เรารู้จักชื่อของ “แร็มบรันต์” (Rembrandt) ครั้งแรกเมื่อตอนเรียนวิชาศิลปะในชั้นมัธยมตอนต้น ตอนนั้นอาจารย์พูดถึงประวัติของแร็มบรันต์ ศิลปินผู้มีชื่อเสียงก้องโลก และเป็นปรมาจารย์ด้านแสงและเงา เทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานภาพเขียนของแร็มบรันต์เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นจนยากที่ใครจะเลียนแบบ จากนั้นเราเริ่มสนใจเกี่ยวกับผลงานของแร็มบรันต์มากขึ้นและค้นหาข้อมูลต่อ จนพบว่ามี พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ซึ่งเป็นบ้านที่แร็มบรันต์เคยอาศัยและทำงานในอดีต และนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากที่จะมาเข้าชมพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์ให้ได้สักครั้ง หากอยากรู้ว่าพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์แห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง ยังมีผลงานชิ้นไหนของเขาที่เก็บไว้ที่นี้บ้าง รวมถึงห้องทำงาน ห้องครัว หรือแม้กระทั่งห้องนอนของจิตรกรเอกผู้นี้จะเป็นอย่างไร เราจะพาผู้อ่านทุกท่านไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์พร้อม ๆ กัน
บ้านที่แร็มบรันต์เคยอาศัยและทำงาน ระหว่างปี 1639 ถึง 1656
หลังจากนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Waterlooplein station แล้ว เราก็เดินต่อมายังพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์ ใช้เวลาประมาณ 4 นาทีก็มาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์ ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารสองหลัง ด้านซ้ายมือเป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ด้านขวามือเป็นบ้านของแร็มบรันต์ ซึ่งตกแต่งด้วยประตูและหน้าต่างสีเขียวด้านนอก อาคารแห่งนี้เป็นบ้านที่แร็มบรันต์เคยอาศัยและทำงานอยู่ระหว่างปี 1639 ถึง 1656 รวมถึงยังเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานของประเทศเนเธอร์แลนด์ ภายในบ้านได้รับการตกแต่งด้วยผลงานภาพวาด เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของจากศตวรรษที่ 17 รวมถึงผลงานภาพพิมพ์และแกะสลักของแร็มบรันต์

ประวัติและผลงานของแร็มบรันต์
แร็มบรันต์ (Rembrandt Harmenszoon van Rijn) เกิดและเติบโตที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเป็นศิลปินเอกและช่างพิมพ์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก และยังเป็นจิตรกรในช่วงยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Golden Age) ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีผลงานภาพวาดอันโด่งอัน ได้แก่ ภาพวาดสีน้ำมันบนผ้าใบ “The night watch” ซึ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Rijksmuseum ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ภาพเขียนสีน้ำมันบทเรียนกายวิภาคของนายแพทย์ Nicolaes Tulp “The Anatomy Lesson of Nicolaes Tulp” จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลปะยุดทอง Mauritshuis ณ กรุงเฮก และภาพวาด (Self-Portrait) ของตัวเขาเอง

ชีวิตในวัยเด็กของแร็มบรันต์
ก่อนที่เขากลายมาเป็นจิตรกรเอกของโลก เริ่มต้นขึ้นเมื่อพ่อแม่ส่งเขาไปโรงเรียนประถมมัธยมศึกษาโปรเตสแตนต์ จากนั้นเมื่ออายุ 14 ปี แร็มบรันต์ลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัย Leiden (Leiden University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยความที่แร็มบรันต์สนใจเกี่ยวกับศิลปะ เขาแทบไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยมากนัก ในขณะเดียวกันเขาขอให้พ่อแม่ของเขาฝึกหัดให้เป็นจิตรกร จนกลายมาเป็นลูกศิษย์ของศิลปินท้องถิ่น (Jacob van Swanenburgh) ยาโกปได้สอนแร็มบรันต์เรื่องการถ่ายความรู้สึกของมนุษย์ลงในภาพ การใช้แสงและความมืดเพื่อแบ่งแยกองค์ประกอบสำคัญจากสิ่งเล็กน้อย

หลังจากฝึกหัดเสร็จสิ้น แร็มบรันต์เดินทางไปยังกรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นครั้งแรกเพื่อรับการสอนจากปีเตอร์ (Pieter Pieterszoon Lastman) แร็มบรันต์ใช้เวลาประมาณหกเดือนในการเรียนรู้ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับมายังบ้านเดิมของเขาในเมืองไลเดน เพื่อฝึกงานครั้งแรกของเขา ต่อมาพ่อของแร็มบรันต์เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2173 ก่อนที่แร็มบรันต์จะย้ายมาอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม และเป็นผู้สอนที่โรงเรียนศิลปะของ Uylenburgh ใน พ.ศ. 2175 แร็มบรันต์ได้รับหน้าที่ให้วาดภาพบทเรียนกายวิภาคของนายแพทย์ Nicolaes Tulp “The Anatomy Lesson of Nicolaes Tulp” ซึ่งกลายมาเป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเขา
ด้านชีวิตส่วนตัวของแร็มบรันต์
แร็มบรันต์ได้พบรักกับหลานสาวของ Uylenburgh นามว่าซัสกียา (Saskia Uylenburgh) และแต่งงานกัน ทั้งคู่อาศัยอยู่บ้านของ Uylenburgh และเช่าบ้านที่แร็มบรันต์สามารถตั้งสตูดิโอของเขาได้ ต่อมาเขาซื้อบ้านหลังนั้น ภรรยาของแร็มบรันต์เจ็บป่วยหลังจากการคลอดลูกชายของพวกเขา ในปี พ.ศ. 2185 เธอทำพินัยกรรมและยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ลูกชายของพวกเขาแต่เพียงผู้เดียว
ใช้เงินจำนวนมากที่เขามีหมดไปกับสิ่งของสะสมและงานศิลปะ
ด้วยความที่แร็มบรันต์หลงใหลในงานศิลปะ ทำให้เขาใช้เงินจำนวนมากที่มีหมดไปกับสิ่งของสะสม และงานศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารัก ทำให้เขาไม่ได้จ่ายหนี้ค่าบ้าน เจ้าหนี้ท่วงเงินค่าบ้านเหล่านั้น จนความพยายามที่จะโอนความเป็นเจ้าของในบ้านดังกล่าวไปยังลูกชายของเขาไม่เป็นผลสำเร็จ แร็มบรันต์ถูกขู่จากเจ้าหนี้ และนำไปสู่การล้มละลายด้วยความเต็มใจ ใน พ.ศ. 2201 บ้านของเขาถูกประมูลเพื่อจ่ายหนี้ของเขา แร็มบรันต์เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2212 หลุมศพของเขาถูกฝังที่ Westerkerk ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2212 นับเป็นเรื่องราวอันน่าเศร้าของชีวิตศิลปินที่มีผลงานอันทรงเกียรติที่ก้าวกระโดดไปถึงขั้นสูงสุดและกลับมาสู่จุดพลิกพลันของชีวิตส่วนตัวและความยากลำบากทางการเงิน
ห้องครัวเก่า (พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum)
หลังจากสแกนตั๋วเข้าชม เก็บกระเป๋าและสิ่งของไว้ที่ล็อกเกอร์แล้ว เราเดินมารับเครื่อง Audio tour สำหรับเปิดฟังคำบรรยายที่หน้าทางเข้า ก่อนจะเดินเข้ามาในพิพิธภัณฑ์และพบกับห้องแรก นั้นก็คือห้องครัว ซึ่งเป็นห้องที่สะดวกสบายที่สุดในบ้านของแร็มบรันต์ มีอุปกรณ์ทำครัว จาน ชาม หม้อต่าง ๆ วางอยู่ รวมถึงเตาผิงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กับผนังห้อง ห้องครัวแห่งนี้ใช้สำหรับเป็นสถานที่ปรุงอาหารและรับประทานอาหารของคนในบ้าน



ห้องนอนของแร็มบรันต์ (พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum)
จากนั้นเราเดินต่อไปยังชั้นสองของบ้านแร็มบรันต์ และได้พบกับห้องนอน ซึ่งมีผลงานภาพเขียนติดอยู่บนผนังหลายรูป รวมถึงเตียงนอนของแร็มบรันต์ เป็นเตียงเล็ก ๆ ที่อยู่ทางขวามือถัดจากประตูทางเข้า
หลังจากนั้นหากเดินออกมาจากห้องนอนทางขวามือจะพบกับห้องภาพพิมพ์ และเมื่อเดินตรงไปจะพบกับห้องโถงขนาดใหญ่

ห้องโถงสำหรับต้อนรับลูกค้า (พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum)
ทางเข้าห้องโถงอันหรูหรานี้ไว้สำหรับต้อนรับผู้มาเยือนในบ้านของแร็มบรันต์ แขกผู้มาเยือนหรือลูกค้าสามารถเลือกนั่งบนเก้าอี้ตัวใดตัวหนึ่งที่จัดไว้รอบผนัง หรือจะนั่งบนแท่นไม้ริมหน้าต่างเพื่อหลบหนีจากความหนาวเย็นบนพื้นก็ได้ ด้านนอกหน้าต่างสามารถมองเห็นวิวและสิ่งที่เกิดขึ้นบนถนน บนผนังในห้องโถงตกแต่งด้วยภาพวาดของแร็มบรันต์ และภาพวาดของศิลปินคนอื่น ๆ ไว้สำหรับขาย แร็มบรันต์ยังเก็บเอกสารทางธุรกิจของเขาไว้ในห้องเล็ก ๆ ข้างบันได ซึ่งเรียกว่า “สำนักงานเล็ก ๆ” ในคลัง

จองเลยตั๋วออนไลน์เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัมแบบไม่ต้องรอคิวที่เคาน์เตอร์!
เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องโถง แร็มบรันต์ใช้ห้องนี้เป็นห้องดำเนินธุรกิจทางศิลปะภายในห้องโถงที่หรูหรานี้ โดยต้อนรับลูกค้าของเขาด้วยไวน์เย็น ๆ หนึ่งแก้วจากตู้แช่ไวน์หินอ่อน บนผนังห้องมีภาพวาดหลายสิบภาพแขวนอยู่ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ แร็มบรันต์ขายผลงานภาพเขียนของเขารวมถึงผลงานลูกศิษย์มากมายของเขา

จากนั้นเดินต่อไปยังชั้นสามจะพบกับห้องเก็บของสะสม
ห้องเก็บของสะสมของแร็มบรันต์ (พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum)
Art cabinet เป็นห้องที่แร็มบรันต์เก็บของสะสม รูปปั้น และของหายาก บนชั้นวางของรอบ ๆ กำแพงจะพบว่ามีสิ่งของหลายชิ้นที่มาจากประเทศต่าง ๆ นอกเหนือจากของหายากแล้ว แร็มบรันต์ยังรวบรวมสิ่งของอื่น ๆ เช่น ปะการัง เปลือกหอย อาวุธแปลกใหม่ รูปปั้นครึ่งตัวของจักรพรรดิโรมัน เครื่องแก้ว และตู้เล็ก ๆ สำหรับเก็บเหรียญ ห้องนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นโลกศิลปะขนาดจิ๋วของแร็มบรันต์อย่างแท้จริง และมีการค้นพบหนังสือศิลปะของแร็มบรันต์ที่มีราคาแพงที่สุด โดยแร็มบรันต์เก็บภาพวาดและภาพพิมพ์ของศิลปินชื่อดังไว้ประมาณ 8000 ภาพในอัลบั้มนี้

ห้องสตูดิโอขนาดใหญ่ของแร็มบรันต์ (พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum)
Large Studio เป็นห้องสตูดิโอที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน แร็มบรันต์ใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงานเพื่อรังสรรค์ผลงานภาพเขียนของเขา โดยมีภาพวาดชิ้นเอกของแร็มบรันต์ระหว่างปี 1639 ถึง 1656 หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าห้องหันไปทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นด้านที่เหมาะสมและแสงที่ดีที่สุดจะเข้ามาทางหน้าต่าง สังเกตจากจุดขาตั้งที่ปรากฏในภาพวาด “The Artist in his Studio” ของแร็มบรันต์ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สำหรับวาดภาพวางอยู่ในสตูดิโอ รวมถึงปูนพลาสเตอร์บนชั้นวางของ

ห้องสตูดิโอขนาดเล็กสำหรับสอนนักเรียนของแร็มบรันต์ (พิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum)
เมื่อเดินมาถึงชั้นสี่เราจะพบกับ Small Studio ซึ่งเป็นห้องสตูดิโอขนาดเล็ก แร็มบรันต์ใช้ห้องนี้สำหรับเป็นห้องทำงานและห้องเรียนของลูกศิษย์เขา เมื่อมองไปด้านในของห้องจะพบกับฉากกั้นที่แบ่งห้องออกเป็นพื้นที่สี่ส่วน เป็นห้องขนาดเล็กที่นักเรียนสี่ถึงห้าคนของแร็มบรันต์สามารถทำงานได้อย่างสงบเงียบ


บ้านที่แร็มบรันต์เคยอาศัยและทำงานอยู่ในอดีตมีสตูดิโอขนาดเล็กเป็นสถานที่สุดท้าย อย่างไรก็ตามการเดินชมพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะถ้ามองไปทางด้านขวามือของห้องจะพบกับพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวที่รวบรวมผลงานภาพวาดของแร็มบรันต์ไว้ ชื่อนิทรรศการว่า ‘Life/Time and Rembrandt’
นิทรรศการ Life/Time and Rembrandt
ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา หลายคนไม่สามารถพบปะหรือเยี่ยมเยือนคุณตาคุณยาย หรือผู้สูงอายุในครอบครัวได้ นิทรรศการ Life/Time and Rembrandt จัดแสดงขึ้นเพื่อทดแทนการแสวงความใกล้ชิดผ่านสายตาและคำพูด (ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – 29 พฤศจิกายน 2563) โดยรวบรวมผลงานภาพวาดของแร็มบรันต์ จากการสังเกตผู้สูงอายุหรือคนใกล้ชิดของแร็มบรันต์ ซึ่งการแสดงออกของคนชราในภาพวาดของแร็มบรันต์มองแล้วทำให้เห็นถึงความใกล้ชิดเปราะบางในขณะเดียวกันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ไฮไลท์ของนิทรรศการ Life/Time and Rembrandt คือภาพวาดขนาดเล็กของชายชราที่กำลังหลับใหล Rembrandt House ได้ซื้อภาพวาดนี้จากการประมูลในปี 2019 ซึ่งวาดโดย Abraham van Dijck ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ของของแร็มบรันต์ ภาพของชายชราที่กำลังหลับใหลที่เราเห็นและยังคงถือจานสีและพู่กัน van Dijck อาจต้องการสื่อให้เห็นว่าชีวิตของจิตรกรอาจจะผ่านไป แต่งานของพวกเขายังคงอยู่ หรือ ศิลปะมีชัยเหนือความตาย อย่างไรก็ตามชายชรามักพบในศิลปะดัตช์ในศตวรรษที่สิบเจ็ดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ยั่งยืน เป็นองค์ประกอบที่เกิดขึ้นซ้ำ ถึงแม้จะเป็นความเปราะบางและความไม่ยั่งยืนแต่ความแข็งแกร่งและศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาทางภาพวาดยังคงอยู่ เหมือนผลงานภาพเขียนของแร็มบรันต์ที่ยังคงกล่าวขานมาจนถึงทุกวันนี้



เมื่อเดินออกจากนิทรรศการ Life/Time and Rembrandt ไปยังชั้นล่างจะพบกับห้องสตูดิโอสำหรับสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินหน้าใหม่ ซึ่งแวะเวียนมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่นี้ และมีการหมุนวนกันไป หลังชมพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เรานำเครื่อง Audio tour ไปคืนในกล่อง ซึ่งจะมีการนำไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ ก่อนจะนำมาใช้งานใหม่
หลังเดินออกจากพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์เราหยุดมองบ้านของแร็มบรันต์จากด้านหน้าอีกครั้ง เรื่องราวและผลงานของแร็มบรันต์ที่เราเพิ่งเข้าชมไปเมื่อสักครู่ยังคงติดอยู่ในความคิดเรา และนั้นย้อนทำให้เราคิดว่าการที่คนคนหนึ่งหลงใหลและได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักคงจะมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก แม้ในยามที่ชีวิตต้องตกอับ แต่ก็ต้องพยายามดิ้นรนและลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เรื่องราวผลงานศิลปะและชีวิตส่วนตัวของแร็มบรันต์อาจจะวิ่งเหมือนกราฟที่มีขึ้นมีลง แต่อย่างหนึ่งที่ไม่เลื่อนหายคือหัวใจของศิลปะผู้ซึ่งเปลี่ยนภาพเขียนให้เหมือนภาพวาดได้อย่างแยบยล พรสวรรค์นี้คงถูกกล่าวขานคู่ขนานไปกับผลงานของเขาอีกนาน

มีนักอ่านท่านใดที่เคยเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum มาแล้วบ้างคะ ประทับใจในผลงานชิ้นใดของแร็มบรันต์บ้าง สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum อาจจะได้เห็นภาพบ้านที่แร็มบรันต์เคยอาศัยและทำงานอยู่ในอดีต การจัดตกแต่งภายใน ห้องทำงานของแร็มบรันต์ ห้องครัว รวมถึงห้องนอนจากบทความนี้แล้ว หากมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศเนเธอร์แลนด์ลองแวะมาเข้าชมพิพิธภัณฑ์แร็มบรันต์สักครั้งนะคะ เรื่องราวและผลงานของแร็มบรันต์อาจจะเป็นประสบการณ์ที่ดีในการท่องเที่ยวที่นี้กับผลงานศิลปะอันล้ำค่าของจิตรกรระดับโลกท่านนี้
ข้อมูลพิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum
- ที่อยู่: Jodenbreestraat 4 1011 NK Amsterdam
- เวลาเปิดทำการ: วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 10:00-18:00 น.
- จองตั๋วออนไลน์ก่อนเข้าชมได้ที่: Rembrandt House Museum
- รับเครื่อง Audio tour สำหรับเปิดฟังคำบรรยายขณะเดินชมพิพิธภัณฑ์ได้ที่หน้าทางเข้า (รวมอยู่ในค่าเข้าชม) รองรับภาษาดัตช์ อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ภาษาญี่ปุ่น จีนกลาง และรัสเซีย
- ระยะเวลาในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์: ใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 1.5 ชั่วโมง
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum
- เดินจากสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- นั่งรถไฟใต้ดินของ GVB สาย 51, 53 และ 54 จากสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station มาลงที่สถานี Waterlooplein Station จากนั้นเดินมายังพิพิธภัณฑ์ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ค่าโดยสาร 1.22 ยูโร (สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว)
ราคาตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Rembrandt House Museum
- ผู้ใหญ่ ราคา 17.50 ยูโร
- เด็กอายุ 6-17 ปี ราคา 6 ยูโร
- เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ เข้าชมฟรี
- บัตร Museumcard, I Amsterdam City Card เข้าชมฟรี