่จะไปตามล่าหาน้องเห็ดด้วย หากโชคดีอาจจะได้เจอกับฝูงแกะที่กินหญ้าอยู่ที่นั้นด้วย ตามไปดูกันค่ะว่าบรรยากาศ ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์ เป็นอย่างไร ใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยแค่ไหน และเราจะเจอกับน้องเห็ดอะไรบ้างที่นั้น
กิจกรรมที่น่าสนใจในอุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug
- ชมพีระมิด Pyramid of Austerlitz (Monument)
- เดินป่าชมธรรมชาติ
- ตามล่าหาน้องเห็ดสายพันธุ์ต่าง ๆ
- ปั่นจักรยานภูเขา
- ถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี
- แอบดูฝูงแกะกินหญ้า
- ปิกนิกทานขนม

เนินเขาและป่าสนในอุทยานอุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug
อุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาประมาณ 10,000 เฮกแตร์ (100 กม. ²) และมีพื้นที่ป่าใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศเนเธอร์แลนด์รองจากอุทยานแห่งชาติ Hoge Veluwe (Hoge Veluwe National Park) ภายในอุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug มีเนินเขาที่น่าสนใจ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างหุบเขาและพื้นที่ราบ พื้นที่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ และไม่มีภูเขาสูงเหมือนประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป เนินเขาในอุทยานแห่งนี้จึงมีความน่าสนใจพอสมควร
ป่าไม้ในอุทยานเป็นป่าสนและทุ่งหญ้าที่ค่อนข้างทึบ และยังมีพื้นที่ราบน้ำท่วมขัง นอกจากธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวแล้ว ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ พีระมิด Pyramid of Austerlitz (Monument) สร้างขึ้นในปี 1804 โดยทหารของนโปเลียน บนยอดพีระมิดเป็นเสาหิน มีความสูง 36 เมตร สถานที่ดังกล่าวสามารถเข้าชมได้ พื้นที่ด้านหน้าใกล้กับที่จอดรถยังมีร้านค้า สนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ๆ ในช่วงวันหยุดสถานที่แห่งนี้จึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสร้างการเรียนรู้สำหรับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

เดินป่าตามเส้นทางสาย Bornia
เราเลือกเดินป่าด้วย เส้นทางเดินเท้าสาย Bornia (สีฟ้า) ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมง ปีที่แล้วเราเคยมาเดินป่าที่นี้เป็นครั้งแรก ตอนนั้นดูเส้นทางผิด เดินบนเส้นทางสาย Heidestein (สีแดง) ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร และเส้นทาง Bornia (สีฟ้า) รวมกันระยะทางทั้งหมดประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งยังเดินออกไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงที่นี้ด้วย รวมระยะเวลาแล้วเกือบห้าชั่วโมง แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะบรรยากาศหนาว ๆ ในวันที่มีแสงแดด และธรรมชาติสวย ๆ ระหว่างเส้นทางดังกล่าวทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือร้อนเลย
เครื่องหมายบนเสาไม้ช่วยไม่ให้หลงทาง
เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวหลงทาง ที่อุทยานมีการปักเสาไม้พร้อมเครื่องหมายและสีของเส้นทางไว้อย่างชัดเจน (หากหลงทางก็ยังสามารถเดินตามเส้นทางที่คนเดินเยอะ ๆ จนกลายเป็นถนนไปจนกว่าจะเจอเครื่องหมายบนเสาไม้) ป่าที่เดินผ่านเป็นป่าแบบหลากหลาย มีต้นไม้หลายชนิด ต้นไม้ที่เห็นโดยส่วนมาก คือ ต้นสน ต้นสนที่นี้สูงใหญ่ บางต้นสูงจนเงยหน้ามองจนปวดคอ บางต้นโค่นล้มเองตามธรรมชาติ

ประตูและรั้วกั้นไม่ให้ฝูงแกะออกมาเส้นทางเดินเท้า
พอเดินไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับบริเวณที่มีฝูงสัตว์อาศัยอยู่ เช่น ฝูงแกะ ที่อุทยานมีการสร้างรั้วกั้นและมีป้ายบอกให้ระมัดระวัง ไม่ไปรบกวนฝูงสัตว์เหล่านั้น เราสามารถเดินผ่านประตูเข้าไปยังบริเวณและเส้นทางดังกล่าวได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินป่าและไม่ส่งเสียงดังรบกวน
*ป.ล. คุณยายไม่ได้เดินป่าแล้วเลยให้เรามาใส่แทน ด้วยความบังเอิญไปกว่านั้นเราใส่รองเท้าไซส์เดียวกับคุณยายเลย (Dank u wel oma voor de schoenen. Ze lopen heerlijk. Ik vind ze leuk!)
แอบดูฝูงแกะกินหญ้า
เมื่อเดินผ่านประตูกั้นมาแล้วและเดินต่อไปอีกเรื่อย ๆ จะพบกับเนินเขา ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างหุบเขาและพื้นที่ราบ ต้นไม้บางส่วนโค่นล้มตามธรรมชาติ แต่โดยส่วนมากยังมีชีวิตกับใบที่เริ่มร่วงหล่น ก่อนที่เราจะโชคดีได้เจอกับฝูงแกะที่กำลังกินหญ้าอยู่ ฝูงแกะที่นี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติโดยตรง แต่เป็นฝูงแกะที่มีเจ้าของ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างอุทยานกับเจ้าของนำมาปล่อยไว้ที่นี้และให้น้องแกะแทะต้นหญ้าและพุ่มไม้ ซึ่งเป็นการช่วยตัดหญ้าในพื้นที่ดังกล่าวให้สั้นลงไปในตัว โดยที่ไม่ต้องใช้แรงงานคน น้องแกะก็ได้กินอาหาร เราแอบดูน้องแกะกินหญ้าสักพัก ก่อนจะเดินต่อไปตามเส้นทาง
ตามล่าหาน้องเห็ด ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์
พื้นที่ป่าในอุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug ค่อนข้างชื้น เมื่อต้นไม้โค่นล้มก็เป็นโอกาสที่ดีจะทำให้ เห็ดสายพันธุ์ต่าง ๆ เจริญเติบโต เราจึงมีโอกาสได้เห็ดชนิดต่าง ๆ ซึ่งสายพันธุ์ที่พบยากเป็นครั้งคราวระหว่างเส้นทางการเดินป่า คือ เห็ดพันธุ์อะมานิตา มัสคาเรีย (Amanita muscaria) หรือเห็ด vliegenzwam ในภาษาดัตช์ ซึ่งเป็นเห็ดสีแดงมีจุดสีขาวด้านบน มองแล้วสวยงาม แต่ระวังอย่าเผลอไปจับหรือเด็ดมาประกอบอาหารนะคะ เพราะเห็ดชนิดนี้เป็นเห็ดพิษ สายพิษมัสคารีน (Muscarine) ในเห็ดมีพิษรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน เกิดอาการประสาทหลอน หรือเสียชีวิตได้ เรียกได้ว่าเป็นเห็ดที่สวยสังหารจริง ๆ เราจึงได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้แทน

เรื่องเล่าตามตำนวนของภูมิแคระ “โนม” (Gnome)
พูดถึงเรื่องเห็ดแล้วชาวดัตช์ยังมีเรื่องเล่าตามตำนวนของภูมิแคระ “โนม” (Gnome) หรือ Kabouter ในภาษาดัตช์ ซึ่งเป็นคนแคระมีเครายาวและสวมหมวกทรงสูงสีแดง โนมมีบุคลิกขี้อาย พวกเขาอาศัยอยู่ในเห็ดหรือบนเห็ดและมีขนาดเล็กมาก
ต้นหญ้าและสาหร่ายตามโคนต้นไม้ ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์
ถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์
พอเดินไปช่วงกลางป่าจะพบกับใบไม้เปลี่ยนสีจำนวนมากที่ร่วงหล่นลงบนเส้นทางเดิน กลายเป็นลานสีส้มขนาดใหญ่ มองแล้วสัมผัสได้ถึงฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์อย่างจริงจัง
ปิกนิกทานขนม ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์
เดินเที่ยวป่ามาเกินครึ่งทางแล้ว พอขาทำงานมาก ๆ ท้องก็เริ่มหิว โชคดีที่เตรียมขนม อาหารว่าง และน้ำผลไม้มาด้วย เลยได้โอกาสนั่งพักทานขนมสักพัก ในอุทยานแห่งชาติมีม้านั่งหลายจุดไว้สำหรับนักท่องเที่ยว พอทานขนมและพักหายเหนื่อยแล้ว เราก็ออกเดินกันต่อ

เส้นทางจักรยานภูเขา
นอกจากกิจกรรมเดินป่าชมธรรมชาติแล้ว ที่นี้ยังสามารถปั่นจักรยานไปตามเส้นทางจักรยานในอุทยาน ซึ่งเป็นเส้นทางตามธรรมชาติ ไม่มีพื้นคอนกรีต ชาวดัตช์นิยมปั่นจักรยาน แม้ในวันที่ฝนตกผู้คนก็ยังปั่นจักรยาน สภาพอากาศที่นี้เรียกได้ว่าแทบไม่มีผลกระทบต่อผู้คนที่นี้เลย ประมาณว่าถ้าเปลี่ยนสภาพอากาศไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นทำใจยอมรับ และดำเนินชีวิตไปตามปกติในทุก ๆ วัน

ใช้เวลาไปเกือบสี่ชั่วโมงเราก็เดินกลับมายังเส้นทางจุดเริ่มต้น ซึ่งเป็นสถานที่จอดรถและหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug National Park มีแสงแดดให้เห็นส่งท้ายการเดินเที่ยวป่าในวันนี้ ก่อนหน้านี้แสงแดดยังไม่มามีเพียงสายลม และสายฝนที่ตกปรอย ๆ เกือบตลอดเวลาของการเดินป่า ทริปการเดินเที่ยวชมธรรมชาติวันนี้จบลงด้วยสีสันของ ฤดูใบไม้ร่วงในเนเธอร์แลนด์ สีส้มยิ่งกว่ารุ่งอรุณในยามเช้า พอเข้าช่วงเดือนพฤศจิกายนใบไม่สีส้มจะค่อย ๆ กลายเป็นสีน้ำตาล หลังจากนั้นก็แทบไม่เห็นใบสีเขียวแล้ว คาดว่าจะกลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมีนาคม สำหรับท่านใดที่มีเวลาลองแวะไปเดินเล่นที่อุทยานแห่งชาติ Utrechtse Heuvelrug National Park สักครั้ง หรืออาจจะเป็นอุทยานแห่งชาติที่อื่น ๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งสามารถปั่นจักรยานได้แบบยาว ๆ บนเส้นทางคอนกรีต หรือปิกนิกกับครอบครัวในช่วงวันหยุดที่ผ่อนคลาย