ก่อนหน้านี้เราได้เขียนบทความรีวิวสถานที่เที่ยวอัมสเตอร์ดัมไปในหลากหลายแง่มุม บทความนี้เราจะมาพูดถึง เรื่องน่ารู้ก่อนมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ซึ่งเกิดจากความตั้งใจที่พยายามรวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์ตรงมาแชร์ให้กับนักอ่านทุกคน หากเข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว แนะนำให้อ่านบทความเกี่ยวกับ คู่มือวางแผนเที่ยวอัมสเตอร์ดัมด้วยตัวเอง, รวมสถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม, การเดินทางในอัมสเตอร์ดัมด้วยระบบขนส่งสาธารณะ, คู่มือการล่องเรือเที่ยวในคลองอัมสเตอร์ดัม และ พิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัมที่ควรค่าแก่การเข้าชม จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับการวางแผนเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
จองทริปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม 🇳🇱
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์)

1. สนามบินอยู่ใกล้ตัวเมือง 20 นาที
อัมสเตอร์ดัมมีสนามบินหลัก คือ สนามบินสคิปโฮล (Amsterdam Airport Schiphol) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 18 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ครอบถึงรถไฟในเวลาเพียง 20 นาที เช่นเดียวกับรถบัสรับส่งจากสนามบิน (Amsterdam Airport Express) ใช้เวลาเพียง 30 นาที ซื้อตั๋วรถบัสรับส่งจากสนามบินล่วงหน้าตอนนี้เลย
2. ตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมห่างจากทางเหนือ 2 ชั่วโมง
ด้วยความที่เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเล็กทำให้เมืองหลวงอย่างอัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ห่างจากทางเหนือเพียง 180 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังเมืองโกรนิงเงินได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง เช่นเดียวกับการลงใต้ไปยังเมืองมาสทริชท์เพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที นอกจากนี้ตัวเมืองใหญ่อย่างรอตเตอร์ดัมและเดนฮากใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที และ 50 นาทีตามลำดับ
3. ใช้สกุลเงินยูโร
ในอดีตเนเธอร์แลนด์ใช้สกุลเงินกิลเดอร์ดัตช์เป็นของตัวเอง แต่หลังจากปี 2002 ได้เปลี่ยนมาใช้สกุลเงินยูโร (EURO) แทนด้วยสัญลักษณ์ € ค่าเงิน 1 ยูโร ประมาณ 36 บาท ธนบัตรที่ใช้ในเนเธอร์แลนด์คือ 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร เหรียญที่ใช้ คือ 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซน 1 ยูโร และ 2 ยูโร
4. เวลาต่างจากไทย 6 ชั่วโมง
อัมสเตอร์ดัมใช้เขตเวลาของโซนยุโรปกลาง (CET) UTC+1 ชั่วโมง เร็วกว่า GMT 1 ชั่วโมง (เมืองไทยอยู่ในโซนเวลา GMT+7) ในช่วงซัมเมอร์มีการปรับเวลาใช้ (CEST) UTC+2 ชั่วโมง ซึ่งการปรับเวลามีสองแบบ คือ Daylight Savings Time (ช้ากว่าที่ไทย 5 ชั่วโมง) และ Winter Savings Time (ช้ากว่าที่ไทย 6 ชั่วโมง) ใครที่มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมในช่วงซัมเมอร์จะเห็นพระอาทิตย์ตกช้า เดินเที่ยวได้นานขึ้น ส่วนในฤดูหนาวพระอาทิตย์จะตกเร็วขึ้น ที่เที่ยวและร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดทำการเร็วขึ้นเช่นกัน
5. สังคมบัตรเดบิต
การจ่ายเงินซื้อสินค้าต่าง ๆ ในอัมสเตอร์ดัมนิยมใช้บัตรเดบิต ทั้งแบบบัตรที่แตะหน้าจอเพื่ออ่านจ่ายเงินหรือกดรหัส ระบบชำระเงินอีคอมเมิร์ช (iDeal) หรือ Apple Wallet ส่วนบัตรเครดิตไม่นิยมมากนักเนื่องจากค่าธรรมเนียมสูง
การซื้อตั๋วเดินทางในอัมสเตอร์ดัมด้วยระบบขนส่งสาธารณะของ GVB สามารถใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตตามบัตรประเภทดังต่อไปนี้ V-pay, Maestro, VISA, Mastercard, JCB, Diners Club, Union Pay และ American Express ส่วนเงินสดสามารถจ่ายได้ตามจุดขายตั๋วบางแห่ง เช่นเดียวกับการเข้าห้องน้ำอย่าลืมพกเหรียญไปด้วยเพื่อจ่ายค่าใช้บริการ
6. อย่าลืมเอาหัวปลั๊กแปรงไฟมาด้วย
อัมสเตอร์ดัมใช้แรงดันไฟฟ้ามาตรฐาน 230 โวลต์ ความถี่มาตรฐาน 50 เฮิรตซ์ ใช้เต้าเสียบปลั๊กไฟประเภท C และ F นักเดินทางที่มาจากประเทศนอกยุโรป ควรเตรียมหัวปลั๊กแปลงไฟรอบโลกสำรองมาด้วย 1-2 ชิ้น
7. ทุกอย่างเปิดปิดเป็นเวลา
อัมสเตอร์ดัมไม่ใช่เมืองที่ทุกอย่างเปิดตลอด 24 ชั่วโมง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เปิดปิดเป็นเวลา เวลาเปิดทำการร้านค้าส่วนใหญ่คือ 09:00-18:00 น. บางแห่งเปิดถึงเวลา 22:00 น. ซึ่งปกติมักจะเป็นวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์เพื่อผู้คนได้มีเวลาชอปปิงช่วงดึกหลังเลิกงาน ในวันจันทร์อาจจะเปิดตอนบ่ายส่วนวันอาทิตย์เวลาเปิดแตกต่างออกไป
ซูเปอร์มาร์เก็ตมักจะเปิดเวลา 08:00-22:00 น. ในวันธรรมดาและวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์มีเวลาเปิดที่แตกต่างกันออกไป ส่วนร้านอาหารเปิดตั้งแต่เวลา 17:00-23:00 น. (ครัวจะปิดให้บริการเวลาประมาณ 22:00 น.) ส่วนบาร์อาหารเช้าและคาเฟ่จำนวนมากเปิดให้บริการทั้งวัน (โดยเฉพาะย่านนักท่องเที่ยว) นอกจากนี้บาร์และคลับมักเปิดจนถึงเวลา 03:00-04:00 น.
8. ถ้าเป็นไปได้ควรจองตั๋วพิพิธภัณฑ์ล่วงหน้า
พิพิธภัณฑ์ในอัมสเตอร์ดัมช่วงหน้าร้อนเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมมีจำนวนผู้เข้าชมที่ค่อนข้างหนาแน่น ถ้าเป็นไปได้ควรจองตั๋วล่วงหน้าเพื่อความมั่นใจว่าเราจะได้เข้าชมอย่างแน่นอน เมื่อจองตั๋วแล้วสามารถดาวน์โหลดตั๋วลงบนมือ หรือโชว์อีเมล์เพื่อให้เจ้าหน้าที่สแกนคิวอาร์โค้ดที่หน้าประตูทางเข้า วิธีแบบนี้จะสะดวกและรวดเร็วกว่าการไปยืนรอจองตั๋วที่หน้างาน
9. จองร้านอาหารและที่พักล่วงหน้าอีกเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่พักมีราคาค่อนข้างแพง ถ้าวางแผนมาเที่ยวในช่วงนี้ควรจองที่พักล่วงหน้า 3-6 เดือน ราคาที่พักในวันธรรมดาจะถูกกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ วันเสาร์จะแพงมาก ส่วนวันอาทิตย์ราคาค่อนข้างถูก ร้านอาหารก็เช่นกันควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อความมั่นใจว่าเราจะได้โต๊ะอย่างแน่นอน ดูข้อเสนอตัวเลือกที่พักในอัมสเตอร์ดัมราคาดีที่สุดตอนนี้เลย
เที่ยวอัมสเตอร์ดัม สังคมและวัฒนธรรมชาวดัตช์

10. คนดัตช์พูดตรง
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของชาวดัตช์มาก่อนว่าเป็นคนพูดตรง ความจริงก็คือเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เวลาคิดอะไรก็พูดแบบนั้น ไม่มีอ้อมคอมหรือประดิษฐ์คำพูดให้สวยหรู บางทีเราอาจจะได้ยินประโยคที่ไม่คุ้นชินก็อย่าถือไปว่าเขาใจร้ายเพราะนั้นเป็นนิสัยของคนดัตช์ และในความตรงก็แฝงไปด้วยความเป็นมิตร ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาสอบถามเส้นทาง ถ้าพวกเขาไม่ยุ่งหรือรีบไปทำอะไรเขาก็จะช่วยบอกทางให้ แต่ถ้าเขารีบเขาก็บอกว่ารีบ
11. คนดัตช์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี
ในอัมสเตอร์ดัมผู้คนส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และยังมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะ เราก็เลยจะได้ยินแต่ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็เวลาไปเข้าร้านอาหารหรือซื้อของในร้านค้าลองทักทายเป็นประโยคภาษาดัตช์เล็ก ๆ เพื่อสื่อสารกับคนท้องถิ่น เช่น สวัสดีตอนเช้า (Goedemorgen) หรือขอบคุณ (Dank u/ Dank u wel) ขอให้มีวันที่ดี (Fijne dag) ทำงานให้สนุกนะ (Werkse)
12. อัมสเตอร์ดัมภูมิใจกับเมืองตัวเองมากมีธงเกือบทุกที่
ธงประจำกรุงอัมสเตอร์คือรูปกากบาทสามชิ้น (ไม้กางเขนของเซนต์แอนดรูว์) บนแถบสีดำมีพื้นหลังสีแดง ซึ่งกากบาทสามชิ้นยังเป็นตัวแทนของคำขวัญของเมือง คือ Valor (Heldhaftig), Resolution (Vastberaden) และ Mercy (Barmhartig) “องอาจ แน่วแน่ เห็นอกเห็นใจ” ถ้าเดินเที่ยวรอบอัมสเตอร์ดัมเราจะสังเกตเห็นว่าประดับอยู่ทุกหนทุกแห่ง นั้นยังไม่รวมไปถึงแบบที่แกะสลักบนก้อนอิฐบนอาคาร ฝาท่อระบายน้ำ เสาเล็ก ๆ บนถนนถนนเพื่อไม่ให้คนจอดรถขวางทางเท้าที่รู้จักกันในชื่อ “Amsterdammertjes” ป้ายรถเมล์ ป้ายพิพิธภัณฑ์ และแม้กระทั่งบนจดหมายราชการ พวกเขาภูมิใจกับเมืองของตัวเอง การแสดงออกก็จะมาในหลายรูปแบบ ธงประจำเมืองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
13. เห็นอกเห็นใจคนในพื้นที่ด้วย
ตามที่เที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านเรือนของผู้คนในพื้นที่ และบางครั้งก็ถูกรบกวนโดยนักท่องเที่ยวที่ส่งเสียงดังตอนกลางคืน (โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืนไปแล้ว) บ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศทำให้ช่วงหน้าร้อนนอนหลับยากต้องเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ทำให้ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างนอก หรือถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้ามืด ดังนั้นถ้าเที่ยวกลับที่พักดึกไม่ควรตะโกนเสียงดังรบกวนผู้คนในยามวิกาล
เที่ยวอัมสเตอร์ดัม ฤดูกาลท่องเที่ยวและสภาพอากาศในอัมสเตอร์ดัม

14. ช่วงเวลาที่น่ามาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
ระหว่างเดือนเมษายนพฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-16 องศาเซลเซียล เป็นช่วงก่อนที่จะถึงฤดูร้อนของเนเธอร์แลนด์ ยังไม่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากนัก บรรยากาศดีไม่ร้อนและไม่หนาว ถ้ามาช่วงนี้จะตรงกับเทศกาลดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟพอดี แต่อาจจะต้องระวังเรื่องของฝน เพราะแน่นอนว่าที่อัมสเตอร์ดัมมีความชื้นสูงและฝนตกตลอดทั้งปี ดังนั้นถ้ามาเที่ยวที่นี่ควรพกเสื้อกันฝนหรือร่มกันฝนมาเผื่อด้วยก็ดี
15. อากาศไม่แน่นอน
อย่างที่รู้ ๆ กันว่าอากาศในอัมสเตอร์ดัมเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันที่บอกว่าจะมีแดดออก ห้านาทีต่อมาก็อาจจะมีฝนตกได้ บางปีหิมะตกในช่วงเดือนเมษายนก็ยังมีมาแล้ว ดังนั้นเอาเป็นว่าเตรียมพร้อมทุกการเดินทางและเช็คสภาพอากาศทุกครั้งก่อนจองตั๋วจะดีที่สุด
การเดินทางในอัมสเตอร์ดัม

16. ระบบขนส่งสาธารณะเป็นเลิศ
อัมสเตอร์ดัมมีเครือข่ายระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกรวดเร็ว ดำเนินการโดยบริษัท GVB ทั้งรถไฟใต้ดิน รถราง รถบัส หรือเรือข้ามฟาก วิธีการเดินทางในอัมสเตอร์ดัมที่สะดวกที่สุดคือรถรางและรถไฟใต้ดิน ส่วนการเดินทางไปเมืองใกล้เคียงที่ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงแนะนำให้นั่งรถบัส เช่นเดียวกับการเดินทางไปยังเมืองใหญ่ที่ใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมงนั่งรถไฟจะสะดวกกว่า
17. ใช้บัตรเดินทาง OV-chipkaart
โดยส่วนตัวชอบบัตรนี้มาก! OV-chipkaart เป็นบัตรสมาร์ดการ์ดที่ใช้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอัมสเตอร์ดัมและทั่วเนเธอร์แลนด์ ไม่ว่าจะขึ้นเหนือล่องใต้ไปที่ใดในเนเธอร์แลนด์ถ้ามีบัตรนี้มาไว้ในครอบครองแล้วจะทำให้การเที่ยวเป็นเรื่องที่สะดวกมาก ที่สำคัญช่วยประหยัดเวลาด้วยไม่ต้องซื้อตั๋วเที่ยวเดียวแบบบ่อย ๆ
18. ระบบโอวีเพย์ (Ovpay) จ่ายค่าโดยสารแบบใหม่
โอวีเพย์เป็นระบบชำระค่าโดยสารแบบใหม่ในเนเธอร์แลนด์ที่เพิ่มขึ้นมาจากบัตร OV-chipkaart โดยใช้บัตรเดบิตแบบไร้สัมผัส บัตรเครดิต หรือโทรศัพท์มือถือตามความสะดวกเพื่อเช็คอินและเช็คเอาท์ในรถไฟ รถบัส รถราง และรถไฟใต้ดินได้เลย ระบบจะคิดค่าโดยสารปกติ และยังมีข้อดีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ใช้งานไม่ต้องซื้อตั๋วเดินทางเที่ยวเดียว ไม่ต้องเติมเครดิตขั้นต่ำลงในบัตร หรือสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานให้ยุ่งยาก ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่รองรับการใช้งานแค่พลเมืองดัตช์เท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติม → การใช้งานโอวีเพย์ (OVpay)
20. บัตร OV-chipkaart ควรใช้แบบไหน?
บัตร OV-chipkaart มีสองแบบคือ Personal OV-chipkaart บัตรโดยสารประเภทส่วนบุคคล (บัตรสีเหลือง) เหมาะสำหรับพลเมืองชาวดัตช์ หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์แบบระยะยาว มีค่าธรรมเนียม 7.50 ยูโรในการออกบัตร มีอายุการใช้งาน 5 ปี และ Anonymous OV-chipkaart บัตรโดยสารแบบไม่ระบุข้อมูลส่วนบุคคล (บัตรสีฟ้า) เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว มีค่าธรรมเนียม 7.50 ยูโรในการออกบัตร มีอายุการใช้งาน 4-5 ปี
21. หาซื้อบัตร OV-chipkaart ได้ที่ไหนบ้าง?
สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อบัตร Anonymous OV-chipkaart ได้ที่ตู้สีเหลืองหรือสีน้ำเงินในสถานีรถไฟ เคาน์เตอร์บริการ NS Service ในสถานีรถไฟ ร้านขายหนังสือพิมพ์ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือจุดบริการใกล้เคียง เมื่อได้บัตรมาแล้วก็เติมเงินเข้าไปก่อนถึงจะใช้เดินทางได้ การเดินทางด้วยรถไฟต้องมีเงินในบัตรไม่ต่ำกว่า 20 ยูโร ส่วนการเดินทางด้วยรถบัส รถราง หรือรถไฟใต้ดินต้องมีเงินในบัตรไม่ต่ำกว่า 4 ยูโร
22. เช็คอินและเช็คเอาท์บัตร OV-chipkaart สำคัญมาก
ก่อนเดินทางทุกครั้งอย่าลืมเช็คอินและเช็คเอาท์บัตร OV-chipkaart ไม่เช่นนั้นระบบจะหักเครดิตเต็มจำนวน (20 ยูโรสำหรับรถไฟ และ 4 ยูโรสำหรับการเดินทางรูปแบบอื่น ๆ) เครื่องอ่านการ์ดจะอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าชานชลาสำหรับรถไฟและรถไฟใต้ดิน และประตูทางเข้ารถบัสและรถราง
23. ถ้าไม่มีบัตร OV-chipkaart ใช้บัตรโดยสารอะไรได้บ้าง?
นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อตั๋วเดินทางของ GVB ได้ตามจำนวนชั่วโมง รายวัน หรือหลายวันได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน สำหรับขึ้นรถราง รถไฟใต้ดิน รถโดยสารประจำทางกลางวัน และรถโดยสารประจำทางกลางคืน ได้สะดวกรวดเร็ว ตั๋วเดินทางของ GVB มีข้อดีคือสามารถใช้เดินทางได้แบบไม่ต้องซื้อตั๋วเที่ยวเดียวบ่อย ๆ และช่วยประหยัดค่าเดินทาง
24. ตั๋วเดินทางของ GVB มีกี่ประเภท?
ตั๋วเดินทางของ GVB มีหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่
- GVB 1 hour Ticket ราคา 3.40 ยูโร (1 ชั่วโมง)
- GVB Day ticket ราคา 9 ยูโร (24 ชั่วโมง)
- GVB Day ticket child ราคา 4.50 ยูโร (24 ชั่วโมง)
- GVB Multi-day ticket (2-4 วัน) ราคา 15 ยูโร (48 ชั่วโมง) 21 ยูโร (72 ชั่วโมง) 26.50 ยูโร (96 ชั่วโมง)
- GVB Multi day ticket (5-7 วัน) ราคา 33 ยูโร (120 ชั่วโมง) 37.50 ยูโร (144 ชั่วโมง) 41 ยูโร (168 ชั่วโมง)
- Bus Tram Metro 1.5 hour (BTM) ticket ราคา 6.50 ยูโร (1.5 ชั่วโมง)
25. ตั๋วเดินทางของ GVB มีแบบกลางคืนไหม?
ตั๋วเดินทางของ GVB ใช้เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยวในอัมสเตอร์ดัมด้วยรถโดยสารประจำทางกลางคืนที่ดำเนินการโดย GVB ได้แก่ GVB Night bus 1 ride ticket ราคา 5.40 ยูโร (1.5 ชั่วโมง)
26. ซื้อตั๋วเดินทางของ GVB ได้ที่ไหน?
สำหรับการเดินทางด้วยรถรางและรถโดยสารประจำทางของ GVB นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วหรือเคาน์เตอร์บริการ GVB Service & Tickets ในสถานีรถไฟ หรือซื้อกับพนักงานคนขับรถ หรือเว็บไซต์ของ GVB โดยตรง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน สามารถซื้อผ่านตู้จำหน่ายตั๋วหรือเคาน์เตอร์บริการ GVB Service & Tickets ในสถานีรถไฟและสถานีรถไฟใต้ดิน หรือเว็บไซต์ของ GVB โดยตรง และการเดินทางด้วยรถไฟ สามารถซื้อผ่านตู้จำหน่ายตั๋วหรือ NS Tickets & Service shop ในสถานีรถไฟ หรือเว็บไซต์ของ NS โดยตรง
27. ยังมีบัตรโดยสารแบบพิเศษแบบเหมาจ่ายอะไรอีกบ้าง?
นอกจากบัตร OV-chipkaart และตั๋วเดินทางของ GVB ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีบัตรโดยสารแบบพิเศษที่รวมการเดินทางแบบเหมาจ่ายรายชั่วโมง รายวันและหลายวัน รวมไปถึงตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม ได้แก่
- I Amsterdam City Card ราคาบัตร 60 ยูโร (24 ชั่วโมง) 85 ยูโร (48 ชั่วโมง) 100 ยูโร (72 ชั่วโมง) 115 ยูโร (96 ชั่วโมง) และ 125 ยูโร (120 ชั่วโมง) เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเที่ยวในอัมสเตอร์ดัม 1-3 วัน หรือต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์มากกว่า 2-3 แห่ง ใช้สำหรับขึ้นรถบัส รถราง และรถไฟใต้ดินของ GVB ในอัมสเตอร์ดัมได้ไม่จำกัด บัตรนี้ยังสามารถนำไปเข้าชมเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า 70 แห่งในอัมสเตอร์ดัมฟรีอีกด้วย
- Amsterdam Travel Ticket ราคา 18 ยูโร (1 วัน) 24 ยูโร (2 วัน) และ 30 ยูโร (3 วัน) ใช้สำหรับการเดินทางในกรุงอัมสเตอร์ดัมแบบไม่จำกัดด้วยรถราง รถประจำทาง รถบัสกลางคืน รถไฟใต้ดิน และเรือข้ามฟากที่ดำเนินการโดย GVB รวมการเดินทางด้วยรถไฟชั้นสองระหว่างสนามบินสคิปโฮลและทุกสถานีภายในอัมสเตอร์ดัม รวมถึงรถบัส Amsterdam Airport Express ให้บริการจากสนามบิน รถบัสหมายเลข 397 และรถบัสหมายเลข N97 (วิ่งตอนกลางคืน)
- Amsterdam & Region Travel Ticket ราคาบัตร 21 ยูโร (1 วัน) 31.50 ยูโร (2 วัน) และ 40.50 ยูโร (3 วัน) สำหรับการเดินทางในอัมสเตอร์ดัมและภูมิภาคอัมสเตอร์ดัมแบบไม่จำกัดเที่ยวโดยรถโดยสารประจำทางกลางวัน โดยรถประจำทางกลางคืน รถราง รถไฟใต้ดิน และเรือที่ดำเนินการโดย GVB, EBS และ Connexxion รวมการเดินทางด้วยรถไฟชั้นสองระหว่างสนามบินสคิปโฮลและทุกสถานีภายในอัมสเตอร์ดัม รวมถึงรถบัส Amsterdam Airport Express ให้บริการจากสนามบิน รถบัสหมายเลข 397 และรถบัสหมายเลข N97 (วิ่งตอนกลางคืน) นอกจากนี้ยังรวมเดินทางด้วยรถบัสที่ดำเนินการโดย Arriva และ Connexxion สาย 852, 858, 859 และ 50 ไปยังสวน Keukenhof (ในช่วงฤดูดอกทิวลิป) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวที่ Volendam, Zaanse Schans, Edam, เมืองฮาร์เลม (Haarlem) และสวนดอกทิวลิป (Keukenhof)
- Holland Travel Ticket สำหรับการเดินทางในเนเธอร์แลนด์แบบไม่จำกัดเที่ยวโดยรถไฟชั้นสอง รถไฟใต้ดิน รถโดยสารประจำทางและรถราง บัตรราคา 48 ยูโร ใช้เดินทางช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ก่อนเวลา 06:30 น. และจากเวลา 09:00 น. เป็นต้นไป ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ใช้เดินทางได้ทั้งวัน บัตรราคา 70 ยูโร ใช้เดินทางได้ทุกวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวที่เมือง Groningen, Maastricht, The Hague, Utrecht และ Rotterdam
28. เดินทางเข้าอัมสเตอร์ดัมสนามบินสคิปโฮลขึ้นรถอะไรได้บ้าง?
วิธีการเดินทางเข้าเมืองอัมสเตอร์ดัมที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดคือ การเดินทางด้วยรถไฟ ค่าโดยสารประมาณ 4.5-5 ยูโร (สำหรับรถไฟชั้นสองแบบเทียวเดียว) คุณสามารถซื้อตั๋วได้ที่จุดบริการข้อมูลในสนามบิน ตั้งอยู่ใกล้กับจุดรับกระเป๋า (Arrival 3) ทางเดินลงไปชานชาลาอยู่ด้านหน้าจุดบริการข้อมูล มีป้ายบอกชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษ
การเดินทางด้วยรถบัส เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีรถบัส Amsterdam Airport Express ให้บริการจากสนามบิน 2 สาย คือ
- รถบัสหมายเลข 397 (วิ่งตอนกลางวัน ระหว่างเวลา 05:00-24:00 น.) ออกทุก ๆ 7.5 นาที
- รถบัสหมายเลข N97 (วิ่งตอนกลางคืน ระหว่างเวลา 24:00-05:00 น.) ออกทุก ๆ 30 นาที
รถบัสทั้งสองสายจอดอยู่ที่ป้าย B17 ห่างจากประตูทางออกสนามบิน 150 เมตร วิ่งจากสนามบินสคิปโฮลอัมผ่านเขต Museumplein, Rijksmuseum หรือ Leidseplein จากสถานที่เหล่านั้นคุณสามารถเดินทางไปยังโรงแรมหลายแห่งในใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมได้ง่าย ค่าโดยสารแบบเที่ยวเดียวของรถบัสทั้งสองสายราคาเท่ากันคือ 6.50 ยูโร และ 11.75 ยูโร สำหรับการเดินทางไปกลับ ซื้อตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วในสนามบินหรือกับพนักงานขับรถ
29. เดินทางด้วยรถไฟไปเที่ยวเมืองอื่นในเนเธอร์แลนด์
วิธีการการเดินทางที่สะดวกสำหรับไปเที่ยวเมืองอื่นในเนเธอร์แลนด์คือการเดินทางด้วยรถไฟ รถไฟ NS มีความทันสมัย ตรงต่อเวลาและอัตราค่าโดยสารค่อนข้างต่ำ ให้บริการระหว่างเวลา 05:00-00:30 น. และบริการช่วงกลางคืนซึ่งจะวิ่งหนึ่งครั้งต่อชั่วโมงตลอดทั้งคืน รถไฟกลางคืน (Night train) ขบวนแรกเริ่มวิ่งหลังจากขบวนสุดท้ายของวันออกไปจนถึงรถไฟขบวนแรกในตอนเช้า ในพื้นที่ Randstad รถไฟกลางคืนวิ่งทุกคืน ส่วนภูมิภาคอื่น ๆ จะวิ่งเฉพาะในช่วงวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น
30. รถไฟ NS มีกี่ประเภท?
รถไฟ NS ที่ให้บริการในเนเธอร์แลนด์ มี 2 ประเภท คือ
- Sprinter รถไฟวิ่งในระยะสั้น ให้บริการรับส่งผู้โดยสารบนเส้นทางท้องถิ่นและจอดทุกสถานีตามเส้นทางบริการ ผู้โดยสารสารส่วนใหญ่ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 15 นาทีบนรถไฟประเภทนี้ รถไฟ Sprinter จำได้ง่ายด้วยสีฟ้าและสีขาว
- Intercity รถไฟวิ่งในระยะกลางและทางไกล ให้บริการรับส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองใหญ่และจอดที่สถานีขนาดใหญ่หรือขนาดกลางเท่านั้น รถไฟ Intercity จำได้ง่ายด้วยสีฟ้าและสีเหลือง
31. หลีกเลี่ยงชั่วโมงเวลาเร่งด่วนของรถไฟ
ชั่วโมงเวลาเร่งด่วนของรถไฟในเนเธอร์แลนด์ คือ ระหว่างเวลา 06:30-09:00 น. และ 16:00-18.30 น. เป็นช่วงที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ต้องไปเรียนหรือทำงานและกลับบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาเหล่านี้
32. บางทีรถไฟก็มาช้า
ระบบขนส่งสาธารณะที่เนเธอร์แลนด์ตรงต่อเวลาก็จริง แต่ในบางครั้งก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้รถไฟมาถึงช้าหรือออกไม่ตรงเวลาไปบ้าง เช่น การซ่อมถนน การเปลี่ยนเส้นทาง ฯลฯ อย่าลืมตรวจสอบการเดินทางทุกครั้งก่อนจองตั๋วรถไฟผ่านเว็บไซต์ทางการของ NS และ GVB เพราะถ้ามีสาเหตุที่ทำให้รถไฟต้องล่าช้าจะมีการประกาศล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือเครื่องเสียงในสถานี
33. ค่ารถไฟ NS แพงไหม?
ราคาตั๋วรถไฟ NS โดยปกติคำนวณจากจำนวนกิโลเมตรที่คุณเดินทางและประเภทตั๋วโดยสาร การเดินทางที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาตั๋วรถไฟอยู่ที่ประมาณ 12-15 ยูโร ส่วนการเดินทางใช้เวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไปราคาตั๋วรถไฟอยู่ระหว่าง 20-30 ยูโร ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางด้วยรถไฟชั้นสองจากสถานี Amsterdam Centraal ไปยังสถานี Den Haag Centraal ค่าโดยสาร 12.80 ยูโร หรือการเดินทางจากสถานี Amsterdam Centraal ลงใต้ไปยังเมือง Maastricht ค่าโดยสาร 27.90 ยูโร มีระยะทางที่ไกลกว่าและใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
หากเป็นการเดินทางด้วยบัตร OV-chipkaart ต้องมีเงินในบัตรไม่ต่ำกว่า 20 ยูโรถึงจะสามารถเช็คอินที่ประตูทางเข้าได้ ส่วนการเดินทางด้วยตั๋วแบบเที่ยวเดียวมักมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม 1 ยูโร จากราคาค่าโดยสารปกติ ผู้โดยสารสามารถเลือกซื้อตั๋วออนไลน์เพื่อความรวดเร็ว หรือใช้ตั๋วเดินทางแบบพิเศษรวมไปถึงส่วนลดต่าง ๆ เพื่อช่วยประหยัดค่าเดินทาง
34. ใช้ตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่ายรายวันและตั๋วตามฤดูกาลช่วยประหยัดค่าเดินทาง
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าตั๋วรถไฟในเนเธอร์แลนด์ค่อนข้างแพง หากคุณวางแผนเที่ยวแบบเดย์ทริปด้วยรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ถ้าซื้อตั๋วแบบรายวันหรือตั๋วตามฤดูกาลจะกว่าตั๋วแบบเที่ยวเดียว ซึ่งตั๋วแบบนี้มักใช้นอกช่วงเวลาเร่งด่วน (ก่อนเวลา 06:30-09:00 น. และหลังเวลา 16:00-18.30 น.) หรือเดินทางฟรีในวันหยุดสุดสัปดาห์ตามประเภทของตั๋ว
วิธีการที่จะดูว่าแบบไหนคุ้มกว่ากันระหว่างตั๋วแบบเที่ยวเดียวหรือตั๋วแบบรายวัน แนะนำให้ใช้แอปพลิเคชัน 9292 วางแผนการเดินทางด้วยการระบุเส้นทางเริ่มต้นและเส้นทางปลายทาง ระบบจะคำนวณค่าโดยสารมาให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเราก็เข้าไปที่เว็บไซต์ NS หน้าตั๋วรายวัน จากนั้นทำแบบเดิมใส่จุดหมายเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง กดคำนวณค่าโดยสาร หากตั๋วแบบเที่ยวเดียวถูกกว่าแบบเหมาจ่ายก็ซื้อแบบเที่ยวเดียว แต่ถ้าแบบเหมาจ่ายถูกกว่าก็ซื้อแบบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แน่นอนว่าตั๋วแบบเหมาจ่ายจะถูกกว่า
35. ตั๋วเหมาจ่ายของรถไฟ NS มีกี่ประเภท?
รถไฟ NS มีตั๋วแบบรายวันหรือตั๋วตามฤดูกาลที่หลากหลาย ได้แก่
- Day Ticket ตั๋วเดินทางด้วยรถไฟ NS แบบไม่จำกัดเที่ยวตลอดทั้งวัน ใช้ได้จนถึงเวลา 04:00 น. ราคา 58.80 ยูโร สำหรับที่นั่งชั้นสอง และราคา 99.96 ยูโร สำหรับที่นั่งชั้นหนึ่ง
- Day Return Ticket ตั๋วเดินทางโดยรถไฟ NS แบบไปกลับเส้นทางเดียวกัน โดยต้องระบุสถานีต้นทางและสถานีปลายทางที่ต้องการเดินทาง ราคาขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เลือก ตั๋วมีอายุ 28 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 00:00 น. ถึงวันถัดไปเวลา 04:00 น.
- Weekend Free Ticket ตั๋วเดินทางโดยรถไฟ NS แบบไม่จำกัดเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ฟรี ราคา 34.95 ยูโร ใช้ได้ตั้งแต่วันศุกร์เวลา 18:30 น. ถึงเช้าวันจันทร์เวลา 04:00 น.
- Railrunner Ticket ตั๋วเดินทางด้วยรถไฟ NS แบบครอบครัวและเด็กไม่เกินสามคน (เด็กแต่ละคนต้องมีตั๋วประเภทนี้เป็นของตัวเอง) ราคา 2.50 ยูโร ใช้ได้ตลอดทั้งวัน
- Off Peak Group Ticket ตั๋วเดินทางโดยรถไฟ NS เที่ยวเดียวแบบเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ราคา 34 ยูโร 2 คน (17 ยูโรต่อคน) 34 ยูโร 3 คน (11.33 ยูโรต่อคน) 38 ยูโร 4 คน (9.50 ยูโรต่อคน) 42 ยูโร 5 คน (8.40 ยูโรต่อคน) 46 ยูโร 6 คน (7.67 ยูโรต่อคน) 50 ยูโร 7 คน (7.15 ยูโรต่อคน) ใช้เดินทางได้ทุกวันนอกเวลาชั่วโมงเร่งด่วน: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ก่อนเวลา 06:30 น. ระหว่างเวลา 09:00 – 16:00 น. และหลังเวลา 18:30 น.(ไม่สามารถเริ่มการเดินทาง เช่น เช็คอินเวลา 15.55 น. และนั่งอยู่ในรถไฟช่วงเวลาเร่งด่วน 16:00-18:30 น.) ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เดินทางได้ตลอดทั้งวัน (ไม่รวมวัน King’s Day 27 เมษายน)
36. เดินทางระหว่างประเทศด้วยรถไฟความเร็วสูง
นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถไฟ NS ในเนเธอร์แลนด์แล้วยังมีบริการรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศ NS International สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวประเทศใกล้เคียง เช่น ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน สเปน ฯลฯ คุณสามารถเดินจากกรุงอัมสเตอร์ดัมถึงกรุงปารีสได้ภายในสองชั่วโมงด้วยรถไฟความเร็วสูง เช่น Thalys, ICE International, Eurostar และ TGV ตั๋วโดยสารมีให้เลือกหลายแบบและมักมีราคาถูกเมื่อจองล่วงหน้าสองถึงสามเดือน
37. จักรยานมีอยู่ทุกที่
นอกจากระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นเลิศแล้ว ในอัมสเตอร์ดัมยังเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยาน ผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้จักรยานในการเดินทาง ทำให้เราเห็นจักรยานจอดอยู่ทุกที่ทั่วเมือง ที่นี่ยังมีเส้นทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ รวมไปถึงเส้นทางจักรยานที่ใช้ร่วมกันกับรถยนต์ ดังนั้นควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องเดินข้ามถนน
38. ไม่เดินบนเส้นทางจักรยาน
ที่อัมสเตอร์ดัมมีการใช้จักรยานเยอะมากแล้วคนในพื้นที่ขับจักรยานเร็วด้วย นักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่ชินกับความเร็วนั้น แต่นั้นอาจจะเป็นปกติของเขา เวลาเดินไปไหนมาไหนอย่าเดินบนเส้นทางจักรยานเพราะอันตรายมาก หากถูกเฉี่ยวชนมาอาจจะไม่คุมกับค่ารักษาพยายาบาล ก่อนข้ามถนนทุกครั้งอย่าลืมมองซ้ายมองขวาสองรอบเพื่อความแน่ใจว่าปลอดภัย
39. เช่าจักรยานปั่นเที่ยวอัมสเตอร์ดัม
นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานปั่นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองได้อย่างสะดวก ราคาเริ่มต้นที่ 3-5 ยูโร ต่อ 1 ชั่วโมง คุณสามารถหาเช่ารายวันได้ในราคาเพียง 10-15 ยูโร (สำหรับจักรยานธรรมดา) และ 17-27 ยูโร (สำหรับจักรยานไฟฟ้า) ร้านเช่าจักรยานมีอยู่เกือบทุก เช่น ใกล้กับสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal มีร้านเช่าจักรยานชื่อว่า MacBike Amsterdam ทั้งแบบรายชั่วโมงและรายวัน นอกจากนี้คุณยังสามารถเช่าจักรยานในย่านต่าง ๆ เช่น Dam Square, Waterlooplein, Leidseplein, De pijp รวมไปถึงสวนสาธารณะ Vondelpark
40. ห้ามลืมล็อคจักรยานอย่างเด็ดขาด
ว่ากันว่าสิ่งของที่ถูกขโมยบ่อยครั้งในอัมสเตอร์ดัมไม่ใช่เงินทองแต่เป็นรถจักรยาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สถานีรถไฟเพราะมีจำนวนจักรยานที่หนาแน่น ดังนั้นเวลาที่ต้องการจอดรถจักรยานอย่าลืมล็อคอย่างเด็ดขาดโดยใช้โซ่เหล็กที่แข็งแรงคล้องกับตัวจักรยานกับชั้นวางจักรยาน ถ้าเป็นจักรยานรุ่นที่มีกุญแจล็อคในตัวให้ล็อคตัวนี้ก่อนแล้วคล้องโซ่อีกทีเพื่อความมั่นใจ อย่าลืมถ่ายรูปหรือจำว่าเราจอดจักรยานไว้ตรงไหนด้วยนะคะ เพราะเวลามาอยู่รวมกันเยอะ ๆ แล้วมันดูคล้ายกันไปหมด
41. ปั่นจักรยานแบบคนในท้องถิ่น
เมื่อเช่าจักรยานมาแล้วควรใช้อย่างระมัดระวัง เส้นทางจักรยานใช้เลนขวามือและปั่นชิดขวาให้มากที่สุด เมื่อต้องการเลี้ยวให้ส่งสัญญาณมือว่าต้องการเลี้ยวไปทางไหนก่อนถึงทางเลี้ยว และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น หยุดหรือไปเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจร หากมีคนเดินกีดขวางทางจักรยานสามารถกดกริ่งเตือนเพื่อความปลอดภัย การปั่นในตอนกลางคืนควรติดไฟหน้ารถ ท้ายรถ และบริเวณที่ปั่นเพื่อง่ายต่อการสังเกตเห็น นอกจากนี้ควรระมัดระวังรถสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้งานร่วมกันบนเส้นทางจักรยาน
สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจในอัมสเตอร์ดัม

42. อยากเห็นลำคลองสวย ๆ ต้องไปเดินย่านยอร์ดาน
ยอร์ดานเป็นย่านเพื่อนบ้านอยู่ห่างจากจัตุรัสดัมสแควร์เพียงแค่ 15 นาที ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องบ้านที่มีรูปลักษณ์สวยงาม ร้านอาหารบรรยากาศดี และร้านค้าดั้งเดิมซึ่งเป็นที่นิยมของผู้คนในพื้นที่ รวมไปถึงถนนและลำคลองสายเล็ก ๆ ยอดนิยม ได้แก่ ถนน Prinsengracht, Westerstraat, Haarlemmerstraat และถนนเก้าสาย หากเดินผ่านถนน Prinsengracht สามารถมองเห็นโบสถ์ Westerkerk ซึ่งเป็นที่ฝั่งศพของแร็มบรันต์ (Rembrandt) ศิลปินผู้มีชื่อเสียงก้องโลก และถัดไปสามารถมองเห็นบ้านแอนน์แฟรงค์ (Anne Frank) ที่ใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนตัวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
43. เยือนคลองสี่สายในกรุงอัมสเตอร์ดัม
Amsterdam Canal Belt เป็นคลองสี่สายที่ประกอบกันเป็นคลองชั้นในในกรุงอัมสเตอร์ดัม ได้แก่ Singel, Herengracht, Keizersgracht และ Prinsengracht รู้จักกันดีในภาษาดัตช์ว่า “Grachtengordel” ลำคลองในอัมสเตอร์นอกจากจะมีความสวยงามแล้วยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 บ้านริมคลองหลายหลังก็สร้างขึ้นช่วงยุคทองของดัตช์ศตวรรษที่ 17 หากคุณตัดสินใจที่จะเดินเล่นไปตามลำคลองอัมสเตอร์ดัมแล้วไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสความงดงามของบ้านเรือนเหล่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่มีสถาปัตยกรรมงดงามสะท้อนความเป็นอัมสเตอร์ดัมได้อย่างลงตัว
44. แวะไปถ่ายภาพกับสะพาน Skinny Bridge
Skinny Bridge หรือในภาษาดัตช์เรียกว่า Magere Brug เป็นสะพานที่มีรูปทรงแปลกตา ตั้งอยู่ระหว่างถนน Keizersgracht และ Prinsengracht ใช้สำหรับเป็นเส้นทางเดินเท้าและเส้นทางจักรยานข้ามแม่น้ำ Amstel ตัวสะพานสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1691 ต่อมาได้มีการปรับปรุงและซ่อมแซ่มแทนสะพานเก่าที่พังยับเยินจนมีรูปร่างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ตัวสะพานทาด้วยสีขาว ส่วนใต้สะพานมีความกว้างเพียงพอที่เรือนำเที่ยวสามารถลอดผ่านไปได้ ตอนกลางคืนที่นี่จะสวยงามเป็นพิเศษด้วยไฟประดับมากถึง 1,200 ดวง สะพานนี้ยังปรากฎอยู่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมไปถึงภาพยนตร์เจมส์บอนด์ “Diamonds Are Forever” ในปี 1971 ซึ่งเล่าถึงตำนานของสะพานที่สร้างขึ้นโดยไกด์นำเที่ยวทางเรือ คุณสามารถเดินไปถ่ายภาพกับสะพานนี้ได้ภายใน 13 นาทีจากตลาดดอกไม้บลูเมนมาร์ค
45. อย่าพลาดล่องเรือในคลองอัมสเตอร์ดัม
กิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม คือ การล่องเรือเที่ยวในคลองอัมสเตอร์ดัม มีบริการเรือล่องอยู่หลายแบบ แบบที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวคือ City Canal Cruise เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เรือที่ใช้เป็นเรือขนาดใหญ่แบบดั้งเดิมมีหลังคากระจกพร้อมที่นั่งรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 40-50 คน การล่องเรือแบบนี้ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษเวลาผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ราคาอยู่ที่ระหว่าง 12-23 ยูโรมักรวมเครื่องออดิโอเสียงขนาดเล็กที่รองรับภาษาต่าง ๆ และภาษาไทย ถ้าคุณถือบัตร Iamsterdam City Card สามารถใช้ล่องเรือได้ฟรี 1 ชั่วโมง
46. ชมพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม
พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace of Amsterdam) หรือที่เรียกในภาษาดัตช์ว่า “Koninklijk Paleis van Amsterdam” เป็นสถานที่อันงดงามหรูหรา ตัวอาคารได้รับการออกแบบอย่างโอ้อ่าสะท้อนถึงอำนาจและความรุ่งเรืองอย่างขีดสุดในช่วงยุคทองดัตช์ เป็นหนึ่งในสามพระราชวังในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในย่านจัตุรัสดัมสแควร์ (Dam Square) ตรงข้ามอนุสรณ์สถานสงคราม (National Monument) และอยู่ติดกับโบสถ์ใหม่ (Nieuwe Kerk)
ในอดีตเคยเป็นศาลากลางในศตวรรษที่ 17 กว่า 150 ปี ต่อมากลายเป็นพระราชวังของกษัตริย์หลุยส์ นโปเลียน และต่อมากลายเป็นราชสำนักดัตช์ ปัจจุบันโดยส่วนมากใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกของราชวังดัตช์และงานเลี้ยงรับรอง รวมถึงโอกาสอื่น ๆ ของราชวงศ์ เช่น งานเลี้ยงต้อนรับปีใหม่ งานกาล่าดินเนอร์ และพิธีมอบรางวัล และยังเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าชมเมื่อไม่ได้ใช้งานอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพระราชวังมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แนะนำให้เผื่อเวลาเข้าชมไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เปิดทำการ วันอังคารถึงวันเสาร์ เวลา 10:00-17:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 12.50 ยูโร
47. ชมจัตุรัสเก่าแก่ (Begijnhof)
Begijnhof สถานที่ใครหลายคนอาจไม่คุ้นหู ซ่อนตัวอยู่ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ ด้านในเป็นจัตุรัสไม้สีเขียวล้อมรอบด้วยบ้านทรงหน้าจั่วที่สวยงาม ที่นี่ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 โดยมีรากฐานมาจากโบสถ์คาทอลิกในสมัยนั้น สถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่ามาเยี่ยมชมสักครั้ง คุณสามารถเดินจากย่านจัตุรัสดัมสแควร์เพียง 5 นาที จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่ถนน Begijnensteeg จะพบกับทางเข้า เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่อาศัยส่วนบุคคลของผู้คนในพื้นที่ ไม่ควรส่งเสียงดังขณะเข้าชม
48. ทัวร์โรงเบียร์ไฮเนเก้น
ไฮเนเก้น เอ็กซ์พีเรียนซ์ หรือ “โรงเบียร์ไฮเนเก้น” (Heineken Experience) เป็นทัวร์แบบอินเทอร์แอคทีฟของเบียร์ยี่ห้อดังระดับโลก “ไฮเนเก้น” (ภาษาดัตช์: ไฮเนอเกิน) ตั้งอยู่ในโรงเบียร์เก่าแก่ที่สุดใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ที่นี่เคยเป็นโรงผลิตเบียร์ตั้งแต่ปี 1864 แต่ต่อมาในปี 1988 ต้องปิดตัวลงเพราะมีขนาดเล็กเกินไป ก่อนที่ฐานการผลิตแห่งใหม่จะย้ายไปอยู่ที่เมืองซูเทอร์เวาเดอร์ (Zoeterwoude) ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ของเนเธอร์แลนด์ สถานที่แห่งนี้จึงกลายมาเป็นอาคารทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเบียร์ไฮเนเก้น กระบวนการผลิตเบียร์ ที่จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ของแบรนด์แบบเต็มอิ่ม พร้อมลิ้มสรสชาติเบียร์สดในตอนท้ายฟรี ปัจจุบันโรงเบียร์ไฮเนเก้นเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดนิยมของอัมสเตอร์ดัม และการมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมจะครบสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าขาดทัวร์โรงเบียร์ไฮเนเก้นนี้ไป เปิดทำการทุกวัน เวลา 10:30-19:30 น. วันศุกร์และวันเสาร์เปิดเวลา 10:30-21:00 น. ราคาตั๋วเข้าชม 21 ยูโร
49. ทัวร์สนามฟุตบอลโยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา
สนามฟุตบอลโยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา (Johan Cruijff ArenA) เดิมชื่ออัมสเตอร์ดัมอาเรนา (Amsterdam ArenA) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ที่ย่าน Zuidoost ห่างจากตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมประมาณ 20 นาที ความน่าสนใจของที่นี่นอกจากจะเป็นสนามเหย้าของสโมสรทีมฟุตบอลชื่อดังอย่างอาเอเซ อาแจ็กซ์ AFC Ajax อัมสเตอร์ดัมแล้ว (ภาษาดัตช์: อายักซ์) ยังเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ชื่อของสนามฟุตบอลโยฮัน ไกรฟฟ์อาเรนา ได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในปี 2018 เพื่อเป็นเกียรติแก่ให้กับโยฮัน ไกรฟฟ์ ตำนานนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสร หากคุณไปเที่ยวที่นี่ไม่เพียงแต่จะสัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของโลกแห่งฟุตบอล แต่ยังจะแต่ยังจะได้เรียนรู้เรื่องราวของนักเตะในตำนานคนนี้ด้วย เปิดทำการทุกวัน เวลา 09:30-16:30 น. ราคาตั๋วเข้าชม 16 ยูโร
50. เที่ยวอัมสเตอร์ดัมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไหนดี?
นอกจากบ้านเรือนและลำคลองที่สวยงามแล้ว อัมสเตอร์ดัมยังขึ้นชื่อในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์มากกว่า 70 แห่งตั้งอยู่รอบ ๆ ตัวเมืองอัมสเตอร์ดัม คุณสามารถเลือกเข้าชมได้ตามความสนใจ รายชื่อพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงในอัมสเตอร์ดัมเหล่านี้ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเลือกเข้าชมเป็นหลัก คือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม (Rijksmuseum) พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum) พิพิธภัณฑ์แอนน์แฟรงค์ (Anne Frank Huis) พิพิธภัณฑ์บ้านแร็มบรันต์ (Rembrandt House Museum)
คุณอาจเลือกเข้าชมพิพิธภัณฑ์หลักก่อน หากมีเวลาเหลือค่อยเลือกเข้าชมพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ภายหลัง เช่น พิพิธภัณฑ์อัมสเตอร์ดัม, Moco Museum, Stedelijk Museum, Museum Van Loon, Het Scheepvaartmuseum, Tropenmuseum, Verzetsmuseum, Hermitage Amsterdam, NEMO Science Museum, Eye Film Museum หรือ Body Worlds Amsterdam
51. เข้าพิพิธภัณฑ์ไปแต่เช้า จองตั๋วล่วงหน้ามาพร้อม
พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่เปิดทุกวันระหว่างเวลา 09:00-17:00 น. แนะนำให้ไปแต่เช้าเวลา 09:00-11:00 น. ช่วยหลีกเลี่ยงผู้เข้าชมที่แออัด ราคาตั๋วเข้าชมเฉลี่ย 15-25 ยูโร แนะนำให้จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า (จะปริ้นอีเมล์ยืนยันหรือโชว์อีเมล์จากมือถือก็ได้) พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่มีเครื่องออดิโอขนาดเล็กรองรับภาษาอังกฤษ สามารถขอได้ที่เคาน์เตอร์เพื่อฟังคำอธิบายตามจุดต่าง ๆ จะทำให้เข้าใจรายละเอียดมากขึ้น
52. ใช้บัตร I Amsterdam City Card เข้าชมพิพิธภัณฑ์
หากเลือกเข้าชมพิพิธภัณฑ์มากกว่าสองแห่งขึ้นไปแนะนำให้ใช้บัตร I Amsterdam City Card (ราคา 60 ยูโร) ใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ฟรีในอัมสเตอร์ดัม หลายคนอาจจะคิดว่าค่าบัตรแพง แต่ค่าลองคำนวณค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 2-3 แห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม 22.50 ยูโร พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ 22 ยูโร พิพิธภัณฑ์แอนน์แฟรงค์ 16 ยูโร และพิพิธภัณฑ์บ้านแร็มบรันต์ 17.50 ยูโร ถ้าเข้าชมทั้งหมดนี้ราคา 78 ยูโรแล้ว บัตรนี้ถ้าซื้อแล้วยังใช้สำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในอัมสเตอร์ดัมได้แบบไม่จำกัดเที่ยวอีกด้วย
ส่วนใครที่อาศัยอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์แนะนำให้ใช้บัตร Museumkaart มีอายุการใช้งาน 1 ปี ราคาบัตรอยู่ที่ 64.90 ยูโร ใช้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้มากถึง 400 แห่งทั่วเนเธอร์แลนด์และกว่า 70 แห่งทั่วอัมสเตอร์ดัม
53. ปิคนิคที่สวนสาธารณะในอัมสเตอร์ดัม
เที่ยวอัมสเตอร์ดัมไม่ใช่ว่าจะมีแต่กิจกรรมที่ใช้เงินอย่างเดียว ยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้ฟรี เช่น ไปปิคนิคที่สวนสาธารณะ ในอัมสเตอร์ดัมมีสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น ‘Vondelpark’ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดีในอัมสเตอร์ดัม ภายในมีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือใช้เวลาในวันหยุดสบาย ๆ คุณสามารถเตรียมน้ำดื่มและขนมมารับประทานที่นี่ได้ ด้านหน้าทางเข้ามีที่สำหรับจอดรถจักรยาน ส่วนด้านในก็มีห้องน้ำให้บริการฟรี (สำหรับความสะอาดนั้นอาจขึ้นอยู่กับคนจำนวนมากที่ใช้งาน)
นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะอื่น ๆ ที่คุณสามารถแวะไปได้ เช่น Westerpark, Amstelpark, Sarphaartipark, Hortus Botanicus, Beatrixpark, Amsterdamse Bos, Rembrandtpark, Park Frankendael, Beatrixpark, Erasmuspark ฯลฯ
เที่ยวอัมสเตอร์ดัม อาหารการกินในอัมสเตอร์ดัม

54. ราคาอาหารโดยเฉลี่ยต่อมื้อประมาณ 15-30 ยูโร
หากคุณวางแผนไปทานอาหารจะพบกับราคาโดยเฉลี่ยต่อมื้อประมาณ 15-30 ยูโร (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) เมนูในร้านอาหารส่วนมากเป็นแบบสไตล์ยุโรป ยกเว้นร้านอาหารเอเชียอื่น ๆ พนักงานในร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี การจ่ายเงินค่าอาหารนิยมจ่ายด้วยบัตรเดบิต เงินสด หรือบัตรเครดิต
55. ควรให้ทิปประมาณ 5–10 เปอร์เซ็นต์
การให้ทิปไม่ได้เป็นเรื่องบังคับ ถ้าอาหารอร่อยการบริการดีและต้องการให้ทิปควรเพิ่มอีก 5-10 เปอร์เซ็นต์ (จ่ายทิปแบบเป็นเงินสดหรือเหรียญแทนที่จะชาร์จบนบัตรของคุณ เพราะบางครั้งทิปนั้นอาจจะไม่ไปถึงพนักงาน แต่ถ้าร้านที่ดีหน่อยก็จะเฉลี่ยไปให้พนักงาน)
56. น้ำปะปาดื่มได้
น้ำประปาในอัมสเตอร์ดัมมีคุณภาพดีและดื่มได้ คุณสามารถค้นพบก๊อกน้ำดื่มฟรีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ น้ำพุ ส่วนใหญ่ทาด้วยสีเขียว มีปุ่มกดสำหรับดื่มน้ำโดยตรงหรือเติมน้ำในขวด และสถานีเติมน้ำขวดหรือก๊อกน้ำ มักมีคำว่า Drinking Water และโลโก้ของบริษัทน้ำหรือองค์กรต่าง ๆ มีปุ่มกดสำหรับดื่มน้ำโดยตรงหรือเติมน้ำในขวด
ก๊อกน้ำฟรีเหล่านั้นติดตั้งอยู่ตามสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ใกล้เคียง เช่น บาร์ ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้า มากกว่า 500 ก๊อกและง่ายต่อการมองเห็น สามารถใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง การเติมน้ำจากก๊อกน้ำไม่เพียงแต่เราได้ดื่มน้ำที่สะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าซื้อน้ำ รวมไปถึงช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลาสติก คุณยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิชัน Refill เพื่อค้นหาสถานีเติมน้ำดื่มในอัมสเตอร์ดัมได้อีกด้วย
57. อาหารเช้าแบบประหยัด
เริ่มต้นด้วยเมนูอาหารเช้าแนะนำให้ไปลองชิมแพนเค้กดัตช์ (Pannenkoek) อาหารขึ้นชื่อของอัมสเตอร์ดัม (และเนเธอร์แลนด์) ราคาเริ่มต้น 8-15 ยูโร แพนเค้กที่ว่าไม่ได้มีรับประทานไว้เป็นของหวาน แต่ทานแบบเป็นอาหารมื้อเลย รูปร่างของแพนเค้กมีขนาดใหญ่คล้ายกับเครปญี่ปุ่นบ้านเรา นิยมเสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมทอปปิ้ง ถ้าอยากทานแพนเค้กตามแบบฉบับดัตช์แนะนำเป็นเมนูเบคอนและแอปเปิ้ล เบคอนกับชีส หรือแฮมกับชีส ส่วนใครที่ชอบทานแบบหวาน ๆ ต้องลองเมนูที่มาพร้อมไอศกรีม ผลไม้และวิปครีม
ร้านแพนเค้กที่มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ The Pancake Bakery (ย่านยอร์ดาน) PANCAKES Amsterdam Westermarkt (ถัดจากพิพิธภัณฑ์แอนน์แฟรงค์) และร้าน Pancakes Amsterdam (ติดกับลำคลอง Damrak Waterfront)
58. ร้านค้าปลีก HEMA ก็มีอาหารเช้าแบบประหยัด
อาหารเช้าถ้าไม่อยากจ่ายแพงลองแวะไปที่ร้านค้าปลีก HEMA มีคาเฟ่ขนาดเล็กจำหน่ายแซนด์วิช ขนมและเครื่องดื่มในราคาประหยัด โดยส่วนตัวเคยซื้อแซนด์วิซและกาแฟทานระหว่างวันที่นี่ ราคารวมประมาณ 7 ยูโร ถือเป็นตัวเลือกอาหารเช้าที่ดีในราคาประหยัด
59. ซูเปอร์มาร์เก็ตดัตช์อาหารไม่แพง
ในซูเปอร์มาร์เก็ตดัตช์ทั่วไปก็มีอาหารกล่องสำเร็จรูปจำหน่าย ราคาเริ่มต้นประมาณ 5 ยูโร เป็นเมนูง่าย ๆ เช่น สลัดผัก Pokè Bowl พาสต้า ตามสาขาใหญ่ ๆ หน่อยจะมีบาร์ขนาดเล็กที่ขายพิซซ่าทำสดจากเตา ซูชิกล่อง รวมไปถึงเมนูอื่น ๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากประหยัดเวลาและทานอาหารในราคาไม่แพง
60. ซูเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้านำเข้าจากเอเชีย
นอกจากซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปแล้วยังมีซูเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้านำเข้าจากเอเชียตั้งอยู่ตามตัวเมืองใหญ่ ๆ และมีชื่อเรียกเฉพาะ เจ้าที่มีชื่อเสียงคือ The Amazing Oriental Supermarket มีสาขากระจายอยู่มากถึง 20 แห่งทั่วประเทศ (รวมถึงอัมสเตอร์ดัม) ตามภูมิภาคคุณอาจจะพบซูเปอร์มาร์เก็ตอื่น ๆ เช่น Wah Nam Hong supermarkt รวมไปถึงร้านขายของชำเอเชียขนาดเล็กที่รู้จักกันดีในชื่อ Toko ที่นั่นยังมีอาหารร้อนแบบทำใหม่ ๆ ให้คุณได้เลือกซื้อทานหรือหิ้วกลับบ้านได้อีกด้วย ถ้าแวะไปร้าน Toko ย่าน China Town ในอัมสเตอร์ดัมอย่าลืมลองทานไอศกรีมโมจินะคะ ก้อนละ 1-2 ยูโร มีหลายรสชาติ ที่สำคัญอร่อยมาก!
61. ลองทานขนมดัตช์สุดอร่อย
หากคุณค้นหาอาหารดัตช์คุณอาจจะพบว่ามีขนมเป็นส่วนใหญ่ นั้นเป็นเพราะว่ามันอร่อยและกลายมาเป็นของที่ต้องทานเมื่อมาเยือนที่นี่ เราขอแนะนำให้คุณลองขนมดัตช์ชื่อดัง เช่น Stroopwafel, Haring Fish, Poffertjes, Bitterballen, Kroket, Kibbeling, Drop, Patat ฯลฯ หาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต แผงขายขนมขนาดเล็ก แผงขายอาหารทะเล รวมไปถึงตลาดนัดและบาร์ขายอาหารว่าง (Febo Snackbar) ที่มีตู้กระจกขนาดเล็กใช้เหรียญหยอด
62. อาหารซูรินามก็อร่อยไม่แพ้กัน
หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาก่อนว่าประเทศซูรินามเคยเป็นอดีตอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ ชาวซูรินามบางส่วนอพยพมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์จนถึงปัจจุบัน อาหารซูรินามจึงเป็นหนึ่งในอาหารที่มีชื่อเสียงในเนเธอร์แลนด์ มีรสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อน เกิดจากการผสมผสานระหว่างอาหารนานาชาติหลายประเทศ ที่สำคัญราคาไม่แพง
เมนูอาหารซูรินามที่อยากให้ลองคือ “Broodje hete kip” แซนวิชไส้ไก่รสชาติเผ็ด ราคาประมาณ 3-4 ยูโร ชิ้นใหญ่มาก ข้างในมีไก่ที่ผสมน้ำพริก Sambal oelek เสิร์ฟพร้อมแตงกวาดอง พอทานแล้วอร่อยเข้ากันดีมาก นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น โรตี (Roti) ข้าวผัด (Nasi goreng) ผัดหมี่ (Mie goreng) สะเต๊ะ (Saté) ซุปไก่สมุนไพร (Saoto Soup) ผัดหมี่ชวา (Javaanse Bami) ฯลฯ
ร้านอาหารซูรินาม (อินโดนีเซีย) ที่ซื้อแซนวิชไก่ประจำแล้วอร่อยมากคือร้าน Kamyin มีสาขาในอัมสเตอร์ดัมย่านกลางเมืองใกล้กับท่าเรือดัมรัค ใครที่สนใจลองไปตามกันต่อได้ หรือจะค้นหาร้านอาหารซูรินามเพิ่มเติมมีขายอยู่เกือบทุกหัวมุมในอัมสเตอร์ดัม
63. แวะไปย่านฮิป De Pijp
De Pijp เป็นย่านของผู้คนสมัยใหม่ (คล้ายกับสยามบ้านเรา) อยู่ห่างจาก Museumplein เพียง 13 นาที คุณสามารถนั่งรถรางสาย 12 จากป้าย Concertgebouw มาลงที่ป้าย De Pijp ที่นี่คุณจะพบกับร้านอาหารสมัยใหม่ ผับและคาเฟ่แบบดั้งเดิม รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัม เช่น ตลาด Albert Cuyp Market, โรงเบียร์ไฮเนเก้น (Heineken Experience) และสวนสาธารณะ Sarphatipark ที่นี่ยังตั้งอยู่ใน Oud-Zuid ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่มั่งคั่งที่สุดของอัมสเตอร์ดัม ถ้าคุณตัดสินใจแวะมาเที่ยวที่นี่จะพบกับบรรยากาศการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากในตัวเมืองมากทีเดียว
64. เดินตลาดดัตช์ Albert Cuyp Market
Albert Cuyp Market เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงในอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ในย่าน De Pijp ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินชมบรรยากาศตลาดดัตช์ (คล้ายกับตลาดนัดบ้านเรา) มีสินค้าให้เลือกซื้อหลายประเภท เช่น เสื้อผ้ามือสอง ของใช้ในครัวเรือน ดอกไม้ อาหารทะเลสด ขนมและช็อกโกแลต ฯลฯ คุณยังสามารถหาขนมดัตช์ชื่อดัง เช่น ขนมสโตรปวาเฟิล ปลาเฮร์ริง ฯลฯ ทานได้ที่นี่อีกด้วย เปิดทำการวันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 09:00-17:00 น.
นอกจากตลาด Albert Cuyp Market แล้ว ยังมีตลาดดัตช์อีกหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น Waterlooplein Market (ย่านกลางเมือง) Bloemenmarkt (ตลาดดอกไม้ย่านกลางเมือง) Ten Katemarkt (ย่าน Oud-West) ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป IJ-hallen (ย่าน Amsterdam Noord)
65. Blond Amsterdam นั่งคาเฟ่และร้านขายของขวัญสาวผมบลอนด์
บลอนด์อัมสเตอร์ดัมเป็นคาเฟ่ขนาดเล็กตกแต่งด้วยสีชมพูเกือบทั้งหมด ตั้งอยู่ห่างจากตลาด Albert Cuyp Market เพียง 4 นาที ที่นี่เกิดจากความตั้งใจของเพื่อนชาวดัตช์ผมบลอนด์สองคน คือ Femque และ Janneke พวกเธอทำของขวัญภายใต้ชื่อ Blond Amsterdam โดยใช้ภาพวาดสาวผมบลอนด์ที่มีสีสันฉูดฉาด รวมไปถึงข้อความตลกน่ารักลงบนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น แก้วน้ำ ที่รองแก้วน้ำ กาน้ำชา ไปจนถึงการ์ดอวยพร อุปกรณ์การเรียน ผ้ากันเปื้อน เคสโทรศัพท์มือถือและอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยความที่ผลงานเหล่านี้มีความน่ารักเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจนมีชื่อเสียง และมันก็เหมาะมาก ๆ ที่จะซื้อเป็นของฝากแบบใช้งานได้จริง คุณสามารถแวะไปเยี่ยมสตูดิโอสีชมพูของพวกเธอในอัมสเตอร์ได้ที่ Ferdinand Bolstraat 44 ที่นั่นยังเปิดเป็นคาเฟ่สำหรับแวะพักทานขนมและเครื่องดื่มและร้านขายของขวัญในเวลาเดียวกัน
66. ชิมชีสที่พิพิธภัณฑ์ชีสอัมสเตอร์ดัม
Amsterdam Cheese Museum เป็นร้านขายชีสเล็ก ๆ ที่ถูกออกแบบผสมกับพิพิธภัณฑ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีสให้กับผู้ที่สนใจ ที่นี่ตั้งอยู่ที่ Prinsengracht 112 ในย่านยอร์ดานถัดจากพิพิธภัณฑ์บ้านแอนน์แฟรงค์เพียง 2 นาที ถ้าคุณเดินเข้าไปในร้านจะพบกับชีสหลายชนิดที่จัดเรียงไว้เป็นหมวดหมู่อย่างสวยงาม คุณสามารถชิมชีสเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อได้ ที่นี่ยังขายของฝากแบบน่ารักอีกหลายประเภทรวมไปถึงขนมสโตรปวาเฟิลชื่อดัง ถ้าคุณเดินต่อลงไปยังชั้นใต้ดินจะพบกับพิพิธภัณฑ์ชีสที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีสไว้หลายด้าน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ถ้าคุณมาเที่ยวย่านยอร์ดานและมีเวลาเหลือประมาณ 20-30 นาที มันเพียงพอที่คุณจะแวะมาเที่ยวที่นี่ เปิดทุกวัน เวลา 10:00-19:00 น.
67. แวะชิมช็อกโกโลนี่ดัตช์ชื่อดัง
ใครที่มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตดัตช์อาจจะสะดุดตากับช็อกโกแลตยี่ห้อหนึ่งชื่อว่า “Tony’s Chocolonely” (โทนี่ช็อกโกโลนี่) พวกเขาเป็นช็อกโกแลตแบรนด์ดังสัญชาติเนเธอร์แลนด์แท้ ๆ ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 18% ความโด่งดังของโทนี่ช็อกโกโลนี่ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์ที่สะดุดตาเท่านั้นแต่รสชาติยังมีความเข้มข้นโดนใจผู้ทาน
ถ้าคุณวางแผนมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ย่านดัมสแควร์จะมีร้านโทนี่ช็อกโกโลนี่ตั้งอยู่ที่ตึก Beurs van Berlage ที่นั่นไม่เพียงแต่คุณสามารถลิ้มลองช็อกโกแลตหลายรสชาติ แต่ยังสามารถออกแบบกระดาษห่อและเลือกรสชาติช็อกโกแลตที่ชื่นชอบได้ด้วย พวกเขายังเปิดคาเฟ่ขนาดใหญ่สำหรับทานอาหารและเครื่องดื่มตั้งอยู่ใกล้กันอีกนะคะ ไปที่นี่แล้วได้เที่ยวแบบสองต่อเลย เปิดทุกวันเวลา 11:00-19:00 น. คาเฟ่เปิดเวลา 10:00-19:00 น.
68. แวะทานอาหารที่ Food Hallen
สถานที่ที่เหมาะสำหรับทานอาหารหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันนอกจากจะเป็นตลาดดัตช์และร้านอาหารทั่วไปแล้ว ยังมีศูนย์อาหารอีกที่หนึ่ง นั่นก็คือ ‘Food Hallen’ ซึ่งตั้งอยู่ที่ย่าน Oud-West ไม่ไกลจากตัวเมืองเพียง 15 นาที ภายในมีบูทร้านอาหารเล็ก ๆ จำนวนมากที่มาพร้อมอาหารหลากหลายสไตล์ให้คุณเลือกซื้อทาน วันศุกร์ที่นี่จะมีบรรยากาศที่สนุกสนานพร้อมความมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ คุณยังสามารถพบกับร้านขายของฝากที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงห้องสมุดสำหรับอ่านหนังสือ และโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กที่ฉายภาพยนตร์สวนกระแส (และในกระแส) ถ้าเดินต่อไปทางด้านหลังจะพบกับตลาดดัตช์ขนาดเล็ก “Ten Katemarkt” เหมาะสำหรับการเลือกซื้อผักสด ผลไม้ และอาหารในราคาไม่แพง เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 09:00-18:00 น.
เที่ยวอัมสเตอร์ดัม ดินเนอร์และการสังสรรค์ในอัมสเตอร์ดัม

69. ดินเนอร์พร้อมชมวิวกรุงอัมสเตอร์ดัม
ถ้าอยากได้บรรยากาศแบบโรแมนติกต้องลองไปดินเนอร์ที่ Sky lounge Amsterdam อยู่ห่างจากสถานี Central Station ประมาณ 10 นาที ด้านในมีสองโซนให้เลือกทานอาหารและเครื่องดื่มพร้อมวิวสวย ๆ ของกรุงอัมสเตอร์ดัมยามค่ำคืน หรือถ้าคุณอยากเพิ่มความโรแมนติกแบบแปลกใหม่ไปอีกแบบต้องลองไปดินเนอร์ที่ Moon Restaurant ตั้งอยู่ที่ฝั่ง Amsterdam-Noord นั่งเรือข้ามฟากสาย F3 (เส้นทาง Centraal Station – Buiksloterweg) ไปได้เพียง 5 นาที จุดเด่นของที่นั่นคือที่นั่งจะหันหน้าออกจากตึกและสามารถหมุนได้รอบด้านทำให้คุณเห็นวิวของอัมสเตอร์ดัมยามค่ำคืนแบบเต็มอิ่มไปเลย ถ้าคุณสนใจอย่าลืมจองโต๊ะก่อนนะคะ ที่นี่ยังอยู่ตึกเดียวกับ Amsterdam Lookout อีกด้วย
70. สังสรรค์ตามแบบฉบับชาวดัตช์ที่ Ton Ton Club
มาเที่ยวอัมสเตอร์ดัมทั้งทีอาจจะสัมผัสบรรยากาศการสังสรรค์ตามแบบฉบับชาวดัตช์ Ton Ton Club เป็นบาร์ที่จะให้ภาพบรรยากาศนั้นกับคุณ ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 15 นาที ความพิเศษของที่นี่คือเป็นบาร์ที่รวบรวมร้านอาหารและตู้เกมส์ไว้ด้วยกัน ถ้าคุณเดินเข้าไปด้านในจะพบกับบาร์ที่ผู้คนนิยมมาสร้างสรรค์หลังเลิกงานหรือทานข้าวเย็นนอกบ้าน เดินต่อไปยังชั้นสองคุณจะพบกับพื้นที่ทานอาหารและตู้เกมส์แบบหยอดเหรียญจำนวนมาก คุณสามารถแลกเหรียญมาเล่นเกมส์เหล่านี้ได้ ที่นี่จึงเป็นอีกสถานที่ที่มีคู่รักหนุ่มสาวนิยมมาออกเดตกัน ถ้าวางแผนจะไปที่นี่อย่าลืมจองโต๊ะก่อนล่วงน้า เพราะโต๊ะจะเต็มเร็วมาก
71. ทานอาหารแบบได้บรรยากาศท้องถิ่นที่ย่าน De Pijp
อยากทานอาหารแบบได้บรรยากาศของคนท้องถิ่นที่โดยเฉพาะ แนะนำให้ไปที่ย่าน De Pijp เป็นย่านสุดฮิปโบฮีเมียนเต็มไปด้วยร้านอาหารตะวันออกกลาง ผับและคาเฟ่แบบดั้งเดิม ในช่วงฤดูร้อนที่นั่งหน้าร้านจะเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณจองโต๊ะก่อนเพื่อความแน่ใจ
72. สายปาตี้ต้องไปย่าน Leidseplein
เราพูดถึงสายโรแมนติกกันไปแล้วเรามาพูดถึงสายปาตี้กันบ้าง ย่านที่มีคลับฮิปของคนท้องถิ่น คือ Leidseplein ที่นี่นอกจากจะมีคลับจำนวนมากแล้วก็ยังมีร้านอาหารบรรยากาศดีให้คุณเลือกทานได้หลากหลาย ส่วนย่านถนนโคมแดงจะเต็มไปด้วยสถานบันเทิงและแหล่งขายกัญชา ถ้าไปเดินที่นี่ไม่ควรถ่ายภาพสุภาพสตรีที่ทำงานในตู้กระจก และต้องระวังหน่อยเพราะคนเมาเยอะ
73. อัมสเตอร์ดัมไม่ได้ขึ้นชื่อแค่เบียร์ไฮเนเก้น
ที่อัมสเตอร์ดัมไม่ได้มีแค่เบียร์ Heineken ที่มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเบียร์อีกหลายยี่ห้อที่คุณควรลิ้มลอง เช่น Bavaria Beer, Grolsch Beer, Amstel, La Trappe, Arcense Bierbrouwerij, Brouwerij’t IJ, Brouwerij De Molen เวลาดื่มเบียร์คนที่นี่มักจะมีเครื่องเคียงทานคู่กัน เช่น Bitterballen เบียร์ดังกล่าวบางชนิดมีจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ใครที่ดื่มแล้วชอบก็ไปหาซื้อดื่มต่อกันได้
74. ดื่มเบียร์สดที่ Brouwerij-‘t-IJ
Brouwerij’t IJ เป็นโรงเบียร์ขนาดเล็กในกรุงอัมสเตอร์ดัม ตั้งอยู่ในโรงสีขนาดใหญ่เด่นสง่าด้วยกังหันลม ความพิเศษของที่นี่คือเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1985 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่สนใจดื่มเบียร์แบรนด์ท้องถิ่น และนั่นก็ทำให้พวกเขากลายมาเป็นโรงเบียร์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในอัมสเตอร์ดัม คุณสามารถแวะไปลิ้มลองเบียร์สดได้ที่นี่
ด้านในเปิดเป็นผับพร้อมระเบียงกลางแจ้ง มีบรรยากาศที่ดี ถ้ามาในช่วงหน้าร้อนระเบียงด้านนอกจะเต็มไปด้วยผู้คนที่แน่นขนัด ถ้าอยากไปแวะไปแนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า โรงเบียร์เปิดวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เวลา 14:00-20:00 น. ส่วนวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 12:00-20:00 น. เดินทางสะดวกด้วยรถรางสาย 14 จากสถานี Amsterdam Centraal ไปลงที่ป้าย Pontanusstraat จากนั้นเดินอีก 1 นาที โรงเบียร์จะอยู่ทางขวามือ
75. เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ก็มีให้ลอง
ถ้าอยากดื่มเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ต้องลอง Radlers Citroen beer 0.0% ยี่ห้อที่ลองดื่มแล้วชอบมาก คือ Amstel มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปเช่นกัน
76. คอปฟี่ชอปและคาเฟ่แตกต่างกัน
ที่อัมสเตอร์ดัมร้านขายกัญชาเรียกว่า “Coffee Shop” ส่วนร้านขายชากาแฟสำหรับดื่มเรียกว่า “Café” ดังนั้นอย่าสับสนกัน นอกจากนี้ถ้าใครที่ซื้อกัญหาห้ามสูบนอกร้าน หรือถ้าจะสูบควรเป็นที่เป็นทาง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบได้กลิ่นเจ้าสิ่งนี้ และบางครั้งก็มักจะไปรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ที่เดินผ่าน
77. เดินกลางคืนต้องระมัดระวังตัวเอง
ที่อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว การชกชิงวิ่งราวไม่ค่อยมีนัก ถ้าเทียบกับการลักจักรยานมักจะมีมากเสียอีก อย่างไรก็ตามถ้าเกิดเที่ยวต้องกลางคืนโดยเฉพาะย่านโคมแดงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะแถวนั้นผับบาร์เยอะ ร้านขายกัญชาก็เยอะ ทำให้มีคนเมาเยอะ
ที่พักในอัมสเตอร์ดัม

78. เที่ยวอัมสเตอร์ดัมพักที่ไหนดี?
ที่พักย่านใจกลางเมืองมีราคาค่อนข้างสูงแต่ก็เต็มไปด้วยโรงแรมคุณภาพดี เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องค่าที่พักและต้องการความสะดวกเรื่องการเดินทาง มีข้อดีคือได้เดินเที่ยวสะดวกจนถึงตอนกลางคืนแบบไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรีบกลับโรงแรมหรือรถรางหมด อย่างไรก็ตามมีโฮลเทลราคาประหยัดอยู่หลายแห่ง เช่น THIS HO(S)TEL (ตั้งอยู่ที่ท่าเรือดัมรัค) Budget Hotel Tourist Inn (ใกล้ท่าเรือดัมรัค) The Flying Pig Downtown (ใกล้ท่าเรือดัมรัค)
ถ้ามีงบประมาณที่จำกัดลองค้นหาที่พักรอบ ๆ เมืองในย่านเหล่านี้
- Oud Zuid และ Zuid เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกพัก เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับ Museumplein (ย่านพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม) เดินไปได้ประมาณ 5-10 นาที มีโฮเทลหลายแห่ง เช่น Stayokay Hostel Amsterdam Vondelpark, The Flying Pig, Hotel City Garden Amsterdam ฯลฯ
- De Pijp Neighborhood มีที่พักพร้อมบรรยากาศดี (ฮิป) หาร้านอาหารง่ายและได้สัมผัสประสบการณ์สถานบันเทิงยามค่ำคืนแบบหลากหลาย
- Oud-West ย่านที่พักมาแรงสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งยังสะดวกเรื่องการเดินทาง เพราะอยู่ห่างจากจัตุรัสดัมสแควร์เพียง 10 นาที มีโรงแรมและโฮลเทลที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น CityHub Amsterdam (แบบตู้นอนส่วนตัว), Hotel De Hallen, Grand Hotel Downtown, Hotel Not Hotel, Amadi Park Hotel, The ED Amsterdam, Hotel No. 377 House, Hotel van de Vijsel, Prinsenhotel หรือ Huygens Place Amsterdam ฯลฯ ลองค้นคำว่า Oud-west ในเว็บไซต์ Booking เพื่อเปรียบเทียบราคาและดูคะแนนรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเพิ่มเติม
- Noord มีที่พักสามารถนั่งเรือข้ามฟากจากสถานีอัมสเตอร์ดัมไปประมาณ 5 นาที เช่น ClinkNOORD ตั้งอยู่ใกล้กับ Eye Film Museum
- Zuidoost ที่พักนอกเมืองสายประหยัด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ติดเรื่องการเดินทาง ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินเพียง 5-10 นาที คุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย 54 เข้าเมืองได้ภายในเวลา 20 นาที มีที่พักน่าสนใจ เช่น a&o Amsterdam Zuidoost, Hostelle – female only hostel (สำหรับผู้เข้าพักหญิงเท่านั้น) Via Amsterdam, Joy Hotel, OZO Hotels Arena Amsterdam, easyHotel Amsterdam Arena Boulevard ฯลฯ ย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของสนามฟุตบอล Johan Cruijff ArenA อีกด้วย
แหล่งชอปปิงและร้านขายของที่ระลึกในอัมสเตอร์ดัม

79. อยากชอปปิงในอัมสเตอร์ดัมต้องไปย่านไหนดี?
การชอปปิงในอัมสเตอร์ดัมเป็นเรื่องที่สะดวกมาก ย่านดัมสแควร์เป็นแหล่งรวมห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง คือ De Bijenkorf และศูนย์การค้า Magna Plaza จำหน่ายสินค้าระดับไฮเอนด์และเครื่องสำอางมากมาย เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากได้เครื่องสำอางแบบไม่ต้องรอพรีออเดอร์ ในย่านดัมสแควร์ยังมีถนนสายชอปปิงหลักสองสาย คือ Kalverstraat และ Leidsestraat
- Kalverstraat: ถนนสายชอปปิงที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ทางขวามือ (หันหน้าเข้าพระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม) มีร้านขายเสื้อผ้าหลายแบรนด์ เช่น Zara, Stradivarius, Bershka, Pull&Bear, Mango, Urban Outfitters, UNIQLO, The Sting Studios ฯลฯ รวมไปถึงร้านขายเครื่องสำอาง เช่น Kiko Milano, Douglas, ICI Paris XL, Etos, Kruidvat และ HEMA
- Leidsestraat: เป็นถนนสายชอปปิงที่อยู่ถัดจากลำคลอง Herengracht ยาวไปจนถึงย่าน Leidseplein ที่นั่นรวมร้านขายเสื้อผ้าไว้เยอะมากไม่แพ้ถนน Kalverstraat รวมไปถึงร้านขายเครื่องสำอาง เช่น M·A·C Cosmetics, Douglas ICI Paris XL ฯลฯ
ย่านถนนเก้าสายเต็มไปด้วยร้านค้าแนววินเทจมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขายสินค้าแฟชั่นประเภทเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าวินเทจ ของเก่าและของใช้ในบ้าน นอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งชอปปิงสุดฮิปอัมสเตอร์ดัมแล้วยังมีร้านอาหารบรรยากาศดีจำนวนมาก เดินเล่นเพลิน ๆ ไปตามลำคลองได้
ย่านยอร์ดานรวมร้านค้าในอาคารจากศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ติดกับย่านถนนเก้าสาย ที่นั้นคุณจะเห็นร้านขายเครื่องประดับหลายแบบ ร้านขายเสื้อผ้า รวมไปถึงร้านขายเหล้าองุ่น และอื่น ๆ อีกมากมาย
80. ราคาสินค้าและบริการรวมภาษีเสมอ (VAT)
การจ่ายเงินผู้คนนิยมจ่ายด้วยบัตรเดบิต ระบบชำระเงินอีคอมเมิร์ช (iDeal) หรือ Apple Wallet ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่รับจ่ายด้วยตัวเลือกดังกล่าวรวมไปถึงเงินสดด้วยธนบัตรใบเล็กและเหรียญ ส่วนธนบัตรใบ €200 หรือ €500 ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กอาจจะไม่รับ หากต้องการจ่ายบัตรเครดิตควรถามทางร้านให้แน่ใจก่อน นอกจากนี้เมื่อคุณซื้อสินค้าราคาและบริการรวมภาษีเสมอ (VAT) ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและการบริการอยู่ที่ 21% และ 9% สำหรับอาหารยาและอื่น ๆ
81. โปรโมชั่นและคำศัพท์น่ารู้
- Korting หมายถึง ส่วนลด เช่น 40% Korting (ลดราคา 40%)
- Gratis หมายถึง ฟรีหรือไม่คิดมูลค่า เช่น 1+1 Gratie (ซื้อ 1 แถม 1)
- Halve prijs หมายถึง ครึ่งราคา เช่น 2e Halve prijs ซื้อชิ้นที่สองลดครึ่งราคา
- Stuks หมายถึง ชิ้น เช่น 2 Stuks (2 ชิ้น)
- Artikel หมายถึง ชิ้นหรือสิ่งของในรายการ เช่น 2e Artikel (ซื้อสินค้า 2 ชิ้นในกลุ่มสินค้าดังกล่าวลดครึ่งราคา)
- Op = Op หมายถึง หมดแล้วหมดเลย ดังนั้นถ้าเห็นสัญลักษณ์นี้แล้วอยากได้ให้รีบวิ่งไปคว้าโดยเร็วเลยค่ะ
82. เที่ยวอัมสเตอร์ดัมซื้อของฝากได้ที่ไหนบ้าง?
ของฝากในอัมสเตอร์ดัมมีจำหน่ายในร้านขายของที่ระลึกทั่วไป ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว (VVV) รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์และซูเปอร์มาร์เก็ต ย่านที่มีของฝากรวมอยู่เยอะ ๆ คือ ตลาดดอกไม้บลูเมนมาร์ค (Bloemenmarkt), ย่านดัมสแควร์บริเวณถนน Damstraat, ร้าน I Amsterdam Store ที่ Museumplein หรือในสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal, ตลาดนัดขนาดใหญ่ Albert Cuypmarkt, Waterlooplein (จัดขึ้นทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์), ตลาด Noordermarkt (วันอาทิตย์และวันจันทร์) และตลาด Lindengracht (วันเสาร์)
ราคาของฝากส่วนใหญ่เป็นราคานักท่องเที่ยว ถ้าซื้อหลายชิ้นอาจจะถูกลง หากอยากได้ราคาที่สมเหตุสมผลแนะนำให้ลองเดินออกจากใจกลางเมืองนิดหนึ่ง ถ้าคุณวางแผนจะซื้อของฝากแนะนำให้เตรียมเงินไปสำรองไว้ประมาณ 30-50 ยูโร ร้านขายของฝากส่วนใหญ่รับจ่ายด้วยรับเงินสด บัตรเดบิต และบัตรเครดิต (ร้านเล็ก ๆ อาจไม่รับบัตรเครดิต) หากต้องการจ่ายด้วยตัวเลือกนี้ควรถามทางร้านให้แน่ใจก่อน
วันหยุดและเทศกาลการเฉลิมฉลองในอัมสเตอร์ดัม

83. การเฉลิมฉลองในอัมสเตอร์ดัมที่ห้ามพลาด
ในอัมสเตอร์ดัมมีการเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาการจัดงานอาจมีเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ สามารถเช็คข้อมูลล่วงหน้าที่เว็บไซต์หลักของผู้จัดงาน กิจกรรมที่ห้ามพลาดเข้าร่วมเมื่อมาเที่ยวอัมสเตอร์ดัม คือ King’s Day จัดขึ้นวันที่ 27 เมษายน เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระมหากษัตริย์ดัตช์ ผู้คนแต่งกายสีส้ม มีการเฉลิมฉลองทั่วเมืองอย่างสนุกสนาน Pride Amsterdam จัดขึ้นประมาณวันที่ 1-6 สิงหาคม เป็นงานเฉลิมฉลองประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของการอุทิศตนเพื่อความเท่าเทียมกันของความหลากหลายทางเพศทั่วเมือง มีการประดับธงตามบ้านเรือน การเดินขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่
84. เล่นสเก็ตที่งาน ICE Amsterdam
ในช่วงฤดูหนาวมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจในกรุงอัมสเตอร์ดัมนั้นก็คือ ICE Amsterdam ตั้งอยู่ในย่าน Museumplein จัดขึ้นประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนถึงสิ้นเดือนธันวาคมของทุกปี ซึ่งมีพื้นที่ลานสเก็ตขนาดใหญ่ที่เปิดให้ผู้คนสามารถเข้ามาเล่นสเก็ตได้อย่างสนุกสนาน มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าและอาหาร ดื่มด่ำกับบรรยากาศในฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาส ใครที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมช่วงฤดูหนาวสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ทางการของ ICE Amsterdam
85. วันหยุดประจำปีในอัมสเตอร์ดัม
- วันขึ้นปีใหม่ (New Year’s Day): วันที่ 1 มกราคม
- วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday): วันที่ 7 เมษายน
- วันอีสเตอร์ (Easter Sunday and Easter Monday): วันที่ 9 และวันที่ 10 เมษายน
- วันเกิดพระมหากษัตริย์ (King’s Day): วันที่ 27 เมษายน
- วันประกาศอิสรภาพ (Liberation Day): วันที่ 5 พฤษภาคม
- วันเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ (Ascension Day): วันที่ 18 พฤษภาคม
- วันเพ็นเทคอสต์ (White Sunday and White Monday): วันที่ 28 และวันที่ 29 พฤษภาคม
- วันคริสต์มาส (Christmas Day and Boxing Day): วันที่ 25 และวันที่ 26 ธันวาคม
86. เทศกาลและการเฉลิมฉลองในอัมสเตอร์ดัมอื่น ๆ
- Nationale Dodenherdenking จัดขึ้นวันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 20:00 น. ที่อนุสรณ์สถานสงครามตรงข้ามจัตุรัสดัมสแควร์ เพื่อลำลึกถึงพลเรือนและสมาชิกกองกำลังติดอาวุธของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ที่เสียชีวิตในสงครามหรือภารกิจรักษาสันติภาพตั้งแต่เริ่มสงครามโลกครั้งที่สอง มีการวางพวงมาลา การยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 2 นาที ส่วนในวันที่ 5 พฤษภาคม จะเป็นการเฉลิมฉลองอิสระภาพจากการยึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
- Vondelpark Open Air Theatre จัดขึ้นราวเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เป็นเทศกาลโรงละครกลางแจ้ง มีการแสดงละคร การเต้นรำ และดนตรีทุกประเภท
- Amsterdam Music Festival จัดขึ้นระหว่างกลางเดือนตุลาคม เทศกาลดนตรีงานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์รวมดีเจที่มีชื่อเสียงไว้หลากหลาย เหมาะสำหรับสายดนตรีเพลงแดนซ์
- Amsterdam Light Festival จัดขึ้นช่วงเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม บริเวณคลองอัมสเตอร์ดัมมีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟคริสต์มาส และแสดงผลงานศิลปะจากศิลปินที่มีชื่อเสียงมากกว่า 200 ชิ้น
- Christmas Tree On Dam Square จัดขึ้นประมาณวันที่ 15 ธันวาคม มีการวางต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ด้านหน้าจัตุรัสดัมสแควร์ พิธีเปิดไฟและจุดไฟต้นคริสต์มาสส่องสว่างทั่วใจกลางเมือง
- Prinsengrachtconcert จัดขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม เป็นเทศกาลดนตรีกลางแจ้งบริเวณริมคลอง Prinsengracht ในอัมสเตอร์ดัม
- Grachtenfestival จัดขึ้นทุกปีในเดือนสิงหาคมประมาณสิบวัน เป็นเทศกาลฤดูร้อนสำหรับดนตรีคลาสสิก แจ๊ส และดนตรีจากวัฒนธรรมอื่น ๆ โดยนักดนตรีรุ่นเยาว์จากทั่วทุกมุมโลก
- SAIL Amsterdam จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 สิงหาคม 2025 (ทุก ๆ 5 ปี) อัมสเตอร์ดัมจะเต็มไปด้วยเรือจำนวนหลายพันลำที่แล่นมาตามแม่น้ำ IJ ก่อนเทียบท่าใกล้ใจกลางเมือง สร้างสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่รอคอยกิจกรรมนี้
เที่ยวนอกเมืองย่านใกล้เรือนเคียงอัมสเตอร์ดัม
88. เที่ยวหมู่บ้านกังหันลม Zaanse Schans
หมู่บ้านกังหันลม Zaanse Schans อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียงครึ่งชั่วโมง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟและรถบัส เหมาะสำหรับการสัมผัสเสน่ห์ท้องทุ่งกังหันลมที่มีชีวิตริมแม่น้ำซานส์ วิธีการเที่ยวที่นี่แบบประหยัดมี 2 วิธี คือ ใช้บัตร Zaanse Schans Card สำหรับเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในหมู่บ้านกังหันลมฟรี เช่น พิพิธภัณฑ์ Zaans, Verkade Experience, World of Windmills, De Kat, ‘t Jonge Schaap, Weavers House, Coopery และ Museum Zaanse พร้อมส่วนลดค่าที่จอดรถ 30% (จาก 10 ยูโร เหลือ 7 ยูโร) บัตรราคา 29.50 ยูโร สามารถใช้ได้ 1 วัน หรือใช้บัตร Zaanse Schans Card + bus ticket รวมค่าตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์และตั๋วรถบัสใช้ได้ตลอดตารางเวลาเดินรถทั้งวันด้วยรถบัสทุกสายของ Connexxion (และ R-net) ในภูมิภาค Zaanstreek (สถานี Amsterdam Central Station – Zaandam – Zaanse Schans) บัตรราคา 38.50 ยูโร
89. หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam & Marken)
หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัม (Volendam & Marken) ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เป็นหมู่บ้านประมงแบบชาวดัตช์แท้ ๆ ที่นั่นมีท่าเรือที่ความสวยงาม บ้านเรือนสร้างขึ้นบนเขื่อนกั้นน้ำ ถ้าไปเที่ยวที่นี่แล้วก็นั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวต่อที่เกาะ Marken ได้อีกด้วย คุณสามารถเดินทางไปที่หมู่บ้านชาวประมงโวเลนดัมด้วยบัตร Amsterdam & Region Travel Ticket, Iamsterdam City Card และ Waterland Day Ticket (Plus) หากวางแผนจะนั่งเรือเฟอร์รี่ Volendam Marken Express ไปที่เกาะ Marken ด้วยสามารถใช้บัตร Iamsterdam City Card นั่งเรือเฟอร์รี่ฟรี (ราคาตั๋วปกติแบบไปกลับ 16 ยูโร เที่ยวเดียว 10 ยูโร สำหรับเด็กอายุ 4-11 ขวบ ลด 50%)
90. เมืองน่าเที่ยวแบบเดย์ทริปจากอัมสเตอร์ดัม
นอกเหนือจากการเที่ยวแบบครึ่งวันจากอัมสเตอร์ดัมแล้ว ยังมีตัวเมืองใหญ่เหมาะสำหรับการเที่ยวแบบเดย์ทริปจากอัมสเตอร์ดัม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
เมืองที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-45 นาที เช่น
เมืองที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีถึง 2 ชั่วโมง เช่น
- กรุงเฮก (The Hague)
- รอตเตอร์ดัม (Rotterdam)
- โกรนิงเงิน (Groningen)
- เดลฟท์ (Delft)
- ไนเมเคิน (Nijmegen)
- ซโวลเลอ (Zwolle)
- หมู่บ้านไร้ถนนกีโธร์น (Giethoorn)
- มาสทริชท์ (Maastricht)
แหล่งข้อมูลวางแผนการท่องเที่ยว
เว็บไซต์เหล่านี้เป็นแหล่งข้อมูลที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำเพื่อวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว และคุณอาจพบว่ามีประโยชน์ในการวางแผนวันหยุดครั้งต่อไป →









﹏