กำลังค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์? เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีความสวยงามและเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการเที่ยวในยุโรปสำหรับใครหลายคน ก่อนหน้านี้เราได้แชร์บทความรวมลิสต์เมืองน่าเที่ยวในเนเธอร์แลนด์กันไปแล้ว บทความนี้เราจะมาแชร์เกี่ยวกับรวมลิสต์ สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ แบบจัดเต็มกันบ้าง อ่านบทความนี้แล้วคุณจะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในเนเธอร์แลนด์หลายแห่งทั้งที่มีชื่อเสียงและอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ที่เหลือคุณก็แค่เก็บเข้าลิสต์ไว้ไปสัมผัสความเป็นเนเธอร์แลนด์ในมุมที่แตกต่างด้วยตัวเอง

สวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
สวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ที่ชานเมืองลิซเซ่ (Lisse) ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ห่างจากตัวเมืองไลเด้น (Leiden) ประมาณ 56 นาที ที่นี่จะพาคุณไปชมเทศกาลดอกทิวลิปหลากสีของชาวดัตช์ ซึ่งจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งต่อปีเท่านั้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม จุดเด่นของสวนดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ คือ การรวมดอกไม้สายพันธ์ุต่าง ๆ กว่า 7 ล้านต้นไว้ในสวนขนาดใหญ่ 32 เฮกตาร์ ดอกไม้เหล่านั้นมาจากผู้ปลูกในท้องถิ่นกว่า 500 รายที่ปลูกและนำมาจัดรวมกันไว้ที่นี่อย่างงดงาม มีค่าเข้าชม 19.50 ยูโร และตัวเลือกตั๋วเดินทางจากอัมสเตอร์ดัม 16 ยูโร จองตั๋วได้ที่ Tickets for Keukenhof: Skip The Line

อาคารรัฐสภาของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ (Binnenhof)
Binnenhof ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเฮก (ภาษาดัตช์: Den Haag) ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 12 นาที ที่นี่ใช้เป็นเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ กระทรวงต่าง ๆ รวมถึงเป็นที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างในบินเนนฮอฟก็คือ ห้องโถงอัศวิน (Ridderzaal) ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัส สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีของกษัตริย์ดัตช์ในวัน Prinsjesdag และยังเป็นสถานที่รองรับราชวงศ์และการประชุมระหว่างรัฐสภาอีกด้วย
ถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่แล้วยังสามารถวางแผนการเข้าชมที่ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (De Tweede Kamer) ได้อีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมและจองช่วงเวลาก่อนเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ Visit the House of Representatives (เนื่องจากที่นั่งมีจำนวนจำกัดต่อรอบ)

พระราชวังสันติภาพ (The Peace Palace)
พระราชวังสันติภาพ (ภาษาดัตช์: Het Vredespaleis) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ห่างจากสถานีรถไฟเพียง 15 นาที เดินทางสะดวกด้วยรถราง ที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ และสถาบันกฎหมายระหว่างประเทศแห่งเฮก รวมไปถึงห้องสมุดที่มีชื่อเสียงอย่าง “Library of the Peace Palace”
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในของพระราชวังสันติภาพได้ภายใต้การทัวร์ไกด์ (ต้องจองล่วงหน้า) ราคา 14.50 ยูโร ใช้เวลาทัวร์ประมาณ 50 นาที ส่วนนิทรรศการแบบโต้ตอบขนาดเล็กและภาพยนตร์ร่วมสมัย สามารถเข้าชมได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของพระราชวังสันติภาพ ไม่มีค่าเข้าชมและสามารถบริจาคได้ตามความสมัครใจ ใช้เวลาเข้าชมประมาณ 30-45 นาที

หอคอยที่สูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ (The Dom Tower)
Dom Tower เป็นสัญลักษณ์และความภาคภูมิใจของเมืองอูเทร็คท์มาอย่างยาวนาน ตั้งตระหง่านอยู่ในจุดกำเนิดเมืองอูเทร็คท์ และเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารเซนต์มาร์ติน (St. Martin’s Cathedral) หรือที่เรียกว่า Dom Church สร้างขึ้นระหว่างปี 1321-1382 มหาวิหารไม่เคยสร้างเสร็จสมบูรณ์เนื่องจากขาดงบประมาณ ก่อนจะพังทลายลงจากพายุในปี 1674 ทำให้ Dom กลายมาเป็นหอคอยอิสระ ด้วยความสูงกว่า 112 เมตร ทำให้หอคอยแห่งนี้เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ คุณยังสามารถเดินขึ้นบันได 465 ขั้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามด้านบนของเมืองอูเทร็คท์ได้อีกด้วย มีค่าเข้าชม 12.50 ยูโร เปิดทุกวันเวลา 10:00-17:00 น. (ยกเว้นวันคริสต์มาสและวันปีใหม่)

ลำคลองและท่าเรือเก่าเมืองอูเทร็คท์ (Utrecht Canals)
ลำคลองในเมืองอูเทร็คท์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากมีท่าเรือและห้องใต้ดินของท่าเทียบเรือที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง คุณสามารถเดินเล่นไปตามริมคลองหรือเดินลงบันไดไปสัมผัสกับพื้นทางเดินระดับเดียวกับลำคลอง ที่นั่นยังมีโกดังเก่าที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านคาเฟ่ ร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงที่พักอาศัยส่วนตัวที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินได้อย่างลงตัว ลำคลองที่มีชื่อเสียงในเมืองอูเทร็คท์คือ “Oudegracht”
ปราสาทเดอฮาร์ (De Haar Castle)
De Haar Castle เป็นปราสาทใหญ่ที่มีความหรูหราที่สุดในเนเธอร์แลนด์ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอกอทิกบนซากปราสาทเก่าตั้งแต่ปี 1892 (ตัวปราสาทเดิมมีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 13) เจ้าของเป็นชาวฝรั่งเศสใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงหน้าร้อนเพียงหนึ่งเดือนต่อปี และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเมื่อเจ้าของไม่ได้มาพัก ด้านในประดับตกแต่งอย่างสวยงามราวกับปราสาทในเทพนิยาย สิ่งของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบและถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีเหมือนตอนที่เจ้าของยังอาศัยอยู่ มีค่าเข้าชม 18 ยูโร
คุณสามารถเดินทางไปยังปราสาทเดอฮาร์ด้วยรถไฟจากสถานีเมืองอูเทร็คท์ไปยังสถานี Vlueten จากนั้นนั่งรถบัสสาย 127 ไปลงที่ป้าย Brink in Haarzuilens และเดินต่ออีก 15 นาที ไปยังปราสาทเดอฮาร์ ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 40 นาที ค่าเดินทางรวมประมาณ 4 ยูโร (สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว)

หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ‘เวนิสเนเธอร์แลนด์’ (Venice of the Netherlands) ตั้งอยู่ในจังหวัดโอเฟอร์ไรส์เซิล อยู่ในเขตเทศบาลสเตนไวค์เคอร์ลันด์ ห่างจากเมืองสเตนไวค์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่มีเส้นทางการเดินรถ เน้นการสัญจรด้วยเรือเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับการสัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่แบบไม่เร่งรีบท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ หากมีเวลาเหลือจากการเที่ยวที่หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์นยังสามารถไปเที่ยวต่อที่เมืองซโวลเลอ (Zwolle) ได้อีกด้วย

หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนทะเลสาบมาร์เคอร์เมียร์ (Markermeer) มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการค้าขายทางประมงแบบชาวดัตช์แท้ ๆ ที่นี่จะพาคุณไปสัมผัสความสวยงามของท่าเรือ บ้านไม้ในเขาวงกตที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง รวมถึงบ้านเรือนที่สร้างขึ้นบนเขื่อนกั้นน้ำ คุณยังสามารถเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของเมืองโวเลนดัมแบบเจาะลึกได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โวเลนดัม (Volendam Museum) แวะไปถ่ายรูปสวมชุดการแต่งกายดั้งเดิมของชาวโวนเลนดัมที่ย่านท่าเรือ หรือชิมปลาปลาไหลรมควันชื่อดัง (Paling) ได้อีกด้วย

นั่งเรือไปเที่ยวต่อที่เกาะมาร์เคิน (Marken) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
มาร์เคินเคยเป็นเกาะปิดไม่มีถนนในคาบสมุทรมาร์เคอร์เมียร์ ตั้งอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 30 นาที จุดเด่นของที่นี่คือบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างแบบยกใต้ถุนสูงและมีบันไดเพื่อหลีกเลี่ยงระดับน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต ต่อมาได้มีการการสร้างเขื่อนกั้นน้ำอัพสเลาไดก์ เพื่อปิดกั้นเส้นทางน้ำเซาเดอร์เซจากทะเลเหนือ ช่วยป้องกันเกาะมาร์เคินจากน้ำท่วม ที่นี่ยังมีการสร้างทางหลวงสายสาย N518 ไปยังเกาะมาร์เคิน ทำให้กลายมาเป็นเกาะเปิดเข้าได้ถึงได้ง่ายด้วยรถยนต์และรถประจำทาง
ปัจจุบันมาร์เคินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ที่ยังคงความงดงามทางด้านวัฒนธรรม ผู้คนมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม และดำรงชีวิตอยู่ภายใต้เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ รอต้อนรับผู้เยือนและร่วมย้อนเวลากลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตพร้อม ๆ กัน คุณสามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ Volendam Marken Express จากหมู่บ้านโวเลนดัมไปที่เกาะมาร์เคิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ตั๋วแบบไปกลับราคา 16 ยูโร ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 10 ยูโร เรือออกทุก ๆ 30-45 นาที

หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse Schans) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในย่านเมืองซานดัม ใกล้กับซานไดค์ของจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ห่างจากอัมเตอร์ดัมประมาณ 50 นาที ที่นี่จะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์ของกังหันลม บ้านเรือนไม้เก่าแก่ โรงงานทำรองเท้าไม้ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ซานส์ (Zaans Museum) ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของซานส์สคันส์และการปกป้องมรดกของพื้นที่ซานส์ได้อย่างครบคลุม
คุณสามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ด้วยรถโดยสารประจำทาง R-net (สีแดงเทา) หมายเลข 391 จากสถานีรถไฟ Amsterdam Central Station ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ค่าโดยสารประมาณ 4-5 ยูโร (สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว) รถบัสออกทุก ๆ 15 นาที (หลังหกโมงเย็นรถบัสออกทุก ๆ 30 นาที) คุณยังสามารถใช้บัตร Zaanse Schans Card เพื่อประหยัดค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่เที่ยวในซานส์สคันส์

สะพานแขวนเอราสเมิซ์สเบิร์ก (Erasmusbrug)
Erasmusbrug เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมืองรอตเตอร์ดัม โครงสร้างมีความโดดเด่นด้วยเสาเหล็กสูง 139 เมตร ยึดด้วยสายไฟ 40 เส้น มีความยาวกว่า 800 เมตร ทอดยาวไปตามแม่น้ำนิวเวอมาส (Nieuwe Maas) เชื่อมส่วนเหนือและใต้ของเมืองรอตเตอร์ดัม ที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดแสดงดอกไม้ไฟแห่งชาติในช่วงวันที่ 31 ธันวาคม (เกือบทุกปี) หากคุณมาเที่ยวรอตเตอร์ดัมในช่วงวันดังกล่าวไม่พลาดที่จะรอชมการแสดงดอกไม้ไฟที่มีความสวยงามกว่า 15 นาที

บ้านลูกบาศก์ (Cube Houses)
Cube Houses เป็นอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจท่องเที่ยวในเมืองรอตเตอร์ดัมที่ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นมาก่อนทางโซเชียลมีเดีย ที่นี่สร้างขึ้นโดยอิงตามแนวคิด “การใช้ชีวิตเหมือนหลังคาในเมือง” ด้านในมีการปรับพื้นที่ให้เหมาะสมสำหรับการกระจายห้องและเอียงลูกบาศก์ของบ้านประมาณ 45 องศาแล้ววางบนเสารูปหกเหลี่ยม บ้านแต่ละหลังเป็นตัวแทนของต้นไม้และบ้านทุกหลังรวมกันเป็นป่า นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชมความแปลกใหม่ของสถานที่แห่งนี้ได้ฟรี ที่นี่ยังมีโฮสเทลราคาประหยัดให้เลือกพัก ทำเลค่อนข้างดีเลยทีเดียวเพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Blaak บริเวณด้านหน้าตลาด Markthal

ท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดในรอตเตอร์ดัม (Oude Haven)
Oude Haven เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ในเมืองรอตเตอร์ดัม ได้รับการกล่าวขานว่าสร้างขึ้นเมื่อราวปี 1350 ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยอาคารเก่าที่หลงเหลือการทิ้งระเบิดในปี 1940 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หนึ่งในนั้นคือ เช่น อาคารทำเนียบขาว (Witte Huis) ที่ได้รับการบูรณะและกลายมาเป็นพื้นที่สำนักงานและร้านกาแฟ และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ คุณยังสามารถมองเห็นสะพาน Erasmusbrug, Cube Houses คาเฟ่และร้านอาหารจำนวนมากที่ตั้งอยู่รอบบริเวณท่าเรือเก่าแห่งนี้
หอสังเกตการณ์ (Euromast)
Euromast เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองรอตเตอร์ดัมเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ความโดดเด่นของที่นี่คือตัวหอคอยความสูงจากพื้น 100 เมตรสามารถมองเห็นวิวสวนสาธารณะ Het Park และเมืองรอตเตอร์ดัมได้รอบด้าน ที่นั่นยังมีกิจกรรมท้าทายความตื่นเต้นด้วยการโรยตัวจากความสูง 185 เมตรให้เลือกทำอีกด้วย (ภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ) Euromast มีค่าเข้าชม 12.50 ยูโร (ไม่รวมกิจกรรมโรยตัวจากตึก) จองตั๋วได้ที่ Euromast Ticket

Delta Works โครงการป้องกันน้ำท่วมของชาวดัตช์
เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งในอดีต พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์และจังหวัดเซลันด์เนื่องจากอยู่ติดกับทะเลเหนือ เมื่อเกิดน้ำท่วมบ่อย ๆ รัฐบาลจึงหาทางจัดการกับปัญหานี้ โครงการ “Delta Works” จึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1954 เพื่อช่วยแก้ปัญหานำท่วมในเนเธอร์แลนด์ระยะยาว โดยมีโครงการย่อย ๆ เพิ่มขึ้นอีกกว่า 16 โครงการ หนึ่งในนั้น คือ “Oosterscheldekering” ในจังหวัดเซลันด์ที่นักท่องเที่ยวสามารถสามารถไปชมความยิ่งใหญ่นี้ได้
Oosterscheldekering ประกอบไปด้วยเขื่อนกั้นน้ำ เครื่องกีดขวางคลื่นพายุ และประตูกั้นน้ำที่สามารถเปิดปิดได้ หากมีการคาดการณ์ว่าจะมีคลื่นพายุขนาดใหญ่ ประตูกั้นน้ำจะถูกปิดลง ในกรณีปกติประตูกั้นน้ำจะถูกเปิดออก เพื่อให้น้ำทะเลบางส่วนยังคงไหลเข้ามา ช่วยให้ปลาน้ำเค็มและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำอีกฝั่งสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ภายในบริเวณเขื่อนกั้นน้ำ Oosterscheldekering ยังมีสถานที่จอดรถ รวมไปถึงกังหันลมผลิตพลังงาน คุณสามารถจอดรถไว้ที่นี่และเดินชมทัศนียภาพรอบ ๆ เขื่อน บริเวณดังกล่าวยังมีสถานีดูแลและจัดการเขื่อนนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเขื่อนกั้นน้ำจะยังคงแข็งแรงและช่วยปกป้องเนเธอร์แลนด์จากคลื่นพายุได้ในระยะยาว
The Afsluitdijk เขื่อนป้องกันเนเธอร์แลนด์จากคลื่นทะเลเหนือ
อัพสเลาไดก์เป็นเขื่อนป้องคลื่นทะเลที่ยิ่งใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ภายใต้โครงการ Zuiderzee Works ในอดีตพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศได้รับผลกระทบจากคลื่นพายุที่ซัดเข้าชายฝั่ง ทำให้หน้าดินชายฝั่งทะเลถูกทำลาย และเข้าท่วมบ้านเรือนในหลายพื้นที่จนพังเสียหายระดับประเทศ เขื่อนอัพสเลาไดก์จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 1927 เพื่อปิดกั้นเส้นทางน้ำเซาเดอร์เซจากทะเลเหนือทำให้เกิดทะเลสาบน้ำจืดแห่งใหม่ที่เรียกว่า Ijsselmeer
ตัวเขื่อนมีความยาวกว่า 32 กิโล กว้าง 90 เมตร กลายมาเป็นเส้นทางหลวงหมายเลข A7 จากเมืองเดนโอเวอร์ (Den Oever) ในจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ไปยังหมู่บ้านซูริกช์ (Zurich) ในจังหวัดฟรีสลันด์ (Friesland) นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่นี่ด้วยรถยนต์หรือระบบขนส่งสาธารณะประมาณ 1 ชั่วโมง 42 นาที ที่นั่นยังมีอนุสรณ์สถานบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเขื่อนอัพสเลาไดก์อีกด้วย

เมืองจิ๋วจำลองมาดูโรดัม (Madurodam)
อยากเห็นประเทศเนเธอร์แลนด์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงไหมคะ? ถ้าใช่! ต้องไม่พลาดที่จะไปชมเมืองจิ๋วจำลองมาดูโรดัมในกรุงเฮก เพราะรวมสถานที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ขนาดย่อไว้ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแลนมาร์คที่สำคัญของประเทศ อาคารทางประวัติศาสตร์ สถานที่สำคัญจากเมืองต่าง ๆ ท่าเรือ สนามบิน สถานีระบบขนส่งสาธารณะ รวมไปถึงกังหันลมและพื้นที่ทางธรรมชาติ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพบ้านเมืองของชาวดัตช์รวมไปถึงการดำรงชีวิตขนาดย่อที่ไม่ว่ามองไปมุมไหนก็ดูแปลกตาไปหมด
ควรเผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่แนะนำคือก่อนเที่ยงและหลังบ่ายสามโมงเย็นเป็นต้นไป ช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายสามโมงคนจะเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่โรงเรียนปิดเทอมผู้ปกครองมักจะพาเด็ก ๆ มาที่นี่ มาดูโรดัมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10:00-17:00 น. วันเสาร์-อาทิตย์เวลา 09:00-18:00 น. เข้าชม 21.50 ยูโร จองตั๋วได้ที่ Madurodam Ticket

ชายหาด Scheveningen Beach
Scheveningen Beach เป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากมาดูโรดัมเพียง 8 นาที ที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงหน้าร้อนหรือเดินเล่นริมชายหาด มีกิจกรรมให้ทำหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทานอาหาร เล่นกระดานโต้คลื่น หรือกิจกรรมท้าทายความตื่นเต้น เช่น ชิงช้าสวรรค์ บันจี้จัมพ์ และซิปไลน์ นอกจากนี้ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง เช่น สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำนานาชนิด (SEA LIFE Scheveningen) พิพิธภัณฑ์ Beelden aan Zee เน้นการจัดแสดงประติมากรรมร่วมสมัย และ LEGOLAND Discovery Centre สนามเด็กเล่นในฝันของเด็ก ๆ หลายคน ไปเที่ยวที่นี่แล้วคุณจะได้สัมผัสความครึกครื้กของชายหาดเนเธอร์แลนด์ช่วงหน้าร้อนอย่างเต็มที่เลย

ชายหาดซันต์โฟร์ต (Zandvoort Beach)
Zandvoort Beach เป็นอีกหนึ่งชายหาดที่มีชื่อเสียงของเนเธอร์แลนด์ และยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับสนามแข่งรถ Formula 1 (Circuit Zandvoort) ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาก่อน ที่นี่อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 30 นาที มีเนินทรายลายรอบด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีความสวยงามเป็นพิเศษ ในช่วงหน้าร้อนชายหาดซันต์โฟร์ตจะหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวดัตช์พากันมาเดินเล่นและอาบแดด รวมไปถึงเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น กระดานโต้คลื่น พายเรือแคนู หรือล่องแพ รอบ ๆ ชายหาดยังมีบีชคลับ บังกะโลและที่ตั้งแคมป์ เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดได้เป็นอย่างดี

พิพิธภัณฑ์ศิลปะยุคทองของเนเธอร์แลนด์ (Mauritshuis Museum)
Mauritshuis เป็นพิพิธภัณฑ์ในกรุงเฮกที่ห้ามพลาดอย่างเด็กขาด เพราะที่นี่มีจัดแสดงผลงานชิ้นเอกมากกว่า 200 ชิ้น โดยปรมาจารย์ชาวดัตช์และเฟลมิชตั้งแต่ยุคของแรมบรันต์และเวอร์เมียร์ในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นสมัยที่เนเธอร์แลนด์มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขาย ด้านวิทยาศาสตร์และศิลปะถึงจุดสูงสุด เช่น ภาพเขียนสีน้ำมันหญิงสาวสวมต่างหูมุก “Girl with a Pearl Earring” ของโยฮันเนส เวอร์เมียร์ (Johannes Vermeer) ภาพเขียนสีน้ำมันบทเรียนกายวิภาคของนายแพทย์ Nicolaes Tulp “The Anatomy Lesson of Nicolaes Tulp” โดยแรมบรันต์ (Rembrandt Harmenszoon van Rijn) รวมไปถึงภาพวาดสีน้ำมันนกโกลด์ฟินช์ “The Goldfinch and the Bull of Potter” ของคาเรล ฟาบริติอุส (Carel Fabritius) ลูกศิษย์ของแรมบรันต์ ที่นี่เปิดวันอังคาร-เสาร์ เวลา 10:00-18:00 น. วันจันทร์เปิดเวลา 13:00-18:00 น. ค่าเข้าชม 19 ยูโร จองตั๋วได้ที่ Mauritshuis Ticket

หอคอยที่สูงที่สุดในเมืองโกรนิงเงิน (Martini Tower)
Martini Tower เป็นแลนด์มาร์คของเมืองโกรนิงเงินที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว ติดกับตลาดกลาง เพียงเดินข้ามถนนจากหน้าศาลากลางก็จะถึงเลย ที่นี่มียอดหอคอยที่สูงที่สุดในเมืองโกรนิงเงินประมาณ 97 เมตร เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและสามารถขึ้นทัศนียภาพที่งดงามด้านบนได้ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วได้ที่สำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยวโกรนิงเงิน (VVV Groningen) ตั้งอยู่ในอาคารศูนย์วัฒนธรรมและห้องสมุด (Groninger Forum) เดินไปจากหอคอยประมาณ 5 นาที ราคาตั๋วเข้าชม 6 ยูโร จากนั้นนำเหรียญมาหยอดที่หน้าประตูทางเข้าและเดินขึ้นบันไดวนประมาณ 600 ขั้น ทัศนียภาพด้านบนมีความสวยงามสามารถมองเห็นเมืองโกรนิงเงินรอบด้าน วันไหนที่มีแสงแดดจ้าจะเห็นวิวที่ชัดเจนเป็นพิเศษ แต่ถ้าวันไหนที่ฝนตกหรืออากาศหนาวลมข้างบนจะแรงเป็นพิเศษ แนะนำให้เตรียมซื้อกันหนาวมาด้วย

สะพานหินโค้งข้ามแม่น้ำเมิซ (Sint Servaasbrug)
Sint Servaasbrug เป็นสะพานหินโค้งสำหรับข้ามแม่น้ำเมิซ (Meuse) ในเมืองมาสทริชท์ และยังถูกเรียกว่าเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ ได้รับการตั้งชื่อตาม Saint Servatius มุขนายกคนแรกของเมืองมาสทริชท์ ใช้สำหรับเชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางเท้าข้ามแม่น้ำเมิซจากเขตเมืองเก่าไปยังเขตเมืองใหม่ ที่นี่ยังมีสิ่งปลูกสร้างและบ้านเรือนที่แปลกตาจากย่านเมืองเก่า เหมาะสำหรับการเที่ยวแบบเดย์ทริปและสัมผัสความสวยงามของเมืองมาสทริชท์อย่างแตกต่างแบบที่หาไม่ได้จากเมืองอื่น ๆ

ร้านหนังสือในโบสถ์ (Waanders In de Broeren)
ในเนเธอร์แลนด์มีร้านหนังสืออยู่หลายแห่ง ที่มีชื่อเสียงคือร้านหนังสือในโบสถ์เมืองมาสทริชท์ และร้านหนังสือในโบสถ์ Waanders In de Broeren ในเมืองซโวลเลอ ภายในออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการผสมผสานความเป็นสมัยใหม่กับองค์ประกอบสไตล์ดั้งเดิมของโบสถ์เก่า (Grote of Sint-Michaëlskerk) ได้อย่างลงตัว จำหน่ายหนังสือจำนวนมากมายทั้งภาษาดัตช์และภาษาอังกฤษ มีที่จัดนิทรรศการ คอนเสิร์ต รวมไปถึงระเบียงและเคาเฟ่ขนาดเล็กสำหรับทานอาหารและเครื่องดื่ม ที่นี่จึงไม่ใช่แค่ร้านหนังสือธรรมดาแต่เต็มไปด้วยเรื่องราวและบรรยากาศที่ผ่อนคลายชวนไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง

พิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์เมืองเดลฟท์ (Museum Prinsenhof Delft)
Museum Prinsenhof Delft เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถาน 100 แห่งของชาวดัตช์ตั้งแต่ปี 1990 ที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการเรียนรู้ประวัติความเป็นมาและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมืองเดลฟท์ได้เป็นอย่างดี ภายในจัดแสดงนิทรรศการผลงานภาพวาด เครื่องกระเบื้องลายครามที่มีชื่อเสียงของเมืองเดลฟท์ เครื่องปั้นดินเผาและเครื่องใช้จากยุคทอง รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับกษัตริย์ผู้มีชื่อเสียง King Willem-Alexander ผู้วางรากฐานเมืองเดลฟท์และประเทศเนเธอร์แลนด์และการต่อสู้กับผู้ปกครองสเปนในอดีต
ที่นี่ยังเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ดัตช์ นั่นคือการลอบสังหารกษัตริย์วิลเลียมแห่งออเรนจ์ ในปี 1584 พระองค์ถูกยิงที่บันไดของพระราชวัง รูกระสุนบนกำแพงยังคงสามารถเห็นได้ในพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน กษัตริย์สิ้นพระชนม์เกือบจะในทันทีที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิตในเวลาต่อมา Museum Prinsenhof Delft จึงนับนับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญของเมืองเดลฟท์และเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาดมาชมสักครั้ง มีเข้าชม 13.50 ยูโร

หอคอยโบสถ์ใหม่ใจกลางเมืองเดลฟท์ (Toren Nieuwe Kerk)
ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวเมืองเดลฟท์นั่นก็คือการปีนบันไดวน 376 ขั้นขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเดลฟท์บนหอคอยในโบสถ์ใหม่ ด้านซ้ายมือเป็นที่ตั้งของเป็นโบสถ์ Maria van Jessekerk ด้านหน้าเราสามารถมองเห็นศาลากลางที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโบสถ์ใหม่ รายล้อมด้วยตลาดกลางที่ตอนนี้กลับมามีบรรยากาศที่คึกคักอีกครั้ง ด้านขวามือมองเห็นโบสถ์เก่าตั้งตระหง่านพร้อมนาฬิกาเรือนใหญ่ วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใสยังสามารถมองเห็นเมืองรอตเตอร์ดัมและกรุงเฮกได้อีกด้วย บนยอดหอคอยมีความสูง 85 เมตร ตัวหอคอยมีความสูงรวมถึง 108.75 เมตร ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นโบสถ์ที่มีความสูงเป็นอันดับสองรองจากหอคอยในเมืองอูเทร็คท์ การขึ้นไปชมหอคอยด้านบนต้องซื้อตั๋วเข้าชมก่อน ราคา 5.50 ยูโร ได้ที่ เผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง

เรียนสกีที่ SnowWorld Zoetermeer
ไม่ต้องไปไกลถึงฝรั่งเศสก็สามารถเล่นสกีได้! ประโยคนี้อาจไม่ไกลเกินความเป็นจริงเพราะที่เนเธอร์แลนด์มีลานสกีในร่มขนาดใหญ่ให้ได้ทดลองเรียนสกีสักครั้งในชีวิตหรือฝึกหัดก่อนไปลงสนามจริง SnowWorld Zoetermeer เป็นหนึ่งในสาขาของลานสกีในร่มจากทั้งหมด 7 สาขาทั่วเนเธอร์แลนด์ ความพิเศษของที่นี่คือมีลานสกียาวถึง 300 เมตร มาพร้อมคอร์สแบบส่วนตัวและคอร์สแบบกลุ่มให้เลือกตามความสะดวก เหมาะสำหรับทั้งเด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปและผู้ใหญ่ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอให้หิมะตกที่เนเธอร์แลนด์

เกาะเทกเซล (Texel) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
ที่เนเธอร์แลนด์ไม่ได้มีแค่บ้านเมืองรูปทรงแปลกตาแต่ยังมีเกาะทางธรรมชาติให้ไปเยี่ยมชม เกาะที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในเนเธอร์แลนด์คือเทกเซล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ ห่างออกไปจากเมืองเดนเฮลเดอร์ (Den Helder) โดยเรือเฟอร์รี่ 20 นาที ภายในเกาะเทกเซลมีภูมิประเทศขนาดเล็กประกอบไปด้วย 7 หมู่บ้าน รายล้อมด้วยธรรมชาติ พื้นที่ทางการเกษตร และชายหาดที่สวยงาม เหมาะสำหรับนอนพักค้างคืน 1-2 วันทำกิจกรรมได้หลายรูปแบบ เช่น ปั่นจักรยาน ตั้งแคมป์ปิ้ง เข้าชมพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำ รวมไปถึงเดินป่าและชมพระอาทิตย์ตก

เดินป่าที่อุทยานแห่งชาติเทกเซล (National Park Dunes of Texel)
อุทยานแห่งชาติเทกเซลมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 1 ใน 4 ของเกาะเทกเซล ประกอบไปด้วยพื้นที่ทางธรรมชาติแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนินทรายที่มีหญ้าปกคลุม พื้นที่หุบเขาเปียกชื้น พื้นที่ดินร่วน ทะเลสาบเนินทราย และหุบเขาเนินทรายขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกหลายสายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สำหรับท่านที่ชอบการเดินป่าชมธรรมชาติ ต้องไม่พลาดที่จะมาเดินป่าในอุทยานแห่งชาติเทกเซลสักครั้ง มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลายสาย รวมไปถึงเส้นทางปั่นจักรยาน ระหว่างการเดินป่ายังมีโอกาสได้เห็นชายหาดเทกเซลที่มีความสวยงามไม่แพ้กัน เป็นกิจกรรมที่สนุกและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบเต็มที่

เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ De Slufter
เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ (De Slufter) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามที่สุดของเกาะเทกเซล ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบระหว่างทะเลสาบ De Muy และเนินทราย Eierlandse Dunes ซึ่งเป็นพื้นที่เนินทรายที่มีลำห้วยแบบบึงเกลือ มีพืชที่ชอบเกลือและนกน้ำหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่จำนวนมาก ที่นี่ยังมีเส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติแบบทำได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง ผ่านบึงเกลือไปยังชายทะเลเปิดที่มีความสวยงาม ถ้าแวะมาที่นี่แล้วคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามและใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติที่หาได้ยากจากแหล่งท่องเที่ยวแบบอื่น ๆ

ท่าจอดเรือทางประวัติศาสตร์ (Historisch Delfshaven)
Historisch Delfshaven เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองเก่าที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในปี ค.ศ.1940 ตั้งอยู่ที่เมืองรอตเตอร์ดัม เดินทางสะดวกด้วยรถรางสาย 8 จากป้าย Euromast มาลงที่ป้าย Schiemond เพียง 5 นาที จากนั้นเดินข้ามถนนไปยังอีกฝั่งก็จะพบกับท่าเรือเก่าแก่ใน Historisch Delfshaven
ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับกับบรรยากาศที่เงียบสงบและแตกต่างจากตัวเองอย่างสิ้นเชิง มีบ้านเรือนเก่าแก่ อาคารทางประวัติศาสตร์ เช่น ประติมากรรม Piet Heyn Monument โรงผลิตเบียร์ Stadsbrouwerij De Pelgrim (ตั้งแต่ปี 1996) โบสถ์ Pilgrim Fathers Church ศูนย์วัฒนธรรม Zakkendragers Huisje (จากปี 1653) และพิพิธภัณฑ์ Dutch Pinball Museum และกังหันลม Korenmolen de Distilleerketel ในตอนท้ายยังมี Café De Ooievaar และบาร์ Café de Oude Sluis เหมาะสำหรับใครที่อยากจะลิ้มรสเบียร์หรือทานอาหารพร้อมนั่งชมวิวริมแม่น้ำอีกด้วย

ชายหาดรอตเตอร์ดัม (Hoek van Holland)
สำหรับใครที่มีเวลาเหลือจากการท่องเที่ยวในเมืองรอตเตอร์ดัมประมาณ 2-3 ชั่วโมงแนะนำให้ลองเดินทางไปเที่ยวต่อที่ Hoek van Holland ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ ห่างจากตัวเมืองรอตเตอร์ดัมประมาณ 40 นาที ที่นี่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (Europoort Rotterdam) ตั้งอยู่ใกล้กับแนวป้องกันคลื่นพายุ (Maeslantkering Storm Surge Barrier) ซึ่งส่วนหนึ่งของโครงการ Delta Works ติดกับท่าเรือเหนือ Noorderpier (North Pier) และปากแม่น้ำ Nieuwe Waterweg มีชายหาดความยาวกว่า 3 กิโลเมตร รวมไปถึงรีสอร์ทริมทะเล ศาลาริมชายหาด บาร์และร้านอาหารจำนวนมาก และพื้นที่เนินทรายธรรมชาติทางด้านหลัง เหมาะสำหรับการเดินเล่นพักผ่อนริมทะเลในช่วงหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี

เล่นไอซ์สเกตหรือเดินเล่นบนคลองน้ำแข็ง
ช่วงฤดูหนาวเนเธอร์แลนด์ระหว่างเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์มีโอกาสที่อุณหภูมิจะติดลบจนทำให้ลำคลองกลายเป็นน้ำแข็งเหมาะสำหรับการเล่นไอซ์สเกตหรือเดินเล่น กิจกรรมนี้อาจจะไม่ได้มีให้เห็นทุกปีเพราะหิมะตกเป็นบางปีเท่านั้น และอุณหภูมิต้องติดลบติดต่อกันหลายวันถึงจะทำให้คำลองกลายเป็นน้ำแข็งที่ปลอดภัยต่อการเล่นสกี อย่างไรก็ตามถ้าลำคลองกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อไรอย่าลืมออกไปเล่นไอซ์สเกตกันนะคะ

ตลาดชีสเมืองอัลค์มาร์ (Alkmaar Cheese Market) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
อัลค์มาร์เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในฐานะ ‘เมืองชีส’ มีตลาดชีสที่มีชื่อเสียงระดับโลก จัดขึ้นบริเวณจัตุรัส Waagplein ทุกเช้าวันศุกร์ ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกันยายน มีการเดินขบวนแห่ผ่านถนน Langestraat และทอดยาวมาจนถึงลานกว้างแห่งนี้ รวมถึงกิจกรรมรื่นเริงจากพ่อค้าชีส สร้างความสนใจและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยียนตลาดชีสแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากตลาดชีสที่มีชื่อเสียงแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจในเมืองอัลค์มาร์ เช่น ศาลากลางเมืองอัลค์มาร์ ถนนชอปปิงเก่าแก่ และบ้านและรอยกระสุนปืน เป็นต้น

บ้านรอยกระสุนปืน (House With Bullet)
House With Bullet (ภาษาดัตช์: Huis Met de Kogel) เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในเมืองอัลค์มาร์เนื่องจากด้านซ้ายมือของตัวบ้านมีลูกกระสุนติดอยู่ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าในปี 1573 มีการปิดล้อมของกองทัพทหารสเปนและยิงปืนเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านที่มีคนอาศัยอยู่ กระสุนไม่ได้ทะลุเข้าไปในบ้าน สมาชิกในครอบครัวของบ้านหลังนี้ทุกคนไม่ได้รับอันตราย ก่อนที่จะการบูรณะซ่อมแซ่มบ้านและเสร็จอย่างสมบูรณ์ในปี 2010 เจ้าของบ้านยังคงลูกกระสุนไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงเหตุการณ์ในอดีต House With Bullet ยังเป็นเป็นบ้านไม้หนึ่งในสองหลังที่เหลืออยู่ในเมืองอัลค์มาร์อีกด้วย

ท่าเรือหลักเมืองโฮร์น (Binnenhaven Hoorn)
Binnenhaven เป็นท่าเรือหลักเมืองโฮร์น มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการค้าสำคัญในยุคทองของดัตช์ ในอดีตใช้เป็นเทียบท่าของเรือขนาดใหญ่ เช่น ‘Bontekoe’ เรือของบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ (Dutch East India Company) บริเวณท่าเรือยังมีโกดังที่สวยงามในสไตล์ดั้งเดิม อาคารอนุสรณ์สถานชาติในเมืองโฮร์นกว่าห้าหลังตั้งอยู่ รวมถึงหอคอยป้องกันเมืองโฮร์น (Hoofdtoren) ที่กลายมาเป็นฉากหลังสำคัญในรูปภาพเมื่อพูดถึงท่าเรือเมืองโฮร์น ที่นี่ยังเหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกเย็นที่มีความสวยงามและโรแมนติกเป็นพิเศษ

พิพิธภัณฑ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Naturalis Biodiversity Center)
Naturalis Biodiversity Center ตั้งอยู่ในเมืองไลเด้นทางตอนใต้ของเนเธอร์แลนด์ ความโดดเด่นของที่นี่คือการจัดแสดงโครงกระดูกของทีแร็กซ์ (Trix) ที่มีอายุกว่า 67 ล้านปี และโครงกระดูกไดโนเสาร์สายพันธุ์อื่น ๆ ที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษและมันก็คุ้มค่าที่จะไปเข้าชมสักครั้งมาก ๆ ที่นี่ยังรวบรวมคอลเลกชันและชิ้นส่วนสำคัญมากกว่า 37 ล้านชิ้น รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับ Nature Theater, Primeval Parade, Earth, Life, Earth Inside, Biotechnology และ Treasure Chamber แบบเข้าใจง่าย เปิดทุกวันเวลา 10:00-17:00 น. มีค่าเข้าชม 17 ยูโร หรือใช้บัตร Museumkaart เข้าชมฟรี

ศาลากลางเกาดา (Gouda’s 15th Century Town Hall)
ศาลากลางเกาดา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของเมืองเกาดา ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมือง ตัวอาคารออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมกอทิก ตามประวัติในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1438 เกิดความหายนะไฟไหม้ทำให้เมืองเกาดาแทบกลายเป็นเถ้าถ่าน ศาลากลางจังหวัดประสบภัยหนักได้รับความเสียหาย สภาเทศบาลจึงเมืองมีมติให้สร้างใหม่และควรเป็นอิสระ และนั่นทำให้ศาลากลางหลังใหม่ถูกสร้างขึ้นบนตลาดกลางของเมือง ความพิเศษอีกอย่างคือ ถ้าเราหากมองไปยังพิพิธภัณฑ์ชีส (Goudse Waag) ที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังจะพบว่าเส้นในการสร้างอยู่ตรงกันพอดีกับศาลากลางทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เมืองเกาดายังมีประเพณีการจุดเทียนและร้องเพลงคริสต์มาสเก่าแก่ที่สืบทอดกันมายาวนานหลายทศวรรษ เทียน 1,500 ถูกจุดขึ้นและส่องสว่างไปทั่วหน้าต่างของศาลากลาง และอีกหลายพันดวงทำให้หน้าต่างของอาคารในใจกางเมืองเกาดาสว่างไสว ภายในกิจกรรมยังมีการกล่าวสุนทรพจน์จากนายกเทศมนตรีและจุดไฟต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ชีส (Goudse Waag) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
เกาดายังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงของชีสเกาดาอีกด้วย คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชีสที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้ที่พิพิธภัณฑ์ชีส (Goudse Waag) ตั้งอยู่ในโรงชั่งน้ำหนักชีสเก่าแก่ที่มีอายุตั้งแต่ปี 1668 ชั้นแรกของพิพิธภัณฑ์ชีสถูกดัดแปลงเป็นสำนักงานบริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเมืองเกาดา (VVV Gouda) ร้านขายชีสรวมไปถึงร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ ใครที่สนใจชิมชีสก็สามารถสอบถามพนักงานได้จากชั้นนี้
ชั้นที่สองเราจะพบกับสถานที่นั่งฟังบรรยายเรื่องราวความเป็นมาของชีสเกาดาจากไกด์ ส่วนชั้นที่สามจะเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับชีส ชนิดของโคนมที่นำมาทำชีส ขั้นตอนการทำชีสผ่านวิดีโอ เครื่องชั่งน้ำหนัก รวมไปถึงประเภทของชีสแบบต่าง ๆ เหมาะสำหรับการเข้าชมประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าเข้าชม 7.50 ยูโร จองตั๋วได้ที่ Goudse Waag Ticket

ตลาดกลางเมืองฮาร์เลม (Grote Markt) สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
Grote Markt เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮาร์เลม รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น มหาวิหารเซนต์บาโว พิพิธภัณฑ์ยุคทองและศิลปะเมืองฮาร์เลม ศาลากลางเมืองฮาร์เลม อดีตห้องโถงเนื้อ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีฮาร์เลม ฯลฯ ทางด้านซ้ายมือของตลาดกลางบริเวณด้านหน้ามหาวิหารเซนต์บาโวมีรูปปั้น Laurens Janszoon Coster ผู้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์ที่มีบ้านเกิดในเมืองฮาร์เลม นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของตลาดนัดประจำสัปดาห์ ทุกเช้าวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08:30 – 17.00 น. ที่นี่จะเต็มไปด้วยแผงขายสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้ามากมาย จำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับการแวะไปเที่ยวแบบเดย์ทริปจากอัมสเตอร์ดัม

กังหันลมอาเดรียน (Windmill De Adriaan)
Windmill De Adriaan เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ความโดดเด่นของเมืองฮาร์เลม ตั้งอยู่บนแม่น้ำสปาร์เนอร์ (Spaarne) เดินมาจากตลาดกลางเพียง 10 นาที ที่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1778 บนฐานของหอคอยป้องกันเมืองในอดีต โรงสีอาเดรียนทำหน้าที่ในการบดหินภูเขาไฟให้เป็นก้อนกรวด ก่อนจะถูกขายให้กับพ่อค้ายาสูบเนื่องจากสมัยนั้นการเสพยาสูบเป็นที่นิยมมาก หลังจากนั้นก็เปลี่ยนถ่ายเจ้าของและถูกดัดแปลงโรงโม่แป้งและติดตั้งหินโม่ ปัจจุบันกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ด้านในมีการจัดแสดงนิทรรศการสำคัญในส่วนต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 5 ชั้น เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 13:00-17:00 น. ค่าตั๋วเข้าชม 7.50 ยูโร

ขึ้นหอคอยมหาวิหารโดมไปชมทิวทัศน์เมืองฮาร์เลม (KoepelKathedraal)
อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวเมืองฮาร์เลม ก็คือ การปีนขึ้นบันไดเวียนหอคอยที่มีความสูงเกือบ 60 เมตรจากตัวเมืองไปชมความสวยงามของทิวทัศน์เมืองฮาร์เลม รวมไปถึงเนินทรายและทะเล Zandvoort ที่ดูเหมือนอยู่ไม่ไกลตัวเมืองมากนัก วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใสเรายังสามารถมองเห็นอัมสเตอร์ดัม อัลค์มาร์ และไลเด้นได้อีกด้วย มีค่าเข้าชม 4 ยูโร (7.50 ยูโร รวมค่าขึ้นไปชมหอคอย)

โรงชั่งน้ำหนักในเมืองไนเมเคิน (Waaggebouw Weigh-house)
Waaggebouw เป็นโรงชั่งน้ำหนักในเมืองไนเมเคิน ตั้งอยู่บนตลาด Grote Markt สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1612-1613 ในสมัยก่อนนั้นการค้าขายในเมืองไนเมเคินเฟื่องฟูมาก แน่นอนว่าการขายสินค้าไม่ได้ขายทีละชิ้น แต่ขายตามจำนวนน้ำหนัก เหล่าพ่อค้ามีการโกงน้ำหนักเกิดขึ้น รัฐบาลจึงมีการสร้างโรงชั่งน้ำหนักขึ้น เพื่อกำหนดน้ำหนักที่แน่นอนและสร้างความยุติธรรมในการค้าขาย นอกจากนี้โรงชั่งน้ำหนักยังมีความโดดเด่นในเรื่องการประดับตกแต่งด้านนอก ซึ่งมีองค์ประกอบของหินธรรมชาติที่หรูหรา หน้าต่างกระจกสี และบานประตูหน้าต่างสีดำและสีแดงแบบดั้งเดิมทำให้อาคารดูมีชีวิตชีวาและโดดเด่นมาแต่ไกล
อุทยานแห่งชาติ De Hoge Veluwe สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
De Hoge Veluwe เป็นอุทยานแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ห่างจากอัมสเตอร์ดัมประมาณ 2 ชั่วโมง ที่นี่นอกจากจะเป็นพื้นที่ป่าหลายชนิด ป่าดงดิบ ต้นสนมอร์เทน ที่ราบหญ้าและผืนทรายมากกว่า 5,400 เฮกตาร์แล้ว ยังเป็นที่อยู่ของกวางแดง กวางโร มูฟล่อนและหมูป่า
มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวให้เลือกทำหลายอย่าง เช่น เดินป่าชมธรรมชาติ ปั่นจักรยาน เข้าชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติใต้ดิน (Museonder) ที่บอกเล่าเกี่ยวกับระบบรากที่สมบูรณ์ของต้นไม้อายุกว่า 135 ปี รวมถึงการจัดแสดงกระดูกของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปหลายพันปี คุณยังสามารถแวะไปที่อาคาร Park Pavilion เหมาะสำหรับการนั่งพักทานอาหารและเครื่องดื่ม อุทยานแห่งชาติ De Hoge Veluwe ยังมีจักรยานสีขาวมากกว่า 1,800 คันให้ได้เลือกปั่นสำรวจอุทยานฟรีอีกด้วย ส่วนการเข้าชมอุทยานราคา 12.30 ยูโร จองตั๋วได้ที่ De Hoge Veluwe Ticket

ทุ่งดอกไฮเดอะสีม่วง (Heide)
ไฮเดอะเป็นพืชดอกในวงศ์กุหลาบป่า สามารถพบเห็นได้ในประเทศเนเธอร์แลนด์ตามอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ หนึ่งในนั้น คือ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแอร์เมอโลเซอะไฮเดอะ (Ermelosche Heide) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 380 เฮกตาร์ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองเล็กที่สุดของเนเธอร์แลนด์ “สตาเวอร์เดน” (Staverden) และหมู่บ้านของเทศบาลเมืองแอร์เมอโล (Ermelo) จังหวัดเกลเดอร์แลนด์ (Gelderland) เหมาะสำหรับการชมทิวทัศน์ที่สวยงามของทุ่งดอกไฮเดอะซึ่งจะบานสะพรั่งในช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน ถ้ามาช้ากว่านี้ดอกไฮเดอะจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเพื่อปรับตัวสภาพเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
ใครที่ไม่สะดวกมาที่นี่สามารถเลือกไปชมทุ่งดอกไม้ไฮเดอะได้ตามสถานที่ใกล้บ้าน เช่น Nationaal Park Veluwezoom (แนะนำที่นี่เพราะมีเนินเขาและทุ่งดอกไฮเดอะขนาดใหญ่) Wezepsche Heide, Loenermark, Elspeetsche heide, Het Nationale Park De Hoge Veluwe, Ermelosche heide, Ginkelse heide และ Renderklippen เป็นต้น

สโคกลันด์ (Schokland)
สโคกลันด์เป็นหนึ่งในมรดกโลก 12 แห่งของเนเธอร์แลนด์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การ UNESCO ในปี 1995 ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและยังเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งของชาวดัตช์ที่ต่อสู้กับทางน้ำมาอย่างยาวนาน สโคกลันด์ตั้งอยู่ในคาบสมุทรที่กลายมาเป็นเกาะในคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ต่อมาเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งจนต้องอพยพผู้คนออกในปี ค.ศ. 1859 จากนั้นหลังการสร้างอัพสเลาไดก์เขื่อนป้องคลื่นทะเลเพื่อปิดกั้นเส้นทางน้ำเซาเดอร์เซจากทะเลเหนือทำให้เกิดทะเลสาบน้ำจืดแห่งใหม่ที่เรียกว่า Ijsselmeer พื้นที่ในสโคกลันด์จึงกลายมาเป็นดินโคลนก่อนจะมีการถมทะเลเกิดเป็นพื้นดินเหมาะสำหรับการสร้างบ้านเรือนอาศัยของผู้คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดเฟลโฟลันด์ (Flevoland)
ถ้าคุณตัดสินใจมาเที่ยวสโคกลันด์จะพบกับแหล่งโบราณคดีแห่งชาติที่ได้รับการคุ้มครอง 5 แห่ง รวมถึงอาคารห้าหลัง ได้แก่ บ้านของผู้ดูแลประภาคาร บ้านหลังเล็ก (Foghorn) ที่ Oud-Emmeloord โบสถ์ Dutch Reformed ทางเหนือสุด โรงเรือสำหรับเรือน้ำแข็งในมิดเดลเบิร์ท (Middelbuurt) และโบสถ์ที่พังยับเยินบริเวณใต้สุดของเกาะเดิม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์สโคกลันด์บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ของชาวดัตช์กับน้ำและประวัติศาสตร์ทั้งหมดสโคกลันด์ไว้อย่างละเอียดจนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน
สโคกลันด์เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปีในวันอังคาร-วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันขึ้นปีใหม่และวันคริสต์มาส) เวลา 11:00-17:00 น. ส่วนพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวันในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เวลา 11:00-17:00 น. มีค่าเข้าชม 8 ยูโร

Hunebed D27 (Borger) พีรามิดหินที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์
ในพื้นที่ Borger ถัดพิพิธภัณฑ์โบราณคดี (Hunebedcentrum) ของเมืองเดรนเทอ (Drenthe) คุณจะพบกับ Hunebed D27 ซึ่งเป็นพีรามิดหินที่ใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ มีความยาวกว่า 22.6 เมตร ก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักมากกว่า 20 ตัน คาดว่าถูกผลักมาที่นี่โดยยุคน้ำแข็งเมื่อประมาณ 150,000 ปีก่อนจากทางใต้ของฟินแลนด์ ตามหลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดีเก่าแก่ในเดือนมิถุนายน ปี 1685 สันนิษฐานว่าที่นี่เคยเป็นอนุสาวรีย์ฝังศพหินยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเดรนเทอ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 3,400 ปีก่อนคริสตกาล และมีอายุประมาณ 5,400 ปี
พวกเขาสร้างห้องสำหรับเป็นที่ฝั่งศพของผู้ล่วงลับโดยใช้หินก้อนใหญ่ทับกันและปิดช่องว่างด้วยหินก้อนเล็กก่อนจะปกคลุมด้วยดิน ด้วยความที่หินก้อนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยดินและหญ้าทำให้มองเห็นแบบเนินเขา แต่ปัจจุบันเหลือแต่หินก้อนใหญ่เท่านั้น ซึ่งประกอบไปด้วยฐานหินด้านบน 9 ก้อน ฐานหินรอง 28 ก้อน หินด้านข้างประตู 5 ก้อน และหินที่ท้ายทั้งสองด้าน 2 ก้อน และนั่นก็ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของชาวดัตช์

ประตูเมืองอาเมอร์สโฟร์ต (Koppelpoort Gate)
Koppelpoort Gate เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเมืองอาเมอร์สโฟร์ต ในอดีตทำหน้าที่เป็นประตูเมืองจากยุคกลาง สร้างเสร็จราวปี 1425 โดยผสมผสานระหว่างประตูทางบกกับประตูทางน้ำเข้าด้วยกัน และเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองแห่งที่สองซึ่งสร้างขึ้นระหว่างปี 1380-1450 นอกจากความเก่าแก่แล้วความโดดเด่นของที่นี่อีกหนึ่งอย่างก็คือ กล่องช่องเชิงเทียนสีดำ (mezekouw) ที่อยู่ติดกับกำแพงเมืองซึ่งถูกออกแบบมาให้เปิดได้ระหว่างคันทวย
เมื่อมีฝ่ายตรงข้ามพยามล่องเรือเข้ามาด้านในเมือง จะถูกกล่องสีดำที่มีความร้อนโยนลงไปใส่ นอกจากนี้ประตูเมืองและกำแพงเมืองยังถูกสร้างด้วยหินหลากหลายชนิดของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองอาเมอร์สโฟร์ต แทนที่จะจ่ายเป็นเงินก็จ่ายเป็นหินแทน สำหรับค่าปรับก็ต้องจ่ายเป็นหินเหมือนกัน ใครที่โดนใบสั่งต่าง ๆ ต้องรับโทษด้วยการไปเอาหินจากโรงอิฐและนำมาส่งที่เทศบาล หากมีหินร่วงหล่นมาจากกำแพงเมืองจะได้รับการเก็บไว้ และนำมาใช้ใหม่ในภายหลังเพื่อซ่อมแซมผนังส่วนอื่น ๆ เช่นกัน

มหาวิหารโรมันคาทอลิก (St. John’s Cathedral)
มหาวิหารโรมันคาทอลิก (St. John’s Cathedral) ตั้งอยู่อย่างสง่างามในเมืองเซร์โทเคนบอส คริสตจักรแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1370-1529 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอทิกเพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งของเมืองเซร์โทเคนบอสในช่วงปลายยุคกลาง ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยรูปปั้นซุ้มแหลม รูปแกะสลัก และหน้าต่างบานใหญ่ หอคอยมีความสูง 43 เมตร ภายในเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม St. John’s Cathedral เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสวยงามอลังการ หากเดินผ่านต้องหยุดมองในความงดงามตระการตาไม่ได้ St. John’s Cathedral ยังถูกกล่าวขานว่าเป็นโบสถ์ที่งดงามที่สุดในเนเธอร์แลนด์อีกด้วย

ท่าเรือเก่าแก่เมืองดอร์เดรชท์ (Historic harbor Wolwevershaven)
Historic harbor Wolwevershaven เป็นท่าเรือเก่าแก่ของเมืองดอร์เดรชท์ ในอดีตท่าเรือด้านในเป็นศูนย์กลางการค้าเก่าแก่หลายศตวรรษเนื่องจากมีทำเลที่ตั้งอยู่บนน้ำ ในปีค. ศ. 1299 เคานต์จอห์นได้มอบสิทธิหลักที่สำคัญให้กับเมืองเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าทั้งหมดที่ขนส่งโดยเรือจะต้องถูกขนถ่ายและเก็บไว้ในโกดังของเมืองก่อน ทุกวันนี้ชื่อของโกดังถนนและท่าเทียบเรือยังคงทำให้เรานึกถึงการค้าไม้ ไวน์น้ำตาล และธัญพืชที่เคยเฟื่องฟูในอดีตของเมืองดอร์เดรชท์ หากคุณแวะไปเที่ยวที่นี่จะได้สัมผัสกับความเป็นเมืองเก่าที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย

ซุทเฟน (Zutphen) เยือนเมือง Hanseatic League ริมแม่น้ำไอส์เซิล
ซุทเฟนเป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเกลเดอร์แลนด์ (Gelderland) อยู่ห่างจากเมืองอาร์เนม (Arnhem) ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในเก้าเมือง Hanseatic League ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไอส์เซิล (IJssel) เช่นเดียวกับเมืองซโวลเลอ ซุทเฟนมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ถือกำเนิดในสมัยโรมันโดยมีการตั้งถิ่นฐานแบบดั้งเดิมบนเนินทรายที่ซับซ้อน สถานที่แห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องมากว่า 1,700 ปี
ร่องรอยประวัติศาสตร์ของเมืองหลายแห่งสามารถพบได้ในใจกลางเมือง เช่น กำแพงล้อมเมืองขนาดใหญ่ ซากหอคอยสองหลัง รวมไปถึงบ้านอิฐจำนวนมากจากปลายยุคกลาง ปัจจุบันซุทเฟินมีศูนย์กลางเมืองยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงซากกำแพงเมืองในยุคกลาง และอาคารสองสามร้อยหลังที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวที่นี่ได้แบบเดย์ทริป

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเดเวนเตอร์ (Museum de Waag)
Museum De Waag เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเดเวนเตอร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 ตั้งอยู่ในโรงชั่งน้ำหนักที่เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของเมืองเดเวนเตอร์ ในอดีตเมืองเดเวนเตอร์มีบทบาทสำคัญของ Hanzeatic League (การค้าขายระหว่างเมืองเจ็ดเมืองลุ่มแม่น้ำไอส์เซิล) ในปี 1344 เมืองเดเวนเตอร์ได้รับสิทธิ์ในการจัดงานแสดงสินค้าประจำปี ในปี 1386 เดเวนเตอร์ได้จัดงานดังกล่าวขึ้นห้าครั้งทุกปี พ่อค้าและแม่ค้าจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันแห่ไปที่เมืองเดเวนเตอร์เพื่อขายสินค้าของตนที่จัตุรัส Brink ทำให้เกิดมาตรการชั่งน้ำหนักและกำหนดขนาดสินค้าที่ถูกต้องขึ้นเพื่อการค้าขายที่เป็นธรรม โรงชั่งน้ำหนักจึงถูกสร้างขึ้นในปี 1528 โดยใช้มาตรวัดและผู้ตรวจสอบการชั่งน้ำหนัก และกำหนดขนาดผลิตภัณฑ์ที่พ่อค้าเสนอขาย
เงินที่ได้จากการชั่งน้ำหนักและการตรวจสอบสินค้ากลายเป็นแหล่งรายได้หลักของเมืองเดเวนเตอร์ ส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตและรุ่งเรืองอย่างเต็มที่ในศตวรรษที่ 14 และ 15 แต่การปะทุของสงครามแปดสิบปีทำให้ตำแหน่งการค้าของเมืองลดลงอย่างมาก การชั่งน้ำหนักทั้งหมดจึงถูกยกเลิกในศตวรรษที่ 19 หลังจากนั้นอาคารแห่งนี้จึงกลายเป็นโรงเรียนสอนวาดรูปที่เรียกว่า ‘Teekenschool’ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังถูกใช้เป็นสถานีโทรเลขด้วยซ้ำ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ. 2458 เพื่อจัดแสดงสมบัติทางประวัติศาสตร์ของเมืองเดเวนเตอร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หากคุณมีเวลาลองแวะไปเที่ยวที่เมืองเดเวนเตอร์ ที่นั่นยังมีการจัดเทศกาลตลาดหนังสือความยาว 6 กิโลเมตร (Deventer Boekenmarkt) หนึ่งครั้งต่อปี ในวันอาทิตย์แรกของเดือนสิงหาคม ตั้งแต่เวลา 09:30-17:30 น. ภายในงานประกอบไปด้วยแผงขายหนังสือมากกว่า 850 แผง นิทรรศการและละครเพลง มีหนังสือประเภทต่าง ๆ ให้เลือกซื้อมากมาย

มิดเดลเบิร์ก (Middelburg)
มิดเดลเบิร์กเป็นเมืองหลวงของจังหวัดเซลันด์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเนเธอร์แลนด์ ในอดีตมีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเคยเป็นเป็นเมืองทางการค้าที่สำคัญระหว่างอังกฤษและเมืองต่าง ๆ ของฟลานเดอร์ส และเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองอนุสาวรีย์ที่มีอาคารทางประวัติศาสตร์มากมาย ตัวอาคารของที่นี่สะท้อนให้เห็นถึงความความมั่งคั่งของผู้คนในอดีต ปัจจุบันอาคารเหล่านั้นได้มีการผสมผสานจนกลายมาเป็นร้านค้า บาร์ และร้านอาหารมากมายสำหรับผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว เหมาะสำหรับการเที่ยวแบบเดย์ทริป

ประตู Kuiperspoort
Kuiperspoort เป็นประตูในเมืองมิดเดลเบิร์ก ชื่อของสถานที่แห่งนี้หมายถึง Kuipersgilde ที่ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้คนที่มีอาชีพทำถังไม้และงานฝีมือถังไม้ พวกเขาเคยทำงานที่สถานที่แห่งนี้ก่อนที่อาชีพดังกล่าวจะค่อย ๆ เลื่อนหายไป บริเวณ Kuiperspoort ยังเป็นถนนสายแคบปูด้วยหินกรวดและมีทางออกบนเขื่อน และอีกด้านหนึ่งมีประตูทางเดินไปสู่ถนน Rouaansekaai ประตู Kuiperspoort สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1586 และถูกซื้อโดย Kuipersgilde ในปี 1642 อาคารส่วนใหญ่รวมถึงโกดังเก็บของได้รับการบูรณะในปี 1970 ในขณะที่ยังคงรักษาด้านหน้าไว้ ปัจจุบัน Kuiperspoort เป็นบ้านเรือนของผู้คน และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ ถ้าคุณแวะมาเที่ยวที่เมืองมิดเดลเบิร์กอย่าลืมแวะมาชมที่นี่ด้วยนะคะ

เที่ยวเมืองสเนก (Sneek)
Sneek เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสิบเอ็ดเมืองของจังหวัดฟรีสลันด์ (Friesland) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเมืองทางน้ำ เพราะมีชื่อเสียงเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาเรือใบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (Sneekweek) และประตูน้ำวาเทอร์พอร์ท (Waterpoort) จากศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดเด่ดของเมือง นอกจากกีฬาทางน้ำที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่นี่แล้วยังมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์การขนส่งทางน้ำ (Frisian Shipping Museum) ที่บอกเล่าเรื่องราวว่าทำไมสเนกถึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทางน้ำรวมไปถึงการจัดนิทรรศการการเล่นสเก็ตในฟรีสลันด์ไว้ได้อย่างน่าสนใจ
คุณยังจะพบกับโบสถ์ Martinikerk สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนา รวมไปถึงศาลากลางจากศตวรรษที่ 14 และอาคาร C&A ในสไตล์นีโอเรเนสซองส์ ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติดัตช์ที่มีต้นกำเนินมาจากเมืองนี้ ในช่วงฤดูร้อนตอนบ่ายคุณยังสามารถล่องเรือในลำคลองสเนกเพื่อชมความสวยงามในมุมที่แตกต่างประมาณ 50 นาที ราคาตั๋ว 11.50 ยูโร มีตั๋วรวม เข้าชมพิพิธภัณฑ์การขนส่งทางน้ำและล่องเรือในคลองสเนกราคา 16.75 ยูโร จองตั๋วได้ที่ Canal Cruise Sneek จุดขึ้นเรืออยู่ที่สำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยว (VVV Sneek)

เที่ยวหมู่บ้านเซาท์เทอลันด์เดอะ (Zoutelande)
Zoutelande เป็นหมู่บ้านทางตะวันตกเฉียงใต้ของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเฟียร์เรอะ (Veere) ของจังหวัดเซนลันด์ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องการท่องเที่ยวและรีสอร์ทริมทะเลเนื่องจากตั้งอยู่บนคาบสมุทร Walcheren และมีแสงแดดที่ร้อนแรงมากกว่าภูมิมิภาคอื่น ๆ ของเนเธอร์แลนด์ เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์พร้อมกิจกรรมให้เลือกทำหลากหลาย เช่น เดินเล่นที่ชายหาดความยาวกว่า 5 กิโลเมตร เดินเล่นบนเนินทรายชมชายทะเลมุมกว้าง ชมบังเกอร์ที่ใช้เป็นหลุมหลบภัยและสังเกตการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชมประภาคารเดินเรือที่มีความสูงกว่า 53 เมตร ทานอาหารที่ระเบียงริมทะเลพร้อมชมพระอาทิตย์ตกเย็น
ในตัวหมู่บ้านก็มีความน่าสนใจไม่แพ้ชายทะเล คุณสามารถแวะไปชอปปิงที่ร้านค้าตั้งอยู่ในจัตุรัสยอดนิยม คือ Langstraat และ Willibrordusplein ที่นั่นยังมีตลาดจัดขึ้นทุกวันอังคารตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมถึงสิ้นเดือนกันยายน ใจกลางหมู่บ้านยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ Catherine Church ถ้าอยากผจญภัยมากกว่านี้ลองเช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบหมู่บ้าน หรือแวะไปเที่ยวที่เมืองใกล้เคียง เช่น เมืองเฟียร์เรอะ มีชื่อเสียงเกี่ยวท่าเรือเก่า เมืองมิลเดลเบิร์กที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากก่อนจะสูญเสียตำแหน่งให้กับอัมสเตอร์ดัม และเมืองเซียริกเซที่เต็มไปด้วยอนุสรณ์สถานแห่งชาติ
ที่พักแนะนำในเซาท์เทอลันด์เดอะคือ Hotel de Tien torens ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Domburg มีรีสอร์ทริมทะเลที่สวยงามที่สุดในเซลันด์ ห่างจากชายหาดเพียง 5 นาที การเที่ยวที่นี่จะเต็มอิ่มมากถ้ามาแบบพักค้างคืน 2-3 วัน ส่วนอาหารขึ้นชื่อคือหอยนางรม อย่าลืมลองทานกันนะคะ
สรุปสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์
สถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ ดังลิสต์ทั้งหมดข้างต้นตั้งอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ทั่วเนเธอร์แลนด์ คุณสามารถเที่ยวได้แบบเดย์ทริปหรือใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง อย่าลืมเช็คสภาพอากาศในเนเธอร์แลนด์ก่อนจองตั๋วสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนการเดินทางนั้นมีความสะดวก คุณสามารถวางแผนการเดินทางในเนเธอร์แลนด์ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ การใช้บัตรเดินทาง OV-chipkaart รวมไปถึงการขับรถยนต์เที่ยวในเนเธอร์แลนด์ด้วยตัวเอง
การเปิดเผย: บทความนี้มีแอฟฟิลิเอทบางส่วน การกดที่ลิงก์ไม่มีค่าใช้จ่าย หากซื้อสินค้าหรือบริการจากลิงก์ดังกล่าวเราอาจได้รับค่ากำลังใจเล็กน้อยเพื่อนำไปพัฒนาบล็อก Thank you for your support 🧡