นั่งเรือเที่ยวอิสตันบูลฝั่งเอเชีย หลายคนที่มาเที่ยวอิสตันบูลอาจจะค้นพบว่าที่เที่ยวอิสตันบูลไม่ได้มีแค่ฝั่งยุโรปเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงฝั่งเอเชียที่มีความน่าสนใจเหมาะสำหรับการเที่ยวแบบครึ่งวัน พื้นที่ฝั่งเอเชียอย่าง ‘อึสคือดาร์’ (Üsküdar) เป็นย่านที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 500,000 คน โดยเฉพาะฝั่งทะเลมาร์มาราเป็นย่านที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของอิสตันบูล ค่าใช้จ่ายฝั่งเอเชียค่อนข้างถูกกว่าฝั่งยุโรป การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็สะดวกไม่แพ้กัน นั้นทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะพักอาศัยในย่านนี้ และถ้าคุณนั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวที่นี่จะได้สัมผัสถึงชีวิตจริงของอิสตันบูลที่มีเสน่ห์แตกต่างจากฝั่งยุโรป
วิธีการนั่งเรือเที่ยวอิสตันบูลฝั่งเอเชีย
วันนี้หลังจากชมมัสยิดซิวเลย์มานีเยในช่วงเช้าแล้ว ช่วงสาย ๆ เราเดินตามถนนที่เป็นเนินเขาจากมัสยิดซิวเลย์มานีเยลงมาที่เรือ Eminönü ประมาณ 12 นาที ที่นี่เป็นท่าเรือที่มีบรรยากาศสุดคึกคักของอิสตันบูลตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ถ้าใครนึกภาพไม่ออกมันคือสะพานที่มีคนตกปลาเยอะ ๆ เราจะนั่งเรือข้ามฟากสาย Kadıköy Çayırbaşı – Karaköy – Eminönü ไปยังฝั่งเอเชียโดยใช้บัตร Istanbulkaart จุดขึ้นคือ Eminönü (Turyol) (พิกัดท่าเรือ) ใช้ประตูทางเข้าหมายเลข 3 พอแตะบัตรที่ประตูเข้ามาแล้วเราจะเจอกับเรือโดยสารดำเนินการโดยบริษัท Turyol จากนั้นก็ขึ้นเรือแล้วเลือกที่นั่งได้ตามสะดวกเลย ถ้านั่งชั้นบนสุดจะมองเห็นวิวชัดเจน
ใครไม่ได้ไปชมมัสยิดซิวเลย์มานีเยก่อนเหมือนกับเราสามารถนั่งรถรางสาย T1 มาลงที่สถานี Eminönü ได้เลย ถ้าไม่สะดวกขึ้นจากท่าเรือ Eminönü สามารถขึ้นจากท่าเรือ Karaköy ก็ได้ เพราะเรือจะรับผู้โดยสารจากฝั่งนี้ก่อนแล้วค่อยไปจอดรับผู้โดยสารที่ฝั่ง Karaköy จากนั้นก็นั่งยาวเลย เรือวิ่งทุกวัน วันธรรมดาถึงวันเสาร์เวลา 06:55 – 21:20 น. และวันอาทิตย์เวลา 08:10 – 21:20 น.



ระหว่างที่เรือแล่นไปจอดรับผู้โดยสารที่ฝั่ง Karaköy เราจะมองเห็นสะพานกาลาตาเต็มไปด้วยคนตกปลา ข้างล่างสะพานกาลาตาจะเป็นที่ตั้งของร้านอาหารยาวไปทั้งแถบ ทางเดินมายังร้านอาหารตรงนี้มีสองทางคือจากท่าเรือ Eminönü โดยตรง หรือเดินมาตามสะพานกาลาตาพอถึงตรงกลางจะมีบันไดเดินลงไปชั้นล่าง ตอนเย็นที่นี่คนจะเยอะเป็นพิเศษ ใกล้กับสะพานกาลาตายังมีมัสยิดใหม่ด้วยนะคะ ถ้าไปเที่ยวแถวนั้นก็เดินไปเที่ยวตลาดแกรนด์บาซาร์แล้วก็ตลาดเครื่องเทศสไปซ์มาร์เก็ตต่อได้เพราะอยู่ใกล้กัน








บนเรือ Turyol มีที่นั่งกว้างขวางและสะอาด ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นคนท้องถิ่น พอเรือรับผู้โดยสารเสร็จจะเลี้ยวลอดใต้สะพานไปยังปากช่องแคบบอสพอรัส ช่วงนี้เราสามารถมองเห็นสถานที่ต่าง ๆ ได้เยอะมาก เช่น มัสยิดซิวเลย์มานีเย มัสยิดใหม่ มัสยิดบลู ฮาเกียโซเฟีย พระราชวังโทพคาปึ ถ้ามองไปอีกด้านจะเจอกับหอคอยกาลาตา


เรือแล่นไปแป๊บหนึ่งเราจะเจอกับปากช่องแคบบอสฟอรัส ตรงนี้ในอดีตเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันเมือง มีด่านเก็บภาษีทั้งขาเข้าขาออกจากยุโรปและเอเชีย ปัจจุบันเราจะเห็นเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่แล่นผ่านไปมาเป็นระยะ ถ้าใครที่ใช้บริการเรือทัวร์ชมช่องแคบบอสพอรัสเรือจะแล่นยาวไปเรื่อย ๆ จนเห็นพระราชวังพระราชวังโดลมาบาห์เช แต่เรือข้ามฟากที่เรานั่งมาจะเลี้ยวไปทางขวามือทำให้มองไม่เห็นพระราชวังโดลมาบาห์เชแบบชัดเจน แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเราไปเข้าชมข้างในพระราชวังมาแล้ว สวยงดงามจับใจ ใครที่ยังไม่เข้าชมลองไปเข้าชมสักครั้งนะคะ ตรงนั้นยังมีท่าเรือสำหรับทัวร์ชมช่องแคบบอสพอรัสอีกด้วย


เรือแล่นไปได้ประมาณ 15 นาทีเราจะเริ่มเห็นฝั่งเอเชียที่ชัดขึ้น พอมองกลับไปจะเริ่มเห็นฝั่งยุโรปที่ค่อย ๆ เล็กลงตามระยะทาง ฝั่งซ้ายมือที่เรามองเห็นคือย่านอึสคือดาร์ ส่วนตึกสูงทางขวามือคือหอโทรคมนาคม ‘Çamlıca Tower’ ความสูงรวมกว่า 369 เมตรตั้งเด่นสง่าจากระยะไกล มีมัสยิดคัมลิกาตั้งอยู่ทางซ้ายมือสุดของภาพขั้นกลางด้วยเสาธงชาติตุรกีขนาดใหญ่แบบได้ระยะห่างกันพอดี มัสยิดนี้แหละค่ะที่เป็นจุดหมายปลายทางของเราในทริป แต่ก่อนที่จะไปถึงที่นั่นเราก็ต้องหาอาหารเที่ยงทานกันก่อน อ้อลืมบอกไปบนเรือมีขายอาหาร ขนมแล้วก็เครื่องดื่มด้วยนะคะ พนักงานจะเดินมาขายเป็นรอบคล้ายกับเครื่องบินเลย ถ้าสนใจก็ซื้อกับพนักงานได้ แต่เราไม่ได้ซื้อรอไปทานอาหารทะเลฝั่งเอเชียทีเดียวเลย


นั่งเรือมาประมาณ 30 นาทีเราก็มาถึงท่าเรือ Kadıköy (พิกัดท่าเรือ) พอเดินลงจากเรือก็ตรงไปที่ด้านหน้าของท่าเรือจะเจอกับถนนใหญ่ มองไปทางซ้ายมือจะเห็นสถานีรถบัสหลักของที่นี่ สถานีรถบัสนี้แหละที่เราจะนั่งรถไปชมมัสยิดคัมลิกา



ตรงท่าเรือ Kadıköy ถ้าใครเลือกเดินทางมาจากสนามบิน SAW ด้วยรถโดยสาร IETT รถจะมาจอดที่ท่าเรือนี้จากนั้นก็นั่งเรือข้ามไปฝั่งยุโรปได้ แต่ถ้าใครมาด้วยรถรับส่งจากสนามบิน (HAVABUS Airport Shuttle Buses) จะมีป้ายที่จอดรถห่างออกไปประมาณ 3 นาที ตรงนั้นจะเป็นจุดรับส่งผู้โดยสารที่ใช้บริการของรถรับส่งสนามบินโดยเฉพาะ มีป้ายบอกเวลารถออกแต่ละรอบพร้อมตู้จำหน่ายตั๋ว

ทานอาหารทะเลราคาถูกใกล้ท่าเรือ Kadıköy
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราจะไปชมมัสยิดกันหลังจากอาหารเที่ยง ร้านที่เราเลือกคือ Balıkçı Lokantası ตามมาจากรีวิวในยูทูป เดินไปได้จากท่าเรือประมาณ 10 นาที เป็นร้านเล็ก ๆ แบบเรียบง่ายไม่มีการตกแต่งอะไรมาก พอเดินเข้าไปในร้านแล้วได้บรรยากาศของคนท้องถิ่นโดยเฉพาะ เราสามารถสั่งอาหารได้ที่เคาน์เตอร์หน้าครัวเลย เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้ก็จะอธิบายให้ฟังก่อนว่ามีเมนูอะไรบ้าง เมนูไหนเป็นที่นิยม เราก็สั่งไปสองเมนูแล้วก็มานั่งรอที่โต๊ะ
รอไม่ถึง 10 นาทีอาหารก็มาเสิร์ฟ หน้าตาน่าทานมากค่ะ มีเมนูแนะนำคือปลาแซลมอลทะเลดำผัดด้วยน้ำมันมะกอกและเนยผสมกับหัวหอมและเครื่องเทศ เสิร์ฟในหม้อหินร้อน ๆ ทานแล้วรสชาติจัดจ้านคล้ายผัดเผ็ดปลาบ้านเราแต่เผ็ดน้อยกว่า แล้วก็มีซุปปลา ปลาทูย่าง ตบท้ายด้วยขนมหวานฟักทองเชื่อมและชา รวมราคาอาหารและทิปหารกันสองคนแล้วตกคนละ 145 TRY (330 THB) ถูกเกินครึ่งจากฝั่งยุโรป


นั่งรถบัสไปชมมัสยิดคัมลิกา
หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ คราวนี้เราจะนั่งรถบัสสาย 14Fไปที่มัสยิดกัน จุดขึ้นรถบัสอยู่ห่างจากร้านอาหารประมาณ 5 นาที รถที่ไปมัสยิดมีหลายสาย แต่เราเลือกที่จะนั่งสายนี้เพราะว่าเป็นเที่ยวตรงเลย ไม่ต้องต่อรถหลายเที่ยว พอนั่งไปเรื่อย ๆ เราจะเห็นบรรยากาศบ้านเมืองฝั่งเอเชีย ฝั่งนี้ผู้คนเหมือนจะใช้ชีวิตกันจริง ๆ ไม่ถึงกับรีบร้อนมาก มีบ้านเรือน โรงเรียน พื้นที่สนามเด็กเล่นเยอะมาก มองไปแล้วก็อบอุ่นอีกแบบ แต่ฝั่งนี้อาจจะไม่มีแหล่งชอปปิงเยอะเหมือนฝั่งยุโรป ถ้าอยากเดินห้างก็นั่งรถไฟใต้ดินข้ามไปได้ไม่ยุ่งยาก รถบัสแล่นมาประมาณ 30 นาที เราก็มาถึงมัสยิดคัมลิกา รถจะจอดที่ป้าย Büyük Çamlıca Camii Station หน้าทางเข้ามัสยิดเลย จากนั้นเราก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง

ชมมัสยิดคัมลิกา (Çamlıca Mosque)
มัสยิดคัมลิกา (ภาษาตุรกี: Büyük Çamlıca Camii) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอิสตันบูล ตั้งอยู่บนเนินเขา Çamlıca ฝั่งเอเชีย พอได้มายืนอยู่ที่นี่แล้วสวยงามเกินความคาดหมาย ที่นี่สามารถจุคนได้ถึง 63,000 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องโถงสำหรับทำละหมาด ไปจนถึงหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์อิสลามและห้องสมุด ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงวิวด้านนอกที่สามารถมองเห็นฝั่งยุโรปและบ้านเรือนใกล้เคียง

ด้านในมัสยิดคัมลิกามีการตกแต่งด้วยพรม เราต้องถอดรองเท้าในการเข้าชมโดยใส่ในถุงพลาสติกถือติดตัวไปด้วยได้หรือจะวางไว้ที่ตู้ใส่รองเท้าก็ได้ ผู้หญิงต้องสวมผ้าคลุมหัวเช่นเดียวกับการเข้าชมมัสยิดอื่น ๆ พอเข้าไปข้างหน้าแล้วจะเจอกับห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่ละหมาดของชาวมุสลิม ด้านในโดมหลักประดับด้วยโคมไฟระย้ารวมถึงหน้าต่างกระจกสี ถ้าเดินขึ้นบันไดไปด้านบนสามารถมองเห็นพื้นที่ด้านในอย่างชัดเจน แต่ละชั้นมีพื้นที่แยกสำหรับผู้หญิงในการทำละหมาด


พอเดินออกมาจากห้องโถงหลักเราจะเจอกับจัตุรัสชั้นที่สอง ตรงกลางมองเห็นศาลาขนาดเล็กที่ใช้ชำระล้างก่อนเข้าไปทำละหมาด ทั้งสี่ด้านของจัตุรัสประดับด้วยโดมขนาดเล็กจำนวนมาก ถ้าไปยืนตรงนั้นแล้วถ่ายภาพออกมาสวยมากโดยเฉพาะช่วงที่มีแสงพระอาทิตย์ตกมาสะท้อนกับเสาหินขนาดใหญ่


พอเดินออกมาลานด้านนอกสุดเราจะเจอกับระเบียงเปิดสามารถมองเห็นวิวฝั่งยุโรปรวมไปถึงบ้านเรือนฝั่งเอเชียได้รอบด้าน ฝั่งเอเชียก็มีตึกสูงไม่แพ้ฝั่งยุโรป นอกเหนือจากตึกสูงก็จะเป็นบ้านเรือนที่ผู้คนท้องถิ่นอาศัยอยู่กัน บ้านเหล่านั้นก็สร้างใกล้ ๆ กันบนเนินเขาสลับกับตึกสูง



สรุปนั่งเรือเที่ยวอิสตันบูลฝั่งเอเชีย
ส่วนตัวไปที่นี่แล้วชอบประทับมาก ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวแต่เป็นมัสยิดทางศาสนาจริง ๆ สถาปัตยกรรมด้านในมีความคล้ายคลึงกับมัสยิดบลู ถ้าไม่ติดว่าที่นี่ตั้งอยู่ไกลไปหน่อย อาจจะกลายมาเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมไม่แพ้มัสยิดบลูในย่านเมืองเก่า ถ้าใครวางแผนจะมาที่นี่ควรมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน เพราะต้องใช้เวลานั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งยุโรปมาที่ฝั่งเอเชียประมาณ 30 นาที จากนั้นก็นั่งรถบัสอีกครึ่งชั่วโมงมาที่มัสยิด ไกลนิดหนึ่งแต่ก็คุ้มแล้วตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นทัศนียภาพที่ชัดเจนของเมืองสองฝั่งบนเรือ แต่ถ้าใครมีเวลาไม่พอไม่ได้มาที่นี่ก็ยังถือว่าไม่ได้พลาดอะไรไป เอาเป็นว่าถ้าแวะมาเที่ยวฝั่งเอเชียแล้วแนะนำให้มาที่นี่ด้วยจะครบแผนมากค่ะ
กลับไปฝั่งยุโรปจากฝั่งเอเชียได้ยังไง?
หลังจากชมมัสยิดเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับที่พักกัน เราสามารถนั่งรถบัสสายเดิมแต่ไม่ใช่ป้ายที่เราลงตอนขามานะคะ ต้องเดินตามถนนกลับลงไปนิดหนึ่งจะมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่ เราก็นั่งรถเมล์จากตรงนี้ (จุดขึ้นรถบัส) ไปลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน Kısıklı จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย M5 ไปลงที่สถานี Uskudar Station แล้วก็ต่อรถไฟใต้ดิน Marmaray Sirkeci İstasyonu ไปลงที่ฝั่งยุโรปสถานี Sirkeci พอถึงที่นั่นแล้วเดินตามบันไดเลื่อนขึ้นมาถนนด้านบน ช่วงเวลาเลิกงานของคนที่นี่ภายในรถไฟจะแออัดเป็นพิเศษ ส่วนใครที่ยังสนุกกับการนั่งเรือก็สามารถเดินทางกลับฝั่งยุโรปด้วยเรือข้ามฟากเหมือนกับตอนขามาได้เช่นกัน
